

ซีพี ออลล์ จัดเวทีประชันไอเดียปัญญาประดิษฐ์ “Creative AI Club Hackathon ปีที่ 3” เปิดทางเยาวชน ม.ปลาย-ปี 1 ร่วมสร้างสรรค์แนวคิดใช้ AI สร้างเซเว่น อีเลฟเว่นในฝันเพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมและความต้องการของลูกค้ายุคใหม่ พบหลากผลงานสุดว้าว เล็งเปิดโอกาสเด็กเก่ง-เจ้าของผลงานเจ๋ง ร่วมโครงการ Future Innovator ต่อยอดไอเดียสู่การปฏิบัติจริง ด้านทีม “เหมียว” คว้ารางวัลชนะเลิศ โชว์ไอเดียกล้องวงจรปิด AI “PathVision” สำรวจพฤติกรรมการชมสินค้าในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น สู่การพัฒนาร้านนำเสนอสินค้าบริการเพื่อลูกค้าทุกกลุ่ม

นายป๋วย ศศิพงศ์ไพโรจน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สำนักปัญญาประดิษฐ์สร้างสรรค์ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และเซเว่น เดลิเวอรี่ กล่าวว่า บริษัทยังคงเดินหน้าให้ความสำคัญกับการ “สร้างคน” เปิดพื้นที่ให้เยาวชนได้แสดงทักษะความสามารถอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด ได้จัดงาน Creative AI Club Hackathon ปีที่ 3 เปิดโอกาสให้เยาวชนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จนถึงระดับอุดมศึกษาชั้นปีที่ 1 เข้าร่วมเวิร์คช็อป 3 วัน 2 คืน พร้อมประชันไอเดียการสร้างสรรค์ผลงานปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ภายใต้ระยะเวลาอันจำกัดเพียง 24 ชั่วโมง โดยมีพี่ๆ เยาวชนจากโครงการค่าย Creative AI Camp รุ่นล่าสุด ก้าวขึ้นมาเป็นทีมผู้จัดงาน (Core Leader) และผู้ให้คำแนะนำรุ่นเยาว์ (Junior Mentor)
สำหรับหัวข้อการประชันไอเดียในปีนี้ คือ “What is the 7-Eleven of your dreams? สร้าง 7-Eleven ในฝันของคุณด้วยพลัง AI” เปิดโอกาสให้เยาวชนได้รับความรู้และสถานการณ์ปัญหา (Pain Point) จากทีมหน่วยธุรกิจ (Business Unit) ต่างๆ ของเซเว่น อีเลฟเว่น รวมถึงได้รับทราบฟังก์ชัน ฟีเจอร์ด้าน AI ที่เซเว่น อีเลฟเว่นมีอยู่แล้ว เพื่อให้เยาวชนได้แสดงศักยภาพ ระเบิดความคิดสร้างสรรค์ในการพัฒนาสิ่งใหม่ พร้อมทั้งสามารถต่อยอดกับสิ่งที่มีอยู่แล้วด้วยนวัตกรรม AI

“เทคโนโลยี AI ในวันนี้กลายเป็นเทคโนโลยีทั่วไป หรือ Common Technology ที่คนใช้กันในชีวิตประจำวัน คนไทยจำนวนมากมีประสบการณ์กับ AI มากขึ้น น้องๆ คนรุ่นใหม่เองก็เช่นกัน เราจึงเปิดโอกาสให้น้องๆ สมัครเข้ามาแสดงศักยภาพ แสดงแนวคิดแปลกใหม่ในการสร้างสรรค์ AI ผ่านการประยุกต์ใช้กับร้านเซเว่น อีเลฟเว่น โดยปีนี้มีน้องๆ ให้ความสนใจสมัครถึงกว่า 400 คน ก่อนเราจะคัดเหลือ 40 คน ทีมที่ผ่านเข้ามาแข่งขันในปีนี้ หลายๆ ทีม ไม่เฉพาะทีมที่ได้รับรางวัล ต่างนำเสนอไอเดียแปลกใหม่และน่าสนใจมาก จนทั้งคณะกรรมการและผู้บริหารต่างชื่นชมถึงไอเดียของเหล่า Tech Talent” นายป๋วย กล่าว
ทั้งนี้ ซีพี ออลล์ ได้ให้ความสำคัญกับผลงานของเยาวชน และเปิดโครงการ Future Innovator เป็นโครงการฝึกงานที่ให้น้องๆ เยาวชนที่ผ่านกิจกรรม Creative AI Club Hackathon หรือ Creative AI Camp ได้เข้ามาร่วมต่อยอดผลงานของตัวเองหรือของเพื่อนที่ชนะในแคมป์ รวมถึงมีโอกาสได้รับพิจารณาเข้าทำงานร่วมกับซีพี ออลล์อย่างเต็มรูปแบบในอนาคต

