December 06, 2025

เสริมแกร่งทรัพย์สินทางปัญญาด้านดิจิทัล รับยุค AI ปลุกไอเดียสู่เวทีโลก

บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต ในฐานะพันธมิตรหลักอย่างเป็นทางการของสโมสรลิเวอร์พูล ร่วมมือกับ อาริ ฟุตบอล จัดกิจกรรมชมฟุตบอลแมตช์ร่วมลุ้นว่าที่แชมป์ระหว่าง ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ซิตี้ นำโดยคุณสุกัญญา อิสรานุวัฒน์ชัย รองประธานอาวุโส ฝ่ายสื่อสารการตลาดและภาพลักษณ์องค์กร (คนที่ 3จากซ้าย) ให้เกียรติกล่าวเปิดงาน โดยกิจกรรมในครั้งนี้ได้เนรมิตพื้นที่ อาริ ฟุตบอล สาขา วัน แบงค็อก เป็นสนามเชียร์ และยกระดับบรรยากาศการร่วมเชียร์แบบใกล้ชิดติดขอบสนาม  พร้อมสนุกไปกับ Guru Talk จากอินฟลูเอนเซอร์สายกีฬาฟุตบอลแฟนพันธุ์แท้ลิเวอร์พูล อาทิ คุณยักษ์ ดอยแดง, โก๊ะตี๋ และกิฟจัง ที่มาร่วมสร้างความสนุกกับการร่วมชมแมตช์สำคัญ นอกจากนั้น ผู้เข้าร่วมงานยังได้ร่วมกิจกรรมลุ้นรางวัลต่างๆ อีกมากมายภายในงาน พร้อมทั้งอาหารและเครื่องดื่มที่บริการทุกคนตลอดทั้งแมตช์ โดยกิจกรรมดังกล่าวสอดคล้องกับนโยบายหลักของบริษัทฯ ในการมีลูกค้ามาเป็นที่หนึ่ง

ทั้งนี้สำหรับผู้ที่สนใจกิจกรรมลูกค้าเพิ่มเติม สามารถติดตามได้ที่ https://www.krungthai-axa.co.th/ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกิจกรรมต่างๆ และผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ได้ที่ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ โทร.1159 หรืออีเมล This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี เดินหน้าประกาศความสำเร็จบนเส้นทางสู่ “การธนาคารเพื่อความยั่งยืน” ครองอันดับหนึ่งธนาคารที่มีคะแนนด้าน ESG สูงสุดต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 ด้วยคะแนนที่เพิ่มขึ้น 9.59% ในการประเมินนโยบายด้าน ESG ของภาคธนาคารไทย จากการประเมินโดยคณะวิจัยแนวร่วมการเงินที่เป็นธรรมประเทศไทย (Fair Finance Thailand) ประจำปี 2567 ได้คะแนนโดดเด่นในหมวดต่าง ๆ ที่ได้ดำเนินการปฏิบัติเป็นปีแรก หรือการยกระดับมาตรฐานการดำเนินงานด้วยการรับหลักการและมาตรฐานสากลที่ส่งผลต่อการประเมินจนได้รับคะแนนสูงขึ้น คือ หมวดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หมวดสิทธิแรงงาน และหมวดการคุ้มครองผู้บริโภค โดยมีนายกมลพันธ์ ลักษณา หัวหน้าการพัฒนาที่ยั่งยืน ทีเอ็มบีธนชาต เป็นตัวแทนรับรางวัลจากนางสาวสฤณี อาชวานันทกุล หัวหน้าคณะวิจัย แนวร่วมการเงินที่เป็นธรรมประเทศไทย ณ ศูนย์การเรียนรู้ธนาคารแห่งประเทศไทย (Bank of Thailand Learning Center)

