

บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด ผู้จัดจําหน่ายและให้บริการหลังการขายรถยนต์พลังงานไฟฟ้า BYD และ DENZA อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ภายใต้กลุ่มธุรกิจเรเว่ เปิดตัวกิจกรรมกระชับความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้าและเรเว่ครั้งแรกของปี ภายใต้โครงการ BYD REVER Social Club - Defining Moment ที่นำผู้เข้าร่วมกิจกรรมไปยังจุดหมายสุดพิเศษ เพื่อสร้างช่วงเวลาอันน่าจดจำและความประทับใจของลูกค้ากับเรเว่และรถยนต์ BYD โดยจุดหมายของกิจกรรมเป็น ‘บอลลูนเฟียสต้า 2025’ เทศกาลบอลลูนนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน จัดขึ้น ณ สิงห์ปาร์ค จังหวัดเชียงราย เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา
นายประธานวงศ์ พรประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเรเว่ กล่าวว่า “เรเว่ให้ความสำคัญในการสร้างประสบการณ์อันน่าจดจำให้กับลูกค้า เราจึงเปิดตัวโครงการ BYD REVER Social Club - Defining Moment เดิมที เราคาดการณ์ว่าอาจต้องใช้เวลา 2 - 3 วัน ในการเชิญชวนลูกค้าของเรามาร่วมกิจกรรมจนครบ แต่กลายเป็นว่าเราได้รับผลตอบรับอย่างล้นหลาม เนื่องจากโควต้าสำหรับ 40 ครอบครัวผู้โชคดีนั้นถูกจองจนครบภายในเวลาเพียง 1 ชั่วโมง หลังเปิดรับสมัครผ่าน Facebook Page: BYD REVER Thailand เราขอแสดงความขอบคุณต่อลูกค้าของเรา ที่ให้การต้อนรับก้าวแรกของโครงการนี้อย่างอบอุ่น และขอให้คำมั่นว่าจะมีครั้งถัดไปตามมาอย่างแน่นอน”
นางสาวประธานพร พรประภา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเรเว่ กล่าวว่า “จุดหมายของโครงการ BYD REVER Social Club - Defining Moment ในครั้งนี้คือเทศกาลบอลลูนนานาชาติซึ่งจัดขึ้นที่จังหวัดเชียงราย โดยเราได้จัดเตรียมสิทธิพิเศษเอาไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการร่วมงานในโซน VIP เฉพาะของลูกค้าเรเว่และจุดจอดรถพิเศษ นอกจากนั้น ยังมีบัตรขึ้นบอลลูนและของที่ระลึกจากเรเว่ อีกทั้งยังมีอาหารและเครื่องดื่มนานาชนิดรับรองลูกค้าตลอดงาน ซึ่งมีเพียงเรเว่เท่านั้นที่สร้างประสบการณ์อีกระดับให้กับลูกค้าของเราได้ เราจึงอยากเชิญชวนให้ทุกท่านมาเป็นส่วนหนึ่งกับครอบครัวของเรา และเตรียมพร้อมออกเดินทางสู่จุดหมายถัดไป ไปด้วยกัน”

ในวันงาน ผู้โชคดีทั้ง 40 ครอบครัว จากโครงการ BYD REVER Social Club - Defining Moment เริ่มต้นกิจกรรมอันน่าจดจำ ด้วยการแวะรับบัตรเข้างานพร้อมของที่ระลึก ณ จุดนับพบซึ่งอยู่ในสิงห์ปาร์ค เชียงราย จากนั้น ทุกท่านได้เข้าร่วมกิจกรรม บริเวณ Exclusive Zone และเวทีหลัก ที่มีกิจกรรมให้ทุกคนเพลิดเพลินทั้งกิจกรรมระบายสีบอลลูนจำลอง และ Body Painting Workshop

