December 18, 2025

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบให้โรงพยาบาลหลายแห่งยังคงต้องการความช่วยเหลือในการดูแลประชาชนในพื้นที่ให้ทั่วถึง FWD ประกันชีวิตขอเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจในการรักษาผู้ป่วยติดเชื้ออย่างต่อเนื่อง โดยส่งมอบอุปกรณ์การแพทย์ให้แก่โรงพยาบาลในพื้นที่ห่างไกล 4 จังหวัด ได้แก่ ยะลา ปัตตานี ตาก ชัยภูมิ

นางสาวปวริศา ชุมวิกรานต์ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานภาพลักษณ์และสื่อสารองค์กร บริษัท เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ปัจจุบันโรคโควิด-19 ยังคงแพร่ระบาดกระจายอยู่ทั่วประเทศ และมีจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งภายใต้สภาวการณ์เช่นนี้มีโรงพยาบาลในพื้นที่ห่างไกลหลายแห่งที่ขาดแคลนอุปกรณ์ทางการแพทย์เป็นจำนวนมาก FWD ประกันชีวิต จึงขอเป็นส่วนหนึ่งที่ส่งแรงสนับสนุนให้กับโรงพยาบาลที่ห่างไกลในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (พื้นที่สีแดงเข้ม) และพื้นที่ควบคุมสูงสุด (พื้นที่สีแดง) เพื่อกระจายความช่วยเหลือให้ได้อย่างทั่วถึง”

FWD ประกันชีวิต ได้ส่งมอบอุปกรณ์การแพทย์ให้แก่โรงพยาบาล 4 จังหวัดทั่วประเทศ ตามรายละเอียดดังนี้

1. โรงพยาบาลยะลา จ.ยะลา ตั้งอยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (พื้นที่สีแดงเข้ม) ที่ยังคงมีผู้ป่วยติดเชื้อ โควิด-19 เข้ารักษาตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยโรงพยาบาลมีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาจำนวนประมาณ 2,000 คน ต่อวัน* ทำให้มีความต้องการอุปกรณ์ทางการแพทย์เป็นจำนวนมาก FWD ประกันชีวิต จึงได้ส่งมอบเครื่องช่วยหายใจชนิดควบคุมด้วยปริมาตรและความดันจำนวน 5 เครื่อง เพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์สามารถดูแลผู้ป่วยได้อย่างทั่วถึง

2. โรงพยาบาลปัตตานี จ.ปัตตานี ตั้งอยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (พื้นที่สีแดงเข้ม) โดยโรงพยาบาลมีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาจำนวน 1,400-1,500 คนต่อวัน* FWD ประกันชีวิต จึงได้ส่งมอบอุปกรณ์การแพทย์เพื่อช่วยเหลือ ได้แก่

· เครื่องช่วยหายใจชนิดควบคุมด้วยปริมาตรและความดัน จำนวน 1 เครื่อง

· เครื่องผลิตน้ำบริสุทธิ์แบบอัตโนมัติชนิดเคลื่อนที่ จำนวน 1 เครื่อง

· เครื่องศูนย์กลางการทำงานสัญญาณชีพและเครื่องติดตามการทำงานของหัวใจ จำนวน 1 ชุด

3. โรงพยาบาลอุ้มผาง จ.ตาก ตั้งอยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (พื้นที่สีแดงเข้ม) และยังอยู่ในพื้นที่ขาดแคลน โดยโรงพยาบาลมีผู้ป่วยมารับการรักษาจำนวน 200-400 คนต่อวัน* FWD ประกันชีวิต จึงได้ส่งมอบชุด PPE จำนวน 1,000 ชุด เพื่อเป็นอุปกรณ์ในการทำงานให้บุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่

4. โรงพยาบาลคอนสาร จ.ชัยภูมิ ตั้งอยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุด (พื้นที่สีแดง) และยังอยู่ในพื้นที่ห่างไกล โดยมีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาจำนวนประมาณ 400 คนต่อวัน* FWD ประกันชีวิต ได้ส่งมอบชุด PPE จำนวน 1,000 ชุด ให้บุคลากรทางการแพทย์ เพื่อให้มีเกราะป้องกันและสามารถปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลผู้ป่วยได้อย่างปลอดภัยสูงสุด

 “FWD ประกันชีวิต หวังว่าแรงสนับสนุนในครั้งนี้จะช่วยให้ทีมบุคลากรทางการแพทย์ทำงานได้คล่องตัวมากยิ่งขึ้น เพื่อให้สามารถพร้อมดูแลประชาชนได้อย่างทั่วถึงทั้งประเทศ โดยเราขออยู่เคียงข้างทุกคนเพื่อก้าวผ่านสถานการณ์นี้ไปด้วยกัน” นางสาวปวริศา กล่าวปิดท้าย

_____________________________________________

Dable แพลตฟอร์มสืบค้นคอนเทนต์ระดับโลก เปิดเผยว่า ขณะนี้แพลตฟอร์มมียอดเข้าชมเว็บไซต์เกิน 1.1 พันล้านครั้งต่อเดือนในไต้หวัน ทำให้ก้าวขึ้นมาเป็นแพลตฟอร์มสืบค้นคอนเทนต์อันดับหนึ่งของประเทศนี้

Dable เข้ามาให้บริการในไต้หวันตั้งแต่เมื่อปี 2560 และได้จับมือกับพันธมิตรสื่อเกือบ 250 ราย รวมถึง Liberty Times, SETN และ ETtoday ผลประกอบการของ Dable Taiwan ในช่วงปีที่ผ่านมาเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยยอดขายรายเดือนเติบโตเฉลี่ย 8% ขณะเดียวกัน รายได้ไตรมาส 3/2564 ของ Dable ของเพิ่มขึ้นถึง 2.4 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563 ทั้งนี้ Dable เป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มสืบค้นคอนเทนต์รายใหญ่ที่สุดในไต้หวัน, เกาหลีใต้, อินโดนีเซีย และเวียดนาม

