December 06, 2025

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับสมาคมในอุตสาหกรรมชิ้นส่วน อะไหล่ยานยนต์ เตรียมจัดงานแสดงสินค้าชิ้นส่วน อะไหล่ยานยนต์ และอุปกรณ์ตกแต่ง 2568 หรือ TAPA 2025 เพื่อเป็นเวทีเจรจาการค้าสำหรับนักธุรกิจและผู้ที่เกี่ยวข้องในวงการอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ สร้างโอกาสในการต่อยอดความสำเร็จทางธุรกิจ รวมทั้งอัปเดตเทรนด์ ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ ระหว่างวันที่ 3-5 เมษายน 2568 ณ Hall EH101-104 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา

งานแสดงสินค้า TAPA 2023 ที่ผ่านมา ประสบความสำเร็จด้วยจำนวนผู้เข้าชมงานกว่า 6,000 ราย สร้างผลเจรจาการค้ากว่า 1,600 ล้านบาท สำหรับงาน TAPA 2025 จะยิ่งใหญ่กว่าเดิม ด้วยพื้นที่ใหญ่ขึ้นจาก 15,000 ตารางเมตร เป็นกว่า 20,000 ตารางเมตร จากผู้ผลิตชั้นนำและสินค้าที่หลากหลายครบวงจร จากเดิม 8 ประเทศ เพิ่มขึ้นเป็น 11 ประเทศ รวมกว่า 600 ราย ใน 1,000 คูหา

TAPA 2025 จะจัดขึ้นภายใต้แนวคิด Sustainable for the Future แสดงทิศทางของอุตสาหกรรมชิ้นส่วน อะไหล่ยานยนต์ และอุปกรณ์ตกแต่งของโลก ที่จะพัฒนาขึ้น โดยมุ่งเน้นความยั่งยืนเพื่อตอบโจทย์โลกยุคใหม่ ภายในงาน นอกจากจะมีสินค้าชิ้นส่วน อะไหล่ยานยนต์ และอุปกรณ์ตกแต่ง อย่างครบวงจรแล้ว ยังจะได้พบกับกิจกรรมต่างๆ อีกมายมาย อาทิ การสัมมนาในหัวข้อที่น่าสนใจ ได้แก่ “เจาะลึกโอกาสทางธุรกิจยานยนต์ญี่ปุ่น: กลยุทธ์สู่ความสำเร็จของผู้ประกอบการไทย” “ชิ้นส่วนยานยนต์ไทย ส่งออกไปทั่วโลก: ภาคอัพเดทตลาดและนโยบายต่างประเทศ” และ “ขาดทุนกลายเป็นกำไร! ปรับเกมส์ธุรกิจเพิ่มความสามารถในการแข่งขันอุตสาหกรรมไทย” การจัดแสดงสินค้าไฮไลท์ ทั้งนวัตกรรมสำหรับยานยนต์ สินค้าเพื่อความปลอดภัยบนท้องถนน ชิ้นส่วนยานยนต์อิเล็กทรอนิกส์ ฯลฯ

พบกันในงาน TAPA 2025 ระหว่างวันที่ 3-5 เมษายน 2568 โดยวันที่ 5 เมษายนจะเป็นวันจำหน่ายปลีก ณ Hall EH101-104 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาคลิก www.thailandautopartsfair.com

กลุ่มพรูเด็นเชียล แถลงผลการดำเนินงานปีที่ผ่านมา (สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.2567) โดยมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นดังนี้ มีกำไรธุรกิจใหม่ (New Business Profit) เติบโตเพิ่มขึ้น 11% อยู่ที่ 3,078 ล้านเหรียญสหรัฐ  มีเงินกองทุนส่วนเกินจากการดำเนินงาน (OFSG) จำนวน 2,642 ล้านเหรียญสหรัฐ (เมื่อเทียบกับปี 2566 อยู่ที่ 2,706 ล้านเหรียญสหรัฐ) ซึ่งสอดคล้องกับแผนงานที่ได้กำหนดไว้สำหรับปี 2565 - 2570 นอกจากนี้ จากการที่กลุ่มบริษัทฯ มุ่งเดินหน้าลงทุนในการปรับปรุงรูปแบบการดำเนินงาน เพื่อพัฒนาขีดความสามารถ และเพิ่มมูลค่าของธุรกิจ ทำให้กลุ่มบริษัทฯ มีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักภาษีเพิ่มขึ้น 10% อยู่ที่ 3,129 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีกำไรจากการดำเนินงานหลังหักภาษีเพิ่มขึ้น 7% อยู่ที่ 2,582 ล้านเหรียญสหรัฐ อีกทั้ง ยังมีกำไรต่อหุ้นตามกำไรจากการดำเนินงานที่ปรับปรุงแล้วอยู่ที่ 89.7 เซนต์ เพิ่มขึ้น 8% บริษัทฯได้พิจารณาจ่ายเงินปันผลรวมสำหรับปี 2567 อยู่ที่ 23.13 เซนต์ต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 13% ทั้งยังมีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลช่วงครึ่งปีหลังอยู่ที่ 16.29 เซนต์ต่อหุ้น และเมื่อรวมกับแผนการซื้อหุ้นคืน ทำให้มีผลตอบแทนการลงทุนโดยรวม (Total Shareholder Return-TSR) ในปี 2567 อยู่ที่ 1.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ

นายอนิล วัธวานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทพรูเด็นเชียล เปิดเผยว่า “ในปีที่ผ่านมา เราดำเนินกลยุทธ์ทางธุรกิจสอดคล้องกับแผนที่วางไว้และมีพัฒนาการที่ดีขึ้นในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น ด้านการบริหารจัดการ และ การขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโต สะท้อนถึงผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งโดยมีผลกำไรจากธุรกิจใหม่เติบโตเพิ่มขึ้น 11% และมีส่วนเกินจากการดำเนินธุรกิจประกันภัยและการจัดการสินทรัพย์ จำนวน 2,642 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และด้วยวิธีการคำนวณแบบ “Traditional Embedded Value” (TEV) ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่ไตรมาสแรกของปีนี้ ส่งผลให้กลุ่มบริษัทพรูเด็นเชียล มีผลกำไรจากธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้น 11% ในระยะยาวเรายังคงเห็นเทรนด์การเติบโตที่เป็นบวกจากโอกาสที่มากมายในเอเชียและแอฟริกา โดยเฉพาะภูมิภาคเอเชีย ที่อัตราการเข้าถึงประกันของประชากรยังอยู่ในระดับต่ำ แต่ผู้คนมีความสนใจในการออมและมองหาผลิตภัณฑ์ที่ให้ความคุ้มครองเพิ่มขึ้น รวมถึงกลุ่มผู้มีรายได้สูงที่มองหาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์กับการจัดการความมั่งคั่งและการวางแผนเพื่อการเกษียณอายุ

“เรามีโอกาสที่จะสร้างการเติบโตอีกหลายด้าน สิ่งที่เราเน้นย้ำคือ การสร้างธุรกิจใหม่ที่มีคุณภาพ ควบคู่ไปกับการบริหารจัดการธุรกิจที่ยังมีผลบังคับ และพร้อมรับมือกับความท้าทายต่างๆ โดยการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และมุ่งตอบสนองความต้องการของลูกค้า ปีที่ผ่านมาเราเห็นความก้าวหน้าจากการบริหารกระแสเงินสดของธุรกิจใหม่, การเพิ่มขึ้นของจำนวนตัวแทนที่สร้างผลงานในช่วงครึ่งหลังของปี และการดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อตอบรับความท้าทายที่เกิดขึ้น เช่น การจัดการระบบการเรียกร้องสินไหมสุขภาพที่มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น การปรับปรุงอัตราการคงอยู่ของกรมธรรม์ และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อสร้างความได้เปรียบของบริษัทฯ" นายอนิล กล่าวเสริม

ในขณะเดียวกัน บริษัท พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ พรูเด็นเชียล ประเทศไทย ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในตลาดของกลุ่มบริษัทพรูเด็นเชียลที่มีผลการดำเนินงานโดดเด่น เผยผลการดำเนินงานในปี 2567 ด้วยเบี้ยประกันภัยรับรวม 37,774 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 9% (จากเบี้ยประกันภัยรับรวม 34,692 ล้านบาท ในปี 2566) และ มีเบี้ยประกันภัยรับปีแรกแบบคำนวณรายปี (APE) อยู่ที่ 10,876 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 27% (จาก 8,560 ล้านบาท ในปี 2566)

นายบัณฑิต เจียมอนุกูลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พรูเด็นเชียล ประเทศไทย กล่าวว่า “แม้ บริษัทฯ จะเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศในปีที่ผ่านมา แต่ พรูเด็นเชียล ประเทศไทย ยังสามารถรักษาผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งและสร้างการเติบโตด้วยตัวเลขสองหลัก ถือเป็นบทพิสูจน์ความมุ่งมั่นของเราที่ไม่เคยหยุดนิ่งในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลายและบริการต่างๆ ที่ตอบโจทย์กับการใช้ชีวิตของคนทุกช่วงวัย ทั้งแผนประกันชีวิต สุขภาพ การออม และ การลงทุน ที่มีความยืดหยุ่นตอบรับการเปลี่ยนแปลงของโลกและความผันแปรทางเศรษฐกิจเพื่อช่วยเหลือและให้คำปรึกษาแก่ลูกค้า”

“ด้านผลิตภัณฑ์ พรูเด็นเชียลฯ ได้นำเสนอแผนประกันควบการลงทุนในกองทุนรวมที่หลากหลายมากถึง 73 กองทุน ที่ให้ลูกค้าบริหารการลงทุนได้ตามต้องการพร้อมโอกาสในการรับผลตอบแทน ด้านช่องทางการจัดจำหน่าย เรามีช่องทางฯที่หลากหลายครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็น การขายผ่านพันธมิตรแบงก์แอสชัวรันส์ ซึ่งล้วนแต่เป็นธนาคารชั้นนำของประเทศไทย ประกอบด้วย ธนาคารทหารไทยธนชาต (ทีทีบี), ธนาคาร ยูโอบี และ ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย, ช่องทางตัวแทน, ช่องทางการขายผ่านทางโทรศัพท์ รวมถึงช่องทางดิจิทัล ด้านบริการเราให้คำปรึกษาแก่ลูกค้า 24 ช.ม. ทุกที่ทุกเวลา ผ่านบริการ PRUServices ทาง LINE @PrudentialThailand” นายบัณฑิต กล่าวเสริม