ผู้เข้าร่วมงานยังสนุกไปกับการขึ้นบอลลูน และการแสดงหลากหลายรูปแบบตั้งแต่ช่วงเย็นจนถึงค่ำ ทั้งการแข่งขันบอลลูนสีสันสดใสมากกว่า 30 ลูกจาก 13 ประเทศ, การแสดงโขน, Balloon Magic Night Glow และคอนเสิร์ตโดยนักร้องชื่อดังมากมาย สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการดื่มชาและกาแฟ ยังมีมุม Chiangrai Brewtopia ให้ได้ลิ้มลองเครื่องดื่มกันด้วย เรเว่ยังได้จัดเตรียมอาหารและเครื่องดื่มนานาชนิดไว้รับรองลูกค้าตลอดงาน เพื่อให้ทุกท่านอิ่มท้องพร้อมสนุกไปกับทุกกิจกรรมในงาน ทั้งหมดนี้สงวนสิทธิ์เพื่อลูกค้าของเรเว่ผู้ใช้รถ BYD และ DENZA เท่านั้นนอกจากนั้น ผู้เข้าร่วมงานยังได้สัมผัสรถยนต์กลุ่มพลังงานใหม่ 3 รุ่นล่าสุดจาก BYD ที่เรเว่นำมาจัดแสดงในงาน ประกอบด้วย BYD Sealion 6 DM-i รถยนต์ SUV 5 ที่นั่ง พร้อมนวัตกรรม PHEV, BYD Shark 6 DM-i รถกระบะมาดเข้ม ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง PHEV และ Denza Z9 GT DM-i ยานพาหนะที่ขับเคลื่อนด้วย PHEV พร้อมสร้างนิยามใหม่ของรถยนต์ Wagon สุดหรู โดยในพื้นที่จัดแสดง ยังมีเจ้าหน้าที่พร้อมให้ข้อมูลเพิ่มเติม
ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเรเว่ ด้วยการเป็นเจ้าของ BYD และ DENZA โดยท่านสามารถสัมผัสรถยนต์รุ่นที่ชื่นชอบได้ที่โชว์รูมและศูนย์บริการ BYD ซึ่งพร้อมให้บริการทั้ง 142 สาขาทั่วประเทศ และไม่พลาดทุกความเคลื่อนไหวรวมถึงข้อมูลกิจกรรมดีๆ ครั้งถัดไปที่ Official Facebook Page: BYD REVER Thailand





ทั้งนี้ผู้ใช้ไฟฟ้าที่ประสงค์จะขอใช้บริการอัตรา UGT1 และอยู่ในพื้นที่ให้บริการของ MEA (กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ) สามารถดาวน์โหลดเอกสารประกอบการลงทะเบียน และดำเนินการลงทะเบียนได้ ตั้งแต่วันนี้ - 28 กุมภาพันธ์ 2568 ผ่านลิงก์ https://eservice.mea.or.th/ugt/

โดยสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ช่องทาง Line: MEA Connect (@MEAthailand) สัญลักษณ์โล่สีเขียวนำหน้าชื่อบัญชีทางการ เลือกเมนู ติดต่อ MEA Call Center Online 1130 ศูนย์บริการข้อมูลผู้ใช้ไฟฟ้าการไฟฟ้านครหลวง ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือที่อีเมล This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it., This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it., This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. หรือโทรติดต่อ 0 2220 5000 ต่อ 4900, 4901, 4903
ในยุคที่เทคโนโลยีกล้องสมาร์ตโฟนก้าวล้ำอย่างไม่หยุดยั้ง HONOR Magic7 Pro 5G ได้พลิกโฉมประสบการณ์การถ่ายภาพด้วย AI Camera อัจฉริยะ ที่นำเสนอความคมชัดทุกรายละเอียดและสีสันที่สมจริงอย่างน่าทึ่ง เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) อันทรงพลังช่วยให้ทุกภาพถ่ายมีมิติที่เหนือกว่า ไม่ว่าจะเป็นภาพบุคคล วิวทิวทัศน์ หรือการถ่ายภาพระยะไกล อย่าง HONOR AI Super Zoom ก็สามารถเก็บรายละเอียดได้อย่างสมบูรณ์แบบ นอกจากนี้ ฟีเจอร์ AI ยังมอบ อิสระที่มากกว่าที่ช่วยให้ผู้ใช้ปรับแต่งภาพได้อย่างง่ายดาย พร้อมปลดล็อกขีดจำกัดของการถ่ายภาพแบบเดิม ๆ สู่ประสบการณ์ใหม่ที่ไร้ขีดจำกัด และวันนี้ เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับมือถือรุ่นนี้ให้มากขึ้น จะมีความน่าสนใจด้านกล้องอะไรบ้าง มาดูกัน!
จับทุกช็อต คมทุกดีเทล ด้วย HONOR Falcon AI Camera
HONOR Magic7 Pro 5G มาพร้อมระบบกล้อง AI สุดล้ำ ที่ยกระดับการถ่ายภาพไปอีกขั้น ด้วยกล้องหลัก Super Dynamic Falcon ความละเอียด 50MP ที่ให้ภาพคมชัด เก็บรายละเอียดได้อย่างยอดเยี่ยมทุกมิติ เสริมด้วยกล้องเทเลโฟโต้ ความละเอียด 200MP ที่ได้รับการอัปเกรดจากรุ่นก่อนหน้า ยกระดับการถ่ายภาพบุคคลให้คมชัดและสมจริงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยกล้องเทเลโฟโต้มาพร้อมเซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ 1/1.4 นิ้ว และรูรับแสงกว้าง f/2.6 ช่วยให้สามารถปรับแสงได้อย่างแม่นยำ แม้ในสภาพแสงน้อย ภาพที่ได้จึงสว่าง คมชัด และมีมิติที่โดดเด่น นอกจากนี้ ยังรองรับการซูม 3X Optical Zoom, 6X Seamless Zoom และ 100X Digital Zoom ให้คุณเก็บรายละเอียดได้ครบทุกระยะ เทียบเท่ากับช่วงโฟกัส 24-2400 มม. ไม่ว่าภาพจะใกล้หรือไกล ก็ยังคงความคมชัดได้อย่างน่าทึ่ง
กล้องหลัก 50MP ใช้เซ็นเซอร์ Super Dynamic HONOR Falcon ขนาด 1/1.3 นิ้ว พร้อมรูรับแสงที่ปรับได้กว้างสุดที่ f/1.4 ซึ่งช่วยให้สามารถเก็บรายละเอียดเล็กๆ ได้อย่างคมชัด และปรับความสว่างของภาพได้อย่างชาญฉลาด แม้ในสภาพแสงที่ท้าทาย เมื่อทำงานร่วมกับระบบกันสั่น OIS (Optical Image Stabilization) กล้องจะช่วยลดความเบลอและการสั่นไหวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ทุกภาพคมชัด แม้ในขณะถ่ายภาพเคลื่อนไหว ก็ไม่มีหลุดโฟกัส

