December 06, 2025

ออเนอร์ (HONOR) ผู้ให้บริการอุปกรณ์อัจฉริยะชั้นนำระดับโลก เตรียมเปิดตัว HONOR Magic7 Pro 5G ภายใต้คอนเซปต์อิสระที่มากกว่าด้วยเวทมนต์ AIสมาร์ตโฟนแฟลกชิปรุ่นใหม่ล่าสุด นำเสนอนวัตกรรมสุดล้ำที่ผสานพลัง AI โดดเด่นด้วยกล้องเทเลโฟโต้ถ่ายภาพคมชัดความละเอียดสูง 200MP ยกระดับประสบการณ์การถ่ายภาพได้อย่างเหนือชั้น ทั้งยังเสริมความปลอดภัยสูงสุดด้วย AI Deepfake Detection เทคโนโลยีอัจฉริยะที่ช่วยตรวจจับและป้องกันการปลอมแปลงภาพ พร้อมด้วย AI Translation ที่ช่วยลดกำแพงของภาษาเพื่อให้ทุกคนสามารถเชื่อมต่อและท่องโลกได้อย่างอิสระ

HONOR Magic7 Pro 5G สมาร์ตโฟนดีไซน์พรีเมียมระดับแฟลกชิปรุ่นล่าสุดจาก HONOR อัดแน่นด้วยประสิทธิภาพการใช้งานที่ทรงพลังด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี AI สุดล้ำ ตอบโจทย์การใช้งานทุกมิติ ชูจุดขายด้วย กล้องเทเลโฟโต้คมชัดระดับ 200 ล้านพิกเซล รองรับการซูมระยะไกล ที่ไม่ว่าจะซูมแค่ไหนคุณภาพของภาพที่ได้ก็ยังให้รายละเอียดที่สมบูรณ์ พร้อมผสาน AI Motion Sensing Capture ตัวช่วยเก็บภาพเคลื่อนไหวในทุกโมเมนต์สำคัญเพียงเสี้ยววินาที พร้อมเสริมความปลอดภัยขั้นสูงด้วย AI Deepfake Detection เทคโนโลยีที่ช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกนำภาพหรือวิดีโอไปใช้ในทางที่ผิด อาทิ การฉ้อโกง หรือการสร้างเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม นอกจากนี้ยังมาพร้อม AI Translation ที่รองรับการแปลภาษาแบบเรียลไทม์ ช่วยลดอุปสรรคในการสื่อสารและเชื่อมต่อผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกได้อย่างไร้ขีดจำกัด ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงประสบการณ์ใหม่ ๆ ได้อย่างเต็มที่

สามารถติดตามโปรโมชันและข้อเสนอพิเศษได้ในงานเปิดตัวพร้อมกันวันอังคารที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 15.00 – 17.00 น. ณ โรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ หรือรับชมบรรยากาศการเปิดตัวแบบสด ๆ ได้ทางเฟซบุ๊กเพจ HONOR Thailand และ YouTube HONOR Thailand

พิเศษ! สำหรับผู้ที่สนใจสมาร์ตโฟน HONOR Magic7 Pro 5G สามารถจองล่วงหน้าก่อนใคร เพียงลงทะเบียน Blind Booking ผ่านทาง https://linktr.ee/HONORTH ตั้งแต่วันนี้ - 10 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 23.59 น. รับสิทธิพิเศษมากมาย ต่อที่ 1 รับฟรี HONOR Watch 4 มูลค่า 4,990 บาท ต่อที่ 2 รับสิทธิ์เครื่องเก่าแรกใหม่ พร้อมส่วนลดเพิ่มสูงสุด 6,000 บาท* โดยจะได้รับเครื่องในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2568 เป็นต้นไป ณ HONOR Experience Store ทุกสาขา และร้านค้าที่ร่วมรายการ

BAM จัดแคมเปญ “ บ้าน BAM สุข x 4 ”  คัดที่อยู่อาศัยทั่วประเทศกว่า  2,300 รายการ นำมาลดราคาสูงสุด 30 % ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 15 มีนาคม 2568 พร้อมรับโปร “ โอนเร็ว รับเลย ” ฟรีค่าโอนสูงสุด 900,000 บาทต่อรายการทรัพย์ และรับบัตรกำนัลมูลค่าสูงสุด 25,000 บาท  พิเศษจองซื้อทรัพย์ ผ่านช่องทาง Online : BAM Choice Application  รับฟรีเครื่องใช้ไฟฟ้า SHARP

นายบรรยง วิเศษมงคลชัย รองประธานกรรมการ และรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM กล่าวว่า  BAM ได้ผนึกกำลังพันธมิตรจัดแคมเปญ “ บ้าน BAM สุข x 4 ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 15 มีนาคม 2568  ให้กับลูกค้าที่ซื้อทรัพย์ BAM ได้แก่ สุขที่ 1 ทรัพย์ BAM ราคาพิเศษลดสูงสุด 30% สุขที่ 2  ดอกเบี้ยพิเศษจากธนาคารกรุงเทพ (BBL)  สุขที่ 3 เบี้ยประกันอัคคีภัยราคาพิเศษจากกรุงเทพประกันภัย (BKI) (เฉพาะลูกค้าที่ขอสินเชื่อกับธนาคารกรุงเทพ)    สุขที่ 4 ส่วนลดซื้อสินค้า และบริการออกแบบ Everyroom 3D Design จากบุญถาวร โดยคัดทรัพย์ที่อยู่อาศัยสภาพดี 3 ดาวขึ้นไป ทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ คอนโดมิเนียม อาคารพาณิชย์ จำนวนกว่า 2,300 รายการ มูลค่ารวมกว่า 5,200 ล้านบาท มาให้ลูกค้าเลือกช็อป นอกจากนี้ เมื่อซื้อทรัพย์ในแคมเปญทุกรายการ และโอนกรรมสิทธิ์ภายใน 30 วัน รับโปร “โอนเร็ว รับเลย” ฟรีค่าโอนสูงสุด 900,000 บาท ต่อรายการทรัพย์ รับบัตรกำนัลมูลค่าสูงสุด 25,000 บาท พิเศษสุด เมื่อจองซื้อทรัพย์ ผ่านช่องทาง BAM Choice Application และซื้อทรัพย์ไม่เกิน 1 ล้านบาท รับไมโครเวฟ SHARP หรือซื้อทรัพย์เกิน 1 ล้านบาท รับเครื่องฟอกอากาศ SHARP ทั้งนี้ BAM คัดทรัพย์นำมาจัดแคมเปญหลากหลายทำเล เช่น

