December 06, 2025

วิสัยทัศน์

นิยามใหม่ของร้านสะดวกซื้อที่ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมกับผู้คนในชุมชน พร้อมความยั่งยืน และมอบประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ครบวงจรนอกจังหวัดกรุงเทพฯ

ไลฟ์ เอ็กซ์เพรส

“ไลฟ์ เอ็กซ์เพรส” คือ ร้านสะดวกซื้อรูปแบบใหม่ที่ให้ความสำคัญกับความต้องการในชีวิตประจำวันของผู้คน เป็นโครงการมาตรฐานคุณภาพระดับโลกที่พัฒนามาเพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันของคนในชุมชนในแต่ละพื้นที่

การผสมผสานคำว่า “ไลฟ์” และ “เอ็กซ์เพรส” นั้น สื่อถึงแนวคิดที่มองไปข้างหน้า ประสานด้วยหลักการด้านความยั่งยืน ความร่วมมือจากพันธมิตร การใช้ดิจิทัลเทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์สูงสุด ด้วยการนำเสนอโครงการอสังหาฯ เชิงพาณิชย์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของชุมชน พร้อมเติมเต็มความต้องการในการใช้ชีวิตของลูกค้าในทุกวัน โดยผนึกกำลังกับแบรนด์ไลฟ์สไตล์รีเทลชั้นนำระดับโลกให้เหมาะสมกับชุมชนนั้นๆ

ไลฟ์ เอ็กซ์เพรส เชียงใหม่

โครงการไลฟ์ เอ็กซ์เพรส เชียงใหม่ สาขาแม็คโคร หางดง ถือเป็นโครงการต้นแบบ ตั้งอยู่บนพื้นที่ประมาณ 2,000 ตารางเมตร พัฒนาและบริหารจัดการโดยบริษัท ซีพี ฟิวเจอร์ ซิตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (ซีพีเอฟซี) บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร ภายใต้เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี กรุ๊ป)

ร้านค้าภายในโครงการไลฟ์ เอ็กซ์เพรส เชียงใหม่

ร้านค้าแต่ละร้านได้รับการออกแบบในขนาดที่เหมาะสมกับการจับจ่ายใช้สอยอย่างสะดวกสบายและรวดเร็ว ประกอบไปด้วย

  1. อิเกีย

ขนาดพื้นที่:        716 ตารางเมตร

เวลาทำการ:       11.00 – 20.00 น. 

อิเกียพร้อมยกระดับการใช้ชีวิตของลูกค้าชาวไทยในทุกจังหวัดทั่วประเทศ ที่มาในรูปแบบ “Order Point” ที่ลูกค้าสามารถเดินดู สำรวจ วางแผน และซื้อเฟอร์นิเจอร์ หรือของตกแต่งบ้านเช่นเดียวกับสาขาที่กรุงเทพฯ แต่มาในรูปแบบที่มีขนาดพอเหมาะกับความต้องการในชีวิตประจำวัน โดยนำเสนอสินค้าที่มีคุณภาพ และออกแบบมาเป็นอย่างดี ทั้งยังมอบความสะดวกสบาย และตอบโจทย์ด้านความยั่งยืน ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับคอนเซ็ปต์ “ไลฟ์” อิเกียได้นำเสนอผลิตภัณฑ์และของตกแต่งบ้านที่มีความยั่งยืน เน้นความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและในขณะเดียวกันก็ยังรักษาคุณภาพของสินค้าด้วยนวัตกรรมการออกแบบในระดับโลกที่อิเกียเป็นที่รู้จักมาอย่างยาวนาน

  1. เซเว่น อีเลฟเว่น

ขนาดพื้นที่:        170 ตารางเมตร

เวลาทำการ:       24 ชั่วโมง

เซเว่น อีเลฟเว่นได้นำเสนอสินค้าอุปโภคบริโภคประจำวันให้แก่ลูกค้าทุกเพศทุกวัย มอบความสะดวกในการซื้อสินค้าที่จำเป็น ควบคู่ไปกับการเพิ่มความหลากหลาย ทั้งสินค้า อาหารและเครื่องดื่มที่เป็นเอกลักษณ์ของชุมชน เป็นที่ชื่นชอบของคนท้องถิ่นรวมถึงนักท่องเที่ยว   

  1. ดีแคทลอน

ขนาดพื้นที่:        150 ตารางเมตร

เวลาทำการ:       9.00 – 21.00 น.