นอกจากนี้ กล้องมุมกว้าง 50MP ยังช่วยให้คุณเก็บภาพทิวทัศน์หรือภาพหมู่ได้อย่างครบถ้วนในทุกมุมมอง ส่วนกล้องเซลฟี่ ความละเอียดสูงถึง 50MP เหมาะสำหรับการถ่ายเซลฟี่ที่โดดเด่นและสมจริง พร้อมส่งมอบภาพที่สดใสและเต็มไปด้วยรายละเอียด ด้วยนวัตกรรมเหล่านี้ HONOR Magic7 Pro 5G จึงมอบประสบการณ์การถ่ายภาพที่เหนือระดับ สามารถเก็บทุกมิติของแสง สี และรายละเอียดได้อย่างลงตัว สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับการถ่ายภาพบนสมาร์ตโฟน
ปลดล็อกความสมจริงในการถ่ายภาพด้วย AI HONOR Image Engine
AI HONOR Image Engine สามารถควบคุมและปรับแต่ง Light and Shadow Portrait Large Model, Telephoto Enhancement Large Model, และ Capture Enhancement Large Model เพื่อยกระดับประสบการณ์การถ่ายภาพของ HONOR Magic7 Pro ได้อย่างน่าทึ่ง ด้วย Light and Shadow Portrait Large Model ที่ปรับแต่งรายละเอียดของแสงและเงาได้อย่างละเอียด เพื่อให้ภาพพอร์ตเทรตมีความสมจริงในทุกสถานการณ์ รวมถึงฟีเจอร์ AI Super Zoom และโหมด Stage ที่ช่วยให้ภาพบุคคลมีความคมชัดและสวยงามยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ Capture Enhancement Large Model ยังช่วยเสริมประสิทธิภาพให้กับฟังก์ชันนวัตกรรม เช่น AI Motion Sensing Capture และ HD Super Burst จึงรักษาช่วงเวลาที่น่าจดจำไว้ได้อย่างแม่นยำเป็นพิเศษเพื่อให้คุณสามารถถ่ายภาพในทุกสถานการณ์ได้อย่างชาญฉลาดและสะดวกสบาย พร้อมสร้างสรรค์ภาพถ่ายที่สมบูรณ์แบบและเต็มไปด้วยความละเอียดในทุกการจับภาพ

