December 06, 2025

ปี 2567 ที่ผ่านมา SME หลายเจ้าปล่อยสินค้าของดีของเด็ดให้เลือกมากมาย และเช่นเคย เซเว่นฯ จะมารวบรวมลิสต์สินค้า SME สุดปัง ฮิตติด Best Seller ที่ขาช้อปตัวยงต้องซื้อติดบ้าน เซเว่น อีเลฟเว่นในฐานะผู้ให้การสนับสนุนและส่งเสริมผู้ประกอบการ SME ในทุกมิติ เปิด 7 สินค้า SME ดีจนต้องบอกต่อ ยอดขายปังทะลุ 100 ล้าน ที่สู้ไม่ถอยสามารถปั้นรายได้พุ่ง เติบโตต่อเนื่อง ก้าวสู่ SME ยุคใหม่ ที่โตไกลไปด้วยกันกับเซเว่นฯ

7 สินค้า SME ดีจนต้องบอกต่อ ยอดขายปังทะลุ 100 ล้าน

  1. ชุดรวมขนมทองมงคล จาก “ขนมไทยบ้านทองหยอด”

กลายเป็นสินค้าได้รับความนิยมในหมู่คนไทยสายบุญ สายมู โดยชุดรวมขนมทองมงคล ถูกรังสรรค์ ขนาดไซส์มินิ น้ำหนักเบา ราคาเพียง 27 บาท โดดเด่นด้วยแพ็คเกจที่ทันสมัยออกแบบเพื่อให้สะดวกในการรับประทาน เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบรับประทานเอง หรือทำบุญในวาระต่างๆ พิธีไหว้บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ตามความเชื่อของคนไทย ซึ่งประกอบไปด้วย ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง และเม็ดขนุน จุดเด่นของชุดรวมขนมทองมงคล  เป็นการรวมขนมไทย 4 อย่างไว้ใน 1 กล่อง และผลิตสดใหม่ ใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ ผ่านการผลิตระดับมาตรฐาน GHP&HACPP ที่ควบคุมให้ขนมสดใหม่ อร่อย กลมกล่อม กลิ่นหอมตามสูตรที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น สามารถดันยอดขายให้ ขนมไทยบ้านทองหยอด ทะลุ 100 ล้าน ปัจจุบันเป็นที่นิยมอย่างมาก ยิ่งหาซื้อได้ง่ายในร้านเซเว่น อีเลฟเว่นทั่วประเทศได้ ก็ยิ่งการันตีความปัง

  1. ผักโขมอบชีส “รีโอส์ เดลิ” แบรนด์นี้คุณแม่ปลื้มทำให้เรื่องทานผักเป็นเรื่องง่าย

ขอต้อนรับเข้าสู่วงการอาหารอิตาเลียนที่เข้าถึงง่ายมากกับ ผักโขมอบชีส รีโอส์ เดลิ เมนูระดับภัตตาคารสู่เซเว่นฯ ที่รสชาติดี มีคุณประโยชน์ และราคาที่เข้าถึงง่าย บรรจุในถาดเยื่อพืชย่อยสลายได้ในไซส์ที่กำลังอิ่มพอดี ขนาด 100g โดยมีจุดเด่นที่ทำให้ยอดขายปัง 3 หลักการด้วยกัน 1.วัตถุดิบคุณภาพดีที่ผ่านการคัดเลือก  ผักโขมปลอดภัย ผสมกับชีสแท้ๆ เกรดนำเข้า 2.นวัตกรรมการผลิตและรสชาติที่ตอบโจทย์คนไทย ใช้กระบวนการ No-bake process ที่ทำให้หลังอุ่นไมโครเวฟชีสยืดเหมือนสินค้าที่ทำในบ้าน 3.แพ็คเกจจิ้งใช้งานง่าย เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม บรรจุภัณฑ์ถาดเยื่อพืชที่สามารถลดพลาสติกลงได้ 90% ตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มแม่และเด็ก ที่คุณแม่ต้องการให้ลูกๆ ทานผัก ในขณะที่ลูกๆ กลับมองว่าเป็นการทานชีส จึงเกิดเป็นทางออกที่ win win ทั้งคู่

  1. กิมจิผักกาดขาว “คิงเชฟ” เครื่องเคียงตัวดัง สูตรต้นตำรับ ที่สายเกาหลีเกาใจเลิฟมาก

ยังคงอยู่ในหมวดหมู่อาหารนานาชาติ โดนใจสายเกากับ กิมจิผักกาดขาว ในรูปแบบซองพรีเมียมโดดเด่นด้วยสีเขียวสะท้อนแสง ด้วยคอนเซ็ปต์ “ฉีกปากถุง วางตั้ง ตักได้เลย” สามารถทานได้ทุกที่ทุกเวลา แม้แต่ทานในรถก็ยังสะดวก โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีการถนอมอาหารที่สามารถเก็บในบรรจุภัณฑ์ได้ถึง 90 วัน ซึ่งจุดเด่นของคิงเชฟ คือ รสชาติจากสูตรต้นตำรับของประเทศเกาหลี แต่นำมาพัฒนารสชาติให้จัดจ้านถูกปากคนไทย สามารถเลือกรับประทานได้หลายหลายโอกาส โดยลูกค้าเซเว่นส่วนใหญ่ซื้อติดบ้าน บ้างก็ทานเป็นเครื่องเคียงทาน ทานเล่นเป็นของว่าง หรือ นำไปปรุง เช่น คลุกหรือผัดกับข้าว ใส่ในอาหารจานด่วน ใส่ในบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป หรือ ทำเป็นซุปกิมจิ ก็ง่าย สะดวก กิมจินอกจากดีสุขภาพรสชาติดี ยังช่วยส่งเสริมด้านการขับถ่าย มีโพรไบโอติกอีกด้วย