สำหรับรางวัลชนะเลิศ จาก Creative AI Club Hackathon ครั้งที่ 3 ได้แก่ ทีมเหมียว กับผลงาน “กล้องวงจรปิด PathVision” ใช้กล้องวงจรปิดที่มี AI สำรวจพฤติกรรมการหยุดชมสินค้าของลูกค้าในร้านเซเว่น อีเลฟเว่นแบบไม่ระบุตัวตน เพิ่มประสิทธิภาพการจัดผังร้าน และสร้างประโยชน์ต่อแบรนด์สินค้าและตอบโจทย์พฤติกรรมลูกค้าที่สามารถเข้ามาใช้บริการได้สะดวกมากยิ่งขึ้น (สมาชิกในทีม : สุธีร์ธิดา ปิยะจงวิวัฒน์, วรัญชิต วีระศักดิ์, พุฒิพร เจริญวิมลรักษ์ และคุณชมศมนต์ ชมภูคำ) รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 ได้แก่ ทีม 7-Twelve กับผลงาน “7-OTP” นำข้อมูลจากเครื่อง POS ของเซเว่น อีเลฟเว่น มาทำนายอนาคต เพื่อให้สามารถแบ่งหน้าที่คนทำงาน และจัดระบบการทำงานในแต่ละช่วงเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น (สมาชิกในทีม : กมลพร ถอดมูล, ชิติพัทธ์ สร้อยสังวาลย์, พชรพรรณ จงบรรจบ, และวชิรวี ขำรักษา) รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 ได้แก่ ทีม Kadjap.CPALL กับผลงาน “Eatit.AI” ไอเดียฟีเจอร์เสริม AI ในแอป 7-Eleven ที่ช่วยแนะนำสินค้าที่สอดคล้องกับความต้องการลูกค้า จัดเซ็ทสินค้า รวมถึงสามารถคำนวณแคลอรี ลดปัญหาลูกค้าเดินเข้ามาแล้วไม่รู้ว่าจะซื้ออะไร (สมาชิกในทีม : ธนภณ ธนาดุลเปรมเดช, ธนโชติ เทศกัณฑ์, ณภัทร ศรวิชัย และทรงพล ซ้ายขวา)

ด้านนายวรัญชิต วีระศักดิ์ (น้องอะตอม) นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 สายวิทย์-คณิต โรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย ปทุมธานี หนึ่งในสมาชิกทีมที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ กล่าวว่า ผลงานของทีมเริ่มจาก Pain Point ว่า กล้องวงจรปิดในยุคแห่งเทคโนโลยี ควรทำได้มากกว่าฟังก์ชันทั่วไป จึงได้มองถึงการนำกล้องวงจรปิดที่มี AI มาช่วยสำรวจและวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าแบบไม่ระบุตัวตน อาทิ การสำรวจตำแหน่งที่ลูกค้าไปหยุดดูมากที่สุด แล้วสร้างเป็น Heat Map การสำรวจพฤติกรรมลูกค้า ณ ตำแหน่งต่างๆ ว่ามองตรง มองบน หรือมองล่าง เพื่อให้สามารถปรับปรุงผังร้านได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึงช่วยให้แบรนด์สินค้าต่างๆ ได้ทราบถึงพฤติกรรมภายในร้านสะดวกซื้อของผู้บริโภค
“การเข้ามาร่วม Creative AI Club Hackathon ของซีพี ออลล์ในครั้งนี้ ช่วยให้ได้รู้จักคนใหม่ๆ ได้ฝึกทำงานในเวลาที่จำกัด มีโจทย์ให้ได้พัฒนาตัวเอง โดยกว่าจะเป็นโปรเจกต์กล้อง PathVision ในครั้งนี้ ทีมอ่านเอกสารภาษาอังกฤษ อ่านสมการคณิตศาสตร์เยอะมาก เพื่อให้พัฒนาฟังก์ชันและโซลูชันได้อย่างเหมาะสม หากมีโอกาสก็อยากเข้ามาทำงานและต่อยอดผลงานนี้ให้เกิดขึ้นจริง และเชื่อว่าผลงานนี้สามารถประยุกต์ใช้ได้ ไม่เฉพาะในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น” นายวรัญชิต กล่าว
