

ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี เปิดเบื้องหลังความสำเร็จกับการคว้ารางวัลอันทรงคุณค่าจาก The Asset Triple A Treasurise Awards 2024 สะท้อนความมุ่งมั่นในการเป็นพันธมิตรที่เอสเอ็มอีและลูกค้าธุรกิจไว้วางใจ เป็นธนาคารผู้นำในการพัฒนาโซลูชันสำหรับลูกค้าธุรกิจที่มุ่งตอบโจทย์แต่ละอุตสาหกรรม ด้วยทีมบริหารผลิตภัณฑ์ธุรกิจที่แข็งแกร่ง พร้อมบูรณาการทุกทีมงานที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน ร่วมออกแบบและพัฒนาโซลูชันอย่างไม่หยุดยั้ง ภายใต้การขับเคลื่อนวัฒนธรรมองค์กรเป็นหนึ่งเดียวกัน
นางกนกพร จูฑา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หัวหน้าบริหารผลิตภัณฑ์ธุรกิจ ทีเอ็มบีธนชาต เปิดเผยถึง รางวัล Best Payments and Collections Solution in Thailand ที่ทีทีบี ได้รับจาก The Asset Triple A Treasurise Awards 2024 นิตยสารการเงินชั้นนำแห่งเอเชีย จากความสำเร็จในการออกแบบผลิตภัณฑ์และบริการด้าน Cash Management ที่ตอบโจทย์สำหรับลูกค้า 3 อุตสาหกรรม ได้แก่ 1. รางวัล Best Solutions for Aviation and Logistics Industry 2. รางวัล Best Solutions for Consumer Goods and Retail Industry และ 3. รางวัล Best Solutions for E-Commerce, Media, Technology Industry เป็นการสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาโซลูชันที่ตอบโจทย์ทางธุรกิจให้กับลูกค้า
ทีทีบียึดหลักคิด หลักการทำงานที่ยึดโยงลูกค้าเป็นศูนย์กลาง มุ่งให้ความสำคัญกับการทำความเข้าใจลูกค้าในเชิงลึก วิเคราะห์และตีโจทย์ให้ออกว่าลูกค้ามีความต้องการในด้านใดและกำลังเผชิญปัญหาใดบ้าง ไดนามิคต่าง ๆ ในแต่ละอุตสาหกรรมเป็นอย่างไร เพื่อนำมาออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ได้โซลูชันที่ตอบโจทย์และตรงใจลูกค้ามากที่สุด ภายใต้แนวคิดแบบ Agile โดยมีการ Pilot Test ทดสอบกับลูกค้ากลุ่มเล็กก่อน เพื่อนำข้อเสนอแนะของลูกค้ามาพัฒนาจนมั่นใจว่าโซลูชันที่จะนำออกมานั้นตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างตรงจุดและสร้างความ Impact ให้กับลูกค้าได้จริง โดยมีความพึงพอใจและการเติบโตของลูกค้าเป็นตัวชี้วัดว่าการออกแบบผลิตภัณฑ์และบริการด้าน Cash Management ให้กับลูกค้านั้นประสบความสำเร็จ

เมื่อเข้าใจความต้องการของลูกค้าได้อย่างถ่องแท้แล้ว จึงนำไปสู่การออกแบบผลิตภัณฑ์และบริการด้าน Cash Management ที่มีความโดดเด่น แตกต่าง และสามารถตอบโจทย์ความต้องการของแต่ละอุตสาหกรรมได้
และด้วยความโดดเด่นในการพัฒนาโซลูชันและบริการที่ครอบคลุม ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า SME ทั้งการบริหารจัดการเงินภายในประเทศ และการบริหารความเสี่ยงในด้านการเงินระหว่างประเทศ ช่วยให้ลูกค้าสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างคล่องตัว ลดความเสี่ยง และสามารถตัดสินใจทางธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทำให้ทีทีบี ยังสามารถคว้า รางวัล Best in Treasury and Working Capital - SMEs in Thailand จาก The Asset Triple A Treasurise Awards 2024
“การได้รับรางวัลในครั้งนี้ ถือเป็นความภาคภูมิใจและสำเร็จของทีมงานทุกคน ขอขอบคุณลูกค้าและพันธมิตรของทีทีบีที่ให้ความไว้วางใจและสนับสนุนเราเสมอมา ขอบคุณทีมงานทีทีบีที่ทุ่มเทในการสร้างสรรค์โซลูชันที่ตอบโจทย์ความต้องการและสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับลูกค้า ธนาคารจะมุ่งมั่นยึดหลัก Customer Centric ที่มุ่งเน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ในการพัฒนานวัตกรรมโซลูชันอย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งและผลักดันการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับลูกค้า ตอกย้ำการเป็นธนาคารพันธมิตรเคียงข้างเอสเอ็มอีและลูกค้าธุรกิจในทุกสถานการณ์” นางกนกพร กล่าว
“พฤกษา” จัดกิจกรรม “Live well Stay well Market Fest” มอบประสบการณ์การอยู่อาศัยแบบ “อยู่ดี มีสุข” ให้ลูกบ้านพฤกษาที่ พฤกษา อเวนิว เทพารักษ์ – เมืองใหม่ จัดเต็มกับความสนุก สาระ และกิจกรรมมากมายในสไตล์รักษ์โลก ครอบคลุมการดูแลสุขภาพ ต่อยอดสู่การดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อมให้ลูกบ้านและชุมชน