ทั้งนี้ แนวร่วมการเงินที่เป็นธรรมประเทศไทย เป็นองค์กรสมาชิกเครือข่ายแนวร่วมการเงินที่เป็นธรรมนานาชาติ (Fair Finance International) มีจุดมุ่งหมาย คือ การผลิตชุดดัชนีและเครื่องมือให้ภาคประชาสังคม และประชาชนในประเทศต่าง ๆ ได้ใช้ในการติดตามและขับเคลื่อนการทำงานด้านการธนาคารที่ยั่งยืนของสถาบันการเงินในแต่ละประเทศ โดยการประเมินคะแนนจะพิจารณาจากเนื้อหานโยบายและแนวปฏิบัติในการลงทุนและการให้บริการทางการเงินของสถาบันการเงินที่เปิดเผยต่อสาธารณะของแต่ละธนาคาร เปรียบเทียบกับมาตรฐานสากลด้านความยั่งยืนที่เกี่ยวข้อง

บริษัท เชียงใหม่โฟรเซ่นฟูดส์ จำกัด มหาชน ชวนทุกคนมาเติมความสุข อร่อยฉ่ำ กับ “Cornista” ข้าวโพดหวานฟรีซดราย รสชาติเข้มข้น หอมหวาน กรอบอร่อย ผลิตจากเมล็ดข้าวโพดหวานแท้ 100% พร้อมประโยชน์หลากหลาย ไฟเบอร์สูงที่ดีต่อระบบขับถ่าย อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ รับรองฟินทุกคำ เคี้ยวเพลินไม่มีหยุด!

มาพร้อมโปรโมชั่นสุดคุ้ม ตลอดเดือนมีนาคมนี้ จากราคาปกติซองละ 20 บาท โปรโมชั่น ซื้อ 2 แถม 1 ทั้ง 2 รสชาติ รสไวท์ช็อกโกแลต และคาราเมลบัตเตอร์ แค่ฉีกซองอร่อยได้ทันที ทุกที่ ทุกเวลา รีบพุ่งตัวไปจัด Cornista ทั้ง 2 รสชาติ มาลองกันได้แล้วที่ Donki  ตั้งแต่วันที่ 1-31 มีนาคม 2568 และ Foodland ตั้งแต่วันที่ 7-19 มีนาคม 2568 ทุกสาขา

กรุงเทพประกันชีวิต เชื่อมั่นในพลังความใส่ใจ ส่งมอบความรักในวันวาเลนไทน์ให้กับสังคมผ่านแคมเปญ “BLA ใส่ใจคนโสด เปิดโหมดแฮปปี้”  จัดคาราวานสร้างความอุ่นใจแบบใจฟูให้คนโสดพร้อมกัน 3 จังหวัด บุก 3 ทำเลทองกรุงเทพฯ สีลม สามย่าน บรรทัดทอง โดยมีพระเอกดาวรุ่ง “เด่นคุณ งามเนตร” ร่วมขบวนสร้างสีสันและความสุขแบบใจละลาย รวมทั้งยังจัดกิจกรรมที่พิษณุโลกและพิจิตรพร้อมของรางวัลมากมาย

นางสาวอรนาฎ นชะพงษ์ ผู้บริหารสายกลยุทธ์การตลาดและบริหารจัดการลูกค้า บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เนื่องในวันวาเลนไทน์ปีนี้ กรุงเทพประกันชีวิตได้จัดกิจกรรมพิเศษเพื่อมอบความรักและตอกย้ำความ “ใส่ใจ” ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ซึ่งนอกจากจะจัดให้พนักงานภายในองค์กรแล้ว ยังได้รณรงค์กับสังคมภายนอกได้โฟกัสที่กลุ่มคนโสดภายใต้แคมเปญ BLA ใส่ใจคนโสด เปิดโหมดแฮปปี้” โดยจัดกิจกรรมพร้อมกัน 3 จังหวัดคือ กรุงเทพฯ พิจิตร และพิษณุโลก