สำหรับปีนี้ พรูเด็นเชียลฯ ยังคงไม่หยุดยั้งในการส่งมอบประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นแก่ลูกค้า รวมถึงการเป็นที่ปรึกษาด้านชีวิต สุขภาพ การออม และการลงทุนที่สร้างความมั่นใจและไว้วางใจแก่คนไทย ด้วยเชื่อว่าชีวิตที่มีกันและกัน ทุกวันยิ่งดีกว่าเดิม และเรายังมุ่งมั่นที่จะทำให้ประกันเข้าถึงคนไทยทุกคน รวมถึงกลุ่มเปราะบางได้มากขึ้น สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม www.prudential.co.th 

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) เอาใจขาช้อปออนไลน์ มอบสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าผู้ถือบัตร Krungsri Boarding Card หรือบัตรกรุงศรี เดบิต ทุกประเภท เมื่อมียอดใช้จ่ายผ่านบัตร Krungsri Boarding Card หรือบัตรกรุงศรี เดบิต ที่เป็นรายการชำระเงินออนไลน์ ภายใต้บัตรหมายเลขเดียวกัน ครบตามที่กำหนด รับฟรี โค้ดส่วนลดร้านค้าชั้นนำ มูลค่ารวมสูงสุด 1,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 – 31 ธันวาคม 2568 โดยมีเงื่อนไขตามรายละเอียดดังนี้

  • สำหรับยอดใช้จ่าย 2,000 บาทขึ้นไป แลกรับโค้ดส่วนลด มูลค่า 200 บาท จำนวนจำกัด 500 สิทธิ์ต่อเดือน
  • สำหรับยอดใช้จ่าย 5,000 บาทขึ้นไป แลกรับโค้ดส่วนลด มูลค่า 500 บาท จำนวนจำกัด 200 สิทธิ์ต่อเดือน

ผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดและเงื่อนไขเพิ่มเติมได้ที่

https://www.krungsri.com/th/promotions/cards/hot-promotion/debit-shop-online


*ศึกษารายละเอียดและเงื่อนไขเพิ่มเติมได้จากสื่อต่าง ๆ ของธนาคาร

ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี ร่วมกับ SF Cinema ชวนผู้ถือบัตรเครดิต ttb และบัตรเครดิต ttb Global House ทั้งบัตรหลักและบัตรเสริม ประเภทบุคคลธรรมดา ชมภาพยนตร์สุดคุ้มได้ทุกวัน เพียงซื้อบัตรชมภาพยนตร์จำนวน 1 ที่นั่ง รับฟรี 1 ที่นั่ง จำกัด 2 สิทธิ์ / หมายเลขบัตร / เดือน โดยผ่านช่องทางจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ Express Ticket, SF Application และ SF Website ในเครือ SF ทุกสาขาทั่วประเทศ (ยกเว้น SF Emprive Cineclub) ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 – 30 มิถุนายน 2568

ทีทีบีส่งเสริมให้ลูกค้าบัตรเครดิตใช้จ่ายเท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 7-16% ต่อปี เพื่อชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นทั้งในวันนี้ และอนาคต

TINECO (ทิเนโค่) แบรนด์ชั้นนำด้านเครื่องดูดฝุ่นอัจฉริยะและเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะระดับโลก ประสบความสำเร็จอย่างงดงามกับอีก 1 ก้าวสำคัญ ในงาน BUSINESS+ PRODUCT INNOVATION AWARDS 2025 – INNOVATION FOR BETTER PLANET นวัตกรรมเพื่อโลกที่ดีกว่า ด้วยการคว้ารางวัลนวัตกรรมยอดเยี่ยมประจำปี 2568 เครื่องใช้ไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดบ้านอัจฉริยะ จากผลิตภัณฑ์ TINECO FLOOR ONE S Series (รุ่น S6 Stretch Pro และ S9 Artist) เครื่องดูดฝุ่นถูพื้นอัจฉริยะรุ่นใหม่ล่าสุด ประสบการณ์การทำความสะอาดบ้านที่เหนือระดับกว่าที่เคยมี

พิธีมอบรางวัล BUSINESS+ PRODUCT INNOVATION AWARDS เป็นงานประกาศรางวัลที่จัดขึ้นโดยนิตยสาร BUSINESS+ ร่วมกับวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อมอบรางวัลให้กับสินค้าและบริการที่มีนวัตกรรมยอดเยี่ยมประจำปี ที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง งานประกาศรางวัลอันทรงเกียรตินี้ จัดขึ้น ณ โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ โดยได้รับเกียรติจาก ฯพณฯ นุรักษ์ มาประณีต องคมนตรี เป็นประธานมอบรางวัลในพิธี

