December 06, 2025

ตรุษจีนปี 2568 นี้ KFC ประเทศไทย จัดเซอร์ไพรส์ครั้งใหญ่ นำผู้พันแซนเดอร์สมาแปลงโฉมเป็น “แป๊ะยิ้ม” สุดน่ารักพัดโชคดีมาให้ลูกหลาน พร้อมนำทีมคณะเชิดสิงโตแบบใหม่ทำถึง ซึ่งเป็นครั้งแรกของ KFC ประเทศไทย ที่มีการจัดขบวนแห่ตรุษจีนเช่นนี้! ก่อนพาแป๊ะแซนเดอร์สลงพื้นที่พบปะผู้คนที่ออกมาจับจ่ายในวันที่ 27 มกราคม 2568 (วันจ่าย) ที่ผ่านมาอย่างใกล้ชิด ตามย่านฮอตฮิตในวันตรุษจีน เพื่อสร้างสีสัน มอบคำอวยพร ให้ทุกคนเฮงๆ ปังๆ ต้อนรับปีใหม่จีน เรียกรอยยิ้มและความสนใจจากผู้คนที่ผ่านไปมาอย่างล้นหลาม

แคมเปญตรุษจีนประจำปี 2568 ของทาง KFC ประเทศไทย เริ่มต้นด้วยการสร้างเซอร์ไพรส์บนโลกโซเชียลจากวิดีโอ เปิดตัว ‘แป๊ะแซนเดอร์ส’ ผู้พันที่แปลงโฉมเป็นแป๊ะยิ้มและคณะเชิดสิงโตที่มาอวยพรตรุษจีนให้กับลูกหลานชาวไทยเชื้อสายจีนทุกคนซึ่งทำเอาแฟนเพจ KFC ต่างพูดถึงความน่ารักของแป๊ะแซนเดอร์สอย่างล้นหลาม โดยในวันที่ 27 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา ซึ่งตรงกับวันจ่ายในเทศกาลตรุษจีน แป๊ะแซนเดอร์สและคณะเชิดสิงโตได้นำทีมขบวนพาเหรด KFC ตรุษจีนออกสร้างความสุข และพัดพาสิริมงคลให้กับชาวไทยเชื้อสายจีนที่ออกไปจับจ่ายของไหว้ในวันจ่าย ไปตามย่านหลักของเทศกาลตรุษจีน อาทิ ถนนเยาวราช สามย่านมิตรทาวน์ และสยาม พร้อมแจกสติกเกอร์มงคลเรียกรอยยิ้มสุดเอ็กซ์คลูซีฟจาก KFC ประเทศไทย ซึ่งมีแจกในช่วงเทศกาลให้กับผู้คนที่พบเจอขบวนตรุษจีนนี้เท่านั้น

กิจกรรมครั้งนี้ KFC ประเทศไทย ได้หยิบยกความเชื่อของชาวจีนมาผสานกับตัวตนอันสนุกสนานทันสมัยของ KFC เข้าไว้ด้วยกัน อย่างการนำไอคอนของแบรนด์อย่างผู้พันแซนเดอร์สมาแปลงโฉมเป็น แป๊ะยิ้ม หรือ องค์เทพแน่ไซฮัว ซึ่งมีพัดประจำตัวช่วยโบกสะบัดโชคดีเข้าตัว โดยคาแรคเตอร์ ‘แป๊ะแซนเดอร์ส’ มีความสนุก และยังนำวัฒนธรรมการเชิดสิงโต ที่สื่อความหมายถึงการขับไล่สิ่งชั่วร้ายออกไป มาผสานกับความน่ารักอย่างการเล่นไม้ตกไก่ ล่อสิงโตเชิดสร้างความเอ็นดูให้กับผู้พบเห็นตลอดเส้นทาง โดยในขบวนยังมีคนดังมาร่วมเดินขบวน ส่งต่อความสุขช่วงตรุษจีนนี้ อย่าง คุณเอแคลร์ เพจจือปาก อีกด้วย นอกจากนี้ สำหรับใครที่พลาดโอกาสการเจอแป๊ะแซนเดอร์สด้วยตัวเอง ก็สามารถร่วมเล่นกิจกรรมทางออนไลน์อย่าง “ใบเสร็จเจ็ดชั้นฟ้า” ชิงเสื้อยืดมงคลลายพิเศษจาก KFC ที่มีเฉพาะวันพิเศษอย่างเทศกาลตรุษจีนนี้เท่านั้น ติดตามได้ทางแฟนเพจ Facebook @kfcth

โดย คุณซูเฮล ลิมบาดะ (Suhayl Limbada) ประธานบริหารฝ่ายการตลาด เคเอฟซี ประเทศไทย (Market Lead & Chief Marketing Officer, KFC Thailand.) กล่าวว่า “ตรุษจีนถือเป็นหนึ่งในเทศกาลที่สำคัญกับคนไทยเชื้อสายจีนจำนวนมากทาง KFC ประเทศไทย จึงต้องการร่วมฉลองเทศกาลนี้ไปพร้อมๆ กับทุกคน ผ่านกิจกรรมตรุษจีนที่สนุกสนานและคนทั่วไปสามารถมีส่วนร่วมได้ เพราะ KFC ต้องการที่จะเป็นแบรนด์ของทุกคนที่เคารพทุกความเชื่อ และกลมกลืนไปกับวัฒนธรรมที่หลากหลาย เราจึงจัดแคมเปญนี้ขึ้นเพื่อร่วมฉลอง และเป็นส่วนหนึ่งของสีสันในเทศกาลมงคลนี้ ผ่านตัวตนที่สนุกสนานและเข้าถึงง่าย อย่างการนำผู้พันแซนเดอร์สที่แปลงโฉมเป็น “แป๊ะแซนเดอร์ส” เพื่อนำทีมขบวนพาเหรดตรุษจีนครั้งแรกของ KFC ประเทศไทย ที่ผสานเอาวัฒนธรรมและตัวตนของแบรนด์ KFC ไว้อย่างลงตัว และแต่ยังคงความสนุกสนานเรียกรอยยิ้มให้กับผู้พบเห็นได้ทุกครั้งเหมือนในวันนี้ เพราะนอกจากการรังสรรค์เมนูไก่ทอดสูตรออริจินัลแล้ว KFC ยังต้องการสร้างช่วงเวลาแห่งความสุข และประสบการณ์ที่ทำให้ทุกคนยิ้มได้ จึงออกมาเป็นแคมเปญสนุกๆ ที่ถูกพูดถึงมาโดยตลอด”