  • บ้านเดี่ยว หมู่บ้านทองภัชร โครงการทองภัชร อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยาราคาตั้งขาย 4,291,000 บาท ราคาพิเศษ 4,046,000 บาท ราคาแคมเปญ 3,844,000 บาท
  • ทาวน์เฮ้าส์ หมู่บ้านเทพารักษ์ โครงการชายคลอง อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ราคาตั้งขาย 2,100,000 บาท ราคาพิเศษ 1,820,000 บาท ราคาแคมเปญ 1,729,000 บาท
  • ทาวน์เฮ้าส์ หมู่บ้านประชาสุข เลคแอนด์มอลล์ อ.บางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร ราคาตั้งขาย 5,145,000 บาท ราคาพิเศษ 4,851,000 บาท ราคาแคมเปญ 4,609,000 บาท
  • บ้านเดี่ยว หมู่บ้านเดอะแกรนด์ พระราม 2 เฟส INFINIA อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ราคาตั้งขาย 5,670,000 บาท ราคาพิเศษ 5,130,000 บาท ราคาแคมเปญ 4,874,000 บาท

โดยในปี 2568 นี้  BAM ได้ชู 3 โปรเจกต์เพื่อช่วยเหลือสังคมควบคู่กับการพัฒนาคุณภาพชีวิต ได้แก่ 1. BAM Smart Garden Homeโครงการพลังงานสะอาดบนพื้นที่หลาย 100 ไร่ ที่จังหวัดนครนายก รวมถึงสำนักงาน BAM ทั่วประเทศ ได้แก่ เชียงใหม่ พิษณุโลก สุพรรณบุรี ขอนแก่น สุราษฎร์ธานี และหาดใหญ่  ด้วยแนวคิด  SMART ที่ย่อมาจาก  S: Self-efficient, M: Modern & Quality,A: Absorb Carbon, R: Recharge Royally, T: time Wait for no man.) เน้นพึ่งพาตนเอง ตอบโจทย์การใช้ชีวิตสมัยใหม่ ด้วยพลังงานสะอาดเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยจัดสรรที่ดินแบ่งขายแปลงละประมาณ 200 ตารางวา 2. BAM Quality Home โครงการรีโนเวตบ้านมือสองให้มีคุณภาพระดับ 5 ดาว แก้ไขปัญหาความกังวลของผู้ซื้อบ้านมือสอง ด้วยการรับประกันโครงสร้างและวัสดุ พร้อมให้บ้านพร้อมอยู่ในทุกมิติ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ซื้อ 3. แคมเปญผ่อนซื้อที่ช่วยให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายยิ่งขึ้น เพื่อให้คนไทยมีโอกาสเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยอย่างยั่งยืน

MEA หรือการไฟฟ้านครหลวง ร่วมกับ PWA หรือการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ในฐานะหน่วยงานรัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงมหาดไทย มีหน้าที่ดูแลระบบความมั่นคงระบบไฟฟ้า และประปา ในพื้นที่ของประเทศไทย แนะเคล็ดลับประหยัดไฟ-น้ำ อย่างมีประสิทธิภาพ

MEA แนะเทคนิคประหยัดไฟในการใช้เครื่องทำน้ำอุ่น

  • ใช้เสร็จแล้วรีบปิดเครื่อง อย่าเปิดสวิตช์ทิ้งไว้
  • ไม่ควรปรับความร้อนเกินความจำเป็น
  • สวิตช์ และส่วนประกอบอื่น ๆ ต้องเป็นชนิดที่กันน้ำ
  • ต้องติดตั้งสายดิน และเครื่องตัดไฟรั่วที่ได้มาตรฐาน
  • ควรอ่านคู่มือก่อนการใช้งาน

PWA แนะเทคนิคประหยัดน้ำในการใช้เครื่องทำน้ำอุ่น

  • เลือกใช้อุปกรณ์ประหยัดน้ำ
  • ปิดฝักบัวทุกครั้งระหว่างทำความสะอาดร่างกาย อาทิ ขณะถูสบู่ สระผม
  • ใช้เวลาการอาบน้ำให้สั้นลง จะช่วยประหยัดน้ำได้มากขึ้น
  • เปิดเครื่องทำน้ำอุ่นไม่เกิน 15 นาที/ครั้ง
  • ปรับระดับความแรงของน้ำปานกลาง
  • หมั่นตรวจการรั่วไหลน้ำจากฝักบัว เพราะทำให้สูญเสียน้ำโดยเปล่าประโยชน์

ทั้งนี้ ผู้ใช้ไฟฟ้าในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ สามารถติดต่อ MEA ได้ผ่าน MEA Smart Life Application หรือผ่านช่องทาง Line: MEA Connect (@MEAthailand) สัญลักษณ์โล่สีเขียวนำหน้าชื่อบัญชีทางการ เลือกเมนู ติดต่อ MEA Call Center Online 1130 ศูนย์บริการข้อมูลผู้ใช้ไฟฟ้าการไฟฟ้านครหลวง ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ในส่วน กปภ. ให้บริการด้านน้ำประปา ในพื้นที่ 74 จังหวัดทั่วประเทศ ยกเว้นกรุงเทพมหานคร นนทบุรี สมุทรปราการ และพื้นที่ที่บริหารจัดการน้ำประปาโดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

ทั้งนี้ ลูกค้าสามารถติดต่อ กปภ. ผ่านช่องทาง

PWA E-SERVICE ได้แก่

  1. PWA LINE Official : @pwathailand
  2. PWA Plus Life Application
  3. เว็บไซต์ www.pwa.co.th 

หรือ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ PWA Contact Center 1662 ตลอด 24 ชั่วโมง

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารเล็งเห็นถึงความจำเป็นที่ต้องเร่งออกมาตรการป้องกันความเสียหายทางการเงินให้กับลูกค้าที่ใช้บริการทำธุรกรรมผ่านแอปพลิเคชันของธนาคาร ด้วยปัจจุบันเล่ห์เหลี่ยมมิจฉาชีพมีหลากหลายรูปแบบ ทั้งที่สวมรอยเป็นคอลเซนเตอร์หน่วยงานต่าง ๆ แอบอ้างข่มขู่ทางโทรศัพท์ การออกจดหมายปลอม ตลอดจนการส่งข้อความล่อลวงให้กดลิงก์เว็บไซต์ปลอม ซึ่งหากหลงเชื่อทำตามจะทำให้มิจฉาชีพสามารถเข้าถึงบัญชีเงินฝากของลูกค้าและถอนหรือโอนเงินออกไปได้โดยลูกค้าไม่รู้ตัว เป็นต้น ทำให้ประชาชนหลงเชื่อเป็นจำนวนมากซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ ต้องสูญเสียเงินฝากก้อนสุดท้ายด้วยความตกใจกลัว หรือโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์