โซลูชันแนะนำคอนเทนต์ของ Dable มอบประสบการณ์ที่ปรับให้เข้ากับความต้องการเฉพาะส่วนตัวของผู้ใช้งาน ซึ่งส่งผลให้สื่อสามารถเพิ่มยอดเข้าชมเว็บไซต์และสร้างรายได้ โซลูชันนี้ช่วยให้ผู้ใช้งานสืบค้นข้อมูลที่ต้องการได้อย่างง่ายดาย ซึ่งทำให้ได้ประสบการณ์การใช้เว็บไซต์ที่น่าพึงพอใจ และให้ผู้ใช้รับชมคอนเทนต์นานขึ้น นอกจากนี้ Dable ยังช่วยสร้างข้อได้เปรียบในการแข่งขันสำหรับสื่อต่าง ๆ ผ่านข้อมูลเชิงลึก เช่น คอนเทนต์ที่ได้รับความนิยมโดยแยกกลุ่มผู้ชมตามเพศและอายุ, คอนเทนต์ที่มีการสืบค้น และที่มาของยอดเข้าชม รายงานสถิติระบุว่า ยอดเข้าชมของเว็บไซต์ที่หันมาใช้โซลูชันของ Dable นั้น เพิ่มขึ้นเกือบ 50% โดยเฉลี่ย

Dable แสดงเนื้อหาโฆษณาเนทีฟที่ออกแบบมาให้กลมกลืนกับคอนแทนต์ออร์แกนิกที่อยู่ในพื้นที่แนะนำของเว็บไซต์ โดยแพลตฟอร์มจะเลือกแสดงโฆษณาด้วยการวิเคราะห์ความสนใจของผู้ใช้ เช่น แสดงโฆษณาเกี่ยวกับเสื้อผ้าให้กับผู้ใช้ที่อ่านบทความเกี่ยวกับแฟชั่น ยิ่งไปกว่านั้น นักโฆษณายังสามารถกำหนดเป้าหมายด้านเวลา, สถานที่, เพศ, อุปกรณ์ และความสนใจได้อีกด้วย โฆษณาของ Dable ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงด้วยการนำเสนอโฆษณาที่ตรงกับความสนใจของผู้เข้าชม โดยไม่รบกวนเวลาเข้าชมเว็บไซต์ของพวกเขา

Jin Han Lim ซีอีโอของ Dable Taiwan กล่าวว่า “ผมรู้สึกภูมิใจที่ Dable ก้าวขึ้นมาเป็นแพลตฟอร์มสืบค้นคอนเทนต์อันดับหนึ่งของไต้หวันที่มีพันธมิตรสื่อมากที่สุด แม้ว่าจะต้องเผชิญกับการแข่งขันอันดุเดือด แต่ Dable ก็สามารถเติบโตในระดับนี้ได้ด้วยเทคโนโลยีระดับโลก, การร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับกิจการท้องถิ่น และความมุ่งมั่นของพนักงานเราในการตอบสนองความต้องการของลูกค้า ทั้งนี้ Dable ตั้งใจจะขยายเครือข่ายด้วยการจับมือเป็นพันธมิตรกับสื่อชั้นนำ ซึ่งจะมอบประสบการณ์ออนไลน์ที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้ได้”

 Update   Press ข่าว ยืนยันความมั่นใจจับมือภาครัฐเพิ่มทางเลือกผู้ถือกรมธรรม์โควิด-19 เอเชียประกันภัย เพื่อช่วยเหลือประชาชน ไม่กระทบความแข็งแกร่งของทิพยประกันภัย

กรุงเทพฯ 13 ตุลาคม 2564 – บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) ขอแจ้งเตือนประชาชน ในกรณีมิจฉาชีพสร้างข้อมูลปลอมผ่าน SMS และ ไลน์ของไปรษณีย์ไทย อ้างใช้คะแนนสะสมเพื่อหลอกให้แลกของ รวมถึงแลกซื้อสินค้าในราคาต่ำ ไปรษณีย์ไทยขอชี้แจงว่า ไม่มีนโยบายส่งข้อความทุกประเภทหาลูกค้า หรือ เชิญชวนให้นำคะแนนสะสมพร้อมเพิ่มเงินมาแลกซื้อสินค้าในราคาพิเศษแต่อย่างใด หากหลงเชื่อ อาจสูญเงินเปล่าทันที

ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบัน มีมิจฉาชีพได้อาศัยช่องทางออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น แอปพลิเคชันต่างๆ รวมถึง SMS ในการหาเหยื่อเพื่อแอบอ้างปลอมตัวเป็นไปรษณีย์ไทย โดยทั้งใช้ชื่อบุคลากร ตัดต่อภาพพนักงาน ภาพประกาศทางราชการ ภาพสื่อประชาสัมพันธ์ต่างๆ เครื่องหมายโลโก้ เพื่อเชิญชวนผู้ใช้บริการให้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน และกรอกข้อมูลต่างๆ จากนั้นจะหลอกให้แลกคะแนนสะสมแต้มโดยจะต้องบวกเงินเพิ่ม แล้วจะได้รับของรางวัล อาทิ ไอโฟน โทรทัศน์ พัดลม ตู้เย็น ไมโครเวฟ เป็นต้น ซึ่งหาก “เหยื่อ” หลงเชื่อจะกลายเป็นสูญเงินเปล่าทันที เนื่องจากไปรษณีย์ไทยไม่มีนโยบายให้สมาชิกนำแต้มสะสมมาใช้ร่วมกับการโอนเงินเพิ่มแล้วรับของรางวัลแต่อย่างใด ดังนั้น ขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆต่อ

