December 05, 2025

บรรยากาศความสดใสรับปิดเทอมใหญ่กลับมาอีกครั้งกับกิจกรรม “7 Kids Club Camp 2025” ภายใต้ธีม “สร้างอาชีพในฝัน” ที่จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 4 โดย ซีพี ออลล์-เซเว่น อีเลฟเว่น เพื่อเปิดโลกการเรียนรู้ให้น้องๆ ได้สนุกและลงมือทำจริง ผ่าน 6 ฐานกิจกรรมสุดครีเอทีฟ ที่ทั้งเสริมทักษะ เติมแรงบันดาลใจ งานนี้บอกเลยว่าน้องๆ หนูๆ ได้ทั้งความรู้ ความสนุก และของรางวัลสุดพิเศษจากเซเว่นและคู่ค้าซีพี ออลล์แบบจัดเต็ม

ภายในงานเด็ก ๆ ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจาก นายสุชาติ วัฒนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บมจ.ซีพี ออลล์ ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และเซเว่น เดลิเวอรี่ พร้อมด้วยผู้บริหาร พี่ๆ พนักงานซีพี ออลล์-เซเว่น อีเลฟเว่น ณ  ธาราพาร์ค ถนนแจ้งวัฒนะ จ.นนทบุรี

6 ฐานสุดเอ็กซ์คลูซีฟ! จากงาน 7 Kids Club Camp 2025 ปีนี้จัดเต็มในธีม “สร้างอาชีพในฝัน” น้องๆ ได้ความสนุก ได้เรียนรู้ แถมยังได้ลองเป็นอาชีพในฝันกันแบบของจริง

  • ฐานที่1 : Hero ตัวจิ๋ว Ready to Help! เรียนรู้บทบาท "ฮีโร่ของชุมชน" กับพี่ๆ ดับเพลิงเซเว่น และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย น้องๆ จะได้สนุกกับภารกิจฝึกความกล้าหาญ เรียนรู้ความปลอดภัยเบื้องต้น ฝึกทักษะ CPR และการดับเพลิง เพื่อสร้าง DNA ความดี ช่วยเหลือตัวเองและผู้อื่น

  • ฐานที่2 : Captain for a Day หนึ่งวันฉันคือกัปตัน ฐานนี้จำลองให้น้องๆ ได้ทดลองเป็นอาชีพแอร์โฮสเตท และสจ๊วต บนเครื่องบนิจำลอง ที่แทบจะเหมือนจริงสุดๆ

  • ฐานที่3 : Cyber Hero ฮีโร่พิทักษ์โลกออนไลน์ ฐานนี้ได้พี่ๆ ตำรวจไซเบอร์ตัวจริง มาให้ความรู้น้องๆ เป็นนักสืบไซเบอร์เพื่อช่วยระมัดระวังภัยออนไลน์ให้คนรอบตัว

 

  • ฐานที่4 : 7 Kids Club ฐานสุดฮิต จำลองร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ให้น้องๆ ได้สวมบทบาทเป็นพนักงานตัวน้อย ตั้งแต่แคชเชียร์สุดเป๊ะ เติมสินค้าคล่องแคล่ว ชงกาแฟ All Café เหมือนบาริสต้ามืออาชีพ แถมยังได้ลองส่งของกับ 7Delivery สนุกสุดๆ ไปเลย!

  • ฐานที่5 : 7 Action Food พบกับตัวจริง SME เซเว่น อีเลฟเว่น "คุณเก๋ขนมหวาน" ที่มาสอนน้องๆ ทำขนมไทย "ลูกชุบ" แสนอร่อย พร้อมสอดแทรกทักษะการเป็นผู้ประกอบการตัวน้อย ให้น้องๆ ได้เรียนรู้อย่างสนุกสนานและได้แรงบันดาลใจจากขนมหวานน่ารักๆ ค่ะ

  • ฐานที่6 : 7 Action Art ลองให้น้องๆ ทดลองเป็นศิลปินผลิตของเล่นจากดินเบา ออกมาเป็นหน้ากากเรืองแสงสุดเท่ ที่จะไปต่อสู้กับปีศาจ

นอกจากนี้น้องๆ ได้รับของรางวัลสุดพิเศษจากเซเว่นแล้ว ยังอิ่มอร่อยกับบูธภายในงานมากมายจากคู่ค้าซีพี ออลล์ ไม่ว่าจะเป็น ขนมปัง เลอแปง, นมซีพี เมจิ, ถั่วโก๋แก่, นมไฮคิว, กระเป๋าสุดน่ารักจาก บีซีแอล และอาหารอุ่นร้อน จาก CP ที่มาร่วมแจกของให้น้องๆ เติมเต็มทั้งความสุขและแรงบันดาลใจแบบอิ่มท้อง อิ่มใจ

บรรยากาศในงานเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และพลังแห่งจินตนาการของน้องๆ ตลอดทั้งวัน ใครที่พลาดกิจกรรมในปีนี้ ไม่ต้องเสียใจ ติดตามความเคลื่อนไหวของกิจกรรมครั้งต่อไปได้ที่เพจ CP ALL แล้วมาสนุกและเรียนรู้ไปด้วยกันอีกครั้ง

กรุงเทพมหานครผลิตขยะเฉลี่ยวันละ 9,000 ตัน โดยขยะส่วนใหญ่ถูกส่งไปฝังกลบอย่างไร้ค่า กลายเป็นต้นตอของปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เรื้อรัง “การแยกขยะ” จึงเป็นคำตอบของการแก้ปัญหาที่ต้นทาง

สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) หรือ BEDO เผยความสำเร็จของ “โครงการบูรณาการการท่องเที่ยวบนพื้นฐานความหลากหลายทางชีวภาพเพื่อการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน” ซึ่งเป็นความร่วมมือกับโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ ประจำประเทศไทย (UNDP Thailand) และได้รับการสนับสนุนจากกองทุนสิ่งแวดล้อมโลก (GEF) โดยชูพื้นที่ปากน้ำปราณบุรี อุทยานแห่งชาติกุยบุรีและอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด เป็นต้นแบบของการสร้างเศรษฐกิจชีวภาพที่ขับเคลื่อนโดยชุมชน ผ่านกิจกรรมพิเศษ “BEDO Reach to Love: เที่ยวให้ลึกเพื่อที่จะรักษ์”

ดร.ธนิต ชังถาวร ผู้อำนวยการ BEDO กล่าวว่า “BEDO มีเป้าหมายหลักในการผลักดันนโยบายตอบสนองต่อเป้าหมายระดับโลกในการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพและ Nature Positive เพื่อหยุดยั้งและฟื้นฟูการสูญเสียธรรมชาติภายใน ปี 2030 โดยใช้ปี 2020 เป็นปีฐาน และมุ่งให้เกิดการฟื้นฟูธรรมชาติอย่างสมบูรณ์ภายในปี 2050 BEDO เป็นหน่วยงานที่ส่งเสริมให้ ‘การอนุรักษ์’ สามารถสร้าง ‘รายได้’ ที่มั่นคงและยั่งยืนให้กับชุมชนท้องถิ่นได้ ซึ่งถือเป็นการพลิกโฉมกระบวนทัศน์ดั้งเดิมที่มักมองว่าการอนุรักษ์เป็นเพียงภาระหรือต้นทุนที่ชุมชนต้องแบกรับ ให้กลายเป็นการลงทุนที่ชาญฉลาดที่สุดในสินทรัพย์ทางธรรมชาติที่มีอยู่ การลงทุนนี้ไม่เพียงแต่จะสร้างผลตอบแทนในรูปของตัวเงิน แต่ยังสร้างคุณค่าที่ประเมินไม่ได้  ทั้งความภาคภูมิใจในท้องถิ่น การฟื้นฟูระบบนิเวศ และการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนในการเป็นผู้พิทักษ์ทรัพยากรอันล้ำค่าด้วยตนเอง โดยไม่ได้มองพื้นที่เป้าหมายเหล่านี้เป็นเพียงแหล่งท่องเที่ยวเท่านั้น แต่มุ่งเน้นยกระดับให้เป็น ‘พื้นที่แห่งการเรียนรู้ที่มีชีวิต’ ซึ่งแตกต่างกับการท่องเที่ยวทั่วๆไป นักท่องเที่ยวไม่ได้เป็นเพียงผู้บริโภค แต่เป็นผู้มีส่วนร่วมในวงจรแห่งความยั่งยืน การใช้จ่ายของของนักท่องเที่ยวจะถูกส่งตรงกลับไปบำรุงรักษาระบบนิเวศที่พวกเขากำลังชื่นชม และกิจกรรม ‘BEDO Reach to Love’ ได้ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นว่าแนวคิดนี้เกิดขึ้นได้และประสบความสำเร็จแล้วอย่างไร การจัดเส้นทางต้นแบบ “กุยบุรี-สามร้อยยอด” นี้จึงเปรียบเสมือนบทสรุปที่มีชีวิตของโครงการทั้งหมด เป็นการนำเสนอผลงานวิจัยและแผนงานต่างๆ ออกมาจากหน้ากระดาษ มาสู่การสัมผัสจริง เพื่อแสดงให้เห็นว่าแนวคิดเศรษฐกิจชีวภาพ สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกได้อย่างไร โดยแต่ละสถานที่ที่ไปเยือนนั้น ไม่ได้ถูกเลือกมาอย่างบังเอิญ แต่จะสะท้อนผลลัพธ์ของโครงการในมิติต่างๆ ที่เชื่อมโยงกันอย่างชัดเจน ตั้งแต่โมเดลการจัดปัญหาการอยู่ร่วมกันระหว่างคนกับ สัตว์ป่าที่กลายเป็นโอกาสทางเศรษฐกิจ ไปจนถึงนวัตกรรมชุมชนที่เปลี่ยนของเหลือใช้ให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่สร้างคุณค่า และการปลูกฝังจิตสำนึกรักษ์สิ่งแวดล้อมให้กับคนรุ่นใหม่ ทั้งหมดนี้คือจิ๊กซอว์ที่ประกอบกันเป็นภาพความสำเร็จของการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง”

นีฟ คอลิเออร์-สมิธ ผู้แทนโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติประจำประเทศไทยกล่าวถึงบทบาทของโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติในการสนับสนุนบทบาทของประเทศไทยในการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวที่โอบรับผู้คนและธรรมชาติ เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals)

“การท่องเที่ยวเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการสร้างความมั่งคั่งให้กับประเทศไทย ซึ่งโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) ทำงานร่วมกับประเทศไทยเพื่อให้มั่นใจว่าการลงทุนในภาคการท่องเที่ยวนั้นควบคู่ไปกับธรรมชาติ ที่จะช่วยอนุรักษ์สัตว์ป่าและการสนับสนุนชุมชนท้องถิ่น โดยประสบการณ์จากจังหวัดประจวบคีรีขันธ์สามารถเป็นแรงบันดาลใจให้กับจังหวัดอื่น ๆ รวมถึงเมืองท่องเที่ยวทั่วโลกเห็นแนวทางการท่องเที่ยวที่สามารถสร้างประโยชน์ทั้งต่อผู้คนและธรรมชาติไปพร้อมกันได้”