MyMo Secure Plus เป็นโหมดให้บริการบนแอป MyMo ที่ช่วยลดความเสียหายจากการสูญเสียทรัพย์ของลูกค้าธนาคารออมสิน โดยลูกค้าที่กดเลือกใช้โหมด MyMo Secure Plus บนแอป MyMo จะไม่สามารถโอนเงินจากบัญชีเงินฝากธนาคารออมสินของตน ไปยังบัญชีผู้อื่นได้ทั้งสิ้น จึงช่วยลดความสูญเสียได้ในกรณีที่ลูกค้าเกิดพลาดกดลิงก์ที่แนบมากับข้อความใด ๆ หรือกรณีโทรศัพท์มือถือโดนแฮก หรือโดนรีโมตควบคุมจากระยะไกล โดยลูกค้าที่เลือกใช้โหมด MyMo Secure Plus ยังคงสามารถใช้บริการ Mobile Banking อื่น ๆ ได้เช่นเดียวกับแอป MyMo โหมดปกติ และยังสามารถโอนเงินไปยังบัญชีชื่อตนเองที่มีอยู่กับธนาคารอื่นได้เมื่อมีเหตุจำเป็น  ต้องใช้เงิน หรือเมื่อลูกค้าได้ไตร่ตรองอย่างรอบคอบและระมัดระวังที่สุดแล้ว ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับลูกค้าเงินฝากระยะยาว ที่ไม่มีความจำเป็นต้องทำธุรกรรมโอนเงินเข้า-ออกเป็นประจำ หรือไม่มีการชำระค่าสินค้าและบริการทาง Mobile Banking ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถกดเปิดโหมด MyMo Secure Plus บนแอป MyMo ได้ด้วยตนเอง ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

ภายใต้สถานการณ์ภัยมิจฉาชีพในปัจจุบัน ธนาคารออมสิน ขอย้ำว่า ธนาคารไม่มีนโยบายให้ผู้บริหาร หรือพนักงานโทรศัพท์สอบถามข้อมูลทางการเงิน และข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงการส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์เพื่อให้กดลิงก์หรือดำเนินการใด ๆ ทุกกรณี ทั้งนี้ หากได้รับการติดต่อโดยแอบอ้างชื่อธนาคาร หรือมีความไม่แน่ใจต้องตรวจสอบด้วยตนเองทุกครั้งกับช่องทางของธนาคาร อาทิ เว็บไซต์ www.gsb.or.th, แอปพลิเคชัน MyMo, เฟซบุ๊ก GSB Society, LINE Official Account : GSB NOW และหากพบธุรกรรมผิดปกติให้ติดต่อ GSB Contact Center 1115 กด 6 หรือสาขาของธนาคารออมสิน หรือแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ทันที

พรูเด็นเชียล ประเทศไทย เดินหน้าแคมเปญ “STEP UP, START NOW: สุขภาพดีกว่าเดิม แค่เริ่มไปด้วยกัน” ชวนคนไทยใส่ใจและดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่อง กับงานวิ่ง “ซีนิคฮาล์ฟมาราธอนปราณบุรี 2025” (Scenic Half Marathon Pranburi 2025) ตอกย้ำผู้นำแนวคิด ‘Health is Wealth’ ด้วยความเชื่อว่า การมีสุขภาพที่ดี คือ ความมั่งคั่งที่แท้จริง งานนี้มีนักวิ่งทั้งมืออาชีพและมือสมัครเล่นเข้าร่วมกว่า 3,000 คน สัมผัสจุดชมวิวอันงดงามและเป็นเอกลักษณ์ของปราณบุรี กับ หาดปากน้ำปราณ  ต้นตาล 3 ต้น พร้อมสนับสนุนการท่องเที่ยวและกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น

นายบัณฑิต เจียมอนุกูลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ พรูเด็นเชียล ประเทศไทย กล่าวว่า “ในปี 2025 พรูเด็นเชียล ประเทศไทย ยังคงส่งเสริมให้คนไทยมีสุขภาพที่แข็งแรง เราจึงสานต่อการสนับสนุนงานวิ่งชั้นนำระดับประเทศอย่าง ซีนิคมาราธอนซีรีส์(Scenic Marathon Series)อย่างต่อเนื่องเหมือนปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นสนามวิ่งที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์, จันทบุรี, ระยอง และกระบี่ ซึ่งซีนิคมาราธอนซีรีส์ถือเป็นงานวิ่งที่ได้รับความสนใจจากนักวิ่งทั้งมืออาชีพและมือสมัครเล่นมาอย่างยาวนาน และกิจกรรมครั้งนี้ ยังเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ “Step Up Start Now สุขภาพดีกว่าเดิม แค่เริ่มไปด้วยกัน” ซึ่งพรูเด็นเชียลฯ มุ่งมั่นดูแลและพร้อมสร้างหลักประกันที่มั่นคงให้กับคนไทยในทุกช่วงวัย ทั้งด้านสุขภาพและการใช้ชีวิต ตามเจตนารมณ์ “ชีวิตมีกัน ทุกวันดีกว่า” เพราะเชื่อว่าการมีกันและกันจะช่วยเติมเต็มทุกวันให้ดีกว่าเดิม อีกทั้งยังเชื่อว่าความมั่งคั่งที่แท้จริง คือ การมีสุขภาพที่ดีแบบองค์รวม ดังนั้น เราจึงอยากเชิญชวนคนไทยทุกคนให้หันมาใส่ใจในการดูแลสุขภาพ โดยเฉพาะการออกกำลังกายด้วยการวิ่งหรือเดิน ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นจากตัวเองที่ง่ายที่สุด เพียงเรามีรองเท้าผ้าใบหนึ่งคู่ เราก็สามารถขยับร่างกายเพื่อให้มีสุขภาพที่ดีได้ในทุกๆวัน”

 

สำหรับงาน ซีนิคฮาล์ฟมาราธอนปราณบุรี 2025 (Scenic Half Marathon Pranburi 2025)  ถือเป็นสนามแรกของปีนี้ และยังเป็นสนามที่สามารถผ่านการรับรองมาตรฐานระดับโลก (World Athletics Road Race Label) เป็นปีแรก ที่จัดภายใต้ธีม "วิ่งสุดฟิน ริมทะเลปราณ" บนเส้นทาง Scenic Route ณ ปากน้ำปราณ บีช พาร์ค จ.ประจวบคีรีขันธ์  โดยการวิ่งแบ่งออกเป็น 4 ระยะ ได้แก่ วิ่งชายหาด 3 กิโลเมตร, Surfskate 3 กิโลเมตร, ฟันรัน 5 กิโลเมตร, มินิมาราธอน 10 กิโลเมตร และฮาล์ฟมาราธอน 21.1 กิโลเมตร ที่ยังคงตอกย้ำการจัดงานในรูปแบบ Eco Sport Tourism ที่ส่งเสริมการวิ่งออกกำลังกายไปพร้อมกับการท่องเที่ยวและอนุรักษ์ธรรมชาติ โดยผู้ลงวิ่งระยะ 3 กิโลเมตรจะได้รับสับปะรดฟรี ร่วมสร้างสีสันภายในงานมากขึ้น