  1. เกรนเน่ย์ กราโนล่าบาร์ สแน็กแบบแท่ง สุขภาพดีเอื้อมถึงได้

สแน็กเพื่อสุขภาพจากข้าวและธัญพืช ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเจ้าของแบรนด์เกรนเน่ย์ (Grainey)  เจิ้น-โสรัจ มหรรณพกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟูลเกิ้ล จำกัด จากที่เคยน้ำหนักมากถึง 130 กิโลกรัม ตอนนั้นเรียนอยู่ที่อเมริกา เห็นว่าตัวเลือกในการลดน้ำหนักที่นั่นมีมากมาย ทั้งน้ำ โปรตีน และขนม เมื่อเลือกกินของเพื่อสุขภาพผสานกับการออกกำลังกาย สามารถลดน้ำหนักได้ภายในระยะเวลา 6 เดือน พอกลับมาเมืองไทย จึงเห็นโอกาสในการทำขนมเพื่อสุขภาพ จุดเริ่มต้นมาจากข้าวป๊อป จากนั้นมาพัฒนาให้รสชาติเข้าถึงคนไทย จนมีโอกาสเข้ามาจำหน่ายในเซเว่นฯ ก็ได้รับคำแนะนำให้ผลิตแบบแท่งในราคาเบาๆ 10 บาท เพื่อควบคุมคุณภาพได้ และราคาที่จับต้องได้ ปัจจุบันพัฒนาสูตรตัวแบบแท่งจนเป็นสินค้าขายดีในเซเว่นฯ อย่าง เกรนเน่ย์ กราโนล่าบาร์ ช็อคโกแลตชิพ อัลมอนด์ 25 กรัม และ เกรนเนย์ กราโนล่าบาร์ ไวท์ช็อคแครนเบอร์รี่ 25 กรัม ราคา 15  บาท ตัวเด็ดอีกตัวมัดใจชาว Gen Z, Alpha, First Jobber สามารถทานทุกวันได้มีประโยชน์ต่อสุขภาพ

 

  1. ชินเซน น้ำส้มคั้น 100% คั้นสดจากใจใคร ๆ ก็ดื่มได้

ตามมาตำเครื่องดื่มที่เพิ่มความสดชื่นกันบ้าง กับน้ำส้มแบรนด์ SME ไทย แต่ชื่อญี่ปุ่น โดย Shinsen (ชินเซน)  เป็นภาษาญี่ปุ่น แปลว่า สดชื่น ผลิตจากส้มหลากหลายสายพันธุ์ หลายเบอร์ เพื่อเบลนด์รสชาติให้กลมกล่อมยิ่งขึ้น ด้วยเมืองไทยเป็นเมืองร้อน ที่หลายคนต้องการเพิ่มความสดชื่น “น้ำส้ม” จึงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ลูกค้าคว้าติดมือ ที่สำคัญตอบโจทย์สายรักสุขภาพที่ต้องการวิตามินซี รสชาติสดเหมือนคั้นดื่มเองที่บ้าน อีกหนึ่งเทคนิคความอร่อย ยิ่งเก็บในตู้เย็นเพิ่มความสดชื่นและยังรักษาไว้ได้นาน เพราะมีอายุ Shelf Life นานถึง 2 สัปดาห์ ผลิตโดย บริษัท ยูชิ เอฟ แอนด์ บี จำกัด มุ่งช่วยเหลือเกษตรกรไทยให้มีรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยนำผลไม้ไทยมาแปรรูปด้วยนวัตกรรมจากญี่ปุ่น ใส่ใจทุกขั้นตอนการผลิต สะอาด ปลอดภัย ตรวจสอบคุณภาพก่อนถึงมือลูกค้า และยังคงพัฒนาสินค้าใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคสายสุขภาพให้ดียิ่งขึ้นไป

  1. พยัคฆ์ เครื่องดื่มรสชาไทยผสมนม อร่อยเข้มหอมชาหวานน้อยในรูปแบบขวด

ชมรมคนรัก “ชาไทย” ต้องติดใจ! กับแบรนด์คนไทย ชื่อไทยๆ ว่า “พยัคฆ์” มากับโลโก้หัวเสือ ดูมีมนต์ขลัง แต่ราคาน่ารัก 20 บาท ดื่มเย็นๆ จากขวดก็สดชื่น ได้รสชาติเข้มข้น กลิ่นชาเตะจมูก หรือจะเทใส่น้ำแข็งก็หวานหอมกลมกล่อม สินค้าเกิดจากเจ้าของแบรนด์คุณธิติ พัววรานุเคราะห์ CEO บริษัท เก้าหมิง กรุ๊ป จำกัด ที่ชื่นชอบการดื่มชาเป็นชีวิตจิตใจเห็นถึงปัญหาการรอต่อคิวชงทีละแก้ว และการคงรสชาติแบบหวานน้อยให้คงที่ทุกขวด รวมถึงแบบขวดสามารถซื้อเก็บไว้ได้ อยากดื่มตอนไหนก็สะดวก ทำให้ได้รับความนิยมเป็นกระแสบอกกันแบบปากต่อปากในโลกโซเชียล ส่งผลให้ชาไทยพยัคฆ์ได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างรวดเร็ว โดยความสำเร็จเกิดจากความตั้งใจในมาตรฐานการคัดเลือกวัตถุดิบ กระบวนการผลิต มีความสะอาด และทุกขวดรสชาติคงที่ ที่สำคัญมีลูกค้าประจำ จนเกิดการแนะนำ และกลายเป็น marketing tool ที่ดีที่ทำให้สินค้ามีความยั่งยืน 

 

  1. ทรีทเมนต์กรีนไบโอ ซองสีน้ำเงิน จากตัวตึงร้านขายส่งและร้านเสริมสวย สู่ตัวจี๊ดในเซเว่นฯ