นางสาวจิตชญา ตู้จินดา รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาดองค์กรกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า พฤกษาเชื่อว่าการมอบประสบการณ์การอยู่อาศัยแบบ “อยู่ดี มีสุข” คือการมอบจุดเริ่มต้นของชีวิตที่จะทำให้ทุกคนได้ค้นพบแรงบันดาลใจและแรงขับเคลื่อนใหม่ไปสู่วันพรุ่งนี้ที่ดีกว่า และเชื่อว่าการมีชีวิตดี สุขภาพดี สังคมดี สามารถเริ่มต้นง่าย ๆ ได้ที่บ้าน ด้วยเหตุนี้ พฤกษาจึงมุ่งมั่นพัฒนาสินค้า บริการ และจัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนให้อยู่ดีมีสุข ซึ่งงาน “Live well Stay well Market Fest” นับเป็นอีกหนึ่งความพิเศษที่พฤกษาจัดขึ้นตามความมุ่งมั่นที่ต้องการส่งมอบการอยู่อาศัยที่ดี โดยได้จัดมาอย่างต่อเนื่องในหลายทำเล ของโครงการพฤกษา และล่าสุดได้จัดขึ้นที่ พฤกษา อเวนิว เทพารักษ์ – เมืองใหม่ เมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งนอกจากจะทำให้ลูกบ้านมีช่วงเวลาดีๆ แล้ว ยังได้ปลูกฝังเรื่องการดูแลสังคม และสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน

ภายในงาน Live well Stay well Market Fest @ พฤกษา อเวนิว เทพารักษ์ – เมืองใหม่ ได้ส่งมอบความอยู่ดีมีสุขให้ลูกบ้าน ด้วยสินค้า บริการ และกิจกรรมดีๆ จากเครือพฤกษาและพันธมิตร ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของทุกคนในครอบครัว ทั้งบริการที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่อย่าง Clickzy.com อีคอมเมิร์ซสำหรับคนรักบ้านและสุขภาพ ที่นำเสนอสินค้าจากร้านค้าพาร์ทเนอร์ชั้นนำมากมาย MyHaus แอปพลิเคชันสมาร์ตโฮมที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการอยู่อาศัย และ WIZLAH TH แอปพลิเคชันตัวช่วยที่ทำให้การออกแบบภายในบ้านและการเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์เป็นเรื่องง่ายขึ้น

ส่วนคนรักสุขภาพก็มีผู้เชี่ยวชาญจาก โรงพยาบาลวิมุต และ โรงพยาบาล วิมุต-เทพธารินทร์ มาให้คำปรึกษา และยังมี โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ มาช่วยดูแลสุขภาพของสัตว์เลี้ยงของลูกบ้าน ด้วยบริการตรวจสุขภาพเบื้องต้นฟรี พร้อมทั้งพันธมิตรของพฤกษาที่เข้ามาเสริมทัพบริการด้านสุขภาพ ได้แก่ (1) แอ็คนอส เฮลท์ แอปพลิเคชัน บริการสุขภาพอัจฉริยะที่ดูแลคุณ ทุกที่ทุกเวลา อย่างเชี่ยวชาญกับบริการคัดกรองโรคด้วย (2) ฟาร์ม แคร์ บริการ Tele pharmacy Platform บริการปรึกษาเภสัชกรแบบออนไลน์ พร้อมบริการส่งยาให้คุณถึงบ้าน เป็นตัวช่วยคัดกรองร้านขายยาคุณภาพสูงเพื่อให้ได้รับบริการที่ดีที่สุด และ (3) แล็บ มูฟ ที่นำบริการเพื่อสุขภาพมาให้บริการถึงบ้าน ได้แก่ บริการตรวจหาเชื้อสาเหตุของสิวจากสถาบันโรคผิวหนัง, ตรวจสุขภาพและเจาะเลือดที่บ้าน, ตรวจหาความเสี่ยงมะเร็งปากมดลูกจากปัสสาวะ, มอบแพ็คเกจตรวจสุขภาพในราคาพิเศษ, และตรวจ HPV จากปัสสาวะฟรี ตามสิทธิ์บัตรทองด้วย
พร้อมกันนี้ ในงานยังมีความรู้ดีๆ ในการดูแลสุขภาพ และความรู้เกี่ยวกับเรื่องบ้านในช่วง Live Well Talk โดยผู้เชี่ยวชาญ และวิทยากรทรงคุณวุฒิ ทั้งความรู้ด้านการรับประทานอาหารเพื่อการดูแลสุขภาพในหัวข้อ Eat well, Stay well โดย ดร.ปัทนภา ศรีชมเชย นักกำหนดอาหารวิชาชีพจาก โรงพยาบาล วิมุต – เทพธารินทร์ เคล็ดลับการเลือกเฟอร์นิเจอร์ให้พอดีกับพื้นที่ โดย WIZLAH TH แนะนำการใช้แอปพลิเคชัน MYHAUS ที่ดูแลเรื่องภายในบ้านได้ง่ายๆ ผ่านปลายนิ้ว และแนะนำวิธีเลือก Solar Cell ที่เหมาะสม เพื่อประหยัดพลังงาน ประหยัดค่าใช้จ่าย จาก GREEN LEAF

