สถาบันไทยพัฒน์ มูลนิธิบูรณะชนบทแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดบริการใหม่ ผ่าน Sustainability Store ของสถาบันฯ ด้วยเครื่องมือ S-Value
ดร.พัทธนันท์ เพชรเชิดชู รองอธิการบดีสายภาคีสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (มธบ.) เปิดเผยว่า DPU X (สถาบันเพื่อพัฒนาความเป็นผู้ประกอบการและบุคลากรแห่งอนาคต) โดยมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ จัดกิจกรรม “จัดให้แซ่ด DPU X Startup SUMMER CAMP” เพื่อสนับสนุนให้น้องๆในระดับมัธยมศึกษาที่มีความสนใจปูพื้นฐานด้านธุรกิจเข้าร่วมรับฟังแนวคิด พร้อมฝึกตีโจทย์ วางแผนกลยุทธการสร้างธุรกิจ และ การเป็นสตาร์ทอัพที่ประสบความสำเร็จในตลาดยุคดิจิทัล กิจกรรมครั้งนี้เน้นเวิร์คชอปลงมือปฏิบัติจากโจทย์ธุรกิจที่ได้รับในหัวข้อ อาหารแห่งโลกอนาคต หรือ Food For The Future พร้อมทั้งยังได้ฟังประสบการณ์ตรงจากนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จจากตลาดออนไลน์อย่าง รัสรินทร์ ธนะชัยวัฒนะโภคิน (แคทตี้) เจ้าของสินค้าหลากหลายแบรนด์ ก่อนที่น้องๆจะลงสนาม Mini Pitching เวทีการแข่งขันนำเสนอไอเดียธุรกิจ โดยทีมที่ชนะเลิศจะได้รับรางวัลเป็นทุนการศึกษาตลอดหลักสูตรปริญญาตรี รวมมูลค่ากว่า 1.5 ล้านบาท
“DPU X Startup SUMMER CAMP จัดขึ้นระหว่างวันที่ 24-25 เม.ย.62 ซึ่งทั้ง 2 วัน ทางทีมงานได้จัด กูรู มาให้ความรู้อย่างเต็มที โดยวันแรกประเดิมด้วยนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จจากตลาดออนไลน์เป็นระดับต้นๆ อย่าง “แคทตี้” เจ้าของแบรนด์เสื้อผ้า Flat2112, Babykissthailand แผ่นน้ำหอมสำหรับใช้ในรถยนต์ยี่ห้อ TED A CAR และอีกหลายธุรกิจ มาถ่ายทอดเคล็ดลับวิชาการทำตลาดออนไลน์อย่างไร ให้ประสบความสำเร็จ และ ในช่วงบ่ายวันแรกเด็กๆ จะได้ลงมือทำอาหารที่ Chef Lab และคิดค้นคอนเซ็ปต์รูปแบบการนำเสนอไอเดีย ให้สอดคล้องกับโจทย์ในหัวข้อ Food For the Future ที่ได้เรียนกับอาจารย์จากหลักสูตรการประกอบอาหารเพื่อสุขภาพ (CIM DPU) ในช่วงก่อนหน้า” ดร.พัทธนันท์กล่าว
รองอธิการบดี กล่าวอีกว่า ทางมหาวิทยาลัยจัดกิจกรรมครั้งนี้เพื่อให้น้องได้ใช้เวลาว่างในช่วงปิดเทอมให้เกิดประโยชน์และเพื่อกระตุ้นเด็กรุ่นใหม่หันมาให้ความสำคัญในสตาร์ทอัพ ซึ่งทางมหาวิทยาลัย ฯ ให้ความสำคัญกับเรื่องของสตาร์ทอัพมาตลอด และหลายปีที่ผ่านมา ได้มีการปรับหลักสูตรโดยมีการสอดแทรกเรื่องของการเป็นเถ้าแก่ไว้ในทุกหลักสูตรเพราะมองเห็นถึงแนวทางในอนาคตว่านักศึกษาที่เรียนจบไปเขาจะไปทำธุรกิจส่วนตัวหรือออกไปเป็นพนังงานบริษัทก็สามารถนำเรื่องจิตวิญญาณการเป็นเถ้าแก่ไปใช้จนประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานได้ และเชื่อว่าเจ้าของกิจการเอง ก็คงอยากจะได้พนักงานที่มีแนวคิดความเป็นเถ้าแก่มาใช้ในการทำงานด้วย เพราะพนักงานจะทำงานด้วยความใส่ใจและตั้งใจเหมือนตนเองเป็นเจ้าของกิจการเอง
ดร.พัทธนันท์ กล่าวด้วยว่า สำหรับปี 2562 นี้ เลือก หัวข้ออาหารแห่งโลกอนาคต เพราะมองว่า เป็นเรื่องใกล้ตัวทุกคน “ต้องกิน” และการทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหารต้องรู้แนวโน้มเทรนด์ของอาหารในโลกอนาคต ถ้าสามารถปรับตัวและรู้เทรนด์ได้ก่อนคนอื่นก็จะได้เปรียบ โดยความรู้ที่ได้จากการเข้าร่วมกิจกรรมน้องๆสามารถนำไปปรับใช้ให้ เกิดประโยชน์ได้ นอกจากนี้ในวันที่ 2 ของกิจกรรม น้องๆจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับการทำธุรกิจในเชิงลึกมากขึ้นจากอาจารย์จากวิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี (CIBA) ในแง่ของการมองโอกาสทางธุรกิจผ่านปัญหาของกลุ่มลูกค้า การแก้ปัญหาให้ลูกค้า รวมถึงการหากลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ซึ่งเป็นพื้นฐานหลักๆ ในการเริ่มต้นธุรกิจ รวมถึงเวิร์คชอปการสร้างแบรนด์และเพิ่มมูลค่าให้สินค้า หรือ บริการ ด้วยทักษะแห่งการออกแบบที่มาสอนโดยอาจารย์จากคณะศิลปกรรมโดยตรง น้องๆจะได้นำเสนอไอเดียสุดครีเอทโดยการลงมือขีดเขียนผ่านโปรแกรม Good Note ในไอแพด
สำหรับทีมที่ชนะเลิศจาก Mini Pitching รับเงินทุนการศึกษาจำนวน 10,000 บาท พร้อมทุนศึกษาต่อระดับปริญญาตรีฟรีตลอดหลักสูตรที่มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 5 ทีม “อะจ๊วง” จากโรงเรียนธรรมศาสตร์คลองหลวงวิทยา จ.ปทุมธานี ประกอบด้วย นายพีระ เพิ่มพูน (พี) นางสาว พรปวีณ์ ปิติทิพยพัฒน์ (แอมเวย์) และนายชยานันท์ พิลึก (นิว) ร่วมกันเสนอไอเดียกล่องพิซซ่าลดโลกร้อน
นายพีระ เพิ่มพูน ตัวแทนทีมอะจ๊วง กล่าวว่า ที่เลือกทำกล่องพิซซ่าลดโลกร้อน ภายใต้แบรนด์ NAP BOX ปัญหาของลูกค้า คือ กล่องเก็บความร้อนไม่ได้นาน จึงคิดทำสินค้าเพื่อตอบโจทย์แก้ไขปัญหานี้ให้กับลูกค้า อีกอย่างการเป็นสตาร์ทอัพทุนมีไม่มาก จึงตั้งเป้าหมายแค่กลุ่มลูกค้าร้านขายพิซซ่ากลุ่มเดียวก่อนค่อยขยายฐานลูกค้าในภายหลังได้ โดยตอนแรกก็คิดสารพัดสินค้าวนอยู่แต่กับอาหาร พออาจารย์จาก มธบ.ให้คำแนะนำว่า สินค้าไม่จำเป็นต้องเป็นอาหารก็ได้เป็นแพคเกจจิ้ง ที่ใช้ในอุตสาหกรรมอาหารก็ได้ เลยสรุปออกมาเป็นโปรดักส์ตัวนี้ ตัวกล่องจะประกอบด้วย กระดาษ และ ฟอยท์เก็บความร้อน ที่นำมาเรียงเป็น 3 ชั้น เพื่อเก็บความร้อน และเรายังช่วยลดโลกร้อน โดยกล่องสามารถนำมารีไซเคิลได้ให้ลูกค้าส่งคืนกลับมาเน้นการรักษาสภาพแวดล้อมถือเป็นโปรดักส์รักษ์โลก