TINECO FLOOR ONE S Series ได้รับการยอมรับจากคณะกรรมการว่าเป็นนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคปัจจุบัน ที่มองหาเทคโนโลยีทำความสะอาดที่มีประสิทธิภาพและใช้งานง่าย โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยของซีรีส์ FLOOR ONE S ที่มาพร้อมพลังดูดอันทรงพลัง สามารถกำจัดคราบสกปรกฝังลึกได้อย่างหมดจด ด้วยระบบที่ป้องกันเส้นผมพันแปรงได้ 100% ทำให้การบำรุงรักษาเป็นเรื่องง่าย นอกจากนี้ยังมีระบบ FlashDry ที่สามารถเป่าแห้งตัวเครื่องภายในเวลาเพียง 5 นาที ช่วยป้องกันการเกิดกลิ่นอับและแบคทีเรีย อีกทั้งตัวเครื่องยังมาพร้อมแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนาน ทำให้สามารถทำความสะอาดได้ทั่วทั้งบ้านในการชาร์จเพียงครั้งเดียว

สำหรับผู้ที่สนใจผลิตภัณฑ์ TINECO FLOOR ONE S Series เครื่องดูดฝุ่นถูพื้นอัจฉริยะใหม่ล่าสุดจากแบรนด์ TINECO สามารถหาซื้อได้แล้วที่ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการหรือช่องทางร้านค้าออนไลน์ พร้อมสัมผัสประสบการณ์เทคโนโลยีล้ำสมัยและทดลองใช้งาน TINECO FLOOR ONE S Series ได้ด้วยตัวเองที่งานบ้านและสวนแฟร์ Select 2025 ที่บูธ ECOVACS X TINECO เลขที่ R85-86 Hall 104 ณ ไบเทคบางนา ระหว่างวันที่ 22-30 มีนาคม 2568 พบกับนวัตกรรมเครื่องดูดฝุ่น อัจฉริยะ ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของคนรักบ้าน พร้อมโปรโมชั่นพิเศษเฉพาะภายในงานเท่านั้น

ติดตามข่าวสารดี ๆ รวมถึงโปรโมชันสุดพิเศษจาก ECOVACS และ TINECO ได้ที่เว็บไซต์ ECOVACS: www.ecovacs.com/th เว็บไซต์ TINECO: us.tineco.com เพจเฟซบุ๊ก ECOVACS ROBOTICS (TH): facebook.com/ecovacs.th และเพจเฟซบุ๊ก TINECO THAILAND: facebook.com/tineco.th หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ LINE Official: @Ecovacs และ @Tineco.th

นายจักรพงศ์ แสงแก้ว (แถว 2 ซ้าย) ผู้บริหารสายงานตัวแทนและที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) นำทีมผู้บริหารตัวแทนกรุงเทพประกันชีวิต จำนวน 59 ท่าน ที่สามารถทำผลงานได้ตามเกณฑ์การแข่งขันการสร้างตัวแทนประกันชีวิตใหม่ สำหรับผู้บริหารตัวแทนประกันชีวิตทุกระดับ เดินทางทัศนศึกษาต่างประเทศ ตามโปรแกรม Recruitment and Development Singapore Trip ณ ประเทศสิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 20 - 22 กุมภาพันธ์ 2568 นอกจากนี้ ยังได้เข้าเยี่ยมชมดูงานที่ บริษัท นิปปอนไลฟ์ อินชัวรันส์ จำกัด สำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคบริษัทประกันชีวิตที่มีชื่อเสียงระดับโลกจากประเทศญี่ปุ่น และมีสำนักงานใหญ่ระดับภูมิภาค ณ ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางธุรกิจที่สำคัญของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยได้รับการต้อนรับจาก นายโทโมฮิโระ เยา (แถว 2 ขวา) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค บริษัท นิปปอนไลฟ์ อินชัวรันส์ จำกัด สำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค    

 

ในปี 2568 กรุงเทพประกันชีวิตได้กำหนดนโยบายเร่งสปีด 2X ในการสรรหาตัวแทนใหม่ (Recruitment) ด้วยเป้าหมายในการขยายฐานตลาดให้ใหญ่ขึ้น เพื่อสร้างการเติบโตให้ทีมงานได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน พร้อมพัฒนา (Development) ทักษะตัวแทนและผู้บริหารทุกระดับ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขัน และขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ร่วมกัน ในการมุ่งสู่การเป็นบริษัทประกันชีวิตอันดับ 1 ในด้านความใส่ใจ

ลีสซิ่งกสิกรไทย คาดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46  จะสามารถกระตุ้นยอดขายอุตสาหกรรมรถยนต์ในปี 2568 ได้ ออกแคมเปญโปรฉ่ำ ร่วมกับบัตรเครดิตกสิกรไทย ให้ลูกค้าได้กระเป๋าเดินทางครบเซต K POINT และ Starbucks e-coupon มอบสิทธิประโยชน์สุดพิเศษให้แก่ลูกค้าที่ขอสินเชื่อรถยนต์ใหม่ มุ่งยกระดับประสบการณ์ลูกค้าผ่านโซลูชันสินเชื่อรถดิจิทัลครบวงจร