ทั้งนี้ ในการติดต่อกับสมาชิกของไปรษณีย์ไทย จะดำเนินการผ่านระบบภายใต้ชื่อ POST Family (โพสต์แฟมิลี่) ผ่าน Line@Thailandpost, SMS ชื่อ THPost และ อีเมลชื่อ This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. เท่านั้น จึงขอความกรุณาผู้ใช้บริการสังเกตชื่อที่ถูกต้องก่อน โดยบัญชีไลน์จะต้องมีเครื่องหมายรับรอง รวมถึงติดตั้งแอปพลิเคชันจาก play store หรือ app store โดยตรง ไม่เข้าจากลิงค์ที่ไม่ทราบที่มาทุกครั้ง อย่างไรก็ตาม สมาชิกสามารถเข้าสู่ระบบเพื่อตรวจสอบสิทธิพิเศษและโปรโมชันต่างๆได้ตามช่องทางดังกล่าว และทางเว็บไซต์ https://postfamily.thailandpost.com หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ THP Contact Center 1545

 

####

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตามที่ธนาคารออมสิน ได้จัดทำโครงการออมสินห่วงใย ส่งกำลังใจให้สังคม เพื่อเป็นการช่วยเหลือสังคม โดยการเปิดเพจเฟสบุ๊คออมสินห่วงใยขึ้น เพื่อเป็นศูนย์กลางความช่วยเหลือผู้ป่วยหรือผู้เดือดร้อนจากโควิด-19 และเป็นช่องทางให้เข้าถึงความช่วยเหลือได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น ล่าสุด ธนาคารได้จัดทำโครงการออมสินห่วงใยฯ ระยะที่ 2 โดยร่วมกับกรุงเทพมหานคร และบริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) จัดทำกล่องออมสินห่วงใย หรืออาหารแห้งเพื่อดำรงชีพ จำนวน 30,000 กล่อง เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 อยู่ ซึ่งจะส่งมอบ ณ พื้นที่สำนักงานเขตของกรุงเทพมหานคร 3 แห่ง ได้แก่ สำนักงานเขตหลักสี่ เขตจอมทอง และ ณ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เขตพระนคร รวมถึงพื้นที่หน้าสาขาของธนาคารออมสินอีก 7 แห่ง ได้แก่ สาขามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สาขาดอนเมือง สาขาคลองจั่น สาขามีนบุรี สาขาราษฎร์บูรณะ สาขาตลิ่งชัน และธนาคารออมสินสำนักงานใหญ่ ซึ่งจะทยอยส่งมอบให้กับประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวตลอดเดือนตุลาคม 2564 โดยคำนึงถึงความปลอดภัยและรักษาระยะห่างทางสังคมตามมาตรการของสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด

อนึ่ง โครงการออมสินห่วงใย ส่งกำลังใจให้สังคม ระยะที่ เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา โดยการให้ความช่วยเหลือใน 4 ภารกิจหลัก ได้แก่ 1) การบริจาคเงินสนับสนุนการจัดตั้งศูนย์พักคอย กทม. โรงพยาบาลสนาม และการจัดหาอุปกรณ์การแพทย์สนับสนุนศูนย์เอราวัณ 2) บริการจัดส่งยาและสิ่งของจำเป็น ด้วยทีมงานไรเดอร์ออมสินห่วงใยและรถตู้ สนับสนุนงานจัดส่งยาต้านไวรัสและส่งความช่วยเหลืออื่น ๆ 3) จัดหาอาหารปรุงสุกและอาหารแห้ง สนับสนุนงานของพันธมิตรและกลุ่มจิตอาสา เช่น เพจอีจัน เพจเราต้องรอด กลุ่มเส้นด้าย เป็นต้น และ 4) การบริจาคทรัพย์สินรอการขาย หรือ NPA ให้ทางราชการยืมใช้ทำประโยชน์ในการจัดทำเป็นสถานที่กักตัว ซึ่งที่ผ่านมา ได้ให้ความช่วยเหลือประชาชนไปแล้วร่วม 500,000 ราย

 

********************************

 

 

FEDCOIN

October 20, 2021

การเตรียมตัวเข้าตลาดหุ้นของ RIPPLE LABS  ถือเป็นนิมิตหมายอันดีของกิจการประเภท Crypto / Blockchain ที่ในรอบหลายปีมานี้ถูกมองในแง่ลบ จนทางการต้องยื่นมือเข้าไปคุมจนกระดุกกระดิกแทบไม่ได้ ส่งผลให้ตลาดระดมทุน ICO ทั่วโลก ซบเซาลงจนแทบไม่เหลือ

ยากที่คนทั่วไปซึ่งมองเห็นแง่งามของธุรกิจประเภทนี้จะเข้าไปร่วมลงทุนกับ Asset Class ประเภทนี้ได้

นับว่าน่าเสียดาย

แต่การที่ Ripple จะเป็นหัวขบวนในการทำ IPO ย่อมเปิดทางให้กับกิจการรายอื่นๆ ทยอยกันเข้าตลาดด้วย (เราคาดว่า Coinbase คงจะตามมาในไม่ช้า) นับเป็นการสร้างความโปร่งใสให้กับอุตสาหกรรม Crypto / Blockchain ในภาพรวม

ต่อไป นักลงทุนและสื่อมวลชนจะเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายและมากขึ้น ช่วยสร้างความเข้าใจให้กับคนหมู่มาก เปิดม่านให้สังคมได้เห็นถึงศักยภาพอันเป็นประโยชน์มากมายของเทคโนโลยีประเภทนี้ และเปิดทางเลือกให้นักลงทุนสามารถใช้ Asset Class ประเภทนี้ เข้ามาในพอร์ตเพื่อใช้เป็นเครื่องมือสร้างความมั่งคั่งและมั่นคงทางการเงินของอนาคตตัวได้อีกทางหนึ่ง

