

กสิกรไทยออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา ด้วยมาตรการพักชำระเงินต้น ผ่อนเฉพาะดอกเบี้ยนานสูงสุด 3 เดือน วงเงินสินเชื่อที่กู้เพิ่มได้เพื่อซ่อมแซมบ้านและสถานประกอบการ และสินเชื่ออื่นๆ พร้อมแนะแนวทางการรับมือกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ธนาคารตระหนักดีถึงความเดือดร้อนของลูกค้า จึงรีบดำเนินการเร่งด่วนออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ประสบภัยทั้งลูกค้าบุคคลและลูกค้าธุรกิจ โดยมีรายละเอียดมาตรการช่วยเหลือดังนี้

มาตรการช่วยเหลือลูกค้าบุคคล
มาตรการช่วยเหลือลูกค้าธุรกิจ

สำหรับลูกค้าที่ทำประกันที่อยู่อาศัยและทรัพย์สินกับธนาคารกสิกรไทยสามารถติดต่อแจ้งเคลมประกันกับ บมจ.เมืองไทยประกันภัย Call Center 1484 หรือ Line @mtifriend และเตรียมเอกสารแจ้งเคลมดังนี้ แบบฟอร์มแจ้งเรียกร้องค่าสินไหม ใบเสนอราคาค่าซ่อมแซมทรัพย์สิน หรือใบเสร็จรับเงิน เอกสารส่วนตัว ภาพถ่ายความเสียหาย และเอกสารอื่นๆ ตามที่บริษัทแจ้งขอ
สำหรับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบสามารถติดต่อเพื่อเข้าร่วมมาตรการได้ตั้งแต่วันนี้ – 30 มิถุนายน 2568 โดยลูกค้าบุคคลติดต่อได้ที่ K-Contact Center 02-8888888 ลูกค้าธุรกิจติดต่อที่ผู้ดูแลความสัมพันธ์ลูกค้าหรือ K-BIZ Contact Center 02-8888822 และลูกค้าสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ติดต่อที่ KLeasing Call Center 02-6969999
กสิกรไทยเปิดโครงการ KBank Annual Scholarship 2025 ให้โอกาสคนทำงานที่มีประสบการณ์ 1 ปีขึ้นไป ด้วยทุนเรียนต่อระดับปริญญาโทมหาวิทยาลัยชั้นนำในต่างประเทศเต็มจำนวนและเงินสนับสนุนระหว่างศึกษาต่อ พร้อมโอกาสเติบโตเป็นผู้นำในอนาคตไปกับธนาคาร และร่วมเป็นส่วนสำคัญที่จะขับเคลื่อนงานที่เป็นยุทธศาสตร์หลักของธนาคาร ในการยกระดับผลิตภัณฑ์และการให้บริการลูกค้าขับเคลื่อนสังคมที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างการเติบโตของธนาคารควบคู่ไปกับการพัฒนาประเทศ (Possibility to make an impact) รับสมัครตั้งแต่วันนี้ - 20 พ.ค. 68

นางสาวหทัยพร เจียมประเสริฐ รองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันธนาคารกสิกรไทยดำเนินธุรกิจมา 80 ปี ได้สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการด้านการเงินมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน สามารถรับมือกับความท้าทายและความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยหนึ่งในปัจจัยสำคัญคือผู้นำที่เติบโตขึ้นมาจากโครงการทุนของธนาคารซึ่งนอกจากความรู้และประสบการณ์ที่ได้จากการไปศึกษาต่อ พนักงานในโครงการนี้ยังจะได้โอกาสสำคัญในการรับผิดชอบงานที่เป็นยุทธศาสตร์หลักขององค์กร ทำให้ได้มีโอกาสทำงานและได้รับประสบการณ์ตรงจากผู้บริหารของธนาคาร ร่วมเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณค่าในการขับเคลื่อนเป้าหมายของธนาคารสู่การเป็นธนาคารแห่งความยั่งยืน (Bank of Sustainability)

โดยในปี 2568 นี้ โครงการ KBank Annual Scholarship 2025 ได้เปิดรับสมัครสอบชิงทุนการศึกษาต่อระดับปริญญาโทในมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลก จำนวน 8 ทุน ในประเทศสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร สาธารณรัฐฝรั่งเศส สมาพันธรัฐสวิส ประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐประชาชนจีน เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน และสาธารณรัฐสิงคโปร์ ในหมวดสาขาบริหารธุรกิจ (MBA) หมวดสาขาวิชาวิเคราะห์เชิงลึกทางธุรกิจ (Business Analytics) และหมวดสาขาวิชาอื่น ๆ ที่สอดคล้องกับทิศทางยุทธศาสตร์ของธนาคาร
สำหรับคุณสมบัติของผู้สมัคร จะต้องเป็นผู้ที่สำเร็จการศึกษาวุฒิปริญญาตรีไม่จำกัดสาขาวิชา โสด อายุไม่เกิน 30 ปี บริบูรณ์ (ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567) มีคะแนนเฉลี่ยสะสมตลอดปีการศึกษาไม่ต่ำกว่า 3.0 มีผลสอบด้านภาษาอย่างใดอย่างหนึ่ง TOEFL อย่างน้อย 213 คะแนน (Computer based) หรือ 80 คะแนน (Internet-based) หรือ IELTS อย่างน้อย 6.0 สำหรับผู้สมัครทุนประเทศญี่ปุ่น JLPT ระดับตั้งแต่ N2 ขึ้นไป และสำหรับผู้สมัครทุนสาธารณรัฐประชาชนจีน HSK ระดับ 5 ขึ้นไป สำหรับผู้ที่ต้องการเรียนในหมวดสาขาวิชาทางธุรกิจจะต้องมี GMAT อย่างน้อย 550 คะแนน และสำหรับหมวดสาขาวิชาวิเคราะห์เชิงลึกทางธุรกิจ ต้องมี GRE อย่างน้อย 312 คะแนน