โดยงานเบื้องหลังแคมเปญสนุกๆ สุดครีเอทีฟนี้เป็นฝีมือการร่วมงานระหว่าง KFC ประเทศไทย และ Glow Story เอเจนซีโฆษณารุ่นใหม่ไฟแรงที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการสร้างความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับลูกค้า (Humanizing Brand)  มาช่วยพัฒนาไอเดียของแคมเปญตรุษจีนปีนี้ โดยทาง Glow Story ตีความหมายของตรุษจีนออกมาเป็นเรื่องราวของการเริ่มต้นปีอย่างเป็นสิริมงคล ปัดเป่าสิ่งไม่ดีออกไปทั้งปี จากแป๊ะยิ้มและการเชิดสิงโต นำมาตีความใหม่ให้สนุกสนานขึ้นตามเอกลักษณ์ของแบรนด์ KFC จนกลายเป็นคณะเชิดสิงโตแบบใหม่ที่นำโดยแป๊ะแซนเดอร์ส ซึ่งถูกใจคนรุ่นเก่า และสนุกได้ใจคนรุ่นใหม่นั่นเอง

สามารถติดตามกิจกรรมสนุกๆ จาก KFC ในอนาคตได้ ทางแฟนเพจ Facebook @kfcth #KFC #ตรุษจีน #แป๊ะแซนเดอร์ส ซึ่งมีกิจกรรมที่น่าตื่นเต้นให้ได้ติดตามอีกเพียบ

“ไรซ์ บัดดี้ ไรซ์ ชิปปี้ส์” ขนมข้าวอบกรอบจากข้าวไทย ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการการส่งเสริมสุขภาพควบคู่กับการรักษาสิ่งแวดล้อม จากขนมข้าวอบกรอบที่ผ่านกระบวนการ อบ ไม่ทอด ไม่มีไขมันทรานส์ พร้อมบรรจุภัณฑ์ที่สามารถนำไปรีไซเคิลได้ 100% ด้วยโซลูชัน Mono Material เพื่อช่วยลดขยะพลาสติกจากบรรจุภัณฑ์ขนมคบเคี้ยว และช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เริ่มวางจำหน่ายแล้วที่ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต และท็อปส์ ฟู้ด ฮอลล์ ทั่วประเทศ

นางสาวกลอเรีย กัว รองกรรมการฝ่ายการตลาด บริษัท ไวด์ เฟธ ฟู้ด จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายขนมข้าวอบกรอบจากข้าวไทย “ไรซ์ บัดดี้ ไรซ์ ชิปปี้ส์ (Rise Buddy Rice Chippies)” เผยว่า นอกจากการคิดค้นและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ส่งเสริมสุขภาพที่ดีและให้รสชาติที่อร่อยแล้ว บริษัทฯ ยังคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง การเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ในครั้งนี้เป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของบริษัทฯ  ที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมในการส่งเสริมการรีไซเคิลพลาสติก และลดการสร้างขยะในอนาคต  โดยเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์พลาสติกแบบดั่งเดิมมาใช้พลาสติกที่สามารถนำกลับไปรีไซเคิลใหม่ได้ 100% ด้วยโซลูชัน Mono Material นวัตกรรมการผลิตบรรจุภัณฑ์ที่ใช้วัสดุประเภทพลาสติกชนิดพีพี (Polypropylene, PP) ชนิดเดียวทั้งหมด โดยไม่ผสมพลาสติกชนิดอื่นในบรรจุภัณฑ์ ซึ่งช่วยให้การรีไซเคิลทำได้ง่ายขึ้น ลดความซับซ้อนและค่าใช้จ่ายในการคัดแยกวัสดุต่างชนิดที่ใช้ในบรรจุภัณฑ์และมีประสิทธิภาพสูงขึ้น  โดยพลาสติกชนิด PP เป็นเทอร์โมพลาสติก (Thermoplastics) ที่สามารถนำกลับมาหลอมใหม่ได้เรื่อยๆ และขึ้นรูปได้หลายครั้ง โดยที่ไม่ส่งผลต่อคุณภาพของพลาสติก

นางสาวกลอเรีย กล่าวเสริมว่า การเปลี่ยนมาใช้บรรจุภัณฑ์ชนิด Polypropylene (PP) แบบรีไซเคิลได้ทั้งหมด ช่วยลดโอกาสที่บรรจุภัณฑ์หรือซองขนมจะถูกฝังกลบหรือก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการลดการใช้พลาสติกหลายชนิดที่มักจะเป็นอุปสรรคในการรีไซเคิล ช่วยลดปริมาณขยะพลาสติกที่ไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแนวคิดความยั่งยืน ที่บริษัทฯ ยึดถือเพื่อส่งเสริมการรีไซเคิล และแก้ปัญหาโลกร้อนตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน(SDGs) ควบคู่กับส่งเสริมสุขภาพของผู้บริโภค โดย “ไรซ์ บัดดี้ ไรซ์ ชิปปี้ส์” เป็นขนมข้าวแผ่นอบกรอบ ผ่านกรรมวิธีอบแทนการทอด ไม่มีไขมันทรานส์ ไม่ใส่ผงชูรส ไม่มีกลูเตน และได้รับการรับรองมาตรฐานฮาลาล และใช้นวัตกรรมการขึ้นรูปขนมอบที่ผลิตจากข้าวในรูปแบบ Chippies แผ่นคล้ายมันฝรั่งเจ้าแรกในตลาด โดยมีให้เลือก 4 รสชาติ ได้แก่ บีบีคิว(BBQ) ซาวร์ครีมแอนด์ออเนี่ยน (Sour Cream & Onion) ซีซอลท์ (Sea Salt) และชีส (Cheese) 