“กรุงเทพประกันชีวิตมีเป้าหมายในการสื่อสารแบรนด์ไปถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ซึ่งเป็นกลุ่มคนวัยทำงานมากขึ้น เพื่อตอกย้ำความใส่ใจ จึงได้จัดกิจกรรมที่สร้างโอกาสพบปะและพูดคุยกับกลุ่มคนเหล่านี้ ซึ่งในวันวาเลนไทน์ปีนี้เราอยากส่งมอบความอบอุ่นให้คนโสด โดยยกขบวนคาราวานเข้าพื้นที่ย่านคนทำงานในกรุงเทพฯ บริเวณสีลม สามย่าน บรรทัดทอง ได้ดึง “เด่นคุณ งามเนตร” นักแสดงหนุ่มเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อส่งต่อความหมายของคำว่า “ใส่ใจ” ซึ่งช่วยสร้างความสนุกสนานและความอบอุ่น เป็นแคมเปญที่ได้รับการตอบรับที่ดีมากค่ะ” นางสาวอรนาฎ กล่าว

สำหรับคาราวาน BLA ใส่ใจคนโสด เปิดโหมดแฮปปี้” จะมีกิจกรรม Free Hug – แจกกอดอุ่นจากพี่บี ชวนให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมถ่ายรูป โพสต์ลงโซเชียล กิจกรรมตามหาคนที่มีสีฟ้าอยู่บนตัว ซึ่งเป็นสีที่สะท้อนความใส่ใจในแบบของ BLA ส่วนที่จังหวัดพิจิตรได้จัดกิจกรรมที่บึงสีไฟซึ่งเป็นจุดพักผ่อนหย่อนใจที่สำคัญ และ จังหวัดพิษณุโลกจัดที่มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม โดยมีนักร้องวัยรุ่นเสียงดี “เจมส์” ธนวัฒน์ สร้อยดี ร่วมสร้างสีสันพร้อมกิจกรรมและของรางวัลร่วมสนุกมากมาย

เตรียมจ่ายคืนทุนส่วนเกินแก่ผู้ถือหุ้น มูลค่า 3 พันล้านเหรียญสิงคโปร์

WONTECH ASIA (วอนเทค เอเชีย) ผู้นำด้านความงามและการแพทย์จากประเทศเกาหลีใต้ ที่เพิ่งเข้ามาตั้งสำนักงานใหญ่ในประเทศไทย พร้อมส่งนวัตกรรม Oligio (โอลิจิโอ้) โปรแกรมยกกระชับผิวหน้าและลำคอ ด้วยคลื่นวิทยุแบบขั้วเดี่ยว มาตีตลาดเมื่อปี 2024 ได้สร้างปรากฏการณ์เขย่าตลาดความงามด้วยยอดขายทะลุเป้าถึง 400 ล้านบาท คิดเป็น 163% ลั่นปีนี้ 2025 ลุยจับมือพันธมิตรที่แข็งแกร่งกับคลินิกความงามทั่วประเทศ เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าต่างจังหวัด และ Aging 40+ ตั้งเป้าปีนี้กวาดรายได้ 800 ล้าน

นายไอแซค จาง ผู้จัดการทั่วไป บริษัท วอนเทค เอเชีย จำกัด เผยว่า นับเป็นความสำเร็จของ Wontech Asia เพียงปีแรกสามารถสร้างยอดขายได้ถึง 400 ล้านบาท เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ถึง 163% ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมั่นใจของลูกค้าทั้งคลินิกความงามและคุณภาพของนวัตกรรม Oligio (โอลิจิโอ้) โปรแกรมยกกระชับผิวหน้าและลำคอ ด้วยคลื่นวิทยุแบบขั้วเดี่ยวที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าในราคาที่จับต้องได้

“บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่คลินิกในไทย ตั้งแต่การให้ข้อมูลเชิงลึก การพัฒนาเทคนิคต่างๆ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพผิวของคนไทย ตลอดจนบริการหลังการขาย เราเชื่อว่านี่คือหัวใจสำคัญที่ทำให้ลูกค้าเลือกวอนเทค เอเชีย แม้จะเป็นปีแรกที่บริษัทแม่ (principle) มาทำตลาดในตลาดไทย แต่จริงๆ แล้วบริษัทเริ่มทำตลาดในไทยผ่านตัวแทนจำหน่าย (Distributor) มากว่า 10 ปี โดยบริษัทมีการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับลูกค้า (Consumer Insight) ควบคู่กับการทำการตลาดกับพาร์ตเนอร์คลินิก รวมถึงสามารถทำราคาและบริการได้อย่างยืดหยุ่น จึงสร้างความมั่นใจให้กับคลินิกในด้านคุณภาพของนวัตกรรมความงามจากเกาหลีที่ได้คุณภาพระดับโลกและความคุ้มค่าด้านราคาที่เข้าถึงได้ ท่ามกลางการแข่งขันอย่างดุเดือดของตลาดความงามไทย”

สำหรับเป้าหมายปี 2025 นายไอแซค ระบุว่า บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 800 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าขยายตลาดในหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศ และขยายตลาดสู่กลุ่ม Aging 40+ ด้วยผลิตภัณฑ์เรือธงอย่าง Oligio (โอลิจิโอ้) โปรแกรมยกกระชับผิวหน้าและลำคอ ด้วยคลื่นวิทยุแบบขั้วเดี่ยว พร้อมนำเสนอเทคนิคใหม่ ช่วยยกกระชับรอบดวงตาและลำตัว ซึ่งตอบโจทย์เทรนด์ความงามในเรื่องของความงามเชิงฟื้นฟูควบคู่การป้องกัน และเตรียมขยายบริการให้ครบวงจรมากยิ่งขึ้น สอดรับเทรนด์ “Luxury Face” และผิวกระจกที่กำลังมาแรงในกลุ่มผู้บริโภค โดยไตรมาสที่ 2 เล็งเปิดตัว Picocare Majesty โปรแกรมเลเซอร์เพื่อแก้ปัญหาผิวที่ลึกกว่าชั้นผิวหนัง ซึ่งโดดเด่นด้วยค่าพลังงานสูงที่ช่วยลดจำนวนครั้งในการรักษา เจาะกลุ่มผู้มีปัญหาเรื่องกระ ฝ้า จุดด่างดำ ซึ่งเป็นกลุ่มตลาดที่ใหญ่และมีโอกาสเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยตั้งเป้าสัดส่วนตลาดต่างจังหวัดเพิ่มจาก 40% เป็น 60%

นางสาวรัตมา กำธรเจริญ ผู้จัดการฝ่ายด้านธุรกิจ บริษัท วอนเทค เอเชีย จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ ยังโฟกัสกลยุทธ์การยกระดับมาตรฐานการฝึกอบรมแพทย์ไทยเพื่อการใช้งานผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้อย่างถูกต้อง โดยจัดโปรแกรมอบรมโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพื่อสร้างความเข้าใจและการใช้งานเครื่องมืออย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด “เราลงทุนในการให้ความรู้และสนับสนุนการวิจัยร่วมกับมหาวิทยาลัยในไทย เพื่อให้มั่นใจว่าแพทย์จะสามารถใช้งานเทคโนโลยีของเราได้อย่างถูกต้อง ปลอดภัย และสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้น และสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งในตลาด”

นอกจากนี้บริษัทฯ ยังขยายสู่ตลาดเครื่องมือแพทย์โดยจับมือกับมหาวิทยาลัยแพทย์ชั้นนำของไทยในการวิจัยเครื่องเลเซอร์รักษาเส้นเลือดขอด และเตรียมส่งแพทย์ไทยไปศึกษาเทคนิคการใช้เครื่องที่ประเทศเกาหลี ซึ่งจะสามารถตอบโจทย์ในเรื่องค่ารักษาที่ถูกลง รวมถึงการให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการฝึกอบรม (Training Center) สำหรับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  พร้อมขยายตลาดในประเทศเพื่อนบ้านอย่างสิงคโปร์ที่เพิ่งได้รับการรับรอง FDA เป็นต้น

บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต จัดงานสัมมนาพิเศษ "MY STYLE CLUB Special" มอบความรู้ด้านกลยุทธ์การลงทุนเชิงลึกสำหรับลูกค้าคนสำคัญ โดยได้รับเกียรติจากผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนชื่อดังระดับประเทศ อาทิ คุณอธิป กีรติพิชญ์ (คุณนิ้วโป้ง) พร้อมผู้บริหารจาก บลจ.ชั้นนำในไทยที่มาร่วมถ่ายทอดประสบการณ์และเคล็ดลับความสำเร็จในการลงทุน พร้อมแนะนำเทคนิคการบริหารความเสี่ยงอย่างชาญฉลาดเพื่อสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงในระยะยาว งานสัมมนาดังกล่าวจัดขึ้นอย่างเอ็กซ์คลูซีฟ ณ ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรม Waldorf Astoria Bangkok โดยมีลูกค้าและฝ่ายขายบริษัทฯ เข้าร่วมงานกว่า 250 คน

ไฮไลท์สำคัญของงาน คือ การเสวนาพิเศษจากผู้บริหารระดับสูงของ 6 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ชั้นนำของประเทศ ได้แก่ คุณเกียรติศักดิ์ ปรีชาอนุสรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนทางเลือก บลจ.กรุงศรี คุณณัฐนนท์ อรัณยกานนท์ Investment Manager Asian Equities บลจ.อเบอร์ดีน คุณนันท์มนัส เปี่ยมทิพย์มนัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บลจ.ไทยพาณิชย์ คุณวิน พรหมแพทย์ ประธานกรรมการบริหาร บลจ.กสิกรไทย คุณอนุชา หล่อทองคำ รองหัวหน้าจัดการลงทุนหลักทรัพย์จัดการกองทุน บลจ.ทิสโก้  ที่ร่วมแบ่งปันมุมมองเชิงลึกเกี่ยวกับแนวโน้มการลงทุนในปี 2025 ท่ามกลางความผันผวนของตลาดการเงินโลก พร้อมนำเสนอกลยุทธ์การจัดพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน และแนะนำผลิตภัณฑ์ยูนิตลิงค์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุนในยุคที่เต็มไปด้วยความท้าทาย

 

นายอามัน คาพัว รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานบริหารตัวแทน ประกันชีวิตและสุขภาพ บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต กล่าวว่า "งาน MY STYLE CLUB Special ในครั้งนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการสร้างความมั่งคั่งและความมั่นคงทางการเงินให้กับลูกค้าของเรา โดยเฉพาะในช่วงเวลาแห่งความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ เราต้องการมอบไม่เพียงแค่ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตและการลงทุนที่มีคุณภาพ แต่ยังรวมถึงความรู้และคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญที่จะช่วยให้ลูกค้าสามารถบริหารจัดการการเงินของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาว"

ด้วยความสำเร็จของงานในครั้งนี้ บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต มีแผนที่จะจัดกิจกรรมในลักษณะเดียวกันนี้อย่างต่อเนื่องตลอดปี 2025 เพื่อเสริมสร้างความรู้และความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าในการวางแผนการเงินและการลงทุนอย่างยั่งยืน

เครือเจริญโภคภัณฑ์ โดยมูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท (ซีพี) และ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ร่วมส่งมอบโครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน แก่โรงเรียนบ้านห้วยไม้หก และโรงเรียนบ้านยางครก เพื่อสร้างเสริมภาวะโภชนาการและสุขภาพของเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร หนุนนักเรียนได้เรียนรู้ทักษะอาชีพติดตัว พร้อมสร้างคลังอาหารยั่งยืนในโรงเรียนและชุมชน โดยมี นายปรีชาพล พูลทวี นายอำเภออมก๋อย เป็นประธานในพิธี ณ โรงเรียนบ้านห้วยไม้หก อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่