 

นอกจากนี้ พรูเด็นเชียล ประเทศไทย ยังได้สนับสนุนประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลเพื่อคุ้มครอง  นักวิ่งทุกคน ทุกระยะ สูงสุดถึง 100,000 บาท เพื่อให้ความคุ้มครองและความอุ่นใจแก่นักวิ่งภายในงาน รวมทั้งการนำเสนอแผนการดูแลสุขภาพในราคาพิเศษให้ผู้เข้าร่วมงาน และยังนำกิจกรรมต่าง ๆ ที่ทั้งเติมความสนุกสนานและสนับสนุนสุขภาพมากมายมาร่วมภายในงานอีกมากมาย อาทิ อุโมงค์น้ำจากพรูเด็นเชียลฯ, บูธถ่ายรูป, กองเชียร์, โซนแช่เท้าสำหรับนักวิ่ง และของพรีเมียมที่ระลึก

สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) พร้อมด้วย MEA หรือการไฟฟ้านครหลวง EGAT หรือการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และ PEA หรือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ร่วมกันแถลงข่าว การเปิดให้บริการอัตราค่าบริการไฟฟ้าสีเขียวแบบผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เจาะจงแหล่งที่มา (Utility Green Tariff: UGT1) ซึ่งเป็นการเปิดให้บริการไฟฟ้าสีเขียวครั้งแรกในไทย เพื่อเพิ่มทางเลือกในการรับบริการไฟฟ้าสะอาด รองรับความต้องการไฟฟ้าสีเขียวของ ผู้ประกอบการภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมภาคเอกชน และสนับสนุนนโยบายรัฐบาล ที่ต้องการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้า รวมทั้งเป็นหนึ่งในมาตรการจูงใจที่สำคัญรองรับการขยายฐานการลงทุนจากธุรกิจข้ามชาติชั้นนำมายังประเทศไทย โดยมี ดร.พูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์ เลขาธิการสำนักงาน กกพ. นายพิศณุ ตันติถาวร รองผู้ว่าการ MEA นายธวัชชัย สำราญวานิช รองผู้ว่าการ EGAT และนางสาวภูสุดา สงคศิริ ผู้ช่วยผู้ว่าการ PEA เข้าร่วมงาน ณ โรงแรมอิสติน แกรนด์ พญาไท กรุงเทพฯ

 

รองผู้ว่าการ MEA กล่าวว่า MEA ในฐานะหน่วยงานรับผิดชอบด้านระบบจำหน่ายไฟฟ้าในพื้นที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ พร้อมตอบสนองต่อนโยบายรัฐบาล และร่วมมือกับภาครัฐ ในการให้บริการจัดหา และส่งมอบพลังงานไฟฟ้าสีเขียว พร้อมใบรับรองเครดิตการผลิตพลังงานหมุนเวียน Renewable Energy Certificate (REC) เพื่อส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการและภาคอุตสาหกรรมให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลกด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม อีกทั้งยังเป็นการต่อยอดและยกระดับอุตสาหกรรมและการใช้ไฟฟ้าสีเขียวให้เติบโตอย่างก้าวกระโดดได้มากยิ่งขึ้น รวมทั้งเป็นการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ และยังเป็นมาตรการที่สำคัญในการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการไทยในระยะยาว โดยในปี 2568 นี้ MEA ได้เปิดให้บริการอัตราค่าไฟฟ้าสีเขียวแบบไม่เจาะจงแหล่งที่มา หรือที่เรียกว่า UGT1 กับผู้ใช้ไฟฟ้าภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม (ผู้ใช้ประเภท 3, 4 และ 5) เป็นกลุ่มแรก โดยที่ผู้ประสงค์ขอใช้บริการอัตรา UGT1 และอยู่ในพื้นที่ให้บริการของ MEA สามารถดาวน์โหลดเอกสารประกอบการลงทะเบียนได้ที่เว็บไซต์ mea.or.th และดำเนินการลงทะเบียนได้ จนถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 ผ่านลิงก์ https://eservice.mea.or.th/ugt/ 

 

โดยสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ช่องทาง Line: MEA Connect (@MEAthailand) สัญลักษณ์โล่สีเขียวนำหน้าชื่อบัญชีทางการ เลือกเมนู ติดต่อ MEA Call Center Online 1130 ศูนย์บริการข้อมูลผู้ใช้ไฟฟ้าการไฟฟ้านครหลวง ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือที่อีเมล This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it., This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it., This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. หรือโทรติดต่อ 0 2220 5000 ต่อ 4900, 4901, 4903

ผ่านไปแล้วกับการประกาศรางวัล “เพชรรัตนชาติสดุดี ครั้งที่ 5 ประจำปี 2568” ที่จัดโดย มูลนิธิคุ้มเกล้าเยาวชนคนสร้างชาติ กับกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ วัดสิรินธรเทพรัตนาราม ในพระราชูปถัมภ์ กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จังหวัดนครปฐม และภาคีเครือข่าย เพื่อเป็นการยกย่องสรรเสริญ พระภิกษุ ครูสอนพระปริยัติธรรม รวมถึงสามเณรและข้าราชการต้นแบบ ครู บุคคลทั่วไป เด็ก นิสิต นักศึกษา องค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนที่มีความรู้ความสามารถ มีความเชี่ยวชาญและผลงานดีเด่นเป็นที่ประจักษ์ อีกทั้งมีคุณธรรม และความรักในวิชาชีพอันเป็นต้นแบบของความดีและความสำเร็จควรได้รับการยกย่องเป็นแบบอย่างที่ดีเพื่อกระตุ้นให้เด็ก เยาวชน เห็นถึงความสำคัญของการศึกษา ปลูกฝังให้มีระเบียบวินัย มีความรับผิดชอบต่อตนเอง สังคม และประเทศชาติ

โดยในครั้งนี้ นักธุรกิจหญิงเก่ง ผศ.ดร.ภัทร์ฐิตา ทุมเกิด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บจ.รอยส์เซอร์วิส และบริษัทในเครือ ผู้นำด้านธุรกิจให้บริการรับทำความสะอาดแบบครบวงจรแบบ One Stop Service ได้รับการคัดเลือกและประกาศเกียรติคุณให้รับรางวัล“เพชรรัตนชาติสดุดี ครั้งที่ 5 ประจำปี 2568 สาขา เกียรติคุณต้นแบบดีเด่น ด้านการบริหารองค์กรภาครัฐและเอกชน” มาครอง และยังได้รับคัดเลือกให้ได้รับรางวัลกิตติคุณสัมพันธ์ คณะภาษาต่างประเทศ จาก Nanjing Tech University Pujiang Institue China จากสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่ครั้งนี้ยังได้รับเกียรติจากทางคณบดี เดินทางมามอบรางวัลเกียรติคุณ ในโอกาสเดียวกันนี้อีกด้วย