โดยในปีพ.ศ. 2570 ภายใต้การสนับสนุนของกองทุนสิ่งแวดล้อมโลก (GEF) UNDP เตรียมร่วมมือกับ BEDO นำ Access and Benefit Sharing (ABS) มาสนับสนุนให้ประเทศไทยสามารถจัดการการเข้าถึงทรัพยากรธรรมชาติอย่างครอบคลุม และและทำให้มั่นใจว่าผลประโยชน์ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรายได้หรือองค์ความรู้ จะถูกแบ่งปันอย่างเป็นธรรม ซึ่งระบบนี้ช่วยปกป้องสิทธิของประเทศและชุมชนท้องถิ่น และส่งเสริมการใช้ความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยุติธรรมและยั่งยืน

อุทยานแห่งชาติกุยบุรี: จากพื้นที่ขัดแย้งสู่โมเดลการอยู่ร่วมกันและซาฟารีเมืองไทย

ในอดีต ปัญหาการอยู่ร่วมกันระหว่างคนกับช้างป่าในพื้นที่กุยบุรีเป็นเรื่องใหญ่ แต่ด้วยเป้าหมายในการสร้างสมดุล ทำให้เกิดการพัฒนาจนกลายเป็นต้นแบบการจัดการที่ได้รับการยอมรับ ผลลัพธ์ที่ชัดเจนคือการก่อตั้ง “Kuiburi Ecotourism Club” วิสาหกิจชุมชนที่เปลี่ยนผืนป่าให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศระดับพรีเมียม กิจกรรม “นั่งรถซาฟารีชมช้างป่าและกระทิง” ไม่ได้เป็นเพียงการท่องเที่ยว แต่คือผลผลิตโดยตรงจากการอนุรักษ์ที่ประสบความสำเร็จ เมื่อป่าสมบูรณ์ สัตว์ป่าปลอดภัย ชุมชนก็สามารถสร้างรายได้ที่ยั่งยืนจากการเป็นผู้พิทักษ์และนำเที่ยวได้ด้วยตนเอง

นอกจากนี้ ที่ ชุมชนบ้านรวมไทย ยังเป็นที่ตั้งของนวัตกรรมจากภูมิปัญญาท้องถิ่นที่น่าทึ่ง “วิสาหกิจชุมชนกลุ่มกระดาษจากใบสับปะรดและขี้ช้างป่ากุยบุรี” โดยเปลี่ยน “มูลช้าง” ให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์กระดาษสาที่มีเอกลักษณ์ สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ ขณะที่ “วิสาหกิจชุมชนผู้เลี้ยงชันโรงและผึ้งโพรงไทย” คือผลลัพธ์ของการแก้ปัญหาด้วยธรรมชาติ โดยใช้ “ผึ้ง” เป็นแนวป้องกันช้างเข้าพื้นที่เกษตร ซึ่งไม่เพียงลดความเสียหาย แต่ยังสร้างอาชีพเสริมจากการขายน้ำผึ้งคุณภาพสูง เป็นการตอกย้ำเป้าหมายของโครงการในการส่งเสริมให้ชุมชนพึ่งพาตนเองได้อย่างแท้จริง

อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด: เมื่อความสมบูรณ์ของระบบนิเวศคือผลิตภัณฑ์ล้ำค่า

พื้นที่ชุ่มน้ำทุ่งสามร้อยยอด คือหัวใจของความหลากหลายทางชีวภาพ โครงการมีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาและฟื้นฟูระบบนิเวศแห่งนี้ให้คงอยู่ และมีเป้าหมายในการสร้างความตระหนักรู้ถึงคุณค่าของมัน ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นคือ “วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ โดยชุมชนบ้านหน้าทุ่งสามร้อยยอด” ซึ่งได้เปลี่ยนความงามของทิวทัศน์และระบบนิเวศให้เป็นกิจกรรม “ล่องเรือถ่อ” ที่สร้างรายได้และชื่อเสียง กิจกรรมนี้คือข้อพิสูจน์ว่า เมื่อชุมชนเห็นคุณค่าและร่วมกันดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติ ทรัพยากรนั้นก็จะมอบประโยชน์คืนกลับมาสู่ชุมชนอย่างยั่งยืน

ที่สำคัญ โครงการยังมุ่งเน้นการสร้างคนรุ่นใหม่เพื่อสืบสานการอนุรักษ์ ดังจะเห็นได้จาก “วิสาหกิจชุมชนเด็กรักษ์ทุ่งเพื่อการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์” ซึ่งเป็นกลุ่มเยาวชนที่ทำหน้าที่เป็นผู้สื่อสารเรื่องราวของระบบนิเวศบ้านเกิดของตนเอง นี่คือผลลัพธ์ระยะยาวที่สำคัญที่สุด คือการสร้างผู้พิทักษ์รุ่นต่อไปที่เข้าใจและหวงแหนมรดกทางธรรมชาติของตนเอง

เรื่องราวความสำเร็จและผลิตภัณฑ์อันเปี่ยมด้วยนวัตกรรมจากชุมชนต้นแบบเหล่านี้ ถูกนำมารวบรวมและจัดแสดงอย่างเต็มรูปแบบในงาน “BioMart Hua Hin 2025” ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-5 ตุลาคม 2568 ณ ศูนย์การค้า Market Village Hua Hin ซึ่งงานนี้เป็นมากกว่าเวทีให้ผู้ประกอบการชุมชนได้พบกับผู้บริโภคโดยตรง แต่คือบทสรุปที่มีชีวิตและเป็นรูปธรรมที่สุดของความสำเร็จจากโครงการทั้งหมด

เป็นพื้นที่ซึ่งผลลัพธ์ของการอนุรักษ์สามารถจับต้องได้ผ่านผลิตภัณฑ์ทุกชิ้น และเป็นบทพิสูจน์ว่าการดำเนินงานของโครงการนี้ ได้สร้างโมเดลเศรษฐกิจชีวภาพที่ยั่งยืน ซึ่งสร้างผลกระทบเชิงบวกทั้งต่อเศรษฐกิจฐานราก สิ่งแวดล้อม และคุณภาพชีวิตของผู้คนในพื้นที่ได้อย่างแท้จริง

บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต ร่วมกับ กลุ่มแอกซ่า จัดกิจกรรม AXA IMA Data & AI Week 2025 เพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมด้าน Data & AI  พร้อมเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนความรู้ของพนักงานทั่วทั้งภูมิภาค ตลอดจนพัฒนาทักษะ และแนวคิดในการใช้ AI เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนของกลุ่มแอกซ่า ภายใต้ 4 แนวคิดหลัก ประกอบด้วย   

  • Domesticate AI, don’t fear it: ส่งเสริมให้พนักงานเข้าใจและใช้งาน AI อย่างมั่นใจ
  • Augmented employees, not replaced workers: ใช้ AI เสริมศักยภาพพนักงาน พร้อมสนับสนุนการ Reskill และ Upskill
  • Empowerment is key: ทำให้ทุกคนรู้สึกพร้อมและมีความสามารถในการใช้ AI ในการทำงานจริง
  • Learning from the Next Generation: เรียนรู้จากมุมมองของ Digital Natives ผ่านกิจกรรมรูปแบบใหม่

โดยกิจกรรมดังกล่าวแบ่งเป็น 2 ระดับ ได้แก่ 1.ระดับภูมิภาค ในการร่วมกันทำงานเป็นทีมจากหลายประเทศ เช่น South East Asia and South Korea (SEAK), Africa/Türkiye/Madrid และ Latin America (LATAM) เพื่อพัฒนาการประยุกต์ใช้ Data & AI ข้ามภูมิภาค อีกทั้งยังมีสารคดีและกิจกรรมออนไลน์ เช่น Podcast: AI Unplugged (Breaking Myths), TEDx AI, Mini Game และ 2. ระดับประเทศ เป็นการร่วมมือระหว่างฝ่าย HR, L&D, Communications และ Data Teams ของแต่ละประเทศ ซึ่งจัดขึ้นในรูปแบบ Onsite บนพื้นที่ Vertical Garden ของบริษัทฯ ซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับเรียนรู้และสร้างนวัตกรรมร่วมกัน รวมทั้งการจัดเวิร์กช็อป เพื่อฝึกการปฏิบัติจริงเพื่อพัฒนาทักษะ การจัดบรรยายจากผู้เชี่ยวชาญด้าน Data & AI ตลอดจนกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์เชิงความรู้ในรูปแบบ Gamification

ทั้งนี้กิจกรรมดังกล่าวสอดคล้องกับคำมั่นสัญญา AXA’s Employer Brand Promise คือ “ปลุกศักยภาพในตัวพนักงาน มุ่งสู่ความสำเร็จ” และตอกย้ำเป้าหมายสูงสุดของบริษัทฯ ที่พร้อมเคียงข้างทุกความเชื่อมั่น ดูแลกันตลอดไป

Wis Marketing Group Co., Ltd (วิส มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป จำกัด) ดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง เอเจนซี ผู้เชี่ยวชาญในด้านกลยุทธ์การตลาดและการสร้างแบรนด์ระดับพรีเมียม ประกาศ Repositioning ครั้งสำคัญ สู่การเป็น Premium Growth Partner อันดับหนึ่งในเอเชีย โดยมุ่งเน้นบทบาทการเป็นที่ปรึกษาเชิงกลยุทธ์เพื่อขับเคลื่อนแบรนด์พรีเมียมและธุรกิจมูลค่าสูงให้เติบโตอย่างยั่งยืนและได้รับการยอมรับในระดับโลก การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เป็นการยกระดับจาก Marketing Agency สู่การเป็น Strategic Brand Partner ทำให้แบรนด์ไทยไปไกลถึง Global Market ที่พร้อมส่งมอบความเติบโตที่วัดผลได้จริงทั้งในด้านยอดขายและภาพลักษณ์แบรนด์ ตอกย้ำเป้าหมาย: “Elevate premium brands with strategy, people, precision”  ด้วยวิสัยทัศน์ WIS Marketing “เป็นพาร์ทเนอร์ด้านการตลาดและการสร้างแบรนด์ระดับพรีเมี่ยมที่น่าเชื่อถือที่สุดในเอเชียขับเคลื่อนแบรนด์และองค์กรที่มีมูลค่าให้เติบโตอย่างชัดเจน สร้างความเชื่อมั่น และได้รับการยอมรับทั้งในประเทศไทยและระดับสากล”

ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี และผลงานร่วมกับแบรนด์กว่า 500 รายในหลากหลายอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจการศึกษา, เครื่องสำอาง, อาหารเสริม, ผลิตภัณฑ์บำรุงผม, จิวเวอรี่, Wellness, Luxury Tourism และ Real Estate โดย Wis Marketing Group มุ่งมั่นสร้างความแตกต่าง ผ่านกลยุทธ์ที่ยั่งยืนและการสร้างคุณค่าที่แท้จริงให้กับแบรนด์ โดยบริการที่โดดเด่นของบริษัทครอบคลุมตั้งแต่การยกระดับทีมงาน In-House ขององค์กรให้สามารถสร้างแบรนด์ในแบบพรีเมียม พร้อมเครื่องมือติดตามผลที่แม่นยำ, การยกระดับ CEO Branding เพื่อให้ผู้นำเป็นที่ไว้วางใจและได้รับการยอมรับระดับสากล ไปจนถึงการถ่ายทอดความรู้และกลยุทธ์ผ่าน Luxury Service Courses เพื่อยกระดับผู้นำและผู้ประกอบการ ให้สร้างแบรนด์ที่น่าเชื่อถือและปิดการขายในตลาด High-Ticket ได้จริง นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาระบบที่ขยายได้ (Elite Growth OS) เพื่อสร้างความมั่งคั่งที่ยั่งยืนในระยะยาว