นายวรัญชิต กล่าวเพิ่มเติมว่า AI ถือเป็นเครื่องมือที่สำคัญมากๆ สำหรับมนุษย์ ช่วยให้มนุษย์เรียนรู้เรื่องราวต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วขึ้นมาก โลกในอนาคต ผู้ที่ใช้ AI เป็น กับผู้ที่ใช้ AI ไม่เป็น จะมีอัตราการประสบความสำเร็จ (Success Rate) แตกต่างกัน การไม่ปรับตัวให้ทัน จะส่งผลต่อความยากลำบากในการใช้ชีวิต ส่วนตัวจึงให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ด้าน AI และอยากประกอบอาชีพเป็น Tech Programmer โดยล่าสุด ได้รับโอกาสเข้าศึกษาต่อในหลักสูตรวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีดิจิทัล (CEDT) ที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แล้ว

ทั้งนี้ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CP ALL มีนโยบายส่งเสริมการศึกษา พัฒนาเยาวชน มุ่งมั่นจัดกิจกรรมสนับสนุนทักษะเยาวชนด้านปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI อย่างต่อเนื่อง ผ่านหลากหลายเวที ได้แก่ 1.Creative AI Camp (CAI Camp) ค่ายพัฒนาทักษะ AI ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย-อุดมศึกษา ภายใต้ความร่วมมือกับพันธมิตรด้านเทคโนโลยีจากนานาประเทศ ระยะเวลา 3 เดือน 2.Creative AI Club (CAI Club) ชุมชนคน AI ที่เป็นพื้นที่เรียนรู้ พื้นที่สร้างสรรค์ผลงานด้าน AI มีกิจกรรม Workshop อย่างต่อเนื่อง 3.Creative AI Club Hackathon เวทีประชันไอเดียด้าน AI และพัฒนาผลงานภายใต้เวลาจำกัดเพียง 1-2 คืน สำหรับน้อง ๆ เยาวชนระดับ มัธยมศึกษาตอนปลาย-มหาวิทยาลัย ปี 1 และยังมีกิจกรรมอื่นๆ ที่อาจจัดขึ้นเพิ่มเติมในอนาคต ผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดกิจกรรมและเวทีต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/caicampและ https://caicamp.cpall.co.th/
ทรู คอร์ปอเรชั่น พร้อมสนับสนุนนโยบายรัฐบาล ที่กำหนดให้ชื่อผู้ใช้งาน โมบายแบงก์กิ้ง ต้องตรงกับชื่อเจ้าของซิมหมายเลขโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเป็นแนวทางในการยกระดับความปลอดภัยการใช้งานโมบายแบงก์กิ้ง สกัดกั้นบัญชีม้า ที่เป็นเส้นทางก่ออาชญากรรมของมิจฉาชีพ ซึ่งล่าสุด กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สํานักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)ธนาคารแห่งประเทศไทย และสมาคมโทรคมนาคมแห่งประเทศไทย ได้กำหนดแนวทางปฏิบัติที่ประชาชนต้องดำเนินการ โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 พฤษภาคม 2568
นายจักรกฤษณ์ อุไรรัตน์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกิจการองค์กร บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ทรู คอร์ปอเรชั่น ให้ความสำคัญต่อมาตรการของภาครัฐที่เป็นแนวทางเสริมสร้างความปลอดภัยทางการเงินและป้องกันซิมผี บัญชีม้า ซึ่งเรื่องดังกล่าวแม้จะเป็นเรื่องระหว่างธนาคารผู้ให้บริการกับลูกค้าที่ผูกบริการโมบายแบงก์กิ้งกับธนาคาร แต่ทรู คอร์ปอเรชั่น ในฐานะผู้ให้บริการที่เชื่อมต่อระหว่างธนาคารและลูกค้า พร้อมอำนวยความสะดวกลูกค้าผู้ใช้บริการตามหลักเกณฑ์และแนวทางของธนาคารเจ้าของบัญชี โดยในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน 2568 