ในงานยังมีกิจกรรม Eco-Friendly มุ่งช่วยดูแลสิ่งแวดล้อม อาทิ การปลูกต้นไม้เพื่อสร้างพื้นที่สีเขียวกับโครงการ PRUKSA GREEN PLUS และกิจกรรมส่งเสริมความรู้ในการแยกขยะเพื่อให้น้องๆ ได้มาร่วมสนุกและรับของรางวัลแบบสร้างสรรค์และรักษ์โลก พร้อมทั้งฮีลใจไปกับกิจกรรมแบ่งปันให้สังคมในโครงการ "พี่เหลือ-น้องขอ ส่งต่อความสุข" โดย PRUKSA x มูลนิธิกระจกเงา ซึ่งมีลูกบ้านนำของใช้มือสองมาส่งต่อให้น้อง ๆ ที่ด้อยโอกาส เพื่อสร้างสังคมที่อยู่ดีมีสุขร่วมกัน พร้อมพันธมิตรด้านสิ่งแวดล้อม ได้แก่ วงศ์ไผ่ ซึ่งมาพร้อมกับการให้ความรู้เกี่ยวกับไบโอชาร์ (Biochar) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการปรับปรุงดิน ที่ได้จากกระบวนการย่อยสลายเชิงความร้อนของชีวมวลหรือสารอินทรีย์
สำหรับกิจกรรมความบันเทิงที่มาช่วยสร้างรอยยิ้มให้ลูกบ้าน มีทั้งการประกวด Pet Super Model ที่มีน้องหมาน้องแมวมาอวดโฉมประชันความน่ารัก และ เวิร์กชอป D.I.Y ที่ช่วยสร้างสัมพันธ์อบอุ่นให้กับครอบครัว พร้อมพาเหรดฟู้ดทรัค รวมร้านอร่อยที่เรียงรายมาให้เลือกแบบถูกใจทั้งครอบครัว ทั้งคาว หวาน และเครื่องดื่ม ยกความอร่อยมาถึงโครงการ และความพิเศษที่มอบให้เฉพาะสมาชิก PRUKSA Member สามารถใช้คะแนนสะสม แลกสิทธิ์รับคูปองสำหรับชอปปิง ของใช้ และอาหารในงานได้ โดยทุกร้านในงาน ใส่ใจ เลือกใช้ภาชนะรักษ์โลก และเป็นระบบไร้เงินสด ลดการใช้ทรัพยากร ใส่ใจสิ่งแวดล้อม

และสำหรับสีสันความประทับใจในช่วงค่ำ โชว์สุดพิเศษ “Live well mini concert by KTK bibbidii entertainment” โดยศิลปินจากค่าย บิบบิดี้ เอนเตอร์เทนเมน น้องมิ้น น้องกานต์ น้องตาต้า น้องตงฟาง และ น้องเบสท์ ผู้เข้าประกวดในรายการ KTK คายตะขาบ ที่คุณภาพการันตีโดยคุณ นิว นภัสสร มาร่วมมอบความพิเศษภายในงานด้วย
“กิจกรรม Live well Stay well Market Fest จะเดินหน้าจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องในทำเลต่าง ๆ ของโครงการเครือพฤกษา เพราะเรามุ่งมั่นที่จะพัฒนาที่อยู่อาศัยควบคู่ไปกับการมอบความเป็นอยู่ที่ดี เติมเต็มความสุขให้ลูกบ้าน พร้อมสร้างชุมชนที่ยั่งยืน เพื่อตอกย้ำเจตนารมณ์ที่จะทำให้ทุกชีวิตมีความ “อยู่ดี มีสุข” อย่างแท้จริง” นางสาวจิตชญา กล่าว
บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต นำโดย คุณบุปผาวดี โอวรารินท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายทรัพยากรมนุษย์และภาพลักษณ์องค์กรและการสื่อสารองค์กร (คนกลาง) นำทีมคณะผู้บริหาร พนักงาน และฝ่ายขายจิตอาสา ร่วมเดินหน้าสร้างความยั่งยืนให้กับชุมชน ผ่านกิจกรรมปลูกข้าว พร้อมทั้งมอบคอมพิวเตอร์ ในโครงการ “แผ่นดินทองเพื่อน้องๆ บ้านนานา ปีที่ 17” ณ. มูลนิธิพันธกิจเด็กและชุมชน บ้านนานา อ. แม่สาย จ. เชียงราย ซึ่งเป็นโครงการที่บริษัทฯ จัดทำอย่างต่อเนื่อง และช่วยสร้างรายได้ที่ยั่งยืน โดยสามารถช่วยสร้างผลผลิตข้าวให้แก่ชุมชน จาก 2,000 ก.ก. ต่อปี เพิ่มสูงขึ้นเป็นกว่า 7,000 ก.ก. ต่อปี