“สิ่งที่เราคิดจะได้ประโยชน์ถึง 3 ฝ่ายด้วยกัน คือ สร้างจิตสำนึกร่วมรักษ์โลกให้กับผู้บริโภคของแบรนด์ที่เราเป็นซัพพลายเออร์ให้ ตัวลูกค้าของเราเองก็มีภาพของสินค้าที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม และตัวของเราเองด้วย เมื่อตัวสินค้าขายดีขึ้นเราเองก็จะได้ยอดขายเพิ่มตามไปด้วย เป็นการช่วยขยายฐานผู้บริโภคที่ใส่ใจกับสิ่งแวดล้อมให้กับลูกค้าของเราด้วย ซึ่งจะช่วยให้เราเติบโตไปพร้อมๆกันได้ และการนำกล่องมารีไซเคิลกลับมาใช้ซ้ำ นอกจากช่วยลดโลกร้อนแล้วยังเป็นการช่วยลดต้นทุนของเราด้วย สินค้าก็จะมีราคาไม่แพงและสามารถขายได้ปริมาณมากขึ้น” น้องพีระกล่าว
น้องแอมเวย์และน้องนิว กล่าวเสริมว่า ตอนแรกที่ทำเวิร์คช็อบทำเบอเกอร์ ก็งงว่าเรามาค่ายธุรกิจทำไมต้องไปทำอาหารด้วยเหรอ พอลงมือทำเราจึงได้รู้รายละเอียดว่ายากแค่ไหน แล้วถ้ามีลูกจ้างเขาจะรู้สึกยังไงตอนทำเยอะๆ เขาเหนื่อยแค่ไหน จะได้เข้าใจตั้งแต่ระดับต่ำสุดจนถึงจุดสูงสุด แล้วเราจะเข้าใจสินค้ามากที่สุดด้วย ผมชอบค่ายนี้ อาจารย์ทุกคนให้ความรู้แบบไม่มีกั๊กเลยทำให้เรามองภาพต่างๆได้ชัดขึ้น จุดประกายให้เราเกิดความคิดสร้างสรรค์ มีไอเดียดีๆได้
ด้านนางสาวศศิภา อธิสินจงกล อาจารย์วิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี (CIBA) หลักสูตรนานาชาติ หนึ่งในทีมพี่เลี้ยง กล่าวว่า ทีมนี้มีจุดเด่น คือ มีกลุ่มเป้าหมายชัดเจน เห็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับลูกค้า และยังมองเห็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย เช่น เรื่องของขยะ และไม่ใช่คิดแค่จะสร้างเงินให้กับธุรกิจตัวเองอย่างไร แต่ยังคิดช่วยไปถึงธุรกิจของลูกค้าให้มี Brand Value ที่สูงขึ้นด้วย ทีมนี้ไม่ใช่แค่ทำให้ตัวเองมีรายได้ แต่ยังทำให้ลูกค้ามีภาพลักษณ์ที่ดีและส่งผลสังคมดีขึ้นด้วย
แววสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ของทีม อะจ๊วง เห็นมาแต่ไกล น้องๆ คนไหนสนใจกิจกรรมดีๆที่จัดขึ้นทุกปีแบบนี้ ติดตามความเคลื่อนไหวได้ใน Facebook Fanpage : @dpuxyourfuture หรือ website : dpux.dpu.ac.th
ทีคิวเอ็ม อินชัวร์รันส์ โบรคเกอร์ จำกัด จับมือ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ปล่อยแคมเปญ “มนุษย์เงินเดือน MAY DAY” เอาใจมนุษย์เงินเดือน เนื่องในวันแรงงานแห่งชาติ ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์ประกันภัย เพื่อมนุษย์เงินเดือน เน้นขยายความคุ้มครองที่มีอยู่เดิมในครั้งนี้ ชูโปรดักท์ประกันอุบัติเหตุทำงานสบายใจ และประกันภัยการว่างงานให้เบาใจหายหว่ง มุ่งเจาะกลุ่มคนใช้แรงงานในภาคอุตสาหกรรมและเกษตรกรรม พร้อมความคุ้มครองและสิทธิประโยชน์พิเศษเฉพาะช่วงเดือนพฤษภาคมเท่านั้น วางกลยุทธ์การขายในยุคดิจิทัลเทรนด์ ด้วยฟีเจอร์การซื้อประกันและบริการหลังการขายแบบ One Stop Service ผ่านช่องทางไลน์ “TQM Insurance Broker” หวังกระตุ้นยอดขายโปรดักท์ซีรีย์ประกันมนุษย์เงินเดือนไตรมาส 2
ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน กรรมการและประธานคณะผู้บริหาร บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปีนี้กรุงเทพประกันภัยได้ร่วมมือกับทีคิวเอ็ม โดยการนำโปรดักท์ประกันมนุษย์เงินเดือนมาพัฒนาต่อยอดด้วยการออกแบบความคุ้มครองและสิทธิประโยชน์ขึ้นมาเป็นแคมเปญพิเศษใช้ชื่อว่า “มนุษย์เงินเดือน MAY DAY” โดยใช้แนวคิดจากวันผู้ใช้แรงงานแห่งชาติ ซึ่งถือเป็นลูกค้าในกลุ่มมนุษย์เงินเดือนเช่นกัน ภายใต้ความร่วมมือครั้งนี้ ได้นำเสนอเป็นโปรดักท์ที่เหมาะกับช่วงวันสำคัญ อาทิ
“ประกันอุบัติเหตุทำงานสบายใจ” ประกันอุบัติเหตุที่ออกแบบความคุ้มครองให้ครอบคลุมทุก ค่าใช้จ่าย เหมาะสำหรับคนทำงานในภาคอุตสาหกรรม และภาคเกษตรกรรม โดยเฉพาะคนที่ต้องใช้เครื่องจักรในการทำงาน ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุสูง โดยให้ความคุ้มครองอุบัติเหตุกรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ สายตา หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิงที่เกิดจากการทำงาน สูงสุดถึง 500,000 บาท นอกจากนี้ เพื่อไม่ให้เป็นภาระต่อคนในครอบครัว ประกันนี้ยังมีเงินชดเชยรายได้กรณีต้องเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาลเนื่องจากอุบัติเหตุอีก 500 บาทต่อวัน และเข้ารับการรักษาพยาบาลโดยไม่ต้องสำรองจ่าย ด้วยเบี้ยประกันภัยที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้เพียง 999 บาทต่อปี
“ประกัน Care คุณว่างงาน” ประกันคุ้มครองการว่างงาน เพราะมนุษย์เงินเดือนในปัจจุบันมีความเสี่ยงต่อการที่นายจ้างปิดกิจการหรืออาจจะถูกเลิกจ้าง เนื่องจากการชะลอตัวของสภาพเศรษฐกิจและการย้ายฐานการผลิตของนักลงทุนในบางธุรกิจ โดยกรมธรรม์นี้จะให้เงินชดเชยเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายระหว่างการไม่มีงานทำ สูงสุด 75,000 บาท สำหรับมนุษย์เงินเดือนที่มีอายุระหว่าง 20 – 60 ปี ที่เป็นพนักงานหรือลูกจ้างประจำและเป็นผู้ประกันตนกับประกันสังคม
“ประกันรถยนต์มนุษย์เงินเดือน” เพราะมนุษย์เงินเดือนทำงานยุ่งจนไม่มีเวลา รายได้ไม่เพียงพอต่อรายจ่าย ประกันภัยรถยนต์มนุษย์เงินเดือนซึ่งเป็นประกันรถยนต์ส่วนบุคคลประเภท 1 , 2+ และ 3+ จึงได้ออกแบบความคุ้มครองและบริการเสริมเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์คนทำงานได้อย่างตรงจุด ด้วยบริการขับรถรับ-ส่งทำธุระแทน มีรถให้ใช้ระหว่างซ่อม บริการช่วยเหลือรถเสียฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง พร้อมให้ความคุ้มครอง Gadget ในรถยนต์ เมื่อเกิดอุบัติเหตุ และช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายด้วยบริการผ่อนชำระ 0% นานสูงสุด 10 เดือน