ธนาคารจะเป็นผู้ส่งข้อความแจ้งเตือนลูกค้าที่ต้องดำเนินการหากชื่อผู้ใช้งานโมบายแบงก์กิ้ง ไม่ตรงกับชื่อเจ้าของซิมหมายเลขโทรศัพท์มือถือ ดังนั้น หากลูกค้าไม่ได้รับการแจ้งเตือน ก็ไม่จำเป็นต้องดำเนินการใดๆและสามารถใช้โมบายแบงก์กิ้งได้ตามปกติ ขณะที่หากลูกค้าได้รับการแจ้งเตือนจากธนาคาร สามารถติดต่อสอบถามโดยตรงจากธนาคารเจ้าของบัญชี ทั้งนี้ ลูกค้าสามารถใช้บริการโมบายแบงก์กิ้งได้ตามปกติ จนถึงวันที่ 30 เมษายน 2568 กรณีที่ต้องการเปลี่ยนชื่อผู้จดทะเบียนเบอร์มือถือให้ตรงกับชื่อเจ้าของบัญชีโมบายแบงก์กิ้ง ผู้จดทะเบียนเดิมและใหม่ สามารถนำบัตรประชาชนตัวจริงมาดำเนินการได้ที่ ทรูช้อป หรือศูนย์บริการดีแทค
เมย์แบงก์แนะนำโอกาสลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีชั้นนำ ท่ามกลางความกังวลของตลาดที่เกิดจากความก้าวหน้าของ DeepSeek สตาร์ทอัพ AI จากจีน โดยนักวิเคราะห์มองว่าปฏิกิริยาของตลาดอาจเกินจริง ทำให้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการเข้าซื้อหุ้น
DeepSeek ได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้ท้าชิงสำคัญในแวดวง AI ด้วยการเปิดตัวโมเดล AI ต้นทุนต่ำที่สามารถแข่งขันกับโมเดลชั้นนำของโลก เช่น ChatGPT จาก OpenAI และ Llama 3.1 จาก Meta โดยโมเดลของ DeepSeek ถูกพัฒนาด้วยเงินทุนเพียง 5.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งต่ำกว่าต้นทุนของคู่แข่งจากฝั่งสหรัฐถึงกว่า 90% และใช้ชิป H800 ของ Nvidia ซึ่งมีสเปกที่ปรับลดลงเพื่อให้สามารถส่งออกไปยังจีนได้
นักวิเคราะห์จาก Wedbush ซึ่งเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ของเมย์แบงก์ มองว่าสถานการณ์นี้เป็นปฏิกิริยาชั่วคราวของตลาด และแนะนำให้ลงทุนในหุ้นที่มีเป้าหมายราคาที่น่าสนใจดังนี้ Nvidia (NVDA.US) – ราคาเป้าหมาย $175 Microsoft (MSFT.US) – ราคาเป้าหมาย $550 Alphabet (GOOGL.US) – ราคาเป้าหมาย $220 Palantir (PLTR.US) – ราคาเป้าหมาย $90 Salesforce (CRM.US) – ราคาเป้าหมาย $425 Amazon (AMZN.US) – ราคาเป้าหมาย $280
ความสามารถของ DeepSeek ในการนำเสนอ AI ประสิทธิภาพสูงในต้นทุนที่ต่ำ เกิดจากการใช้วิธีการที่เป็นนวัตกรรมใหม่และฮาร์ดแวร์ที่คุ้มค่า อย่างไรก็ตาม Wedbush ยืนยันว่าบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำยังคงมีความได้เปรียบ ด้วยระบบนิเวศที่แข็งแกร่ง โครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย และพอร์ตโฟลิโอที่หลากหลาย
เมย์แบงก์ชวนนักลงทุนมาร่วมสำรวจโอกาสในการใช้ประโยชน์จากความผันผวนของตลาด และลงทุนในหุ้นที่ได้รับคำแนะนำเชิงกลยุทธ์นี้ ผู้สนใจสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Maybank Invest https://bit.ly/InvestwithMaybankInvest ได้ทั้ง IOS และ Androids หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ โทร. 02-658-5050 ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 8.30-17.30 น. หรือ Line @maybankfriends
