December 06, 2025

ลุยพลิกโฉม ‘SMEs ภาคกลาง-อีสาน’ สร้างโอกาสเติบโตอย่างยั่งยืนด้วย AI และ Digital Transform

บริษัท ยูอาร์ซี (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายขนมขบเคี้ยวชั้นนำภายใต้แบรนด์ Jack'n Jill นำโดย นายฐานันท์ สุวรรณรักษ์ รองประธานและผู้จัดการทั่วไป ประเทศไทย ลาว และ กัมพูชา บริษัท ยูอาร์ซี (ประเทศไทย) จำกัด เดินเกมการตลาดในไทย พร้อมจัดหนักส่งแคมเปญใหญ่และกิจกรรมการตลาดมากมายตลอดทั้งปี ประเดิมด้วยกิจกรรมแรกในงาน ฟันโอ ทิวลี่ แจกโชคใหญ่รับต้นปี 2025 เปิดตัว 2 แคมเปญแจกโชคหนักส่งตรงถึงผู้บริโภค “ทิวลี่ แจกใหญ่เวอร์ เวเฟอร์ทองคำ รวมมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท” และ "ฟันโอมินเนี่ยน แก๊งป่วนชวนซิ่งชิงโชคใหญ่ รวมมูลค่ากว่า 3 ล้านบาท" เพื่อส่งความสุขคืนกำไรให้แก่ผู้บริโภคที่สนับสนุนกันมาอย่างยาวนาน ภายในงานอัดแน่นด้วยความสนุกที่น่าสนใจมากมาย พร้อมสเปเชียลโชว์จาก 2 หนุ่มพรีเซนเตอร์ เบิ้ล ปทุมราช พรีเซนเตอร์แบรนด์ฟันโอ และโจอี้ ภูวศิษฐ์ พรีเซนเตอร์แบรนด์ทิวลี่ ร่วมสร้างสีสัน ที่ Just Co สามย่านมิตรทาวน์

นายฐานันท์ สุวรรณรักษ์ รองประธานและผู้จัดการทั่วไป ประเทศไทย ลาว และ กัมพูชา บริษัท ยูอาร์ซี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ท่ามกลางการเติบโตอย่างต่อเนื่องของตลาดขนมขบเคี้ยวในประเทศไทย โดยปี 2024 ที่ผ่านมา มีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ประมาณ 78,000 ล้านบาท ยูอาร์ซียังคงความเป็นผู้นำในตลาดบิสกิตและเวเฟอร์มาอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นเบอร์ 1 ในกลุ่มผลิตภัณฑ์บิสกิต ด้วยส่วนแบ่งตลาด 29% และกลุ่มผลิตภัณฑ์เวเฟอร์ด้วยส่วนแบ่งตลาด 20% โดยเฉพาะ Leading Brands ของเราอย่างฟันโอและทิวลี่ ที่เติบโตแบบก้าวกระโดด ซึ่งฟันโอเติบโต 21% และทิวลี่เติบโต 10% เมื่อเทียบกับปี 2023 สิ่งเหล่านี้สะท้อนถึงการได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค ซึ่งเราจะไม่หยุดพัฒนาทั้งผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ และจัดเต็มด้วยกิจกรรมการตลาดแบบ 360 องศาทั้งออฟไลน์ และออนไลน์ เพื่อมอบประสบการณ์ความสนุกและความสุขให้กับผู้บริโภคทุกเพศทุกวัย โดยในปีนี้ทั้ง 2 แคมเปญของแบรนด์ฟันโอ และทิวลี่ เราทุ่มงบประมาณกว่า 50 ล้าน พร้อมตั้งเป้ายอดขายเติบโต 10%-15% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกปีก่อน เพื่อรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดทั้งในกลุ่มบิสกิตและเวเฟอร์” นายฐานันท์กล่าว