“ประกันสุขภาพ Health on Top” เพียงมีประกันสุขภาพหรือมีสวัสดิการของบริษัทอยู่แล้วก็สามารถซื้อประกันสุขภาพมนุษย์เงินเดือนกับเราได้ เริ่มต้นเพียง 3 พันกว่าบาท คุ้มครองสูงสุด 50,000 บาท ไม่ต้องกังวลเรื่องค่ารักษาพยาบาลอีกต่อไป ประกันจ่ายให้
“ประกันอุบัติเหตุ 2 เด้งสำหรับวัยทำงาน” คุ้มครองอุบัติเหตุและหนี้สินค้างชำระหากผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ
“ประกันภัย Motor Add On” ให้มนุษย์เงินเดือนซื้อประกันเพิ่มได้ มีเงินชดเชยรายได้ขณะรักษาตัวในโรงพยาบาล สูงสุด 3,000 บาทต่อวัน
“ประกันมะเร็ง” โรคร้ายเกิดขึ้นได้เสมอเพื่อความไม่ประมาท ประกันมะเร็งสำหรับมนุษย์เงินเดือน เจอ จ่าย จบ คุ้มครองสูงสุด 5,000,000 บาท
“ประกันภัยบ้านอยู่อาศัย Home & Content” คุ้มครองอัคคีภัย น้ำท่วม ภัยธรรมชาติ รวมถึงให้ความคุ้มครองการโจรกรรม
ด้าน ดร.อัญชลิน พรรณนิภา ประธาน บริษัท ทีคิวเอ็ม อินชัวร์รันส์ โบรคเกอร์ จำกัด กล่าวว่า หลังการเปิดตัวโปรดักท์ซีรีย์ “ประกันมนุษย์เงินเดือน” เมื่อปีที่ผ่านมาได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ทำให้เห็นว่า โปรดักท์นี้ยังคงเป็นที่ต้องการของตลาด แคมเปญ “มนุษย์เงินเดือน MAY DAY” จึงถูกพัฒนาขึ้นเพื่อส่งเสริมและกระตุ้นยอดขายของโปรดักท์ประกันมนุษย์เงินเดือนโดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 2 นี้ ด้วยการต่อยอดคอนเซปต์แคมเปญจากจุดเริ่มต้นของการออกแบบโปรดักท์คือ นำผลการสำรวจพฤติกรรม ความต้องการ และไลฟ์สไตล์ของกลุ่มผู้ใช้แรงงานมาพัฒนาเป็นความคุ้มครองและบริการเสริม ซึ่งพบว่าอุบัติเหตุของคนทำงาน อันเนื่องมาจากการปฏิบัติงานยังคงเป็นสิ่งที่หลายหน่วยงานรวมถึงตัวคนทำงานให้ความสำคัญ เพราะส่งผลกระทบรอบด้านทั้งตนเอง ครอบครัว สังคม เศรษฐกิจ และภาพลักษณ์ของประเทศ
“เพราะเราเข้าใจว่า คนที่อยู่ในวัยทำงานส่วนใหญ่รับหน้าที่หลายบทบาท แต่บทบาทหนึ่งที่สำคัญคือ การเป็นเสาหลักให้ครอบครัว ต้องแบกทั้งภารกิจและหน้าที่ไว้มากมาย เราจึงอยากให้ “มนุษย์เงินเดือน MAY DAY” เป็นเสมือนตัวช่วยในการแบ่งเบาภาระ เพราะเหตุการณ์ไม่คาดคิดมีสิทธิ์เกิดขึ้นได้เสมอแม้ในยามที่เราปฏิบัติงาน ดังนั้น ความคุ้มครอง สิทธิประโยชน์พิเศษต่าง ๆ จึงถูกออกแบบมาเพื่อคนทำงานและผู้ใช้แรงงานอย่างแท้จริง”
ด้าน ดร.นภัสนันท์ พรรณนิภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีคิวเอ็ม อินชัวร์รันส์ โบรคเกอร์ จำกัด กล่าวเสริมว่า ในส่วนของกลยุทธ์การขายประกันมนุษย์เงินเดือน ภายใต้แคมเปญ “มนุษย์เงินเดือน MAY DAY” เพื่อตอกย้ำภาพของโบรคเกอร์ประกันที่ให้ความสำคัญในการพัฒนาช่องทางการขายและบุกตลาดประกันออนไลน์เป็นเจ้าแรกๆ ดังนั้น สำหรับแคมเปญพิเศษ “มนุษย์เงินเดือน MAY DAY” นี้ จะเปิดให้บริการผ่านช่องทาง Line Official “TQM Insurance Broker” แบบ One Stop Service สะดวกทั้งก่อนซื้อและบริการหลังการขายเพียงเข้าไปที่ไลน์ “TQM Insurance Broker” พิมพ์คำว่า “มนุษย์เงินเดือน” หรือคลิกที่ริชเมนูก็สามารถเลือกซื้อโปรดักท์ประกันมนุษย์เงินเดือนได้ทันใจ เป็นช่องทางที่ทุกคนเข้าถึงง่าย และครอบคลุมลูกค้าทั่วประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาลูกค้าให้ความสนใจมาใช้บริการออนไลน์จากทีคิวเอ็มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันลูกค้าในกลุ่มออฟไลน์ก็ยังคงสามารถใช้บริการได้ครบวงจรเช่นเดิมที่ โทร 1737
สำหรับสิทธิประโยชน์พิเศษของลูกค้าที่ซื้อประกันมนุษย์เงินเดือน ภายใต้แคมเปญ “มนุษย์เงินเดือน MAY DAY” ประกอบด้วย ซื้อประกันรถยนต์มนุษย์เงินเดือนประเภท 1 รับบัตรเติมน้ำมันมูลค่าสูงสุด 1,000 บาท และ เพื่อตอบโจทย์มนุษย์เงินเดือนที่ทำงานยุ่งจนไม่มีเวลา เมื่อซื้อประกันรถยนต์ภาคสมัครใจทุกประเภทจะได้รับบริการทำธุระแทนคุณผ่าน Grab Taxi มูลค่า 500 บาท ทุกกรมธรรม์ และซื้อประกันภัยประเภทอื่น ๆ จะได้รับบัตร Gift Voucher มูลค่าสูงสุด 300 บาท หมดเขตภายในวันที่ 31 พฤษภาคมนี้
ด้วยความห่วงใยผู้ใช้แรงงานทั่วประเทศ ภายในแคมเปญ “มนุษย์เงินเดือน MAY DAY” ทีคิวเอ็มและกรุงเทพประกันภัย มอบฟรีประกันอุบัติเหตุ 2 เท่า หรือ 200,000 บาท เฉพาะช่วงเดือนพฤษภาคมนี้เท่านั้น โดยผู้ที่สนใจสามารถขอลงทะเบียนรับได้ที่ไลน์ “TQM Insurance Broker” และสำหรับลูกค้าที่สนใจโปรดักท์ประกันมนุษย์เงินเดือน สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและซื้อประกันได้ทุกช่องทางของทีคิวเอ็มที่ www.tqm.co.th , Facebook / Line Official “TQM Insurance Broker” , โทร 1737 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือที่สาขาทีคิวเอ็มทั่วประเทศ
ดร.ศิริเดช คำสุพรหม คณบดีวิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี
โครงการ FC Bayern Youth Cup Thailand 2019 (เอฟซี บาร์เยิร์น ยูธ คัพ ไทยแลนด์ 2019) อันเป็นความร่วมมือระหว่าง สโมสรฟุตบอล บาเยิร์น มิวนิค บุนเดสลีก้า บริษัท สปอร์ตไทย-บาวาเรีย จำกัด กลุ่มวังขนาย และ อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต เปิดตัว 10 ตัวแทนเยาวชนไทยฝีเท้าเด่น เตรียมบินลัดฟ้าร่วมแข่งขันในรายการ FC Bayern Youth Cup World Final 2019 (เอฟซี บาร์เยิร์น ยูธ คัพ เวิร์ล ไฟนัล 2019) ณ อลิอันซ์ อารีน่า เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี ระหว่างวันที่ 15-19 พฤษภาคม 2562 พร้อมได้สัมผัสประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิต พบปะตำนานผู้เล่นของบาเยิร์น มิวนิค และร่วมเข้าชมการแข่งขันนัดสุดท้ายของฤดูกาล