ความงามเหนือระดับในทุกการถ่ายภาพบุคคลด้วย Harcourt Portrait
AI HONOR Image Engine ขั้นสูงยกระดับการถ่ายภาพบุคคลด้วย Harcourt Portrait ให้เหนือไปอีกขั้น ด้วยการสร้างเอฟเฟกต์โบเก้ที่เป็นธรรมชาติและรายละเอียดแสง-เงาที่มีความละเอียดสูง ซึ่งทำให้ภาพบุคคลใน HONOR Magic7 Pro ดีกว่าในสมาร์ตโฟนเรือธงรุ่นอื่น ๆ โดยเมื่อถ่ายในระยะโฟกัส 3X คุณจะได้ภาพบุคคลที่มีเอฟเฟกต์โบเก้เบื้องหน้าและแสง 3D ที่คมชัดเหมือนภาพจากกล้องมืออาชีพ และด้วยระยะโฟกัส 6X Harcourt Portrait ยังช่วยให้คุณถ่ายภาพบุคคลที่มีรายละเอียดของแสงบนใบหน้าและเงาได้อย่างยอดเยี่ยมอีกด้วย

สร้างภาพบุคคลไร้ที่ติด้วย AI Enhanced Portrait
ผู้ใช้สามารถถ่ายภาพบุคคลที่โดดเด่นด้วยความคมชัดสูงเป็นพิเศษ ทำให้มั่นใจได้ว่าภาพบุคคลจะมีทั้งรายละเอียดที่ชัดเจนและความคมชัดระดับสูง นอกจากนี้ AI Super Zoom ยังช่วยให้คุณสามารถจับภาพในระยะไกลได้อย่างน่าทึ่ง โดยมีช่วงโฟกัสตั้งแต่ 30x ถึง 100x ซึ่งเหมาะสำหรับการถ่ายภาพในหลากหลายสถานการณ์ อาทิ คอนเสิร์ต เทศกาลดนตรี ปาร์ตี้และงานรื่นเริงต่าง ๆ นอกจากนี้ HONOR Magic7 Pro ยังมาพร้อมกับโหมด Stage โฉมใหม่ ที่ใช้การฝึก AI เพื่อปรับปรุงคุณภาพการถ่ายภาพในสภาพแสงที่ท้าทาย ทำให้คุณสามารถถ่ายภาพในระหว่างการแสดงหรือกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างมีคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นในที่แสงน้อยหรือสถานที่ที่มีการเคลื่อนไหวตลอดเวลา


ถ่ายภาพทุกการเคลื่อนไหวได้แม่นยำ ด้วย HONOR AI Motion Sensing Capture และ HD Super Burst
HONOR Magic7 Pro 5G มาพร้อม HONOR AI Motion Sensing Capture โดยใช้เทคโนโลยี Capture Enhancement Large Model ที่สามารถจดจำการแสดงออกทางสีหน้าที่ละเอียดอ่อนอย่างรอยยิ้ม หรือการเคลื่อนไหวร่างกายที่ซับซ้อนได้อย่างแม่นยำ เช่น การวิ่ง โดยอัตโนมัติ ทำให้ผู้ใช้สามารถจับภาพ สแน็ปช็อตที่คมชัดและชัดเจนได้ในทันที ในขณะเดียวกัน คุณสมบัติการขยายทางยาวโฟกัสสูงสุดถึง 10 เท่า ทำให้ผู้ใช้สามารถถ่ายภาพในระยะไกลต่าง ๆ ได้ง่ายดาย พร้อมด้วยฟีเจอร์ HD Super Burst ที่จับภาพการเคลื่อนไหวความเร็วสูงได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยอัตราถ่ายภาพต่อเนื่องถึง 10 เฟรมต่อวินาที จึงมั่นใจได้ว่าจะไม่มีช่วงเวลาสำคัญไหนหลุดไป พร้อมทั้งความคมชัดในทุกการเคลื่อนไหวอย่างสมบูรณ์แบบ