นางสาวกีรตยา เลิศธภัทรกุล CEO Wis Marketing Group กล่าวว่า “เราเชื่อเสมอว่า การเติบโตไม่ใช่แค่ตัวเลข แต่คือคุณค่า ความไว้วางใจ และการยอมรับจากผู้บริโภค เราก่อตั้ง Wis Marketing เพื่อช่วยให้ CEO และแบรนด์พรีเมียมมีจุดยืนที่ชัดเจนขึ้น สื่อสารคุณค่าได้อย่างทรงพลัง และสามารถขยายไปทั่วโลกได้ เราสัญญาว่าจะส่งมอบความสำเร็จที่ยั่งยืน วัดผลได้จริง และเต็มไปด้วยคุณค่า เพื่อให้แบรนด์ของคุณไม่เพียงแค่ ดู พรีเมียม แต่ยัง สะท้อนความพรีเมียมที่ผู้คนสัมผัสและยอมรับได้จริง ทั้งในไทยและระดับสากล”

นอกจากนั้น วิส มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป ยังนำเสนอบริการที่ครอบคลุมทุกมิติในการสร้างแบรนด์ระดับพรีเมียม ได้แก่ 1. Premium Execution Agency บริการด้านการตลาดออนไลน์ระดับพรีเมียม 2. Online Course / Digital product / In-House Agency Training บริการคอร์สออนไลน์ด้านการตลาดออนไลน์ 3. CEO & Personal Brand Authority (Done-for-You Service) บริการสร้าง Personal Brand สำหรับ CEO 4. “Elite Growth OS” (Coming soon) บริการพัฒนาระบบที่ขยายได้ 5. Luxury Service Courses (by Lyn) บริการคอร์สสอนการวางกลยุทธ์การขายสินค้าและบริการระดับ Luxury โดยคุณลิน กีรตยา 6. Luxury Marketing Strategy บริการวางแผนกลยุทธ์ด้านการตลาดออนไลน์สำหรับสินค้าและบริการระดับ Luxury 7. Luxury Experience Design บริการออกแบบสื่อและผลิตภัณฑ์สำหรับสินค้าและบริการระดับ Luxury

สำหรับผู้ประกอบการ หรือเจ้าของกิจการที่ต้องการยกระดับแบรนด์ ให้เป็นที่ยอมรับทั้งในประเทศไทยและระดับสากล โดย วิส มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.wismarketing.co.th หรือ Facebook: Wis Marketing Digital Agency Thailand หรือ โทร. 064-942-2452

วงการบิวตี้ต้องสะเทือน เมื่อซุปตาร์สาวสุดฮอต โยเกิร์ต ณัฐฐชาช์ บุญประชม แท็กทีม วัตสัน ผู้นำร้านเพื่อสุขภาพและความงามอันดับหนึ่งของประเทศไทย พาทัวร์สาขาใหม่ล่าสุดที่ศูนย์การค้าเอ็มควอเทียร์ พร้อมชวนแฟนๆ มาอัปเดตเทรนด์ความงามสไตล์สาวสุขภาพดีกับแบรนด์ชั้นนำแบบจัดเต็ม 7,000 กว่ารายการ อาทิ The Ordinary, Dyson, La glace, 3CE, Skinfood, Foreo, Torriden, Bio Active รวมถึงแบรนด์เอ็กซ์คลูซีฟอีกมากมาย ณ ร้านวัตสัน สาขาเอ็มควอเทียร์ ชั้น 3 โซน Helix

โยเกิร์ต ณัฐฐชาช์ เผยว่า “รู้สึกเป็นเกียรติมากที่วันนี้ได้เป็นส่วนหนึ่งของงานเปิดตัววัตสัน สาขาเอ็มควอเทียร์ ตื่นเต้นมากที่ได้เห็นร้านโฉมใหม่ที่ทั้งสวย หรูหรา และทันสมัยขนาดนี้ บรรยากาศในร้านดีสุดๆ จนเดินชอปปิงได้ทั้งวันเลยจริงๆ ที่สำคัญคือมีสินค้าให้เลือกเยอะมาก ทั้งสกินแคร์ เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ของใช้ในชีวิตประจำวัน และแบรนด์ใหม่ๆ ที่เพิ่งเปิดตัวในวัตสันก็มีให้เลือกกันเพียบ อยากให้ทุกคนลองมาชอปปิงที่วัตสัน สาขาเอ็มควอเทียร์ด้วยกันเยอะๆ นะคะ บอกเลยว่าน่าซื้อทุกชิ้น”

นอกจากกิจกรรมสุดพิเศษกับโยเกิร์ต ณัฐฐชาช์แล้ว วัตสันยังจัดเต็มโปรโมชันฉลองเปิดร้านอีกเพียบ ทั้งส่วนลดและของแถมสุดเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับลูกค้าที่มาใช้บริการที่ร้าน ไม่ว่าจะเป็น Watsons Lucky Bag, Watsons Laptop Bag หรือบริการ Personal Color เมื่อซื้อสินค้าครบตามเงื่อนไขที่กำหนด แฟนๆ วัตสันสามารถตามไปสัมผัสการชอปปิงที่แตกต่างและบริการที่ดีที่สุด พร้อมอัปเดตเทรนด์สุขภาพและความงามก่อนใครได้แล้ววันนี้ที่ร้านวัตสัน สาขาเอ็มควอเทียร์ พร้อมรับโปรโมชันสุดคุ้มอีกมากมาย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สื่อประชาสัมพันธ์ ณ จุดขาย หรือ Line Official @WatsonsTH, เว็บไซต์ Watsons.co.th หรือผ่านแอป WatsonsTH ดาวน์โหลดได้ที่ Google Play Store และ App Store

