สหฟาร์มชวนเที่ยวงานกาชาดประจำปี 2567 ณ สวนลุมพินี ขอเชิญชวนทุกท่านเยี่ยมชมสินค้าสหฟาร์ม ที่ “ร้านกาชาดนิด้า” ตั้งแต่วันนี้ - 22 ธันวาคม 2567 เวลา 09:00 น. – 22:00 น. โดยพบกันได้ที่โซน 4 บูธ 4.7
อิ่มอร่อยกับหลากหลายเมนูอาหาร สด สะอาด ถูกหลักอนามัย มีมาตรฐานฮาลาล ส่งตรงจาก “สหฟาร์ม” อาทิ ไก่ทอด เฟรนฟราย ลูกชิ้น ไส้กรอก ของทอดทุกชนิด ชุดละ 20 บาท และขนมจีนน้ำยาทุกชนิด ชุดละ 30 บาท ส่วนของหวานและเครื่องดื่ม ได้แก่ ไอศกรีมกะทิสด ราคา 20 บาท ผลไม้จากสวน ชุดละ 20 บาท น้ำสิงห์ น้ำสมุนไพร 10 บาท นอกจากนี้ท่านยังสามารถเลือกช้อปกับสินค้าของสด ไข่แฝด ไก่สดแช่แข็ง ผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปพร้อมทานในราคาย่อมเยา ท่านใดสนใจขอเชิญร่วมอุดหนุนและทำบุญกันได้ โดยในโอกาสนี้สหฟาร์ม จะนำรายได้จากการขายสินค้าโดยไม่หักค่าใช้จ่าย นำขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวาย สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อบำรุงสภากาชาดไทย
ภายหลังจากที่ ทรู คอร์ปอเรชั่น เดินหน้าภารกิจรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ ลงทุนพัฒนาและนำ AI ขั้นสูงมาใช้เพื่อยกระดับการปกป้องและเพิ่มความปลอดภัยในการใช้บริการโลกออนไลน์ เปิดระบบป้องกันภัยไซเบอร์อัจฉริยะ "True CyberSafe" ให้บริการโดยไม่มีค่าใช้จ่ายสำหรับ ลูกค้ามือถือทรูและดีแทค รวมทั้งลูกค้าเน็ตบ้านทรูออนไลน์ ทุกราย โดยจะ บล็อก หรือ แจ้งเตือน เมื่อมีการเข้าถึงเว็บไซต์ที่อาจเป็นอันตราย หากลูกค้ากดเข้าไป จาก SMS หรือบราวเซอร์ และเมื่อมีการเข้าถึงเว็บไซต์ที่อาจเป็นอันตราย บนเว็บบราวเซอร์ โดยเริ่มให้บริการไปตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคมนั้น
ล่าสุด ทีมงานทรู คอร์ปอเรชั่นได้เปิดเผยข้อมูลสถิติที่รวบรวมได้ระหว่างการเปิดระบบ True CyberSafe เพียง 7 วัน (ระหว่างวันที่ 3 - 9 ธันวาคม 2567) พบข้อมูลที่น่าสนใจดังนี้
อย่างไรก็ตาม ทรู คอร์ปอเรชั่น ยังคงเคารพสิทธิ์ลูกค้า หากลูกค้ายังยืนยันจะคลิกเข้าลิงก์ที่ได้รับการแจ้งเตือนต่อไป ก็สามารถทำได้ โดยพบว่า ช่วง 7 วันดังกล่าว จำนวนครั้งที่ลูกค้ายืนยันเข้าลิงก์แปลกปลอมอยู่ที่ 400,283 คลิก ( จาก 10,773,877 ล้านคลิก )
โดย 4 ประเภทลิงก์แปลกปลอมที่พบจากระบบ True CyberSafe ในช่วงที่ผ่านมา มีดังนี้
อันดับ 1 : มัลแวร์ – เป็นไวรัสหรือซอฟแวร์เข้ามาฝังตัวในเครื่อง เพื่อเปิดช่องทางเข้ามาควบคุมเครื่องของเรา
อันดับ 2 : ฟิชชิง – เป็นการหลอกให้กรอกข้อมูลส่วนตัวหรือข้อมูลทางการเงิน เช่น รายละเอียดบัตรเครดิต หรือรหัสผ่าน
อันดับ 3: หลอกลงทุน - มีการแสดงผลกำไรที่สูงเกินควร เพื่อดึงดูดความสนใจ รวมไปถึงการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล เช่น คริปโต
อันดับ 4 : สแกม – การหลอกลวงในรูปแบบต่างๆ ทางออนไลน์ เช่น สแกมบัตรเครดิต, สแกมถูกรางวัล, สแกมค่าธรรมเนียมศุลกากร และโรแมนซ์สแกม
หมายเหตุ: พบว่า 1 ลิงก์ มีมากกว่า 1 ประเภทการหลอกลวง
ยิ่งไปกว่านั้น ทรูยังเดินหน้าร่วมกับภาครัฐทุกภาคส่วน ในการตรวจสอบและเพิ่มลิงก์แปลกปลอมในฐานข้อมูลอย่างต่อเนื่อง เพื่อบล๊อคการเข้าถึงเว็บไซต์ที่อาจเป็นอันตรายได้ อีกทั้งยังสร้างความตระหนักรู้เท่าทันกลลวงของมิจฉาชีพทางออนไลน์ เพื่อให้รู้ทันภัยไซเบอร์ ผ่านทาง ทรูปลูกปัญญา “รู้ทันโลกออนไลน์” https://www.trueplookpanya.com/rootanlokonline
บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพานิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM ได้รับการประเมินหุ้นยั่งยืน “SET ESG Rating” ในระดับ AA ประจำปี 2567 จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยในปี 2567 มีบริษัทจดทะเบียนที่เข้าร่วมการประเมินหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings จำนวน 320 บริษัท ซึ่งในปีนี้ BAM มีผลคะแนนที่สูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาในทุกมิติ สะท้อนให้เห็นว่า BAM ให้ความสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยยกระดับการดำเนินงานและการจัดทำรายงานความยั่งยืนภายใต้กรอบ ESG (Environmental, Social and Governance) ในมิติเศรษฐกิจ มิติธรรมาภิบาล มิติสิ่งแวดล้อม มิติผู้คนและสิทธิมนุษยชน มีการนำแนวคิดด้านความยั่งยืนเข้าเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการดำเนินธุรกิจ อีกทั้งพร้อมรับมือกับปัจจัยการเปลี่ยนแปลงด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมและให้ความสำคัญกับผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วนได้อย่างสมดุล
นายบัณฑิต อนันตมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพานิชย์ จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า “การได้รับการประเมินหุ้นยั่งยืน “SET ESG Rating” ในระดับ AA และมีผลคะแนนที่สูงขึ้นจากปีที่ผ่านมา นับว่าเป็นเรื่องที่บริษัทมีความภาคภูมิใจอย่างยิ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ BAM ในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนภายใต้กรอบ ESG โดยคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม พร้อมทั้งมีความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคง ต่อเนื่อง และยั่งยืน ภายใต้วิสัยทัศน์ “เป็นองค์กรหลักในการพลิกฟื้นสินทรัพย์เพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และสังคมไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน”
“พิชัย” คิกออฟโครงการ “พาณิชย์ลดราคา New Year Mega Sale 2025” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจของรัฐบาล เป็นของขวัญปีใหม่ให้คนไทยทั้งประเทศ ผนึกกำลังผู้ผลิต ผู้ประกอบการ ห้าง ร้านสะดวกซื้อ แพลตฟอร์มออนไลน์ รวม 300 ราย ลดราคาสินค้ากว่า 40,000 รายการ สูงสุด 80% ดีเดย์ 17 ธ.ค. 67 - 31 ม.ค. 68 รวม 46 วัน คาดลดค่าครองชีพ 4,800 ล้านบาท สร้างเงินหมุนเวียนระบบเศรษฐกิจ 14,400 ล้านบาท
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาล โดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เปิดตัวโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายใน ได้ขานรับนโยบายดังกล่าว เพื่อกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วน จึงได้กำหนดการจัดงาน “พาณิชย์ลดราคา New Year Mega Sale 2025” โดยผนึกกำลังกับพันธมิตรทุกภาคส่วน มุ่งลดภาระค่าครองชีพและเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับประชาชนทั่วประเทศในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ และได้คิกออฟจัดกิจกรรมแสดงและจำหน่ายสินค้าภายใต้แคมเปญดังกล่าว ระหว่างวันที่ 17-19 ธันวาคม 2567 ณ กระทรวงพาณิชย์ (สนามบินน้ำ) เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับข้าราชการ พี่น้องประชาชน ในพื้นที่ใกล้เคียง ส่วนแคมเปญใหญ่ระดับประเทศ ก็เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันนี้เช่นเดียวกัน
สำหรับแคมเปญนี้ ได้รับความร่วมมือและการสนับสนุนจากผู้ผลิตสินค้า ผู้ประกอบการ ห้างค้าปลีก ห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ และแพลตฟอร์มออนไลน์ รวมกว่า 300 ราย นำเสนอสินค้าจำเป็นและบริการครอบคลุมกว่า 40,000 รายการ และสินค้าออนไลน์กว่า 30 ล้านรายการ โดยมอบส่วนลดสูงสุดถึง 80% กำหนดจัดตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม 2567 ถึง 31 มกราคม 2568 รวมระยะเวลา 46 วัน
