

ดร. สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2565 ศาลปกครองกลางนัดไต่สวนคดีที่บริษัท อาคเนย์ประกันภัย จำกัด (มหาชน) กับพวกยื่นฟ้อง เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) กรณีขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งนายทะเบียนที่ 38/2564 เรื่อง ให้ยกเลิกเงื่อนไขการใช้สิทธิบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยโดยบริษัทในกรมธรรม์ประกันภัย COVID-19 สำหรับบริษัทประกันวินาศภัย ลงวันที่ 16 กรกฎาคม 2564 และขอให้ศาลมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งนายทะเบียนที่ 38/2564 เรื่อง ให้ยกเลิกเงื่อนไขการใช้สิทธิบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยโควิด-19 สำหรับบริษัทประกันวินาศภัย ฉบับลงวันที่ 16 กรกฎาคม 2564 ไว้เป็นการชั่วคราวก่อนการพิพากษาคดี หรือจนกว่าศาลจะมีคำสั่งหรือคำพิพากษาเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น โดยได้นัดทั้งสองฝ่ายมาไต่สวนเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงประกอบการพิจารณาว่าจะรับคำฟ้องไว้พิจารณาหรือไม่ ซึ่งในระหว่างที่ศาลฯ ยังไม่ได้รับฟ้องและมีคำสั่งให้คุ้มครองชั่วคราวฯ ตามที่บริษัทประกันภัยผู้ฟ้องคดียื่นคำขอ กรมธรรม์ประกันภัยโควิด แบบเจอ จ่าย จบ ยังคงมีผลใช้บังคับและให้ความคุ้มครองตามปกติ กรณีผู้เอาประกันภัยติดเชื้อและมีหลักฐานยืนยัน ก็สามารถเคลมประกันภัยกับบริษัทประกันภัยที่ฟ้องคดีได้ต่อไป หากต่อมาศาลฯรับฟ้องและมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว บริษัทฯ จะนำคำสั่งศาลมาเป็นเครื่องมือและอ้างในการนำมายกเลิกสัญญากับผู้เอาประกันภัย และจะทำให้ผู้เอาประกันภัยโควิดทั้งหมดกว่า 10 ล้านคนถูกลอยแพแน่นอน แต่ไม่ว่าศาลจะมีคำสั่งออกมาเป็นประการใด สำนักงาน คปภ. พร้อมยืนหยัดเคียงข้างประชาชน โดยจะต่อสู้คดีจนถึงที่สุด เพื่อคุ้มครองและปกป้องสิทธิประโยชน์ของประชาชนและผู้เอาประกันภัย เพื่อไม่ให้เกิดบรรทัดฐานใหม่ที่ให้บริษัทประกันภัยจะใช้เป็นเหตุในการบิดเบือนนำเหตุที่เกิดจากการบริหารความเสี่ยงที่ผิดพลาดของตนเอง และผลักภาระกลับไปให้กับประชาชนและผู้เอาประกันภัย เพราะจะเป็นการทำลายความเชื่อมั่นและความเชื่อถือที่ประชาชนมอบให้บริษัทประกันภัยในการบริหารจัดการความเสี่ยง
เลขาธิการ คปภ. กล่าวเพิ่มเติมว่าในสัปดาห์หน้าจะเชิญบริษัทประกันภัยทั้ง 14 บริษัท ที่ขายประกันภัยโควิดแบบเจอ จ่าย จบ มาประชุมเพื่อทำความเข้าใจ และขอให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นและมั่นใจว่าระหว่างที่ศาลปกครองกลาง ยังไม่มีคำวินิจฉัยอะไรในเรื่องนี้ออกมา บริษัทประกันภัยทุกบริษัท จะต้องดูแลประชาชนผู้เอาประกันภัยโควิด แบบเจอ จ่าย จบ ตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัย เพราะถือว่าคำสั่งนายทะเบียนที่ 38/2564 ยังมีผลตามกฎหมายอยู่ อีกทั้งยังต้องปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน และเพื่อไม่ให้กระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนต่อระบบประกันภัย นอกจากนี้ในการดำเนินการคู่ขนาน ได้ตั้งทีมเพื่อให้เดินหน้าแนวทางตามมาตรการต่าง ๆ ที่จะช่วยเหลือบริษัทประกันภัยที่ได้รับผลกระทบจากประกันภัยโควิด แบบเจอ จ่าย จบ ด้วย ซึ่งมีการประชุมไปแล้ว 1 ครั้ง “ถ้าเมื่อใดที่ความเสี่ยงภัยเปลี่ยนไป แล้วบริษัทประกันภัยสามารถอ้างเหตุนี้มายกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยได้แบบเหมาเข่ง ก็ย่อมจะกลายเป็นบรรทัดฐานใหม่ที่ไม่เคยปรากฏในระบบประกันภัยของโลก จนลุกลามกระทบต่อความเชื่อถือไว้วางใจของประชาชน แล้วเช่นนี้ประชาชนจะซื้อประกันภัยไปทำไม" เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย
อลิอันซ์ อยุธยา ยืนหนึ่งดูแลลูกค้าในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ประกาศเดินหน้าต่อมาตรการช่วยเหลือลูกค้า ครอบคลุมการคุ้มครองการแพ้วัคซีน
“ศูนย์วิจัยเทเลนอร์” คาดการณ์ 5 ความก้าวหน้าสำคัญทางเทคโนโลยีของโลกที่จะส่งต่ออัตราเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่โลกสีเขียว
ประสบการณ์การค้าออนไลน์ผู้บริโภคและธุรกิจจะยังเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องทั้งในปีนี้และต่อไปในอนาคต
การสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในแต่ละยุคสมัยต้องอาศัยความเข้าใจ การวิเคราะห์ปัจจัยแวดล้อมต่าง ๆ ว่าอะไรคือ solution
ข้อมูลใหม่จากการทดลองแสดงให้เห็นว่าหลังจากการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19
บริษัท ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MoU) ร่วมกับบริษัทที่ปรึกษาระดับโลกจากประเทศเนเธอร์แลนด์ ได้แก่ บริษัทรอยัล ดีเอสเอ็ม (Royal DSM NV) ซึ่งเชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมอาหารและปศุสัตว์ และบริษัทบล็องค์ (Blonk Consultants) องค์กรปรึกษาด้านการวิเคราะห์ข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม โดยนำนวัตกรรมโซลูชั่นล่าสุด “SustellTM” เครื่องมือในการวัดผลงานด้านความยั่งยืนของผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบเฉพาะสำหรับธุรกิจปศุสัตว์และเกษตรอุตสาหกรรมเข้ามาช่วยเก็บข้อมูล วิเคราะห์ และหาแนวทางลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการผลิตอาหารในธุรกิจสัตว์บก และต่อยอดสู่การสร้างผลิตภัณฑ์สีเขียวที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่าสินค้าชนิดเดียวกันโดยทั่วไป
ระบบอัจฉริยะ “SustellTM” เป็นซอฟต์แวร์วิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมในด้านต่างๆ จากกระบวนการผลิตเนื้อสัตว์ตลอดทั้งวัฏจักรชีวิต เช่น การปล่อยก๊าซเรือนกระจก การใช้ทรัพยากร พลังงาน และมลภาวะต่างๆ ที่เกิดขึ้นตลอดวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ ที่สามารถวัดได้ตามมาตรฐานสากล โดยผลลัพธ์ที่ได้จะผ่านการทวนสอบ โดย Third Party ในระดับสากล เพื่อรับรองความถูกต้องแม่นยำ โปร่งใส

นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ กล่าวว่า บริษัทมีวิสัยทัศน์การเป็น “ครัวของโลกที่ยั่งยืน” จึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญระดับโลกด้านการผลิตอาหารอย่างยั่งยืน ทั้ง DSM และ Blonk Consultants เพื่อยกระดับกระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ควบคู่กับการสร้างความยั่งยืนต่อสังคม และสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่ต้นน้ำของธุรกิจ

“ความร่วมมือในครั้งนี้ สอดคล้องกับพันธกิจหลักของซีพีเอฟ คือ การผลิตและส่งมอบผลิตภัณฑ์อาหารโปรตีนจากเนื้อสัตว์ที่มีคุณภาพสูง และรสชาติอร่อย มีคุณค่าทางโภชนาการที่ดียิ่งขึ้นให้ผู้บริโภค อีกทั้งยังมาจากกระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ โดยนำเทคโนโลยีดิจิทัล มาประยุกต์ใช้ในทุกขั้นตอนการผลิต ซึ่ง SustellTM จะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการวิเคราะห์ข้อมูลผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค และเทรนด์ของโลกในการผลิตอาหารที่สร้างสมดุลทางสิ่งแวดล้อม” นายประสิทธิ์ กล่าว
นอกจากนี้ เทคโนโลยีของ DSM จะช่วยสนับสนุนการผลิตอาหาร ของซีพีเอฟ ที่มุ่งเน้นการผลิตอาหารปลอดภัย เพื่อสุขภาพที่ดีของผู้บริโภค เช่น การผลิตเนื้อสัตว์ที่เลี้ยงด้วยโปรไบโอติก ซึ่งช่วยให้สัตว์มีสุขภาพแข็งแรง ปลอดยาปฏิชีวนะ และสารตกค้าง ควบคู่ไปกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์สีเขียว (Green Product) แบบองค์รวมตั้งแต่ต้นทางวัตถุดิบอาหารสัตว์ จนถึงปลายทางเป็นอาหารสำเร็จรูป ปัจจุบัน บริษัทมีผลิตภัณฑ์อาหารที่ได้รับฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์และฉลากลดโลกร้อนรวม 790 รายการ ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 1.418 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า สร้างรายได้สีเขียวมากกว่า 32% ของรายได้ทั้งหมด

ด้านนายอิโว่ แลนส์เบอร์เก็น (Ivo Lansbergen) ประธานด้าน Animal Nutrition and Health บริษัท DSM Nutritional Products Company Limited กล่าวว่า ซีพีเอฟ และ DSM มีความร่วมมือกันมาอย่างยาวนานในด้านการพัฒนาโภชนาการ จนมาถึงประเด็นด้านความยั่งยืน ซึ่งการนำระบบอัจฉริยะ SustellTM มาใช้จะช่วยให้ ซีพีเอฟ สามารถทราบถึงผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่สูง (Hot Spot) ในวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์แต่ละชนิด และนำข้อมูลที่ได้มาปรับปรุงกระบวนการต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพและยั่งยืนยิ่งขึ้น โดยมีผู้เชี่ยวชาญจาก ดีเอสเอ็ม และ บล็องค์ เข้ามาให้คำแนะนำ เช่น การปรับสูตรอาหารสัตว์ให้เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของสัตว์ในแต่ละช่วงอายุ ทำให้สัตว์กินอาหารในปริมาณที่เหมาะสมตามวัย ลดปริมาณการใช้ทรัพยากรในการผลิตอาหารสัตว์ เป็นต้น

“การนำระบบอัจฉริยะระดับโลกมาใช้ในการบริหารจัดการผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จะสนับสนุนประสิทธิภาพการผลิตโปรตีนจากเนื้อสัตว์ของ ซีพีเอฟ ในด้านการตรวจสอบย้อนกลับตลอดห่วงโซ่การผลิตในเชิงลึกที่แม่นยำมากขึ้น ตอบโจทย์การดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลง และความต้องการของผู้บริโภค รวมทั้งตลาดโลกในระยะยาว” นายอิโว่ กล่าว
บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) (BCPG) ได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 ในบริษัทกลุ่มหลักทรัพย์ ESG100
"วาโก้" ขานรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐกับโครงการ “ช้อปดีมีคืน” เมื่อซื้อสินค้า วาโก้ ณ วาโก้ช็อปและเคาน์เตอร์วาโก้ทุกสาขาทั่วประเทศ
นางสาวพัทธ์หทัย กุลจันทร์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อยุธยา แคปปิตอล เซอร์วิสเซส จำกัด ผู้ให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลและบัตรเครดิตภายใต้แบรนด์กรุงศรีเฟิร์สช้อยส์