ใครที่อยากสัมผัสประสบการณ์การถ่ายภาพและอิสระที่มากกว่าด้วยเวทมนต์ AI สามารถเป็นเจ้าของสมาร์ตโฟน HONOR Magic7 Pro 5G ได้ในราคา 35,990 บาท พรีออเดอร์ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ – 21 กุมภาพันธ์ 2568 โดยในช่องทางออฟไลน์ รับสิทธิ์เครื่องเก่าแรกใหม่ พร้อมส่วนลดเพิ่มสูงสุด 6,000 บาท* สามารถเข้ารับสินค้า ณ HONOR Experience Store สาขาที่ร่วมรายการในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2568 รับฟรี HONOR Earbuds Open มูลค่า 5,990 บาท และในช่องทางออนไลน์ รับฟรี HONOR X8a มูลค่า 5,999 บาท และพิเศษสุดสำหรับ 100 ออเดอร์แรก รับฟรี HONOR Earbuds Open มูลค่า 5,990 บาท เฉพาะช่องทาง Online สามารถติดตามรายละเอียดได้ที่ https://bit.ly/40QmBnk
ธนาคารกสิกรไทย เปิดตัว “คอนเซียชพลัส” (KONCIERGE+) แพลตฟอร์มแรกที่รวมโซลูชันเพื่อธุรกิจโรงแรมแบบครบวงจร สนับสนุนให้ธุรกิจโรงแรม เพิ่มรายได้ลดรายจ่าย เพื่อให้เข้าถึงเทคโนโลยีในการบริหารจัดการโรงแรมได้ง่ายขึ้น ด้วยโซลูชันที่รวมมาให้ครบ ได้แก่ ระบบการบริหารจัดการห้องพัก ระบบการบริหารช่องทางการขายและการตั้งราคา ระบบการบริหารจัดการประสบการณ์ลูกค้า นอกจากนี้ยังเป็นการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันรับโอกาสการเติบโตของธุรกิจท่องเที่ยวไทย เพราะประเทศไทยเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คสำคัญของนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยปี 2568 คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยจำนวน 37.5 ล้านคน

นายพิพิธ เอนกนิธิ ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธุรกิจท่องเที่ยวมีส่วนสำคัญต่อเศรษฐกิจประเทศ และมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเติบโตต่อเนื่อง โดยปี 2568 คาดว่าจะมีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติสูงถึง 1.78 ล้านล้านบาท ซึ่งจากสถิติปี 2567 พบว่าการจ่ายค่าที่พักทั้งคนไทยเที่ยวไทยและต่างชาติประมาณ 950,000 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นการพักกับโรงแรมขนาดใหญ่มีเพียง 37% ของค่าที่พักที่ใช้จ่ายกับโรงแรมขนาดกลางและขนาดเล็ก ทั้งนี้ ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาธนาคารกสิกรไทยให้การสนับสนุนธุรกิจท่องเที่ยวมาโดยตลอด ทั้งด้านการเงิน ช่องทางการขาย Voucher และการโปรโมต จนมาถึงครั้งนี้ซึ่งเป็นการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเข้าถึงเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน ด้วยการพัฒนา KONCIERGE+ ที่เปิดตัวในวันนี้ เป็นแพลตฟอร์มแรกที่รวมโซลูชันเพื่อธุรกิจโรงแรมแบบครบวงจร ซึ่งธุรกิจที่ใช้ KONCIERGE+ จะได้ประโยชน์ในการเข้าถึงเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ธุรกิจได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องเสียเวลาค้นหา ลดต้นทุน และเพิ่มรายได้จากการใช้เทคโนโลยีในการบริหารจัดการโรงแรม
ด้านนายเทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรมไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า อุตสาหกรรมท่องเที่ยวมีโอกาสในการเติบโตอีกมาก ปัจจุบันโรงแรมในไทยมีกว่า 16,000 โรงแรม แต่อุปสรรคที่ทำให้โรงแรมยังไม่เติบโตได้เท่าที่ควร ได้แก่ 1) การที่โรงแรมมีการทำการตลาดและการตั้งราคาที่ยังเป็นการตั้งราคาคงที่ ไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ 2) ขาดการทำการตลาดเพื่อสร้างภาพลักษณ์ของตัวเอง 3) หลังโควิดมี Demand ของนักท่องเที่ยวมากขึ้น แต่จำนวนพนักงานที่น้อยลง ทำให้หลายโรงแรมเกิดปัญหาขาดคนทำงาน จนอาจทำให้ประสิทธิภาพการบริการน้อยลง และ 4) การเข้าถึงเทคโนโลยีต่าง ๆ มีอย่างจำกัด ทำให้ประสิทธิภาพการบริหารจัดการไม่ดี การพัฒนา KONCIERGE+ ที่เปิดตัวในวันนี้สมาคมโรงแรมไทยมีความยินดีอย่างยิ่งที่ธนาคารกสิกรไทยเล็งเห็นความสำคัญของอุตสาหกรรมโรงแรม และได้สร้างแพลตฟอร์มนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นทางเลือกให้กับธุรกิจโรงแรมผลักดันให้ทำธุรกิจได้อย่างแข็งแกร่ง และที่สำคัญแพลตฟอร์มนี้ยังเป็นของคนไทย ซึ่งสมาคมโรงแรมไทยเห็นด้วยอย่างยิ่งที่จะมีการสนับสนุนให้โรงแรมเข้าถึงเทคโนโลยีต่าง ๆ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน แล้วยังช่วยให้ธุรกิจลดต้นทุน สร้างภาพลักษณ์ที่ดี และที่สำคัญเป็นช่วยให้สร้างประสิทธิภาพในการบริการเนื่องจากบุคลากรที่ขาดแคลนในปัจจุบัน