นอกจากนี้ บรรจุภัณฑ์ใหม่ของ “ไรซ์ บัดดี้ ไรซ์ ชิปปี้ส์” ที่สามารถรีไซเคิลได้ 100% ได้วางจำหน่ายในประเทศจีนตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา และได้รับการตอบรับอย่างดีจากทั้งผู้บริโภคและช่องทางจัดจำหน่าย ด้วยความใส่ใจในสุขภาพและสิ่งแวดล้อมที่เป็นเทรนด์สำคัญระดับโลก ส่วนในประเทศไทยจะเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่เดือนมกราคม 2568 เป็นต้นไป ในขนาด 50 กรัม ราคา 29 บาท สามารถหาซื้อไรซ์ ชิปปี้ส ได้ที่ ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต และ ท็อปส์ ฟู้ด ฮอลล์ รวมถึงช่องทางออนไลน์ ได้แก่ Lazada: https://www.lazada.co.th/shop/rise-buddy , Shopee: https://shopee.co.th/rise_buddy , TikTok Shop: https://www.tiktok.com/@risebuddythailand  และรถ Yummy Truck ที่จะเสิร์ฟความกรอบอร่อยไปทั่วประเทศ โดยสามารถติดตามข่าวสารและกิจกรรมดีๆ จาก ไรซ์ บัดดี้ ไรซ์ ซิปปี้ส์ ผ่านทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ https://www.facebook.com/risebuddythailand/ 

“ไรซ์ บัดดี้ ไรซ์ ชิปปี้ส์ ยังคงมุ่งมั่นในการใช้วัตถุดิบคุณภาพจากข้าวไทย พร้อมกับการพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อมอบประสบการณ์และสุขภาพที่ดีแก่ผู้บริโภค ควบคู่กับการตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสิ่งแวดล้อม และการใช้บรรจุภัณฑ์ที่รีไซเคิลได้ถือเป็นก้าวสำคัญในการดำเนินธุรกิจและเลือกบรรจุภัณฑ์ที่ส่งกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด ตอบโจทย์ทั้งผู้บริโภคและโลกใบนี้ และขอเชิญชวนลูกค้าทุกคนร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลสิ่งแวดล้อมไปด้วยกัน สนับสนุนผลิตภัณฑ์รีไซเคิลและคัดแยกขยะก่อนทิ้งเพื่อนำขยะไปรีไซเคิลและกำจัดอย่างถูกวิธี” นางสาวกลอเรีย กล่าวทิ้งท้าย

มันฝรั่งแท้ทอดกรอบ โดย บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด หรือ “เป๊ปซี่โค ประเทศไทย” เดินหน้าเสิร์ฟความสนุก เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 30 ปี เลย์ ประเทศไทยอย่างเป็นทางการ โดยล่าสุดจัดงาน Lay’s Master of Flavor house ระหว่างวันที่ 29 มกราคม - 3 กุมภาพันธ์ 2568 ณ ลาน Eden ชั้น 3 เซ็นทรัลเวิลด์ ที่การันตีความแซ่บนัวสไตล์ตัวแม่เรื่องรสชาติที่ไม่มีใครเหมือน ภายใต้แคมเปญ Master of Flavor เรื่องรสยกให้เลย์” พร้อมเสิร์ฟแบบฉ่ำจุใจให้แฟนพันธุ์เลย์ได้มาร่วมสนุกตลอดทั้ง 6 วัน

ภายในงาน จะพาคุณย้อนวัยไปกับเลย์กว่า 201 รสชาติที่คิดถึง รวมถึงกิจกรรมอินเตอร์แอคทีฟแบบละลานตา อาทิ อุโมงค์ Lay’s Flavor tunnel ที่เต็มไปด้วยเลย์รสชาติต่าง ๆ ที่หลายคนชื่นชอบ, เกมอินเตอร์แอคทีฟที่ชวนมาตามหาเส้นทางของมันฝรั่งและรสชาติของเลย์ที่ถูกปากคนไทยมาตลอด 30 ปี, มุมถ่ายรูปเช็คอินเก๋ ๆ ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากที่สุดของรสชาติในตำนานที่ทุกคนโหวตให้กลับมาอย่าง “รสไข่เค็มและรสชีสและหัวหอม” รวมถึงความพิเศษที่มีแค่ในงานนี้เท่านั้น อย่าง Lay’s taurant อาหารสไตล์ Chef Table แบบ Fine Dining โดยเซเลบริตี้เชฟชื่อดังที่จะรังสรรค์เมนูอาหารสุดว้าวทั้งหมด 5 เมนู ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากแผ่นมันฝรั่งแท้ทอดกรอบเลย์รสชาติต่าง ๆ รับรองว่าคุณจะได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่อย่างแน่นอน ผู้สนใจสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม หรือลงทะเบียนเพื่อสำรองที่นั่งล่วงหน้าได้ที่ Facebook: LaysThailand

นอกจากนี้ ในวันพุธที่ 29 มกราคม 2568 ตั้งแต่เวลา 16.00 น. ยังมีบิ๊กอีเว้นต์สุดเซอร์ไพรส์กับการแข่งขันเฟ้นหาสุดยอดแฟนพันธุ์เลย์ตัวจริงเสียงจริง คนแรกของประเทศไทยที่จะได้รับรางวัลใหญ่เป็นทองคำแท่งหนัก 1 บาทไปครอง ที่ได้ดาราสาวขวัญใจวัยรุ่นอย่าง แพรวา ณิชาภัทร ฉัตรชัยพลรัตน์ ร่วมสร้างสีสัน และกิจกรรมแฟนมีตสุดเอ๊กซ์คลูซีฟจากนักแสดงหนุ่มสุดฮอต นานิ หิรัญกฤษฎิ์ ช่างคำ ที่จะมาร่วมเล่นเกมกับแฟนคลับเลย์ผู้โชคดีกันอย่างใกล้ชิดอีกด้วย