ปี 2025 นี้ยูอาร์ซีเริ่มต้นปีด้วยกิจกรรมชวนผู้บริโภคเข้ามาร่วมสนุกผ่านการลุ้นโชค ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในปีที่ผ่านมา ครั้งนี้กลับมาในแคมเปญใหม่แจกใหญ่แบบอัดแน่น เปิดประเดิมด้วยแบรนด์เวเฟอร์เคลือบช็อคโกแลต “ทิวลี่” ที่ปล่อยโปรโมชั่นแคมเปญสุดยิ่งใหญ่ “ทิวลี่ แจกใหญ่เวอร์ เวเฟอร์ทองคำ มูลค่ารวมกว่า 2 ล้านบาท” ที่กว้านซื้อทองคำสวนกระแสราคาทองขึ้น แจกรางวัลใหญ่เวเฟอร์ทิวลี่ทองคำ หนัก 10 บาท ทุกเดือน และแจกรางวัลจี้ทิวลี่ทองคำ หนัก 2 สลึง ทุกสัปดาห์ พร้อมดึงนักร้องหนุ่มร็อคเลือดอีสานขวัญใจมหาชน “โจอี้ ภูวศิษฐ์” พรีเซ็นเตอร์แบรนด์ทิวลี่ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 เพื่อเป็นกระบอกเสียงสำคัญในการสร้างกระแสแคมเปญให้ปักธงในใจกลุ่มผู้บริโภคผ่านคาแรกเตอร์ที่สนุกสนาน เป็นกันเอง เข้าถึงง่าย ต่อกันด้วยแคมเปญที่เพิ่งปล่อยไปเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมากับแบรนด์คุกกี้ “ฟันโอ” โดยในครั้งนี้ทำการฉีกกฎเปลี่ยนเกมมาร่วมคอลแลปส์คาแรกเตอร์ระดับโลก “มินเนี่ยน” (Minions) สร้างปรากฏการณ์ใหม่ในตลาดขนมขบเคี้ยว กับแคมเปญ "ฟันโอมินเนี่ยน แก๊งป่วนชวนซิ่งชิงโชคใหญ่" แจกของรางวัลรวมมูลค่ากว่า 3 ล้านบาท รางวัลใหญ่รถยนต์ New MG 5 Pro แจกทุกเดือน, iPad Gen10 พร้อมเคสลิขสิทธิ์แท้ Minions แจกทุกสัปดาห์ และโมเดล Molly Minions 400% แจกทุกเดือน นอกจากนี้ยังได้มีการเปิดตัวรสชาติใหม่ “ฟันโอ รส Bello Caramel” รวมทั้งแพคเกจจิ้งดีไซน์ใหม่ ลวดลายมินเนี่ยนสุดลิมิเต็ด ชวนให้แฟนๆ สะสม อีกทั้งยังได้นักร้องหนุ่มอารมณ์ดี เบิ้ล ปทุมราช พรีเซ็นเตอร์แบรนด์ฟันโอที่ร่วมถ่ายทอด Brand Personality ด้วยบุคลิกขี้เล่น สนุกสนาน เข้าถึงได้ง่าย สะท้อนถึงแบรนด์ฟันโอได้เป็นอย่างดี ซึ่งทำให้เราสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายหลักของแบรนด์อย่างกลุ่ม Young Gen ได้โดยง่าย

นอกจากนี้ทาง ยูอาร์ซี เตรียมจัดกิจกรรม รวมถึงโปรโมชันพิเศษ และเซอร์ไพรส์สนุกๆ มากมาย ที่ร่วมกับแบรนด์ในเครือฯ และเหล่าพรีเซนเตอร์ ซึ่งสามารถติดตามอัปเดตข้อมูลผ่านช่องทางออนไลน์ www.urcthailand.com และ www.facebook.com/JacknJillThai ได้อย่างต่อเนื่องตลอดปี

วิทยากรจากหน่วยงานกำกับดูแลการทำธุรกรรมและการเงินตบเท้าเข้าร่วมมุ่งกำหนดอนาคตของการเงินดิจิทัล

