บริหารธุรกิจและการจัดการ สจล. เป็นหลักสูตรที่มีอยู่เดิม และในปัจจุบันมีการปรับเปลี่ยนให้ทันสมัยขึ้น เพื่อรับกับบริบทของโลกที่เปลี่ยนไป ผศ.ดร.วอนชนก ไชยสุนทร รองคณบดีคณะการบริหารและจัดการ อาจารย์ประจำหลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต ภาควิชาบริหารธุรกิจและการจัดการ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง หรือ สจล. กล่าวถึง ภาควิชาบริหารธุรกิจและการจัดการว่า มีหลักสูตรครอบคลุมทุกระดับ เริ่มจากในระดับปริญญาตรี คือหลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต ซึ่ง สจล. เปิดการเรียนการสอนมานานเป็นระยะเวลากว่า 20 ปี มีการบ่มเพาะองค์ความรู้ที่เป็นจุดเด่นของ สจล. ในด้านการเป็นผู้นำทางเทคโนโลยี เนื่องจากเป็นหลักสูตรบริหารธุรกิจที่อยู่ในสถาบันเทคโนโลยี จึงมีจุดเด่นในด้านการผนวก 2 ศาสตร์ คือ ศาสตร์การบริหารธุรกิจและศาสตร์ทางด้านเทคโนโลยีเข้ารวมกัน ครอบคลุมถึงการบริหารธุรกิจในอุตสาหกรรมต่างๆ และแน่นอนว่าศาสตร์ด้านบริหารธุรกิจเป็นศาสตร์ที่ไม่มีการหยุดนิ่ง การดำเนินงานของหลักสูตรและการจัดการเรียนการสอนจึงต้องมีการพัฒนาและปรับปรุงให้สอดคล้องต่อสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง
บัณฑิตที่สำเร็จการศึกษาจากคณะการบริหารและจัดการมีจุดเด่นที่แตกต่างคือมีความรู้ความสามารถทางเทคโนโลยีที่แข็งแกร่งกว่า จึงสามารถปรับตัวให้เข้ากับกระแสสังคมในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี ผนวกรวมกับคุณลักษณะเด่นของบัณฑิตของสถาบัน “ซื่อสัตย์ ใฝ่รู้ สู้งาน” บัณฑิตของคณะ จึงมีลักษณะของการเป็นนักบริหารธุรกิจที่ไม่นั่งติดโต๊ะ พร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงและสามารถปรับตัวได้หลากหลายสายงาน ทั้งในสายการเงิน หรือเทคโนโลยี รวมถึงสายงานที่ทันสมัยในปัจจุบัน เช่น Data Scientist, Digital Marketing เป็นต้น รวมถึงการก้าวเข้าสู่การเป็นผู้ประกอบการ ซึ่งการจัดการเรียนการสอนของหลักสูตรมีส่วนสนับสนุนการประอาชีพเป็นอย่างแน่นอน จึงนับว่าเป็นจุดแข็งและความได้เปรียบของหลักสูตร เพราะมีโอกาสเติบโตชัดเจน สอดคล้องกับทิศทางตลาดแรงงานวันนี้ ยิ่งไปกว่านั้นในอนาคตอันใกล้จะมีการเปิดรับสมัครนักศึกษาระดับปริญญาตรีในสาขาวิชาเฉพาะทางมากยิ่งขึ้น ทั้งสาขาการบริหารเทคโนโลยี และสาขาการบริหารธุรกิจอุตสาหกรรม อีกด้วย
ส่วนระดับปริญญาโท คือ หลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต หรือ MBA ซึ่งเป็นหลักสูตรที่ผลิตมหาบัณฑิตมาอย่างยาวนานกว่า 20 รุ่น แต่จุดสำคัญของปีการศึกษา 2561 นี้ สามารถเรียกได้ว่าเป็นหลักสูตร MBA ฉบับปรับปรุงใหม่แกะกล่อง โดยการปรับปรุงครั้งนี้ มุ่งเน้นให้ผู้เรียนก้าวทันกระแส Industrial 4.0 โดยการเรียนการสอนในระดับปริญญาโทของคณะการบริหารและจัดการ สจล. ถึงแม้จะเป็นเสมือนสาขาบริหารธุรกิจทั่วไป