งานนี้ใครอยากไปชิมเมนูพิเศษ หรืออยากเช็คอินถ่ายรูปกับเลย์สไตล์คนเครซี่แบบจัดเต็มเตรียมตัวให้พร้อมแล้วไปเจอกันได้ที่งาน Lay’s Master of Flavor house ระหว่างวันที่ 29 มกราคม – 3 กุมภาพันธ์ 2568  ณ Eden ชั้น 3 เซ็นทรัลเวิลด์ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมทาง Facebook: LaysThailand

สสว. ร่วมกับ บมจ. อินเตอร์เนตประเทศไทย ขยายโอกาส SME รับประโยชน์ในช่วงโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจจากมาตรการลดหย่อนภาษีปี 2568 เชิญชวน SME โดยเฉพาะกลุ่ม OTOP วิสาหกิจชุมชน วิสาหกิจเพื่อสังคม เปิดร้านค้าบน Nex Gen Commerce พร้อมขึ้นทะเบียน e-Tax & e-Receipt ฟรี ตั้งแต่บัดนี้ – 15 กุมภาพันธ์ 2568

นางสาวปณิตา ชินวัตร รองผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสากิจขนาดกลางและขนาดย่อม รักษาการแทนผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า ตามที่ สสว. ได้ โร่วมกับบริษัท อินเตอร์เน็ตประเทศไทย จำกัด (มหาชน) (INET) ในการให้สิทธิประโยชน์กับผู้ประกอบการ เอสเอ็มอี โดยการเสริมสร้างขีดความสามารถด้วยการถ่ายทอดความรู้ ให้คำปรึกษาแนะนำการดำเนินธุรกิจ เพื่อขยายโอกาสทางการตลาดโดยเฉพาะช่องทางตลาดออนไลน์ผ่าน Nex Gen Commerce Platform รวมถึงให้บริการ เช่น E-Tax Invoice, E-Factoring พร้อมทั้งสิทธิประโยชน์ต่างๆ ซึ่งบางสิทธิประโยชน์ได้ครบกำหนดการให้บริการแล้ว แต่เพื่อให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีโดยเฉพาะวิสาหกิจรายย่อย ทั้งที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) แล้วและยังไม่ได้จด VAT มีโอกาสได้รับประโยชน์จากมาตรการ Easy E-receipt 2.0 หรือมาตรการลดหย่อนภาษีปี 2568 ของรัฐบาล พร้อมทั้งเป็นการยกระดับธุรกิจให้ก้าวสู่ยุคดิจิทัล จึงได้มีการขยายระยะเวลาการให้สิทธิประโยชน์เพิ่มเติม

โดยสิทธิประโยชน์ดังกล่าวสำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี กลุ่ม  OTOP วิสาหกิจชุมชนและวิสาหกิจเพื่อสังคม ที่เปิดร้านค้าบน Nex Gen Commerce ตั้งแต่บัดนี้ - วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2568 จะสามารถขึ้นทะเบียน e-Tax Invoice & e-Receipt ได้ง่าย ๆ พร้อมรับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม คือ บริการ E-Tax Invoice ฟรี 200 Transection ต่อเดือน เป็นระยะเวลา 1 ปี ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยให้ผู้ประกอบการมีโอกาสในการขายสินค้าเพิ่มมากขึ้นในช่วงโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลผ่านมาตรการ Easy E-Receipt 2.0 ตั้งแต่ 16 มกราคม - 28 กุมภาพันธ์ 2568 เนื่องจากผู้บริโภคทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ต้องการซื้อสินค้าจากร้านค้าที่สามารถออกใบเสร็จรับเงินเพื่อใช้สิทธิลดหย่อนภาษีประจำปี 2568 ได้ โดยค่าซื้อสินค้า OTOP วิสาหกิจชุมชนและวิสาหกิจเพื่อสังคม สามารถหักลดหย่อนภาษีได้ถึง 50,000 บาท จึงขอเชิญชวน เอสเอ็มอี กลุ่มวิสาหกิจรายย่อย ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายของมาตรการลดหย่อนภาษีปี 2568 ใช้สิทธิเพื่อรับประโยชน์จากมาตรการดังกล่าว สำหรับกิจการที่ยังไม่มี e-Tax & e-Receipt ลงทะเบียนได้ https://forms.gle/aCoazfLE6qaTY1Fq8

นอกจากนี้ สสว. ยังมีแผนที่จะเชื่อมโยงความร่วมมือในการสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ขายสินค้าให้กลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ ได้รับสิทธิประโยชน์จากการเข้าร่วมโครงการ VAT Refund for Tourists หรือ VRT เพื่อเป็นการขับเคลื่อนและเพิ่มศักยภาพผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ในภาคการท่องเที่ยว โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาออกสิทธิประโยชน์และแพคเกจสนับสนุนเอสเอ็มอีขึ้นทะเบียน VRT เพื่อเป็นบริการภายใต้โครงการส่งเสริมผู้ประกอบการผ่านระบบ BDS (Business Development Service) ของ สสว. ซึ่งจะสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการดำเนินการดังกล่าว ให้กับผู้ประกอบการที่เข้ารับบริการในสัดส่วนร้อยละ 50-80 วงเงินสูงสุด 200,000 บาทต่อราย ทั้งหมดนี้เพื่อเป็นสิทธิประโยชน์ให้กับผู้ประกอบการ SME ที่ต้องการเข้าสู่ระบบ

อย่างไรก็ดี สำหรับบริษัท อินเทอร์เน็ตประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หน่วยงานพันธมิตรในความร่วมมือดังกล่าว เป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยมีสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ และ บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ เป็นผู้ถือหุ้น ดำเนินธุรกิจเป็นผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานด้านไอซีทีของประเทศ ทั้งโครงสร้างพื้นฐานด้าน Infrastructure และ Digital Platform รวมทั้งให้บริการด้าน IT Solution แบบครบวงจรสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการนำ IT มาเป็นเครื่องมือเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ อาทิ บริการคลาวด์ ดิจิทัลเซอร์วิส บริการ e-Tax รวมถึงบริการด้านการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้นักท่องเที่ยว e-VRT ที่มีประสิทธิภาพและมาตรฐานในระดับสากล ซึ่งจะเป็นประโยชน์สำคัญในการสนับสนุนให้ SME นำเทคโนโลยี เข้ามาเป็นประโยชน์ในการดำเนินธุรกิจ