ผศ.ดร.ภัทร์ฐิตา ทุมเกิด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท รอยส์ เซอร์วิส จำกัด กล่าวว่า “รู้สึกเป็นเกียรติ และภาคภูมิใจต่อรางวัลที่ได้รับมากค่ะ Roys Service เราเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจให้บริการทำความสะอาดแบบครบวงจร ที่จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ ในปี 2537 ด้วยผลงานที่ลูกค้าเชื่อถือจึงมีงานเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นสิ่งที่ท้าทายทั้งในการบริหารธุรกิจและบริหารทีมงาน จนทุกวันนี้กับประสบการณ์ 31ปี ที่เรายังมุ่งมั่นพัฒนาทั้งทรัพยากรบุคคล วันนี้เราดูแลพวกเขากว่า 3,500 คน อีกทั้งในส่วนของการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยตลอดเวลา เพื่อการเป็นที่จดจำของลูกค้าในฐานะผู้ให้บริการทำความสะอาดระดับ A List ของประเทศไทย

นอกจากนี้ รอยส์ เซอร์วิส เรายังมุ่งมั่นที่จะเป็นต้นแบบขององค์กรเอกชนที่มีคุณภาพ ทั้งในด้านการบริหารงานและความรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนและสร้างคุณค่าให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรบุคคล โดยส่งเสริมให้พนักงานมีความเชี่ยวชาญในงานด้านบริการ และสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เน้นความสุข ความสามัคคี และความก้าวหน้าในสายอาชีพ บริษัทมุ่งใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการยกระดับคุณภาพบริการให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างดีที่สุด พร้อมมุ่งมั่นพัฒนามาตรฐานการให้บริการทำความสะอาดแบบครบวงจร ซึ่งเรายังตั้งเป้าหมายของรอยส์ เซอร์วิส หลักๆไว้ 4 ประการ ประกอบด้วย

  • การเป็นผู้นำในธุรกิจบริการ: บริษัทมีเป้าหมายเป็นองค์กรชั้นนำในด้านบริการทำความสะอาดแบบครบวงจรในประเทศไทยและในภูมิภาค
  • การสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า: โดยมุ่งให้บริการด้วยคุณภาพและใส่ใจทุกรายละเอียด โดยยึดมั่นในปรัชญา “สร้างรอยยิ้มและความพึงพอใจให้ลูกค้า”
  • การมีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคม: ด้วยการทำโครงการ CSR อย่างต่อเนื่อง เพื่อนำรายได้ส่วนหนึ่งตอบแทนสังคม และชุมชน
  • การสร้างองค์กรที่ยั่งยืน: บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะเติบโตอย่างยั่งยืน โดยไม่เพียงมุ่งเน้นกำไร แต่ยังคำนึงถึงผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

“ดังนั้นการบริหารองค์กรของ รอยส์ เซอร์วิส จึงแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะเป็นต้นแบบขององค์กรเอกชนที่มีคุณภาพ ทั้งในด้านการบริหารงานและความรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนและสร้างคุณค่าให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องค่ะ” ผศ.ดร.ภัทร์ฐิตา กล่าวทิ้งทาย

ท่ามกลางบรรยากาศเรียบหรูภายในร้าน R – HAAN ทองหล่อซอย 9 ความใส่ใจในแบบฉบับของ “กรุงเทพประกันชีวิต” ถูกรังสรรค์ขึ้นแบบสุดเอ็กซ์คลูซีฟเพื่อลูกค้ากลุ่มอินดิโก (Indigo) ที่ตอบรับคำเชื้อเชิญในฐานะแขกคนพิเศษกับกิจกรรม “A Symphony of Flavors, Exclusive Dining Experience with BLA” เพื่อร่วมสัมผัสประสบการณ์ผ่านการรับประทานอาหารมื้อพิเศษ  จาก เชฟ ชุมพล แจ้งไพร” ผู้มีฝีมือเจนจัดด้วยประสบการณ์อันยาวนาน ผสานความคิดสร้างสรรค์ และวัตถุดิบสุดพรีเมี่ยม ทำให้อาหารมีเอกลักษณ์โดดเด่น สามารถคว้ามิชลินสตาร์ 2 ดาวได้ถึง 5 ปีซ้อน  เป็นการสร้างความประทับใจผ่านมื้ออาหารแทนคำขอบคุณที่ลูกค้าไว้วางใจให้กรุงเทพประกันชีวิตดูแลคุ้มครองผ่านกรมธรรม์ประกันชีวิต โดยมีรอยยิ้มต้อนรับอย่างอบอุ่นจาก “โชน โสภณพนิช” กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หัวเรือใหญ่ที่นำทีมผู้บริหารร่วมดูแลลูกค้าตลอดงาน

การสร้างประสบการณ์พิเศษผ่านร้าน R-HAAN ยังสะท้อนถึง “ความใส่ใจ” ที่กรุงเทพประกันชีวิตมีต่อลูกค้า  ด้วยการเลือกสรรร้าน Thai Fine Dining  ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ด้วยรสมือ “เชฟชุมพล” ผู้มีเอกลักษณ์ในการสร้างสรรค์เมนูอาหารไทยแท้ และถ่ายทอดภูมิปัญญาอาหารไทยผ่านวัตถุดิบที่คัดสรรตามฤดูกาลและมาจากแหล่งท้องถิ่นที่ดีที่สุดในทุกภาคทั่วประเทศ เป็นการส่งมอบความสุขให้ลูกค้าผ่านสัมผัสทั้ง 5 ด้วยรูปลักษณ์อาหารระดับงานศิลปะ สีสันสวยงาม รสชาติ กลิ่นหอม และเนื้อสัมผัสที่สะท้อนเอกลักษณ์ความเป็นไทย