อีกทั้งต้องมีประสบการณ์ทำงานอย่างน้อย 1 ปี มีทักษะของการเป็นผู้ประกอบการ (Entrepreneurship Skill) สามารถประเมินและจัดการความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความสามารถในการคิดนอกกรอบและพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ ๆ (Creative and Innovative) ไม่หยุดการเรียนรู้ สามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงและปรับตัวให้ทันต่อสถานการณ์ (Continuous Learning and Self-Improvement)
ผู้ที่สนใจสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมและสมัครได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 20 พฤษภาคม 2568 ทางเว็บไซต์ www.kasikornbank.com/kbankannualscholarship ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ งานทุนการศึกษา ฝ่ายพัฒนาศักยภาพพนักงาน โทร. 02-4701361 หรือ 02-4701656 หรือ 02-4705915 หรืออีเมล This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
สั่นสะเทือนวงการเวดดิ้งแฟร์เมืองไทยสุด ๆ เมื่อ SabuyWedding Festival 2025 มหกรรมเวดดิ้งแฟร์ที่คู่รักทุกคู่รอคอย กลายเป็นแลนด์มาร์กที่เป็นแก้วเป็นแสงที่สุดของเทศกาลสำหรับการจัดงานแต่งงานของปี กับการสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับแฟชั่นโชว์ชุดแต่งงานชาย-ชายครั้งแรกของไทย ซึ่งงานนี้ ดวงฤทัย ชยารักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สบายแฟมิลี่ จำกัด เล่นใหญ่จัดเต็ม แท็กทีม 2 ดีไซน์เนอร์แบรนด์ชุดแต่งงานระดับตำนาน Myriad Grand Monde ที่บ่าวสาวรุ่นพี่บอกต่อว่าเริ่ดที่สุด เพื่อเนรมิตรันเวย์ให้กลายเป็นเวทีแห่งความรักที่ไร้ขีดจำกัด นำทีมโดยสองหนุ่มสุดฮอต ต้า นันคุณ ภัคภัทรพรพบ และธ๊อป ณฐนนท์ ณรธัญวิรุณ เจ้าของตำแหน่ง Mister Supranational Thailand 2023 ที่มาในลุคเจ้าบ่าวสุดปัง ร่วมด้วยเหล่านายแบบระดับแถวหน้าของวงการถึง 14 คน อาทิ อัส นิติธร อัครโชติโสภณ, อินทัช กูรมะสุวรรณ, เอฟโฟร์ พีรวิชญ์ โชติมานนท์ และบุ๊ค คมสัน ศรีมงคลศิริ รองอันดับ 4 Mister Supranational Thailand 2023 พร้อมเสียงร้องสุดละมุนจาก แตงโม The Voice ที่มาสร้างบรรยากาศโรแมนติก เสริมพลังแห่งความรักให้เต็มอิ่ม ณ รอยัล พารากอนฮอลล์ เมื่อวันก่อน

ต้า นันคุณ ภัคภัทรพรพบ และธ๊อป ณฐนนท์ ณรธัญวิรุณ ตัวแทนที่มาร่วมเดินแฟชั่นโชว์ชุดพิเศษในครั้งนี้กล่าวว่า “รู้สึกตื่นเต้นและภูมิใจมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของแฟชั่นโชว์นี้ โดยมองว่าเป็นมากกว่าการเดินแบบทั่วไป แต่คือการส่งต่อพลังและกำลังใจให้กับทุกคนที่เชื่อมั่นในความรัก นอกจากนี้ยังเปิดโอกาสให้คู่รักทุกเพศได้ค้นหาชุดแต่งงานในฝันของตัวเองได้อย่างสบายใจ ซึ่งพวกเราหวังว่าแฟนชั่นโชว์ในวันนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้วงการชุดแต่งงานเมืองไทยเปิดกว้าง และสร้างสรรค์ผลงานเพื่อทุกคนที่ต้องการชุดแต่งงานได้มากขึ้นในอนาคต”

โดยแฟชั่นโชว์ชุดแต่งงานสุดหรูครั้งนี้ เป็นการนำเสนอชุดเจ้าบ่าวที่ออกแบบมาให้เหมาะกับคู่รักชาย-ชายโดยเฉพาะ และการันตีความพรีเมียมระดับไฮเอนด์ที่จับต้องได้ ทั้งชุดทักซิโด้แบบคลาสสิก ชุดสูทโมเดิร์นสุดเท่ ไปจนถึงชุดแต่งงานดีไซน์สุดล้ำที่ฉีกทุกกฎเกณฑ์เดิม ๆ พร้อมเปิดมิติใหม่ของวงการชุดแต่งงานไทยที่พร้อมต้อนรับทุกคู่รักแบบไม่มีกฎเกณฑ์ นอกจากนี้ภายในงานยังมีกิจกรรมให้ช้อป ชิล สบายใจ ไม่มีฮาร์ดเซลล์ที่น่าสนใจแบบครบ จบ ในที่เดียว อาทิ สินค้าและบริการเพื่อการจัดงานแต่งงานกว่า 200 ร้านค้า เช่น โรงแรมและสถานที่จัดงานแต่งงาน, เวดดิ้งแพลนเนอร์และออแกไนซ์เซอร์, แบรนด์ชุดแต่งงาน, ช่างภาพ, ร้านเพชรและแหวนแต่งงาน ตลอดจนกิจกรรมดูดวงความรักและปรึกษาเรื่องฤกษ์โดย อ.อ๊อตโต้ และร่วมพูดคุยใน Session: จัดงานแต่งนอกกรอบสไตล์อินเตอร์ โดยชยวัสส์ ปัญจภักดี ผู้ก่อตั้ง Rainforest the Wedding เป็นต้น