คนมีรถคงเข้าใจกันดีว่า เมื่อซื้อรถสักคันแล้ว ค่าใช้จ่ายจะยังไม่จบแค่วันที่ขับรถออกจากศูนย์ เพราะในทุก ๆ ปีจะมีปัจจัยหลาย ๆ อย่างที่ทำให้เจ้าของรถจำเป็นต้องใช้เงินอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่น ค่าดูแลสภาพรถ ค่าน้ำมัน ค่าผ่อนงวดรถ ค่าประกันภัย ค่าภาษีและพ.ร.บ. หรือค่าจอดรถและค่าทางด่วน ดังนั้น ผู้ขับขี่ทุกคนต้องวางแผนอย่างรัดกุม เพื่อให้รายรับ-รายจ่ายในแต่ละเดือนอยู่ในสภาพคล่อง ไม่ให้เงินที่ดูแลรถกระทบค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน และไม่ให้ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ กระทบเงินที่ต้องใช้เกี่ยวกับรถ fintips by ttb #เรื่องเงินที่รู้จริงแบบเพื่อนที่รู้ใจ จึงอยากให้คนมีรถวางแผนค่าใช้จ่ายอย่างถี่ถ้วน เพื่อให้สภาพการเงินหลังซื้อรถราบรื่น วันนี้จึงชวนมาเช็กลิสต์กันว่าเมื่อมีรถเป็นของตัวเอง 1 คัน ภายใน 1 ปีจะมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง

หลายคนเลือกซื้อรถยนต์ด้วยการผ่อน แบ่งชำระเป็นงวด ๆ เพราะรถยนต์เป็นทรัพย์สินมูลค่าสูง การควักเงินก้อนใช้ซื้อรถในครั้งเดียว อาจไม่สะดวกต่อใครหลายคน การผ่อนชำระรถยนต์มีการคำนวณดอกเบี้ยแบบคงที่ (Flat Rate) ซึ่งเป็นรูปแบบที่เงินต้นลด แต่ดอกเบี้ยไม่ลดตาม ต้องชำระค่าผ่อนรถจำนวนเต็มให้ตรงกำหนดทุกงวด หากไม่ชำระและมียอดค้างหลาย ๆ งวด อาจถูกยึดรถคันนั้นไปอย่างน่าเสียดาย
เงินที่ใช้ไปกับการเติมน้ำมันถือเป็นค่าใช้จ่ายประจำสำหรับคนมีรถ ซึ่งปัจจุบันราคาน้ำมันไม่มีทีท่าว่าจะถูกลง ทำให้หลายคนมองหาทางเลือกใหม่อย่าง รถยนต์ไฟฟ้าที่มีค่าเติมพลังงานราคาถูกกว่า แต่เจ้าของรถยนต์เติมน้ำมันไม่ต้องกังวลไป เพราะสามารถแบ่งเบาภาระค่าน้ำมันได้ด้วยการชำระผ่านบัตรเครดิตทีทีบี ที่ไม่เพียงแค่รูดจ่ายได้สะดวกรวดเร็วเท่านั้น แต่ยังมีโปรโมชันจากบัตรเครดิตที่คุ้มค่าได้มากขึ้น เมื่อเติมน้ำมันที่ปั๊มบางจากและปั๊มคาลเท็กซ์ รับเครดิตเงินคืนได้สูงสุดถึง 5%
ค่าเบี้ยประกันรถยนต์ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ขับขี่รถจำเป็นต้องซื้อกรมธรรม์ประกันภัย ก็จะสามารถเป็นหลักประกันความเสียหายในอนาคต ซึ่งประกันรถยนต์มีหลายราคา แบ่งตามความคุ้มครองที่ผู้ซื้อประกันจะได้รับ ก่อนจะตัดสินใจซื้อกรมธรรม์ประกันภัยควรสำรวจให้ดีว่าตนเองมีพฤติกรรมการใช้รถยนต์อย่างไร โดยแผนประกันภัยมีความแตกต่าง ดังนี้
รถยนต์มีค่าภาษีประจำปี กฎหมายกำหนดให้เจ้าของรถต้องเสียภาษีรถยนต์ทุกปี หากไม่จ่ายภาษีรถยนต์ติดต่อกัน 3 ปี ทะเบียนจะถูกระงับ เจ้าของรถต้องดำเนินเรื่องเพื่อขอทะเบียนใหม่ และโดนเรียกเก็บค่าภาษีย้อนหลัง ราคาค่าใช้จ่ายในการต่อภาษีประจำปี สำหรับรถยนต์ส่วนบุคคลที่นั่งไม่เกิน 7 ที่นั่ง ขนาดเครื่อง 600 ซีซีแรก คำนวณซีซีละ 50 สตางค์, ขนาดเครื่อง 601-1,800 ซีซี คำนวณซีซีละ 1.50 บาท และขนาดเครื่อง 1,801 ซีซีขึ้นไป คำนวณซีซีละ 4 บาท
ส่วนค่าประกัน พ.ร.บ. คือ ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 ซึ่งเป็นข้อบังคับที่รถทุกคันต้องทำ หากเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ขึ้นมา ผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร และบุคคลภายนอกจะได้รับความคุ้มครองนั่นเอง และค่าใช้จ่ายสำหรับรถยนต์ส่วนบุคคลที่นั่งไม่เกิน 7 ที่นั่งอยู่ที่ 645.21 บาท