นายธีรชาติ จิรจรัสพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ถึงแม้ว่ายอดขายรถยนต์ใหม่ในประเทศในปี 2567 ชะลอตัวอย่างมีนัยสำคัญอยู่ที่ 572,568 คัน ซึ่งลดลงประมาณ 26% ในปี 2568 จากการคาดการณ์จากศูนย์วิจัยกสิกรไทยและผู้ขายและผู้ผลิตรถยนต์มีมุมมองที่หลากหลาย ตัวเลขอาจอยู่ในกรอบตั้งแต่ 530,000-600,000 คัน ซึ่งช่วงงานมอเตอร์โชว์ 2025 สามารถเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญ เนื่องจากผู้ผลิตรถยนต์ทยอยเปิดตัวรถรุ่นใหม่ โดยกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) เช่น  BYD ATTO2, Tesla New Model Y, MG IM6 และ MG ES5, AION UT และ ZEEKR 7x รวมถึงรถยนต์ประหยัดพลังงาน (Hybrid) เช่น New Audi A5 TFSI , Deepal S05 (EREV) และ Hunter, BYD Shark, AION M8, Mitsubishi XFORCE HEV และ New Haval H6 ในงานนี้ ลีสซิ่งกสิกรไทยได้ร่วมออกบูธพร้อมข้อเสนอสินเชื่อพิเศษร่วมกับบัตรเครดิตกสิกรไทย ระหว่างวันที่ 26 มีนาคม 2568- 30 เมษายน 2568 มอบโปรโมชันจัดเต็มให้ลูกค้าที่ใช้บริการสินเชื่อรถยนต์ของลีสซิ่งกสิกรไทยดังนี้

สำหรับลูกค้าภายในงานมอเตอร์โชว์ 26 มีนาคม 2568- 6 เมษายน 2568

  • รับทันที กระเป๋าเดินทาง Mini Trunk (กระเป๋าอเนกประสงค์) ขนาด13 นิ้ว มูลค่า 2,000 บาท จำนวน 1 ใบ เมื่อสมัครสินเชื่อและได้รับอนุมัติผ่านช่องทาง Digital Self-Apply
  • รับทันที กระเป๋าเดินทางทรง Trunk ขนาด22 นิ้ว มูลค่า 4,888 บาท จำนวน 1 ใบ เมื่อซื้อผลิตภัณฑ์ประกันภัย ผ่านบริษัทในเครือของลีสซิ่งกสิกรไทย

และสำหรับลูกค้าทั่วประเทศ เมื่อออกรถกับลีสซิ่งกสิกรไทยพร้อมสมัครประกันคุ้มครองสินเชื่อ (Credit Shield) และทำสัญญาภายใน 31  พฤษภาคม 2568 รับกระเป๋าเดินทางครบเซต Mini Trunk ขนาด13 นิ้ว และTrunk ขนาด 22 นิ้ว รวมมูลค่า 6,888 บาท

 

แคมเปญพิเศษสำหรับลูกค้าธนาคารกสิกรไทย

  • จองรถภายในงานหรือทั่วประเทศผ่านบัตรเครดิตกสิกรไทย รับ Starbucks e-coupon มูลค่าสูงสุด 4,000 บาท
  • สมัครสินเชื่อรถใหม่ผ่านช่องทาง K EV Shop และสมัครบริการหักค่างวดผ่านบัญชีอัตโนมัติ (Direct Debit) จะได้รับสูงสุด 50,000 K POINTS

นายธีรชาติกล่าวเพิ่มเติมว่า จากพฤติกรรมของลูกค้าผู้ซื้อรถยนต์และการขอสินเชื่อที่เปลี่ยนแปลงมาโดยตลอด เช่น ลูกค้ามีแนวโน้มในการค้นหาข้อมูลเปรียบเทียบรถแต่ก็อยากจะประเมินหรือสมัครสินเชื่อไว้ด้วยเลย ต่อมาเมื่อเป็นลูกค้าแล้วก็อยากได้รับบริการความสะดวกรวดเร็วที่สุด ลีสซิ่งกสิกรไทยจึงได้ร่วมมือกับ KBTG มุ่งเน้นการพัฒนาสร้างโซลูชันที่ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้ามาอย่างต่อเนื่อง สามารถยกระดับประสบการณ์ลูกค้าผ่าน Digital Solutions ที่ครอบคลุมตลอดเส้นทาง จากการรับรู้แบรนด์จนถึงการตัดสินใจใช้บริการ (Customer Journey) ตั้งแต่เริ่มคิดอยากจะซื้อรถยนต์ การประเมินความสามารถและวงเงิน การสมัครสินเชื่อไปจนถึงการบริการหลังการขายอย่างครบวงจร และการตอบโจทย์ลูกค้าที่ผ่อนอยู่ให้ได้รับสภาพคล่องด้วยสินเชื่อรถช่วยได้ (Top Up) ประกอบด้วย

