

ผู้ว่าการ กทพ. รับข้อสั่งการจากกระทรวงคมนาคม เร่งระดมวิศวกร และ ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบและประเมินความปลอดภัยโครงสร้างทางพิเศษทุกสาย สะพานพระราม 9 และทางพิเศษที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้างและบำรุงรักษา พร้อมติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จากเหตุแผ่นดินไหวในเมียนมา และส่งแรงสั่นสะเทือนส่งผลกระทบมาถึงกรุงเทพมหานคร เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของประชาชนผู้ใช้บริการอย่างเร่งด่วน
โดยในเบื้องต้น กทพ. จะปิดให้บริการ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร บริเวณทางขึ้น-ลง ด่านฯ ดินแดง เนื่องจากเกรงว่าเศษวัสดุจากอาคารสูงด้านข้าง ทางพิเศษ จะร่วงหล่นลงมาอีก คาดใช้ระยะเวลาตรวจสอบอย่างต่ำ 1 วัน หากการตรวจสอบโครงสร้างอาคารสูงทั้งระบบและบริเวณรอบข้าง ยังไม่มีความชัดเจน คาดจะต้องยืดระยะเวลาการตรวจสอบออกไปอีก หากมีความคืบหน้า กทพ. จะแจ้งให้ประชาชนได้ทราบทันที
ปีนี้ ที่ “STYLE Bangkok 2025” งานแสดงสินค้าระดับนานาชาติ ซึ่งจัดระหว่างวันที่ 2-6 เมษายน 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ชั้น G ฮอลล์ 1-3 นอกจากจะมีสินค้าไลฟ์สไตล์และแฟชั่นจากผู้ผลิต ผู้ส่งออกไทย-นานาชาติกว่า 400 บริษัท มาจัดแสดงกว่า 700 คูหาแล้ว ภายในงาน ยังมีนิทรรศการและกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย หนึ่งในนั้นคือการเปิดตัว ‘Elephant Hope’ โคมไฟทำมือผลิตเพียง 133 ชิ้น ผลงานการออกแบบและสร้างสรรค์โดย ‘ปิ่น ศรุตา เกียรติภาคภูมิ’ ศิลปินและนักออกแบบเจ้าของแบรนด์ ‘PiN Metal Art’ ผู้เปลี่ยนเศษเหล็กในโรงงานของที่บ้านให้กลายเป็นโคมไฟแบรนด์ดังระดับโลก ร่วมกับ ‘Thai Koon Group’ ผู้ผลิตเหล็กชั้นดีของประเทศ โดยรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายจะบริจาคช่วยช้างไทยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน

โคมไฟ ‘Elephant Hope’ เป็นงานฝีมือแฮนด์เมดทุกชิ้น ผลิตจากเศษเหล็กเหลือใช้จากกระบวนการผลิต ด้วยแนวคิด ‘Circular Economy ลดของเสีย สร้างคุณค่าใหม่’ โดยภายในงาน STYLE Bangkok 2025 จะมีเวทีเสวนาพร้อมเปิดตัว ผลงาน และเปิดให้ผู้เข้าร่วมงานได้จับจองเป็นเจ้าของ ในวันที่ 4 เมษายน 2567 เวลา 13.30 -15.30 น. ณ เวทีหลัก ฮอลล์ 1 โดยได้รับเกียรติจากวิทยากร ได้แก่ คุณศรุตา เกียรติภาคภูมิ ศิลปินและนักออกแบบ PiN Metal Art ร่วมด้วย คุณสงวน สกุลวรรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Thai Koon Group ดร.อลงกต ชูแก้ว ผู้อำนวยการมูลนิธิเพื่อสิ่งแวดล้อมและสังคม และ ดร.ศิริกุล เลากัยกุล ผู้อำนวยการและผู้ก่อตั้งโครงการพอแล้วดี The Creator ร่วมเสวนาพูดคุย ถึงแรงบันดาลใจการสร้างสรรค์ผลงาน รวมถึงการส่งต่อความยั่งยืนผ่านจากงานศิลปะตกแต่งบ้านสู่การอนุรักษ์ช้างไทยพบกับสินค้าจาก PiN Metal Art ที่บูธ C40 Hall 1 และสนับสนุนสินค้าไลฟ์สไตล์ และแฟชั่นจาก หลากหลาย แบรนด์ไทยชั้นนำและผลงานนักออกแบบรุ่นใหม่ ที่งาน STYLE Bangkok 2025 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยเปิดเป็นวันเจรจาธุรกิจ ระหว่างวันพุธที่ 2 – วันศุกร์ที่ 4 เมษายน 2568 เวลา 10.00 - 18.00 น. และวันจำหน่ายปลีก ระหว่างวันเสาร์ที่ 5 – วันอาทิตย์ที่ 6 เมษายน 2568 เวลา 10.00 - 21.00 น. ผู้สนใจสามารถชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.stylebangkokfair.com Facebook/Instagram/TikTok : Style Bangkok Fair
นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏว่ามีนายหน้าประกันวินาศภัยหลายแห่งมีพฤติกรรมการชำระเบี้ยประกันภัยให้กับบริษัทประกันวินาศภัย ในนามของผู้เอาประกันกันภัย พร้อมกับมีการทำข้อตกลงหรือสัญญากับผู้เอาประกันกันภัยให้ผู้เอาประกันภัยผ่อนชำระเบี้ยประกันภัย หากผู้เอาประกันภัยไม่ผ่อนชำระเบี้ยประกันภัยตามระยะเวลาที่กำหนด นายหน้าประกันวินาศภัยจะเป็นผู้ใช้สิทธิบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยในนามผู้เอาประกันภัยกับบริษัท และเป็นผู้รับคืนเบี้ยประกันภัยจากบริษัท
เลขาธิการ คปภ. กล่าวเพิ่มเติมว่า ข้อตกลงหรือสัญญาดังกล่าวมีลักษณะเป็นการให้สินเชื่อ ซึ่งมิใช่หน้าที่ตามกฎหมายของนายหน้าประกันวินาศภัย และเป็นแบบสัญญาสำเร็จรูปที่มีการกำหนดเงื่อนไขไว้ล่วงหน้าให้ลูกหนี้หรือผู้เอาประกันภัยจะต้องมอบอำนาจในการใช้สิทธิบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยให้กับเจ้าหนี้ หรือนายหน้าประกันวินาศภัย ซึ่งเป็นข้อตกลงหรือสัญญาแยกต่างหากอีกฉบับหนึ่งจากสัญญาประกันภัย โดยผู้เอาประกันภัยไม่สามารถต่อรองหรือเจรจาก่อนเข้าทำข้อตกลงหรือสัญญา แม้จะกำหนดให้นายหน้าประกันวินาศภัยจะต้องได้รับการยืนยันยันการบอกเลิกจากผู้เอาประกันภัยก็ตาม หากพิจารณาจากสถานการณ์ในทางปฏิบัติแล้ว เงื่อนไขดังกล่าวอาจไม่เอื้ออำนวยให้ผู้เอาประกันภัยได้พิจารณาอย่างถี่ถ้วนหรือเป็นไปได้ยากที่จะได้รับการยืนยันจากผู้เอาประกันภัยได้อย่างชัดแจ้ง รวมถึงไม่มีการกำหนดแนวทางการดำเนินการที่เป็นธรรมกับผู้เอาประกันภัย กรณีผู้เอาประกันภัยไม่ยืนยืนการบอกเลิกข้อตกลงหรือสัญญาดังกล่าว จึงอาจมีลักษณะที่ทำให้ผู้เอาประกันภัยต้องเสียเปรียบเกินสมควร ซึ่งอาจเข้าข่ายเป็นข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรมและต้องห้ามตามกฎหมาย ที่ไม่สามารถกำหนดไว้ในข้อตกลงหรือสัญญาได้
“สำนักงาน คปภ. ขอแจ้งเตือนว่า หากพบว่านายหน้าประกันกันวินาศภัย มีการกำหนดเงื่อนไขดังกล่าวไว้ในข้อตกลงหรือสัญญาให้สินเชื่อ และอาศัยเงื่อนไขดังกล่าว ในการบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัย โดยท้ายที่สุดบริษัทได้ยุติความคุ้มครองตาม กรมธรรม์ประกันภัย รวมถึงมีการคืนเบี้ยประกันภัยไปยังนายหน้าประกันวินาศภัย กรณีดังกล่าวเป็นการดำเนินการที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้เอาประกันภัย และเป็นความผิดอันมีโทษ ซึ่งนายหน้าประกันวินาศภัยที่กระทำความผิดอาจถูกเพิกถอนใบอนุญาตได้ ตามกฎหมายว่าด้วยการประกันกันวินาศภัย และถือว่ามีพฤติกรรมที่มีลักษณะเป็นการขัดกันของผลประโยชน์ในการทำหน้าที่ (Conflict of Interest) ของนายหน้าประกันวินาศภัย ในฐานะผู้แทนของผู้เอาประกันภัย และที่สำคัญบริษัทประกันวินาศภัยยังคงต้องให้ความคุ้มครองต่อไปจนสิ้นอายุกรมธรรม์ประกันภัย อย่างไรก็ตาม สำนักงาน คปภ. ได้ขอความร่วมมือไปยังสมาคมประกันวินาศภัยไทย เพื่อให้แจ้งบริษัทสมาชิกที่เป็นนายหน้าประกันภัยที่เป็นคู่สัญญาให้รับทราบต่อไป ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัยประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่สำนักงาน คปภ. หรือสายด่วน คปภ. 1186” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย
คณะผู้บริหาร บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด นำโดยนายยรรยง มุนีมงคลทร ผู้อำนวยการบริหาร ร่วมด้วยนางสาวปวีณา ศรีตระกูล หัวหน้าฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์และการตลาด และนางสาววิสาข์ ธนวิภาคย์ ผู้จัดการ อาวุโสฝ่ายแบรนด์และสื่อสารองค์กร นำคณะสื่อมวลชนทำกิจกรรมซีเอสอาร์ด้านความยั่งยืน ด้วยการปลูกต้นราโพ ตามชายฝั่งทะเลสาบสงขลา ซึ่งต้นราโพเป็นพืชที่ช่วยเสริมสร้างความสมดุลทางธรรมชาติและรักษาสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน เพราะช่วยป้องกันการพังทลายของตลิ่ง บรรเทาน้ำท่วม เป็นแหล่งที่อยู่อาศัย รวมถึงนำมาทำเป็นหลอดดูดน้ำเพื่อใช้แทนหลอดพลาสติก