โครงการ FC Bayern Youth Cup Thailand 2019 ดำเนินการต่อเนื่องเข้าสู่ปีที่ 4 มีเยาวชนกว่า 10,000 คนเข้าร่วมโครงการนี้มาแล้ว ล่าสุดได้รางวัล เหรียญทอง ในประเภท โครงการสุดยอดการพัฒนาเยาวชนในประเทศไทย จาก SPIA ASIA AWARD 2018 สำหรับปีนี้ ได้เปิดรับสมัครเยาวชนจากทั่วประเทศมาตั้งแต่เดือนมกราคม มีเยาวชนสมัครเข้าร่วมคัดเลือกกว่า 3,500 คน โดยโครงการได้คัดเลือกเยาวชนจำนวน 120 คน มาร่วมแข่งรอบ National Final ณ สนามกีฬาไทย ญี่ปุ่น ดินแดง เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2562 โดยมี มร.เคราซ์ เอาเกนธาเลอร์ ตำนานบาเยิร์นและแชมป์บุนเดสลีก้า 7สมัย ร่วมเป็นประธานคณะกรรมการคัดเลือก จนได้เยาวชนฝีเท้าเด่นรวม 15 คนเข้าค่ายเก็บตัว Thailand Camp วันที่ 22 -26 เมษายน 2562 ณ กิเลนวัลเล่ย์ จังหวัดนครราชสีมา เพื่อเก็บตัวฝึกซ้อมทักษะฟุตบอลเพิ่มเติม ในค่ายฯ มีการทำกิจกรรมร่วมกันทั้ง Team Building รวมถึงฝึกซ้อมอย่างหนัก จนขณะนี้ได้คัดเหลือ 10 คนสุดท้าย ที่มีฝีเท้าโดดเด่นที่สุด เป็นตัวแทนทีมประเทศไทย ที่จะเดินทางไปแข่งขันฟุตบอลในสนามระดับโลกอย่าง อลิอันซ์ อารีน่า
นายวินิจ เลิศรัตนชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท สปอร์ตไทย – บาวาเรีย จำกัด กล่าวว่า “ก่อนอื่นผมขอแสดงความยินดีกับเยาวชนทั้ง 10 คนที่ผ่านการคัดเลือก ซึ่งเป็นผลของความตั้งใจและการทำงานหนักในการเข้าแคมป์ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และขอเป็นกำลังใจให้กับเยาวชนอีก 5 คนที่ไม่ผ่านการคัดเลือก แค่เพียงกล้าออกมาร่วมกิจกรรมและผ่านเข้าสู่รอบประเทศก็เป็นชัยชนะต่อตนเองที่ยิ่งใหญ่แล้ว อย่าย่อท้อขอให้มุ่งมั่นฝึกซ้อมพัฒนาตนเองต่อไป ผมมีความภูมิใจและยินดีเป็นอย่างมากที่โครงการ FC Bayern Youth Cup Thailand ได้สร้างโอกาสให้กับเยาวชนที่มีใจรักในกีฬาฟุตบอลและมีฝีเท้าที่ดี เป็นตัวแทนเยาวชนไทยไปแข่งขันที่เยอรมนี และสามารถทำผลงานได้ดีด้วยการคว้าแชมป์ 2 สมัย และเป็นเอเชียชาติเดียวที่สามารถคว้าแชมป์มาครอง มาถึงปีนี้น้องๆ ที่ผ่านมาถึงรอบนี้ทุกคนล้วนมีความสามารถ และผมเชื่อมั่นว่าเราจะสามารถสร้างประวัติศาสตร์อีกครั้งให้กับประเทศไทยได้สำเร็จ”
นางสาวธัญรักษ์ ณ วังขนาย ผอ.ฝ่ายประชาสัมพันธ์ กลุ่มวังขนาย กล่าวว่า ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาเชื่อว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่จะอยู่ในความทรงจำของน้องๆทั้ง 15 คน กลุ่มวังขนายได้ให้การสนับสนุนโครงการ FC Bayern Youth Cup มาอย่างต่อเนื่อง 4 ปีแล้ว และมีความภาคภูมิใจที่เห็นเยาวชนไทยมีฝีเท้าที่ดีเยี่ยม และกล้าออกมาทำความความฝัน สำหรับในปีนี้ ขอเป็นกำลังใจให้กับเยาวชนไทยที่ผ่านการคัดเลือกมาทั้ง 10 คนไปคว้าแชมป์ให้สำเร็จอีกครั้ง สำหรับเยาวชนที่ไม่ผ่านการคัดเลือกก็อย่าเพิ่งหมดกำลังใจ ขอให้หมั่นฝึกฝน พัฒนาทักษะการเล่นฟุตบอลต่อไป
นางสาวพัชรา ทวีชัยวัฒนะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายบริหารงานลูกค้า บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต ในฐานะผู้สนับสนุนหลัก กล่าวว่า “ ในปีนี้ อลิอันซ์ อยุธยา มุ่งมั่นส่งเสริมเยาวชนภายใต้แนวคิด “Explore the Future With Us” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นแรงบันดาลใจและกระตุ้นให้เยาวชนไทยออกไปค้นหาสิ่งใหม่ๆ รอบตัว พร้อมเดินหน้าล่าฝัน ผ่านกิจกรรมสร้างสรรค์เยาวชนที่ครอบคลุมทุกมิติ สำหรับโครงการ FC Bayern Youth Cup Thailand 2019 อลิอันซ์ อยุธยา มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งกับเยาวชนผู้ได้รับการคัดเลือกทั้ง 10 คน เชื่อว่าจะเป็นประสบการณ์สำคัญครั้งหนึ่งในชีวิตที่จะได้ไปสัมผัสกับประสบการณ์ระดับโลก กับ สุดยอดทีมบาเยิร์น มิวนิค พร้อมโอกาสลงเตะ ณ สนาม อลิอันซ์ อารีน่า ซึ่งถือเป็นความภาคภูมิใจของ อลิอันซ์ อยุธยา ที่ได้มีส่วนผลักดันและสร้างแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนไทย ที่แม้มีเงินก็ซื้อไม่ได้ ทั้งนี้เราเชื่อว่าเยาวชนทั้ง 10 คน จะเตรียมตัวและมีความพร้อมเป็นอย่างดี ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ ขอให้ทุกคนกล้าที่จะแสดงฝีเท้าและศักยภาพตนเองให้เต็มที่ เพื่อจะได้ไปถึงสิ่งที่ทั้งทีมและตนเองมุ่งหวังได้สำเร็จ ทั้งนี้อลิอันซ์ อยุธยา ในฐานะบริษัทประกันชีวิตชั้นนำ ได้มอบกรมธรรม์ประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองชีวิตและอุบัติเหตุ พร้อมด้วยค่ารักษาพยาบาล ตลอดระยะเวลาเดินทาง แก่นักกีฬา สื่อมวลชน และทีมงาน รวม 25 ท่าน ด้วยทุนประกันท่านละ 4 ล้านบาท รวมเป็นทุนประกันทั้งสิ้น 100 ล้านบาท