ดีแคทลอนทำให้การเล่นกีฬาเข้าถึงได้ง่ายสำหรับชุมชนต่างๆ โดยใช้กีฬาเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลรักษาสุขภาพ พร้อมมอบประสบการณ์การช้อปปิ้ง ที่ผสานออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกัน ในคอนเซ็ปท์ “Ready to Play” ดีแคทลอนนำเสนออุปกรณ์กีฬาที่หลากหลาย ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ชื่นชอบการเล่นกีฬาทั้งในร่มและกลางแจ้ง ผ่านแนวคิด “Play Daily” ซึ่งดีแคทลอนที่โครงการไลฟ์ เอ็กซ์เพรส เน้นให้ลูกค้าสามารถช้อปออนไลน์และรับสินค้าได้ที่ร้าน โดยแต่ละสินค้าได้รับการคัดสรรให้เหมาะกับความต้องการในแต่ละจังหวัด ดีแคทลอนยังให้ความสำคัญกับความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ด้านความยั่งยืนของซีพีเอฟซีที่สนับสนุนกิจกรรมด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของชุมชนท้องถิ่น

  1. ร้านทรู

ขนาดพื้นที่:        150 ตารางเมตร

เวลาทำการ:       10.30 – 19.30 น. วันจันทร์ถึงศุกร์

       10.00 – 20.00 น. วันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์

ทรูยกระดับประสบการณ์ด้วยผลิตภัณฑ์และบริการดิจิทัลที่ล้ำสมัย นำเสนอการช้อปปิ้งสินค้าไอทีแบบลื่นไหลไร้รอยต่อ เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีได้อย่างลงตัวและง่ายดาย โดยให้บริการทั้งส่วนจัดแสดงสินค้าที่หลากหลายและทันสมัย พร้อมเคาน์เตอร์และเจ้าหน้าที่ที่พร้อมให้บริการ

  1. คาเฟ่อเมซอน

ขนาดพื้นที่:        63 ตารางเมตร

เวลาทำการ:       6.00 – 21.00 น.

ร้านกาแฟคาเฟ่ อเมซอน ใช้เมล็ดกาแฟคุณภาพสูงจากแหล่งปลูกกาแฟที่มีชื่อเสียงในประเทศไทยและต่างประเทศ พร้อมให้บริการเครื่องดื่ม และอาหารว่างที่หลากหลาย พร้อมบริการสั่งออนไลน์เพื่อรับเครื่องดื่มที่สะดวกยิ่งขึ้น และยังเป็นจุดนัดพบ แหล่งพักผ่อน สำหรับคนทุกเพศทุกวัย

  1. ไปรษณีย์ไทย

ขนาดพื้นที่:        20 ตารางเมตร

เวลาทำการ:       9.00 – 21.00 น.

เพิ่มความสะดวกสบายด้านการจัดส่งสินค้าให้เป็นไปอย่างราบรื่น สะดวกสบาย และรวดเร็ว สำหรับทั้งลูกค้าและผู้เช่าโครงการไลฟ์ เอ็กซ์เพรสได้ร่วมกับไปรษณีย์ไทย นำเสนอบริการเพื่อให้เกิดเป็นเครือข่ายแบบครบวงจร รองรับความต้องการของผู้ใช้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยวิสัยทัศน์ “ส่งมอบการเติบโตอย่างยั่งยืนผ่านเครือข่ายไปรษณีย์”

  1. ร้านขายยาซูเปอร์เซฟ

ขนาดพื้นที่:        40 ตารางเมตร

เวลาทำการ:       9.00 – 21.00 น.

ร้านขายยาที่คุณภาพครบวงจรจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสุขภาพในหลากหลายประเภท ทั้งสินค้ากลุ่มยา เวชภัณฑ์ อาหารเสริม อุปกรณ์การแพทย์ และสินค้าเพื่อสุขภาพ พร้อมให้คำแนะนำโดยเภสัชกรที่มีประสบการณ์ ความรู้ และความเชี่ยวชาญ เปิดให้บริการร้านขายยาในเครือมากกว่า 80 สาขาทั่วประเทศ

การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดให้บริการ สะพานทศมราชัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ ทางพิเศษพระราม 3 - ดาวคะนอง - วงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯ ด้านตะวันตก เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาจราจรและเพิ่มความสะดวกในการเดินทางระหว่างกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยมีรายละเอียดการใช้เส้นทาง ดังนี้

ขาเข้ากรุงเทพฯ : ใช้ทางขึ้นที่ด่านฯ สุขสวัสดิ์ (ช่อง 1-3) ข้ามสะพานทศมราชัน และชิดขวาเพื่อเชื่อมต่อไปยังทางพิเศษเฉลิมมหานคร (มุ่งหน้าบางนา - ดินแดง) หรือชิดซ้ายเพื่อเชื่อมต่อไปทางพิเศษศรีรัชทางพิเศษ ศรีรัช (มุ่งหน้าแจ้งวัฒนะและถนนพระราม 9)