  • K EV Shop: แพลตฟอร์มรวบรวมแคมเปญพิเศษสุดร่วมกับรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ประหยัดพลังงานแบรนด์พันธมิตร ให้ลูกค้าเลือกรับแคมเปญพิเศษได้ทุกที่ทุกเวลา
  • Quick Calculation: เครื่องมือประเมินวงเงินและค่างวดเพื่อช่วยวางแผนซื้อรถใหม่หรือรถใช้แล้ว โดยพิจารณาตามความสามารถในการผ่อนชำระของลูกค้า สอดคล้องกับเกณฑ์ Responsible Lending ของธนาคารแห่งประเทศไทย
  • Digital Self-Apply: แพลตฟอร์มสมัครสินเชื่อซึ่งใช้เทคโนโลยีการยืนยันตัวตนและประมวลผลการอนุมัติเครดิตสกอริ่งอัตโนมัติ ทำให้ทราบผลการอนุมัติสินเชื่อได้ทันที  
  • KLeasing Line Official: ช่องทางในการรับข้อมูลสถานะการใช้สินเชื่อ การใช้บริการหลังการขายและสิทธิพิเศษ พร้อมตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการใช้เงินด้วยสินเชื่อรถช่วยได้ (Top Up) แก่ลูกค้าที่ผ่อนชำระอยู่กับลีสซิ่งกสิกรไทย

โดยหากลูกค้าสนใจสามารถศึกษารายละเอียดหรือสมัครสินเชื่อรถใหม่ได้ที่ www.kasikornbank.com/k_motorshow2025campaign 

หมายเหตุ:

สินเชื่อรถใหม่ กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง 3.82%-10% ต่อปี

สำหรับบัตรเครดิต ใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนดจะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี

เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารและบจก. ลีสซิ่งกสิกรไทยกำหนด ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.kasikornbank.com/k_motorshow2025campaign 

www.kasikornbank.com/k_kevshoppromotion_apr2025 

www.kasikornbank.com/k_cardealer-autoservice 


อ้างอิง ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกช. 7/2566 เรื่อง การให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending) กำหนดให้ผู้ให้บริการต้องจัดทำและควบคุมโฆษณาให้มีเนื้อหาที่ "ถูกต้องและชัดเจน" "ครบถ้วนและเปรียบเทียบเงื่อนไข อัตราดอกเบี้ย และค่าธรรมเนียมต่างๆ ได้" และ "ไม่กระตุ้นให้ก่อหนี้เกินควร" เพื่อให้ลูกค้าได้รับและเข้าใจข้อมูลที่จำเป็นอย่างเพียงพอต่อการตัดสินใจใช้ผลิตภัณฑ์และส่งเสริมการมีวินัยทางการเงิน

ธนาคารกสิกรไทยและบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงิน ขอความร่วมมือสื่อมวลชนในการเผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์ที่มีการอ้างถึงการจ่ายชำระ/การใช้บริการสินเชื่อ สินเชื่อบัตรเครดิต และการผ่อนชำระสินค้า โดยระบุคำเตือนในข่าวให้ถูกต้องตามที่หลักเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดไว้

คุณณัฐพิสิษฐ์ ครุฑครองชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต (คนที่ 4 จากซ้าย ) และคุณนารีรัชย์ อริยประยูร ผู้บริหารสายงานกลยุทธ์และผลิตภัณฑ์รายย่อย ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (คนที่ 3 จากซ้าย) พร้อมด้วยคณะผู้บริหารจากกรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต และธนาคารกรุงไทย รวมถึงลูกค้ากลุ่ม Precious Plus ของธนาคารกรุงไทย เข้าร่วมงาน Path To Prosperity ที่จัดขึ้น ณ โรงแรม พาร์ค ไฮแอท โดยกิจกรรมลูกค้าดังกล่าว จัดขึ้นเพื่อเปิดมุมมองใหม่ในการวางแผนทางการเงินเพื่อความยั่งยืนระยะยาว นอกจากนั้นยังเป็นการตอกย้ำความร่วมมือของบริษัทฯ และธนาคารกรุงไทย ที่มุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายให้แก่ลูกค้าคนสำคัญ อาทิ ผลิตภัณฑ์ Worldclass Ready 16/6 ซึ่งเป็นแบบประกันสะสมทรัพย์ที่เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการลงทุนระดับโลก ผ่านดัชนี MAD 5 AF Index บริหารจัดการโดย  BNP Paribas ซึ่งเป็น 1 ในธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ทั้งนี้บริษัทฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการจัดงานในครั้งนี้จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ลูกค้าทุกท่าน สามารถวางแผนการเงินเพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่เติบโตอย่างยั่งยืน และสอดคล้องกับเป้าหมายสูงสุดของบริษัทฯ ที่พร้อมเคียงข้างทุกความเชื่อมั่น ดูแลกันตลอดไป

 

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารออมสินประสบความสำเร็จจากการเดินหน้ายกระดับผู้ประกอบการ SME ไทย ผ่านโครงการ Positive Engagement Program  “SME Gear Up ติดปีกธุรกิจด้วย ESG”  ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรกเพื่อสนับสนุนและเตรียมความพร้อมให้ SME เปลี่ยนผ่านสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ด้วยกรอบแนวคิด ESG (Environment, Social, Governance) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว ตลอดจนเป็นการเตรียมความพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงตามหลักเกณฑ์ด้าน ESG ที่เป็นเทรนด์ในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ทั้งนี้จากการเวิร์กชอปและให้ความรู้โดยทีมผู้เชี่ยวชาญ ทำให้ตลอดระยะเวลา 1 เดือนของโครงการฯ ผู้ประกอบการ SME ที่เข้ารอบทั้ง 9 บริษัท สามารถนำเสนอไอเดียรอบสุดท้ายได้อย่างโดดเด่น พร้อมนำไปขยายผลธุรกิจของตัวเองต่อไป โดยถือเป็นความสำเร็จอีกก้าวหนึ่งภายใต้บทบาทธนาคารเพื่อสังคม ในการขยายผลให้เกิด social impact มากขึ้นและเห็นผลเป็นรูปธรรม