อีกทั้งในทริป “ล่องเรินลุง” ตลอดระยะ 3 วัน 2 คืน เป็นทริปที่ปราศจากการใช้ขวดพลาสติกและลดการการสร้างขยะพลาสติกให้ได้มากที่สุด ซึ่งได้รับความร่วมมือจากสื่อมวลชนเป็นอย่างดี กิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นที่ จังหวัดพัทลุง เมื่อเร็วๆ นี้
กลุ่มอุตสาหกรรมมะพร้าวไทย ร่วมกับมูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่า ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่อยกระดับสวัสดิภาพลิงที่อาจถูกใช้แรงงานในอุตสาหกรรมมะพร้าวของไทยเป็นครั้งแรก นำร่องด้วยโครงการร่วมกันดูแลลิงที่ถูกใช้แรงงานในภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม ก่อนมุ่งขยายสู่ความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อผลักดันการออกกฎหมายห้ามใช้ลิงเก็บมะพร้าว รวมถึงการบังคับใช้อย่างจริงจัง พร้อมทั้งส่งเสริมวิทยาการในการเก็บเกี่ยวผลผลิตและการปลูกมะพร้าวพันธุ์ลูกผสมและต้นเตี้ยอย่างเป็นรูปธรรม ด้วยเป้าหมายสำคัญคือสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกอย่างยั่งยืนในอุตสาหกรรม และแก้ไขภาพลักษณ์ของอุตสาหกรรมมะพร้าวไทยในสายตาประชาคมโลก
อุตสาหกรรมมะพร้าวมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเศรษฐกิจของประเทศ เพราะไทยเป็นหนึ่งในผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์จากมะพร้าวรายใหญ่ที่สุดของโลก โดยจากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ ในช่วงปี พ.ศ. 2563 - 2566 ประเทศไทยส่งออกผลิตภัณฑ์มะพร้าวไปยัง 131 ประเทศทั่วโลก คิดเป็นมูลค่ากว่า 25,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งช่วยสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรชาวสวนกว่า 3 แสนครัวเรือน
ทั้งนี้ การใช้ลิงเก็บมะพร้าวเป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตของชาวสวนมะพร้าวและลิงที่อยู่ร่วมกันมาช้านาน แต่ปัจจุบันเนื่องจากทั่วโลกได้ให้ความสำคัญกับเรื่องสิทธิสัตว์ แนวทางดังกล่าวจึงถูกมองว่าขัดกับหลักจริยธรรมและสวัสดิภาพสัตว์ ที่ผ่านมาอุตสาหกรรมมะพร้าวไทยจึงถูกเพ่งเล็งและร้องเรียนจากองค์กรพิทักษ์สัตว์ ซึ่งส่งผลกระทบเชิงลบต่อการยอมรับสินค้าไทยในตลาดสากล จนนำไปสู่การคว่ำบาตรผลิตภัณฑ์กะทิและมะพร้าวจากประเทศไทย โดยเฉพาะในตลาดยุโรป ซึ่งทำให้ประเทศสูญเสียส่วนแบ่งตลาดและรายได้จากการส่งออกผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับมะพร้าวไม่น้อยกว่า 2,000 ล้านบาทต่อปี ดังนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และเกษตรกร จะต้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหาแบบบูรณาการ อีกทั้งในปัจจุบันมีวิทยากรและเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์การเก็บผลผลิตมะพร้าวในเชิงอุตสาหกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว

กลุ่มอุตสาหกรรมมะพร้าวไทย เปิดเผยว่า “ที่ผ่านมาผู้ประกอบการมีความริเริ่มในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้จากฝั่งผู้ผลิต ทั้งการรับซื้อมะพร้าวจากสวนที่ไม่ใช้แรงงานลิง และการตรวจสอบแบบย้อนกลับ อย่างไรก็ตาม การแก้ไขปัญหาอย่างแท้จริงจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ด้วยการทำงานเพียงฝ่ายเดียว แต่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะภาครัฐซึ่งเป็นผู้บัญญัติและบังคับใช้กฎหมาย จึงทำให้เกิดข้อตกลงความร่วมมือในครั้งนี้ ซึ่งเราหวังว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นในการเดินหน้าไปสู่การแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืน โปร่งใส และเป็นรูปธรรม และเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนไปยังผู้บริโภคทั่วโลกว่า ผู้ประกอบการมะพร้าวไทยนั้นไม่ได้นิ่งนอนใจ และใส่ใจที่จะแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง”
นายเอ็ดวิน วิค ผู้ก่อตั้ง และเลขาธิการมูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่า กล่าวว่า “มูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่ามีวัตถุประสงค์สำคัญคือการปกป้องสิทธิและสวัสดิภาพของสัตว์ทุกชนิด รวมถึงสัตว์ป่า เราเล็งเห็นถึงความตั้งใจจริงของกลุ่มอุตสาหกรรมมะพร้าวไทย จึงได้ก้าวเข้ามาเพื่อเป็นสื่อกลางในการหารือและพูดคุยกับสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งขาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม เพื่อผลักดันการบัญญัติและบังคับใช้กฎหมาย รวมถึงใช้ความเชี่ยวชาญของเราในการดูแลลิงที่ปลดระวางหรือได้รับผลกระทบ เราหวังว่าความร่วมมือนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศไทยให้ยั่งยืนและมีจริยธรรม และแก้ไขภาพลักษณ์ด้านสวัสดิภาพสัตว์ในประเทศไทยในสายตาของนานาประเทศ”
ข้อตกลงความร่วมมือระหว่างกลุ่มอุตสาหกรรมมะพร้าวไทย และมูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่า จะนำร่องด้วยการโครงการร่วมกันดูแลลิงที่ถูกใช้แรงงานในภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม ซึ่งภาคเอกชนที่เป็นสมาชิก ได้แก่ บริษัท สุรีย์ อินเตอร์ฟู้ดส์ จำกัด, บริษัท เทพผดุงพรมะพร้าว จำกัด, บริษัท ไทย โคโคนัท จำกัด (มหาชน) และ บริษัท เอเชียติค อุตสาหกรรมเกษตร จำกัด ได้ร่วมกันบริจาคเงินเพื่อเป็นกองทุนให้มูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่านำไปใช้ดูแลลิงที่อาจถูกใช้แรงงานในภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม โดยได้รับความสนับสนุนจากคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ในการช่วยเหลือและฟื้นฟูลิงที่ได้รับผลกระทบ ภายใต้กรอบความร่วมมือตามบันทึกข้อตกลงระหว่างมูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่าและกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และเป็นไปตามกฎหมาย