​ขาออกกรุงเทพฯ : ใช้ทางพิเศษเฉลิมมหานครหรือทางพิเศษศรีรัช ข้ามสะพานทศมราชัน ผ่านจุดเชื่อมต่อบริเวณทางแยกต่างระดับบางโคล่ แล้วลงที่ด่านฯ สุขสวัสดิ์ เพื่อไปยังถนนประชาอุทิศ ถนนสุขสวัสดิ์ และถนนพระราม 2

​โดยมีอัตราค่าผ่านทางสำหรับรถ 4 ล้อ ราคา 50 บาท รถ 6 - 10 ล้อ ราคา 75 บาท และรถมากกว่า 10 ล้อ ราคา 110 บาท

การเปิดให้บริการสะพานทศมราชัน ครบ 8 ช่องจราจร  สามารถช่วยบรรเทาปัญหาการจราจรติดขัด บนทางพิเศษเฉลิมมหานคร ช่วงบริเวณทางแยกต่างระดับบางโคล่บนถนนพระราม 9 ถึงบริเวณด่านฯ สุขสวัสดิ์ และบริเวณถนนพระราม 2 จากปริมาณความแออัด 100,470 คันต่อวัน ลดลงเหลือ 75,325 คันต่อวัน ช่วยลดความแออัดบนสะพานพระราม 9 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสามารถใช้งานสะพานทศมราชันได้ตั้งแต่วันนี้ เป็นต้นไป

สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือ ETDA (เอ็ตด้า) จับมือ พาร์ทเนอร์รัฐ-เอกชน เตรียมเปิดตัวโครงการ “SMEs GROWTH 2025 พลิก SMEs ไทยเติบโตได้อย่างยั่งยืน” เร่งเครื่องหนุน SMEs ใน 2 พื้นที่ ‘ภาคกลาง-อีสาน’ ให้พร้อมปรับตัวและเติบโตอย่างแข็งแกร่ง รับยุคดิจิทัลด้วย AI และ Digital Transformation พร้อมเชื่อมเครือข่ายทางธุรกิจ ‘Tech Provider-ภาครัฐ-เอกชน’ ร่วมสร้างระบบนิเวศน์ที่เอื้อต่อการเติบโต ไปกับองค์ความรู้ ประสบการณ์ และบริการดิจิทัลที่ตอบโจทย์ เพื่อให้ SMEs ในพื้นที่เติบโตอย่างยั่งยืน เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน สู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของไทย

ดร.ชัยชนะ มิตรพันธ์ ผู้อำนวยการ ETDA เปิดเผยว่า จากความสำเร็จของโครงการ ‘SMEs GROWTH’  ในปีที่แล้วกับการนำพา SMEs ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และ ภาคใต้ ก้าวสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพอันไร้ขีดจำกัดของเทคโนโลยีดิจิทัลในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนและส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืน สู่การสานต่อ “SMEs GROWTH 2025 พลิก SMEs ไทยเติบโตได้อย่างยั่งยืน” ที่ปีนี้ ETDA พร้อมด้วยพาร์ทเนอร์ ภาครัฐ เอกชน และหน่วยงานในท้องถิ่น เตรียมลงพื้นที่มุ่งขยายผลความสำเร็จสู่ SMEs ใน 2 ภูมิภาคสำคัญ ‘ภาคกลางและภาคอีสาน’ พื้นที่ศูนย์กลางแห่งเศรษฐกิจที่มีศักยภาพของไทย ให้พร้อมปรับตัวและเติบโตได้อย่างแข่งแกร่ง รองรับยุคดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยเทคโนโลยี AI และ Digital Transformation ตลอดจนองค์ความรู้ ประสบการณ์ จากเหล่าเครือข่ายทางธุรกิจ ทั้ง Tech Provider หน่วยงานภาครัฐ เอกชน ตลอดจนหน่วยงานในท้องถิ่น ที่จะมาร่วมกันสร้างระบบนิเวศน์ที่เอื้อต่อการสร้างโอกาสและการเติบโต พา SMEs ก้าวสู่โลกดิจิทัลได้อย่างยั่งยืน 