สำหรับ 9 สุดยอดผู้ประกอบการ SME ที่มีความโดดเด่นที่สุดในแต่ละด้านตามแนวคิด ESG และได้รับเงินรางวัลมูลค่ารวม 660,000 บาท พร้อมโล่เกียรติคุณ ประกอบด้วย

         รางวัลชนะเลิศ

  • ด้านสิ่งแวดล้อม (Environment Track) ได้แก่ บริษัท แอคทีฟพลัส บลู จำกัด ดำเนินธุรกิจผลิตขนมไทยเกรดพรีเมียมเพื่อส่งออก โดดเด่นจากการบริหารจัดการของเสียเพื่อนำไปสู่ Zero Waste อย่างเป็นรูปธรรม รับเงินรางวัลมูลค่า 120,000 บาท

  • ด้านสังคม (Social Track) ได้แก่ บริษัท สยามเทคโนอุตสาหกรรม จำกัด ดำเนินธุรกิจอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์จากผ้าทราย และกระดาษทราย และงานเชื่อมชิ้นส่วนสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ โดดเด่นจากการมีแผนการบริหารจัดการบุคลากรที่ครอบคลุมประเด็นสำคัญ ตลอดจนการดูแลผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้อง รับเงินรางวัลมูลค่า 120,000 บาท

  • ด้านธรรมาภิบาล (Governance Track) ได้แก่ บริษัท โรแยล พลัส จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจผลิตและส่งออกน้ำมะพร้าวและน้ำผลไม้ครอบคลุม 7 ภูมิภาคทั่วโลก โดดเด่นจากการมีเป้าหมายและแผนการดำเนินงานด้านธรรมาภิบาลที่ชัดเจน ครอบคลุมทั้งด้านการบริหารธุรกิจ และการจัดการองค์กร รับเงินรางวัลมูลค่า 120,000 บาท

นอกจากนี้ยังมีการมอบรางวัลรองชนะเลิศและรางวัลชมเชย แก่ผู้ประกอบการ SME ที่มีศักยภาพโดดเด่นในการนำ ESG มาประยุกต์ใช้ในธุรกิจ รวมอีก 6 รางวัลในโอกาสนี้ด้วย โดยมี นางสาววชิรา การสุทธิ์ รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กลุ่มยุทธศาสตร์และสื่อสารเพื่อความยั่งยืน และ นางลภาวรรณ จันทร์กระจ่าง รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กลุ่มลูกค้าธุรกิจและภาครัฐ ร่วมมอบรางวัล พร้อมด้วย นางสาววรางคณา ภัทรเสน ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาความรู้ด้านความยั่งยืน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ นายธีระพงศ์ ระบือธรรม ผู้ก่อตั้ง บริษัท สมุนไพรไทย หงส์ไทย จำกัด ร่วมเป็นคณะกรรมการตัดสิน ณ ธนาคารออมสิน สำนักงานใหญ่ เมื่อเร็ว ๆ นี้

อนึ่ง กิจกรรม SME Gear Up ติดปีกธุรกิจด้วย ESG มีกระบวนการคัดเลือกผู้ประกอบการ SME จำนวนกว่า 30 บริษัท ในรอบแรก เพื่อเข้ารับการอบรมเชิงลึกผ่านกิจกรรม SME Onboarding ให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ ESG ในมุมมองของธุรกิจ ตลอดจนกรณีศึกษาจากผู้ประกอบการต้นแบบ (Learn from the Lead)  และคัดเลือกผู้ประกอบการ SME จำนวน 9 บริษัท เข้าสู่รอบสุดท้ายในการนำเสนอไอเดียธุรกิจผ่านเครื่องมือ ESG Canvas เพื่อแสดงให้เห็นถึงการนำ ESG ไปปรับใช้กับแผนธุรกิจด้านความยั่งยืนได้อย่างโดดเด่นและเป็นรูปธรรม ครอบคลุมทั้ง 3 มิติตามแนวคิด ESG ได้แก่ สิ่งแวดล้อม สังคม และ ธรรมาภิบาล

“พฤกษา” ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และ “ปูนซีเมนต์นครหลวง หรือ ปูนอินทรี” ผู้นำด้านการผลิตและจำหน่ายปูนซีเมนต์ของไทย ผนึกกำลังเดินหน้ายกระดับวงการก่อสร้างไทย ด้วยการพัฒนานวัตกรรมกรีนโซลูชัน ล่าสุดฉลองความสำเร็จจากการคิดค้นปูนซีเมนต์ไฮดรอลิกรักษ์โลกสูตรใหม่ “อินทรีดำ กำลังอัดช่วงต้นสูง” หรือ INSEE DUM High Early Strength” ที่นำมาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตแผ่นคอนกรีตสำเร็จรูปคาร์บอนต่ำ ที่มีความทนทานและสามารถรับกำลังได้สูง โดยนำมาใช้ก่อสร้างที่อยู่อาศัยในเครือพฤกษาเป็นแห่งแรก เพื่อให้ได้บ้านคุณภาพที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม โดยสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากกระบวนการผลิตลงได้มากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