แน่นอนว่าต้องมีรายจ่ายค่าดูแลรักษาสภาพรถยนต์ อะไหล่และอุปกรณ์ของรถยนต์จะเสื่อมสภาพไปตามการใช้งาน ค่าใช้จ่ายซ่อมแซมรถ ค่าเปลี่ยนอุปกรณ์อะไหล่ ค่าเปลี่ยนถ่ายของเหลวในรถยนต์ ทั้งน้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรก น้ำมันเกียร์ก็จะตามมา แนะนำให้นำรถยนต์เข้าไปเช็กสภาพเป็นประจำ ไม่ว่าจะเดินทางไกลหรือใกล้ รถทุกคันที่ใช้งานควรได้รับการตรวจสภาพทุก ๆ 6 เดือนหรือ 1 ปีเพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่และผู้ใช้ถนนคนอื่น
ค่าที่จอดรถ ค่าผ่านทางด่วน ค่าล้างรถ ค่าปรับกรณีฝ่าฝืนกฎจราจร ค่าใช้จ่ายเหล่านี้เรียกว่าค่าใช้จ่ายแฝง เจ้าของรถบางคนอาจมีที่จอดรถฟรีในบ้าน แต่เมื่อขับออกมาก็ต้องยอมจ่ายค่าจอดรถที่รอเรียกเก็บ ณ ปลายทางอยู่ดี ค่าใช้จ่ายแฝงแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย ๆ และไม่ใช่ทุกคนที่ต้องจ่าย หลายอย่างขึ้นอยู่กับพฤติกรรมส่วนตัวของผู้ขับขี่ เช่น ค่าปรับที่ขับรถฝ่าไฟแดง แน่นอนว่าคนขับที่มีความประพฤติดีจะไม่มีค่าใช้จ่ายส่วนนี้ หรือ ค่าล้างรถที่เจ้าของรถบางคันก็ล้างด้วยตัวเอง แต่บางรายก็ใช้บริการล้างรถตามจุดให้บริการต่าง ๆ
แม้ว่าการมีรถยนต์จะนำมาซึ่งค่าใช้จ่ายมากมาย แต่สำหรับใครที่ “รถยนต์” คือสิ่งจำเป็นต้องใช้เดินทางทุกวัน และสามารถจัดการกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นได้ ก็ไม่ต้องกังวล ส่วนคนที่ยังไม่พร้อมต้องคิดไตร่ตรองอย่างรอบคอบ ขยันเก็บออมให้มากขึ้น เพื่อรถในฝันจะได้ไม่ต้องเป็นภาระอันหนักอึ้งจนสั่นคลอนสถานะทางการเงิน
เอไอเอ ประเทศไทย นำโดย นายโยฮัน ดีทอย (ที่ 3 จากขวา) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุน จับมือกับ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช นำโดย นายสมบัติ พิมพ์ประสิทธิ์ (ที่ 3 จากซ้าย) ผู้อำนวยการสำนักบริหารงานกลาง ปฏิบัติการแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือตามโครงการมอบความคุ้มครองกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุกลุ่มสำหรับเจ้าหน้าที่ผู้พิทักษ์ป่าและบุคลากรประเภทสัญญาจ้างที่ปฏิบัติงานในพื้นที่มรดกโลกทางธรรมชาติ โดยเอไอเอ ประเทศไทย ได้สนับสนุนกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุกลุ่มฟรี แก่เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าประเภทสัญญาจ้างในพื้นที่มรดกโลกครอบคลุมทั้งสิ้น 3 แห่ง ได้แก่ 1) เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่ - ห้วยขาแข้ง 2) กลุ่มป่าดงพญาเย็น - เขาใหญ่ และ 3) กลุ่มป่าแก่งกระจาน (“พื้นที่มรดกโลกทางธรรมชาติ”) รวมจำนวนทั้งสิ้นกว่า 2,104 ราย ระยะเวลาคุ้มครองเริ่มตั้งแต่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 นาน 365 วัน หรือ 1 ปี ด้วยวงเงินคุ้มครองชีวิตสูงถึง 100,000 บาทต่อกรมธรรม์ กรณีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ พร้อมรับผลประโยชน์ค่าชดเชยรายได้ระหว่างการเข้ารักษาตัวเป็นผู้ป่วยใน