เยาวชนทั้ง 10 คน ที่ได้รับการคัดเลือกได้แก่ 1)โอ๊ต - เผด็จ แก้วมณี 2)เกมส์ - ปฏิภาณ เตี้ยงสูงเนิน 3)ลีซอ - เดชานนท์ ศรีเมือง 4)ฟิว - เกริกพล อาบรัมย์ 5) เกมส์ - นรากรณ์ แก่งกระโทก 6)คีม - นิติพันธ์ สุกใส 7)คิว - พิทยา ใจยาว 8)กอล์ฟ - ธนกฤต ทองศรี 9)มิกซ์ - ศุภวิชญ์ มาน้อย 10)กอล์ฟ - ฌัฐกิตติ์ แสงคำ โดยจะร่วมเดินทางไปประเทศเยอรมนีในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม และจะลงฝึกซ้อมเพื่อปรับตัวกับสภาพอากาศทันทีที่เดินทางไปถึงโดยจะเข้าแคมป์ฝึกซ็อมที่เมืองแฟรงค์เฟิร์ต ก่อนเดินทางเข้าสู่เมืองมิวนิคเพื่อเตรียมตัวสำหรับการแข่งขันฟุตบอลในสนาม อลิอันซ์ อารีน่า ระหว่างวันที่ 15-19 พฤษภาคม 2562 ซึ่งการแข่งขันจะแบ่งเป็น 2 สาย ในแต่ละสายลงทำการแข่งขันแบบพบกันหมด โดยจะมีการจับสลากแบ่งสายในช่วงค่ำของวันที่ 17 พฤษภาคม 2562 เพื่อจะทำการแข่งขัน ในวันที่ 19 พฤษภาคม 2562 ในปีนี้มีทีมเข้าร่วมแข่งขันจาก 8 ประเทศ อาทิ เยอรมนี, สิงค์โปร์ ,จีน, อินเดีย, ไนจีเรีย , สหรัฐอเมริกา และ ไทย ผู้สนใจสามารถร่วมชมการถ่ายทอดสดการแข่งขันได้ทาง Facebook : Allianz Ayudhya
บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต นำโดย คุณชัยณรงค์ เอื้อสิทธิชัย ประธานเจ้าที่บริหาร ฝ่ายจัดจำหน่ายผ่านธนาคาร (กลาง) พร้อมพนักงานจิตอาสาฝ่ายขาย ภูมิภาคนครหลวง 1 ร่วมจัดกิจกรรมเพื่อสังคมไทยน่าอยู่ “BANC’s Hearts in Action Day” หรือกิจกรรมจิตอาสาจากใจของทีมฝ่ายจัดจำหน่ายผ่านธนาคาร โดยครั้งนี้ ได้มีผู้บริหารและพนักงานจิตอาสาเดินทางไปร่วมกิจกรรมปรับปรุงภูมิทัศน์ภายในมูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก (ครูหยุย) พร้อมจัดทำแปลงและปลูกพืชผักสวนครัว นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมที่สนุกสนานเพื่อส่งมอบความสุขและมอบรอยยิ้มให้กับน้อง ๆ ณ มูลนิธิสร้างสรรค์เด็กอีกด้วย ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ตอกย้ำเป้าหมายหลักของบริษัท ฯ คือ การให้โอกาสทุกคนได้มีชีวิตที่ดีขึ้นตามใจปรารถนา
คณะการบริหารและจัดการ (FAM) สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง ร่วมกับ สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (องค์การมหาชน) หรือ สทป. จัดโครงการ Smart Supervisor 4.0 รุ่นที่ 1 หรือหลักสูตรอบรมผู้บริหารรุ่นใหม่ของ สทป. เพื่อเพิ่มศักยภาพ สร้างความตื่นตัวและเตรียมความพร้อมต่อการมาถึงของ Digital Disruption ได้อย่างเท่าทันและมีประสิทธิภาพ
โดยโครงการ Smart Supervisor 4.0 ครั้งนี้เกิดจากการที่คณะผู้บริหารของ สทป. ได้ตระหนักถึงโลกปัจจุบันที่เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รวมถึงการเกิดขึ้นขององค์ความรู้ใหม่ๆ ในยุคดิจิตอล ที่มาพร้อมข้อเรียกร้องให้หน่วยงานต่างๆ ต้องปรับเปลี่ยนวิธีคิด การทำงานและทัศนคติให้ร่วมสมัยขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับองค์กรที่ทำงานกับวิทยาการด้านความมั่นคงของประเทศอย่าง สทป. ซึ่งมีผลงานในการวิจัย พัฒนาและผลิตยุทโธปกรณ์สำหรับกองทัพมานับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 ไม่ว่าจะเป็นอากาศยานไร้คนขับ จรวดหลายลำกล้องนำวิถี หรือ Simulator จำลองยุทธ์ เป็นต้น
พลอากาศเอก ดร. ปรีชา ประดับมุข ผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (สทป.) ได้เล่าถึงความคาดหวังของ Smart Supervisor 4.0 ในงานแถลงข่าวของโครงการ ณ สำนักหอสมุดกลาง สจล. ว่า “ปัจจุบัน วิทยาการทางการทหารนั้นเติบโตเร็วมาก ผู้บริหารของ สทป. รุ่นต่อๆ ไป หรือผู้ที่จะได้รับการเลื่อนขั้นจาก ผู้ปฏิบัติการมาเป็นผู้บริหาร จะใช้เพียงประสบการณ์เป็นเกณฑ์วัดไม่ได้อีกแล้ว หากแต่จะต้องมีองค์ความรู้ที่ทันสมัย การจัดโครงการ Smart Supervisor 4.0 นี้ขึ้นมา ก็เพื่อหาความรู้เพิ่มเติมจากผู้มีความรู้ก็คือ สจล. ซึ่งก็ถือเป็นการร่วมแรงร่วมใจของทั้งสองหน่วยงานในการออกแบบหลักสูตร เพื่อพัฒนา สทป.ในอนาคต”
ทางด้าน ศ.ดร. สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ก็ได้แสดงทัศนะต่อการเป็นผู้บริหารยุคใหม่ไว้ว่า “ปัจจุบันเทคโนโลยีต่างๆ ไม่ได้สร้างจากมือของศาสตราจารย์หรือด็อกเตอร์อีกต่อไป มันอาจถูกสร้างโดยเด็กอายุ 11 หรือ 15 ยุคนี้คนเพียงคนเดียวอาจชัตดาวน์ทั้งกองทัพ หรือทั้งประเทศได้ เป็นยุคที่คนต้องแข่งขันกันทุกวินาที ฉนั้นแล้ว ผู้นำในยุคนี้จึงต้องมีความรู้ความสามารถในการบริหารจัดการคน บริหารเด็ก บริหารคนที่เก่งที่สุด ให้ทำงานบรรลุเป้าหมาย ในเวลาที่จำกัด นั่นคือความท้าทายที่ สทป. ต้องเผชิญในยุค disruption ซึ่งก็เรื่องที่ดีที่ทางผู้บริหารได้เห็นถึงความสำคัญในด้านนี้”
สำหรับคณะการบริหารและจัดการ หรือ FAM คือผู้ได้รับมอบหมายให้ดูแลหลักสูตรและจัดการเรียนการสอนในโครงการ Smart Supervisor 4.0 นี้ โดยมีลักษณะการอบรมแบ่งออกเป็นทักษะที่สำคัญ 8 ทักษะ 28 วิชา 90 ชั่วโมง ดังนี้
- ทักษะการสอนงาน การแก้ปัญหา และการตัดสินใจ
- ทักษะด้านการวางแผนเชิงกลยุทธ์ และการบริหารความเสี่ยง
- ทักษะการใช้เครื่องมือบริหารจัดการต่างๆ และพัฒนาวิสัยทัศน์
- ทักษะการทำงานเป็นทีม และทักษะการสร้างสรรค์สิ่งใหม่
- การบริหารโครงการและการบริหารการเปลี่ยนแปลง
- การพัฒนาบุคลิกภาพ การสื่อสาร และการประสานงาน
- การพัฒนาความซื่อสัตย์ ความภัคดี และหลักธรรมาภิบาลสำหรับผู้บริหาร
- Smart Coaching Supervisors 4.0
ซึ่งหลักสูตรดังกล่าวได้รับการออกแบบและดูแลอย่างใกล้ชิดจาก ดร. สุดาพร สาวม่วง คณบดี คณะการบริหารและจัดการ สจล. ที่ได้ตั้งมุดหมายของโครงการ ตามอักษรย่อภาษาอังกฤษของ สทป. ไว้ว่า D : Disruption, T : Technology, I : Innovation (หมายเหตุ: DTI คืออักษรย่อของ สทป. Defence Technology Institute)