กิจกรรมแผ่นดินทองเพื่อน้องๆ บ้านนานา เป็นกิจกรรมที่ตอกย้ำปรัชญาการทำกิจกรรมเพื่อสังคมของ กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต ที่มุ่งเน้น “การให้โอกาส ไม่ใช่เพื่อการกุศล – Opportunity, not Charity” ซึ่งมีจุดมุ่งหมายในการสนับสนุนให้เด็กทุกคนสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างมีความสุข ทั้งยังสามารถแบ่งเบาภาระของผู้ปกครอง รวมทั้งสร้างอาชีพและรายได้ให้กับชุมชน พร้อมทั้งเป็นแรงบันดาลใจ และจุดประกายให้หลายๆ ชุมชนของไทย เชื่อว่าทุกคนทำได้ หรือ Know You Can โดยบริษัทฯ พร้อมอยู่เคียงข้างทุกความเชื่อมั่น ดูแลกันตลอดไป
แผนการพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ.2560-2564) ที่มุ่งเน้นสร้างรายได้ และความเจริญ ความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจให้ครอบคลุมทั้งประเทศโดยให้ภาคเอกชน และประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมดำเนินการร่วมกับภาครัฐ ในการขับเคลื่อนงานให้เกิดประโยชน์ในวงกว้าง จำเป็นต้องมุ่งเน้นมาที่การพัฒนาชุมชน ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มสำคัญสามารถขยายผลให้การสร้างรายได้ และความยั่งยืนให้กับพื้นที่ สามารถสร้างอาชีพ ทั้งด้านการผลิต การค้า และการบริการ และการสร้างการรับรู้ แก่บุคคลภายนนอกเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว มาท่องเที่ยวในรูปแบบการท่องเที่ยวชุมชน เป็นการส่งเสริมการตลาด เพื่อเป็นช่องทางในการจำหน่ายให้กับประชาชนในพื้นที่ให้มีรายได้เพิ่มขึ้น เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในวงกว้าง
ทั้งนี้จังหวัดสตูลโดยสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดสตูล ได้ริเริ่มโครงการสร้างเสริมศักยภาพชุมชนเข้มแข็ง พัฒนาผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น เชื่อมโยงการท่องเที่ยวชุมชนจังหวัดสตูล โดยได้เปิดตัวเส้นทางท่องเที่ยว 8 เส้นทาง ที่เป็นไฮไลท์ของจังหวัดสตูลที่นักท่องเที่ยวเมื่อมาเยือนต้องไม่พลาดที่จะไปท่องเที่ยว และเยี่ยมชมความสวยงาม
-เส้นทางที่ 1 (เช็คอินถิ่นตูล) อำเภอเมือง - สันหลังมังกร ซึ่งจะได้พบกับ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสตูล (คฤหาสน์กูเด็น) ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงเรื่องราวภูมิหลังเมืองสตูลในด้านประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม ประเพณีวิถีชีวิต และโบราณคดี ,ถนนบุรีวานิช ย่านเมืองเก่า ,ชุมชนบากันเคย ,หาดทรายดำ ,เกาะหินเหล็ก และหาดสันหลังมังกร

-เส้นทางที่ 2 อำเภอควนกาหลง - บ้านโตนปาหนัน ซึ่งจะได้พบกับ ชุมชนบ้านโตนปาหนัน ,บ่อน้ำพุร้อนทุ่งนุ้ย บ้านโตนปาหนัน

-เส้นทางที่ 3 อำเภอควนโดน - ชายแดนวังประจัน จะได้พบกับ ตลาดชายแดนวังประจัน ตลาด 2 แผ่นดินไทย - มาเลเซีย, อุทยานแห่งชาติทะเลบัน (ทะเลสวย ที่ไม่ใช่ทะเลน้ำเค็ม) สินค้าวิสาหกิจชุมชนดาหลาปาเต๊ะ อาทิ กระเป๋า, ผ้าบาติก และผ้ามัดย้อม

-เส้นทางที่ 4 อำเภอมะนัง - ถ้ำภูผาเพชร วังสายทอง จะได้พบกับ “Unseen สตูล” อาทิ ถ้ำภูผาเพชรที่เก่าแก่กว่า 450 ล้านปี, น้ำตกวังสายทอง, วัดนิคมพัฒนาราม

-เส้นทางที่ 5 อำเภอท่าแพ - บ้านสาคร จะได้พบกัน ชุมชนสาครที่โอบล้อมด้วยธรรมาติแบบ 360 องศา เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่อุดมสมบูรณ์ที่สุด

-เส้นทางที่ 6 อำเภอละงู – ปราสาทหินพันยอด จะได้พบกับ ปราสาทหินพันยอดที่เป็นภูเขาหินปูนในยุคออโดวิเซียน มีอายุเก่าแก่กว่า 488 ล้านปี และเป็นพื้นที่ถูกประกาศให้เป็นอุทยานธรณีโลก ซึ่งเป็นอุทยานธรณีโลกแห่งแรกของไทย และปันหยาบาติก วิสาหกิจชุมขนที่ผลิต และจำหน่ายผ้ามัดย้อมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และมีฝีมือในการวาดลายผ้าที่สวยงาม โดดเด่น คือ เน้นการใช้สีธรรมชาติในการผลิตชิ้นงาน อาทิ แร่ธาติ, ใบไม้, เปลือกไม้ และผลไม้ และนักท่องเที่ยวยังได้ร่วมทำกิจกรรม Workshop เพนท์ผ้าบาติกด้วยฝีมือตัวเอง