“การจัดงานในครั้งนี้ เราได้เลือกร้าน R-Haan  ร้านอาหารไทยมิชลินสตาร์ 2 ดาว แบบ Fine Dining ที่ถ่ายทอดภูมิปัญญาไทยแท้ดั้งเดิมผ่านตำรับอาหารพื้นบ้านและตำรับอาหารชาววังด้วยวัตถุดิบที่ดีที่สุด โดยการดูแลของ เชฟชุมพล แจ้งไพร ที่หลายท่านรู้จักดีในนามของสุดยอดเชฟกระทะเหล็กอาหารไทย และในวันนี้เชฟชุมพล ยังได้รังสรรค์เมนูพิเศษ Indigo Exclusive Course เพื่อให้ทุกท่านได้สัมผัสประสบการณ์การลิ้มรสที่ท่านจะประทับใจไม่รู้ลืมอีกด้วย ผมเองรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้สัมผัสเมนูอาหารต่าง ๆ จากเชฟชุมพล และเชื่อว่าหลายท่านคงจะรู้สึกเช่นเดียวกัน” โชนกล่าวต้อนรับ

ความใส่ใจของ “เชฟชุมพล” สะท้อนผ่านการรังสรรค์เมนูพิเศษ Indigo Exclusive Course เพื่อมอบให้ลูกค้ากรุงเทพประกันชีวิตโดยเฉพาะ ซึ่งแตกต่างจากเมนูที่ให้บริการลูกค้าทั่วไป อาทิ เมนูเรียกน้ำย่อย 5 ภาค อย่าง กระทงทองกรอบหอมล้านนา ข้าวน้ำพริกปลาทูคู่กรุงศรี อ่ำปลานาลูกอิสาน กะปิเมืองระยองคล้องจองชีสไทย เนื้อควายย่าง/หมูคุโรบุตะสยามมาซาล่า พร้อมไฮไลท์พิเศษ กับ กุ้งมังกร 7 สี 3 รสจากกรุงเทพประกันชีวิต พะแนงแพะ/ไก่ทุ่งครุ ปลากะพงสามน้ำย่างขมิ้นชันมะขามหวานเมืองเพชรบูรณ์ และต้มยำกุ้งสูตรโบราณ พร้อมปิดท้ายด้วยหลากเมนูของหวาน ทั้งข้าวเหนียวมะม่วง ขนมไข่ส้มซ่าเมนเดอร์ลาอินสปาย มัศกอดของไทยเรียนไกลจากฝา-หรั่ง หินฝนทอง และขนมชั้นอัญชัญ เป็นต้น

A Symphony of Flavors ช่วยสร้างความอิ่มเอมและสุดประทับใจให้ลูกค้าได้อย่างลงตัว เป็นหนึ่งในกิจกรรมพิเศษที่จัดขึ้นด้วยความใส่ใจอย่างแท้จริง โดยในปีนี้ ลูกค้ากรุงเทพประกันชีวิตยังจะได้รับกิจกรรมดีๆอีกมากมายที่จะเติมเต็มความสุขและร่วมสร้างประสบการณ์ใหม่ไปด้วยกัน

“ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ความใส่ใจที่กรุงเทพประกันชีวิตมอบให้ทุกท่าน ไม่ว่าจะผ่านผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต การบริการด้านต่างๆ จากพนักงานและตัวแทนประกันชีวิตของเรา รวมถึงสิทธิประโยชน์ต่างๆที่เรามอบให้ จะสร้างความสุขและสร้างความเชื่อมั่นให้ทุกท่านที่มอบความไว้วางใจกรุงเทพประกันชีวิตตลอดไปครับ” โชนกล่าว

นางสาววชิรา การสุทธิ์ รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กลุ่มยุทธศาสตร์และสื่อสารเพื่อความยั่งยืน รับรางวัล Fair Finance Score 2024 คะแนนสูงสุด หมวดสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 จากผลการประเมิน ESG ธนาคารไทย ปี 2567 จากนางสาวสฤณี อาชวานันทกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ป่าสาละ จำกัด และหัวหน้าโครงการ Fair Finance Thailand ภายในงาน “เปิดคะแนนธนาคารไทย ปีที่ 7 : เส้นทางสู่การธนาคารที่ยั่งยืน” เพื่อผลักดันให้ภาคการเงินการธนาคารของไทยก้าวสู่แนวคิดและวิถีปฏิบัติของการธนาคารที่ยั่งยืน ซึ่งธนาคารออมสิน ได้คะแนนสูงสุดจากการดำเนินยุทธศาสตร์ธนาคารเพื่อสังคม

โดยดำเนินการตามหลัก ESG ในทุกมิติ เพื่อลดผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อม ขยายผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม และดำเนินธุรกิจด้วยธรรมาภิบาลที่ดี ทั้งนี้ แนวร่วมการเงินที่เป็นธรรมประเทศไทย (Fair Finance Thailand) ประกอบด้วย บริษัท ป่าสาละ จำกัด International Rivers มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค มูลนิธิบูรณะนิเวศ และมูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม จัดขึ้น โดยใช้แนวร่วมการเงินที่เป็นธรรมนานาชาติ หรือ Fair Finance Guide International มาเป็นเกณฑ์ประเมินนโยบายด้านต่าง ๆ ของธนาคาร ณ ศูนย์การเรียนรู้ธนาคารแห่งประเทศไทย เมื่อเร็ว ๆ นี้

นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เป็นประธานแถลงข่าวนโยบายและทิศทางการดำเนินงานของสำนักงาน คปภ. ประจำปี 2568 พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 ณ อาคารรับรองเกษะโกมล ถนนอำนวยสงคราม เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสื่อสารและประชาสัมพันธ์แผนงานและทิศทางการดำเนินงานของสำนักงาน คปภ. โดยมีสื่อมวลชนร่วมรับฟังข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับแผนงานและทิศทางการดำเนินงานพร้อมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกับผู้บริหารระดับสูงของสำนักงาน คปภ. เพื่อเผยแพร่ไปสู่สาธารณชน อันจะเป็นการส่งเสริมความเชื่อมั่นและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของสำนักงาน คปภ. รวมทั้งภาคอุตสาหกรรมประกันภัยและระบบประกันภัยไทยในภาพรวม