กลับมาที่ WEF ซึ่ง Center For the Fourth Industrial Revolution ของเขา เพิ่งออกรายงานใหม่มาชิ้นหนึ่งชื่อ “Central Bank Digital Currency Policy-Maker Toolkit” เพื่อให้เป็นคู่มือสำหรับธนาคารกลางที่จะสร้างสกุลเงินดิจิทัล (CBDC) ของตัวเอง

นับแต่เกิดบล็อกเชนและเงินคลิปโต แวดวงเงินดิจิทัลพัฒนามาไกลแล้ว กระทั่งธนาคารกลางของชาติสำคัญเองก็เข้าไปจับ เพื่อหาทางนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้พัฒนาเงินดิจิทัลของตัว

ณ ขณะนี้ มีธนาคารชาติอย่างน้อย 18 ประเทศ ที่กำลังพัฒนาและทดลองแนวนี้อยู่ รวมทั้งธนาคารแห่งประเทศไทยด้วย (โครงการอินทนนท์)

ที่สำคัญคือธนาคารกลางของจีนที่หลายคนประเมินว่าจะออก “หยวนคอย” มาใช้ได้ในปีนี้ ซึ่งทำให้สหรัฐฯ หวั่นใจว่าจีนจะแซงหน้า จึงได้มีผู้นำหลายคนออกมาเตือนให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ รีบชิงออก FedCoin ของตัวเองเสียก่อน และเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางด้านเงินดิจิทัลของตัวให้สมบูรณ์ เพื่อรักษาความยิ่งใหญ่ของสกุลเงินดอลลาร์ไว้

อันที่จริง ถ้ามองเรื่องความพร้อมของเทคโนโลยี ธนาคารกลางทั่วไปสามารถนำบล็อกเชนและเงินคลิปโตของตัวเองออกมาใช้ได้ไม่ยาก ทว่ามันจะส่งผลกระทบต่อสถาบันการเงิน ทำให้สถาบันการเงินเจ๊ง เพราะมันจะตัดตัวกลางออก ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่มากกับอุตสาหกรรมยักษ์อันหนึ่งของโลกทุนนิยม

คือประชาชนทั่วไปสามารถเปิดบัญชีและทำธุรกรรมโดยตรงกับธนาคารชาติได้เลยโดยไม่ต้องผ่านธนาคารพาณิชย์ และธนาคารชาติก็จะเห็นทุกธุรกรรมของทุกคน สามารถปล่อยกู้ให้ใครก็ได้โดยตรง เพียงสั่งโอนเงินคลิปโตเข้าวอลเล็ทของคนๆ นั้น และในทางกลับกันก็สามารถสั่งหักเงินใครก็ได้โดยตรงเช่นกัน

พูดไปแล้วมันก็เหมือนดาบสองคม คือแม้ว่ามันจะทำให้ธุรกรรมการเงินถูกลงมากเพราะตัดตัวกลางทิ้ง แต่รัฐบาลก็จะสามารถกำกับบุคคลแต่ละคนได้ผ่านธุรกรรมทางการเงิน เช่นบังคับเก็บภาษีโดยอัตโนมัติ หรือกำหนดให้ใช้จ่ายได้/ไม่ได้ ตามที่รัฐบาลต้องการ (เช่นเด็กอายุน้อยกว่า 15 ห้ามใช้เงินคลิปโตจ่ายซื้อแอลกอฮอล์ หรือกำหนดให้เบิกหรือโอนเงินได้วันละเท่านั้นเท่านี้ เป็นต้น ฯลฯ)

การฟอกเงินและโกงกันผ่านการหลอกให้โอนเงินจะกลายเป็นอดีต

MIT Digital Currency Initiative ของสถาบันเอ็มไอที จึงออกผลการศึกษามาเตือนในประเด็นนี้ เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาว่า ถ้าบรรดาธนาคารกลางจะออกเงินคลิปโตของตัวเอง ก็ควรจะใช้คุณสมบัติของบล็อกเชนให้เต็มที่ คือควรคำนึงถึงความเป็นส่วนตัวของประชาชน และใช้ Smart Contract เข้ามาช่วยในการดำเนินนโยบายการเงินของตัวเองเสียแต่ต้นอย่างโปร่งใส เช่น ถ้าต้องการเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 2% ต่อปีในปีนี้ ก็ควรโปรแกรมไว้แต่แรก เพื่อป้องกันการพิมพ์เงินเพิ่มตามอำเภอใจ เป็นต้น

ทว่า MIT ก็รู้อยู่แล้วว่ามันเป็นไปได้ยาก เพราะธนาคารกลางที่ไหนก็ล้วนต้องการเข้าควบคุมแบบ 100%

พวกเขาต้องการรู้ทุกธุรกรรม ตรวจสอบทุกธุรกรรม หรือไม่ก็เก็บภาษีจากทุกธุรกรรม

กระนั้นก็ตาม เพียงไม่กี่ปี เราก็ได้เห็นแล้วว่าเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับเงินดิจิทัลก้าวกระโดดขึ้นเพียงใด

ฟันธงไปได้เลยว่าไม่พ้นปีนี้ เราคงได้เห็นเงินดิจิทัลสกุลสำคัญของโลกที่พัฒนาบนบล็อกเชนโดยธนาคารกลางของประเทศนั้นๆ ออกมาใช้กันอย่างแน่นอน