ไอเทมสุดท้าย เอาใจสายบิวตี้กันบ้างกับทรีทเมนต์บำรุงผมแบบซอง ทรีทเมนต์ กรีนไบโอ ซองสีน้ำเงินโดดเด่นไม่ซ้ำใคร ผลิตโดยบริษัท วีชมาร์ต จำกัด ซึ่งก่อนหน้านี้แบรนด์ถือเป็นขวัญใจช่างทำผม และร้านค้าส่ง ได้วางจำหน่ายรูปแบบซองในเซเว่นฯ เมื่อปี 2564 จากคำแนะนำจากผู้บริหารเซเว่นฯ ให้ผลิตกล่องบรรจุจำนวน 6 ซอง เพื่อวางขายบนเชลฟ์ง่ายขึ้น และหากลูกค้าซื้อยกกล่องก็พกง่ายดี ที่ได้รับความนิยมไม่เคยแผ่ว เนื่องจากคุณภาพสินค้าที่ได้รับการยอมรับ หลายคนใช้แล้วเห็นผลลัพธ์ตั้งแต่ครั้งแรก สินค้าเหมาะสำหรับผมที่ผ่านการหนีบ ยืด ดัด ทำสีมาอย่างหนักหน่วง ทำให้ผมนุ่ม ลื่น ลดผมแตกปลาย ลดการชี้ฟู มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ผู้ชายใช้ได้ ผู้ใหญิงใช้ดี ฐานลูกค้าตอนนี้ครอบคลุมไปต่างประเทศแล้ว อาทิ มาเลเซีย  อินโดนีเซีย สิงคโปร์ จีน ฮ่องกง ไต้หวัน ที่สำคัญ ทรีทเมนต์กรีนไบโอ เป็นสินค้า Best Seller ในเซเว่นฯ ที่นักท่องเที่ยวเลือกซื้อเป็นของฝากในอันดับต้นๆ โดย คุณศิรดา ศรีประเสริฐ ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายขาย บริษัท วีชมาร์ต จำกัด เจเนอเรชันที่ 2 ฝากไว้ว่า เราพยายามทำสินค้าให้ถูกและดี มีคุณภาพ ทุกคนเข้าถึงได้ และคงราคาให้ย่อมเยาอยู่เสมอ เพื่อคนไทยค่ะ”

ทั้งหมดนี้คือ 7 สินค้า SME ดีจนต้องบอกต่อ ยอดขายปังทะลุ 100 ล้าน ที่สามารถปั้นแบรนด์จนเป็นที่รู้จักทั้งไทยและต่างชาติ สามารถนำแบรนด์ไปได้ไกลและยั่งยืน ที่สำคัญยังเข้าใจเข้าถึงผู้บริโภค ตอบโจทย์กับความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ และรักษาลูกค้าเดิมเอาไว้ สู่ความสำเร็จในระยะยาว สำหรับกุญแจสำคัญในความสำเร็จ คือ ทุกแบรนด์ให้ความสำคัญกับ คุณภาพ ราคา และนวัตกรรมเพื่อยกระดับมาตรฐานการผลิตระดับสากล จนเป็นที่ยอมรับว่าแบรนด์ไทยสามารถแข่งขันและเติบโตในตลาดที่มีการแข่งขันสูงได้

ทรู คอร์ปอเรชั่น ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการปกป้องประชาชนจากภัยมิจฉาชีพคอลเซ็นเตอร์ เดินหน้าร่วมมือกับสำนักงาน กสทช. และหน่วยงานความมั่นคงอย่างใกล้ชิด ล่าสุดลงพื้นที่ตรวจสอบสถานีฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่และจุดเชื่อมต่อระหว่างประเทศ (POI – Point of Interconnection) บริเวณด่านสะเดา จังหวัดสงขลา พร้อมดำเนินการตามมาตรการระงับบริการโทรคมนาคมบริเวณแนวชายแดนที่มีความเสี่ยง เผยนำ “True CyberSafe” ปกป้องลูกค้าทรูและดีแทคหยุดเสี่ยงลิงก์มิจฉาชีพ

นายจักรกฤษณ์ อุไรรัตน์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกิจการองค์กร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า "ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นภัยที่ต้องการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทรูพร้อมสนับสนุนรัฐบาล กสทช. และหน่วยงานด้านความมั่นคง เพื่อช่วยปิดกั้นเส้นทางของมิจฉาชีพ ลดความเสียหายต่อประชาชน และสร้างระบบโทรคมนาคมที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน เราขอยืนยันที่จะสนับสนุน กสทช. ซึ่งที่ผ่านมาเสาทรู และดีแทคที่อยู่ตามแนวชายแดน ได้ตัดสายสื่อสารและระงับสัญญาณเป็นที่เรียบร้อยตามคำสั่ง กสทช."

ทรู คอร์ปอเรชั่น เดินหน้าสนับสนุนมาตรการของสำนักงาน กสทช. ในการป้องกันการลักลอบใช้สัญญาณโทรศัพท์มือถือโดยแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตามแนวชายแดน โดยได้ดำเนินการระงับสัญญาณและรื้อถอนอุปกรณ์สื่อสารในพื้นที่เสี่ยงครอบคลุม 7 จังหวัด 11 อำเภอ เมื่อมิถุนายนปีที่ผ่านมา พร้อมล่าสุดเดินหน้ารื้อถอนเสาเพิ่มเติมอีก 10 แห่งในจังหวัดตาก และดำเนินการร่วมมือต่อไปอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ ภายหลังการรื้อถอนแล้วเสร็จ ทีมงานจะลงพื้นที่สำรวจคุณภาพสัญญาณและรับฟังความคิดเห็นจากชุมชน พร้อมวางแผนติดตั้งสถานีฐานขนาดเล็ก (Small Cell) เพื่อทดแทนและรักษาคุณภาพการให้บริการแก่ประชาชนในพื้นที่ให้มีประสิทธิภาพเช่นเดิมและอยู่ภายใต้มาตรการของ กสทช.

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้เปิดตัวบริการ "True CyberSafe" เพื่อปกป้องลูกค้าทรูและดีแทคจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ โดยสามารถสกัดลิงก์และ URL เสี่ยงภัยได้โดยอัตโนมัติ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้บริการในการทำธุรกรรมออนไลน์

การดำเนินการครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของทรู คอร์ปอเรชั่น ในการร่วมมือกับภาครัฐและ กสทช.เพื่อยกระดับมาตรการป้องกันและปราบปรามขบวนการคอลเซ็นเตอร์มิจฉาชีพ ซึ่งถือเป็นภัยร้ายแรงต่อระบบเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ

บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต ร่วมกับรายการ The First Ultimate จัดกิจกรรม Big Trip in Khao Yai ภายใต้แคมเปญ “The First Ultimate Big Fan by กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต ปีที่ 4” นำโดย คุณสุกัญญา อิสรานุวัฒน์ชัย รองประธานอาวุโส ฝ่ายสื่อสารการตลาดและภาพลักษณ์องค์กร บริษัท กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต (คนที่ 5 จากขวา แถวหน้า) ให้เกียรติกล่าวต้อนรับลูกค้าและเปิดงาน โดยกิจกรรมสุดพิเศษเป็นการมอบประสบการณ์ให้ลูกค้าคนสำคัญ ได้สนุกไปกับทริปแบบเอ็กซ์คลูซีฟตลอด 3 วัน 2 คืน อาทิ เยี่ยมชมไร่องุ่นกราน-มอนเต้ ที่ได้เรียนรู้การปลูกองุ่น การชิมไวน์และการแพร์ริ่งขั้นพื้นฐานจากผู้เชี่ยวชาญอย่างใกล้ชิด พร้อมเข้าพักในโรงแรมสุดหรูสไตล์อังกฤษ โรงแรม Thames Valley Khao Yai ที่โอบล้อมด้วยบรรยากาศภูเขา พร้อมทั้งท่องเที่ยวทุ่งดอกไม้ Hokkaido Flower Park หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสไตล์ญี่ปุ่นสุดฮิต และจัดเต็มมื้ออาหารตลอดทริปไปกับร้านอาหารชื่อดัง เช่น  ร้าน VinCotto Restaurant ร้าน Ribs Mann ร้าน Nina’s Khaoyai ที่ได้รับการันตีความอร่อยจาก Michelin Guide บิบ กรูมองต์ 2024-2025 รวมถึงร่วมสักการะไหว้พระ เพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลที่วัดป่าภูหายหลง ปิดท้ายทริปแห่งประสบการณ์ด้วยกิจกรรมเวิร์กชอปที่ร้าน Chocolate Factory ร้านคราฟท์ช็อกโกแลตพรีเมียม สไตล์ยุโรปชื่อดัง โดยภายในงานลูกค้าได้รับความสุข สนุกสนานตลอดกิจกรรม นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้ให้คำแนะนำด้านการวางแผนสุขภาพผ่าน “แบบประกันโรคร้ายโซชิลด์” ที่ครอบคลุมถึง 10 โรคร้ายแรง คุ้มครองถึงอายุ 99 ปี ด้วยวงเงินรักษาสูงสุด 10 ล้านบาท* โดยกิจกรรมดังกล่าวตอกย้ำนโยบายหลักของบริษัทฯ ที่มีลูกค้ามาเป็นที่หนึ่ง และเคียงข้างทุกความเชื่อมั่น ดูแลกันตลอดไป

สำหรับผู้ที่สนใจกิจกรรมดีๆ ของบริษัทฯ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมแบบประกันโรคร้ายโซชิลด์ สามารถติดต่อได้ที่ตัวแทนที่ให้บริการท่าน หรือ ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ โทร. 1159 หรือ อีเมล This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

หมายเหตุ: เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

ธนาคารกสิกรไทย จับมือธนาคารชิซูโอกะ ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฉบับใหม่ ยกระดับบริการทางการเงินระหว่างประเทศ สนับสนุนนักลงทุนญี่ปุ่นที่ต้องการขยายธุรกิจในภูมิภาค AEC+3 และการสนับสนุนนักลงทุนจากภูมิภาค AEC+3 ที่ต้องการขยายธุรกิจไปยังญี่ปุ่น พร้อมขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาคอย่างยั่งยืน ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านบริการทางการเงินระดับภูมิภาคของธนาคารกสิกรไทย

นายพิพิธ เอนกนิธิ ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารกสิกรไทยดำเนินยุทธศาสตร์ด้านธุรกิจต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยให้ความสำคัญเชิงกลยุทธ์ในการประสานความร่วมมือกับพันธมิตรในท้องถิ่น เพื่อการต่อยอดบริการรองรับการทำธุรกรรมและธุรกิจของลูกค้าในภูมิภาค AEC+3 โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่น ถือเป็นหนึ่งในประเทศคู่ค้าที่สำคัญและมีมูลค่าการลงทุนในประเทศไทยสูงเป็นอันดับหนึ่ง โดยบริษัทญี่ปุ่นมักขยายการลงทุนเป็นลำดับขั้น โดยเริ่มจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ตามด้วยประเทศไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย และประเทศอื่น ๆ ในอาเซียน

นายมิโนรุ ยางิ ประธานผู้บริหาร ธนาคารชิซูโอกะ กล่าวเพิ่มเติมว่า ญี่ปุ่นเผชิญกับความท้าทายทางสังคมหลายประการ รวมถึงประชากรที่ลดลงและสังคมผู้สูงอายุ และจังหวัดชิซูโอกะก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ภายใต้แผนการจัดการระยะกลางฉบับแรกของเรา ธนาคารชิซูโอกะมุ่งหวังที่จะสร้างสมดุลระหว่างการสร้างคุณค่าทางสังคม และการเพิ่มคุณค่าขององค์กร โดยการแก้ไขปัญหาที่สำคัญในภูมิภาคด้วยหัวข้อ สังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม ในบริบทนี้ เป็นที่ชัดเจนว่ามุมมองข้ามพรมแดนและความร่วมมือกับประเทศต่างๆ ที่เชื่อมโยงกันมากขึ้นมีความสำคัญ บันทึกความเข้าใจฉบับนี้เป็นข้อพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นร่วมกันของเราในการใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของเราและให้บริการที่ดียิ่งขึ้นแก่ภูมิภาคและลูกค้าในทั้งญี่ปุ่นและไทย เรามั่นใจว่าด้วยการนำทางความซับซ้อนของการเงินโลกและการพัฒนาความร่วมมือของเรา เราสามารถเปิดโอกาสใหม่ๆ สำหรับความสำเร็จ

 