นอกจากนี้ เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงในระยะยาว ข้อตกลงความร่วมมือดังกล่าวยังมีแผนที่จะดำเนินมาตรการที่สำคัญต่างๆ ในอนาคต ดังนี้
สมาชิกยังมุ่งสนับสนุนการดำเนินงานของ กลุ่มงานสินค้าเกษตร กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ในการชี้แจงและเผยแพร่ข้อมูลเพื่อแก่หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขภาพลักษณ์และสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ผู้บริโภคทั่วโลก
บริษัท แอตแลนต้า เมดดิคแคร์ จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเวชภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์สุขภาพ และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารระดับพรีเมียมที่มีประสบการณ์กว่า 18 ปี ตอกย้ำผู้นำตลาดสุขภาพเชิงป้องกัน (Preventive Medicine) ครบวงจร เปิดเกมรุกขยายตลาดครั้งใหญ่ด้วยการจัดงาน ATLANTA - Unlock Your Everyday Power เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด “วิตามินเม็ดฟู่ดูดซึมเร็ว” 3 สูตร ได้แก่ Quercetin+, Cyncobal และ Physocal เสริมแกร่งไลน์สินค้าเพื่อสุขภาพ ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพและผลลัพธ์ที่พิสูจน์ได้จริง ชูจุดเด่นนวัตกรรมสูตรเฉพาะที่พัฒนาร่วมกับแพทย์และผู้เชี่ยวชาญ ผสานวัตถุดิบเกรดพรีเมียมจากแหล่งผลิตชั้นนำระดับโลก ภายใต้มาตรฐานการผลิตเดียวกับโรงงานยาระดับสากล จากประเทศเยอรมนี ประกาศความพร้อมเตรียมบุกช่องทางออนไลน์ครบวงจร เพิ่มการเข้าถึงง่าย ตรงใจผู้บริโภค ตลอดจนดึงทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญให้ความรู้ สร้างความเชื่อมั่น หวังครองใจผู้บริโภคและยกระดับแบรนด์สู่ผู้นำตลาดสุขภาพอย่างแข็งแกร่ง
ทั้งนี้ตลาดอาหารเสริมในประเทศไทย ประจำปี 2567 ที่ผ่านมา มีมูลค่ารวมประมาณ 77,790 ล้านบาท เติบโตขึ้นราว 7.9% จากปีก่อนหน้า โดยได้แรงหนุนจากกระแสรักสุขภาพที่กำลังได้รับความนิยม และการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ในประเทศ ส่วนภาพรวมตลาดของปี 2568 คาดการณ์ว่าตลาดจะยังคงมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่องที่อัตรา 10-15% มีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ราว 100,000 ล้านบาท โดยมีปัจจัยที่สนับสนุน อาทิ เทรนด์ Lifestyle Medicine ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพมากขึ้น, กระแสการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันและการดูแลร่างกายแบบองค์รวม โดยเฉพาะหลังสถานการณ์โควิด-19 ที่ผู้บริโภคดูแลระบบภูมิคุ้มกันมากขึ้น และความต้องการอาหารเสริมเฉพาะทาง เช่น วิตามินบีรวม วิตามินซี รวมถึงสารสกัดจากธรรมชาติเพิ่มขึ้น ในขณะเดียวกันตลาดอาหารเสริมแบบเม็ดฟู่ (Effervescent Tablets)กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากสะดวกต่อการบริโภคและมีอัตราการดูดซึมสารอาหารที่รวดเร็ว อีกทั้งยังสามารถพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีรสชาติอร่อย และตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการสุขภาพดีควบคู่ไปกับไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบ

นายศุภเดช อำนวยสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอตแลนต้า เมดดิคแคร์ จำกัด กล่าวว่า "เรามองเห็นโอกาสในตลาดเม็ดฟู่ของเมืองไทยที่ยังไม่อิ่มตัวซึ่งมีศักยภาพและแนวโน้มการเติบโตสูง เนื่องจากสะดวกต่อการบริโภคและมีคุณสมบัติในการดูดซึมสารอาหารที่รวดเร็ว รวมถึงเทรนด์สุขภาพของผู้บริโภคที่หันมาใส่ใจสุขภาพและมองหาอาหารเสริมที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและดูแลสุขภาพองค์รวม ได้อย่างเต็มที่ โดยวางกลุ่มเป้าหมายหลักของผลิตภัณฑ์ ‘วิตามินเม็ดฟู่ดูดซึมเร็ว’ คือ กลุ่มคนรุ่นใหม่ วัยทำงาน นักกีฬาและผู้สูงอายุ ซึ่งต้องการผลิตภัณฑ์ที่สะดวกและให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน พร้อมเสริมความแข็งแกร่งและความน่าเชื่อถือให้ผลิตภัณฑ์ด้วยการคิดค้นและพัฒนาสูตรเฉพาะร่วมกับแพทย์และผู้เชี่ยวชาญ มีงานวิจัยจากสถาบันวิจัยจุฬาฯ รับรอง ใช้วัตถุดิบเกรดพรีเมียมจากแหล่งผลิตชั้นนำระดับโลก และมีมาตรฐานการผลิตระดับโลกจากโรงงานที่ได้รับมาตรฐานสากลเดียวกับโรงงานผลิตยาทางการแพทย์ในประเทศเยอรมนี นอกจากนี้ยังมองว่าตลาดอาหารเสริมแบบเม็ดฟู่ได้รับความนิยมในโซนยุโรปและจีน จึงมีโอกาสขยายตลาดไปต่างประเทศได้ง่าย โดยเฉพาะประเทศในแถบเอเชียที่มีความต้องการผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่บริโภคง่ายและรวดเร็ว”
โดยในปี 2566 – 2567 ที่ผ่านมา บริษัท แอตแลนต้า เมดดิคแคร์ จำกัด มียอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่องแตะระดับ 3,000 ล้านบาท พร้อมมีการขยายธุรกิจและพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ตลาดเวชภัณฑ์และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอย่างต่อเนื่อง ทั้งการคิดค้นผลิตภัณฑ์สูตรเฉพาะ เพิ่มขีดความสามารถและความเร็วในการส่งสินค้าเข้าสู่ตลาด ตลอดจนลงทุนในบุคลากรฝ่ายต่าง ๆ เพื่อรองรับการเติบโต โดยวางกลยุทธ์ทางการตลาดครอบคลุมทุกมิติ เน้นการสร้างผลิตภัณฑ์ที่แปลกใหม่ มีคุณค่า แตกต่างจากคู่แข่ง รวมถึงเน้นพัฒนายาที่มีคุณค่าในการรักษามากกว่าการทำตลาดเชิงพาณิชย์ ส่วนปี 2568 ตั้งเป้าการเติบโตประมาณ 20% และในตลาดผลิตภัณฑ์เม็ดฟู่ไม่น้อยกว่า 15% พร้อมเร่งสร้างการรับรู้แบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในกลุ่มเป้าหมายเพิ่มขึ้น 80% โดยวางแผนขยายฐานลูกค้าประจำผ่านกิจกรรมและแคมเปญการตลาดที่เข้าถึงไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ พร้อมปักธงเป็นเจ้าแรกในการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางยามาสู่ประเทศไทยเต็มรูปแบบ เพื่อก้าวสู่การเป็น "Quality Choice" ในใจผู้บริโภคในอนาคต