KONCIERGE+ เป็นแพลตฟอร์มแรกที่รวมโซลูชันการจัดการธุรกิจโรงแรมแบบครบวงจร ซึ่งจะช่วยลดต้นทุน เพิ่มรายได้ และเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้กับธุรกิจโรงแรมขนาด SME โดยมีโซลูชันดังนี้
ระบบการจัดการพื้นฐาน ได้แก่
ระบบจัดการการขาย ได้แก่
ระบบบริหารจัดการประสบการณ์ลูกค้า ได้แก่
นายพิพิธ กล่าวทิ้งท้ายว่า แม้ว่าธุรกิจท่องเที่ยวโดยภาพรวมมีแนวโน้มเติบโต แต่ธุรกิจโรงแรมขนาด SME ยังเผชิญกับปัญหาในหลายด้าน ซึ่งธนาคารหวังว่าการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยบริหารจัดการโรงแรมผ่าน KONCIERGE+ จะช่วยให้ธุรกิจ SME สามารถคว้าโอกาสทางธุรกิจได้เพิ่มมากขึ้น ลดต้นทุน เพิ่มรายได้ รวมถึงการสร้างกำไรที่เพิ่มขึ้น เพื่อการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน
มิตซูโคชิ เดปาจิกะ ซูเปอร์มาร์เก็ต-ฟู้ดฮอลล์ (Mitsukoshi Depachika) ศูนย์รวมอาหารและโกรเซอรีระดับพรีเมียมตามแบบฉบับของซูเปอร์มาร์เก็ตและฟู้ดฮอลล์ในห้างสรรพสินค้าชั้นนําของญี่ปุ่น สาขาแรกของประเทศไทยในโครงการ วัน แบงค็อก เดินหน้าส่งมอบประสบการณ์ใหม่ของการช้อปปิ้งสินค้าพรีเมียมในสไตล์ญี่ปุ่นต้นตำรับ เพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภคชาวไทยและต่างชาติอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้รับมอบตราสัญลักษณ์ Japanese Food Supporter จาก องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร) กรุงเทพฯ ซึ่งช่วยสะท้อนถึงมาตรฐานสินค้าระดับพรีเมียม พร้อมการันตีความสด สะอาด ปลอดภัย และรสชาติของวัตถุดิบคุณภาพสูงนำเข้าจากญี่ปุ่น โดยได้รับเกียรติจากนายโอกาตะ มาซาโตะ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย เป็นประธานในพิธี ร่วมด้วยนายคุโรดะ จุน ประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร) กรุงเทพฯ โดยมีนายโอโนะ มาซาโตะ และนายอสิ อุไรกุล ผู้จัดการทั่วไป บริษัท วัน แบงค็อก มิตซูโคชิ จำกัด ให้การต้อนรับ ณ ร้านมิตซูโคชิ เดปาจิกะ ซูเปอร์มาร์เก็ต-ฟู้ดฮอลล์ โครงการ วัน แบงค็อก

นายคุโรดะ จุน (Mr. Kuroda Jun) ประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร) กรุงเทพฯ กล่าวถึงโครงการนี้ว่า “โครงการ Japanese Food Supporter มีเป้าหมายในการส่งเสริม กระตุ้นการบริโภควัตถุดิบนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นในต่างประเทศ ซึ่งมีส่วนสำคัญในการช่วยขยายตลาดสินค้าอาหารญี่ปุ่นไปทั่วโลกอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงให้การรับรองร้านอาหารที่ใส่ใจในการนำเข้าวัตถุดิบคุณภาพจากญี่ปุ่น เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่าจะได้ลิ้มรสอาหารญี่ปุ่นแท้ที่มีคุณภาพสูง สอดรับกับการเติบโตของมูลค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ป่าไม้ ประมง และอาหารจากญี่ปุ่นมายังประเทศไทยที่อยู่ที่ประมาณ 62,900 ล้านเยนในปี 2567 หรือเพิ่มขึ้นกว่า 23.1% จากปีก่อนหน้า ส่งผลให้ไทยก้าวขึ้นเป็นตลาดนำเข้าอันดับ 7 ของโลก และอันดับ 2 ในอาเซียน ซึ่งผมขอแสดงความยินดีกับมิตซูโคชิ เดปาจิกะ ที่ได้รับตราสัญลักษณ์นี้ และเชื่อว่าทางร้านจะสามารถมอบประสบการณ์การบริโภคอาหารญี่ปุ่นแท้ ๆ ให้กับผู้บริโภคในประเทศไทยได้เป็นอย่างดี”