ล่าสุด ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารชิซูโอกะ ซึ่งเป็นธนาคารชั้นนำของญี่ปุ่น  มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนเศรษฐกิจท้องถิ่น โดยมีเครือข่ายสาขาครอบคลุมทั่วทั้งจังหวัดชิซูโอกะและเมืองสำคัญต่างๆ รวมถึงโอซาก้า นาโกย่า และโตเกียว จึงได้ต่อยอดความร่วมมือระหว่างกัน โดยการร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ฉบับใหม่ เพื่อขยายความร่วมมือในการยกระดับบริการทางการเงินระหว่างประเทศของธนาคาร ให้เป็นความร่วมมือแบบสองทาง (Two-way collaboration) ผ่านการผสานจุดแข็งของทั้งสองสถาบันการเงิน เพื่อครอบคลุมการทำงานที่สำคัญ 3 ด้าน ได้แก่ 1.การแลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงลึกด้านการตลาดและการลงทุน 2.การนำเสนอและพัฒนาผลิตภัณฑ์ และบริการทางการเงินรูปแบบใหม่ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าธุรกิจในยุคดิจิทัล 3.การแลกเปลี่ยนบุคลากรระหว่างสองสถาบันเพื่อพัฒนาศักยภาพในการให้บริการ เพื่อให้ทั้งสองธนาคารมีความพร้อมที่จะส่งมอบบริการที่ตอบสนองความต้องการของพันธมิตรและภาคธุรกิจได้อย่างตรงจุด โดยมุ่งให้การสนับสนุนนักลงทุนญี่ปุ่นที่ต้องการขยายธุรกิจในภูมิภาค AEC+3 และให้การสนับสนุนนักลงทุนจากภูมิภาค AEC+3 ที่ต้องการขยายธุรกิจไปยังญี่ปุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดที่มีศักยภาพสูง เช่น เวียดนาม อินโดนีเซีย และจีน

นายพิพิธ กล่าวเพิ่มเติมว่า ความร่วมมือระหว่างธนาคารกสิกรไทยและธนาคารชิซูโอกะ ดำเนินมาตั้งแต่ปี 2554 โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สามารถสนับสนุนบริษัทญี่ปุ่นกว่า 100 แห่ง ในการจัดตั้งธุรกิจในประเทศไทย พร้อมให้บริการลูกค้าธุรกิจกว่า 200 ราย ครอบคลุม 7 ประเทศและเขตเศรษฐกิจ ได้แก่ ไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย กัมพูชา ลาว จีน และฮ่องกง ที่ธนาคารกสิกรไทยมีสาขาอยู่ รวมถึงกรณีที่ลูกค้าของธนาคารกสิกรไทยจากแต่ละประเทศที่ต้องการจะขยายการลงทุนหรือธุรกิจไปยังประเทศญี่ปุ่น ธนาคารกสิกรไทยเชื่อมั่นว่าการยกระดับความร่วมมือกับธนาคารชิซูโอกะครั้งนี้ จะตอบโจทย์การลงทุนและการค้าในอาเซียนที่เปลี่ยนแปลงไปได้ดียิ่งขึ้น ร่วมขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาคอย่างยั่งยืน ตอกย้ำความมุ่งมั่นของธนาคารกสิกรไทยในการเป็นผู้ให้บริการทางการเงินชั้นนำแห่งภูมิภาค AEC+3

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) มอบข้อเสนอพิเศษสำหรับลูกค้าที่สมัครสินเชื่อ Krungsri iFIN ผ่าน krungsri app ในระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2568 - 30 มิถุนายน 2568 โดยได้รับอนุมัติและรับเงินกู้ ตั้งแต่ 300,000 บาทขึ้นไป ภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2568 และมีการชำระค่างวดสินเชื่อสถานะปกติ รับเงินคืน (Cash back) มูลค่า 1,000 บาท

ผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดและเงื่อนไขเพิ่มเติมได้ที่ https://www.krungsri.com/th/promotions/personal/krungsri-ifin 

หมายเหตุ: กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว | อัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกปกติ 21% - 25% ต่อปี*

*ศึกษารายละเอียด เงื่อนไข และอัตราดอกเบี้ยพิเศษเพิ่มเติมที่ www.krungsri.com

สร้างมาตรฐานใหม่ในนวัตกรรมผมกลอสซี่ เล่นแสง สุขภาพดีราวกับเข้าซาลอน

ฮุนได โมบิลิตี้ ประเทศไทย เปิดตัว IONIQ 5 N Line รุ่นปี 2025 เสริมไลน์อัป IONIQ 5 เจ้าของรางวัลระดับโลกด้วยดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้น ผสานกับการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ พัฒนาไดนามิกการขับขี่ด้วยแบตเตอรี่ใหม่ การเปิดตัวรุ่น N Line ยังเป็นก้าวสำคัญของฮุนไดในการนำสุนทรียศาสตร์การออกแบบจากมอเตอร์สปอร์ตมาสู่กลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า ตอบโจทย์ผู้ที่มองหาทั้งดีไซน์สปอร์ตและความอเนกประสงค์ในหนึ่งเดียว

นายเจ กิว จอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮุนได โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “N Line คือการออกแบบพิเศษของฮุนไดเพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจมากขึ้นสำหรับรถไฟฟ้า โดยฮุนไดมุ่งทลายข้อจำกัดของการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ผ่านการนำเสนอนวัตกรรม สมรรถนะ และการออกแบบที่ล้ำสมัย ซึ่งรถยนต์ในรุ่น N Line ยังเป็นมากกว่าความสวยงาม เพราะผสมผสานทั้งองค์ประกอบดีไซน์แนวสปอร์ต ในขณะเดียวกันยังคงความสะดวกสบายสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมืองหรือเดินทางไกลบนทางหลวง IONIQ 5 N Line จึงเป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสความเร้าใจในชีวิตประจำวัน”

 

IONIQ 5 N Line เปี่ยมพลังและนวัตกรรมที่ดีขึ้น

การอัปเกรดครั้งสำคัญของ IONIQ 5 N Line ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ด้วยชุดแบตเตอรี่แบบใหม่ขนาด 84.0 กิโลวัตต์ชั่วโมง เพิ่มระยะทางการขับขี่ได้สูงสุดถึง 530 กม. (จากเดิม 481 กม. ในแบตเตอรี่ขนาด 72.6 กิโลวัตต์ชั่วโมง) มอบประสิทธิภาพและความมั่นใจในการเดินทางที่ไกลขึ้น นอกจากนี้ดีไซน์ภายนอกยังได้รับการออกแบบใหม่เพื่อให้ดูสปอร์ต ด้วยดีไซน์ด้านหน้าอันเป็นเอกลักษณ์ พร้อมกันชนหน้า-หลัง และล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว ที่ออกแบบใหม่เฉพาะรุ่น N Line เพื่อเพิ่มสมรรถนะด้านอากาศพลศาสตร์