ด้าน นางสาวอาทิตยา อำนวยสกุล เจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาดดิจิทัล บริษัท แอตแลนต้า เมดดิคแคร์ จำกัด เผยถึงกลยุทธ์ในการบุกตลาดในปี 2568 ว่า “เราเตรียมขยายช่องทางการจัดจำหน่ายให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ทั้งร้านขายยาทั่วประเทศ ห้างโมเดิร์นเทรด ร้านวัตสัน และแพลตฟอร์มออนไลน์ชั้นนำ เช่น Lazada, Shopee, TikTok Shop, Facebook และ LINE OA พร้อมเดินหน้าสร้างฐานลูกค้าผ่านการสื่อสารที่จริงใจ เข้าถึงง่าย โดยดึงทีมแพทย์ เภสัชกร และอินฟลูเอนเซอร์สายสุขภาพ ฟิตเนส และความงาม ร่วมสร้างการรับรู้แบรนด์ในเชิงบวก ตลอดจนสร้างความใกล้ชิด และกระตุ้นการมีส่วนร่วมของผู้บริโภคเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ ‘วิตามินเม็ดฟู่ดูดซึมเร็ว’ ถือเป็น Consumer Product ตัวแรกของเราอย่างเป็นทางการ เพื่อเสริมพอร์ตความแข็งแกร่งในกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเม็ดฟู่ระดับพรีเมียม โดยเน้นสร้างความแตกต่างในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเชิงป้องกันในกลุ่ม Wellness ผ่านความเป็นตัวจริงในอุตสาหกรรมยาและเวชภัณฑ์ที่มีประสบการณ์กว่า 18 ปี เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค ที่ผู้บริโภคเชื่อมั่นและเลือกใช้เป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งในปีนี้เราจะยังคงเดินหน้าขยายพอร์ตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารพรีเมียมให้มีความหลากหลาย ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคทุกกลุ่ม และผลักดันให้แบรนด์ก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดอาหารเสริมเพื่อสุขภาพอย่างแข็งแกร่งในอนาคต”

โดยผลิตภัณฑ์เสริมอาหารรูปแบบเม็ดฟู่ใหม่ล่าสุด ออกแบบมาเพื่อการดูแลสุขภาพแบบครบทุกมิติ ตอบโจทย์วิถีชีวิตคนยุคใหม่ที่ต้องการทั้งความสะดวกและสุขภาพที่แข็งแรงในทุก ๆ วัน จำนวน 3 สูตร ได้แก่ Quercetin+ รสทรอปิคัลฟรุ๊ต ที่ผสานเควอซิติน วิตามินซี 1,000 มล. และไบโอฟลาโวนอยด์จากส้ม ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน บำรุงการทำงานของปอด ต้านอนุมูลอิสระ พร้อมช่วยส่งเสริมการปกป้องระบบทางเดินหายใจจากฝุ่น PM 2.5 เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการเสริมภูมิคุ้มกันและสุขภาพปอด, Cyncobal รสราสเบอร์รี่-สตรอว์เบอร์รี่ อุดมด้วยวิตามินบี12 และอินูลิน มีส่วนช่วยบำรุงระบบประสาทและสมอง ป้องกันโรคอัลไซเมอร์ สมองเสื่อม และอาการอ่อนเพลียเรื้อรัง เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการเสริมความจำ และบำรุงสมอง และ Physocal รสส้ม ดื่มง่าย ที่ผสานมัลติ-มิเนอรัลหลากหลายชนิด ช่วยรักษาสมดุลของแร่ธาตุในร่างกาย เสริมพลังงาน ลดอาการอ่อนเพลีย ช่วยควบคุมระบบเผาผลาญ และช่วยปลดล็อกศักยภาพของร่างกายให้พร้อมรับทุกความท้าทายในแต่ละวัน เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการเสริมแร่ธาตุเพื่อสุขภาพที่สมดุล
“กรุงศรี ออโต้” ผู้นำธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ครบวงจร เครือธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) นำโดย นายคงสิน คงคา ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ตอกย้ำความแข็งแกร่งของแบรนด์ ‘กรุงศรี ออโต้’ ด้วยการคว้ารางวัล ‘2025 Thailand’s Most Admired Brand’ หรือ ‘แบรนด์อันดับหนึ่งที่มีผู้บริโภคเชื่อถือมากที่สุด ประจำปี 2568’ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 13 ในหมวดธนาคารและบริการทางการเงิน กลุ่มสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ซึ่งเป็นรางวัลที่ได้รับมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2556 พร้อมรางวัลพิเศษ “Market Leader Brand Award” หรือ แบรนด์ผู้นำที่ครองส่วนแบ่งมากที่สุดในตลาด ที่มีแคมเปญสื่อสารการตลาดที่โดดเด่น ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้รถในทุกมิติ จากผลของการสำรวจและวิจัยความน่าเชื่อถือของแบรนด์ โดยนิตยสารแบรนด์เอจ (BrandAge)
การได้รับรางวัล ‘แบรนด์อันดับหนึ่งที่มีผู้บริโภคเชื่อถือมากที่สุด’ เป็นผลมาจากความมุ่งมั่นของกรุงศรี ออโต้ ในการพัฒนาและปรับตัวอย่างต่อเนื่อง เพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของตลาด ด้วยการเดินหน้าสร้าง Innovation Experience ผ่านแอป โก บาย กรุุงศรี ออโต้ ที่นำเสนอบริการทางการเงินแบบดิจิทัลที่ครอบคลุม สะดวก และรวดเร็ว พร้อมฟีเจอร์ที่ช่วยสร้างสรรค์ชีวิตผู้ใช้รถให้ดีขึ้น ครอบคลุมและรองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ ล้วนเป็นองค์ประกอบสำคัญที่สะท้อนถึงความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมของ กรุงศรี ออโต้ ที่ถูกศึกษาในความเห็นของผู้บริโภค (Brand-Innovative Image) โดยพนักงานกรุงศรี ออโต้ ทุกคน ยึดมั่นในการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบ (Krungsri Auto Responsible Lending) ควบคู่ไปกับการสร้างแบรนด์ที่ร่วมสมัย (Contemporary Brand Building) โดยยึดความต้องการของลูกค้าเป็นศูนย์กลางเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ชีวิตผู้ใช้รถ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ กรุงศรี ออโต้ เป็นแบรนด์ที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้รถมาอย่างยาวนาน
สำหรับการประกาศรางวัล ‘2025 Thailand’s Most Admired Brand’ โดยนิตยสารแบรนด์เอจ ซึ่งจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 25 ได้รับความร่วมมือจากคณาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิจากมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วประเทศในทุกภูมิภาคและพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญด้านการวิจัย ในการออกแบบและพัฒนาแบบสอบถามให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ สังคม การตลาด รวมถึงพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป โดยในปีนี้มีการเก็บข้อมูลจาก 1,600 ตัวอย่างทั่วประเทศ เพื่อค้นหาและยกย่องแบรนด์ที่มีผู้บริโภคเชื่อถือมากที่สุด ซึ่งจากความมุ่งมั่นตั้งใจสร้างคุณค่าธุรกิจเพื่อเป็นที่ 1 ในใจผู้ใช้รถ ส่งผลให้ กรุงศรี ออโต้ ยังคงครองอันดับ 1 แบรนด์ที่มีผู้บริโภคเชื่อถือมากที่สุด ประจำปี 2568 ในหมวดธนาคารและบริการทางการเงิน กลุ่มสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์
มาได้อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 13
เคทีซี หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) มอบประสบการณ์สุดคุ้มกับเทศกาลเมนู “ข้าวแช่” รับฤดูร้อน จับมือ 14 ร้านอาหารในโรงแรมยอดนิยม มอบส่วนลดสูงสุด 20% สำหรับสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีทุกประเภท โดยไม่ต้องใช้คะแนน KTC FOREVER แลกรับ ระหว่างวันที่ 15 มีนาคม 2568 - วันที่ 31 พฤษภาคม 2568