-เส้นทางที่ 7 อำเภอทุ่งหว้า – ท่าข้ามควาย จะได้พบกับชุมชนเล็กๆ ติดกับชายฝั่งทางออกสู่ทะเลอันดามัน ซึ่งมีกิจกรรม อาทิ ให้อาหารเหยี่ยวแดง, ชมฝูงปูก้ามดาบ, ชมฝูงค้างคาวนับหมื่นตัว และล่องเรือชมพระอาทิตย์ตกดิน, พิพิธภัณฑ์บ้านท่าข้ามควาย ที่รวบรวมของเก่าหาดูยาก อาทิ เครื่องมือประมง, อุปกรณ์ทำสวนยาง และเครื่องมือทำนา และจักสานต้นคลุ้มบ้านวังตง ที่มีผลิตภัณฑ์จักสานจากต้นคลุ้ม อาทิ โคมไฟ กระเป๋า และหมวก

-เส้นทางที่ 8 เส้นทางท่องเที่ยว GEOPARK จะได้พบ พิพิธภัณฑ์อุทยานธรณีโลกสตูลนำเสนอข้อมูลทางวิชาการเกี่ยวกับธรณีวิทยา, ซากดึกดำบรรพ์ และโบราณวัตถุในพื้นที่, ถ้ำเลสเตโกดอน เป็นถ้ำเลที่มีความยาวที่สุดในประเทศไทย มีความยาวกว่า 4 กิโลเมตร ในถ้ำมีหินรูปร่างแปลกตา, ซากฟอสซิลที่มีอายุประมาณ 500 ล้านปี เหมาะสำหรับคนชอบท่องเที่ยวแบบ อเวนเจอร์ส และรักธรรมชาติ, สะพานข้ามกาลเวลา เป็นทางเดินริมทะเลเพื่อศึกษาธรณีวิทยากับธรรมชาติเลียบชายฝั่ง ที่มีช่วงหนึ่งของหน้าผาที่ชนกันของหิน 2 ยุค คือ ยุคแคมเบรียน (542 - 488 ล้านปี) กับยุค ออร์โดวิเชียน (488 - 444 ล้านปี) และฉิมเมล่อน เป็นแหล่งเรียนรู้ท่องเที่ยวเชิงเกษตร การปลูกพืชโดยไม่ใช้ดิน การผสมเกสรของเมล่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมล่อนจีโอปาร์คบนพื้นผิวเมล่อน (อัตลักษณ์หนึ่งเดียวในโลก)
“การเปิดเส้นทางท่องเที่ยว 8 เส้นทางที่เป็นไฮไลท์ของจังหวัดสตูล เชื่อว่าจะสามารถสร้างรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่ได้มีรายได้เพิ่มขึ้น โดยเป็นการนำพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน เชื่อมโยงการท่องเที่ยวชุมชนผลักดันให้เป็นซอฟเพาเวอร์ในท้องถิ่นสู่ตลาดสากล และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้ชาวบ้านมีงานทำ”
กองทุนประกันวินาศภัย (กปว.) ได้มีการจัดโครงการเชิงรุก ภายใต้ชื่อ “โครงการบรรยายความรู้เกี่ยวกับบทบาท หน้าที่ และภารกิจของกองทุนประกันวินาศภัย ให้แก่ตัวแทน – นายหน้าประกันภัย และเจ้าหนี้ตามสัญญาประกันภัย ประจำปี 2567 ณ ห้องประชุมลำปลายมาศ โรงแรมแคนทารี โคราช จังหวัดนครราชสีมา โดยมีนายชนะพล มหาวงษ์ ผู้จัดการกองทุนประกันวินาศภัย เป็นประธานในการเปิดโครงการฯ