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ) ในฐานะผู้นำด้านดิจิทัลแบงก์กิ้งที่เดินหน้าด้วยความมุ่งมั่นสู่อนาคตที่ยั่งยืน โชว์วิสัยทัศน์ในการขับเคลื่อนนวัตกรรมด้านไอทีและดิจิทัลในงาน Krungsri Tech Day 2025: Empower People to Make Life Simple โดยมุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีที่เชื่อมโยงทุกมิติของชีวิตประจำวันให้สะดวกและราบรื่นยิ่งขึ้น พร้อมยกระดับศักยภาพทั้งด้านเทคโนโลยีและผู้คน เพื่อสนับสนุนธุรกิจและสังคมไทยสู่อนาคตที่ยั่งยืน ในงานมหกรรมด้านเทคโนโลยีของกรุงศรีที่ร่วมมือกับพันธมิตรสายเทคชั้นนำจัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่สี่

นายเคนอิจิ ยามาโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ได้ให้เกียรติเป็นประธานกล่าวเปิดงาน กล่าวว่า “Krungsri Tech Day 2025 สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของกรุงศรีในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงผ่านนวัตกรรมที่ช่วยให้การบริการทางการเงินในชีวิตประจำวันและการทำธุรกิจง่ายขึ้น รวดเร็วขึ้น และปลอดภัยยิ่งขึ้น ด้วยการลงทุนในเทคโนโลยีดิจิทัล กรุงศรีมุ่งเน้นการให้บริการที่ตอบโจทย์ลูกค้า เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และสร้างความเชื่อมั่นอย่างยั่งยืน เพื่อก้าวสู่การเป็นธนาคารชั้นนำแห่งภูมิภาคเพื่อความยั่งยืน ที่พร้อมสนับสนุนธุรกิจและชุมชนให้เติบโตไปด้วยกัน ขณะเดียวกันก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการขับเคลื่อนเทคโนโลยีของกรุงศรีจะเป็นแรงบันดาลใจให้ทุกคนมองเห็นว่าเทคโนโลยีไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่เป็นพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงที่เข้าใจและส่งเสริมชีวิตผู้คนอย่างแท้จริง”

นางสาวสายสุนีย์ หาญประเทืองศิลป์ ประธานกลุ่มสนับสนุนธุรกิจด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและดิจิทัล ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ทิศทางและกลยุทธ์ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมของกรุงศรี มุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีควบคู่กับการเสริมศักยภาพของผู้คน เพื่อสร้างคุณค่าให้กับองค์กร สังคม และธุรกิจอย่างรอบด้าน ภายใต้แนวคิดดังกล่าว เราปรับโครงสร้างเทคโนโลยีให้มีความยืดหยุ่น เน้นการปรับปรุงกระบวนการทำงานให้เรียบง่ายและคล่องตัว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน และพร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจในอนาคต ผลักดันบทบาทของธนาคารในฐานะพันธมิตรทางธุรกิจด้วยการร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำในการสรรค์สร้างนวัตกรรมที่ใช้ประโยชน์ได้จริงและตอบโจทย์ลูกค้าอย่างแท้จริง ควบคู่กับการจัดตั้งหน่วยงานที่เป็นศูนย์กลางด้านการพัฒนาและผลักดันการใช้ AI พร้อมวางกรอบธรรมาภิบาลด้าน AI เพื่อให้การนำเทคโนโลยีมาใช้เกิดประโยชน์สูงสุดอย่างมีจริยธรรม และส่งเสริมเศรษฐกิจและสังคมไทยให้เติบโตยั่งยืน”

กลยุทธ์ในการขับเคลื่อนด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมของกรุงศรีประกอบด้วย 3 เสาหลัก ได้แก่

1. Technology Simplicity – ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีจากภายในสู่ภายนอก ที่ออกแบบเป็น 3 ระยะสำคัญ ได้แก่ Leaner - ปรับโครงสร้างพื้นฐานให้เรียบง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยการนำระบบ Hybrid Cloud มาใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการแอปพลิเคชัน รวมถึงโปรแกรม Jupiter ที่เป็นโครงการต่อเนื่องเพื่อทรานส์ฟอร์มระบบ Core Banking สำหรับรองรับการเติบโตในระยะยาว Simpler - ยกระดับการดำเนินงานด้วยระบบอัตโนมัติ ลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็น เพิ่มความเร็วในการให้บริการ และลดต้นทุนการดำเนินงานอย่างมีนัยสำคัญ และ Ahead of Business - นำเทคโนโลยี AI เข้ามาเสริมในกระบวนการทำงาน เพื่อยกระดับประสบการณ์ลูกค้า เพิ่มความแม่นยำในการตัดสินใจ และสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจในระยะยาว

ผลลัพธ์จากการทรานส์ฟอร์มดังกล่าว ช่วยให้ระบบปฏิบัติงานหลักของธนาคารทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น สร้างความยืนหยุ่นในการการเชื่อมโยงระหว่างแอปพลิเคชันหน้าบ้านและระบบหลังบ้าน ลดต้นทุนด้านการพัฒนาและบำรุงรักษา อีกทั้งยังช่วยปรับปรุงโครงสร้างระบบสถาปัตยกรรมไอทีให้เป็นรูปแบบ “Microservices” เกิดเป็น Hub ย่อย ที่สามารถต่อยอดการทำงานภายในและต่อยอดเป็นโซลูชั่นส์เพื่อให้บริการลูกค้าได้ โดยในปีที่ผ่านมา กรุงศรีช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้าธุรกิจโรงงานน้ำตาลและเกษตรกรผู้ปลูกอ้อยโดยร่วมพัฒนาระบบการขายลดเช็คให้เป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์ผ่าน Payment Hub ทำให้ขั้นตอนการรับซื้อลดสิทธิรับเงินค่าเช็คเกี๊ยว/เช็คอ้อยทำได้โดยไม่จำเป็นต้องมีเอกสารเช็คอีกต่อไป ช่วยลดต้นทุนและช่วยให้เกษตรกรได้รับเงินเร็วขึ้นจากเดิม 2 วัน เหลือเพียง 3–5 นาที 

