December 16, 2025

ไทยประกันชีวิต ได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในบริษัทกลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 ที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social and Governance: ESG) จากการประเมินหลักทรัพย์จดทะเบียน ในปี พ.ศ.2567 โดยสถาบันไทยพัฒน์

นางวรางค์ ไชยวรรณ กรรมการและรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ TLI เปิดเผยว่า บมจ. ไทยประกันชีวิต ได้รับคัดเลือกจากสถาบันไทยพัฒน์ ให้เป็นหนึ่งในบริษัทที่ติดอันดับ ESG100 ประจำปี 2567 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ซึ่งสถาบันไทยพัฒน์คัดเลือกจาก 920 หลักทรัพย์จดทะเบียน โดยไทยประกันชีวิตมีผลการดำเนินงานอันโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ในกลุ่มประกันภัยและประกันชีวิต (Insurance)

“ไทยประกันชีวิต ดำเนินธุรกิจภายใต้วิสัยทัศน์ “มุ่งสู่การเป็นบริษัทประกันชีวิตแห่งความยั่งยืน ที่ส่งมอบคุณค่าให้กับผู้มีส่วนได้เสีย” จึงให้ความสำคัญกับการสร้างความเข้มแข็งและความยั่งยืน โดยบริษัทฯ วางแผนขับเคลื่อนองค์กรผ่านการลงทุนเพื่อพัฒนาด้านเทคโนโลยีดิจิทัล เสริมศักยภาพการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์และประสิทธิภาพการให้บริการ ภายใต้กรอบและกลยุทธ์การดำเนินงานด้านการพัฒนาเพื่อความยั่งยืน “TLI” 3 ข้อ คือ 1) ตอบโจทย์ทุกความไว้วางใจ (Trusted Partner) ในทุกช่วงของชีวิต (Life Stage) ทุกจังหวะชีวิต (Life Event) และทุกรูปแบบการใช้ชีวิต (Lifestyle)  2) เชื่อมประสบการณ์สู่โอกาส (Life Inclusion) ทั้งออนไลน์และออฟไลน์เพื่อให้คนไทยเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัทฯ ได้อย่างสะดวกทั่วถึง และ  3) พร้อมส่งต่อโลกที่ดีกว่า (Infinite World) ด้วยการดำเนินธุรกิจควบคู่การใส่ใจดูแลสิ่งแวดล้อม เพื่ออนาคตสำหรับคนรุ่นต่อไป” นางวรางค์กล่าว

ทั้งนี้ การจัดอันดับของสถาบันไทยพัฒน์ พิจารณาข้อมูลจากการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) และผลประกอบการของบริษัทควบคู่กัน

สำหรับสถาบันไทยพัฒน์ เป็นผู้ริเริ่มพัฒนาข้อมูลด้านความยั่งยืนของธุรกิจ ได้เปิดเผยรายชื่อหลักทรัพย์จดทะเบียนที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้าน ESG จำนวน 100 บริษัท หรือที่เรียกว่ากลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 เป็นครั้งแรกในปี 2558 และได้มีการเก็บรวบรวมข้อมูลด้านความยั่งยืนของบริษัทจดทะเบียนและดำเนินการต่อเนื่องมาเป็นปีที่สิบในปีนี้

ขณะที่ การจัดอันดับบริษัทจดทะเบียนด้านการพัฒนาความยั่งยืนของธุรกิจนี้ ถือเป็นแหล่งข้อมูลด้านความยั่งยืนของบริษัทจดทะเบียน เพื่อรองรับความต้องการของผู้ลงทุนที่ให้น้ำหนักการลงทุนในบริษัทที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ และเป็นทางเลือกให้ผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในหลักทรัพย์จดทะเบียนที่มีคุณภาพและได้รับผลตอบแทนที่มิได้ด้อยไปกว่าการลงทุนในแบบทั่วไป