ทั้งนี้เว็บไซต์ www.sabuywedding.com แพลตฟอร์มที่รวบรวมธุรกิจเกี่ยวข้องกับการจัดงานแต่งงานเอาไว้ทุกด้านมากที่สุดและครอบคลุมที่สุด เป็นผู้นำในการเป็นสื่อกลางให้กับคู่รักที่ต้องการจัดงานแต่งงานมาพบกับร้านค้าที่ใช่ และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงใจ ทั้งสถานที่แต่งงาน, ช่างถ่ายภาพ ถ่ายวิดีโอ, ช่างแต่งหน้า-ช่างทำผม, ชุดแต่งงาน, ดิสเพลย์ตกแต่งหน้างาน, แหวนหมั้น-แหวนแต่งงาน, การ์ดเชิญ, ของชำร่วย, ชุดเพื่อนเจ้าบ่าว-เจ้าสาว, Wedding Planner, นายพิธี, อุปกรณ์ขันหมาก, อาหารจัดเลี้ยง, แสง สี เสียง ตลอดจนคลินิกเสริมความงาม ซึ่งปัจจุบันมีร้านค้าที่เป็นสมาชิกอยู่กว่า 1,000 ร้านค้า ตลอดจนมีคอนเทนต์ให้ความรู้ด้านต่างๆ เกี่ยวกับการแต่งงาน และไอเดียเกี่ยวกับการจัดงานให้คู่รักเข้ามาหาข้อมูลมากมาย นอกจากนี้ยังเปิดบริการใหม่ล่าสุดคือการเป็นที่ปรึกษาด้านการจัดงานแต่งงานครบวงจร ในฐานะเวดดิ้งแพลนเนอร์ เพื่อช่วยให้ว่าที่คู่บ่าวสาวสามารถวางแผน งบประมาณ และคำนวณระยะเวลาในการเตรียมงานได้สะดวกมากยิ่งขึ้น
ผู้สนใจสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Line: @SabuyWedding หรือ Facebook: Sabuywedding หรือ www.sabuywedding.com
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) กระทรวงอุตสาหกรรม ขานรับนโยบาย Soft Power อุตสาหกรรมแฟชั่นไทย เดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ผ่านกิจกรรมการพัฒนาภาพลักษณ์แบรนด์และผลิตภัณฑ์สู่ Fashion Hero Brand สาขาอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับไทย หรือ "HERO BRAND JEWELRY" เพื่อยกระดับภาพลักษณ์แบรนด์อัญมณีและเครื่องประดับไทย ให้โดดเด่นในตลาดสากล ภายใต้นโยบาย “ดีพร้อมคอมมูนิตี้ ที่นี่มีแต่ให้” พร้อมส่งเสริมกลยุทธ์ “4 ให้ และ 1 ปฏิรูป” ได้แก่
ร่วมเป็น Hero Brand แห่งวงการอัญมณีและเครื่องประดับไทย สมัครได้แล้วตั้งแต่วันนี้ - 30 เมษายน 2568 ฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย รับจำกัดเพียง 25 แบรนด์เท่านั้น
โดยผู้ที่สนใจต้องมีคุณสมบัติขั้นพื้นฐานดังนี้
สิทธิประโยชน์สำหรับผู้เข้าร่วมโครงการฯ
สมัครเข้าร่วมโครงการได้ที่ https://docs.google.com/forms/d/11015xur-2k_9I8TsvIHIJL-RlpAZTPQuhL7EoiUchPY/preview
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการ "HERO BRAND JEWELRY" ได้ที่ คุณสุภาพร ถาวรเจริญ โทร.02-713-5492-9 ต่อ 722 มือถือ 095-019-5154 และคุณชวลิต จันคันธา หรือ คุณพุฒิพงศ์ ชยันโต โทร. 02-430-6883 กด 2
Design Village Ratchada (ดีไซน์วิลเลจ รัชดา) ผู้นำ Community Living Mall นับเป็นสาขาที่ 5 ภายใต้การบริหารงานของ บริษัท บุญถาวร รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จัดกิจกรรมเพื่อมัดใจกลุ่มคนทำงานย่านรัชดาและพื้นที่ใกล้เคียง โดยได้ครีเอทกิจกรรม ชื่อ “ FRIYAY ! NIGHT” ได้ร่วมมือกับ BREWAVE ร้านอาหารและเครื่องดื่ม มีเอกลักษณ์โดดเด่น นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ดนตรีสด ตอบโจทย์กลุ่มคนวัยทำงานณ บริเวณชั้น 2 ดีไซน์วิลเลจ รัชดา

สุดปังกิจกรรมการตลาด FRIYAY ! NIGHT จาก Design Village Ratchada (ดีไซน์วิลเลจ รัชดา) เน้นกลุ่มคนวัยทำงาน ให้มาจอยในพื้นที่ที่ใหม่ๆ เกิดไลฟ์สไตล์ที่มีความสุขยิ่งขึ้น ภายในงานกิจกรรม พบกับ คุณลุกซ์ -ชาญวิทย์ ทวีสิน น้องชายคุณใบเตย , รุ้ง -ราวรรณ โทนะหงษา นักแสดง/พิธีกร, ม.ล.เอวิตา ยุคล, ม.ล.อนุชา ยุคล, วิมลลักษณ์ จงรัตนเมธีกุล นักแสดง/เซเลบริตี้, คุณพศวัต วรรณทองพิธีกร และคุณสันติมาน์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ร่วมงานและเช็คอินปาร์ตี้แห่งใหม่กลางรัชดา #DesignVillage #FriYaYNight #DesignVillageRatchada #ดีไซน์วิลเลจรัชดา #รัชดา

สามารถติดตามผ่านโซเซียลมีเดีย FB : Design Village , IG @designvillageofficial และ Tiktok DesignVillageOfficial
นางสาวพลอย ธนิกุล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานในงานแถลงข่าวเปิดตัวเกมมรดกวัฒนธรรม “ศรีเทพ ผจญภัย” ในโครงการเนรมิตพิพิธวัฒนธรรม SITHEP Cultural Metaverse กรมศิลปากร โดยมี นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร ผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม ผู้บริหารกรมศิลปากร ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และนักเรียนจากโรงเรียนต่าง ๆ เข้าร่วม ณ ห้องประชุมใหญ่ สำนักหอสมุดแห่งชาติ

ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า กระทรวงวัฒนธรรม มีนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจวัฒนธรรมเพื่อการพัฒนาประเทศชาติอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีมรดกทางวัฒนธรรมล้ำค่าที่สามารถนำมาพัฒนาต่อยอด สร้างสรรค์เป็นพลัง Soft Power โดยมีเกม เป็นอุตสาหกรรมด้านคอนเทนต์ ความสร้างสรรค์ และวัฒนธรรมที่ทรงพลังอย่างมาก เป็นหนึ่งใน Soft Power ที่รัฐบาลผลักดันให้เป็นปัจจัยหลักในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและสร้างรายได้สู่ประเทศ