ภายในห้องโดยสารของ IONIQ 5 N Line ผสานความสปอร์ตและความสะดวกสบายระดับพรีเมียมอย่างลงตัว พวงมาลัยหุ้มหนังฉลุลายพร้อมตะเข็บด้ายแดง เบาะนั่งสไตล์สปอร์ตหุ้มด้วยหนัง Alcantara พร้อมโลโก้ N เบาะผู้ขับขี่ปรับเอนนอนได้แบบ Zero Gravity ด้วยไฟฟ้าพร้อมที่พักขา เพิ่มบรรยากาศสปอร์ตด้วยคันเร่งและเบรกดีไซน์สปอร์ต แผงหน้าปัดดีไซน์ N Line และแผงบุหลังคาสีดำ คอนโซลกลางแบบ Universal Island ที่ปรับปรุงใหม่ วางปุ่มควบคุมต่าง ๆ ในตำแหน่งที่เข้าถึงง่าย พร้อมแท่นชาร์จไร้สายที่ย้ายมาตำแหน่งด้านบนของคอนโซลกลาง เพื่อความสะดวกสบายสูงสุดในทุกการเดินทาง

 

Spark your drive. เติมตัวตนที่ใช่” ด้วย IONIQ 5 N Line

IONIQ 5 N Line เป็นโมเดลแรกที่ทำตลาดพร้อมชุดแต่ง N Line ของฮุนได เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจมากขึ้น โดยถูกวางตำแหน่งให้อยู่ระหว่าง IONIQ 5 และ รุ่นสมรรถนะสูงอย่าง IONIQ 5 N ผสมผสานแรงบันดาลใจจากโลกมอเตอร์สปอร์ตมายังการออกแบบ IONIQ 5 N Line ภายใต้สโลแกน “Spark your drive. เติมตัวตนที่ใช่” ที่สะท้อนถึงจิตวิญญาณของยานยนต์กลุ่ม N ของฮุนได ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการโดดเด่นบนท้องถนนด้วยการออกแบบที่แตกต่าง ในขณะที่ยังคงความสะดวกสบายสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน

เทคโนโลยีการขับขี่ที่ปลอดภัย และล้ำสมัย

IONIQ 5 N Line ผสานเทคโนโลยีล่าสุดของฮุนไดเพื่อมอบความมั่นใจในการขับขี่ที่ปลอดภัยและชาญฉลาด มาพร้อมระบบอินโฟเทนเมนต์ล้ำสมัย ด้วยหน้าจอสัมผัสมัลติมีเดียขนาด 12.3 นิ้วและแผงหน้าปัดดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว รองรับ wireless  Apple CarPlay และ Android Auto เพื่อการเชื่อมต่อสมาร์ตโฟนที่สะดวกไร้สาย เพื่อเพิ่มความปลอดภัย IONIQ 5 N Line ยังติดตั้งระบบ Hyundai SmartSense™ ซึ่งมีทั้งระบบช่วยหลีกเลี่ยงการชนในจุดบอด (BCA) ระบบหลีกเลี่ยงการชนด้านหน้า (FCA) ระบบช่วยรักษาตำแหน่งในช่องเดินรถ (LKA) และระบบควบคุมในช่องเดินรถ (LFA) รวมถึงระบบควบคุมความเร็วคงที่อัจฉริยะ (SCC) พร้อมระบบ Stop & Go โดยคุณสมบัติเหล่านี้ช่วยเพิ่มความมั่นใจและความสะดวกสบายในการขับขี่ทางไกลของคุณ

 

นายวัลลภ เฉลิมวงศาเวช กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฮุนได โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “การเปิดตัว IONIQ 5 N Line ถือเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของฮุนได โมบิลิตี้ ประเทศไทย ในการเป็นผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้า ด้วยการนำเสนอนวัตกรรมรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูงเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยที่กำลังเปลี่ยนแปลง รถยนต์รุ่นนี้ถือเป็นการขยายไลน์อัปของ IONIQ 5 โดยผสานการออกแบบที่นำแรงบันดาลใจจากวงการมอเตอร์สปอร์ตเข้ากับเทคโนโลยีไฟฟ้าขั้นสูง เพื่อนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าที่เน้นสมรรถนะมาสู่ตลาดเมืองไทย ยกระดับพอร์ตโฟลิโอของ IONIQ และเสริมความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ฮุนไดในกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียม”

IONIQ 5 N Line เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย ด้วยราคาเริ่มต้นที่ 1.988 ล้านบาท ผู้ที่สนใจสามารถสัมผัสรถคันจริง ได้ที่ IONIQ Lab อาคารทรูดิจิทัลพาร์ค ฝั่งเวสต์ ได้ระหว่างวันที่ 21-28 กุมภาพันธ์ 2568 หรือพบกับข้อเสนอสุดพิเศษได้ที่ งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 ระหว่างวันที่ 26 มีนาคม - 6 เมษายน 2568 ณ IMPACT Challenger กรุงเทพฯ

บิ๊กซี เปิดแผนปี 2568 วางงบลงทุน 6,091 ล้านบาท ปักหมุดทำเลใหม่ เจาะกลุ่มลูกค้าพื้นที่ต่าง ๆ มากขึ้น เปิดเพิ่มขนาดสาขา ขนาดใหญ่ 7 สาขา และสาขาขนาดเล็ก 200 สาขา พร้อมเดินหน้ารีโนเวทสาขาขนาดใหญ่ 17 สาขา และสาขาขนาดเล็กอีก 100 สาขา เพิ่มร้านค้าใหม่ที่หลากหลาย หวังตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่

นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ห้างค้าปลีกกลุ่มบีเจซี เปิดเผยว่า ในปี 2568 นี้ บิ๊กซี เตรียมงบลงทุน 6,091 ล้านบาท เปิดเพิ่ม 207 สาขา ได้แก่ สาขาขนาดใหญ่ 7 สาขา และสาขาขนาดเล็ก 200 สาขา อาทิ บลูพอร์ต หัวหิน, Phenix ประตูน้ำ, สวนนงนุช, โครงการเพชรไพบูลย์, จตุจักร และ Parc Bangna เป็นต้น ถือเป็นทำเลใหม่ที่บิ๊กซีต้องการขยายการบริการให้ครอบคลุม เข้าถึงกลุ่มลูกค้าพื้นที่ต่าง ๆ มากขึ้น