คุณวิเศษ วิศิษฏ์วิญญู กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพีแรม จำกัด ได้รับเกียรติในการคัดเลือกให้เป็น “นักศึกษาเก่าดีเด่น สาขา ผู้ทำคุณประโยชน์ให้กับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และสมาคมนักศึกษาเก่ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ในพระบรมราชูปถัมภ์ ประจำปี 2567” ในงานประเพณีราตรีบางมด 65 ปี “คืนสู่เหย้า มจธ. บางมด” จัดโดย สมาคมนักศึกษาเก่ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งได้รับเกียรติจาก รองศาสตราจารย์ ดร.สุวิทย์ แซ่เตีย อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ให้เกียรติมอบโล่ประกาศเกียรติคุณดังกล่าว ท่ามกลางคณาจารย์ นักศึกษาเก่า และนักศึกษาปัจจุบัน ร่วมแสดงความยินดีอย่างคับคั่ง สำหรับรางวัลนักศึกษาเก่าดีเด่น มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ประจำปี 2567 ประกอบด้วย 6 สาขา ได้แก่ สาขาความเป็นเลิศทางวิชาการ, สาขานักธุรกิจภาคเอกชน (เจ้าของธุรกิจ), สาขานักธุรกิจภาคเอกชน (นักบริหารธุรกิจ), สาขาผู้ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิต, สาขาผู้ทำคุณประโยชน์ให้มหาวิทยาลัยฯ และสมาคมฯ และสาขานักบริการสังคม หรือผู้ทำคุณประโยชน์เสียสละเวลาเพื่อส่วนรวม ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี กรุงเทพฯ

ตอกย้ำความเป็นเลิศด้านการให้บริการและการอำนวยความสะดวกระดับโลก พร้อมต่อยอดความสำเร็จ หลังจากการได้รับ “กุญแจมิชลิน” One Michelin Key

คณะการท่องเที่ยวและการโรงแรม มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) จัดการแข่งขันทักษะวิชาชีพด้านการท่องเที่ยว การโรงแรม และการประกอบอาหาร ครั้งที่ 1  ภายใต้แนวคิด "Soft Power ท่องเที่ยวเสน่ห์ไทย" โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มศักยภาพเยาวชนสู่การพัฒนาการท่องเที่ยวไทยอย่างยั่งยืน โดยมีนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ชั้นปีที่ 5 - 6 และนักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) และประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) จากทั่วประเทศสมัครเข้าร่วมการแข่งขันเพื่อชิงทุนการศึกษา การแข่งขันครั้งนี้แบ่งเป็น 2 รายการ คือ การแข่งขันตอบคำถามวิชาการด้านการท่องเที่ยว โรงแรม และการประกอบอาหาร มีทีมเข้าร่วม 35 ทีม ซึ่งทีมชนะเลิศได้แก่ ทีม PBPVC 2 จากวิทยาลัยอาชีวศึกษาเพชรบุรี และการแข่งขันทักษะด้านการประกอบอาหาร(แข่งเดี่ยว) ภายใต้ธีม "อาหารไทยจานหลักสตรีทฟู้ดฟรีสไตล์" มีทีมเข้าร่วม 13 ทีม ซึ่งทีมชนะเลิศได้แก่ ทีม GOOD PART จากโรงเรียนสมุทรสาครวิทยาลัย นำเสนอ เมนูข้าวมันส้มตำแกงไก่โมเดิร์น ได้อย่างลงตัว ภายในพิธีเปิดได้รับเกียรติจาก ดร.ยุวรี โชคสวนทรัพย์ คณบดีคณะการท่องเที่ยวและการโรงแรม มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เป็นประธานกล่าวเปิดงาน พร้อมกันนี้ยังมีผู้แทนจากบริษัทพันธมิตร ให้เกียรติเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิและมอบทุนการศึกษาสมทบ ณ ห้องสนม สุทธิพิทักษ์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์