ด้าน นายโอโนะ มาซาโตะ (Mr. Ono Masato) ผู้จัดการทั่วไป บริษัท วัน แบงค็อก มิตซูโคชิ จำกัด เปิดเผยว่า “การได้รับตราสัญลักษณ์ Japanese Food Supporter ถือเป็นอีกก้าวที่สำคัญของเรา โดยเปรียบเสมือนเป็นสัญลักษณ์แห่งความไว้วางใจที่ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค และช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับมิตซูโคชิในฐานะผู้นำด้านซูเปอร์มาร์เก็ตและฟู้ดฮอลล์ระดับพรีเมียมได้เป็นอย่างดี รวมถึงช่วยตอกย้ำถึงคุณภาพและมาตรฐานของสินค้า ตลอดจนวัตถุดิบที่เราคัดสรรมาเพื่อลูกค้ามิตซูโคชิ เดปาจิกะโดยเฉพาะ ซึ่งเรามุ่งมั่นพัฒนาสินค้าและบริการเพื่อนำเสนอประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า เพื่อตอบโจทย์ผู้ที่ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่นแท้ ๆ ด้วยวัตถุดิบและผลิตภัณฑืที่ดีที่สุดจากประเทศญี่ปุ่น”
สำหรับโครงการ Japanese Food Supporter เป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมงญี่ปุ่น (MAFF) และองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร) กรุงเทพฯ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรับรองร้านค้าและร้านอาหารที่ใช้วัตถุดิบนำเข้าประเทศญี่ปุ่น ที่มีคุณภาพ สด สะอาด ปลอดภัย และมีรสชาติดีเทียบเท่ากับร้านอาหารชั้นนำในญี่ปุ่น ซึ่งการได้รับตราสัญลักษณ์นี้ถือเป็นเครื่องหมายแห่งความไว้วางใจที่จะช่วยให้ผู้บริโภคเกิดความมั่นใจในแหล่งที่มาและคุณภาพของวัตถุดิบจากประเทศญี่ปุ่น

ทั้งนี้จากผลสำรวจของ MAFF พบว่ามูลค่าการส่งออกทางการเกษตร ป่าไม้ และประมง ตลอดจนอาหารจากญี่ปุ่นมายังไทยในปี 2567 ที่ผ่านมา มียอดรวมอยู่ที่ประมาณ 62,900 ล้านเยน (ราว 13,854,259.65 บาท) เพิ่มขึ้นราว 23.1% จากปีก่อนหน้า พร้อมก้าวขึ้นเป็นตลาดอันดับ 7 ของโลกแทนที่สิงคโปร์ และขึ้นเป็นอันดับ 2 ของอาเซียน รองจากเวียดนาม นอกจากนี้ยังพบว่าอาหารญี่ปุ่น ถือเป็นอาหารต่างชาติยอดนิยมอันดับ 2 มีสัดส่วนราว 38.35% รองจากอาหารไทย และคาดว่าจำนวนร้านอาหารญี่ปุ่นในปี 2567 จะอยู่ที่ 5,916 ร้าน เพิ่มขึ้น 165 ร้าน หรือนับเป็น 2.9% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