นายจอมกิตติ ศิริกุล กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท (ซีพี) เปิดเผยว่า เครือเจริญโภคภัณฑ์ มูลนิธิซีพี และซีพีเอฟ มุ่งขยายโอกาสให้โรงเรียนทั่วประเทศเข้าถึงแหล่งอาหารโปรตีนที่เพียงพอ เพื่อให้นักเรียนมีโภชนาการที่เหมาะสม อันเป็นรากฐานสำคัญของการเติบโตอย่างแข็งแรงและพัฒนาศักยภาพได้อย่างเต็มที่ โครงการเลี้ยงไก่ไข่ฯ ช่วยให้โรงเรียนสามารถจัดหาอาหารกลางวันจากไข่ไก่ที่สดใหม่ มีคุณภาพ ช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย โดยโครงการฯ ไม่เพียงมุ่งเน้นการจัดหาอาหารกลางวัน ยังเป็นสื่อการเรียนรู้พัฒนาทักษะอาชีพด้านเกษตร ผ่านการเลี้ยงไก่ไข่ การบริหารจัดการฟาร์มขนาดเล็ก และการนำผลผลิตไข่ไก่มาจำหน่ายให้แก่ชุมชนในราคาที่เหมาะสม ไปจนถึงการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากไก่ไข่เพื่อใช้บริโภคภายในโรงเรียนเพื่อสร้างรายได้หมุนเวียนกลับคืนสู่โรงเรียนและชุมชนอย่างยั่งยืน (Social Enterprise)

ทางด้าน นายสมคิด วรรณลุกขี ผู้อำนวยการใหญ่ ธุรกิจไก่ไข่ ซีพีเอฟ กล่าวว่า ซีพีเอฟร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการฯ นี้อย่างต่อเนื่องยาวนานกว่า 37 ปี โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทฯมุ่งมั่นนำความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในฐานะผู้นำด้านอุตสาหกรรมและอาหารครบวงจร มาถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีที่ทันสมัยให้แก่นักเรียนและคณะครู เพื่อให้สามารถบริหารจัดการโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน โดยสนับสนุนงบประมาณและบุคลากรอย่างเต็มที่ในการติดตาม ดูแล และให้คำแนะนำด้านวิชาการ ทั้งการเลี้ยงไก่ไข่ตั้งแต่เริ่มต้นเลี้ยงจนถึงปลดแม่ไก่ การจัดการผลผลิต การขายและการตลาดเพื่อให้โรงเรียนสามารถบริหารงานให้มีเงินทุนส่งให้รุ่นต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง

 

"โครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน" ดำเนินการก้าวเข้าสู่ปีที่ 37 และยังคงมุ่งผนึกกำลังร่วมกับภาครัฐและเอกชน ขยายโอกาสการเข้าถึงแหล่งโภชนาการโปรตีนคุณภาพกับโรงเรียนในพื้นที่ห่างไกลอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับการสนับสนุนจากบริษัทในเครือฯ อาทิ เครือเจริญโภคภัณฑ์ เจียไต๋ ซีพีเอฟ ซีพี ออลล์ ซีพี แอ็กซ์ตร้า ทั้ง Makro และ Lotus’s และ ทรู เพื่อส่งต่อคุณค่า สร้างประโยชน์แก่สังคมและประเทศชาติอย่างยั่งยืน ปัจจุบันมีโรงเรียนเข้าร่วมโครงการฯ แล้ว 988 แห่งทั่วประเทศ มีนักเรียนกว่า 223,000 คน และบุคลากรทางการศึกษากว่า 16,500 คน ได้รับประโยชน์จากโครงการฯ

 