30 มกราคม 2563

ทักษ์ศิล ฉัตรแก้ว

AXIOM

โรงเตี้ยมกลางเวหาแห่งแรก

เรื่อง “ท่องอวกาศ” เป็นหัวข้อหนึ่งที่เราสนใจและติดตามเอาข่าวคราวมาเล่าให้ฟังเสมอ เพราะเราเห็นว่าอาจมีโอกาสสร้างผลตอบแทนในเชิงการลงทุนกับธุรกิจแนวนี้ได้ เพราะ NASA ได้ถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านอวกาศและเปิดโอกาสให้กิจการของเอกชนเข้าร่วมสำรวจอวกาศได้ด้วย

เราจึงติดตามอย่างใกล้ชิด เผื่อว่าโอกาสเปิดแล้วเราเห็นว่าเหมาะเจาะ เราก็จะบอกกล่าวให้รู้กัน

อย่างเมื่อไม่นานมานี้ Richard Branson ก็เพิ่งเอา Virgin Galactic ของตัวเองเข้าตลาดหุ้น และคาดว่าจะนำลูกทัวร์กลุ่มแรกขึ้นท่องอวกาศได้ในปีนี้

กิจการแนวนี้ที่น่าสนใจยังมี Space X ของ Elon Musk และ Blue Origin ของ Jeff Bezos

ล่าสุดมีเรื่องที่น่าสนใจเกิดขึ้น คือ NASA ได้คัดเลือก AXIOM Space กิจการสตาร์ทอัพ ให้จัดสร้างโมดูลสำหรับอยู่อาศัย เพื่อนำไปติดตั้งบนสถานีอวกาศของ NASA ที่เรียกว่า ISS (International Space Station)

พวกเขาเรียกมันว่า “THE HAB” ซึ่งจะถูกนำไปติดตั้งบน ISS ในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 และจะมีด้วยกัน 3 ส่วน (ถ้าดูในรูปประกอบมันดูเหมือนจะเป็นส่วนต่อขยายของ ISS)

ส่วนแรกไว้เป็นที่อยู่ของเจ้าหน้าที่ ส่วนที่สองเป็นห้องวิจัยและห้องปฏิบัติการ ส่วนที่สาม เป็นส่วนห้องพักให้นักท่องเที่ยวมาเช่าอยู่ได้

ใช่ มันจะเป็นโรงแรมแห่งแรกบนอวกาศ โดยมีหน้าต่างบานใหญ่มองมายังโลกได้

ผู้ออกแบบโมดูลเหล่านี้คือ Philippe Starck คนที่เคยออกแบบเรือยอชต์ให้กับ Steve Jobs นั่นเอง

ที่น่าสนใจคือต่อไป AXIOM จะเพิ่มโมดูลเข้าไปอีก จนคิดว่าพร้อมเมื่อไหร่ ก็จะแยกตัวออกจาก ISS

ถึงตอนนั้นมันก็จะกลายเป็นสถานีอวกาศของธุรกิจเอกชน 100% สามารถเสนอบริการเพื่อสร้างรายได้และกำไรเป็นของตัวเองได้

นับเป็น Disruptive Tech อีกด้านหนึ่ง ที่สตาร์ทอัปหน้าใหม่ แสดงให้เห็นศักยภาพว่าฉายแววยิ่งกว่ายักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรม

เราจะคอยติดตามพัฒนาการเหล่านี้อย่างใกล้ชิด เพื่อนำมาเล่าให้ไดอารี่ฟัง เพื่อพร้อมจะเข้าไปลงทุนกับเทคโนโลยีด้านนี้ทันทีถ้าโอกาสเปิด และเราเห็นว่าจะมีช่องสร้างผลตอบแทนได้

1 กุมภาพันธ์ 2563

ทักษ์ศิล ฉัตรแก้ว

“เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ร่วมกับการท่องเที่ยวฮ่องกง จัดเอ็กซ์คลูซีฟ Virtual Event เฉพาะสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีที่เป็นฮ่องกง “Real Fan” ที่มีความคิดถึงและชื่นชอบการเดินทางท่องเที่ยวฮ่องกงจำนวน 50 ท่าน ร่วมสนุกกับ “Taste Around Town Online Tour” หนึ่งในกิจกรรมจากเทศกาล Wine & Dine Festival 2021 ที่มีกำหนดจัดขึ้นในรูปแบบ Virtual Event พร้อมกันทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในวันอังคารที่ 2 พฤศจิกายน 2564 เวลา 14.00 น.- 14.40 น. (เวลาในประเทศไทย) โดยเป็นการถ่ายทอดสดจากเคนเนดี้ทาวน์ ฮ่องกง แหล่งไดน์นิ่งสุดเทรนดี้ของฮ่องกง ผู้เข้าร่วมกิจกรรมสามารถร่วมสำรวจความสวยงามของเคนเนดี้ทาวน์แบบ Virtual สนุกกับการผสมเครื่องดื่มค็อกเทลในรูปแบบ Interactive โดยทางการท่องเที่ยวฮ่องกงจะส่งเซ็ทค็อกเทล ลิมิเต็ด อิดิชันและส่วนผสมต่างๆ มาให้ผู้ร่วมงานทั้ง 50 ท่านถึงบ้าน จะเป็น 40 นาทีที่ผู้เข้าร่วมงานจะได้สัมผัสฮ่องกงและได้รับประสบการณ์แบบเรียลไทม์ โดยสมาชิกบัตรฯ ที่สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมงาน “Wine & Dine Festival 2021” โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ได้ที่ FACEBOOK: KTC WORLD ตั้งแต่ 6 ตุลาคม 2564 – 17 ตุลาคม 2564 เท่านั้น หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ KTC WORLD โทร 02 123 5050