แต่มีรายวิชาให้ผู้เรียนได้เลือกอย่างหลากหลายตามความสนใจ อาทิ นวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ การจัดการธุรกิจบริการและเทคนิคการบริการลูกค้า การจัดการทางการเงินขั้นสูง การจัดการผลิตภัณฑ์ดิจิทัล ทุนมนุษย์ในการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 รวมถึงการจัดการทรัพยากรมนุษย์ทางเทคโนโลยีสารสนเทศ และยิ่งไปกว่านั้น ในปัจจุบันคณะการบริหารและจัดการยังมีหลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการกีฬา สื่อและบันเทิง อีกด้วย
ผศ.ดร.วอนชนก เล่าถึงจุดเด่นของหลักสูตร MBA ว่า มีความโดดเด่นและมีชื่อเสียงด้านการบริหารเทคโนโลยีและการบริหารอุตสาหกรรม เนื่องจากมีความน่าเชื่อถือและเป็นที่รู้จักมาอย่างยาวนาน รวมถึงการเปิดกว้างให้แก่ผู้เรียนที่จบมาจากทุกสาขา และไม่จำกัดเฉพาะผู้ที่จบในสาขาบริหารธุรกิจเท่านั้น เนื่องจากหลักสูตรมีรายวิชาปรับพื้นฐาน เพื่อเตรียมความพร้อมต่อการเป็นมหาบัณฑิต MBA ได้อย่างแน่นอน ซึ่งการเปิดกว้างในลักษณะนี้จะสนับสนุนให้ผู้เรียนสามารถนำองค์ความรู้ที่ได้จากการเรียนบริหารธุรกิจ ไปต่อยอดจากความรู้เดิมที่แต่ละคนมี ไม่ว่าจะเป็นวิศวกรรมศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ตลอดจนสายการแพทย์การพยาบาล เป็นต้น ยิ่งไปกว่านั้นหลักสูตร MBA ของลาดกระบัง ยังเป็นหลักสูตรที่รองรับบุคลากรในภาคอุตสาหกรรมโดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม ทางกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก บางนา สมุทรปราการ ชลบุรี ระยอง และพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมใกล้เคียง เนื่องจากนักศึกษาสามารถเดินทางมาเรียนที่ สจล.ได้อย่างสะดวกสบาย
“นักศึกษาระดับปริญญาโทจำนวนกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ เป็นคนที่มีประสบการณ์ทำงานมาอย่างน้อย 1-2 ปี และทำงานเป็นผู้บริหารระดับต้นถึงระดับกลาง เป็นบุคคลที่ต้องการพัฒนาความรู้และประสิทธิภาพในการทำงานให้เพิ่มขึ้น รวมถึงผู้ที่ต้องการปรับเปลี่ยนสายงานไปสู่งานด้านการบริหารองค์กร ดังนั้นความแข็งแกร่งทางวิชาการ ความน่าเชื่อถือและความมีชื่อเสียงของสถาบัน ผนวกกับความสะดวกในการเดินทางมาเรียน จึงเป็นส่วนสำคัญอย่างมากที่ทำให้นักศึกษาจำนวนมากตัดสินใจเลือกเรียนที่นี่มาอย่างยาวนานและต่อเนื่อง ยิ่งไปกว่านั้นการที่ผู้เรียนมีจบมาจากสาขาวิชาที่แตกต่างกัน ก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ บูรณาการมุมมองอย่างหลากหลาย พร้อมทั้งมีคณาจารย์จำนวนมากที่สามารถให้การดูแลและเอาใส่ใจ เพื่อให้นักศึกษาที่จบออกไปมีคุณภาพที่ดีที่สุด”