นายชนะพล มหาวงษ์ ผู้จัดการกองทุนประกันวินาศภัย เป็นวิทยากรบรรยายในหัวข้อ “บทบาท หน้าที่ และภารกิจของกองทุนประกันวินาศภัย” พร้อมประชาสัมพันธ์ถึงขั้นตอนการยื่นคำขอรับชำระหนี้ ในกรณีบริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) ถูกเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัย และได้รับเกียรติจากนายรณภพ ช่วงชู เจ้าหน้าที่ชำนาญการ สำนักงาน คปภ. จังหวัดนครราชสีมา มาบรรยายในหัวข้อ “บทบาท หน้าที่ ภารกิจของสำนักงาน คปภ. เกี่ยวกับการประกันภัย พร้อมทั้งมีการเสวนาเปิดโอกาสตอบข้อซักถาม เพื่อรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของผู้เข้าร่วมโครงการฯ นำมาปรับใช้ในการดำเนินงานของกองทุนฯ และมีการมอบของที่ระลึกภายในงานอีกมากมายให้แก่ผู้เข้าร่วมงาน ซึ่งการจัดโครงการฯ ในครั้งนี้เป็นการเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจให้แก่ตัวแทน – นายหน้าประกันภัย และเจ้าหนี้ตามสัญญาประกันภัย ที่จะเป็นสื่อกลางในการเผยแพร่ความรู้และการเข้าถึงระบบประกันภัย แก่ประชาชนในทุกระดับมีความรู้ ความเข้าใจ ตระหนักถึงคุณค่า ความสำคัญในการสร้างหลักประกันความมั่นคงในชีวิตและทรัพย์สินรวมถึงปกป้องคุ้มครองสิทธิประโยชน์ประชาชนในฐานะผู้เอาประกันภัยได้อย่างเหมาะสม
“เราไม่ใช่แค่ที่ปรึกษาทางเทคนิคเท่านั้น แต่เราสามารถต่อยอดและพัฒนาจากเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญของบริษัทคุณ เพื่อส่งต่อไปให้อีกหลายบริษัทที่ต้องการได้ เปรียบเสมือนเป็นอะแดปเตอร์ที่เปลี่ยนเรื่องยากให้ง่ายขึ้นและเชื่อมโยงธุรกิจใหม่ๆ ได้มาพบกัน เพื่อเติมส่วนที่ขาดให้เต็มแล้วสามารถขยายธุรกิจในตลาดที่กว้างขึ้นได้” เรียวตะ นาคามูระ ผู้ก่อตั้ง บริษัท วายเอ็น ทู-เทค (ประเทศไทย) จำกัด (YN2-TECH)
เรียวตะ เปิดมุมมองการทำธุรกิจของ YN2-TECH ในประเทศไทยว่า ตลอดระยะเวลา 12 ปี บนเส้นทางการทำงานร่วมกับผู้ประกอบการในไทย ทำให้เรียนรู้ว่า คนไทยมองหาคู่ค้าที่มีศักยภาพ และเลือกสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจโดยไม่สนใจเรื่องของขนาดบริษัท แม้จะเป็นบริษัทที่เพิ่งเริ่มต้น หากมีศักยภาพและเป้าหมายชัดเจนในการสร้างโอกาสขยายธุรกิจให้เติบโตได้ คนไทยก็จะเลือกทำธุรกิจด้วย ซึ่งมองว่าเป็นวิธีเลือกพันธมิตรที่ชาญฉลาดและแหลมคมมาก
จากจุดนี้เองทำให้ YN2-TECH ได้รับโอกาสที่ดีจากหลายบริษัทในไทยซึ่งไว้วางใจให้เราเป็นที่ปรึกษาด้านเทคนิคและเปิดรับคำแนะนำเรื่องการนำนวัตกรรมเครื่องจักรผสานเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ และทำให้เราได้เห็นโอกาสในการปรับเปลี่ยนเพื่อพัฒนาสินค้าและบริการอยู่ตลอดเวลา

เรามองว่าสิ่งที่ YN2-TECH มีและส่งต่อให้พันธมิตร นอกจากการให้คำแนะนำด้านการทำการตลาดและต่อยอดทางธุรกิจแล้ว เรานำความรู้จากพันธมิตรทั้งจากญี่ปุ่นและในไทยมาเป็นประสบการณ์เพื่อสรรหาเทคโนโลยีและพัฒนาจนเกิดนวัตกรรมเครื่องจักรที่ตอบโจทย์กับแต่ละธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ และการบริการด้านการบำรุงรักษา งานประกอบเครื่องจักร การจัดหาอะไหล่ เพราะแต่ละอุตสาหกรรมมีความต้องการและอุปสรรค ปัญหาที่ต่างกัน
โดยปัจจุบันเรามีบริษัทพันธมิตรทางการค้าที่เข้าถึงผู้ประกอบการในไทยหลายราย เช่น บริษัท คาวากูจิ เซกิ จำกัด (Kawaguchi Seiki) ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาเครื่องจักรสำหรับอุตสาหกรรมการเกษตร สามารถตอบโจทย์ปัญหาการจัดการของเสีย (Waste management) ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการผลิตและส่งเสริมให้เกิดธุรกิจยั่งยืน นอกจากนี้เรายังมีบริษัท Extrabold Inc. ซึ่งเป็นบริษัทพันธมิตรจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อสอดรับกับการสร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลิตภัณฑ์จากนำวัตถุดิบเหลือใช้ที่ไม่สามารถกำจัดได้ แปรรูปด้วยเทคโนโลยี 3D Printing ที่มีศักยภาพแบบเฉพาะสามารถผลิตเป็นสินค้าใหม่ที่ออกแบบตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคจำหน่ายสู่ตลาด สามารถเป็นอีกทางเลือกเพิ่มรายได้ให้กับลูกค้า ตอบโจทย์เป้าหมายผลิตภาพ (Productivity) ของกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิต

YN2-TECH มองว่าประเทศไทยยังคงเป็นศูนย์กลางที่ดีในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่นักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจ ซึ่งเราได้ลงทุนในหลายประเทศที่ผ่านมา เช่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน อินเดียและจีน ได้พบเห็นความแตกต่างของความต้องการและการเปิดรับด้านความรู้เทคโนโลยี รวมถึงการลงมือทำนำไปต่อยอดธุรกิจที่ชัดเจน ซึ่งผู้ประกอบการไทยเปิดรับสิ่งใหม่ตลอดเวลาและตอบสนองในเชิงนำไปใช้ได้ทันที กล้าลงมือทำและพร้อมเรียนรู้ไปกับอุปสรรคที่เกิดขึ้นซึ่งเป็นสิ่งที่ดีมากในมุมการทำธุรกิจและนักลงทุนต่างชาติมองเห็นข้อดีนี้เช่นกัน
เรามองว่า กลุ่มผู้ประกอบการรายย่อยถึงขนาดกลาง หรือ SMEs ในไทยที่มีจำนวนมาก ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนและเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ แม้ว่าหลายคนจะบอกว่าเศรษฐกิจไทยกำลังชะลอตัว ทำให้การทำธุรกิจต้องหยุดชะงัก แต่ YN2-TECH กลับคิดว่า นี่คือโอกาสในการหยุดพักเพื่อทบทวนการทำงานที่ผ่านมาถึงปัญหา หรืออุปสรรค หาวิธีแก้ไข แล้วเปลี่ยนเป็นข้อดีเพื่อใช้ดำเนินธุรกิจในอนาคต
อีกทั้งการสร้างความร่วมมือจากบุคคลภายนอกด้านศักยภาพเป็นอีกสิ่งที่สำคัญเนื่องจาก YN2-TECH ทำธุรกิจลักษณะ B2B2C (Business-to-Business-to-Customer) เรามีองค์ความรู้ที่หลากหลายจากประสบการณ์ทำงานร่วมกับบริษัทที่มีความชำนาญต่างกัน เรามีความสัมพันธ์อันดีกับพันธมิตรคู่ค้าอย่างแข็งแกร่งทั้งในไทยและต่างประเทศ จึงทำให้การเคียงคู่ไปกับลูกค้าในทุกอุปสรรคนั้น เราสามารถหาวิธีแก้ไขปัญหาและให้คำแนะนำการเลือกใช้เครื่องจักรที่ผสานเทคโนโลยีซึ่งตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างแท้จริง แม้จะมีภาวะเศรษฐกิจถดถอยเข้ามาเป็นปัจจัยด้านการลงทุน

“มองว่าการทำธุรกิจเหมือนกับการเดินขึ้นบันได หากเดินขึ้นได้ต่อเนื่องนั่นคือการพัฒนาและต่อยอดไปข้างหน้า แต่ในยามที่เศรษฐกิจชะลอตัวอาจทำให้เราหยุดก้าว แต่เป็นการยืนอยู่นิ่งๆ ก่อน เพื่อทบทวน มองว่าเป็นโอกาสที่ดีที่เราจะได้มองหาอะไรใหม่ๆ หรือเตรียมตัวรับมือความไม่แน่นอนในอนาคต โดยเปลี่ยน Pain point ลูกค้า เป็นโอกาสพัฒนาและต่อยอดให้ธุรกิจในอนาคตก้าวไปในอีกขั้นอย่างมั่นคง”
ทั้งนี้ ด้วยสินค้าของบริษัทพันธมิตรที่เปรียบเสมือนพรรคพวกของYN2-TECH และบริการของ YN2-TECH มีการพัฒนาอยู่อย่างต่อเนื่องซึ่งเป็นจุดแข็งหลัก และรูปแบบการทำธุรกิจในไทยสร้างความเชื่อถือนำไปเป็นต้นแบบเพื่อใช้ในประเทศอื่นๆ ได้ เนื่องจากไทยคือหนึ่งในประเทศที่ต่างชาติมองว่ามีความท้าทายในการทำธุรกิจ ซึ่งระยะเวลา 12 ปีที่เราทำธุรกิจในไทยและมีการเติบโตต่อเนื่องจึงเป็นหนึ่งในความเชื่อมั่นให้กับพันธมิตรรายใหม่ๆ ที่สนใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทย
เรื่องและภาพ: กองบรรณาธิการ
นางสาววสุมดี วสีนนท์ รองเลขาธิการ ด้านกำกับคนกลางและประกันภัยภูมิภาค สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) ได้รับมอบหมายจาก นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ให้เป็นประธานเปิดงาน “โครงการส่งเสริมผลิตภัณฑ์ประกันภัยเชิงรุกสู่ระดับภูมิภาคอย่างยั่งยืน ปี 2567” ซึ่งจัดโดยสำนักงาน คปภ. ภาค 3 (ขอนแก่น) และสำนักงาน คปภ. จังหวัดเลย โดยมีนายอนุพงศ์ คำภูแก้ว รองผู้ว่าราชการจังหวัดเลย ให้เกียรติกล่าวต้อนรับ ณ ห้องประชุมชัยพฤกษ์ โรงแรมเลย พาเลซ อำเภอเมือง จังหวัดเลย