สำหรับงาน “Wine & Dine Festival” ได้จัดเป็นประจำทุกปีที่ฮ่องกง เซ็นทรัล ฮาร์เบอร์ ฟร้อนท์ โดยภายในงานมีการออกบูธร้านอาหารและเครื่องดื่มชั้นนำกว่า 400 ร้าน ที่ทำให้คนที่เข้าร่วมงานได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศ พร้อมชิมอาหาร ไวน์ และเครื่องดื่มรสเลิศ โดยได้มีการปรับเปลี่ยนเป็นการจัดงานในรูปแบบ Virtual Event ครั้งแรกเมื่อปี 2563 เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี และการจัดงานครั้งที่ 2 ในปีนี้ ได้เพิ่มสีสันที่ทำให้ผู้ร่วมงานได้สัมผัสบรรยากาศที่แปลกใหม่ได้ถึงที่บ้าน โดยไม่ต้องเดินทางไปไหน

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ KTC PHONE หมายเลขโทรศัพท์ 02 123 5000 และเว็บไซต์ www.ktc.co.th

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

กรุงเทพฯ –  สกู๊ต สายการบินราคาประหยัดภายใต้การบริหารของกลุ่มสิงคโปร์แอร์ไลน์ และสายการบินราคาประหยัดสำหรับเส้นทางบินระยะไกลที่ดีที่สุดในโลก จากการจัดอันดับของ Skytrax กลับมาให้บริการเส้นทาง ภูเก็ต – สิงคโปร์ โดยจะให้บริการสัปดาห์ละ 3 เที่ยวบิน เริ่มวันที่ ตุลาคม 2564 ด้วยเครื่องบิน A320 หลังจากหยุดให้บริการไปตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)

 ก่อนการแพร่ระบาดฯ จังหวัดภูเก็ตนับเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมระดับต้นๆ ของประเทศไทย จนถูกขนานนามให้เป็น ไข่มุกแห่งอันดามัน โดยมีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเดินทางมาพักผ่อนราว 10 ล้านคนต่อปี และกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ ของนักท่องเที่ยวเดินทางมาด้วยสายการบินราคาประหยัด

 เมื่อประเทศไทยได้ริเริ่มโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ (Phuket Sandbox) ทำให้การเดินทางระหว่างประเทศเพื่อการท่องเที่ยวสามารถกลับมาให้บริการได้อีกครั้ง โดยสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจแล้วกว่า 2,330 ล้านบาท การกลับมาให้บริการของสกู๊ตในเส้นทางการบิน ภูเก็ต – สิงคโปร์ จะช่วยกระตุ้นจำนวนนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางมายังประเทศไทย ตอบรับกับการขยายแผนแซนด์บ็อกซ์ให้ครอบคลุมจังหวัดท่องเที่ยวสำคัญมากขึ้น

 นายเควิน เฉิน ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการค้า สายการบินสกู๊ต กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นเส้นทางการบินสำคัญของสกู๊ตที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง สกู๊ตจึงมีแผนกลับมาให้บริการเส้นทางบินในประเทศไทยอย่างค่อยเป็นค่อยไปเพื่อความปลอดภัย เรามีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้กลับมาทำการบินในเส้นทาง ภูเก็ต – สิงคโปร์ อีกครั้ง เพราะจังหวัดภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญที่ดึงดูดนักเดินทางจากทั่วโลก โดยตลอดช่วงการแพร่ระบาดที่ผ่านมา สายการบินสกู๊ตไม่เคยหยุดปรับตัวให้เท่าทันสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด และเราได้เพิ่มมาตรการเพื่อดูแลสุขภาพของผู้โดยสารและลูกเรือ สกู๊ตทุ่มเทที่จะให้บริการด้วยมาตรฐานสูงสุด เพื่อความอุ่นใจตลอดการเดินทางในเริ่มต้นกลับมาให้บริการนี้

 ในช่วงที่ผ่านมา สกู๊ตได้ยกระดับมาตรการด้านสุขภาพและความปลอดภัยของทุกจุดสัมผัส เช่น มาตรการเว้นระยะห่าง มาตรการลดการสัมผัสในการให้บริการ การเริ่มใช้เครื่องมือตรวจสอบแบบดิจิทัล และมาตรการใหม่อื่นๆ  ส่งผลให้สกู๊ตเป็นสายการบินต้นทุนต่ำรายแรกเดียวที่ได้รับการรับรองมาตรฐานความสะอาดและปลอดภัยสูงสุดจาก APEX Health Safety โดย SimpliFlying และ มาตรฐานการป้องกันโควิด-19 ระดับ 5 ดาว จาก SkyTrax นอกจากนี้ สกู๊ตยังได้รับรางวัล “สายการบินราคาประหยัดสำหรับเส้นทางบินระยะไกลที่ดีที่สุดในโลก” จากเวที Skytrax 2021 World Airline Awards อีกด้วย

 สกู๊ตได้ขยายขีดความสามารถและกลับมาให้บริการในเส้นทางที่เหมาะสม โดยให้บริการแล้วถึง 25 เส้นทาง จากทั้งหมด 68 เส้นทาง โดยในประเทศไทยนอกจากเส้นทาง ภูเก็ต – สิงคโปร์ ที่กลับมาให้แล้ว สายการบินสกู๊ตยังมีบริการเส้นทางการบิน สุวรรณภูมิ - สิงคโปร์  สัปดาห์ละ 11 เที่ยวบิน อีกด้วย

 ตารางเที่ยวบิน ภูเก็ต – สิงคโปร์ เริ่มให้บริการ ตุลาคม 2564

 *เวลาเดินทางเป็นเวลาท้องถิ่น ทั้งนี้ตารางเวลาอาจมีการเปลี่ยนแปลง

# # #

 

มีตัวเลือกบริการคืนเงินและการจองแบบยืดหยุ่น ช่วยให้แฟนบอลสามารถเลือกทีมที่ต้องการเชียร์ได้ในขณะนี้ หรือสามารถเปลี่ยนทีมในภายหลังได้