ดังนั้น เพื่อเป็นการสร้างการรับรู้และการมีส่วนร่วมแก่ SMEs ตลอดจน Tech Provider และเครือข่ายธุรกิจ ในพื้นที่ภาคกลางหรือภาคอีสาน ETDA จึงจับมือ พาร์ทเนอร์ภาครัฐ เอกชน เตรียมจัดงานแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ  “SMEs GROWTH 2025 พลิก SMEs ไทยเติบโตได้อย่างยั่งยืน” อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2568 ณ Glowfish ชั้น M อาคารขอนแก่นอินโนเวชั่นเซ็นเตอร์ จังหวัดขอนแก่น โดยกิจกรรมภายในงานแถลงข่าว นอกจากการนำเสนอรายละเอียดและเงื่อนไขในการรับสมัคร SMEs เข้าร่วมกิจกรรม Business Matching กับโครงการ SMEs GROWTH 2025 แล้ว ยังมีเวทีของการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และมุมมองจาก ผู้บริหาร ผู้นำองค์กร ตลอดจนผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายหน่วยงานที่จะมารวมกันที่งานนี้ด้วย อย่าง เสวนาพิเศษหัวข้อ “Tech เพื่อคนทำธุรกิจ - ต้อง Digital Transform แบบไหนให้พลิกโอกาสได้จริง ?” โดย คุณมีธรรม ณ ระนอง รองผู้อำนวย ETDA, คุณประดิษฐ์ คงภูงา ผู้จัดการสาขาภาคอีสานตอนกลาง สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล, คุณปรนนท์ ฐิตะวรรโณ ประธานสถาบันเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่ออุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, คุณปริญญา เลื่อนชิด รองผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และเตือนภัยทางเศรษฐกิจ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) และ คุณภาคภูมิ พัฒนเศรษฐานนท์ รองประธานหอการค้าจังหวัดขอนแก่น หอการค้าจังหวัดขอนแก่น เป็นต้น

ETDA จึงขอเชิญชวน SMEs และ Tech Provider หน่วยงานภาครัฐ เอกชน ตลอดจนหน่วยงานในท้องถิ่นในภาคกลางและภาคอีสาน ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลไทย ไปพร้อมกันกับ ETDA และ SMEs GROWTH 2025 พลิก SMEs ไทยเติบโตได้อย่างยั่งยืน” ในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2568

ถ่ายทอดสดพร้อมกันที่เพจเฟซบุ๊ก ETDA Thailand (https://www.facebook.com/ETDA.Thailand)

ย้ำตัวจริงเรื่องรสชาติ ทำถึง ถูกปากคนไทย พร้อมคัมแบ็คความอร่อยด้วย 2 รสชาติในตำนานที่แฟนๆ คิดถึงมากที่สุด  

แกร็บ ผู้นำซูเปอร์แอปในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกาศแต่งตั้ง นางสาวจันต์สุดา ธนานิตยะอุดม ขึ้นดำรงตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย แทนนายวรฉัตร ลักขณาโรจน์ ซึ่งได้ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งดังกล่าว โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2568 เป็นต้นไป การประกาศปรับเปลี่ยนผู้บริหารในครั้งนี้เป็นไปตามแผนการสืบทอดตำแหน่งระยะยาวที่บริษัทฯ ได้วางไว้ ซึ่งสะท้อนถึงนโยบายการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของผู้บริหารรุ่นใหม่ที่มีประสบการณ์และความสามารถในการบริหารธุรกิจดิจิทัล

โดยจันต์สุดาจะเข้ามานำทัพทีมบริหารเพื่อขับเคลื่อนองค์กรและสร้างการเติบโตทางธุรกิจของแกร็บในประเทศไทย ซึ่งครอบคลุมการวางแผนกลยุทธ์ การกำหนดทิศทางขององค์กร ตลอดจนการพัฒนาต่อยอด 4 กลุ่มธุรกิจหลัก อันได้แก่ กลุ่มธุรกิจการเดินทาง (Mobility) กลุ่มธุรกิจเดลิเวอรี  (Deliveries) กลุ่มธุรกิจการเงิน (Financial Services) และกลุ่มธุรกิจลูกค้าองค์กร (Enterprise Solutions) พร้อมสานต่อพันธกิจ “GrabForGood” หรือ แกร็บ…เพื่อชีวิตที่ดีกว่า ซึ่งมุ่งส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและดิจิทัลแพลตฟอร์มเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ จันต์สุดามุ่งมั่นที่จะยกระดับและเสริมสร้างความแข็งแกร่งของแกร็บเพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำแพลตฟอร์มยอดนิยมอันดับหนึ่ง ทั้งในบริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชันและบริการฟู้ดเดลิเวอรี การรักษาความสมดุลของอีโคซิสเต็มโดยคำนึงถึงประโยชน์ของคนในวงจรธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นคนขับหรือพาร์ทเนอร์ร้านค้า ควบคู่ไปกับการสร้างความยั่งยืนผ่าน 3 เสาหลัก นั่นคือ ธุรกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนบุคลากร

จันต์สุดาเริ่มงานกับแกร็บในปี 2561 ในตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดของ แกร็บ ประเทศไทย โดยดูแลรับผิดชอบงานในด้านการตลาดและการสื่อสารแบรนด์เชิงกลยุทธ์ ทั้งยังเป็นหนึ่งในผู้ปลุกปั้นแบรนด์ GrabFood ให้กลายเป็นที่นิยมจนสามารถคว้ารางวัล No.1 Brand Thailand มาครองติดต่อกันถึง 5 ปีซ้อน ด้วยประสบการณ์ด้านธุรกิจที่เต็มเปี่ยมและผลงานอันเป็นที่ประจักษ์ ทำให้จันต์สุดาได้รับความไว้วางใจให้ขยายความรับผิดชอบเพื่อดูแลธุรกิจในด้านอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น การบริหารงานด้านพันธมิตรทางธุรกิจในปี 2564 เพื่อสร้างโอกาสใหม่ทางธุรกิจร่วมกับพันธมิตรและคู่ค้าชั้นนำ การรุกตลาดเพื่อขยายบริการ GrabMart ในปี 2565 การดูแลรับผิดชอบสายงานพาณิชย์ในปี  2566 เพื่อผลักดันและสร้างการเติบโตทางธุรกิจทั้งกับกลุ่มผู้บริโภค (B2C) และลูกค้าองค์กร (B2B) รวมถึงบทบาทล่าสุดในการดูแลรับผิดชอบบริการทางการเงินในปี 2567 ที่ผ่านมา

ก่อนร่วมงานกับแกร็บ จันต์สุดาถือเป็นผู้บริหารผู้มากความสามารถและมีประสบการณ์อย่างยาวนานในด้านการตลาดและอีคอมเมิร์ซจากบริษัท ยูนิลีเวอร์ (Unilever) ซึ่งเป็นผู้นำธุรกิจ FMCG ระดับโลก โดยได้ดำรงตำแหน่งสำคัญ อาทิ หัวหน้าฝ่ายอีคอมเมิร์ซ ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย และ หัวหน้าฝ่ายการตลาด ยูนิลีเวอร์ ประเทศลาว โดยถือเป็นกำลังสำคัญในการวางรากฐานและกำหนดนโยบายเชิงกลยุทธ์เพื่อสร้างการเติบโตให้กับแบรนด์ต่างๆ ของยูนิลีเวอร์ ทั้งยังเคยดำรงตำแหน่งผู้จัดการแบรนด์ กลุ่มธุรกิจไอศกรีม ซึ่งอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของผลิตภัณฑ์คอร์นเนตโตในประเทศไทย

พร้อมเสิร์ฟความฟินจากรามยอนผัดรสชาติเกาหลีแท้ๆ ที่สามย่าน มิตรทาวน์ 3 - 23 ก.พ. 2568 และที่จ๊อดแฟร์ รัชดา 3 - 16 ก.พ. 2568

Ocean Park Hong Kong (โอเชี่ยนปาร์ค ฮ่องกง) หนึ่งในจุดหมายปลายทางและรีสอร์ทชั้นนำแห่งเอเชีย พร้อมมอบประสบการณ์ที่น่าจดจำ และน่าตื่นตาตื่นใจบนเกาะฮ่องกงแก่นักท่องเที่ยว ผ่านวิวทิวทัศน์อันน่าทึ่ง เครื่องเล่นสุดเร้าใจ นิทรรศการต่าง ๆ รวมถึงโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้ใกล้ชิดกับสัตว์นานาชนิด เพื่อมอบประสบการณ์ที่สนุกสนาน ไปพร้อม ๆ กับความรู้และความบันเทิง ควบคู่ไปกับการส่งเสริมการอนุรักษ์ธรรมชาติ

ทำความรู้จักกับครอบครัวแพนด้ายักษ์สุดน่ารัก

โอเชี่ยนปาร์ค ต้อนรับสมาชิกใหม่ล่าสุด ได้แก่ ลูกแพนด้าแฝดแสนน่ารัก ที่เกิดในฮ่องกงเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2567 พร้อมด้วยคู่หูแพนด้ายักษ์ An An และ Ke Ke จากมณฑลเสฉวน ซึ่งการต้อนรับสมาชิกใหม่เหล่านี้ ทำให้ Ocean Park กลายเป็นบ้านของแพนด้าจำนวนมากที่สุดรองจากจีนแผ่นดินใหญ่ เมื่อร่วมกับพ่อแพนด้ายักษ์แสนขี้เล่นอย่าง Le Le และแม่แพนด้ายักษ์ Ying Ying ที่จะมาสร้างความประทับใจให้กับผู้มาเยือนทุกคน โดยลูกแพนด้าแฝดจะพร้อมให้ทุกคนได้พบปะอย่างเป็นทางการในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์นี้

แพนด้าถือเป็นสัญลักษณ์แห่งสันติภาพ ความสามัคคี และโชคลาภในหลากหลายวัฒนธรรม ซึ่งในประเพณีจีน สัตว์ที่เป็นที่รักเหล่านี้เป็นสัญลักษณ์ของมิตรภาพ โดยรอยดำและขาวอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว แสดงถึงความสมดุลของหยินและหยาง นอกจากนี้ แพนด้ายังขึ้นชื่อในเรื่องความอ่อนโยน รวมถึงความสามารถพิเศษในการแผ่พลังงานบวก และความสุขให้แก่ผู้คนอีกด้วย