โดยสินค้าที่นำมาลดราคา ได้แก่ อาหารและเครื่องดื่ม ของใช้ประจำวัน เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องแต่งกาย ของตกแต่งบ้าน อุปกรณ์ช่าง ยาและเวชภัณฑ์ บริการทางการแพทย์ ศูนย์บริการรถยนต์ โรงแรมที่พัก สายการบิน ประกันภัย บริการอินเตอร์เน็ตและอุปกรณ์ ร้านอาหาร และแพลตฟอร์มออนไลน์ (บริการส่งอาหาร ขนส่ง-พัสดุ) และกลุ่มสินค้าเกษตร สินค้าชุมชน เป็นต้น อีกทั้งยังจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกับอีคอมเมิร์ซชั้นนำผ่านแพลตฟอร์ม Lazada, Shopee, Grab Food, Lineman, Foodpanda, Robinhood มอบส่วนลดพิเศษในการซื้อสินค้าและบริการช่วงเทศกาลปีใหม่ด้วย
“โครงการนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล ที่มีเป้าหมายเร่งด่วนในการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย โดยกระทรวงพาณิชย์เล็งเห็นถึงความสำคัญของการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน จึงร่วมมือกับพันธมิตร จัดแคมเปญลดราคาสินค้าและบริการทั่วประเทศ ซึ่งโครงการดังกล่าวไม่เพียงช่วยลดรายจ่ายของประชาชน แต่ยังเป็นกลไกสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างสภาพคล่องในระบบ อีกทั้งโครงการนี้สอดคล้องกับแนวทาง “ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส” ที่รัฐบาลมุ่งมั่นขับเคลื่อน เพื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ควบคู่ไปกับการสร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจไทย โดยคาดว่าจะช่วยลดภาระค่าครองชีพได้ 4,800 ล้านบาท และกระตุ้นการใช้จ่ายและสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้มากกว่า 14,400 ล้านบาท ตลอดระยะเวลาแคมเปญ” นายพิชัยกล่าว
บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ร่วมมือกับพันธมิตรแบรนด์เครื่องดื่มและผลิตภัณฑ์อาหารชั้นนำ 19 แบรนด์ ได้แก่ โค้ก สิงห์ เนสกาแฟ ดัชมิลล์ เทสโต ชบา เป๊ปซี่ ไอวี่ เลย์ ยูนิฟ บลูไดมอนด์ อัลมอนด์โคกา ซันควิก ซัมยัง มาลี ทิปโก้ ซีวิต เอส และ โซกู๊ด จัดงาน “Big C Festa Thank You Party 2024” ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘Big Wonder Festival’ เพื่อเป็นการขอบคุณลูกค้าที่ให้ความไว้วางใจและสนับสนุนบิ๊กซีในการจับจ่ายใช้สอยซื้อผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มและอาหารในช่วงกิจกรรม Festa Party วันที่ 31 ตุลาคม – 20 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา จึงจัดกิจกรรมมอบความสุขให้ลูกค้าในช่วงเทศกาลส่งท้ายปี ด้วยโปรโมชั่นพิเศษหลากหลายสำหรับเครื่องดื่มและอาหารพร้อมกิจกรรมเฉลิมฉลองอย่ามีสีสันเพื่อสร้างบรรยากาศสนุกสนานต้อนรับเทศกาลปีใหม่ อีกทั้งเพื่อเป็นการกระตุ้นยอดขายให้กับสาขาและสินค้าที่ร่วมรายการ งานนี้ได้รับเกียรติจาก คุณอรนิดา วิมลวัฒนาภัณฑ์ รองประธานเจ้าหน้าที่สายงานจัดซื้อสินค้าและบริหารสินค้า บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดงาน โดยมีสองศิลปิน ชื่อดัง “เก่ง หฤษฎ์” และ “น้ำปิง นภัสกร” มาร่วมสร้างสีสันและมอบความสุขให้กับผู้โชคดี Lucky Fan 30 ท่าน ณ บิ๊กซี สาขาลาดพร้าว 2 เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา
คุณอรนิดา วิมลวัฒนาภัณฑ์ รองประธานเจ้าหน้าที่สายงานจัดซื้อสินค้าและบริหารสินค้า บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “เทศกาลปีใหม่เป็นช่วงเวลาแห่งความสุขและการเฉลิมฉลองที่ทุกคนรอคอย และยังเป็นโอกาสพิเศษที่ครอบครัวและเพื่อนฝูงได้กลับมาใช้เวลาร่วมกัน บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ในฐานะผู้นำธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ของไทย จึงได้จัดงาน “Big C Festa Thank You Party 2024” โดยได้รับความร่วมมือและการสนับสนุนจากกลุ่มพันธมิตรชั้นนำ 19 บริษัท ซึ่งเป็นแบรนด์เครื่องดื่มและอาหารต่าง ๆ งานนี้ไม่เพียงแต่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในการเลือกสรรเครื่องดื่มและอาหารสำหรับงานปาร์ตี้ งานเลี้ยงสังสรรค์ แต่ยังสร้างประสบการณ์ความสนุกสนานและคุ้มค่า พร้อมตอกย้ำความสัมพันธ์อันดีระหว่าง บิ๊กซี และพันธมิตรที่มีมายาวนาน ทั้งยังเป็นการกระตุ้นยอดขายให้กับสาขาและสินค้าที่ร่วมรายการ โดยกิจกรรมครั้งนี้สร้างยอดขาย 469 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากปีที่ผ่านมา และเราหวังว่า งานนี้จะสร้างความสุขและความประทับใจให้กับลูกค้า พร้อมเป็นโอกาสที่เราจะได้แสดงความขอบคุณลูกค้าที่ให้การสนับสนุนและไว้วางใจบิ๊กซีมาโดยตลอด”
ภายในงานมีไฮไลท์พิเศษจาก “เก่ง หฤษฎ์” และ “น้ำปิง นภัสกร” สองศิลปินชื่อดังที่มาร่วมสร้างความสุขผ่านกิจกรรมพิเศษกับ Lucky Fan 30 ท่าน ผู้โชคดีที่ได้สิทธิ์จากการช้อปสินค้ากลุ่มเครื่องดื่มและอาหารครบตามเงื่อนไข ร่วมสนุกใกล้ชิดกับศิลปินท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความอบอุ่น
นอกจากนี้ อีกหนึ่งในจุดเด่นของงานคือบูทกิจกรรมจากพันธมิตรแบรนด์ชั้นนำ ที่จัดเต็มด้วยการทดลองสินค้า โปรโมชั่นสุดคุ้ม และของขวัญพิเศษเฉพาะในงานนี้ ซึ่งได้รับความสนใจอย่างล้นหลามจากลูกค้า เรียกได้ว่างานนี้ได้รับเสียงตอบรับอย่างอบอุ่นจากลูกค้าและพันธมิตรธุรกิจ สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของ บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ในการสร้างพื้นที่ที่เชื่อมโยงประสบการณ์ความสุข ความสนุก และการช้อปปิ้งอย่างคุ้มค่าในช่วงเทศกาลพิเศษนี้ ทั้งนี้ สามารถดูรายละเอียดกิจกรรมและโปรโมชั่นต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่ www.bigc.c.th หรือ Facebook Page : Big C - บิ๊กซี คลิก https://www.facebook.com/BigCBigService/ หรือโทร. 1756
รองศาสตราจารย์ ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย กรรมการธนาคารออมสิน และประธานกรรมการกำกับดูแลกิจการที่ดีและความยั่งยืน เป็นประธานเปิดงาน Culture Day : GSB Way of Work เส้นทางสู่...วัฒนธรรมการทำงานแบบยั่งยืน พร้อมร่วมกับกรรมการธนาคารออมสิน และนายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เสวนาในหัวข้อ with Governance : เปลี่ยน GRC Culture ให้เป็นพลังแห่งความยั่งยืน โดยงาน Culture Day จัดขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมของบุคลากรทั้งองค์กร ในการให้ความรู้ ตลอดจนแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และเน้นย้ำการสร้างพฤติกรรมตามค่านิยมขององค์กร ที่สอดคล้องกับบริบทการเป็นธนาคารเพื่อสังคม ซึ่งประกอบด้วย 3 เรื่องหลัก ได้แก่ การทำงานเพื่อสังคม (for Society) ด้วยการเสริมสร้างจุดแข็งการเป็นธนาคารเพื่อสังคม ลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างความเป็นธรรมในสังคม อย่างมีธรรมาภิบาล (with Governance) คือ โปร่งใส มีคุณธรรม จริยธรรม ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ และกล้ายืนหยัดในความถูกต้อง และด้วยวิธีทันสมัย (through Digitalization) ใช้เทคโนโลยีและข้อมูล เพื่อทำให้ทุกงาน ง่าย เร็ว และมีประสิทธิผลมากขึ้น ทั้งนี้ ภายในงานมีทั้งการเสวนาให้ความรู้ และกิจกรรม Knowledge Sharing จากผู้บริหารและวิทยากรภายนอก เพื่อยกระดับความรู้ความสามารถให้รู้เท่าทันการทำงานยุคใหม่ อาทิ การสร้างความสัมพันธ์กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย : โครงการ Holistic Area Based Development ความสำเร็จในการดูแลลูกค้าตามภารกิจการเป็นธนาคารเพื่อสังคม และการนำ AI เข้ามาช่วยเพิ่ม Productivity ให้กับพนักงาน รวมถึงการแสดงผลงานที่ได้รับรางวัลจากต่างประเทศ ได้แก่ ระบบ GET Insight ได้รับรางวัล Platinum Award Indonesia และผลงาน Qualified Screening Process Model ได้รับรางวัล Silver Award งาน ICQCC2024 Sri Lanka