ดร.ยุวรี โชคสวนทรัพย์ คณบดีคณะการท่องเที่ยวและการโรงแรม มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) เปิดเผยว่า การจัดกิจกรรมดังกล่าว มุ่งสร้างแรงบันดาลใจและเปิดโลกทัศน์ให้เยาวชนได้เรียนรู้เกี่ยวกับสาขาวิชาด้านการท่องเที่ยวและการโรงแรม รวมถึงการประกอบอาหาร โดยบูรณาการแนวคิด Soft Power ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ผ่านองค์ประกอบ 5F ได้แก่ อาหาร (Food) ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ (Film) การออกแบบแฟชั่น (Fashion) ศิลปะการต่อสู้มวยไทย (Fighting) และเทศกาล (Festival) ซึ่งการจัดการแข่งขั้นครั้งนี้ได้รับเกียรติจากผู้แทนจากภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและอาหาร อาทิ บริษัท Find Folk  สมาพันธ์เชฟประเทศไทย และ Sevenfive เป็นต้น ร่วมเป็นคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ การได้รับความสนใจจากสถาบันการศึกษาทั่วประเทศ สะท้อนให้เห็นถึงโอกาสในการสร้างประสบการณ์และการเรียนรู้นอกห้องเรียน รวมถึงการสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนค้นหาตัวตนและสายอาชีพที่เหมาะกับตนเองมากที่สุด

นายสรรพวัต กันตามระ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดเชิงกลยุทธ์และความยั่งยืน บริษัท ฟายด์ โฟล์ค จำกัด ในฐานะกรรมการตัดสินการแข่งขันตอบคำถามวิชาการด้านการท่องเที่ยวและโรงแรม กล่าวว่า Soft Power ไทย มีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการศึกษาค้นคว้าก่อนการแข่งขันจะช่วยให้ผู้เข้าแข่งขันได้เห็นมุมมองที่หลากหลาย การแข่งขันครั้งนี้นับเป็นโอกาสอันดีที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้นักเรียนนักศึกษาได้เห็นมุมมองที่แตกต่างและโอกาสในสายอาชีพใหม่ๆ โดยเฉพาะการทำความเข้าใจเกี่ยวกับแนวโน้มของแต่ละองค์ประกอบใน 5F และการนำไปประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาประเทศไทยในอนาคต ทั้งนี้ จากภาพรวมการแข่งขัน พบว่าผู้เข้าแข่งขันมีความเข้าใจเกี่ยวกับ Soft Power อย่างลึกซึ้ง ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศ ปัจจุบันอุตสาหกรรมโรงแรม มีการปรับตัวโดยนำนโยบายด้านความยั่งยืนมาใช้มากขึ้น ส่งผลให้มีความต้องการแรงงานที่มีคุณสมบัติเฉพาะด้านเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะความรู้ด้านความยั่งยืนและการบริการที่มีคุณภาพ รวมถึงความสามารถในการถ่ายทอดวัฒนธรรมไทยให้แก่นักท่องเที่ยว จึงอยากแนะนำสำหรับผู้ที่สนใจประกอบอาชีพในอุตสาหกรรมการดังกล่าว ต้องรักษาอัตลักษณ์ความเป็นไทยและสามารถถ่ายทอดสู่นักท่องเที่ยวได้อย่างชัดเจน

ด้านทีม PBPVC 2 ซึ่งคว้ารางวัลชนะเลิศการแข่งขันตอบคำถาม ประกอบด้วย นางสาวเจนวิรา ปานพันธ์ นักศึกษาชั้น ปวส.ปีที่ 1 และนางสาวสุชัญญา ผาโพธิ์ นักศึกษาชั้น ปวช.ปีที่ 1  สาขาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว วิทยาลัยอาชีวศึกษาเพชรบุรี ร่วมกล่าวเปิดใจว่า การแข่งขันครั้งนี้เป็นเวทีที่เพิ่มพูนความรู้ด้านการท่องเที่ยวและประสบการณ์การแข่งขัน ทำให้ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อย่างไรก็ตามเรารู้สึกประทับใจต่อการจัดการแข่งขันมาก โดยเฉพาะการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากรุ่นพี่ รวมถึงการจัดนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับ 5F  