ภายในงานมีหน่วยงานร่วมกิจกรรม อาทิ นายประจักษ์ สระแก้ว ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา เชียงใหม่ เขต 5, นายกฤษฎากานต์ จี๋มะลิ ผู้อำนวยการ รร.บ้านห้วยไม้หก, นางสาวปราณี ก๋ายอด ผู้อำนวยการ รร.บ้านยางครก ตลอดจนผู้บริหารหน่วยงานราชการ คณะครู ผู้ปกครอง นักเรียน โดยมีกิจกรรม "CP KIDS CHEF" แข่งขันทำอาหารจากวัตถุดิบไข่ไก่ โดยมี 4 โรงเรียนในพื้นที่ เข้าร่วมแข่งขัน ได้แก่ รร.บ้านห้วยไม้หก รร.บ้านยางครก รร.บ้านห้วยน้ำขาว และ รร.บ้านมูเซอ ทำให้นักเรียนได้คิดสร้างสรรค์เมนูไข่ที่หลากหลาย ช่วยต่อยอดทักษะทางด้านอาชีพแก่นักเรียน

นายสมพงษ์ อัศวบุญมี ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์แลกเปลี่ยนข้อมูล บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT ให้การต้อนรับ นายริชาร์ด มารู รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าและการลงทุนแห่งรัฐเอกราชปาปัวนิวกินี และคณะฯ ในโอกาสเข้าศึกษาดูงานและรับฟังบรรยายเกี่ยวกับการจัดตั้งและบริหารระบบ National Single Window (NSW) ของประเทศไทย ณ ห้องประชุม ชั้น 30 อาคารโทรคมนาคมบางรัก กรุงเทพฯ

การเยือนของรัฐมนตรีและคณะฯ ในครั้งนี้ มุ่งเน้นไปที่ประสบการณ์และแนวปฏิบัติของไทยในการจัดตั้ง และบริหารระบบการบริการเชื่อมโยงข้อมูลการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคธุรกิจ โดยเป็นการต่อยอดจากการศึกษาดูงานของผู้บัญชาการสำนักงานศุลกากรรัฐปาปัวนิวกินีที่กรมศุลกากร บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เมื่อวันที่ 21 - 27 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา

NT ในฐานะองค์กรผู้ให้บริการระบบ NSW หรือ NT NSW Operator ซึ่งเป็นระบบกลางการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว เชื่อมโยงข้อมูลหน่วยงานภาครัฐและภาคธุรกิจด้านการนำเข้า ส่งออก นำผ่านและโลจิสติกส์ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการสามารถทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคธุรกิจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ลดการใช้เอกสาร ลดขั้นตอนการดำเนินงาน และเพิ่มความสะดวกในการทำธุรกรรม ปัจจุบัน NT ได้พัฒนาระบบ NSW อย่างต่อเนื่อง โดยขยายความเชื่อมโยงกับหน่วยงาน ภายในประเทศและระหว่างประเทศมากขึ้น มีปริมาณการแลกเปลี่ยนเอกสารอิเล็กทรอนิกส์มากกว่า 12 ล้านฉบับ   ต่อเดือน มีผู้ใช้งานกว่า 15,000 ราย และหน่วยงานภาครัฐที่เข้าร่วมกว่า 34 หน่วยงาน  นอกจากนี้ ระบบ NSW ของไทยยังมีการเชื่อมโยงข้อมูลกับ ASEAN Single Window (ASW) เพื่อสนับสนุนการค้าระหว่างประเทศในภูมิภาคอาเซียน รวมถึงมีการเชื่อมต่อกับภูมิภาคอื่น ๆ ผ่าน IPPC Hub (The International Plant Protection Convention) ซึ่งเป็นศูนย์กลางแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการกักกันพืชระดับสากล

การเยือนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าและการลงทุนแห่งรัฐเอกราชปาปัวนิวกินีและคณะฯ ในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการเตรียมการจัดตั้งระบบ Single Window ของปาปัวนิวกินีในปี 2568 และเป็นโอกาสในการกระชับความร่วมมือด้านการจัดตั้งและบริหารระบบ NSW ระหว่างสองประเทศต่อไป

X

Right Click

No right click