แพ็กเกจนี้รวมตั๋วเข้าชมการแข่งขันอย่างเป็นทางการ เที่ยวบินไป-กลับ โรงแรม และอื่น ๆ

 6 ตุลาคม 2564

กรุงเทพฯ ประเทศไทย — เหลือเวลาเพียงแค่หนึ่งปีจนกว่าการแข่งขัน ฟีฟ่า เวิลด์คัพ กาตาร์ 2022 (FIFA World Cup Qatar 2022) จะเริ่มขึ้น สายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ส ได้ประกาศเปิดตัวแพ็กเกจการเดินทางเพื่อเอาใจแฟนฟุตบอลแบบไม่เหมือนใคร ซึ่งแพ็กเกจนี้ได้รวมตั๋วเข้าชมการแข่งขัน เที่ยวบินขาไปและกลับ และตัวเลือกที่พัก แฟนบอลสามารถจองตั๋วเข้าชมการแข่งขันเพื่อสนับสนุนทีมโปรดของพวกเขาในระหว่างการแข่งขัน FIFA World Cup Qatar 2022 พร้อมทั้งสามารถเลือกบริการเพิ่มเติมเพื่อท่องเที่ยวในประเทศเจ้าภาพได้อีกด้วย

 ในการเข้าร่วมมีขั้นตอนง่ายๆ เพียงไม่กี่ขั้นตอน โดยแฟนบอลทั่วโลกจะต้องลงทะเบียนเข้าร่วมโปรแกรมสมาชิกพริวิเลจคลับของสายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ส (Qatar Airways Privilege Club) เพื่อเข้าถึงแพ็กเกจการเดินทางพร้อมความยืดหยุ่นในการจองและการสำรองที่นั่งในการแข่งขันที่ต้องการ

การจองแพ็กเกจจะเริ่มด้วยการเลือกทีมโปรดที่ต้องการเชียร์ ซึ่งทีมผู้เข้าร่วมการแข่งขันจะถูกตัดสินโดยการพิจารณาจากรอบคัดเลือก FIFA World Cup ที่กำลังดำเนินอยู่ ในกรณีที่ทีมที่เลือกไม่ผ่านเข้าร่วมรอบทัวร์นาเมนต์ แพ็กเกจจะมีการเสนอตัวเลือกการคืนเงินแบบเต็มจำนวนให้ผู้ซื้อ หรือให้ผู้ซื้อสามารถเลือกเข้าชมการแข่งขันของทีมอื่นแทนได้ (ขึ้นอยู่กับความพร้อมในการให้บริการ)

 เพื่อรับประกันว่าแฟนบอลจะได้รับประสบการณ์จากแพ็กเกจท่องเที่ยวทั้งเจ็ดแพ็กเกจด้วยราคาที่น่าดึงดูดใจ โดยเริ่มต้นที่ 3,800 ดอลลาร์สหรัฐ (USD) ผู้ที่ต้องการท่องเที่ยวในประเทศกาตาร์ระหว่างการเดินทางยังสามารถเลือกที่จะเพิ่มบริการเสริมได้ อาทิ บริการรับ-ส่ง ถึงสนามบิน และทัวร์เที่ยวชมสถานที่ต่าง ๆ เป็นต้น

 แฟนบอลแต่ละท่านสามารถจองการแข่งขันได้ทั้งหมดเจ็ดนัด โดยสามารถรวมแพ็กเกจมากกว่าหนึ่งชุด ในกรณีที่ทีมโปรดของพวกเขาพ่ายแพ้ในรอบทัวร์นาเมนต์ ตั๋วการแข่งขันรอบต่อไปจะออกตรงกับการแข่งขันของหนึ่งในทีมที่ชนะจากกลุ่มเดียวกัน

 นอกจากนี้ แฟนบอลยังสามารถระบุจำนวนผู้เข้าพักที่จะเดินทางด้วยกันและจำนวนห้องที่ต้องการเข้าพัก โดยสามารถเลือกที่พักแบบระดับมาตรฐานไปจนถึงระดับพรีเมียมได้ตามงบประมาณ หากต้องการจองหรือเรียนรู้ข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่: https://www.qatarairways.com/app/fifa2022/

 นายอัคบาร์ อัล บาเกอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มสายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ส กล่าวว่า "เราภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นสายการบินที่จะให้บริการอย่างเป็นทางการสำหรับการแข่งขัน FIFA World Cup Qatar 2022 และนี่เป็นครั้งแรกที่แถบตะวันออกกลางจะได้เป็นเจ้าภาพการแข่งขัน โดยประเทศกาตาร์ได้ถูกรับเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาอันทรงเกียรติที่สุดในโลกในครั้งนี้ เราได้มีการคาดการณ์ถึงจำนวนความต้องการในการเข้าชมตลอดทัวร์นาเมนต์ และตามข้อตกลงของเรากับ FIFA แฟนบอลสามารถมั่นใจที่จะเลือกใช้บริการของเราเพื่อความเพลิดเพลินในการเดินทางครั้งนี้ จากจุดหมายปลายทางกว่า 140 แห่งทั่วโลก เรารับประกันว่าลูกค้าที่ซื้อแพ็กเกจการเดินทางจะได้รับประสบการณ์ที่เติมเต็ม โดยที่ทุกย่างก้าวของการเดินทางจะปราศจากความยุ่งยาก และพวกเขาสามารถจองที่นั่งสำหรับแมตช์ของทีมโปรดได้”