เนื่องในโอกาสพิเศษนี้ ทาง โอเชี่ยนปาร์ค ได้เปิดตัวคอลเลกชันตัวละครใหม่สุดน่ารักที่ได้รับแรงบันดาลใจจากแพนด้ายักษ์ทั้งหกตัวของฮ่องกง โดยแต่ละตัวได้รับการออกแบบให้เหมือนกับแพนด้าในชีวิตจริง โดยมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เช่น ลายรอบดวงตาและลวดลายขนที่แตกต่างกัน รวมถึงบุคลิกที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นความขี้เล่น ความอยากรู้อยากเห็น ไปจนถึงความอ่อนโยน โดยนักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมมุมต่าง ๆ ของสวนสนุกเพื่อเก็บประสบการณ์ที่น่าประทับใจรวมถึงผลิตภัณฑ์น่ารัก ๆ เหล่านี้กลับบ้านได้อีกด้วย

ดื่มด่ำไปกับความมหัศจรรย์ของแพนด้า

นักท่องเที่ยวสามารถเข้าร่วมกิจกรรมในธีมแพนด้าต่าง ๆ ซึ่งถือเป็นโอกาสในการสำรวจโลกของสัตว์น่ารักเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นโซนใหม่ล่าสุดอย่าง "Panda Wonders: An Illuminated Journey" ดินแดนแพนด้าที่ไม่ซ้ำใคร ด้วยการผสมผสานแสงและเงาอย่างลงตัว พร้อมให้นักท่องเที่ยวได้เก็บภาพความประทับใจ หรือโซน Panda Light Spectrum ที่สีขาวดำของแพนด้ายักษ์เปลี่ยนเป็นสีสันอันหลากหลาย สร้างบรรยากาศที่สดใสและน่าดึงดูด

โอเชี่ยนปาร์ค ยังมีโซน Blossom Flowerscape ซึ่งเป็นการจัดแสดงดอกไม้แบบอินเทอร์แอคทีฟ โซน Follow The Paws and Bamboo Oasis ที่มีการฉายภาพ 3 มิติสุดล้ำสมัยที่จะพานักท่องเที่ยวไปใกล้ชิดกับตัวละครแพนด้ายักษ์ท่ามกลางฉากหลังสุดตื่นตา และนักท่องเที่ยวยังสามารถโต้ตอบกับแพนด้าเสมือนจริงผ่านเทคโนโลยี AR รวมถึงเก็บภาพความสนุกได้ที่โซน Panda FunSnap อีกด้วย

ร่วมฉลองเทศกาลตรุษจีนกับโอเชี่ยนปาร์ค ฮ่องกง

เริ่มต้นการผจญภัยสุดตื่นเต้น ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากแพนด้ายักษ์ ตั้งแต่วันที่ 29 มกราคม 2568 โดย "The Cubs’ Channel" เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้สวมบทบาทเป็น "พี่เลี้ยง" พาแพนด้าแฝดเดินทางไปยังป่าไผ่ ร่วมแก้ปริศนาและปฏิบัติภารกิจ พร้อมทั้งเรียนรู้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการอนุรักษ์สัตว์ป่า ภายในโรงละครแบบอินเทอร์แอคทีฟ เพื่อมีส่วนร่วมแบบเรียลไทม์กับแอนิเมชั่นลูกแพนด้าแฝด  

นอกจากนี้ ยังมี "Giant" Panda Inflatable หรือตุ๊กตาแพนด้ายักษ์ ที่ Waterfront Plaza พร้อมเพลิดเพลินไปกับการแสดงที่มีชีวิตชีวา และพบกับเหล่าตัวละครสุดน่ารักที่เดินทักทายทุกคนทั่วทั้งสวนสนุก  สร้างบรรยากาศแห่งความสุขให้กับผู้มาเยือนทุกเพศทุกวัย

ยามค่ำ นักท่องเที่ยวยังสามารถชมการแสดง Panda Laser Delight สุดตระการตา ที่ฉายแสงเป็นลวดลายแพนด้าสุดน่ารักไปยังสัญลักษณ์ “ม้าน้ำ” สุดไอคอนิกบน Brick Hill  พร้อมชมการแสดงบริเวณทะเลสาบใหม่ที่เต็มไปด้วยความอลังการ

มาสัมผัสประสบการณ์การผจญภัยสุดตื่นเต้นที่ Ocean Park Hong Kong และเพลิดเพลินกับการเข้าพักที่โรงแรมชั้นนำระดับโลกทั้งสองแห่ง อย่าง Hong Kong Ocean Park Marriott Hotel และ The Fullerton Ocean Park Hotel Hong Kong ที่พร้อมมอบประสบการณ์การพักผ่อนสุดพิเศษ ตลอดจนกิจกรรม และความสนุกอีกมากมายในวันหยุดครั้งถัดไป