ขณะที่นายณัฐพงศ์ ธีรนันทพิชิต อนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอาหาร (Soft Power) ในฐานะกรรมการตัดสินการแข่งขันทักษะด้านการประกอบอาหาร กล่าวว่า การแข่งขันใช้เกณฑ์การตัดสิน 10 องค์ประกอบ อาทิ การเตรียมวัตถุดิบและการเลือกใช้วัตถุดิบให้สอดคล้องกับโจทย์ โดยทีมที่ได้รับรางวัลชนะเลิศมีความสามารถในการประกอบอาหารที่หลากหลาย พร้อมนำเสนอเมนูอาหารที่ครบถ้วนในจานเดียวและมีรสชาติที่ดีเยี่ยม อย่างไรก็ตามการแข่งขันนี้เป็นการจุดประกายให้คนรุ่นใหม่สนใจอาหารไทยมากขึ้น เห็นคุณค่าของการนำวัตถุดิบท้องถิ่นมาสร้างสรรค์เมนูอาหาร และสามารถนำประสบการณ์ไปพัฒนาต่อยอดในอนาคตได้

ด้านทีม GOOD PART หรือ นายวรวุฒิ เสือสี นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสมุทรสาครวิทยาลัย ซึ่งคว้ารางวัลชนะเลิศการแข่งขันทักษะด้านการประกอบอาหาร กล่าวเปิดใจว่า ได้รับโจทย์ให้ประกอบอาหาร 5 องค์ประกอบในจานเดียว ภายใต้หัวข้อ Main-Course Thai Street Food Freestyle ซึ่งเป็นโจทย์ที่มีความท้าทายสูง ตามโจทย์ Street Food ของไทยที่มักจะเป็นไก่ย่างส้มตำ จึงคิดดัดแปลงเป็น เมนูข้าวมันส้มตำแกงไก่โมเดิร์น ในรูปแบบฟิวชันที่ผสมผสานระหว่างข้าวมัน ส้มตำ และแกงไก่ ประกอบด้วย สเต็กไก่เสิร์ฟพร้อมซอสแกงเขียวหวาน ส้มตำดัดแปลงเป็นผัดเปรี้ยวหวาน และข้าวริซอตโตที่หุงด้วยความมัน โดยใช้ข้าวบาร์เลย์แทนข้าวเหนียว เพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสที่ใกล้เคียง และเพิ่มวิปปิ้งครีมราดบนข้าวริซอตโต โดยจานอาหารนี้ประกอบด้วยสัดส่วนที่เหมาะสมของโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และเส้นใยอาหาร อย่างไรก็ตามรู้สึกดีใจมากที่ได้คว้าแชมป์ในครั้งนี้ หลังจากเรียนจบชั้นม.6 จะเข้าศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาในด้านการประกอบอาหาร เพราะฝันอยากเป็นเชฟในโรงแรมชื่อดัง และเปิดร้านอาหารของตนเองในต่างประเทศ  

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) รับรางวัลการบริหารสู่ความเป็นเลิศที่มีความโดดเด่นด้านการสร้างประโยชน์ให้สังคม (Thailand Quality Class Plus : Societal Contribution) ประจำปี 2567 และรางวัล Leadership Excellence Award จากนายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในพิธีมอบรางวัลคุณภาพแห่งชาติ (Thailand Quality Award : TQA) ครั้งที่ 23 ประจำปี 2567 จัดโดยสำนักงานรางวัลคุณภาพแห่งชาติ สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ กระทรวงอุตสาหกรรม ณ โรงละครอักษรา คิง พาวเวอร์ เมื่อเร็วๆ นี้