นอกจากนี้ ยังมีการมอบรางวัลหน่วยงานและบุคคลต้นแบบประจำปี ด้านการบริหารความเสี่ยง (Risk Management Award) และการจัดการความรู้ (KM Award) พร้อมออกบูธนิทรรศการให้ความรู้และกิจกรรมจำนวนมาก ได้แก่ การกำกับดูแลที่ดีและการนำองค์กร การวางแผนเชิงยุทธศาสตร์ การบริหารความเสี่ยงและการควบคุมภายใน การมุ่งเน้นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและลูกค้า การตรวจสอบภายใน การพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล การบริหารทุนมนุษย์ และการจัดการความรู้และนวัตกรรม รวมถึงกระตุ้นการสร้างพฤติกรรมการมีส่วนร่วมของพนักงาน โดยใช้คะแนนสะสมในระบบ GSB Way Point ผ่านระบบบริหารทรัพยากรบุคคล (Modern Employee on Mobile : MEMO) บนมือถือ โดยมีกรรมการธนาคารออมสิน ผู้บริหาร พนักงาน และลูกจ้างเข้าร่วมงาน ณ ธนาคารออมสินสำนักงานใหญ่ เมื่อเร็ว ๆ นี้
กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต ประกาศแต่งตั้ง คุณณัฐพิสิษฐ์ ครุฑครองชัย (คุณเคเค) ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ซึ่งจะรายงานตรงต่อคุณแซลลี่ โอฮาร่า ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท แอกซ่า ในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ และประเทศเกาหลีใต้ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 และขึ้นอยู่กับการอนุมัติตามกฎระเบียบต่างๆ
ทั้งนี้คุณเคเค ถือเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนไทยคนแรกของบริษัทฯ ซึ่งมีค่านิยมส่วนบุคคลที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของแอกซ่า ที่มุ่งเน้นการมีลูกค้ามาเป็นที่หนึ่ง และเคียงข้างทุกความเชื่อมั่น ดูแลกันตลอดไป นอกจากนั้นยังให้ความสำคัญกับการลงมือปฏิบัติและเป็นแบบอย่างที่ดีในการแสดงออกถึงวัฒนธรรม Care & Dare ตลอดจนถ่ายทอดให้เกิดขึ้นจริงอย่างเป็นรูปธรรม มีความเข้าใจในวัฒนธรรมและการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในตลาดภายในประเทศเป็นอย่างดี โดยบริษัทฯ มั่นใจว่าจะสามารถช่วยผลักดันธุรกิจในประเทศไทย และในภูมิภาคให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ ตลอดจนสร้างการเติบโตของบริษัทฯ อย่างยั่งยืน ซึ่งบริษัทฯ เป็นบริษัทฯ สำคัญของการตลาดที่แข็งแกร่งของกลุ่มแอกซ่าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อีกทั้งยังมีความสำคัญต่อเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ของกลุ่มแอกซ่า สำหรับปี 2024-2026 ภายใต้วิสัยทัศน์ "Unlock the Future" ซึ่งบริษัทฯ ได้รับการสนับสนุนเต็มที่จากกลุ่มแอกซ่าในการขับเคลื่อน และการเติบโตที่สูงมากขึ้น ผ่านการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายของบริษัทฯ
โดยคุณเคเคจบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ สาขาบริหารธุรกิจ และระดับปริญญาโทในหลักสูตรวิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาการเงินระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือระหว่างภาควิชาบริหารธุรกิจของ Hong Kong University of Science and Technology (HKUST) และ New York University (NYU) Stern School of Business ตลอดจนได้จบหลักสูตรผู้บริหารจาก Singularity University ในรัฐแคลิฟอร์เนีย