เลขาธิการ คปภ. เปิดเผยว่า จากการที่สำนักงาน คปภ.ได้ตั้งเป้าหมายไว้ในปี 2569 ภาพรวมของธุรกิจประกันภัยไทยจะมีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงทั้งระบบแตะที่ 1,000,000 ล้านบาท ดังนั้นเพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว สำนักงาน คปภ. โดยด้านและสายงานต่าง ๆ ได้ร่วมกันกำหนดนโยบายและทิศทางการดำเนินงานของสำนักงาน คปภ. ประจำปี 2568 โดยแบ่งการขับเคลื่อนการดำเนินงานออกเป็น 3 ส่วนหลักๆ คือ ส่วนที่ 1 ประชาชน สามารถใช้ระบบประกันภัยเป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการความเสี่ยงโดยได้รับความคุ้มครองอย่างเป็นธรรมและการบริการที่ได้มาตรฐาน อาทิ ลดเรื่องร้องเรียนที่มีปริมาณมากที่สุดคือข้อพิพาทเกี่ยวกับค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถยนต์ ดังนั้นจึงควรกำหนดค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถให้เป็นจำนวนที่ชัดเจนไม่กำหนดเป็นขั้นต่ำ และกำหนดค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถไว้ในเงื่อนไขกรมธรรม์ให้สามารถเรียกร้องจากบริษัทประกันภัยที่รับประกันรถยนต์กรณีเป็นฝ่ายถูกของตนเองไว้ และเฉพาะประเภท 1 กำหนดเป็น Knock for Knock รวมทั้งยกระดับมาตรฐานการดำเนินงานของสาขาบริษัทประกันภัยในส่วนภูมิภาคให้มีความเข้มแข็ง โปร่งใสและสร้างความเชื่อมั่นให้กับระบบประกันภัยไทย โดยจะมีการตรวจสาขาบริษัทประกันภัยในส่วนภูมิภาค ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีความใกล้ชิดและให้บริการโดยตรงกับประชาชน โดยเป็นการตรวจติดตามการดำเนินการตามประกาศ คปภ. เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขออนุญาตเปิดสาขาย้ายที่ตั้งสำนักงานใหญ่ หรือสาขา หรือเลิกสาขาของบริษัทประกันวินาศภัย/ประกันชีวิต พ.ศ. 2565 โดยจะเริ่มเข้าตรวจในไตรมาสที่ 2 เป็นต้นไป และจะมีการประสานความร่วมมือส่งเสริมความรู้ด้านการประกันภัยให้แก่ประชาชนและภาคอุตสาหกรรมของไทยอย่างเป็นระบบอีกด้วย

นอกจากนี้จะมีการทบทวนความคุ้มครองและอัตราเบี้ยประกันภัยของกรมธรรม์ประกันภัยรถภาคบังคับ โดยสำนักงาน คปภ. จะทบทวนความคุ้มครองและอัตราเบี้ยประกันภัยให้มีความเหมาะสมกับความเสี่ยงภัยและสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อให้ประชาชนได้รับความคุ้มครองอย่างเหมาะสมกับค่ารักษาพยาบาลในปัจจุบัน อีกทั้งจะมีการผลักดันการจำหน่ายกรมธรรม์รถภาคบังคับผ่านช่องทาง online และการออกกรมธรรม์รถภาคบังคับในรูปแบบ e-Policy ซึ่งถือเป็นการตอบสนองต่อความต้องการและอำนวยความสะดวกแก่ผู้บริโภคในยุคดิจิทัล และจัดโครงการส่งเสริมความปลอดภัยเพื่อลดจำนวนการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน โดยจะเน้นการศึกษาวิจัยเพื่อหามาตรการที่มีประสิทธิภาพในการลดอุบัติเหตุทางถนน ร่วมกับภาคอุตสาหกรรมประกันภัย หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน โดยตั้งเป้าเริ่มต้นที่จังหวัดปราจีนบุรีก่อนขยายผลไปในจังหวัดอื่น ๆ ทั่วประเทศ ในขณะเดียวกันก็จะส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการดำเนินงานด้าน ESG และมาตรการเชิงป้องกันของภาคธุรกิจประกันภัย โดยสำนักงาน คปภ. และภาคธุรกิจประกันภัย ดำเนินการจัดกิจกรรมเชิง ESG สร้างความตระหนักรู้ของผู้เอาประกันภัยและผู้รับประกันภัยในการใช้มาตรการเชิงป้องกันความเสียหาย (Preventive Measures) รวมทั้งส่งเสริมความรู้ด้านการประกันภัยในโรงเรียน/สถานศึกษา ผ่านโครงการยุวชนนักสื่อสารประกันภัยภัยรุ่นใหม่ ปี 2568 (Insurefluencer the new GEN 2025)  มีการปรับปรุงประสิทธิภาพ API Gateway เพื่อรองรับการให้บริการ OIC Gateway และ App ทางรัฐ ที่มีแนวโน้มการใช้บริการมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และเพิ่มบริการตรวจสอบพฤติกรรมขับขี่เพื่อใช้เป็นส่วนลดเบี้ยประกันภัยต่อไป

ส่วนที่ 2 ธุรกิจประกันภัย มีเสถียรภาพความมั่นคง ปรับตัวได้เท่าทันความเสี่ยงและสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง อาทิ มีการกำกับบริษัทประกันภัยแบบรวมกลุ่ม (Group Wide Supervision) ในระดับ Solo Consolidation ที่เกี่ยวข้องกับคุณสมบัติกรรมการ แนวทางการติดตามการถือหุ้นธรรมาภิบาล การบริหารความเสี่ยง การควบคุมภายใน และระดับ Full Consolidation จะมีการพิจารณาหารือกับหน่วยงานการกำกับดูแลภาคการเงิน/ภาคการประกันภัยจากในประเทศและต่างประเทศ เพื่อกำหนดหลักการกำกับดูแลในระดับ Full Consolidation ซึ่งจะครอบคลุมการกำกับบริษัทที่เป็นบริษัทแม่ของบริษัทประกันภัย รวมถึงบริษัทร่วมและบริษัทที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ให้แล้วเสร็จภายในปี 2569 และมีการทบทวนหลักเกณฑ์การดำรงเงินกองทุนตามระดับความเสี่ยงของบริษัทประกันภัย (All Risks Calibration / Catastrophe Risk / Group Capital - for Group Risk) และมีการปรับเพิ่มอัตราการวางเงินสำรอง UPR  โดยจัดกลุ่มบริษัทตามศักยภาพในการดำเนินงานและความมั่นคงของบริษัท โดยมีแผนดำเนินการให้แล้วเสร็จและมีผลบังคับใช้ภายในปีนี้ อีกทั้งจะมีการปรับปรุงประกาศ คปภ. ว่าด้วยการลงทุนประกอบธุรกิจอื่น เพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดใหม่ (EWS / Group-Wide Supervision / Risk Proportionality) มีการยกระดับการกำกับดูแลและการตรวจสอบธุรกิจประกันภัย เรื่อง ERM-ORSA / Examination Form / Stress Test / แบบจำลองมาตรฐาน และมีการจัดทำคู่มือ/กรอบแนวปฏิบัติขั้นพื้นฐานของการจัดทำรายงานทางการเงินตาม TFRS 17 รวมทั้งทบทวน/ปรับปรุง EWS ให้สอดคล้องกับ TFRS 17