ทั้ง 2 รางวัลอันทรงเกียรติ นับเป็นความภาคภูมิใจและสะท้อนการดำเนินงานของ EXIM BANK ที่มุ่งมั่นขับเคลื่อนภารกิจภายใต้บทบาท Green Development Bank และยกระดับการบริหารจัดการองค์กรที่เป็นเลิศทัดเทียมมาตรฐานโลก นำมาสู่ผลลัพธ์ในการดำเนินงานที่เป็นเลิศอย่างเป็นที่ประจักษ์และโดดเด่น ขับเคลื่อนการพัฒนาองค์กร ประเทศชาติ และโลก โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Environmental, Social, and Governance : ESG) ตลอดจนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน

บริษัท มิตซูบิชิ อิเล็คทริค คอร์ปอเรชั่น (Mitsubishi Electric Corporation หรือ MELCO) จากญี่ปุ่น ร่วมมือกับ บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด (ซีพี) ประกาศร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนเป้าหมายความยั่งยืนใน 2 ด้าน ได้แก่ 1. ความร่วมมือด้านเทคโนโลยีสู่ด้านระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์ และ เทคโนโลยีการรีไซเคิลขยะพลาสติก 2. การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนและเศรษฐกิจหมุนเวียน สอดคล้องกับเป้าหมายของทั้งสององค์กร ในการมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050 โดยมิตซูบิชิ อิเล็คทริค จะนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาช่วยยกระดับกระบวนการทำงานในธุรกิจของเครือเจริญโภคภัณฑ์ และต่อยอดไประดับภูมิภาค ที่นำองค์ความรู้ เทคโนโลยี และ บุคลากร มาร่วมกันพัฒนา รวมถึงพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ระบบดิจิทัล และโซลูชันที่ตอบโจทย์การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน รวมไปถึงการพัฒนาระบบรีไซเคิลพลาสติก โดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูงของมิตซูบิชิ อิเล็คทริค นอกจากนี้ทั้งสองบริษัทจะร่วมมือพัฒนาและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และหุ่นยนต์เข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพทางธุรกิจร่วมกัน และยังมีแผนการพัฒนาบุคลากรแห่งอนาคตร่วมกัน ซึ่งจะทำให้คนไทยมีขีดความสามารถเพิ่มขึ้นด้านเทคโนโลยีอัตโนมัติ รวมไปถึงเมืองอัจฉริยะ และต่อยอดไปถึงงานวิจัยด้านเทคโนโลยี

โดยความร่วมมือครั้งนี้มี นายเคอิ อุรุมะ (Kei Uruma) ประธานบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มิตซูบิชิ อิเล็คทริค คอร์ปอเรชั่น ร่วมลงนามกับนายสุภกิต เจียรวนนท์ ประธานกรรมการ เครือเจริญโภคภัณฑ์ พร้อมด้วย นายทาดาชิ มัทซึโมโต (Tadashi Matsumoto) รองประธานบริหารมิตซูบิชิ อิเล็คทริค คอร์ปอเรชั่น และนายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ พร้อมด้วยนายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ อาคารทรู ทาวเวอร์ รัชดา กรุงเทพฯ

นายสุภกิต เจียรวนนท์ ประธานกรรมการ เครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวว่า การพัฒนาอย่างยั่งยืนไม่ใช่เพียงแค่เป้าหมายของเรา แต่คือความรับผิดชอบร่วมกันของทุกภาคส่วน ความร่วมมือกับมิตซูบิชิ อิเล็คทริค ในครั้งนี้จะช่วยผลักดันให้เครือซีพีก้าวไปข้างหน้าในเรื่องความเป็นกลางทางคาร์บอนและเศรษฐกิจหมุนเวียน พร้อมสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจของไทยและอาเซียน เครือซีพีมุ่งมั่นที่จะใช้จุดแข็งทางธุรกิจและเครือข่ายเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งในด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและการพัฒนาโมเดลธุรกิจที่ตอบโจทย์อนาคต นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาบุคลากรที่เป็นเรื่องที่เครือให้ความสำคัญ