นายปรเมศวร์ นิสากรเสน ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่-การบริหารกลาง เอสซีจี (ที่ 2 จากซ้าย) นายพิศาล สัญญะเดชากุล Corporate Innovation Director (ซ้ายสุด) , และ Origgin Ventures CEO บริษัท Origgin Ventures (ที่ 2 จากขวา), Mr. Clarence Tan, Origgin Ventures Director และ Ms. Lum Yi Chyi (ขวาสุด)เพื่อสร้างความร่วมมือในการนำนวัตกรรมและทรัพย์สินทางปัญญา มาสร้างโอกาสทางธุรกิจเชิงพาณิชย์ ประกอบไปด้วย  1. Licensing-out (Tech Outsourcing) และการสร้างสรรค์ธุรกิจร่วม (Venture Co-Creation) ซึ่งจะช่วยผลักดันนวัตกรรมและทรัพย์สินทางปัญญาของเอสซีจี เพื่อเพิ่มมูลค่าและสร้างโอกาสในการสร้างสรรค์ธุรกิจใหม่  2. Licensing-in (Tech Insourcing) การคัดสรรนวัตกรรมจากเครือข่ายระดับภูมิภาคที่กว้างขวางของ Origgin Ventures เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการพัฒนานวัตกรรมให้กับเอสซีจี

งานดังกล่าวได้รับเกียรติจากผู้บริหารระดับสูงจากสององค์กรร่วมงาน  ทั้งนี้  ดร. สุวิทย์ คุณกิตติ Chairman Origgin Ventures Thailand กล่าวถึงความสำคัญของการผสานพลังจากสององค์กรชั้นนำในครั้งนี้ว่า “Origgin Ventures เป็นบริษัทระดับนานาชาติที่มีสาขาในเอเชีย อาทิ สิงคโปร์ ไทย มาเลเซีย ญี่ปุ่น และจีน มีความมุ่งมั่นในการสร้างความร่วมมือในรูปแบบของ Venture Co-Creation ซึ่งเป็นการสร้างและพัฒนาธุรกิจใหม่ โดยร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในประเทศและต่างประเทศ”

ดร. ชวลิต กมลสถิตกุล, Head of IP Management, Corporate Innovation Office เอสซีจี กล่าวเสริมว่า “เอสซีจี มีโปรแกรม IPWealth สำหรับการทำ Licensing-out และวางแผนในการสร้าง License Ecosystem เพื่อเพิ่มความสามารถในการขับเคลื่อนนวัตกรรมและทรัพย์สินทางปัญญาเข้าสู่ตลาดใหม่ และเพิ่มความรวดเร็วในการทำงาน ซึ่งทาง Origgin Ventures มีเครือข่ายระดับภูมิภาคที่กว้างขวาง ซึ่งทำให้งานดังกล่าวประสบความสำเร็จ”

นายปิยศักดิ์ เตชะเสน (ที่ 2 จากซ้าย) รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส พร้อมด้วยทีมบริหารช่องทางการขาย “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) จัดงานสัมมนาใหญ่ประจำปี 2024 (Outsource Sales Conference) พร้อมเปิดเวทีทอล์คทรงพลังHeal Heart Smart Sales : เทคนิคอัพเวล ขายยังไงให้ใจฟู" ให้กับผู้แนะนำผลิตภัณฑ์ทางการเงินเคทีซี (อิสระ) ที่ผ่านการคัดเลือกจากทั่วประเทศกว่า 300 คน เพื่อเสริมสร้างแรงบันดาลใจ และปลุกพลังพิชิตเป้าหมายสู่ความสำเร็จในอาชีพนักขายจากสองวิทยากร ดีเจพี่อ้อย - นภาพร ไตรวิทย์วารีกุล (กลางซ้าย) กูรูด้านความสัมพันธ์ ที่มาร่วมปันสุขเติมเต็มหัวใจอย่างยั่งยืน ในหัวข้อ "วิธีฮีลใจ วันไหนๆ ก็ใจฟู" และรศ.ดร.โอภาส กิจกำแหง (กลางขวา) อาจารย์นักการตลาด ผู้จุดติดศักยภาพงานขาย พิชิตเป้าหมายสู่ความสำเร็จ ในหัวข้อ "Good & Growth Mindset get 3EX" พร้อมเปิดช่วงให้นักขายแลกเปลี่ยนมุมมอง และแชร์เป้าหมายการทำงานและการใช้ชีวิต เมื่อเร็วๆ นี้ ณ โรงแรม Avani Sukhumvit

ทั้งนี้ เคทีซีได้ให้ความสำคัญกับการดูแลและพัฒนาศักยภาพบุคลากรทุกระดับอย่างต่อเนื่อง รวมถึงกลุ่มนักขาย ซึ่งเป็นตัวแทนของเคทีซีที่มีบทบาทสำคัญในการแนะนำผลิตภัณฑ์ทางการเงินให้กับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เคทีซีจึงได้เสริมสร้างความรู้ความเข้าใจในทักษะต่างๆ ทั้ง Soft Skills และ Hard Skills เพื่อเพิ่มศักยภาพในการขาย ให้รับมือกับการแข่งขันทางธุรกิจ พร้อมเทคนิคการเจรจาต่อรองและการรับมือภายใต้สภาวะความกดดันต่างๆ เพื่อพัฒนาศักยภาพด้าน EQ และเติมเต็มสมรรถภาพทางการขายให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