 แพ็กเกจการเดินทางนี้ได้เริ่มวางจำหน่ายแล้วและสามารถเข้าถึงได้ในประเทศต่อไปนี้: ออสเตรเลีย ออสเตรีย เบลเยียม บัลแกเรีย โครเอเชีย ไซปรัส สาธารณรัฐเช็ก เดนมาร์ก ฟินแลนด์ ฝรั่งเศส เยอรมนี กรีซ ฮังการี อินเดีย อินโดนีเซีย ไอร์แลนด์ อิตาลี ญี่ปุ่น มาเลเซีย เนเธอร์แลนด์ นิวซีแลนด์ ฟิลิปปินส์ โรมาเนีย สเปน สวีเดน และไทย ประเทศเพิ่มเติมจะถูกเพิ่มในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า (ขึ้นอยู่กับข้อตกลงในใบอนุญาต)

 สายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ส ได้สนับสนุนการแข่งขัน Concacaf Gold Cup ในปี 2021 และ UEFA Euro ในปี 2020 ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าสายการบินมีพอร์ตโฟลิโอด้านการสนับสนุนกีฬาระดับโลกที่ครอบคลุม ซึ่งรวมถึงหน่วยงานที่ดูแลกีฬาฟุตบอล อาทิ FIFA, CONCACAF และ CONMEBOL ในฐานะพันธมิตรอย่างเป็นทางการของ FIFA กาตาร์ แอร์เวย์ส ได้ให้การสนับสนุนงานสำคัญต่าง ๆ รวมถึง FIFA Club World Cup ในปี 2019 และ 2020 อีกด้วย และจะสนับสนุนการแข่งขันงาน FIFA World Cup Qatar 2022 ในปีหน้า นอกจากนี้ สายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ส ยังให้การสนับสนุนสโมสรฟุตบอลที่ใหญ่ที่สุดในโลก อาทิ Al Sadd SC, Boca Juniors, FC Bayern München, K.A.S., Eupen, และ Paris Saint-Germain

สายการบินแห่งชาติของรัฐกาตาร์ยังคงสร้างเครือข่ายใหม่ๆ ซึ่งปัจจุบันมีจุดหมายปลายทางกว่า 140 แห่งทั่วโลก และด้วยความถี่ของบริการที่มีเพิ่มมากขึ้นในฐานการบินหลัก สายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ส จึงสามารถมอบการเชื่อมต่อที่ไม่มีใครเทียบได้ให้แก่ผู้โดยสาร ทำให้ง่ายต่อการเชื่อมต่อไปยังจุดหมายปลายทางที่ต้องการอย่างราบรื่น

 สายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ส ได้รับรางวัลการันตีคุณภาพมากมาย ไม่ว่าจะเป็นรางวัล 'สายการบินแห่งปี (Airline of the Year 2021)’ โดยสกายแทร็กซ์ (Skytrax) ซึ่งเป็นองค์กรจัดอันดับสายการบินระดับนานาชาติ นอกจากนี้ยังได้รับรางวัลสำคัญอื่น ๆ อีก 5 รางวัลในปีนี้ ได้แก่ ‘ชั้นธุรกิจที่ดีที่สุดในโลก (World’s Best Business Class)’ ‘ห้องรับรองสายการบินชั้นธุรกิจที่ดีที่สุดในโลก (World’s Best Business Class Airline Lounge)’ ‘ที่นั่งสายการบินชั้นธุรกิจที่ดีที่สุดในโลก (World’s Best Business Class Airline Seat)’ ‘อาหารและเครื่องดื่มชั้นธุรกิจที่ดีที่สุดในโลก (World’s Best Business Class Onboard Catering)’ และ ‘สายการบินที่ดีที่สุดในตะวันออกกลาง (Best Airline in the Middle East)’ สายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ส เป็นสายการบินชั้นนำของอุตสาหกรรม โดยได้คว้ารางวัลหลักในปีนี้เป็นครั้งที่หกเป็นประวัติการณ์ (ชนะรางวัลในปี 2011, 2012, 2015, 2017, 2019 และ 2021) และท่าอากาศยานนานาชาติฮาหมัดซึ่งเป็นฐานการบินของกาตาร์ แอรเวย์ส ก็ได้ถูกรับเลือกให้เป็นสนามบินที่ดีที่สุดในโลกอีกด้วย (World’s Best Airport 2021)

 นอกจากนี้ สายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ส ยังเป็นสายการบินระดับโลกรายแรกที่ได้รับการรับรองตามมาตรฐานความปลอดภัยของสายการบินจากโควิด-19 ในระดับ 5 ดาว โดย Skytrax ซึ่งเป็นมาตรฐานเกี่ยวกับมาตรการรักษาสุขอนามัยและความปลอดภัยในช่วงการระบาดใหญ่ของโควิด-19 สิ่งนี้เป็นผลสืบเนื่องมาจากความสำเร็จของท่าอากาศยานนานาชาติฮาหมัด (HIA) ในฐานะสนามบินแห่งแรกในตะวันออกกลางและเอเชียที่ได้รับการจัดอันดับความปลอดภัยของสนามบินจากโควิด-19 ในระดับ 5 ดาวโดย Skytrax รางวัลเหล่านี้ทำให้ผู้โดยสารทั่วโลกมั่นใจได้ว่า มาตรฐานด้านสุขภาพและความปลอดภัยของสายการบินนี้อยู่ภายใต้มาตรฐานสูงสุดของการตรวจสอบและการประเมินอย่างมืออาชีพ สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการทั้งหมดบนเครื่องบินและที่ HIA สามารถอ่านได้ที่ qatarairways.com/safety

 แพ็กเกจท่องเที่ยวสำหรับแฟนบอล

 *ราคานี้เป็นเริ่มต้นต่อท่านสำหรับพักห้องเตียงคู่เพื่อใช้ในการเปรียบเทียบเท่านั้น อาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับเมืองต้นทางและอัตราแลกเปลี่ยน

 

- จบ -

X

Right Click

No right click