บริษัท ฟู้ดโปรเจ็ค (สยาม) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายวัตถุดิบอาหารคุณภาพพรีเมียมนานาชาติ จัดกิจกรรม “Japanese Wagyu in Western Style วากิวญี่ปุ่น สัมผัสใหม่สไตล์ตะวันตก” ภายใต้ โครงการสนับสนุนการใช้สินค้าอาหารนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น ร่วมกับผู้นำเข้าในประเทศไทย ประจำปีงบประมาณ 2567 JAPAN PREMIUM FOOD ~สัมผัสความอร่อยแบบญี่ปุ่นแท้~ โดย เจโทร กรุงเทพฯ

ภายในงานผู้เข้าร่วมได้สัมผัสประสบการณ์ชิมเนื้อวากิวเกรดพรีเมี่ยม ทั้งเนื้อ SAGA GYU จากเมืองซากะ และ HAKATA WAGYU จากเมืองฟุกุโอกะ ที่ส่งตรงจากญี่ปุ่น โดยผู้ประกอบการร้านอาหารชั้นนำที่เข้าร่วมงานได้พบปะพูดคุยกับ เชฟกฤษดา ทอนสูงเนิน ผู้เชี่ยวชาญด้านการปรุงอาหารตะวันตก และเป็นเจ้าของร้าน Kritsada Steak House, ร้านสเต็กชื่อดังระดับตำนาน ย่านประชาอุทิศ กรุงเทพฯ, ที่พร้อมสาธิตเมนูสุดหรูโดยใช้เนื้อวากิวนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น คือเนื้อซากะกิว และเนื้อฮากาตะวากิว เมนูไฮไลท์ในงานคือ

  • “HAKATA WAGYU Steak with Garlic Yorkshire Pudding”
  • “Warm Salad SAGA GYU Wrap with Foie Gras and Balsamic Reduction Sauce”

ทั้งสองเมนูได้สร้างความประทับใจให้กับผู้เข้าร่วมงานเป็นอย่างมาก ในโอกาศนี้ เชฟกฤษดา ได้แชร์เทคนิคการประกอบอาหารจากเนื้อวากิว และความรู้ที่น่าสนใจ ซึ่งเป็นจุดเด่นของเนื้อทั้งสองชนิดนี้ได้อย่างน่าสนใจ

คุณตู้ ปิยฉัตร อังคุณชัย ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด กล่าวว่า "ทางบริษัท ฟู้ดโปรเจ็ค (สยาม) จำกัด เป็นผู้นำด้านการจัดจำหน่ายและนำเข้าวัตถุดิบอาหารคุณภาพพรีเมียมจากนานาชาติทั่วทุกมุมโลก เราพิถีพิถันและใส่ใจในการคัดเลือกวัตถุดิบอาหารชั้นเลิศเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้ประกอบการและธุรกิจด้านอาหารของลูกค้า"

"สินค้าต่าง ๆ ของ บริษัท ฟู้ดโปรเจ็ค (สยาม) จำกัด ที่คัดสรรมานั้น ได้ผ่านการทดสอบและควบคุมคุณภาพ ตั้งแต่แหล่งต้นทางของวัตถุดิบ การนำเข้า จนถึงการส่งมอบให้กับลูกค้า ดังนั้นจึงวางใจได้ในเรื่องคุณภาพ ความสด สะอาด ปลอดภัย และได้มาตรฐานระดับสากล"

ฟู้ด โปรเจ็ค (สยาม) ให้บริการ 365 วันโดยไม่มีวันหยุด ผู้ประกอบการธุรกิจอาหารมั่นใจได้ว่ามีวัตถุดิบอาหารคุณภาพเยี่ยมที่สามารถรองรับความต้องการของธุรกิจลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง เราให้ความสำคัญกับการจัดส่งสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ ควบคุมตั้งแต่กระบวนการลำเลียงสินค้าด้วยรถขนส่งควบคุมอุณหภูมิอย่างระมัดระวัง จัดส่งสินค้าที่เน้นความถูกต้อง รวดเร็ว และตรงเวลา

"บริษัทฯ ยังมุ่งมั่นพัฒนามาตรฐานการดำเนินงานอย่างไม่หยุดยั้ง ควบคู่ไปกับการคัดสรรวัตถุดิบอาหารคุณภาพพรีเมียมจากทั่วทุกมุมโลก เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า เพื่อยืนยันถึงการเป็น Food Project Foodservice Solution" คุณตู้ กล่าว