ดังนั้น กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม จัดทำเกมมรดกวัฒนธรรม “ศรีเทพ ผจญภัย” ในโครงการเนรมิตพิพิธวัฒนธรรม SITHEP Cultural Metaverse ขึ้นเพื่อสร้างประสบการณ์ด้านมรดกวัฒนธรรมในการสร้างสรรค์ Digital Content ที่นำมาถ่ายทอดผ่านเกม เปิดโอกาสให้เด็กและเยาวชนรุ่นใหม่หันมาสนใจมรดกวัฒนธรรม ได้ทั้งความรู้ คู่ความสนุก เปลี่ยนรูปแบบการเข้าถึงข้อมูลให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของศตวรรษใหม่ ไปสู่การเรียนรู้ที่สนุกกว่าเดิม เกิดความภาคภูมิใจในท้องถิ่นและชาติ เกิดสุนทรียะ และพัฒนาต่อยอดสู่การเรียนรู้และใช้ประโยชน์จากแหล่งเรียนรู้และแหล่งมรดกศิลปวัฒนธรรมของชาติ ไปสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มทั้งในระดับบุคคลและระดับสังคมต่อไปได้

กรมศิลปากร ตั้งใจให้เกมเนรมิตพิพิธวัฒนธรรม SiThep Cultural Metaverse ส่งผ่านไปยังโรงเรียน สถานศึกษา สามารถเล่นได้ผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์ของโรงเรียน หรืออุปกรณ์ Tablet เป็นเครื่องมือในการศึกษา และเพิ่มศักยภาพการเรียนรู้ด้านประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรมของไทย โดยผู้เล่นเกมจะได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ของชาติ และเมืองโบราณศรีเทพ ที่ได้รับการประกาศยกย่องให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมของประเทศไทยได้อย่างสนุกสนาน เป็นการเปิดโลกใบใหม่ให้เด็กและเยาวชน เกิดการเชื่อมโยง และแลกเปลี่ยนกับผู้เล่นเกมอื่นๆ แบ่งปันประสบการณ์และการเรียนรู้ สร้างสัมพันธภาพกับคนในทุกมุมโลก ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงสู่อนาคตที่เน้นการใช้เทคโนโลยีในการแลกเปลี่ยนแบ่งปันซึ่งกันและกันในศตวรรษที่ 21 นอกจากนี้กรมศิลปากรจะได้ดำเนินโครงการเนรมิตพิพิธวัฒนธรรม ต่อยอดสร้างสรรค์ เนื้อหาเพิ่มเติมไปยังแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมอื่น ๆ ได้แก่ อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาเมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร ศรีสัชนาลัย กำแพงเพชร แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง โดยมุ่งเน้นการให้ข้อมูลประวัติศาสตร์ มรดกศิลปวัฒนธรรม นำเสนอในรูปแบบ Digital Content และ Soft Power ผ่านเกมที่สนุกสนาน ให้บริการข้อมูลเพื่อสร้างการเรียนรู้แก่ประชาชนแบบไร้ขีดจำกัด ด้วยรูปแบบของข้อมูลที่มีอัตลักษณ์ แตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ ผู้ที่ได้เรียนรู้จะสามารถใช้ประโยชน์จากทุนทางวัฒนธรรมในการขับเคลื่อนสร้างสรรค์และต่อยอดมูลค่าในด้านต่าง ๆ ทั้งการศึกษา สังคม เศรษฐกิจ เพื่อเป็นฐานในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน

สำหรับเกม “ศรีเทพ ผจญภัย” เป็นการสร้างเนื้อหาข้อมูลโดยการถ่ายทอดเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ในรูปแบบเกมแนว Adventure และ Action โดยให้ผู้เล่นรับบทเป็นตัวละครหลัก เพื่อเชื่อมโยงตัวตนเข้าสู่เนื้อหาทางประวัติศาสตร์ และออกผจญภัยไปในสถานที่และเรื่องราวของเกมที่ถูกวางไว้ ส่งผลให้ผู้ใช้งานสามารถซึมซับเรื่องราวผ่านตัวละครที่มาจากโลกปัจจุบันย้อนกลับไปสู่อดีตในเมืองโบราณศรีเทพ มีปฏิสัมพันธ์กับข้อมูลและตัวละครต่างๆ ตลอดเรื่องราวมีการแก้ไขปริศนา การเรียนรู้ประวัติศาสตร์ โบราณสถาน โบราณวัตถุ และการต่อสู้ที่น่าตื่นเต้น มีด่านการแก้ไขปัญหา ค้นหาโบราณวัตถุ และใช้ความรู้ที่ได้จากการเล่นเกม เพื่อผ่านไปยังด่านต่าง ๆ ในเกม ทำให้ผู้เล่นเกมเข้าใจประวัติศาสตร์ศรีเทพได้ง่ายกว่าสื่อประเภทอื่น ๆ ภายในเกมสร้างขึ้นในลักษณะของโลกเสมือนของพื้นที่เมืองโบราณศรีเทพ ผ่านการออกแบบด้วยศิลปะจากวัตถุ 3 มิติของโบราณสถานและโบราณวัตถุที่โดดเด่น มีไอเทมลับเป็นโบราณวัตถุชิ้นสำคัญ ที่ซ่อนอยู่ในโบราณสถานต่างๆ ในบริเวณเมืองโบราณศรีเทพ ผู้เล่นสามารถใช้งานแผนที่ประกอบการเดินสำรวจเมืองโบราณ และสามารถกดเลือกรูปภาพบนแผนที่เพื่อเรียนรู้ข้อมูล เกี่ยวกับโบราณสถานและโบราณวัตถุ รูปแบบแผนที่จำลองโลกเสมือน สามารถศึกษาเส้นทางและโบราณสถานต่างๆ ได้อย่างละเอียด และได้เรียนรู้ข้อมูลอย่างถูกต้อง
ผู้สนใจสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น “Sithep Adventure” ผ่านสมาร์ทโฟนได้ทั้งระบบ ios และ android หรือคอมพิวเตอร์ PC ที่เว็บไซต์กรมศิลปากร finearts.go.th
ภาคบริการหดตัวจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ต่ำกว่าเป้า ภาคเกษตรเผชิญราคาผันผวนและต้นทุนสูง แต่ภาคการค้ายังได้มาตรการเงินดิจิทัล 10,000 บาทมาช่วยพยุง การเพิ่มศักยภาพการแข่งขันและลดต้นทุนให้ SME จะช่วยเพิ่มรายได้ รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วง Low Season อีก 3 เดือนข้างหน้าจะทำให้ SME อยู่รอดต่อไปได้
นางสาวปณิตา ชินวัตร รองผู้อำนวยการสำนักงาน รักษาการแทนผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SME (SMESI) ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2568 อยู่ที่ระดับ 52.1 ปรับลดลงจากระดับ 53.1 ในเดือนก่อนหน้า โดยหดตัวลงอย่างชัดเจนจากภาคการผลิตที่ความเชื่อมั่นปรับตัวต่ำกว่าค่าฐานครั้งแรกในรอบ 6 เดือน มีสาเหตุมาจากการปรับลดกำลังการผลิต รวมถึงความเชื่อมั่นด้านการลงทุนและการจ้างงานที่ปรับลดลงชัดเจนในสาขาการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค สาขาการผลิตอาหารและเครื่องดื่ม และสาขาการผลิตผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในครัวเรือน เช่นเดียวกับภาคการบริการและภาคการเกษตรที่ความเชื่อมั่นปรับลดลงจากเดือนก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม ภาคการค้า ค่าดัชนีฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 54.5 จากระดับ 52.2 ซึ่งได้รับแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ โดยเฉพาะโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านกลุ่มผู้สูงอายุ (เงินดิจิทัล 10,000 บาท ระยะที่ 2) ที่ช่วยเพิ่มกำลังซื้อของผู้บริโภค ส่งผลให้ธุรกิจค้าปลีกและสินค้าอุปโภคบริโภค มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นในระยะสั้น เมื่อพิจารณาตามองค์ประกอบของดัชนี พบว่า ส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง โดยด้านคำสั่งซื้อโดยรวมปรับตัวลดลงจากระดับ 62.0 เป็นระดับ 58.8 ซึ่งสอดคล้องกับด้านปริมาณการผลิต/การค้า/การบริการ ปรับตัวลดลงจาก 57.5 เป็นระดับ 56.0 และด้านการลงทุนโดยรวมปรับตัวลดลงจาก 51.4 เป็นระดับ 50.6 เนื่องจากปริมาณคำสั่งซื้อลดลง การปรับลดกำลังการผลิต ไม่มีการลงทุนเพิ่ม จึงส่งผลให้ด้านกำไรปรับลดลงจากระดับ 57.9 เป็นระดับ 56.3 ขณะที่ด้านการจ้างงานทรงตัวจากระดับ 50.4 เป็นระดับ 50.5 และด้านต้นทุนรวม (ต่อหน่วย) ปรับเพิ่มขึ้นจาก 39.3 เป็นระดับ 40.7

สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SME (SMESI) รายภาคธุรกิจ พบว่า ภาคการผลิต อยู่ที่ระดับ 47.9 ปรับตัวลดลงจากระดับ 51.3 โดยระดับความเชื่อมั่นต่ำกว่าค่าฐานสะท้อนถึงความกังวลต่อสภาวะทางเศรษฐกิจ ผู้ประกอบการเริ่มลดกำลังการผลิตและชะลอการลงทุน ทั้งในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคและกลุ่มอุตสาหกรรม เช่น ยาง พลาสติก และโลหะ ตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจของคู่ค้าที่ชะลอตัว ภาคธุรกิจการเกษตร อยู่ที่ระดับ 50.5 ปรับตัวลดลงจากระดับ 53.4 มีสาเหตุจากปริมาณผลผลิตที่เริ่มลดลงหลังฤดูเก็บเกี่ยวพืชไร่ และแนวโน้มราคาผลไม้ที่ปรับลดลง อย่างไรก็ตาม ภาคใต้ยังได้แรงหนุนจากการเก็บเกี่ยวปาล์มน้ำมันและยางพารา ภาคบริการ อยู่ที่ระดับ 53.4 ปรับตัวลดลงจากระดับ 55.0 ซึ่งชะลอตัวลงจากธุรกิจท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดลง ขณะที่บริการก่อสร้างได้แรงหนุนจากโครงการภาครัฐ และบริการซ่อมบำรุงปรับตัวดีขึ้นตามความต้องการซ่อมแซมเครื่องปรับอากาศ ในทางกลับกัน ภาคการค้า อยู่ที่ระดับ 54.5 ปรับเพิ่มขึ้นจากระดับ 52.0 ฟื้นตัวจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจกลุ่มผู้สูงอายุ (เงินดิจิทัล 10,000 บาท ระยะที่ 2) โดยเฉพาะธุรกิจค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภค ขณะที่ธุรกิจค้าวัสดุก่อสร้างปรับตัวดีขึ้นตามโครงการก่อสร้างภาครัฐ
สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SME (SMESI) รายภูมิภาค พบว่า ภาคตะวันออก อยู่ที่ระดับ 51.1 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 54.2 ผลจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ปรับลดลงชัดเจน จากการเร่งตัวสูงของนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ ในช่วงเทศกาลปีใหม่ รวมถึงตรุษจีนในเดือนก่อนหน้า ขณะที่กิจกรรมการท่องเที่ยวและการจับจ่ายใช้สอยเกิดขึ้นเฉพาะช่วงสุดสัปดาห์จากนักท่องเที่ยวที่มาจากกรุงเทพฯ ในรูปแบบไปเช้าเย็นกลับเท่านั้น ภาคเหนือ อยู่ที่ระดับ 52.1 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 53.8 แม้จะได้รับแรงหนุนจากภาคการค้าและภาคบริการในช่วงต้นปี แต่ผลกระทบจากสภาพอากาศที่ร้อนจัดและปัญหาฝุ่น PM 2.5 ส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจในพื้นที่ ทำให้ความเชื่อมั่นชะลอตัว โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวและบริการที่พึ่งพาการเดินทางของนักท่องเที่ยวจีน ภาคใต้ อยู่ที่ระดับ 52.3 ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 53.8 เศรษฐกิจภาคใต้ชะลอตัวตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง ส่งผลให้กิจกรรมการท่องเที่ยวแผ่วลงเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อน แม้บางพื้นที่ เช่น สงขลา ยังได้รับแรงหนุนจากนักท่องเที่ยวมาเลเซีย ขณะที่ภาคธุริจการเกษตรปรับตัวดีขึ้นตามรายได้ภาคการเกษตรที่เพิ่มขึ้น ในกลุ่มปาล์มน้ำมันและยางพาราเป็นสำคัญ ภาคกลาง อยู่ที่ระดับ 51.6 ลดลงเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 51.9 โดยการจับจ่ายใช้สอยจากรายได้ภาคการเกษตรยังเป็นปัจจัยพยุงเศรษฐกิจในพื้นที่ สร้างผลดีกับภาคการค้า และบริการที่เกี่ยวข้องกับรถจักรยานยนต์อย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ภาคการผลิตหดตัวลงชัดเจน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อยู่ที่ระดับ 53.5 ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 53.8 กิจกรรมทางเศรษฐกิจในพื้นที่อยู่ในระดับทรงตัว โดยได้รับแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นการบริโภคของภาครัฐ ซึ่งช่วยพยุงกิจกรรมทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในภาคการค้า นอกจากนี้ ภาคการก่อสร้างยังคงให้บริการอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างของภาครัฐในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง เขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล อยู่ที่ระดับ 51.5 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 51.7 การเร่งเบิกจ่ายงบผูกพันของปีงบประมาณ พ.ศ. 2567-2568 ที่ต้องสิ้นสุดภายในไตรมาสที่ 1 เร่งการใช้จ่ายภาครัฐมากขึ้น ส่งผลต่อยอดขายของภาคธุรกิจในพื้นที่ รวมถึงโครงการก่อสร้างภาครัฐที่มีอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามภาคการบริการชะลอลงตามการลดลงของนักท่องเที่ยวต่างชาติ

สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SME (SMESI) คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องสู่ระดับ 55.6 จากระดับ 54.9 ที่ได้คาดการณ์ไว้ในเดือนก่อนหน้า โดยระดับความเชื่อมั่นปรับตัวดีขึ้นจากทั้ง 5 องค์ประกอบ ด้วยความหวังเชิงบวกกับมาตรการเงินดิจิทัล 10,000 บาท ระยะที่ 3 โดยเฉพาะกับผู้ประกอบการภาคการค้า ที่คาดหวังการกระตุ้นกำลังซื้อในพื้นที่จากมาตรการรัฐ อย่างไรก็ตามองค์ประกอบด้านปริมาณการผลิต และการบริการยังถูกกดดันจากผู้ประกอบการในภาคการบริการ และภาคการเกษตร จากการเข้าสู่ช่วง Low Season ของการดำเนินธุรกิจ

จากสภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ซบเซาและกำลังซื้อที่หดหายอย่างชัดเจนส่งผลกระทบต่อหลายภาคธุรกิจ สิ่งที่ SME ต้องการความช่วยเหลือจากภาครัฐมากที่สุดยังคงเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ตรงกลุ่มเป้าหมายเพื่อให้เกิดการใช้จ่ายระยะยาวซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้ให้ผู้ประกอบการ รวมถึงการออกมาตรการป้องกันสินค้าที่ทะลักเข้ามาจากจีนซึ่งส่งผลต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทย ดังนั้นภาครัฐควรมีแนวทางและมาตรการที่ส่งเสริมและสนับสนุนให้ SME เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เช่น การสนับสนุนเงินทุนในนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในธุรกิจ การยกระดับทักษะแรงงานให้มี Multi-Skill สามารถทำงานได้หลากหลายรูปแบบ การเพิ่มช่องทางการขายสินค้าหรือขยายตลาดใหม่ เป็นต้น สำหรับ สสว. ยังมีโครงการหรือนโยบายที่ช่วยเหลือผู้ประกอบการเพื่อช่วยเพิ่มศักยภาพของธุรกิจ เช่น โค้ชหรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านที่คอยให้คำปรึกษากับผู้ประกอบการที่ต้องการความช่วยเหลือ ผ่านhttps://coach.sme.go.th/ หรือ Application ‘SME Connext’ ที่รวบรวมองค์ความรู้ต่าง ๆ รวมถึงบริการต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับผู้ประกอบการ ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดหรือข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ให้บริการ SME ครบวงจร ซึ่งตั้งอยู่ในทุกจังหวัดทั่วประเทศ หรือที่ สสว. Call Center โทร. 1301
เครื่องดื่มเกลือแร่ “เกเตอเรด” โดย บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด ขอแสดงความยินดีกับทีมนักเตะตัวแทนเยาวชนไทยอายุไม่เกิน 16 ปี ทีม Buriram United Academy B ตัวแทนจาก จังหวัดสุรินทร์ ที่โชว์ฟอร์มเหนือชั้น ฝ่าด่านคู่แข่งจากทั่วประเทศจนสามารถคว้าแชมป์การแข่งขัน “Gatorade 5v5 Football 2025” ได้สำเร็จ พร้อมครองถ้วยรางวัลแห่งเกียรติยศและรับเงินรางวัลมูลค่า 30,000 บาท ณ สนามสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด

นายณุวัฒน์ เมธปรีชากุล ผู้จัดการอาวุโสสินค้าไฮเดรชั่น บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า "การแข่งขัน Gatorade 5v5 Football 2025 ในปีนี้ ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม มีทีมสมัครเข้าร่วมจากทั่วประเทศ 256 ทีม ซึ่งเรามีความยินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสานฝันและสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนไทยได้แสดงศักยภาพด้านฟุตบอลอย่างเต็มที่ ภายใต้คอนเซปต์ ‘ไปต่อไม่พอแค่นี้’ ที่สะท้อนถึงจิตวิญญาณของนักกีฬาที่ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคและมุ่งมั่นพัฒนาตัวเองไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อไปสู่เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ โดย เกเตอเรด เชื่อว่าชัยชนะที่แท้จริงไม่ได้วัดเพียงแค่ถ้วยรางวัล แต่คือการเอาชนะขีดจำกัดของตัวเองในทุกช่วงเวลาที่ต้องเผชิญกับความเหนื่อยล้าและความท้าทาย ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของนักกีฬาผู้คว้าชัยชนะ นอกจากนี้ การแข่งขันครั้งนี้ยังเป็นเวทีสำคัญที่เปิดโอกาสให้เยาวชนได้สัมผัสประสบการณ์อันล้ำค่าในสนามฟุตบอลมาตรฐานระดับเอเชีย ซึ่งเป็นโอกาสที่หาไม่ได้จากรายการอื่นในประเทศไทย”
การแข่งขันในปีนี้เต็มไปด้วยความเข้มข้น ทุกทีมต่างโชว์ศักยภาพอันยอดเยี่ยม ผ่านทักษะฟุตบอลระดับสูงและทีมเวิร์กที่แข็งแกร่ง จนได้สุดยอดทีมนักเตะเพียงหนึ่งเดียวที่คว้าชัยและได้รับโอกาสบินลัดฟ้าไปแข่งขัน “Gatorade UCL Final 5v5 Experience” ที่เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี เราขอแสดงความยินดีกับ ทีม Buriram United Academy B และทุกทีมที่ร่วมการแข่งขันในปีนี้ ซึ่งความสำเร็จครั้งนี้ไม่เพียงสร้างความภาคภูมิใจให้กับแฟนบอล แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจสำคัญให้กับเยาวชนไทยที่มีความฝันในการก้าวไปสู่เวทีฟุตบอลระดับโลกในอนาคต และหวังว่าเส้นทางนี้จะเป็นแรงผลักดันให้พวกเขา “ไปต่อไม่พอแค่นี้” อย่างไม่หยุดยั้งในทุกก้าวของชีวิตและการพัฒนาตัวเอง

สำหรับทีมชนะเลิศ ทีม Buriram United Academy B ประกอบไปด้วย ณัฏฐชัย แสงตั้งสกุลชัย, ณตะวัน ตะพาบน้ำ, ภานุวิชญ์ เจยาคม, เจษฎากร ปารารักษ์, อนพล กุลศิริ, ภาณุพงษ์ เจยาคม และผู้ฝึกสอนยศกร ศิลาเกษ ทำผลงานได้อย่างดีเยี่ยม ด้วยการมีทีมเวิร์กที่ดี และยิงประตูได้อย่างสุดคม สามารถเอาชนะทีม Prime Bangkok ด้วยสกอร์ 2-0 โดยการเหมายิงประตู จาก ภานุวิชญ์ เจยาคม คนเดียวสองลูกรวด ท่ามกลางเสียงเชียร์และกำลังใจจากทั้งแฟนบอลและครอบครัว
ทีม Buriram United Academy B ชนะเลิศการแข่งขัน Gatorade 5v5 Football 2025 ได้รับถ้วยรางวัล พร้อมเงินรางวัล 30,000 บาท และได้รับสิทธิ์เป็นตัวแทนจากประเทศไทย เข้าร่วมทริปการแข่งขัน Gatorade UCL Final 5v5 Experience ซึ่งจัดโดย PepsiCo Inc. ที่เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี มูลค่ากว่า 700,000 บาท ทีม Prime Bangkok ตัวแทนจาก กรุงเทพมหานคร รองชนะเลิศอันดับที่ 1 ได้รับเงินรางวัล 20,000 บาท และ ทีมโรงเรียนภัทรบพิตร x Buriram United Academy พร้อมด้วย ทีมเด็กสะพานพุทธ CITY รองชนะเลิศอันดับที่ 2 (ทั้งหมด 2 รางวัล) ได้รับเงินรางวัลทีมละ 10,000 บาท รวมมูลค่าของรางวัลทั้งสิ้นกว่า 1,000,000 บาท

นอกจากการแข่งขันสุดมันส์ในรายการหลัก “Gatorade 5v5 Football 2025” ที่มอบความตื่นเต้นให้กับผู้ชมแล้ว ปีนี้ยังมีอีกหนึ่งไฮไลต์อย่าง ฟุตบอลนัดพิเศษ “ไปต่อไม่พอแค่นี้” ซึ่งเป็นการแสดงทักษะและความสามารถของนักเตะที่ถูกคัดเลือกจาก 6 ทีมที่ได้ผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย โดยเลือกผู้เล่นและผู้รักษาประตู รวม 12 คน แบ่งเป็น 2 ทีม เพื่อแข่งขันกัน ซึ่งการดวลกันในแมตช์นี้ไม่เพียงแค่เพื่อหาทีมชนะ แต่ยังเป็นการพิสูจน์ความแข็งแกร่งของทีมเวิร์กในการแก้ไขสถานการณ์ที่ท้าทาย และการโชว์สปิริตของนักฟุตบอลเยาวชนที่ไม่ยอมแพ้
ความน่าสนใจที่ทำให้แมตช์นี้มีความพิเศษยิ่งขึ้นคือ รางวัลเสื้อบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อะคาเดมี พร้อมลายเซ็นนักเตะบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดชื่อดัง ที่มอบให้กับทีมที่ชนะการแข่งขัน ซึ่งเป็นรางวัลที่มีความหมายสำหรับนักฟุตบอลเยาวชนที่ใฝ่ฝันอยากก้าวสู่ระดับมืออาชีพ และเสื้อจากสโมสรชั้นนำในประเทศไทยอย่างบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จะเป็นเครื่องหมายของความสำเร็จและการพัฒนาทักษะที่ได้รับการยอมรับในวงการฟุตบอล