“เราอยากให้ผู้เรียน กลายเป็น supervisor ที่ smart ดังนั้นหลักสูตรจะเน้นในการสร้างบุคลิกภาพ จิตวิทยาในการสื่อสาร ภาวะผู้นำ และรู้จักเครื่องมือในการบริหาร ให้ทำงานในองค์การอย่างมีความสุข ลักษณะการเรียนการสอนจะเป็นการนำปัญหาขององค์กรของผู้เรียน มาเป็นโจทย์ในการศึกษา หรือเวิร์คช็อป แล้วหลังจากนั้นจะร่วมคิดโปรเจ็กต์ที่นำไปใช้จริงเมื่อสำเร็จการศึกษา ซึ่งเราอยากให้มันเป็นตัวอย่างที่ดีกับองค์กรอื่นๆ ด้วย เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของคณะอย่าง FAM to FAMOUS ที่เราไม่ได้คิดเฉพาะในคณะ หรือ สจล. แต่อยากให้การพัฒนามันเกิดขึ้นกับทุกองค์กรที่พร้อมจะให้เราช่วย ทั้งในประเทศในระดับอาเซียนด้วย” ดร. สุดาพร กล่าวในช่วงท้าย
ฮอกไกโด, ประเทศญี่ปุ่น, คิโรโระ เพชรเม็ดงามใจกลางเกาะฮอกไกโด ซึ่งนอกจากจะเป็นแหล่งสกีในหุบเขาอันเป็นที่เลื่องลือในเรื่องคุณภาพหิมะขาวสะอาด หนาและนุ่มละเอียดดุจแป้ง จนได้รับความนิยมในหมู่นักสกีและสโนว์บอร์ดแล้ว คิโรโระ ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สามารถมาท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี สะดวกสบายในการเดินทาง มีที่พักระดับพรีเมียม ร้านอาหารระดับโลก แหล่งช้อปปิ้ง และกิจกรรมกลางแจ้งมากมาย ผู้ที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวในช่วงฤดูร้อน จะได้พบกับทิวทัศน์ที่งดงามและกิจกรรมบนภูเขาที่หลากหลาย ที่เหมาะสำหรับครอบครัว คู่รัก และหมู่คณะ
ในช่วงฤดูร้อน บนเทือกเขาโยอิชิของฮอกไกโดนั้น จะมีอากาศอุ่นสบายในเวลากลางวัน และอากาศเย็นในเวลากลางคืน ป่าที่เขียวชอุ่ม ทุ่งดอกไม้ ทะเลสาบและธารน้ำที่สดชื่น สบายตา คิโรโระ เมาน์เทน เซ็นเตอร์ จะเป็นศูนย์กลางของกิจกรรมบนภูเขาและบนพื้นราบ ไม่ว่าจะเป็นขึ้นกระเช้าสู่ยอดเขาอาซาริ ตกปลาในทะเลสาบยาชิโอะ หรือนั่งรถ ATV บักกี้เพื่อเที่ยวชมทิวทัศน์บนภูเขา
คิโรโระ เนเจอร์ เซ็นเตอร์ (Kiroro’s Nature Center) มีกิจกรรมอภินันทนาการมากมายสำหรับแขกของรีสอร์ต อาทิ เทนนิส, ว่ายน้ำ, กอล์ฟ และกิจกรรมในร่มที่ Grandship นอกจากนั้น เนเจอร์ เซ็นเตอร์ ยังให้บริการจองทัวร์ชมน้ำตก และกิจกรรมทางน้ำต่าง ๆ รวมทั้ง พายเรือคายัค และสแตนด์อัพ แพดเดิ้ลบอร์ด ระหว่างวันที่ 20 กรกฎาคม-1 กันยายน ผู้เข้าพักจะสามารถสนุกสนานกับกิจกรรมที่เป็นอภินันทนาการจากรีสอร์ตและรับส่วนลดสำหรับกิจกรรมอื่น ๆ ด้วยพาสปอร์ตกิจกรรมสำหรับ 1 วัน ในราคา 4,000 เยน สำหรับผู้ใหญ่, 3,500 เยน สำหรับเด็ก และ 10,000 เยน สำหรับครอบครัว (สูงสุด 4 คน) กิจกรรมที่น่าสนใจในช่วงหน้าร้อนมีดังนี้
นั่งกระเช้าขึ้นสู่ยอดเขาอาซาริ (Mt. Asari Gondola) – ขึ้นกระเช้าไปยังความสูงที่ 1,180 เมตรบนยอดเขาอาซาริ เพื่อชมทิวทัศน์อันงดงามของอ่าวอิชิคาริ (Ishikari Bay), ชาโคตัน เพนนินซูลา (Shakotan Penisula) และเทือกเขาของเมืองนิเซโกะ จากจุดนี้ ยังสามารถปีนไปสู่ยอดเขาโยอิชิที่อยู่ใกล้เคียงได้อีกด้วย และกิจกรรมใหม่ล่าสุดสำหรับปีนี้ คือ การวิ่งแข่งสุนัข ที่จัดขึ้นบริเวณยอดเขา กระเช้าสู่ยอดเขาอาซาริ เปิดให้บริการระหว่างวันที่ 27 กรกฎาคม-14 ตุลาคม ติดตามตารางเวลาการให้บริการได้ที่ www.kiroro.com/summeractivities
ขี่จักรยานภูเขา (Mountain Biking) - คิโรโระ รีสอร์ต มีกิจกรรมจักรยานภูเขาให้เลือกหลากหลายรูปแบบสำหรับนักปั่นตั้งแต่ระดับเริ่มต้น จนถึงระดับที่เชี่ยวชาญ ซึ่งจะได้ชื่นชมธรรมชาติที่สวยงามบนภูเขาตลอดเส้นทาง กิจกรรมใหม่ล่าสุดสำหรับปีนี้ คือ นำจักรยานขึ้นกระเช้าสู่ยอดเขา และปั่นลงเขาเพื่อเพลิดเพลินกับเส้นทางลงเขาที่น่าตื่นตาตื่นใจ กิจกรรมขึ้นกระเช้าเพื่อปั่นจักรยานลงเขา ให้บริการตั้งแต่วันที่ 27 กรกฎาคม และกิจกรรมจักรยานภูเขา ให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม และยังมีบริการให้เช่าจักรยานภูเขาอีกด้วย
จักรยานไฟฟ้าระบบเทอร์โบ (Turbo E-Bike) – สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการปั่นจักรยานภูเขา แต่ต้องการตัวช่วยเพื่อความสนุกสนานที่เพิ่มขึ้น ขอแนะนำ ลีโว (Levo) จักรยานไฟฟ้าระบบเทอร์โบ ที่จะทำให้การปั่นขึ้นสู่ยอดเขาง่ายดายขึ้น ด้วยมอเตอร์ช่วยทุ่นแรงในการปั่น ที่มีกำลังถึง 530 วัตต์
บักกี้ทัวร์ (Buggy Tour) – กิจกรรมที่เหมาะกับทั้งผู้ที่มาเป็นคู่ และเป็นกลุ่ม สำรวจเส้นทางบนภูเขาในช่วงเวลาบ่ายด้วยรถ ATV บักกี้ โดยนั่งรถผ่านทุ่งหญ้าและพื้นที่ลาดชัน ให้บริการระหว่างวันที่ 20 กรกฎาคม-14 ตุลาคม กรุณาจองล่วงหน้า
เซกเวย์ทัวร์ (Segway Tour) – เซกเวย์เป็นอุปกรณ์ที่ใช้งานง่าย แม้แต่กับผู้ที่ไม่เคยใช้มาก่อน จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มาเป็นคู่ ที่จะเคลื่อนที่ไปพร้อมกันโดยไม่มีเสียงเครื่องยนต์รบกวน บนทางเรียบที่ลัดเลาะไปในป่าของคิโรโระ ให้บริการระหว่างวันที่ 20 กรกฎาคม-14 ตุลาคม กรุณาจองล่วงหน้า
ทัวร์ชมน้ำตก (Waterfall Adventure Tour) – สัมผัสประสบการณ์ประทับใจ 90 นาที ที่น้ำตกซึ่งซ่อนตัวกลมกลืนอยู่ในป่า และธารน้ำตามธรรมชาติที่สวยงาม เหมาะสำหรับผู้ที่มาเป็นหมู่คณะ และมากับครอบครัว ให้บริการระหว่างวันที่ 20 กรกฎาคม-1 กันยายน กรุณาจองล่วงหน้า
สแตนด์อัพ แพดเดิ้ลบอร์ด และคายัค (SUP and Kayak) – พายแพดเดิ้ลบอร์ด หรือคายัค รอบทะเลสาบของเขื่อนโอชิเออิ (Ochiai Dam Lake) กิจกรรมนี้จัดขึ้นเพื่อแขกของคิโรโระ รีสอร์ต เท่านั้น ให้บริการระหว่างวันที่ 20 กรกฎาคม-1 กันยายน
บาร์บีคิวระดับพรีเมียมของคิโรโระ (Kiroro Premium BBQ) – บาร์บีคิวกลางแจ้งที่ให้บริการอาหารทะเลและเนื้อย่างคุณภาพเยี่ยมที่สุดของฮอกไกโด เสิร์ฟพร้อมกับผลิตผลอื่น ๆ ตามฤดูกาล ปิดท้ายด้วยการชมดอกไม้ไฟและกิจกรรมรอบกองไฟ