หากต้องการข้อมูลด้านสินค้าหรือบริการ สามารถติดต่อ

บริษัท ฟู้ดโปรเจ็ค (สยาม) จำกัด ทั้ง 5 สาขา ทุกภาคทั่วไทย

  • Food Project (Siam) สาขาพระราม 3 กรุงเทพ 0-2770-8800
  • Food Project (Siam) สาขาสมุย 0-7744-8888-1
  • Food Project (Siam) สาขาขอนแก่น 0-4300-1887
  • Food Project (Siam) สาขาเชียงใหม่ 0-5348-1367-9
  • Food Project (Siam) สาขาภูเก็ต 0-7661-7420-1

หรือเข้าชมช่องทางการสื่อสารของบริษัทได้ที่

โครงการสนับสนุนการใช้สินค้าอาหารนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น ร่วมกับผู้นำเข้าในประเทศไทย ประจำปีงบประมาณ 2567 JAPAN PREMIUM FOOD ~สัมผัสความอร่อยแบบญี่ปุ่นแท้~ โดย เจโทร กรุงเทพฯ

ร่วมพัฒนาทักษะนักศึกษาคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรมด้านยานยนต์ไฟฟ้า พร้อมนำเสนอผลงานจากนักศึกษาในโครงการ CHOICEISYOURS 2024 ภายในงานชัยพัฒนาแฟร์ สัญจร นครนายก

ทรู คอร์ปอเรชั่น ร่วมประชุมรับฟังความคิดเห็นสาธารณะต่อร่างประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมเคลื่อนที่สากล 850 MHz 1500 MHz 1800 MHz 2100 MHz 2300 MHz และ 26 GHz โดยสนับสนุนให้ กสทช. นำคลื่นความถี่มาจัดสรร เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากการใช้งานคลื่นความถี่อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมทั้งเพื่อเสริมการพัฒนาขีดความสามารถของประเทศ ในบริบทของการเสริมสร้างโครงสร้างโทรคมนาคมที่แข็งแกร่ง ซึ่งถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่สำคัญ ที่จะผลักดันให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันในยุค 5G ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (IoT) กับนานาประเทศได้อย่างยั่งยืน

นายจักรกฤษณ์ อุไรรัตน์  หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกิจการองค์กร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ปัจจุบันประเทศไทยถือได้ว่าเป็นประเทศที่มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นอันดับต้น ๆ ของเอเชียแปซิฟิค การประมูลที่กำลังจะจัดขึ้น จึงมีความสำคัญในการส่งเสริมความต่อเนื่องในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลของประเทศ อย่างไรก็ตาม ร่างประกาศหลักเกณฑ์การประมูล ที่ กสทช. นำมารับฟังความคิดเห็นในครั้งนี้ บริษัทฯ เห็นว่ามีประเด็นที่ควรปรับปรุงเพื่อมุ่งส่งเสริมให้กระบวนการจัดสรรคลื่นความถี่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ การจัดให้มีประมูลคลื่นความถี่ทุกย่านพร้อมกัน เพื่อส่งเสริมการแข่งขันและสร้างความโปร่งใสจากการประมูล โดยเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมประมูลสามารถประมูลคลื่นความถี่ได้ทุกย่านพร้อมกันและลดข้อจำกัดจากความไม่แน่นอนในขั้นตอนการประมูล นอกจากนี้ บริษัทฯ เห็นว่าราคาขั้นต่ำ หรือ Reserve Price ที่ระบุในร่างประกาศฯ แม้ว่าจะเป็นราคาที่ต่ำกว่าราคาขั้นต่ำในอดีตแต่ยังสูงกว่าราคาเฉลี่ยของคลื่นความถี่ในย่านเดียวกันในต่างประเทศมาก ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงให้ กสทช. ไม่สามารถจัดสรรคลื่นความถี่ได้มากเท่าที่ควร และทำให้ประเทศไทยสูญเสียโอกาสในการใช้ประโยชน์จากคลื่นความถี่ที่เป็นทรัพยากรโทรคมนาคมของชาติ ประกอบกับเงื่อนไขการชำระเงินที่ไม่สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจของประเทศ และปั่นทอนความสามารถในการลงทุนพัฒนาโครงข่ายโทรคมนาคม โดยกำหนดให้ต้องชำระค่าคลื่นความถี่ 50% ตั้งแต่งวดแรก (ก่อนรับใบอนุญาต) จึงเสนอให้แบ่งชำระค่าคลื่นความถี่เป็น 10 งวดเหมือนการประมูลครั้งที่ผ่านมา” 

ทรู คอร์ปอเรชั่น ตระหนักว่าคลื่นความถี่เป็นทรัพยากรสำคัญและเป็นรากฐานในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล ซึ่งจะเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันในระดับสากลให้กับประเทศ พร้อมกันนี้ยังได้นำเสนอข้อคิดเห็นอันเป็นประโยชน์ต่อการกำหนดหลักเกณฑ์การประมูล เพื่อให้การจัดสรรคลื่นความถี่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน

X

Right Click

No right click