นางสาววริษฐา พัฒนรัชต์ ผู้บริหารสูงสุดฝ่ายการตลาดบัตรเครดิต “เคทีซี” เปิดเผยว่า เคทีซีร่วมกับ 14 ร้านอาหารในโรงแรมยอดนิยมทั่วกรุงเทพฯ มอบสิทธิพิเศษดังกล่าว หลังพบยอดใช้จ่ายผ่านบัตรที่ร้านอาหารไทยในช่วงเทศกาลข้าวแช่ปรับตัวสูงขึ้นทุกปี ด้วยเทรนด์ความนิยมรับประทานอาหารในโรงแรม เนื่องจากอากาศที่ร้อนและความมั่นใจในคุณภาพของอาหารและบริการ รวมถึงโรงแรมยังให้ความสำคัญกับการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่สวยงาม คงเอกลักษณ์ความเป็นไทยและสะดวกกับการส่งมอบให้เป็นของขวัญสำหรับญาติผู้ใหญ่หรือพันธมิตรทางธุรกิจ ทำให้ข้าวแช่ได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สำหรับ14 ร้านอาหารที่ร่วมรายการ ได้แก่ เดอะ แมนดาริน โอเรียนเต็ล ช็อป สาขา ดิ เอ็มโพเรียม สยามพารากอน เกสรวิลเลจ และ ล็อบบี้ คอร์เนอร์ โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ / สไปซ์ มาร์เก็ต โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ / เซ็ปเพอลิน และ เดอะ คอร์เนอร์ โรงแรมอมารี ดอนเมือง แอร์พอร์ต กรุงเทพฯ / เดอะ สยาม ที รูม สาขาสุขุมวิท 22 โรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค / เดอะ สยาม ที รูม สาขาเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ โดย โรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค / ร่มไทร และ แซฟฟรอน โรงแรม บันยันทรี กรุงเทพ / พระนคร โรงแรม คาเพลล่า กรุงเทพ / สวนบัว โรงแรม เซ็นทารา แกรนด์ เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว / พาวิลเลี่ยน โรงแรม ดุสิตธานี กรุงเทพฯ / เอราวัณ ที รูม โรงแรม แกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ / ปรินซ์ คาเฟ่ โรงแรม ปรินซ์ พาเลซ / ฟลอริช โรงแรมสินธร เคมปินสกี้ กรุงเทพ / เดอะ เฮาส์ ออฟ สมูท เคอร์รี่ โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล อะ ลักชัวรี คอลเลกชัน โฮเทล กรุงเทพ / เดอะ รวีกาญจน์ลยา ไดนิ่ง โรงแรม เดอะ รวีกาญจน์ ลยา กรุงเทพฯ เวลเนส คูซีน รีสอร์ท (ข้อมูลโปรโมชัน https://www.ktc.co.th/promotion/dining/hotel-dining/khaochae-festival)

สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ KTC PHONE 02 123 5000 หรือที่เว็บไซต์ https://www.ktc.co.th/promotion/dining/hotel-dining สมัครบัตรเครดิตได้ที่ศูนย์บริการสมาชิกเคทีซี ทัช ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือคลิกลิงค์ https://ktc.today/apply-card
หมายเหตุ : บัตรเครดิตใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนดจะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี
ขุนช่างเคี่ยน จ.เชียงใหม่ วันนี้กลายเป็นหนึ่งในหมุดหมายของนักท่องเที่ยว ที่มาเยือนอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย เพื่อสัมผัสวิถีชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์ม้ง และหมู่บ้านแห่งนี้ยังเป็นแหล่งชมดอกพระยาเสือโคร่ง หรือซากุระเมืองไทย ในช่วงฤดูหนาวของทุกปี
แต่ในฤดูร้อนแล้งเช่นนี้โอกาสเกิดไฟไหม้ในป่าเต็งรังพื้นที่ขุนช่างเคี่ยน ก็เป็นอีกความกังวลหนึ่งของเจ้าหน้าที่อุทยานดอยสุเทพ-ปุย การสร้างแนวกันไฟ เพื่อปกป้องไฟป่า และยังช่วยลดปัญหาฝุ่น PM2.5 กลายเป็นกิจกรรมสำคัญที่เจ้าหน้าที่อุทยานฯ จัดร่วมกับชุมชนชาวม้งมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปีนี้ได้ซีพีเอฟมาเป็นกองหนุนรวมพลังทำแนวกันไฟ

เพราะ “ชมรมซีพีเอฟท่องเที่ยวจิตอาสา" วันนี้ไม่ได้แค่มาท่องเที่ยว แต่ยังชวนกันมาทำดีกับกิจกรรม "เที่ยวดอยทั้งที ทำดีสร้างแนวป้องกันไฟป่าได้ด้วย" ก่อนเริ่มภารกิจ นายภัทรกุล ธาเรือน หัวหน้าทีมประชาสัมพันธ์ชุดปฏิบัติการสถานีควบคุมไฟป่าภูพิงค์ นำทีมวิทยากรให้ความรู้วิธีการทำแนวป้องกันไฟป่า และการใช้เครื่องมือ อุปกรณ์ ที่ถูกต้อง จากนั้นทั้งหมดมุ่งหน้าสู่ป่าสน บ้านขุนช่างเคี่ยน บนดอยสุเทพ-ปุย เพื่อทำแนวกันไฟร่วมกัน

ผู้ร่วมกิจกรรมในวันนี้รวมแล้วกว่า 150 คน มาจากหลายหน่วยงาน ทั้งเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ทีมงานจากสถานีควบคุมไฟป่าภูพิงค์ ชาวชุมชนม้ง บ้านขุนช่างเคี่ยน รวมทั้งจิตอาสาซีพีเอฟ จากธุรกิจสุกร ธุรกิจอาหารสัตว์บก ธุรกิจไก่ไข่ ธุรกิจไก่เนื้อ ธุรกิจห้าดาว และทีมงาน AXONS โดยเจ้าหน้าที่อุทยานฯ จัดแบ่งทีมเป็น 2 กลุ่ม เพื่อแบ่งโซนทำแนวป้องกันไฟป่า เป็นระยะทาง 1,000 เมตร
สมาชิกชมรมฯ บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นประสบการณ์การทำแนวกันไฟเป็นครั้งแรก โดยเฉพาะได้เห็นการทำงานที่ทุ่มเทของเจ้าหน้าที่และชุมชนยิ่งรู้สึกประทับใจ แม้จะเหนื่อยบ้างเพราะทุกคนทุ่มสุดตัว แต่วันนี้อากาศบนดอยเย็นสบาย บรรยากาศการทำงานเต็มไปด้วยรอยยิ้มและการช่วยเหลือกัน พอได้เห็นแนวกันไฟปรากฎเป็นรูปเป็นร่างจากฝีมือของทุกๆคน ยิ่งชื่นใจหายเหนื่อย

หลังภารกิจเสร็จสิ้น ตัวแทนสมาชิกชมรมฯ ได้มอบไข่ไก่ แทนคำขอบคุณชุมชนชาวม้ง บ้านขุนช่างเคี่ยน พร้อมกับนำเงินที่สมาชิกชมรมฯ ได้ร่วมสมทบในการจัดซื้ออุปกรณ์การทำแนวป้องกันไฟและดับไฟป่า อาทิ เครื่องเป่าลม คราดสปริง ไม้กวาด พร้อมมอบผลิตภัณฑ์อาหารซีพี ทั้งไข่ไก่ ข้าวตราฉัตร และน้ำดื่ม สนับสนุนการทำงานเป็นกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่และอาสาสมัครชุมชน โดย นายฤทธิชัย ภูมิอมร ผู้อำนวยการอาวุโส ธุรกิจผลิตและขายอาหารสัตว์บกภาคเหนือ เป็นผู้แทนส่งมอบให้กับ หัวหน้าธงชัย นาราษฎร์ หัวหน้าอุทยานดอยสุเทพ-ปุย

ทีเด็ดกับมื้อเที่ยงหลังเสร็จภารกิจ ทุกคนได้อิ่มอร่อยกับเมนูจากชาวชุมชนม้ง ทั้งไก่ต้มสมุนไพรม้ง ทอดไก่ม้ง น้ำพริกหลงดอย และข้าวเหนียวห่อใบข่า ก่อนจะไปท่องเที่ยวบ้านม้งดอยปุย และไปสักการะพระธาตุดอยสุเทพ เป็นการปิดท้ายทริปที่อิ่มบุญ อิ่มใจ และสุขใจที่ได้ทั้งท่องเที่ยวและทำดีไปพร้อมกัน
สองยักษ์ใหญ่แห่งวงการสุขภาพและความงาม วัตสัน ผู้นำร้านเพื่อสุขภาพและความงามอันดับหนึ่งของไทย และ ยูนิลีเวอร์ บริษัทผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคอันดับหนึ่งของเมืองไทย ตอกย้ำความแข็งแกร่งในฐานะแบรนด์ชั้นแนวหน้ายอดนิยมของเมืองไทย ผนึกกำลังกันอีกครั้ง เพื่อส่งต่อความคุ้มค่าผ่านแคมเปญ "Summer Festival" ต่อเนื่องปี 3 พร้อมขนทัพสินค้ายูนิลีเวอร์คุณภาพดีราคาสุดปัง และโปรโมชันสุดพิเศษเอาใจขาชอปทั่วประเทศ ปฏิวัติประสบการณ์ชอปปิงช่วงซัมเมอร์ให้ร้อนแรงยิ่งขึ้น ตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม – 23 เมษายน 2568 ที่ร้านวัตสันทุกสาขาและช่องทางออนไลน์