บ่อน้ำพุร้อน (Onsen) – คิโรโระ ออนเซ็น บ่อน้ำพุร้อนจากภูเขาไฟตามธรรมชาติ ซึ่งไหลผ่านหมู่บ้านอาคาอิกาวะ แช่กายในน้ำร้อนที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุธรรมชาติ ในขณะที่เพลิดเพลินกับความงามของป่าด้านหน้า หรือจะเลือกพักผ่อนด้วยการขับพิษ หรือดีท็อกซ์ ที่ กังบังโยคุ (Ganbanyoku) ซึ่งเป็นการทำซาวน่าด้วยหินร้อน
แพ็คเกจเพื่อสุขภาพ (Wellness Package) – คิโรโระ สร้างสรรค์แพ็คเกจเพื่อสุขภาพในช่วงฤดูร้อน 2 แพ็คเกจ เพื่อให้ผู้เข้าพักได้ผ่อนคลายและกระปรี้กระเปร่า และได้ชื่นชมทิวทัศน์ของภูเขาที่สวยงามในขณะเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นการปีนเขาพร้อมผู้นำทาง, เดินป่า, ขี่จักรยาน, แช่กายในบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติ, นวดผ่อนคลาย, โยคะ และการฝึกสมาธิ อ่านเพิ่มเติมได้ที่ www.kiroro.co.jp
กิจกรรมสนุกสนานอื่น ๆ ได้แก่ เล่นยูโร-บับเบิ้ลบอล, กระโดดบันจี้แทรมโปลีน, เช่าจักรยาน และเล่นเกมล่าสมบัติ ณ ลานกิจกรรมกลางแจ้ง ส่วนในวันฝนตก ก็มีกิจกรรมมากมายที่ Grandship Game Park ซึ่งเป็นสวนสนุกในร่ม และยังสามารถเดินชมงานศิลปะและงานฝีมือที่ เนเจอร์ เซ็นเตอร์
ขับรถชมเที่ยวในคิโรโระ (Kiroro Original Driving Guide) – ขับรถชมเส้นทางที่สวยงามมีเอกลักษณ์ในบริเวณ คิตะ-ชาริ ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางแห่งใหม่ใกล้กับเมืองซัปโปโร ที่ผู้มาเยือนจะได้ชมทั้งวิวทะเลที่สวยงาม เมืองที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว หมู่บ้านต่าง ๆ ชิมสาเก, วิสกี้ และไวน์ และลิ้มลองอาหารทะเลสดใหม่และผลิตผลในท้องถิ่น ดาวน์โหลดแผนที่เส้นทางขับรถได้ที่นี่
คิโรโระ มีตัวเลือกของที่พักระดับ 5 ดาวถึง 2 แห่ง ที่เหมาะกับผู้เข้าพักหลากหลายประเภท เชอราตัน ฮอกไกโด คิโรโระ รีสอร์ต (Sheraton Hokkaido Kiroro Resort) ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลสกีระดับโลก ปี 2560 (2017 World Ski Awards) ในหัวข้อ โรงแรมที่เหมาะสำหรับการเล่นสกีที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น (Japan’s best ski hotel) ตั้งอยู่บนเนินเขาด้านล่าง ใกล้กับเมาน์เทน เซ็นเตอร์, สกีและสโนว์บอร์ด อคาเดมี และสถานที่เช่าและรับฝากอุปกรณ์สกี มีห้องพักทั้งหมด 140 ห้องและ 3 ห้องอาหาร
เดอะ คิโรโระ, อะ ทรีบิวต์ พอร์ตโฟลิโอ โฮเต็ล (The Kiroro, a Tribute Portfolio Hotel) ตั้งอยู่บนเนินเขาที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามของยอดเขา 2 แห่ง คือ อาซาริ (Asari) และ นากามิเนะ (Nagamine) จากห้องพักทั้ง 282 ห้อง อีกทั้งยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่เหนือระดับ และ 5 ห้องอาหาร ที่นำเสนออาหารจากนานาชาติ รวมทั้งอาหารญี่ปุ่น และอิตาเลียน
ราคาที่พักทั้ง 2 โรงแรม เริ่มต้นที่ 10,400 เยน หรือประมาณ 3,000 บาท (เฉพาะห้องพัก สำหรับการจองและชำระเงินล่วงหน้า) เข้าพักได้ตั้งแต่วันที่ 28 มิถุนายน จนถึง 30 กันยายน 2562
คิโรโระมีร้านอาหารและบาร์อื่น ๆ อีกถึง 9 แห่ง นำเสนออาหารชั้นเยี่ยมจากนานาชาติ ทั้งซูชิสไตล์ฮอกไกโดแท้ ๆ ที่ใช้วัตถุดิบที่สดใหม่ในท้องถิ่น อาหารอิตาเลียนสไตล์โฮมเมด และอาหารประเภทอื่นให้เลือกรับประทาน ผู้มาเยือนมีทางเลือกร้านอาหารมากมาย ทั้งที่ตั้งอยู่บนเนินเขา คาเฟ่ที่มีที่นั่งกลางแจ้ง หรือนั่งบนระเบียงที่เห็นวิวทิวทัศน์ของภูเขาที่งดงาม
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.kiroro.co.jp
dwp|design worldwide partnership จัดงานเปิดตัว dwp|signature ซึ่งเป็นความร่วมมือของสถาปนิกและมัณฑนากรผู้มีชื่อเสียงจากทั่วโลก อาทิ จอร์ดี้ ฟู (dwp|jordy fu), แอนน์ คาร์สัน (dwp|anne carson), แมทธิว แคมป์เบล ลอเรนซา (dwp|matthew campbell laurenza) และ แกรี่ ซิลลิค (dwp|gary szillich) พร้อมเปิดตัวสตูดิโอแห่งใหม่ dwp เอ็ม อินทีเรียร์ (dwp|minteriors) ในประเทศเมียนมาร์ ในโอกาสเดียวกัน ณ ห้อง โคลอนเนด โรงแรมสุโขทัย กรุงเทพฯ โดยมีแขกผู้มีเกียรติระดับแนวหน้าในวงการอสังหาริมทรัพย์ ทั้งในและต่างประเทศ ผู้บริหารธุรกิจโรงแรม บุคคลผู้มีชื่อเสียงในสังคม และสื่อมวลชน เข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง
เอ็ดเวิร์ด เอ็นสโก, แกรี่ ซีลิส, แอน คาร์สัน, เบร็นตัน มอเรลโล, สก๊อตต์ วิทเทเคอร์, มียา มิตสึ, จอร์ดี้ ฟู, แมทธิว แคมป์เบล ลอเรนซา และศรินรัตน์ กมลรัตนพิบูล
ทีม THE THREE MUSKETEERS จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คว้ารางวัลชนะเลิศการแข่งขัน “ลอรีอัล แบรนด์สตอร์ม 2019” ครั้งที่ 16 ในประเทศไทย นำเสนอกลยุทธ์และพัฒนาแผนการตลาดดิจิทัล ภายใต้โจทย์ “INVENT THE FUTURE SKINCARE EXPERIENCE FOR HEALTH-CONSCIOUS CONSUMERS” หรือ “การสร้างสรรค์ประสบการณ์ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวแห่งอนาคต เพื่อผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญเรื่องสุขภาพ” ให้กับแผนกผลิตภัณฑ์เวชสำอาง เน้นการเข้าถึงและสื่อสารโดยตรงกับผู้บริโภคที่รักสุขภาพ ผ่านการใช้นวัตกรรมด้านเทคโนโลยีและดิจิทัล เป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมการแข่งขัน “ลอรีอัล แบรนด์สตอร์ม 2019” ระดับโลก ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในเดือน พฤษภาคม 2562 ลุ้นชิงรางวัลประสบการณ์การทำงานที่ฝรั่งเศส ณ Station F ฮับสตาร์ทอัพที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นระยะเวลา 3 เดือน โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