กรณีได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ เพื่อมอบเป็นสวัสดิการและส่งเสริมให้เจ้าหน้าที่มีหลักประกันความคุ้มครองอุบัติเหตุอย่างครบถ้วนและจำเป็นในการปฏิบัติงาน เพื่อหวังช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและดูแลเจ้าหน้าที่ให้มีสวัสดิการความคุ้มครองอุบัติเหตุที่เพิ่มขึ้น พร้อมสนับสนุนให้ทุกคนมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน ตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives’

โดยภายในงานได้รับเกียรติจาก นายนราพัฒน์ แก้วทอง (กลาง) ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พลเอกประดิษฐ์ บุญเกิด (ที่ 2 จากซ้าย) เลขาธิการมูลนิธิพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ พันเอกนนท์ จุลานนท์ (ซ้ายสุด) ที่ปรึกษามูลนิธิพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ นายไพบูลย์ เปี่ยมเมตตา (ที่ 2 จากขวา) ผู้ช่วยเลขาธิการสายกำกับผลิตภัณฑ์ประกันภัย สำนักงาน คปภ. และ นายสุวิรัช พงศ์เสาวภาคย์ (ขวาสุด) ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการภายนอก เอไอเอ ประเทศไทย ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เมื่อเร็วๆ นี้ที่ผ่านมา
นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เข้าร่วมงานสัมมนาการประกันภัย ครั้งที่ 29 ภายใต้หัวข้อ “การบริหารจัดการความเสี่ยงอุบัติใหม่ : ความท้าทายของธุรกิจประกันภัยในทศวรรษหน้า” จัดโดยสมาคมประกันวินาศภัยไทย เมื่อวันพุธที่ 29 มกราคม 2568 ณ ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมชาเทรียม แกรนด์ ถนนเพชรบุรี กรุงเทพฯ
การสัมมนาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้และตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงของภูมิทัศน์ทางธุรกิจและความเสี่ยงที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมประกันภัยในอนาคต โดยเป็นเวทีสำคัญสำหรับผู้บริหารระดับสูงของบริษัทประกันวินาศภัย หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง และองค์กรหลักที่อยู่ในระบบนิเวศประกันภัย รวมถึงสื่อมวลชน ได้ร่วมแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับแนวโน้มและแนวทางการบริหารจัดการความเสี่ยงของธุรกิจประกันภัย เพื่อให้สามารถปรับตัวและรับมือกับความท้าทายในทศวรรษหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำนักงาน คปภ. ยังคงเดินหน้าส่งเสริมและกำกับดูแลภาคธุรกิจประกันภัยให้มีความมั่นคง ควบคู่ไปกับการบริหารจัดการความเสี่ยงอุบัติใหม่ในโลกยุคดิจิทัล เพื่อให้ภาคธุรกิจสามารถปรับตัวและรองรับความเปลี่ยนแปลงได้อย่างเหมาะสม และสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในการใช้ระบบประกันภัยเป็นเครื่องมือบริหารความเสี่ยงอย่างยั่งยืน