ในส่วนของการศึกษาระดับปริญญาเอก หรือหลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาบริหารธุรกิจอุตสาหกรรม ของภาควิชาบริหารธุรกิจและการจัดการ เป็นหลักสูตรที่ได้รับการตอบรับจากผู้ที่สนใจเข้าศึกษาเป็นจำนวนมาก แต่เพื่อให้การดูแลการจัดการเรียนเป็นไปอย่างมีคุณภาพ ในปัจจุบันจึงชะลอการรับนักศึกษาใหม่ แต่ ผศ.ดร.วอนชนก บอกว่าในภาคเรียนต่อไป จะเปิดรับสมัครนักศึกษาใหม่อย่างแน่นอน เนื่องจากในปี 2562 จะถือว่าเป็นปีแห่งความพร้อมของคณะ ที่มีแผนจะเปิดรับนักศึกษาระดับปริญญาเอก สาขาการบริหารธุรกิจอุตสาหกรรม ซึ่งแน่นอนว่าครอบคลุมอุตสาหกรรมทุกด้าน ไม่ว่าเป็นอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมการนำเข้า-ส่งออก ธุรกิจระหว่างประเทศ ท่องเที่ยว และอื่นๆ โดยนักศึกษาระดับปริญญาเอกของคณะส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการธุรกิจหรือเป็นบุคคลที่ตำแหน่งทางการบริหารระดับสูง ซึ่งจะมีความเชี่ยวชาญที่หลากหลายในแต่ละสายงาน เมื่อเข้ามาศึกษาต่อ จึงเป็นเน้นการพัฒนาต่อยอดองค์ความรู้และประสบการณ์ที่มีผนวกเข้ากับการค้นคว้า วิจัย วิเคราะห์ข้อมูลตามความสนใจ เพื่อให้ได้องค์ความรู้ใหม่ที่จะนำไปสู่การประกอบอาชีพได้อย่างยั่งยืน
พิจารณาได้จากผลงานวิจัยหรือวิทยานิพนธ์ของนักศึกษา ที่สามารถนำไปใช้ได้จริงอุตสาหกรรมที่หลากหลาย เช่น ในวงการอสังหาริมทรัพย์ สิ่งทอ แฟชั่น เนื่องจากการเรียนการสอนจะมุ่งเน้นให้นักศึกษามีคุณลักษณะเป็นนักวิจัย ที่พร้อมแก่การวิเคราะห์ เจาะลึกถึงข้อมูลและพฤติกรรมของผู้บริโภค ผ่านการใช้สถิติและโปรแกรมการวิเคราะห์ขั้นสูง ทั้งนี้เนื่องจากงานวิจัยในศาสตร์ด้านการบริหาร ผลลัพธ์ที่ได้ แม้จะไม่เป็นนวัตกรรมหรือชิ้นงาน แต่จะได้เป็นโมเดลหรือแผนงานทางธุรกิจที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ ได้อย่างแน่นอน
“การเรียนการสอนของคณะ มุ่งเน้นการสร้างความเข้มแข็งในการวิจัย เพื่อนำไปสู่การตีพิมพ์เผยแพร่ผลงานทางวิชาการในฐานข้อมูลที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาติ ซึ่งแน่นอนว่าต้องใช้เวลาและใช้พลังของทั้งนักศึกษาและอาจารย์เป็นอย่างมาก ทำให้การเรียนปริญญาเอกของที่นี่ อาจจะต้องใช้เวลาประมาณ 4-5 ปีเพื่อจบการศึกษา แต่มั่นใจได้ว่าเป็นบัณฑิตที่มีศักยภาพอย่างแน่นอน”
จากที่กล่าวไป แสดงให้เห็นถึงความต่อเนื่องของหลักสูตรของคณะการบริหารและจัดการ ที่มีตั้งแต่หลักสูตรระดับปริญญาตรี โท และเอก ที่เรียกได้ว่าเป็นโครงสร้างเดียวกัน อีกทั้งคณาจารย์ในสังกัดของคณะเกือบทั้งหมดสามารถดูแลนักศึกษาได้ทั้งระดับปริญญาตรี โท และเอก โดยมีคุณสมบัติครบตามมาตรฐานการจัดการเรียนการสอนในระดับอุดมศึกษา รวมถึงยังมีอาจารย์ที่ได้รับการรับรองความรู้ความสามารถในฐานะ Trainer จากภาคธุรกิจระดับโลก เช่น Alibaba ผนวกกับจุดเด่นของคณะบริหารและจัดการ คือความแตกต่างและโดดเด่นทางด้านความสามารถในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีของนักศึกษา ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางเศรษฐกิจ จึงทำให้เชื่อมั่นได้ว่าบัณฑิตของคณะจะอยู่ในกระแสของโลกได้อย่างมีศักยภาพ