ปี 2567 พิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นปีที่โดดเด่นสำหรับสินทรัพย์เสี่ยง แม้จะเผชิญกับความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์และการเลือกตั้งในหลายประเทศทั่วโลก ดัชนี MSCI World ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 24 แม้แต่จีนที่ยังคงเผชิญกับความตึงเครียดทางการค้ากับสหรัฐอเมริกา หุ้นจีนก็สามารถพลิกฟื้นจากการขาดทุนในปีก่อนหน้า โดยปิดการซื้อขายด้วยผลตอบแทนร้อยละ 20

ปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง

แม้ว่าดัชนี S&P 500 จะปรับเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 62 นับตั้งแต่ต้นปี 2566 แต่ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นในปี 2568 สำหรับภาวะเศรษฐกิจ ยังคงแข็งแกร่งอย่างน่าประหลาดใจ แม้ในช่วงเวลาของนโยบายการเงินที่เข้มงวด ธนาคารกลางสหรัฐ (Federal Reserve) ได้ส่งสัญญาณว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 1 ครั้ง ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ และจะคงอัตราดอกเบี้ยไปตลอดทั้งปี ซึ่งเป็นการปรับนโยบายเพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเงินเฟ้อและการเติบโตทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน

ทรัมป์ 2.0: โอกาสและความเสี่ยง

การได้รับเลือกตั้งอีกครั้งของประธานาธิบดีทรัมป์ โดยได้รับการสนับสนุนจากเสียงข้างมากของพรรครีพับลิกันทั้งในสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา คาดว่าจะสร้างแรงหนุนเพิ่มเติมให้กับเศรษฐกิจ โดยมีนโยบายสำคัญๆ ได้แก่ มาตรการลดภาษี การผ่อนคลายกฎระเบียบ  การกำหนดภาษีศุลกากร และการปฏิรูปการเข้าเมือง พระราชบัญญัติการลดภาษีและการจ้างงาน หรือที่รู้จักกันในชื่อ "การลดภาษีของทรัมป์" มีแนวโน้มว่าอาจจะได้นำกลับมาใช้ใหม่ในช่วงปลายปี 2568 ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการเติบโตของผลประกอบการบริษัทและการลงทุนในสหรัฐฯ นอกจากนี้การผ่อนคลายกฎระเบียบจะช่วยกระตุ้นกิจกรรมในภาคพลังงานและการเงิน อย่างไรก็ตาม บางส่วนของพระราชบัญญัติการลดเงินเฟ้อที่ให้เงินอุดหนุนพลังงานหมุนเวียนอาจถูกยกเลิก

การใช้มาตรการกำแพงภาษีศุลกากรซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของรัฐบาลทรัมป์สมัยแรกจะขยายวงกว้างขึ้น ทรัมป์ได้ส่งสัญญาณจัดเก็บภาษีนำเข้าร้อยละ 25 สำหรับเม็กซิโกและแคนาดา และเพิ่มภาษีนำเข้าจากจีนอีกร้อยละ 10 ในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดี  ทรัมป์ได้เสนอให้เก็บภาษีนำเข้าจากจีนในอัตราร้อยละ 60 และร้อยละ 10 สำหรับสินค้านำเข้าจากประเทศอื่นๆ การบังคับใช้กำแพงภาษีแบบครอบคลุมนี้จะส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ เนื่องจากไม่สามารถทดแทนการนำเข้าทั้งหมดได้ในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งจะนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าอุปโภคบริโภค อันเป็นต้นทุนทางการเมือง ดังนั้น การบังคับใช้ขั้นสุดท้ายน่าจะมีความละเอียดอ่อนและทยอยดำเนินการมากกว่า

มาตรการภาษีศุลกากรสำหรับสินค้านำเข้าจากจีนจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากสหรัฐฯ มองว่าจีนเป็นภัยคุกคามสำคัญ ในปี 2566 สหรัฐฯ ขาดดุลการค้ากับจีนมากกว่า 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้การใช้มาตรการภาษีศุลกากรเพื่อลดการขาดดุลการค้ากับจีนตั้งแต่ปี 2561 ยังไม่สามารถลดขาดดุลได้อย่างมีนัยสำคัญ สาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากความต้องการสินค้าของสหรัฐฯ รวมถึงมีมาตรการยกเว้นภาษีหลายประการ อย่างไรก็ตาม มีความเป็นไปได้ว่าการขาดดุลการค้าดังกล่าวอาจสูงมากขึ้น หากพิจารณาผลกระทบจากการเบี่ยงเบนการค้าของจีนที่ส่งออกผ่านประเทศอื่นๆ ไปยังสหรัฐฯ เช่น เม็กซิโกและเวียดนาม

ความแข็งแกร่งของสหรัฐฯ: ผลกระทบที่กระจายไปยังกลุ่มล่างน้อยลง

จากสถิติที่ผ่านมา ในช่วงที่สหรัฐฯ เติบโตอย่างแข็งแกร่งมักจะส่งผลดีต่อประเทศอื่นๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศในเอเชียที่เน้นการผลิต แต่สถานการณ์นี้อาจเปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากนโยบาย "อเมริกามาก่อน" ภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์จะส่งผลให้ภาษีศุลกากรสูงขึ้น และกระตุ้นการผลิตภายในประเทศ ส่งผลให้ประเทศที่พึ่งพาการส่งออกและมีการค้าเกินดุลกับสหรัฐฯ เช่น จีน เยอรมนี เวียดนาม และเม็กซิโก จะเผชิญความเสี่ยงมากขึ้น