อิศราวดี มีป้อม Customer Controller วัตสัน ประเทศไทย กล่าวถึงความร่วมมือของสองพันธมิตรยักษ์ใหญ่ในครั้งนี้ว่า "วัตสันเชี่ยวชาญด้านสุขภาพและความงาม รวมถึงมีเครือข่าย 750 สาขาทั่วประเทศที่แข็งแรง จึงมุ่งมั่นยกระดับประสบการณ์ชอปปิงให้เหนือกว่า สะดวก และคุ้มค่ายิ่งขึ้น ทั้งหน้าร้านและออนไลน์ โดยผลสำรวจพบว่าผู้บริโภคยุคใหม่ฉลาดเลือกและต้องการความคุ้มค่า เกือบ 70%* ของลูกค้าให้ความสำคัญกับแบรนด์ที่เข้าถึงง่ายและมอบโปรโมชั่นที่ตอบโจทย์ ซึ่งเป็นกุญแจหลักของการสร้างความผูกพันระยะยาว ดังนั้นการร่วมมือกับยูนิลีเวอร์พันธมิตรที่มีแบรนด์ในเครือหลากหลายกว่า 10 แบรนด์ Summer Festival ครั้งนี้ ตอกย้ำว่าเราไม่เพียงแค่มอบดีลสุดปัง แต่ยังส่งมอบสินค้าคุณภาพในราคาสุดคุ้มแก่ผู้บริโภค เพราะความภูมิใจสูงสุดของเราคือรอยยิ้มของลูกค้าทุกคน”
*(ผลสำรวจจากกลุ่มตัวอย่าง 4,000 ราย ในเดือน พฤศจิกายน 2567)

ด้าน ชนินทร ลาภชีวะสิทธิ์ Beauty & Wellbeing Thailand Modern Trade Lead & Customer Director ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย เผยว่า “ยูนิลีเวอร์ได้รับความเชื่อมั่นในเรื่องของผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงามที่ครองใจผู้บริโภคมายาวนาน ดังนั้นเราจึงเชื่อมั่นในพลังของการเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งกับวัตสัน เพราะเรามีเป้าหมายเดียวกัน คือมุ่งมั่นในการนำเสนอสินค้าที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ให้กับผู้บริโภค โดยเฉพาะช่วงฤดูร้อนที่ผู้บริโภคต้องการการดูแลผิวเป็นพิเศษ เราภูมิใจที่ได้ร่วมมือกับวัตสันในการขับเคลื่อนแคมเปญนี้อีกครั้ง เพื่อส่งมอบสินค้าคุณภาพ ราคาคุ้มค่า เราหวังอย่างยิ่งว่าลูกค้าจะชื่นชอบแคมเปญในครั้งนี้"

แคมเปญ "Summer Festival" รวบรวมสินค้าการันตีคุณภาพจากยูนิลีเวอร์ ทั้งผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ครีมกันแดด แชมพู และสินค้าสำหรับหน้าร้อน พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษจากแบรนด์ชั้นนำ เช่น โดฟ, ลักซ์, วาสลีน, ซันซิล, พอนด์ส, เรโซนา, เคลียร์ และเทรซาเม่ ทั้งหน้าร้านวัตสันทุกสาขาและช่องทางออนไลน์ ด้วยโปรโมชัน 3 ต่อสุดคุ้มรับซัมเมอร์ ได้แก่
ต่อที่ 1 ดีลแรงสินค้าเริ่มต้นเพียง 45 บาท พร้อมโปร 1 แถม 1, สินค้าแลกซื้อ 50% และส่วนลดเพิ่มเติมเมื่อชอปครบตามเงื่อนไข
ต่อที่ 2 แลกซื้อของพรีเมียมลายลิมิเต็ด เมื่อซื้อสินค้ายูนิลีเวอร์ที่ร่วมรายการ โดยซื้อครบ 699 บาทที่หน้าร้านทุกสาขา รับแก้วทัมเบลอร์ ฟรี! 1 ใบ หรือครบ 1,599 บาททางวัตสันออนไลน์ รับเก้าอี้แคมปิ้ง ฟรี! 1 ตัว
และต่อที่ 3 ลุ้นรางวัลใหญ่สุดเอ็กซ์คลูซีฟ เฉพาะสมาชิก Watsons Club มีสิทธิ์ลุ้นรับ Art toy Size 400% จำนวน 12 รางวัล เมื่อซื้อครบ 499 บาท ทั้งหน้าร้านและช่องทางออนไลน์ และรับคะแนนสะสมสูงสุด x5 เท่า เมื่อซื้อสินค้ายูนิลีเวอร์ที่ร่วมรายการ

รีบชอปก่อนหมดโปร! กับแคมเปญเด็ดท้าลมร้อน Summer Festival ตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม – 23 เมษายน 2568 ที่ร้านวัตสันทุกสาขาทั่วประเทศ ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สื่อประชาสัมพันธ์ ณ จุดขาย หรือ Line Official @WatsonsTH, เว็บไซต์ Watsons.co.th หรือผ่านแอป WatsonsTH ดาวน์โหลดได้ที่ Google Play Store และ App Store