ในโอกาสนี้ รองเลขาธิการ คปภ. ด้านกำกับคนกลางและประกันภัยภูมิภาค เปิดเผยว่า สำนักงาน คปภ. มีนโยบายส่งเสริมให้ประชาชนทั่วประเทศเข้าถึงระบบประกันภัยและสามารถนำระบบประกันภัยใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงได้อย่างเหมาะสม จึงได้จัดโครงการส่งเสริมผลิตภัณฑ์ประกันภัยเชิงรุกระดับภูมิภาคอย่างยั่งยืนทั่วประเทศ รวม 9 ภาค และในครั้งนี้ได้เลือกจังหวัดเลย ซึ่งเป็นหนึ่งในจังหวัดภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงาน คปภ. ภาค 3 (ขอนแก่น) เป็นพื้นที่จัดโครงการส่งเสริมผลิตภัณฑ์ประกันภัยเชิงรุกสู่ระดับภูมิภาคอย่างยั่งยืน ปี 2567 โดยที่ผ่านมาจังหวัดเลยได้เผชิญกับความเสี่ยงภัยในด้านต่าง ๆ เช่น เหตุเพลิงไหม้อาคารพาณิชย์ครั้งใหญ่ใจกลางเมืองเลย และเหตุเพลิงไหม้โกดังโรงงานยางพาราที่อำเภอนาด้วง ส่งผลให้ทรัพย์สินและกิจการได้รับความเสียหาย ธุรกิจหยุดชะงัก ประกอบกับโครงสร้างเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของจังหวัดเลยมีลักษณะผสมกลมกลืนระหว่างภาคอุตสาหกรรมการเกษตรและการท่องเที่ยวทางธรรมชาติ โดยประชากรส่วนใหญ่ ประกอบอาชีพเกษตรกรรม รองลงมา คือ การรับจ้าง การค้าขาย การอุตสาหกรรม การทำเหมืองแร่ อีกทั้งยังมีผู้ประกอบการรถรับนักท่องเที่ยวเยี่ยมชมแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ

ทั้งนี้ จากสถิตินักท่องเที่ยวในปี 2566 มีจำนวน 3,434,706 คน ดังนั้น เพื่อตอบสนองความต้องการและผลักดันการประกันภัยให้เข้าถึงประชาชนในพื้นที่และใช้ระบบประกันภัยเยียวยาความเดือดร้อนของประชาชนจึงได้ลงพื้นที่ดำเนินโครงการดังกล่าวเพื่อส่งเสริมความรู้ความเข้าใจด้านการประกันภัยที่สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่ ได้แก่ การประกันภัยอุบัติเหตุ การประกันภัยรถตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 การประกันอัคคีภัยสำหรับที่อยู่อาศัย และการประกันชีวิต ผ่านการจัดกิจกรรมเสวนาในหัวข้อ “ระบบประกันภัย คุ้มครองชีวิต เลย ไม่คิด กังวล”

โดยได้รับเกียรติจากผู้ทรงคุณวุฒิจาก 5 หน่วยงาน ประกอบด้วย สำนักงาน คปภ. ภาค 3 (ขอนแก่น) สมาคมประกันวินาศภัยไทย สำนักงานวิสาหกิจชุมชนขนาดกลางและขนาดย่อมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองจังหวัดเลย และเทศบาลเมืองเลย โดยมีผู้ร่วมรับฟังจำนวนกว่า 200 คน ประกอบด้วย กลุ่มผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม กลุ่มผู้ประกอบการรถนำเที่ยว กลุ่มกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง กลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน และกลุ่มผู้นำชุมชนในพื้นที่ นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมบูธประชาสัมพันธ์ด้านการประกันภัยกว่า 18 บูธ จากเครือข่ายพันธมิตรด้านการประกันภัย เพื่อแนะนำผลิตภัณฑ์ประกันภัย บริการให้คำปรึกษาด้านประกันภัย และยังมีการถ่ายทอดสดผ่านสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดเลยอีกด้วย
เอไอเอ ประเทศไทย นำโดย นางสาวรพีพร วงศ์ทองคำ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรและภาพลักษณ์ มอบกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุมูลค่าทุนประกันภัย 2,200,000 บาท แทนคำขอบคุณให้แก่นักชกหญิงฮีโร่โอลิมปิกคนแรกของไทย “บี” จันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง ที่ได้สร้างประวัติศาสตร์คว้าเหรียญทองแดง โอลิมปิก ปารีสเกมส์ 2024 กลับมาฝากชาวไทยได้สำเร็จ พร้อมกันนี้ยังได้มอบกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุมูลค่าทุนประกันภัย 2,200,000 บาท ให้แก่ “โค้ชวิจารณ์” พ.ต.ท.วิจารณ์ พลฤทธิ์ หัวหน้าโค้ชทีมมวยหญิงชุดโอลิมปิก และอดีตนักชกเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ เมื่อปี 2543 อีกด้วย ซึ่งถือเป็นการเดินหน้าสานต่อความมุ่งมั่นของเอไอเอที่ต้องการสนับสนุนการกีฬาไทยให้ก้าวหน้าต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง รวมถึงส่งเสริมคนไทยและผู้คนทั่วเอเชียแปซิฟิกกว่าพันหนึ่งล้านคนให้มีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives’
นอกจากนี้ เอไอเอ ประเทศไทย ขอเป็นตัวแทนคนไทยมอบคำขอบคุณ และส่งกำลังใจให้ทัพนักกีฬาไทยทุกคนที่เสียสละแรงกายแรงใจ ไปร่วมสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยในโอลิมปิก ปารีสเกมส์ 2024 ที่ผ่านมา