“เกเตอเรด เชื่อมั่นว่าการแข่งขันฟุตบอลเยาวชน ‘Gatorade 5v5’ ที่เราจัดมาอย่างต่อเนื่อง จะเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนานักฟุตบอลเยาวชนให้กับวงการลูกหนังไทย และถือเป็นอีกหนึ่งภารกิจสำคัญที่เราจะยังคงเดินหน้าสานต่ออย่างไม่หยุดยั้ง โดยเราจะยังคงเคียงข้างพร้อมเป็นกำลังใจให้น้อง ๆ นำประสบการณ์ในครั้งนี้ไปเป็นแรงผลักดันในการพัฒนาตัวเองต่อไปและนำความภาคภูมิใจกลับมายังประเทศไทย” นายณุวัฒน์ กล่าวทิ้งท้าย
แฟนบอลหรือผู้สนใจสามารถติดตามผลการแข่งขันหรือกิจกรรมในครั้งต่อไป ดูรายข้อมูลเพิ่มเติมได้ทางเพจเฟซบุ๊ก Gatorade 5v5 Football Thailand
นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ขอแจ้งให้ประชาชนผู้ใช้ทางพิเศษทุกท่านทราบว่า หลังจากได้มีการรายงานข้อเท็จจริงต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ กทพ. จะเปิดให้บริการด่านฯ ดินแดง ทางพิเศษเฉลิมมหานคร ทั้งขาเข้า-ออก ตั้งแต่ เวลา 05.00 น. ของวันที่ 31 มีนาคม 2568 เป็นต้นไปตามปกติ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนที่เดินทางเข้า-ขาออกเมืองโซนชั้นใน และบรรเทาการจราจรติดขัดในช่วงเช้าวันจันทร์นี้
ทั้งนี้ ตามที่คณะทำงานให้คำปรึกษาการรื้อถอนทาวเวอร์เครนโครงการแอสปาย วิภา-วิคตอรี่ ที่เสียหายจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว พบว่าความคืบหน้าของงานเป็นไปตามแผนฯ และ ในเบื้องต้นยังมีชิ้นส่วนของเครนบางส่วนซึ่งยังไม่สามารถรื้อถอนได้ แต่ได้มีการสั่งการให้ยึดรั้งไว้อย่างหนาแน่น ซึ่ง กทพ. มีมาตรการเฝ้าระวังและตรวจสอบความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้เส้นทางได้อย่างมั่นใจ
การทางพิเศษฯ ขอขอบคุณประชาชนทุกท่านที่ให้ความร่วมมือและติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างใกล้ชิด หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ EXAT Call Center โทร. 1543 หรือติดตามข้อมูลได้ทาง www.exat.co.th และสื่อสังคมออนไลน์ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย
ตามที่ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ในประเทศพม่านั้น ในเหตุการณ์ครั้งนี้ มี “อาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่” (อาคาร สตง.) ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างได้ถล่มลงมาทั้งหลัง โดยโครงการก่อสร้างดังกล่าว ได้มีการทำประกันภัยไว้กับบริษัทผู้รับประกันภัยร่วมจำนวน 4 บริษัท ได้แก่ บมจ. ทิพยประกันภัย สัดส่วน 40% บมจ. กรุงเทพประกันภัย 25% บมจ.อินทรประกันภัย 25% บมจ.วิริยะประกันภัย 10% โดยมีทุนประกันภัยเป็น 3 หมวด ดังนี้ 1) มูลค่างานก่อสร้างตามสัญญา 2,136 ล้านบาท 2) ทรัพย์สินเดิมของผู้ว่าจ้าง 5 ล้านบาท 3) ความรับผิดต่อบุคคลภายนอก 30 ล้านบาทต่อครั้ง และ 100 ล้านบาท ตลอดระยะเวลาเอาประกันภัย โดยมีเงื่อนไขความรับผิดส่วนแรกที่ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบเอง 20% ของความเสียหายสำหรับแต่ละเหตุการณ์ ซึ่งในส่วน 40% ของทิพยประกันภัยนั้น บริษัทฯ ได้มีการจัดทำประกันภัยต่อไว้ในสัดส่วน 95% ของทุนเอาประกันภัยไว้กับบริษัทประกันภัยต่อชั้นนำของโลกที่มีระดับความแข็งแกร่งทางการเงิน (Credit Rating) ไม่ต่ำกว่า A นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้จัดทำสัญญาประกันภัยต่อเพื่อความเสียหายส่วนเกินสำหรับความเสียหายจากภัยพิบัติหรือมหัตภัย (XOL) ไว้อีกด้วย ดังนั้น ทิพยประกันภัยยืนยันว่า แม้จะมีการจ่ายค่าสินไหมทดแทน
ในกรณีนี้ บริษัทฯ ยังคงมีความมั่นคงทางการเงิน และไม่มีผลกระทบต่อฐานะทางการเงินของบริษัทฯ อย่างมีนัยสำคัญ
อนึ่งในการพิจารณาชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในกรณีอาคาร สตง. นั้น จะต้องพิจารณาถึงมูลค่าของอาคาร ณ เวลาที่เกิดเหตุ ซึ่งโดยทั่วไปจะมีการพิจารณาว่าอาคารดังกล่าว ได้มีการดำเนินการก่อสร้างไปแล้วเป็นร้อยละเท่าไรของมูลค่าโครงการทั้งหมด เช่น หากการก่อสร้างแล้วเสร็จ 50% ความเสียหายที่จะได้รับความคุ้มครองตามสัญญาประกันภัยก็จะเป็นเพียง 50% ของทุนเอาประกันภัยเท่านั้น ทั้งนี้ มูลค่าของโครงการนี้ ณ วันเวลาที่เกิดเหตุจะถูกประเมินโดยผู้เชี่ยวชาญต่อไป
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้มีการจัดเตรียมทีมงานและความพร้อมในการรับแจ้งเคลมตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งเพื่อตอบข้อซักถาม และอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า โดยพร้อมที่จะพิจารณาจ่ายค่าสินไหมทดแทนอย่างรวดเร็ว ผู้เอาประกันภัยที่ได้รับผลกระทบสามารถติดต่อแจ้งเคลมและขอรับความช่วยเหลือได้ที่ศูนย์บริการลูกค้าของทิพยประกันภัย โทร. 1736 กด 5199 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือ Line : dhipayainsurance หรือ อีเมล : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
ทิพยประกันภัย มุ่งมั่นในการให้บริการที่เป็นเลิศ และจะเดินหน้าดูแลลูกค้าทุกท่านด้วยความรับผิดชอบ โปร่งใส และเป็นธรรม โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของลูกค้าเป็นสำคัญ เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดและความมั่นใจให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่องต่อไป