นายเคอิ อุรุมะ (Kei Uruma) ประธานบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มิตซูบิชิ อิเล็คทริค คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมงานกับกลุ่มบริษัทเครือซีพี ซึ่งเป็นองค์กรที่มีปรัชญาและความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างประโยชน์แก่ประเทศและภูมิภาคอาเซียนความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในไทยและอาเซียน พร้อมมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน รวมถึงการส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน โดยเฉพาะการรีไซเคิลพลาสติก ซึ่งกำลังมีบทบาทสำคัญในระดับโลกและเป็นกุญแจสำคัญในการปรับตัวตามระเบียบสหภาพยุโรปเกี่ยวกับยานยนต์ที่หมดอายุ ELV (End of Life Vehicles) ด้วยประสบการณ์กว่า 60 ปีของมิตซูบิชิ อิเล็คทริค ในประเทศไทย และความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี เราเชื่อมั่นว่าการจับมือกับเครือเจริญโภคภัณฑ์ในครั้งนี้จะช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืนและสร้างผลลัพธ์ที่มีคุณค่าให้กับประเทศไทยและภูมิภาคในทุกมิติ

 

ในรายละเอียดของความร่วมมือในด้าน “ความเป็นกลางทางคาร์บอน”  เครือซีพีเตรียมนำระบบ SCADA ของมิตซูบิชิ อิเล็คทริค ติดตั้งในโรงงานและฟาร์มของบมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหารหรือ ซีพีเอฟ เพื่อบริหารจัดการการใช้พลังงานพร้อมทดลองโซลูชันประหยัดพลังงานในร้านค้าปลีกของซีพี แอ็กซ์ตร้า เช่น แม็คโคร และโลตัสโดยเริ่มที่กรุงเทพฯ เป็นกลุ่มแรก จากโซลูชันเหล่านี้ ทั้งสองบริษัทตั้งเป้าลดการใช้ไฟฟ้าของร้านค้าที่ทดสอบลงมากกว่า 20% เมื่อเทียบกับสัดส่วนการใช้ไฟฟ้าในปัจจุบัน ขณะเดียวกันทั้งสองบริษัทจะลดการใช้พลังงานในเครือซีพีโดยขยายการใช้ความเชี่ยวชาญในการดำเนินงานที่ได้รับจากโครงการข้างต้น รวมถึงนำโซลูชันการประหยัดพลังงานของมิตซูบิชิ อิเล็คทริคไปใช้ในร้านค้าปลีก โรงงาน อาคาร ศูนย์ข้อมูล และสถานที่อื่น ๆ ของกลุ่มซีพี ไปพร้อมกับการสำรวจโอกาสทางธุรกิจจากดำเนินงานดังกล่าวควบคู่ด้วย

สำหรับความร่วมมือในด้าน “เศรษฐกิจหมุนเวียน” ทั้งสองฝ่ายจะศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาระบบรีไซเคิลพลาสติก โดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูงของมิตซูบิชิ อิเล็คทริค ผสานกับความเชี่ยวชาญด้านการจัดการธุรกิจของเครือซีพี ครอบคลุมการจัดการพลาสติก ตลอดห่วงโซ่อุปทาน ตลอดจนการขยายผลไปยังบริษัทชั้นนำด้านค้าปลีก รวมไปถึงสมาคมอุตสาหกรรมและหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง

พร้อมคว้ารางวัล Industry Mover สองปีซ้อน ในกลุ่มอุตสาหกรรม Food & Staples Retailing จาก S&P Global องค์กรผู้จัดทำดัชนี DJSI

EXIM BANK แต่งตั้งนายรชตพงศ สุขสงวน เป็นผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์องค์กร มีผลตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2568 เป็นต้นไป

X

Right Click

No right click