สำหรับมิตซูโคชิ เดปาจิกะ เป็นซูเปอร์มาร์เก็ตและฟู้ดฮอลล์ระดับพรีเมี่ยมที่นำแนวคิด "เดปาจิกะ" ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของห้างสรรพสินค้าชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่นมาสู่ประเทศไทยเป็นแห่งแรกและแห่งเดียว ตั้งอยู่ชั้น B1 ตึกพาเหรด โครงการวัน แบงค็อก บนพื้นที่กว่า 4,600 ตารางเมตร นำเสนอสินค้าที่ถูกคัดสรรมาเป็นพิเศษจากทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะอาหารสด และสินค้านำเข้าจากญี่ปุ่นมากถึง 4,000 รายการ ครอบคลุมทั้งอาหารสด ผักและผลไม้ตามฤดูกาล เนื้อสัตว์คุณภาพสูง ซูชิ และผลิตภัณฑ์อาหารนำเข้าโดยตรงจากญี่ปุ่น รวมถึงสินค้าเอ็กซ์คลูซีฟที่มีจำหน่ายเฉพาะที่มิตซูโคชิ เดปาจิกะเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีการคัดสรรสินค้าใหม่ สินค้าตามฤดูกาลมาจำหน่ายหมุนเวียนเป็นประจำทุกเดือน ตลอดจนเป็นศูนย์รวมของร้านขนมหวาน คาเฟ่ และร้านอาหารระดับพรีเมียมที่มีคุณภาพ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติที่ต้องการบริโภคสินค้าคุณภาพจากประเทศญี่ปุ่นและทั่วโลก
บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ให้ความใส่ใจในการส่งเสริมความรู้ความเข้าใจให้แก่ลูกค้าและคู่ค้า จัดงานสัมมนาในหัวข้อ ความสำคัญของการกำหนดทุนประกันภัยที่เหมาะสม โดยนางสาวปวีณา จูชวน ผู้อำนวยการใหญ่ ให้การต้อนรับและกล่าวเปิดการสัมมนาในครั้งนี้ พร้อมด้วยผู้บริหารจากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นวิทยากร ได้แก่ นายชัยยศ ซุ่นฮ้อ รองผู้อำนวยการ ฝ่ายสินไหมทดแทน นายอัชฌวศิน เจริญสุข ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ธุรกิจลูกค้าองค์กร และนายปุญญกานต์ ตั้งบุญญศิลป์ ผู้จัดการ ฝ่ายสินไหมทดแทน ถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับการรับประกันภัย รายละเอียดวิธีการทำงาน และเงื่อนไขการกำหนดทุนประกันภัยที่เหมาะสมสำหรับกรมธรรม์ประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์สินและกรมธรรม์ประกันอัคคีภัย รวมถึงตัวอย่างกรณีศึกษาการเคลมสินไหมทดแทน เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้รับความรู้ความเข้าใจและนำไปใช้ในการกำหนดทุนประกันภัยทรัพย์สินในองค์กรอย่างเหมาะสม โดยมีเจ้าหน้าที่ขององค์กรต่างๆ ให้ความสนใจเข้าร่วมสัมมนา ณ อาคารกรุงเทพประกันภัย ถนนสาทรใต้ เมื่อเร็วๆ นี้
ทิพยประกันภัย จัดกิจกรรมสุดพิเศษ "TIPปันรัก #6 LOVE ON TRACK ฉึกฉักไปตามราง เดินทางไปตามรัก" เพื่อขอบคุณสื่อมวลชนที่ให้การสนับสนุนทิพยประกันภัยมาโดยตลอด ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำในวันแห่งความรัก 14 กุมภาพันธ์ของทุกปี โดยในปีนี้ ดร.สมพร สืบถวิลกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ได้นำสื่อมวลชนร่วมเดินทางจาก กรุงเทพฯ สู่กาญจนบุรี โดยรถไฟ SRT Royal Blossom ที่ตกแต่งอย่างสวยงาม อบอวลไปด้วยบรรยากาศแห่งความสุขและความรัก โดยสื่อมวลชนจะได้ดื่มด่ำไปกับธรรมชาติที่งดงามและบรรยากาศสุดโรแมนติกตลอดเส้นทาง ไฮไลต์สำคัญของทริปนี้คือการล่องแพ สัมผัสธรรมชาติสองฝั่งแม่น้ำแคว ซึ่งสร้างความประทับใจให้กับสื่อมวลชนเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ ภายในงานยังมีเซอร์ไพรส์สุดพิเศษ ทั้งกิจกรรมจับรางวัล และการมอบกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลให้กับสื่อมวลชนทุกท่านที่เดินทาง เพื่อเป็นของขวัญแทนความห่วงใย

"TIPปันรัก #6" ไม่เพียงเป็นทริปที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานและบรรยากาศแสนอบอุ่น แต่ยังสะท้อนถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างทิพยประกันภัยและสื่อมวลชน ที่เปรียบเสมือนเพื่อนร่วมเดินทางที่คอยสนับสนุนกันเสมอมา