พร้อมกันนี้ บิ๊กซี ยังมีแผนรีโนเวทสาขาปัจจุบันอีก 117 สาขา ได้แก่ สาขาขนาดใหญ่ 17 สาขา และสาขาขนาดเล็กอีก 100 สาขา อาทิ รัชดาภิเษก, บางประกอก, พัทยา 1, บางนา, สุขาภิบาล 3-1, นครปฐม, บางบอน, อำนาจเจริญ, หาดใหญ่ 1, ภูเก็ต, พัทยา 3, แฟชั่นไอส์แลนด์, สุวินทวงศ์, หางดง, วังสะพุง, สีคิ้ว และ พังงา เป็นต้น เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้าหลากหลายเจเนอเรชั่น โดยจะมีการปรับโฉมพื้นที่โซนต่าง ๆ ให้เป็นมากกว่าพื้นที่ชอปปิง อาทิ พื้นที่จัดกิจกรรม พื้นที่สำหรับพบปะสังสรรค์ และร้านค้าสุดล้ำสมัย สอดรับเทรนด์นักชอปรุ่นใหม่ รวมถึงร้านอาหารรสเลิศตอบโจทย์ทุกความอิ่มอร่อย เหมาะสำหรับครอบครัวและกลุ่มเพื่อน

นอกจากนี้ ยังมีแผนสนับสนุนการขายด้วยการจัดโปรโมชันและแคมเปญพิเศษมากมายมามอบให้กับลูกค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเปิดสาขาที่จะมีกิจกรรมพิเศษต่าง ๆ ที่น่าสนใจให้ลูกค้าได้ร่วมสนุก เพื่อตอบโจทย์ความคุ้มค่า รวมถึงสร้างประสบการณ์การชอปปิงมากยิ่งขึ้น ตลอดจนคัดสรรและนำเสนอสินค้าที่ดี มีคุณภาพ ให้แก่ลูกค้า  

อย่างไรก็ดี ในปีนี้จะมี บิ๊กซี จำนวน 3 สาขา ที่จะหมดอายุสัญญาเช่าพื้นที่ลง ได้แก่ บิ๊กซี สาขารัตนาธิเบศร์ 1 ซึ่งตั้งอยู่ในทำเลที่คึกคักและได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคด้วยดีเสมอมา ปัจจุบันเรามีถึง 2 สาขาในย่านนี้ แต่ด้วยสัญญาเช่าพื้นที่ของสาขาที่ติดกับโรงพยาบาลเกษมราษฎร์รัตนาธิเบศร์จะหมดอายุสัญญากลางปีนี้ โดยจะเปิดให้บริการถึงสิ้นเดือนมีนาคม 2568 (ลูกค้าสามารถใช้บริการที่สาขาใกล้เคียงที่ บิ๊กซี สาขาบางใหญ่) พร้อมกันนี้ บิ๊กซี สาขาศรีนครินทร์ จะเปิดให้บริการถึงสิ้นเดือนสิงหาคม 2568 เช่นกัน (ลูกค้าสามารถใช้บริการที่สาขาใกล้เคียงที่ บิ๊กซี สาขาบางพลี, บางนา และ สมุทรปราการ) และช่วงสิ้นปี บิ๊กซี สาขาดอนเมือง จะเปิดให้บริการถึงสิ้นเดือนธันวาคม 2568 (ลูกค้าสามารถใช้บริการที่สาขาใกล้เคียงที่ บิ๊กซี สาขารามอินทรา และรังสิต 1 (ในศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต)) โดยบริษัทมีสาขาอื่นในพื้นที่ใกล้เคียงที่สามารถรองรับลูกค้าได้อย่างเพียงพอ

ทั้งนี้ บิ๊กซี มีนโยบายดูแลพนักงานทุกคน ซึ่งสามารถดำเนินการตกลงเพื่อโอนย้ายไปทำงานได้ที่ บิ๊กซี สาขาใกล้เคียง หรือที่ภูมิลำเนาของพนักงานตามสมัครใจ และสำหรับกลุ่มร้านค้าเช่านั้น ได้มีการเจรจาตกลงร่วมกันกับทางผู้เช่าพื้นที่ ด้วยการดูแลและจัดหาพื้นที่ เพื่อย้ายไปเปิดให้บริการในสาขาอื่น ๆ ของบิ๊กซีทั่วประเทศ

ในปัจจุบัน บิ๊กซี มีจำนวนสาขาขนาดใหญ่ทั่วประเทศไทย ประเทศกัมพูชา และประเทศลาว ทั้งสิ้น 207 สาขา แบ่งเป็น ไฮเปอร์มาร์เก็ต 155 สาขา ฟู้ดเพลส 18 สาขา มาร์เก็ต 34 สาขา ตลอดจนมีบิ๊กซีมินิอีก 1,616 สาขา รวมถึงยังมีธุรกิจในเขตบริหารพิเศษฮ่องกง และประเทศเวียดนาม

มอบเงินสร้างบ้านให้กับผู้ด้อยโอกาส จังหวัดสุพรรณบุรี

กรุงเทพประกันชีวิตเปิดผลดำเนินงานไตรมาส 4 ปี 2567 มีกำไรสุทธิ 954 ล้านบาท เติบโต 166% มาจากเบี้ยรับปีแรก 2,014 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% โดยมาจากช่องทางธนาคารที่เพิ่มขึ้น 43% ส่งผลกำไรสุทธิปี 2567 รวมกว่า 3,623 ล้านบาท เติบโต 42% พร้อมประกาศจ่ายเงินปันผลสำหรับปี 2567 หุ้นละ 0.68 บาท รวมเป็นเงินปันผลทั้งสิ้น 1,159 ล้านบาท