ทีม THE THREE MUSKETEERS จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ชนะเลิศ “ลอรีอัล แบรนด์สตอร์ม 2019” ของประเทศไทย ประกอบด้วย นายนพรุจ กรุงไกรเพชร นางสาววราลี ธนะนิวิฐ และ นางสาวพิมพ์พัชร จันเทรมะ นักศึกษาคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ชั้นปีที่ 4 เปิดเผยว่า “สำหรับผลงานอุปกรณ์ดูแลรักษาผิว SkinActiv นั้น มาจากการค้นคว้าของเรา และพบว่า 87% ของผู้หญิงไทยยังเลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวได้ไม่ถูกต้อง ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์เหล่านั้นไม่ตอบโจทย์กับสภาพผิวของพวกเขา ซึ่งอุปกรณ์ดูแลรักษาผิว SkinActiv นี้ มาพร้อมกับวิธีการใช้ 2 โหมด คือโหมด Diagnosis ซึ่งมีเซนเซอร์วินิจฉัยสภาพผิวของผู้ใช้ และโหมด Treatment ที่จะช่วยผ่อนคลาย ฟื้นฟูผิวหน้า และสามารถรักษาสิว ลดริ้วรอย และเปิดรูขุมขนเพื่อการเปิดรับผลิตภัณฑ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันบนมือถือ เราคาดหวังว่าอุปกรณ์ SkinActiv จะทำหน้าที่เป็นตัวช่วยในการดูแลผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสะดวกสบายยิ่งขึ้น ด้วยการวิเคราะห์สภาพผิว ให้คำแนะนำผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและวิธีการรักษาที่เหมาะกับสภาพผิวของผู้ใช้มากที่สุด”
“พวกเรารู้สึกดีใจมากที่ชนะการแข่งขัน “ลอรีอัล แบรนด์สตอร์ม 2019” ขอขอบคุณบริษัทลอรีอัล ที่เปิดโอกาสให้พวกเราได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์อย่างอิสระ และใช้ทักษะรอบด้านในการออกแบบแผนการตลาดและนำเทคโนโลยีใหม่ๆมาประยุกต์ใช้ และขอขอบคุณสำหรับการผลักดันให้พวกเราก้าวข้ามขีดจำกัด และกรอบการนำเสนอเดิมๆ เพื่อที่จะเอาชนะใจกรรมการให้ได้ภายในเวลาเพียงแค่ 5 นาทีอีกด้วย นี่คือความท้าทายที่คนเจนเนอเรชั่นเรามองหา” ทีม THE THREE MUSKETEERS กล่าว
นายธนยศ ครุฑระเบียบ ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคล บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “โครงการ ลอรีอัล แบรนด์สตอร์ม เป็นโครงการสำหรับคนรุ่นใหม่ที่มองหาความท้าทาย ที่ต้องการพัฒนาทักษะความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ในการนำเทคโนโลยีและดิจิทัลโซลูชั่นส์ใหม่ๆ มาตอบโจทย์ทางธุรกิจ และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทีม THE THREE MUSTKETEERS เป็นผู้ตอบโจทย์ได้สมบูรณ์แบบที่สุด
และจะเป็นตัวแทนประเทศไทย ไปแข่งต่อที่เวทีโลกเพื่อชิงรางวัลชนะเลิศที่ใหญ่ที่สุดที่เคยมี เป็นครั้งแรก คือ ประสบการณ์การทำงานที่ฝรั่งเศส ณ Station F ฮับสตาร์ทอัพที่ใหญ่ที่สุดในโลก พาร์ทเนอร์ของลอรีอัล เป็นระยะเวลา 3 เดือน โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งเป็นการตอบโจทย์ความตั้งใจของโครงการในการสร้างสรรค์นวัตกรรม และส่งเสริมแนวคิดการทำงานแบบผู้ประกอบการอย่างแท้จริง”
รูปแบบการแข่งขันลอรีอัล แบรนด์สตอร์มจะกำหนดให้นักศึกษานำเสนอผลงานทุกรอบ ในสไตล์ “Pitching” หรือ การขายไอเดียแบบธุรกิจสตาร์ทอัพ โดย 5 ทีมที่มีผลงานโดดเด่น จะได้นำเสนอผลงานบนเวทีในรอบสุดท้าย เพื่อชิงรางวัลชนะเลิศต่อหน้าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ อันประกอบไปด้วย คุณอินเนส คาลไดรา กรรมการผู้จัดการ และ คุณวิภาวี ทับสกุล ผู้จัดการทั่วไป แผนกผลิตภัณฑ์เวชสำอาง บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด ดร.รัฐศาสตร์ กรสูต รองผู้อำนวยการสำนักงาน สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล และ พญ.ขวัญจิรา วงศ์เกียรติขจร แพทย์เฉพาะทางผิวหนัง
ผลการตัดสินการแข่งขันโครงการ “ลอรีอัล แบรนด์สตอร์ม 2019” ประเทศไทย คือ ทีม THE THREE MUSTKETEERS จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กับผลงานนำเสนอภายใต้คอนเซ็ปต์ “ผลงานอุปกรณ์ดูแลรักษาผิว SkinActiv” รับรางวัลเงินสดจำนวน 100,000 บาท และเป็นตัวแทนประเทศไทยแข่งขันกับตัวแทนจาก 65 ประเทศทั่วโลก ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในเดือนพฤษภาคม 2562 ทีม BART HEART จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชนะรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 รับรางวัลเงินสด 50,000 บาท และทีม S’OREAL จากวิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยศิลปากร ชนะรางวัล CSR Award รับเงินสด 30,000 บาท
นางอินเนส คาลไดรา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวสรุปว่า “วัตถุประสงค์ของโครงการฯ คือการเป็นมากกว่าการแข่งขันแผนการตลาด แต่เป็น “Project and Talent Incubator” ซึ่งตอกย้ำวิสัยทัศน์การเป็นผู้บุกเบิกด้าน Beauty Tech ของบริษัท ทุกๆ ปีความคิดสร้างสรรค์ และไอเดียในการรังสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ จากนักศึกษาผู้เข้าร่วมโครงการฯ จะแปลกใหม่ มีความน่าสนใจเสมอ เรามีความภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการมอบประสบการณ์ที่มีค่าให้แก่นักศึกษาไทย เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้พัฒนาศักยภาพที่เป็นพื้นฐานสำคัญในการทำงานจริง เพื่อการพัฒนาประเทศต่อไปในอนาคต”