กฟผ. เปิดโอกาสให้ นิสิต นักศึกษา หรือกลุ่ม First Jobber ทั่วประเทศ ที่ชื่นชอบการเล่าเรื่อง การสร้างContent ให้น่าสนใจ ได้มีเวทีแสดงความสามารถ และความคิดสร้างสรรค์ ในการผลิตวิดีโอผ่านแพลตฟอร์ม Social media อย่างสร้างสรรค์ เพื่อสรรหาคนรุ่นใหม่ที่ "กล้า" คิด - ทำ - สื่อสาร ในเรื่องราวด้านพลังงานที่เป็นประโยชน์ ครอบคลุมเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับ การดำเนินงานของ กฟผ. การเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ เป็นผู้นำด้านนวัตกรรม พลังงาน ตลอดจนเป็นองค์กรที่มุ่งสู่ความ เป็นกลางทางคาร์บอน ส่งเสริมพลังงานสะอาด ชิงเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 100,000 บาท พร้อมประกาศนียบัตร

คุณสมบัติ

- นิสิต นักศึกษา หรือกลุ่ม First Jobber ทั่วประเทศ ที่มีอายุไม่เกิน 25 ปี

- รวมทีม โดย 1 ทีม ต้องมีสมาชิก อย่างน้อย 3 คน

การสมัครและส่งผลงาน

ส่งผลงานวิดีโอเข้าประกวด ความยาวไม่เกิน 3 นาที แนวตั้ง รอบคัดเลือก รอบที่ 1 แนะนำทีมให้เป็นที่รู้จัก ในหัวข้อ “Being with WE ” #กฟผ. สร้างความสุข เพื่อให้รู้จัก ตัวตนและคนในทีมและการเล่าถึงการผลิตไฟฟ้าของ กฟผ. ว่าสามารถสร้างความสุขให้เกิดขึ้น กับเราและคนรอบข้างได้อย่างไร

ทีมที่ผ่านการคัดเลือก จะได้รับโอกาสเข้าศึกษาดูงาน ณ โรงไฟฟ้าพระนครเหนือ จ.นนทบุรี และโรงไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริด (Hydro-floating Solar Hybrid Power Plant) ณ เขื่อนสิรินธร จ.อุบลราชธานี   โอกาสดีๆมาแล้วไม่ควรพลาด

เปิดรับสมัครรอบแรก ตั้งแต่วันที่ 6 - 31 สิงหาคม 67  

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook Page DIGIWAR

แว่นท็อปเจริญ ตอกย้ำความเป็นผู้นำบริการด้านสายตาครบวงจร เดินหน้าเปิดดำเนินธุรกิจร้านแว่นตาเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจภาพรวมในตลาดอาเซียนต่อ ปักหมุดประเทศเพื่อนบ้าน “สปป. ลาว” เป็นจุดหมายประเทศที่ 2 ถัดจากกัมพูชา พร้อมก้าวสู่การเป็น “ผู้นำธุรกิจแว่นตาที่เชี่ยวชาญครบวงจร พร้อมดูแลสายตาทุกคนในภูมิภาคอาเซียน” อย่างเต็มภาคภูมิ

นายนพศักดิ์ ตรีพรชัยศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ร่วมเจริญพัฒนา จำกัด (มหาชน) เผยว่า แว่นท็อปเจริญ มุ่งสร้างความแข็งแกร่งของการดำเนินธุรกิจแว่นตาในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ตั้งเป้าเป็นผู้นำธุรกิจร้านแว่นตาแบบครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน พร้อมชูคอนเซ็ปต์ Powering All Visions ออกสู่สากล โดยได้เปิดดำเนินกิจการพร้อมจดทะเบียนบริษัทก่อตั้งธุรกิจอย่างเป็นทางการ ณ กรุงเวียงจันทน์ สปป. ลาว เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา โดยเล็งเห็นศักยภาพทั้งด้านการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว รวมถึงช่องทางและโอกาสในการดำเนินธุรกิจแว่นตาและอีกหลายปัจจัยสนับสนุนที่ทำให้ สปป. ลาว เป็นประเทศที่น่าลงทุน โดยที่ผ่านมา แว่นท็อปเจริญมีฐานลูกค้าจากสปป. ลาว ที่เดินทางข้ามมาใช้บริการที่ร้านแว่นท็อปเจริญในหลายจังหวัด อาทิ จังหวัดหนองคาย บึงกาฬ นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี

ทั้งนี้แว่นท็อปเจริญ มีความมุ่งมั่นและตั้งใจที่จะพัฒนาคุณภาพสินค้าและบริการให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ภายใต้วิสัยทัศน์ “ผู้นำการบริการด้านสายตาที่เชี่ยวชาญแบบครบวงจร พร้อมให้การดูแลที่ดีที่สุดสำหรับทุกคนในอาเซียน”

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) และ ดร.ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงภายใต้โครงการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูล ESG เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนระบบนิเวศสำหรับการเงินเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Finance) ณ สำนักงานตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2567 รวมถึงข้อมูลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ผ่านระบบ ESG Data Platform และสนับสนุนระบบ SET Carbon สำหรับลูกค้าของธนาคารให้มีการดำเนินงานตามเป้าหมายความยั่งยืน โดย SET และ EXIM BANK จะร่วมกันพัฒนาสินเชื่อจากการใช้ข้อมูลด้าน ESG ประกอบการพิจารณาตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ปี 2567 และเริ่มให้บริการในปี 2568 ซึ่ง EXIM BANK ในฐานะ Green Development Bank ได้พัฒนานวัตกรรมทางการเงินสีเขียว พร้อมสิทธิประโยชน์ทางการเงินอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมอยู่ใน Green Export Supply Chain สามารถปฏิบัติตามมาตรฐานสากลด้านสิ่งแวดล้อมและบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์

ชูเรทติ้งใหม่ที่ระดับ AA- พร้อมเสนอขายประชาชนทั่วไป 19-21 สิงหาคม 2567

เฮอร์บาไลฟ์ บริษัทชั้นนำด้านโภชนาการและความเป็นอยู่ที่ดีระดับโลก ได้รับสัญลักษณ์ ทางเลือกสุขภาพ จากมูลนิธิส่งเสริมโภชนาการ ในพระราชูปถัมภ์ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และเครื่องหมาย “อาหารรักษ์หัวใจ” จากมูลนิธิหัวใจแห่งประเทศไทย สำหรับเครื่องดื่มนิวทริชันแนล โปรตีน ดริ้งค์ มิกซ์ ที่ผ่านเกณฑ์คุณค่าทางโภชนาการ ซึ่งนับเป็นปีที่ 7 ติดต่อกันที่เฮอร์บาไลฟ์ได้รับการสัญลักษณ์ดังกล่าว

นายอธิปพงษ์ ผดุงเกียรติวงศ์ กรรมการผู้อำนวยการ เฮอร์บาไลฟ์ ประเทศไทย กล่าวว่า “เรารู้สึกภาคภูมิใจและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ผลิตภัณฑ์ของเราได้รับสัญลักษณ์ “ทางเลือกสุขภาพ” และ “อาหารรักษ์หัวใจ” ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงความมุ่งมั่นของเราในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ เรายังทุ่มเทเพื่อส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีให้ผู้คนและชุมชน ผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์โภชนาการคุณภาพสูง ที่มีจำหน่ายผ่านผู้จำหน่ายอิสระของเฮอร์บาไลฟ์เท่านั้น”

ผลิตภัณฑ์โภชนาการของเฮอร์บาไลฟ์ 6 รายการที่ผ่านเกณฑ์คุณค่าทางโภชนาการและได้รับตราสัญลักษณ์ “อาหารรักษ์หัวใจ” และ “ทางเลือกสุขภาพ” ได้แก่ เครื่องดื่มนิวทริชันแนล โปรตีน ดริ้งค์ มิกซ์ กลิ่นช็อกโกแลต, เครื่องดื่มนิวทริชันแนล โปรตีน ดริ้งค์ มิกซ์ กลิ่นวานิลลา, เครื่องดื่มนิวทริชันแนล โปรตีน ดริ้งค์ มิกซ์ กลิ่นสตรอเบอร์รี, เครื่องดื่มนิวทริชันแนล โปรตีน ดริ้งค์ มิกซ์ กลิ่นช็อกโกแลตมินต์, เครื่องดื่มนิวทริชันแนล โปรตีน ดริ้งค์ มิกซ์ กลิ่นคุกกี้และครีม และเครื่องดื่มนิวทริชันแนล โปรตีน ดริ้งค์ มิกซ์ กลิ่นคาเฟ่ ลาเต้ ซึ่งผลิตภัณฑ์ทั้งหมดนี้เป็นแหล่งของโปรตีน โปรตีนจำเป็นต่อการเจริญเติบโตและสำคัญต่อสุขภาพ