ธีมการลงทุนสำคัญสำหรับปี 2568

นายกิดอน เจอโรม เคสเซล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผลิตภัณฑ์เงินฝากและบริหารการลงทุนบุคคลธนกิจ ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย กล่าวว่า “การกลับมาของทรัมป์และชัยชนะของพรรครีพับลิกันในทั้ง 2 สภา จะยิ่งสนับสนุนให้เศรษฐกิจสหรัฐฯเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และเพิ่มความไม่แน่นอนให้กับประเทศอื่นๆ ทั่วโลก ช่วงปีที่ผ่านมาหุ้นขนาดใหญ่ (mega-caps) ในสหรัฐฯ เป็นตัวหลักที่ผลักดันผลตอบแทนของดัชนีโดยรวม ในปี 2568 นักลงทุนอาจพิจารณาโอกาสลงทุนในหุ้นอื่นๆที่ไม่ใช่กลุ่มหุ้นขนาดใหญ่เพื่อผลตอบแทนที่ดีกว่า เนื่องจากหุ้นเหล่านั้นมีมูลค่าที่ถูกกว่าและมุ่งเน้นตลาดในประเทศมากกว่า โดยมีการปรับประมาณการผลประกอบการในหุ้นที่ไม่ใช่กลุ่ม 'Magnificent Seven' เพิ่มขึ้น เนื่องจากคาดว่าผลกำไรจะกระจายไปยังอุตสาหกรรมอื่นๆ ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว จะทำให้หุ้นนอกเหนือจากหุ้นขนาดใหญ่มีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้น เช่น หุ้นขนาดเล็กของสหรัฐฯ รวมไปถึงกลุ่มอุตสาหกรรมที่จะได้รับประโยชน์จากการยกเลิกกฎระเบียบต่างๆ ได้แก่ กลุ่มการเงิน เทคโนโลยี และพลังงาน”

นวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ได้ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมภาคเทคโนโลยี โดยเพิ่มมูลค่าตลาดกว่า 5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับบริษัทชั้นนำ 5 แห่ง ผู้ได้รับประโยชน์อันดับต้นๆ เช่น Nvidia ได้รับการปรับเพิ่มประมาณการรายได้ทันทีจากการแข่งขันเพื่อฝึกโมเดลต่างๆ ที่ต้องการพลังการคำนวณมหาศาล อย่างไรก็ตาม ประวัติศาสตร์ได้แสดงให้เห็นว่าผู้นำในอุตสาหกรรมในที่สุดจะขยายไปยังบริษัทที่สามารถเพิ่มมูลค่าผ่านแอปพลิเคชัน เช่น บริษัทซอฟต์แวร์ เป็นต้น ภาคส่วนที่สำคัญต่อการสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพในระยะยาวที่จะมีเห็นยอดขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ ภาคอุตสาหกรรมและสาธารณูปโภค เป็นต้น

สำหรับเศรษฐกิจนอกสหรัฐฯ นักลงทุนควรให้ความสำคัญกับประเทศที่มีการส่งออกไปยังสหรัฐฯ น้อยลง ในขณะที่จีนยังคงเผชิญกับแรงกดดันจากภาวะเงินฝืดและความเสี่ยงจากกำแพงภาษี แม้ว่าตลาดมีการปรับตัวจากปัจจัยเหล่านี้ไปบางส่วนแล้ว รัฐบาลจีนยังสามารถผ่อนคลายและกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเพิ่มการบริโภคในประเทศได้ แต่จนถึงขณะนี้ การกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนยังคงดำเนินการด้วยความระมัดระวัง นักลงทุนที่ต้องการลงทุนในจีนควรมุ่งเน้นไปยังภาคอุตสาหกรรมเชิงกลยุทธ์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล ซึ่งมีความผันผวนต่ำ เน้นการบริโภคภายในประเทศ และจ่ายเงินปันผลสูง

แนวโน้มตลาดหุ้นเอเชียยังส่งสัญญาณที่ไม่ชัดเจน แม้ว่าจะมีความไม่แน่นอนจากความตึงเครียดทางการค้าและการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของจีนที่ไม่แน่นอน แต่มูลค่าตลาดหุ้นเอเชียยกเว้นญี่ปุ่นยังคงอยู่ในระดับที่น่าสนใจ รายได้ของบริษัทต่างๆยังมีแนวโน้มแข็งแกร่ง และเมื่อรวมกับความเป็นไปได้ในการออกมาตรการการกระตุ้นทางการคลังเพิ่มเติมของจีนอาจช่วยจำกัดความเสี่ยงขาลง นักลงทุนควรเน้นความคล่องตัวและเชิงรุกในการลงทุนในหุ้นเอเชียและจีนเพื่อคว้าโอกาสและลดความผันผวนของพอร์ตโฟลิโอ หุ้นปันผลคุณภาพสูงของเอเชียยังให้รายได้ที่น่าสนใจ นอกจากนี้ นักลงทุนยังสามารถพิจารณาการกระจายการลงทุนไปเพิ่มเติมในหุ้นอาเซียน

ท่ามกลางการเติบโตของเศรษฐกิจที่ยังแข็งแกร่ง การปรับลดอัตราดอกเบี้ยยังคงจำกัด แต่อย่างไรก็ตาม ตราสารหนี้ยังคงมีบทบาทสำคัญในพอร์ตการลงทุน หลายนโยบายมีแนวโน้มที่จะส่งเสริมการเติบโตอย่างชัดเจน แต่บางนโยบาย เช่น การเนรเทศแรงงานผิดกฎหมายจำนวนมาก อาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตของสหรัฐฯ และทำให้เงินเฟ้อในภาคบริการสูงขึ้น การเปลี่ยนแปลงนโยบายเชิงโครงสร้างมักนำมาซึ่งความผันผวน อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ 10 ปีที่ร้อยละ 4.6 อยู่ในระดับค่าเฉลี่ยระยะยาว การลงทุนในตราสารหนี้จะช่วยกระจายความเสี่ยงจากหุ้นในขณะที่ให้ผลตอบแทนที่เหมาะสม นักลงทุนอาจพิจารณาลงทุนในตราสารหนี้กลุ่มที่ใช้ในการระดมทุนของธนาคาร เช่น ตราสารหนี้ประเภท AT1, T2 และ Senior TLAC เป็นต้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพอร์ตการลงทุนตราสารหนี้ที่หลากหลาย เรายังคงแนะนำให้จัดสรรการลงทุนในทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยง เนื่องจากทองคำมีผลการดำเนินงานที่ดีในปี 2567 และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยและการเข้าซื้อทองคำจากธนาคารกลางของประเทศต่างๆ จะยังคงเป็นปัจจัยสนับสนุนอยู่