นางพิทยา วรปัญญาสกุล (ขวา) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร "เคทีซี" หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ขึ้นรับโล่เกียรติยศในฐานะองค์กรที่มีมูลค่าแบรนด์สูงสุดประจำปี 2567 (Thailand’s Top Corporate Brand Value 2024) ในหมวดธุรกิจเงินทุนและหลักทรัพย์ ด้วยมูลค่าแบรนด์ 92,847 ล้านบาท จากศาสตราจารย์ ดร.วิเลิศ ภูริวัชร (ซ้าย) อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 6 ที่เคทีซีได้รับรางวัลนี้ โดยพิธีมอบรางวัลจัดขึ้นที่หอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถนนพญาไท
พิทยา วรปัญญาสกุล กล่าวถึงการได้รับรางวัลในครั้งนี้ว่า “ขอบคุณทางจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่มอบรางวัลอันทรงคุณค่านี้ให้กับเคทีซีอีกวาระหนึ่ง ซึ่งเป็นการสะท้อนความตั้งใจของเคทีซีที่ให้ความสำคัญกับเรื่อง แบรนด์มาตลอดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ จนเป็นวัฒนธรรมที่ฝังรากลึกในดีเอ็นเอของคนเคทีซี เพราะพวกเราเชื่อว่าแบรนด์ที่ใช่ คือแบรนด์ที่เข้าใจความต้องการของสมาชิกและผู้บริโภค สร้างคุณค่าและความจริงใจอย่างลึกซึ้งยาวนาน จนได้รับความไว้วางใจ ผูกพันเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน และในยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงรวดเร็วและมีผลต่อพฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้บริโภค เคทีซียังคงมุ่งเน้นการสร้างแบรนด์เพื่อให้เข้าถึงและสร้างความเชื่อมั่นกับผู้บริโภคอย่างยั่งยืน โดยพัฒนาองค์กรสู่ดิจิทัลผ่านคน-กระบวนการ-ไอที ในการเสริมประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์และบริการแบบครบวงจร เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับสมาชิกและผู้เกี่ยวข้องในทุกมิติ”

รางวัล ASEAN and Thailand’s Top Corporate Brand เป็นส่วนหนึ่งของงานวิจัยประเมินมูลค่าแบรนด์องค์กรในประเทศไทยและในอาเซียน ซึ่งริเริ่มโดยศาสตราจารย์กิตติคุณดร.กุณฑลี รื่นรมย์ หัวหน้าคณะผู้วิจัยและที่ปรึกษาหลักสูตร Master in Branding and Marketing และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เอกก์ ภทรธนกุล หัวหน้าภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในการสร้างเครื่องมือวัดมูลค่าแบรนด์องค์กรเป็นตัวเลขทางการเงิน หรือ CBS Valuation (Corporate Brand Success Valuation) โดยใช้แนวคิดทางการเงิน การบัญชีและการตลาดมาบูรณาการร่วมกันออกมาเป็นสูตรในการคำนวณ ทำให้องค์กรทราบตัวเลขที่สะท้อนถึงมูลค่าแบรนด์ขององค์กร ซึ่งมูลค่าแบรนด์ที่ประเมินได้จะมีผลต่อการตัดสินใจของคู่ค้า นักลงทุนและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัท ซึ่งอาจเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญขององค์กรในการดำเนินกลยุทธ์สู่ความยั่งยืนในระยะยาวต่อไป เพราะมูลค่าแบรนด์ คือ คุณค่าขององค์กรที่ถูกวัดออกมาด้วยวิธีการคำนวณที่ปราศจากอคติ การที่แบรนด์จะได้รับการยอมรับจากลูกค้าหรือสังคมขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพของสินค้าและการบริการ ช่องทางการขายและการส่งเสริมทางการตลาดแล้ว นโยบายและแนวทางปฏิบัติขององค์กรที่ชัดเจนในมุมของความรับผิดชอบต่อสังคมและการมีธรรมาภิบาลที่ดี ล้วนส่งผลกระทบต่อคุณค่าของแบรนด์องค์กร