โครงการสัญลักษณ์โภชนาการ "ทางเลือกสุขภาพ" จัดขึ้นโดยมูลนิธิส่งเสริมโภชนาการในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โครงการนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมให้ผลิตภัณฑ์ อาหารหรือเครื่องดื่มมีคุณค่าทางโภชนาการผ่านเกณฑ์เหมาะสมในแง่ของปริมาณน้ำตาล ไขมัน และโซเดียม เพื่อช่วยให้ผู้บริโภคสามารถตัดสินใจเลือกซื้ออาหารให้สอดคล้องกับการมีภาวะโภชนาการที่เหมาะสมได้ง่ายขึ้น

ด้านตราสัญลักษณ์ “อาหารรักษ์หัวใจ” เป็นเครื่องหมายที่มอบให้กับผลิตภัณฑ์อาหารที่ผ่านเกณฑ์คุณค่าทางโภชนาการ ซึ่งเน้นอาหารที่มีการลด หวาน มัน เค็ม และมีใยอาหารสูง ซึ่งลดปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ออกให้โดยมูลนิธิโรคหัวใจแห่งประเทศไทยฯ ร่วมกับภาควิชาโภชนวิทยา คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ภายใต้โครงการ "อาหารรักษ์หัวใจ"

นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์โภชนาการอื่น ๆ ที่ได้รับสัญลักษณ์ “ทางเลือกสุขภาพ” ได้แก่ เฮอร์บาไลฟ์24 ฟอร์มูล่า วัน ดริ้งค์ มิกซ์, และ ชาเขียวสกัดชนิดผง (ทุกกลิ่น) เครื่องดื่ม ไฮโปรตีน ไอซ์ คอฟฟี่ ดริ้งค์ มิกซ์ กลิ่นคาเฟ่ ลาเต้ และ กลิ่นมอคค่า ส่วนผลิตภัณฑ์ที่ได้รับสัญลักษณ์ “อาหารรักษ์หัวใจ” ได้แก่ เพอร์ซันนัลไลซ์ โปรตีน พาวเดอร์ ดริ้งค์ มิกซ์ รวมทั้ง เครื่องดื่มไฮโปรตีน ไอซ์ คอฟฟี่ ดริ้งค์ มิกซ์ กลิ่นคาเฟ่ ลาเต้ และกลิ่นมอคค่า

บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ TIP รักษาความแข็งแกร่งและตอกย้ำความเป็นผู้นำในตลาดประกันภัยไทย ด้วยการได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือทางการเงิน (Financial Strength Rating) ที่ระดับ A- (Excellent) ติดต่อกัน 6 ปีซ้อน จาก AM Best Company สถาบันจัดอันดับทางการเงินชั้นนำของโลก ประจำปี 2023 อีกทั้งยังยกระดับความน่าเชื่อถือ (Revise Outlook) เป็น “Stable” สะท้อนถึงประสิทธิภาพและความสามารถในการบริหาร

โดยการปรับระดับมุมมองนี้มาจากผลการดำเนินงานที่โดดเด่น ทั้งในด้านการรับประกันภัยและการลงทุน ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังมีการบริหารความเสี่ยงที่รัดกุม แม้เผชิญกับภาวะเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมที่ผันผวนสิ่งเหล่านี้ยืนยันถึงความมุ่งมั่นและความพร้อมของบริษัทฯ ในการดูแลและสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนด้วยการให้บริการที่ดีที่สุดตลอดไป

การจัดอันดับนี้ไม่เพียงแต่ยืนยันถึงความเป็นเลิศในการดำเนินธุรกิจ แต่ยังสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคอีกด้วย

พร้อมต่อยอดแคมเปญ ภายใต้สโลแกน “ลดการพรินต์ เพิ่มการปลูก สู่หมื่นต้นกับ AIA+” ชวนลูกค้าลดใช้กระดาษ หันมาใช้ e-Document และ e-Receipt บนแอปพลิเคชัน AIA+

X

Right Click

No right click