นอกจากนี้มีการเตรียมความพร้อมในการผลักดันร่างกฎหมายแม่บท และจัดเตรียมร่างกฎหมายลำดับรอง โดยสรุปสาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ. กลุ่ม 2 (บทบัญญัติเกี่ยวกับการเสริมสร้างเสถียรภาพและความมั่นคง) และสรุปสาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ. กลุ่ม 3 (บทบัญญัติเกี่ยวกับการส่งเสริมการควบโอนกิจการและความรับผิดของกรรมการ) รวมทั้งมีการพัฒนาระบบฐานข้อมูลที่ทันสมัย เชื่อมโยงฐานข้อมูลไปยังหน่วยงานภาคีเครือข่าย และมีการจัดทำระบบแสดงพฤติกรรมฐานข้อมูลฉ้อฉลประกันภัยหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าอาจมีลักษณะเป็นการฉ้อฉลประกันภัยของตัวแทน/นายหน้าประกันภัย เพื่อให้บริษัทประกันภัยเข้าใช้งานระบบเพื่อตรวจสอบข้อมูลได้อย่างสะดวกรวดเร็ว อีกทั้งมีการยกระดับการกำกับดูแลคนกลางประกันภัยด้วยแนวทาง Conduct Risk-Based  รวมทั้งยกระดับมาตรฐานความรู้และการดำเนินงานของคนกลางประกันภัยให้มีคุณภาพ

ในขณะเดียวกันก็จัดทำแผนยุทธศาสตร์ประกันสุขภาพภาคเอกชน เพื่อกำหนดภูมิทัศน์ด้านประกันภัยสุขภาพภาคเอกชนของประเทศไทย (Health Insurance Landscape in Thailand) รวมทั้งพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตรูปแบบใหม่ โดยปรับปรุงและพัฒนาหลักเกณฑ์การกำหนดอัตราเงินค่าเวนคืนตามกรมธรรม์ประกันภัยโดยเปิดโอกาสให้บริษัทสามารถกำหนดอัตราเงินค่าเวนคืนดามกรมธรรม์ที่ต่ำลงได้หรือที่เรียกว่า Low cash surrender value (Low CSV) ที่ส่งผลให้เบี้ยประกันภัยต่ำลง ซึ่งจะช่วยลดอุปสรรคและส่งเสริมโอกาสให้แก่บริษัทในการพัฒนาและต่อยอดผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตในประเทศไทยให้สามารถแข่งขันกับผลิตภัณฑ์ของต่างประเทศได้มากขึ้น

ไม่เพียงเท่านั้นยังมีการพัฒนาและส่งเสริมการประกันภัยพืชผล โดยสนับสนุนการประกันภัยการเกษตรให้ครอบคลุมและตอบสนองต่อความต้องการของเกษตรกรไทยอย่างแท้จริง โดยร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ ได้แก่ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) รวมถึงการหารือกับภาคธุรกิจประกันภัยต่อต่างประเทศถึงความสนใจในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยทางการเกษตรโดยใช้เทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการสำรวจภัย และมีการทบทวนความคุ้มครองความรับผิดต่อชีวิต ร่างกาย อนามัย ของบุคคลภายนอกของกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ รวมทั้งจัดทำแผนพัฒนาการประกันภัย ฉบับที่ 5 เพื่อเพิ่มศักยภาพภาคธุรกิจ ส่งเสริมให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการประกันภัยและมีการ Open Insurance ซึ่งเป็นแผนการพัฒนาการให้บริการการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เริ่มจากการเชื่อมโยงข้อมูลภายในภาคประกันภัย (Open Insurance) ในปี 2568 จากนั้น จึงจะขยายการเชื่อมโยงใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่มีในภาคส่วนอื่นๆ (Open Data) ในปี 2569 อีกทั้งจะมีการจัดทำ AI Governance Guideline สำหรับธุรกิจประกันภัย เพื่อให้มีกรอบแนวทางในการกำกับดูแลให้เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลงที่สอดรับกับความก้าวหน้าของเทคโนโลยีและนวัตกรรม  ตลอดจนสร้างประเทศไทยให้มี Insurance Community เป็น Hub of Insurance ของภูมิภาคอาเซียน และเสริมสร้าง Insurance Literacy ด้วยการขยายบทบาทภารกิจของสถาบันวิทยาการประกันภัยระดับสูง สู่การเป็น Research & Development Center ของประเทศไทย และดำเนินการให้เป็นศูนย์กลางในการบริหารจัดการ รวบรวม จัดเก็บ และเผยแพร่องค์ความรู้ด้านการประกันภัย (Insurance Learning Center) ไปพร้อมๆกับการสร้างมาตรฐานทางวิชาชีพของบุคลากรประกันภัย โดยเริ่มจากการจัดทำหลักสูตรนานาชาติ สำหรับผู้กำกับดูแลและบุคลากรประกันชีวิต เป็นต้น

ส่วนที่ 3 ขับเคลื่อนสำนักงาน คปภ. เป็นองค์กรที่มีศักยภาพสูง อาทิ ปรับกระบวนการทำงาน Team-based / Project-based เพื่อให้การบริหารงานมีประสิทธิภาพและมีความคล่องตัวเพิ่มมากขึ้น และมุ่งสู่ AI Driven Organization โดยขับเคลื่อนการดำเนินการผ่าน AI Champion และนำ AI เข้ามาใช้ในการประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ  มีการยกระดับการบริหารผลงาน ด้วยการตั้งเป้าหมายการทำงานด้วย OKRs ที่ชัดเจนและท้าทาย รวมทั้งให้ผู้บังคับบัญชามีการติดตามการทำงาน ให้คำปรึกษาแนะนำเกี่ยวกับการทำงาน (Coaching & Feedback) อย่างสม่ำเสมอ ตลอดจนทำการประชาสัมพันธ์สำนักงาน คปภ.ในเชิงรุกและหลากหลาย โดยการบูรณาการความร่วมมือด้านการสื่อสาร เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์อุตสาหกรรมประกันภัยให้เป็นที่ยอมรับของประชาชนเพิ่มมากขึ้น

เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้ายด้วยว่า หัวใจสำคัญที่สุดในการขับเคลื่อนนโยบายและการดำเนินงานของสำนักงาน คปภ. คือ การทำให้อุตสาหกรรมประกันภัยทั้งระบบเป็นที่ยอมรับและเชื่อมั่นของประชาชนเพิ่มมากขึ้น โดยการสร้างความร่วมมือกับสมาคมที่เกี่ยวข้องด้านการประกันภัย บริษัทประกันชีวิต บริษัทประกันวินาศภัย บริษัทนายหน้าประกันภัยนิติบุคคล ตัวแทนประกันภัย และสื่อมวลชนทุกช่องทางเพื่อเป็นสื่อกลางนำเสนอข้อมูล ข่าวสาร แนวทางการดำเนินงาน และกิจกรรมต่าง ๆ ของสำนักงาน คปภ. ออกสู่สาธารณชนอย่างถูกต้อง รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นในระบบประกันภัยไทย

X

Right Click

No right click