2. Enabling for Growth – ในยุคที่โลกเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ทั้งเศรษฐกิจที่ชะลอตัว เทคโนโลยีอย่าง AI ที่เปลี่ยนรวดเร็ว และพฤติกรรมผู้บริโภคที่ไม่ยึดติดกับแบรนด์เดิม ธุรกิจจึงต้องหาสูตรลับของตัวเองให้เจอ และโฟกัสกับสิ่งที่สร้างความต่าง ขณะที่เรื่องสำคัญแต่ไม่ใช่หัวใจ เช่น การจัดการด้านการเงิน ควรมอบให้ผู้เชี่ยวชาญที่ไว้ใจได้ดูแล เพื่อให้ผู้ประกอบการมีเวลาไปสร้างนวัตกรรมและประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้ลูกค้า ภายใต้แนวคิด “Enabling for Growth” กรุงศรีพร้อมสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจไทยด้วย โซลูชันทางการเงินดิจิทัลที่ครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่ โครงสร้างพื้นฐานทางการเงินเพื่อธุรกิจ ไปจนถึง บริการทางการเงินที่เชื่อมต่อเข้ากับแพลตฟอร์มขององค์กรได้โดยตรง ทั้งหมดนี้ออกแบบให้เชื่อมต่อได้ง่าย ปลอดภัย และพร้อมใช้งานทันที ปัจจุบันกรุงศรีได้รับรางวัลกว่า 20 รางวัล มีพันธมิตรกว่า 1,200 ราย และรองรับธุรกรรมกว่า 90 ล้านครั้งต่อปี สะท้อนความเชื่อมั่นในฐานะพันธมิตรทางการเงินที่ธุรกิจไว้วางใจ ภายใต้คำมั่นสัญญา “ชีวิตง่ายได้ทุกวัน” เพื่อให้ทุกองค์กรใช้เวลาไปกับสิ่งที่สำคัญที่สุด—การสร้างคุณค่า ความต่าง และอนาคตที่ยั่งยืน

3. Sustainable AI – จัดตั้งหน่วยงานศูนย์กลางด้าน AI (AI COE) พร้อมกรอบ AI Governance ที่เป็นรูปธรรม ครอบคลุมกระบวนการ คัดเลือกและจัดลำดับความสำคัญของ Use Case ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์องค์กร, ออกแบบและพัฒนาโมเดล ทดสอบความเสี่ยง/อคติ ดำเนินการ MLOps และวัดผล เป้าหมายคือการใช้งาน Traditional AI/ML, Generative AI และ Agentic AI อย่างเป็นระบบ โปร่งใส และสร้างคุณค่าจริงทั้งต่อธุรกิจและลูกค้า โดยภายในองค์กร กรุงศรีนำ GenAI เดินคู่กับการวิเคราะห์เชิงลึก เช่น AI ประเมินมูลค่าสินทรัพย์ บนโครงสร้างข้อมูลที่ถูกกำกับดูแล เพื่อความเร็ว ความแม่นยำ และการตรวจสอบย้อนกลับที่โปร่งใส และในการพัฒนาเพื่อลูกค้า กรุงศรีมุ่งยกระดับประสบการณ์อนุมัติสินเชื่อและงานรับประกันความเสี่ยง (underwriting) ให้ปลอดภัยและราบรื่นยิ่งขึ้น ด้วยโมเดล Fraud Score พร้อมใช้โมเดล Customer Lifetime Value และ Churn Prevention เพื่อการดูแลเชิงรุกและข้อเสนอที่สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้ามากขึ้น

บนรากฐานนี้ กรุงศรีได้ขยายความร่วมมือกับ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยใช้ API ที่ปลอดภัย เป็นสะพานข้อมูลเชิงปฏิบัติการ สร้าง “ภาพเดียวกัน” ผ่านแดชบอร์ดเรียลไทม์ และยกระดับการวิเคราะห์ด้วย Machine Learning เพื่อคัดกรองพฤติกรรมต้องสงสัยเชิงรุก ช่วยลดเวลาประสานงานและเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการคดีร่วมกับ CIB ทั้งหมดนี้สะท้อน Sustainable AI ที่ใช้งานได้จริง วัดผลได้ และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลที่รัดกุม สอดคล้องกับหลักจริยธรรมและเป้าหมายการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนของสังคมไทย

Krungsri Tech Day 2025 จัดต่อเนื่องเป็นปีที่สี่ ภายใต้แนวคิด “Empower People to Make Life Simple” ซึ่งกรุงศรีได้ร่วมมือกับพันธมิตรเทคโนโลยีชั้นนำ อาทิ Accenture, AWS | OnebyZero, Cisco | OSD, HPE, IBM, Kyndryl, Dynatrace, EmbedIT, G-Able, MFEC, YIP IN TSOI | Archer, Atlassian | iZeno, Microsoft, NTT | World Line, Nutanix, Redhat, และ VMWare by Broadcom นำเสนอเทรนด์และโซลูชันนวัตกรรมล่าสุดที่ช่วยทำให้ชีวิตและการทำธุรกิจง่ายขึ้น มุ่งยกระดับความรู้และทักษะดิจิทัลผ่านกิจกรรมเวิร์กชอปและสัมมนา พร้อมแลกเปลี่ยนความคิดและประสบการณ์จากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะช่วยให้ผู้เข้าร่วมงานสามารถนำเทคโนโลยีไปประยุกต์ใช้เชิงปฏิบัติ ทั้งในธุรกิจและชีวิตประจำวัน