โดยรวมแล้ว เราคาดว่าตลาดจะยังคงมีแรงหนุนให้เติบโตในปี 2568 อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรเตรียมพร้อมสำหรับช่วงเวลาของความผันผวนจากความไม่แน่นอนจากนโยบาย แม้ว่าผลตอบแทนจากตลาดหุ้นโดยรวมจะมีแนวโน้มปรับตัวขึ้น แต่คาดว่าอัตราผลตอบแทนไม่น่าจะสูงเท่ากับสองปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ เรายังคาดว่าผลตอบแทนจากหุ้นจะกระจายตัวมากขึ้น และหมายถึงโอกาสในการทำผลตอบแทนที่ดีกว่าให้กับนักลงทุนด้วย

การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) รวมพลังมวลชนสร้างประวัติศาสตร์! กว่า 12,000 คนในกิจกรรมเดิน-วิ่งลอยฟ้า มหกรรมสุขเต็มสิบ บนสะพานทศมราชัน แสดงความสามัคคีและเฉลิมฉลองการเปิด “สะพานทศมราชัน” ร่วมกับภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและภาคเอกชน โอกาสครั้งเดียวในการสัมผัส และบันทึกความทรงจำบนสะพานแห่งความภาคภูมิใจของคนไทย ก่อนเปิดใช้งานจริงในวันที่ 29 มกราคม 2568

นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการ กทพ. กล่าวในนามการทางพิเศษฯ “ขอขอบคุณประชาชนคนไทยทั่วประเทศ  และชาวต่างชาติทุกท่าน ที่มาร่วมบันทึกความทรงจำในกิจกรรมเดิน-วิ่งลอยฟ้า มหกรรมสุขเต็มสิบ ถือเป็นโอกาสพิเศษเดียวในชีวิตนักวิ่ง กับสะพานทศมราชัน ซึ่งสะพานแห่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงเส้นทางสัญจรที่เชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคม แต่ยังเป็นสะพานแห่งพลังใจที่เชื่อมทุกคน

สู่ประวัติศาสตร์หน้าใหม่กับมหกรรมสุขเต็มสิบในครั้งนี้ ทั้งนี้ กทพ. ขอขอบคุณหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และพันธมิตรทุกท่าน ตลอดจนทีมงานเบื้องหลังที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการจัดกิจกรรมฯ บันทึกความทรงจำ  และการสร้างประวัติศาสตร์ในครั้งนี้จนสำเร็จลุล่วงด้วยดี” กิจกรรมเดิน-วิ่งลอยฟ้า "มหกรรมสุขเต็มสิบ" บนสะพานทศมราชัน มีประชาชนจากทั่วประเทศทั้งนักวิ่งมืออาชีพและผู้ที่ต้องการบันทึกความทรงจำร่วมกันในประวัติศาสตร์ของสะพานฯ แห่งนี้ โดยใช้ระยะทางเดิน-วิ่ง รวม 10 กิโลเมตร จุดเริ่มต้นของกิจกรรมตั้งอยู่บนทางขึ้น สะพานทศมราชัน มุ่งหน้าสู่ด่านฯ บางโคล่ 2 โดยบริเวณกลางสะพาน มีพระบรมสารีริกธาตุประดิษฐานเพื่อให้ผู้เข้าร่วมได้รับพรและความเป็นสิริมงคล ซึ่งกิจกรรมฯ นี้ เปิดโอกาสให้ประชาชนทุกเพศทุกวัยได้สัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษ บนสะพานทศมราชัน ซึ่งนับเป็นสัญลักษณ์แห่งความภาคภูมิใจของคนไทย อีกทั้ง ยังส่งเสริมให้ทุกคนหันมาดูแลสุขภาพผ่านการเดิน-วิ่งอีกด้วย

“สะพานทศมราชัน” อีกหนึ่งสัญลักษณ์แห่งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทย โดยเป็นสะพานแห่งใหม่เชื่อมต่อโครงข่ายการคมนาคมระหว่างพื้นที่ชั้นนอกและชั้นในของกรุงเทพฯ จากฝั่งตะวันออกไปฝั่งตะวันตก มุ่งสู่ภาคใต้ รองรับการจราจรได้ 8 ช่องจราจร ซึ่งจะช่วยบรรเทาปริมาณการจราจรของสะพานพระราม 9 และการเดินทางสู่ทางพิเศษเฉลิมมหานครและทางพิเศษศรีรัช ความพิเศษของสะพานทศมราชันเป็นสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีความกว้างที่สุดของประเทศไทยสะพานแห่งนี้สามารถรับแรงลมได้สูงถึง 270 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมการก่อสร้างทางวิศวกรรมขั้นสูงและทันสมัยโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานความเป็นไทยอันทรงคุณค่า

 