นายโชน โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผลการดำเนินงานในไตรมาส 4 ปี 2567 ว่า บริษัทฯ มีเบี้ยประกันภัยรับปีแรกจำนวนทั้งสิ้น 2,014 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 28 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมาจากช่องทางธนาคารที่มีเบี้ยประกันภัยรับปีแรกเพิ่มขึ้นร้อยละ 43 ขณะที่ช่องทางตัวแทนมีเบี้ยประกันภัยรับปีแรกลดลงร้อยละ 2 และช่องทางอื่นๆ เพิ่มขึ้นร้อยละ 53 จากผลิตภัณฑ์ประกันกลุ่ม โดยมีเบี้ยประกันภัยรับรวมจำนวน 8,437 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 954 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 166 จากไตรมาส 4 ปี 2566 และเพิ่มขึ้นร้อยละ 55 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว

สำหรับผลการดำเนินงานปี 2567 บริษัทฯ มีเบี้ยประกันภัยรับปีแรกจำนวน 7,037 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2 และมีเบี้ยประกันภัยรับรวมจำนวน 34,837 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2 จากปีก่อนหน้า โดยบริษัทฯ มีเบี้ยประกันภัยรับรวมแยกตามช่องทางต่างๆ ได้แก่ ช่องทางธนาคาร ร้อยละ 56 ช่องทางตัวแทน ร้อยละ 38 และช่องทางอื่น ๆ ร้อยละ 6 ตามลำดับ โดยมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานในปี 2567 จำนวน 3,623 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 42 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวม ณ สิ้นปี 2567 จำนวน 314,575 ล้านบาท ลดลงจากปี 2566 ที่ร้อยละ 4 จากการลดลงของสินทรัพย์ลงทุนจากกรมธรรม์ที่ครบกำหนด โดยสินทรัพย์ลงทุนและรายการเทียบเท่าเงินสดคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 97 ของสินทรัพย์รวม บริษัทมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามกฎหมาย (CAR) ณ สิ้นไตรมาส 4 ปี 2567 ที่ร้อยละ 441 ซึ่งสูงกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ที่ร้อยละ 140

ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ ยังได้มีมติจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 2567 ในอัตราหุ้นละ 0.68 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,159 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลร้อยละ 32 ของกำไรสุทธิซึ่งสูงกว่านโยบายการจ่ายเงินปันผลของบริษัทฯ โดยให้จ่ายจากกำไรสะสมซึ่ง บริษัทฯ ได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตราหุ้นละ 0.20 บาท เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2567 และจะจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายในอัตราหุ้นละ 0.48 บาท หรือคิดเป็นเงินจำนวน 820 ล้านบาท โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผลในวันที่ 23 เมษายน 2568

นายโชนกล่าวว่า ในปี 2567 กรุงเทพประกันชีวิตให้ความสำคัญกับการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยในไตรมาสที่ 4 ที่ผ่านมาได้ประกาศวิสัยทัศน์ใหม่เพื่อขับเคลื่อนองค์กรทำหน้าที่ด้วยความ “ใส่ใจ” ต่อผู้เกี่ยวข้องทุกกลุ่มพร้อมเปิดตัวแบรนด์แคมเปญ “ใส่ใจ” สื่อภาพลักษณ์ผ่านปรัชญาการทำงานบนความ “เชื่อมั่นในพลังของความใส่ใจ” เพื่อก้าวสู่การเป็นบริษัทประกันชีวิตอันดับหนึ่งด้านความใส่ใจ (The Most Caring Life Insurance Brand) และสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน  

“บริษัทมุ่งมั่นที่จะส่งมอบประสบการณ์ที่เป็นเลิศจากความใส่ใจ เพิ่มความอุ่นใจให้กับผู้ถือกรมธรรม์ ผ่านตัวแทนที่มีความจริงใจ เทคโนโลยีที่ทันสมัย รวมถึงการนำเสนอผลิตภัณฑ์บริการที่ดีและสิทธิประโยชน์ที่ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลาย พร้อมกับส่งเสริมการเพิ่มศักยภาพของตัวแทนและที่ปรึกษาทางการเงินให้สามารถทำงานได้อย่างไร้ขีดจำกัด พร้อมรับมือกับสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วรวมทั้งสร้างพลังบวกและการตระหนักรู้ถึงคุณค่าของการใส่ใจเพื่อส่งต่อการให้บริการที่ประทับใจไปสู่ลูกค้า” นายโชนกล่าวพร้อมเพิ่มเติมว่า

กรุงเทพประกันชีวิตยังส่งเสริมให้พนักงานมีความสุข มีความก้าวหน้าและมีความมั่นคงในอาชีพมีการเพิ่มพูนทักษะให้สามารถเติบโตได้อย่างมีคุณภาพ เคารพในความแตกต่าง ให้ความเสมอภาค ภายใต้หลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี เพื่อเป้าหมายในการเป็นแบรนด์ที่เข้าใจ จริงใจ ใส่ใจ (The Most Caring Life Insurance Brand) ที่ดูแลลูกค้ามากกว่าแค่การประกันชีวิต

ในไตรมาส 4 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้เปิดแคมเปญสื่อสารในช่องทางธนาคารกรุงเทพ สำหรับผลิตภัณฑ์ เกนเฟิสต์ อี-เซฟวิ่งส์ 10/5 สำหรับกลุ่มเป้าหมายต่างๆ ที่ต้องมีการวางแผนภาษี ได้แก่ มนุษย์เงินเดือน ฟรีแลนซ์ และเจ้าของกิจการ และดำเนินแคมเปญ “ใส่ใจสตอรี่” เป็นปีที่ 2 เพื่อนำเสนอความใส่ใจที่ตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาทางการเงินต่อลูกค้าที่ดูแลตามแนวทางความใส่ใจอย่างยั่งยืน โดยบริษัทฯ ยังได้รับรางวัล “บริษัทประกันชีวิตที่มีการบริหารงานดีเด่น” อันดับที่ 2 ประจำปี 2566 (Prime Minister’s Insurance Awards) และรางวัล Sustainability Rising Star จากเวที Asia Corporate Excellence & Sustainability Awards 2024 หรือ ACES Awards 2024 สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ในการบริหารงานที่มีความใส่ใจ ยึดหลักธรรมาภิบาล คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม และสังคม เพื่อความสุขที่ยั่งยืน

X

Right Click

No right click