นายธีระ ทองวิไล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาคการก่อสร้างปล่อยก๊าซเรือนกระจกคิดเป็นสัดส่วนกว่า 27% ของการปล่อยก๊าซทั่วโลกในแต่ละปี และหากรวมกระบวนการผลิตวัสดุก่อสร้างเข้าไปด้วย ตัวเลขนี้จะมีสัดส่วนสูงถึง 40% ตอกย้ำถึงความจำเป็นที่ภาคอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจอุตสาหกรรมก่อสร้างต้องหาแนวทางร่วมกันเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเร่งด่วน

พฤกษาให้ความใส่ใจ และมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมที่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมาอย่างต่อเนื่อง สำหรับความร่วมมือกับปูนอินทรีครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยสู่ความยั่งยืน โดยเราได้ร่วมกันคิดค้นและทดสอบปูนซีเมนต์สูตรใหม่ เพื่อใช้ผลิตแผ่นพรีคาสท์คาร์บอนต่ำ เพื่อนำมาก่อสร้างบ้าน ที่ยังคงคุณสมบัติด้านความแข็งแรงและความทนทานเทียบเท่าปูนซีเมนต์สูตรมาตรฐาน ที่นอกจากจะช่วยให้ได้บ้านที่มีโครงสร้างแข็งแรงและทนทานแล้ว ยังช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างเป็นรูปธรรม

นายทรงศักดิ์ ปิยะวรรณรัตน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินโน พรีคาสท์ จำกัด ในเครือพฤกษา โฮลดิ้ง ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายแผ่นคอนกรีตสำเร็จรูปที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เปิดเผยว่า เรามุ่งมั่นสร้างสรรค์ที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์ทั้งความสะดวกสบายและความยั่งยืน ด้วยการผลิตแผ่นคอนกรีตสำเร็จรูปคาร์บอนต่ำ เพื่อนำมาใช้ก่อสร้างในโครงการต่าง ๆ โดยเชื่อมั่นว่านวัตกรรมนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังช่วยสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมก่อสร้างในประเทศไทย เพื่อให้ลูกค้าได้อยู่อาศัยในบ้านที่มีคุณภาพ แข็งแรง ทนทาน พร้อมทั้งมีส่วนร่วมในการสร้างอนาคตที่ดีกว่าสำหรับโลกของเราด้วย

อินโน พรีคาสท์ ได้เริ่มใช้ปูนซีเมนต์อินทรีดำ กำลังอัดช่วงต้นสูง สูตรใหม่ เพื่อนำมาผลิตแผ่นพรีคาสท์คุณภาพสูง ตั้งแต่ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา และมีแผนการผลิตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่า ในปี 2568 จะสามารถส่งมอบแผ่นพรีคาสท์คาร์บอนต่ำให้กับทั้งโครงการในเครือพฤกษาได้ราว 4,000 ยูนิต ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ รวมทั้งหมดได้ถึง 2,556,784 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ซึ่งเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ 263,198 ต้น

นายมนตรี นิธิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจปูนซีเมนต์ของประเทศไทย บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า อุตสาหกรรมก่อสร้างต้องเผชิญกับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่การใช้พลังงานสูงในกระบวนการผลิตวัสดุ ปัญหาขยะจากการก่อสร้าง ไปจนถึงการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ส่งผลกระทบต่อภาวะโลกร้อน การก่อสร้างแบบเดิม ๆ มักใช้ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ ซึ่งก่อให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในปริมาณสูงจากกระบวนการเผาหินปูน ทำให้เราต้องมองหาแนวทางใหม่เพื่อแก้ปัญหานี้ ปูนซีเมนต์ “อินทรีดำ กำลังอัดช่วงต้นสูง” สูตรใหม่นี้ จึงเป็นอีกหนึ่งโซลูชันที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายสู่ Net Zero ของบริษัท

สำหรับ อินทรีดำ กำลังอัดช่วงต้นสูงนี้เหมาะสำหรับงานขึ้นชิ้นส่วนคอนกรีตหล่อสำเร็จและงานคอนกรีตอัดแรงขนาดใหญ่ ถูกออกแบบมาให้มีกำลังสูงช่วงต้นสูง มีความสามารถในการไหลลื่นเทเข้าแบบได้ง่าย ได้ผิวผลิตภัณฑ์ที่เรียบเนียนสวยและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต และยังเป็นปูนซีเมนต์ชนิดไฮดรอลิกที่มีค่าการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำ ดังนั้นจึงเป็นปูนซีเมนต์คุณภาพดีทั้งคุณสมบัติทางด้านวิศวกรรมและสิ่งแวดล้อม

ความร่วมมือครั้งนี้ระหว่างพฤกษาและปูนอินทรี นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย พร้อมทั้งช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว และขับเคลื่อนวงการอสังหาริมทรัพย์ให้ก้าวสู่อนาคตที่ยั่งยืนมากยิ่งขึ้น

X

Right Click

No right click