การทางพิเศษแห่งประเทศไทย ขอขอบพระคุณพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนที่ร่วมสนับสนุนการจัดงานในครั้งนี้ให้สำเร็จลุล่วงด้วยดี อาทิ กระทรวงคมนาคม, กรุงเทพมหานคร, สำนักงานเขตยานนาวา, สำนักงานเขตราษฎร์บูรณะ, กองบัญชาการตำรวจนครบาล,กรมกิจการพลเรือนทหารบก, สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย, มูลนิธิดาวซินโดรมแห่งประเทศไทย, มูลนิธิ Five for all, Asian engineering consultants corp.,ltd., การท่าเรือแห่งประเทศไทย, ดอนเมืองโทลเวย์, Loxley, อิตาเลียนไทย,บริษัท ซิสทรอนิกส์ จำกัด, ธนาคารกสิกรไทย, ซี เอช อี ซี, ไทยธนาคารกรุงไทย, บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน), เครื่องดื่มตราช้าง, 100 plus, โฟร์โมส, มาม่า, โก๋แก่, Hino, โรงแรมแกรนริชมอนต์, ทิปโก้, ตังกุยจับ, ปตท., OR, Amazon, DOUBLE A มอบหน้ากากอนามัย กันฝุ่น, NATURE VALLEY CRUNCHY, Me Care, Moka, สเปร์ย, เย็นสุดขั้ว, Jetts, fitness, โรงพยาบาลบางปะกอก1, Thairun,TT Sports, Wink Wink Production, ChomPR, Boomerang Creation, เรด แคป ออกาไนเซอร์, และสถานที่จอดรถเซ็นทรัลพระราม 3, ไทวัสดุพระราม 3, ทรี ออน ทรี, โลตัส พระราม 3, โรงเรียนพระแม่มารี พระราม 3, KING SQUARE KINGBRIDGE TOWER และเทอมินอล 21 พระราม 3 ที่ร่วมส่งมอบความสุขให้ประชาชนทุกคน

กรมการค้าภายใน จับมือตลาดสดและตลาดกลาง 60 ตลาด 18 จังหวัด จัดกิจกรรม “พาณิชย์สืบสานเทศกาลตรุษจีน” นำสินค้าไหว้เจ้าจำหน่ายราคาพิเศษ เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับพี่น้องประชาชนเชื้อสายจีน เผยสินค้าไฮไลต์อย่างไก่สด ไก่ต้มสุก ราคาทรงตัวเท่ากับปีก่อน

นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการเปิดกิจกรรม “การเชื่อมโยงการจำหน่ายสินค้า และกระตุ้นการบริโภคในช่วงเทศกาลตรุษจีน ปี 2568” ภายใต้ชื่อ “พาณิชย์สืบสานเทศกาลตรุษจีน” ที่ตลาดเวิลด์มาร์เก็ต เขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร โดยมีผู้บริหารสมาคมตลาดสดไทย และสมาคมการค้าตลาดกลางค้าส่งสินค้าเกษตรไทย เข้าร่วม ว่า ในช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้ กรมได้ร่วมมือกับตลาดสด และตลาดกลางที่อยู่ในความส่งเสริม จัดกิจกรรมลดราคาจำหน่ายสินค้าตรุษจีน โดยการจัดโปรโมชันชุดไหว้เจ้า และเพิ่มทางเลือกให้กับประชาชนได้เลือกซื้อสินค้าไหว้เจ้าในราคาพิเศษ อาทิ ไก่สด ไก่ต้ม ผลไม้มงคล และขนมต่าง ๆ เพื่อดูแลพี่น้องประชาชนเชื้อสายจีน

สำหรับตลาดสดและตลาดกลางที่เข้าร่วมกิจกรรม “พาณิชย์สืบสานเทศกาลตรุษจีน” ปี 68 มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 60 ตลาด 18 จังหวัด ประกอบด้วย ตลาดสด อาทิ ตลาดเวิลด์มาร์เก็ต มีนบุรี ยิ่งเจริญ ถนอมมิตร กรุงเทพมหานคร (กทม.) และตลาดบางใหญ่ เยสบางพลี ใหม่สำโรง ในพื้นที่ปริมณฑล ส่วนตลาดกลาง อาทิ ตลาดไท สี่มุมเมือง จ.ปทุมธานี ตลาดศรีเมือง จ.ราชบุรี ตลาดล้านเมือง จ.เชียงราย และตลาดเทิดไท จ.พิษณุโลก

นายวิทยากร กล่าวว่า กรมได้ตรวจเยี่ยมการจำหน่ายสินค้า ณ ร้านค้าภายในตลาดเวิลด์มาร์เก็ต พบว่า บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคักกว่าปีก่อน มีพ่อค้าแม่ค้า นำสินค้าที่เกี่ยวกับตรุษจีน มาจำหน่ายเป็นจำนวนมาก และประชาชนให้ความสนใจเข้ามาเลือกซื้อสินค้า โดยสินค้าที่ได้รับความนิยมอย่างไก่สด ราคาอยู่ที่ 80-85 บ./กิโลกรัม (กก.) และไก่ต้มสุก ราคาอยู่ที่ 125-130 บ./กก. ส่วนใหญ่ราคาใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ไม่มีการปรับขึ้นราคาแต่อย่างใด เนื่องจากผู้ค้าอยากขายเพื่อสร้างรายได้

“ขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจ สินค้าในช่วงตรุษจีนปีนี้ มีเพียงพอ ไม่ขาด และไม่แพง ซึ่งกรมจะเข้าไปดูแลอย่างใกล้ชิด ตามนโยบายของนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ได้ให้ความสำคัญและเน้นย้ำไว้ และขอขอบคุณตลาด และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ที่ได้ร่วมมือกันจำหน่ายสินค้า เพื่อดูแลพี่น้องประชาชน และขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนชาวไทยเชื้อสายจีน ร่วมเฉลิมฉลอง ร่วมสร้างบรรยากาศแห่งความสุข เพิ่มความเป็นสิริมงคลในเทศกาลตรุษจีน และขอส่งคำอวยพรขอให้ปี 2568 นี้ เป็นปีที่เปี่ยมไปด้วยความสุข ความเจริญรุ่งเรือง และความมั่งคั่งตลอดปี” นายวิทยากรกล่าว

อย่างไรก็ตาม กรมจะติดตามดูแลสถานการณ์ราคาและปริมาณสินค้าอย่างใกล้ชิดต่อไป จนกว่าจะจบเทศกาล  หากประชาชนพบเห็นการจำหน่ายสินค้าที่เป็นการเอาเปรียบผู้บริโภค ฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าเกินความเหมาะสม สามารถร้องเรียนได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569

ก้าวสู่ Community ด้านประกันภัยที่ใหญ่ที่สุดในไทย ยอดซื้อประกันสูงกว่าสองร้อยล้าน ยอดคนเข้าร่วมกว่าสองแสน

X

Right Click

No right click