“กรุงศรีขอขอบคุณพันธมิตรทุกท่านที่เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญเบื้องหลังนวัตกรรม ช่วยเปลี่ยนแนวคิดให้เป็นความสามารถจริง พร้อมสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ชาญฉลาด และสนับสนุนการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนให้กับองค์กร สังคม และผู้คน ซึ่งตอกย้ำบทบาทของกรุงศรีในฐานะธนาคารที่ไม่เพียงให้บริการทางการเงิน แต่ยังเป็นพันธมิตรทางธุรกิจและแรงขับเคลื่อนสำคัญในการส่งเสริมให้เศษรฐกิจและสังคมไทยเข้มแข็งและเติบโตอย่างยั่งยืน” นางสาวสายสุนีย์ กล่าวปิดท้าย

กรมการค้าต่างประเทศเดินหน้าขับเคลื่อนนโยบาย “Quick Big Win” ตามแนวทางของนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จัดสัมมนา “Unlocking Trade Measure: The Passport for Global Trade” ถอดรหัสมาตรการทางการค้า สู่ความสำเร็จบนเวทีโลก นำร่องภาคใต้ที่ ณ จังหวัดสุราษฎร์ธานี มุ่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการไทยให้เข้าใจกฎระเบียบ มาตรการการค้า ลดปัญหาและอุปสรรคในการส่งออก

นายดวงอาทิตย์ นิธิอุทัย รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า “นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้กำหนด 7 นโยบายสำคัญ ภายใต้แนวทาง “Quick Big Win” ที่มุ่งให้เกิดผลสัมฤทธิ์ทางเศรษฐกิจโดยเร็ว และสร้างรากฐานทางการค้าที่มั่นคงและยั่งยืน โดยภารกิจหลักที่สำคัญ อาทิ การเร่งเจรจาการค้ากับสหรัฐอเมริกาเพื่อบรรลุข้อตกลงอัตราภาษีต่างตอบแทน ภายในเดือนธันวาคม 2568 พร้อมทั้งยกระดับมาตรการตรวจสอบถิ่นกำเนิดสินค้า และการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าให้เป็นดิจิทัลเต็มรูปแบบ เพื่อป้องกันการสวมสิทธิ์ถิ่นกำเนิดสินค้าไทย ตลอดจนผลักดันการใช้สิทธิประโยชน์จาก FTA และเร่งบุกตลาดใหม่ กรมฯ จึงได้จัดการสัมมนา “Unlocking Trade Measure : The Passport for Global Trade” ถอดรหัสมาตรการทางการค้า สู่ความสำเร็จบนเวทีโลก” เพื่อถ่ายทอดความรู้และประชาสัมพันธ์มาตรการทางการค้าใหม่ที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2568 ณ โรงแรมนิภา การ์เด้น จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการ หน่วยงานภาครัฐและเอกชนกว่า 200 คน รวมถึงมีหน่วยงานพันธมิตรในพื้นที่เข้าร่วมออกบูธและร่วมการสัมมนา อาทิ สำนักงานพาณิชย์จังหวัด หอการค้าจังหวัด สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กลุ่มสมาคมโรงสกัดน้ำมันปาล์ม และกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม เป็นต้น”

นายดวงอาทิตย์ กล่าวว่า “งานสัมมนาในครั้งนี้ได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิด้านการค้าและการตลาด ได้แก่ นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์อาหารแปรรูปและอาหารแห่งอนาคต หอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และนายประกิต ประสิทธิ์ศุภผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเพชรศรีวิชัย เอ็นเตอไพรส์ จำกัด (มหาชน) มาร่วมแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับทิศทางการค้าโลก โอกาส ตลอดจนความท้าทายใหม่ๆ ที่ผู้ประกอบการไทยต้องเผชิญ นอกจากนี้ ในช่วงบ่ายยังมีกิจกรรมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ (Workshop) ในหัวข้อ Smart DFT : Going Paperless โดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญของกรมฯ มาถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับการใช้งานระบบดิจิทัล อาทิ ระบบบริการการออกหนังสือสำคัญการส่งออกนำเข้าสินค้า (SMART I) ระบบการรับรองถิ่นกำเนิด (Rover Plus) และระบบการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (SMART C/O) ซึ่งเป็นระบบที่กรมฯ พัฒนาขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้าให้แก่ผู้ประกอบการ ”

“กรมการค้าต่างประเทศยังคงมุ่งมั่นดำเนินพันธกิจหลักเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้าให้แก่ผู้ประกอบการ เร่งเปิดตลาดใหม่ และผลักดันการส่งออกสินค้าเกษตรสำคัญ เช่น ข้าว มันสำปะหลัง และสินค้าเกษตรนวัตกรรม ตลอดจนติดตามสถานการณ์และมาตรการทางการค้าของประเทศคู่ค้าอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยได้รับทราบข้อมูลที่ทันสมัยและใช้ประโยชน์ได้อย่างสูงสุด กรมฯ จึงต้องเร่งเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจในบทบาทภารกิจของกรมฯ ในด้านต่าง ๆ ให้แก่ผู้ประกอบการ หน่วยงานภาครัฐและเอกชน รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคให้ได้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายและกว้างขวางยิ่งขึ้น” นายดวงอาทิตย์กล่าวทิ้งท้าย

ผู้ประกอบการสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารและการสัมมนาต่าง ๆ ผ่านทางเว็บไซต์กรมการค้าต่างประเทศ www.dft.go.th หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน 1385 

ว่าที่ร้อยตรี ภูวไนย จารุพันธุ์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาสินทรัพย์ภาคเหนือตอนล่าง นายดนัย ด้วงเจริญ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร นายสิงห์ สุขโท้ ผู้จัดการสำนักงานพิษณุโลก  นายวรา สวัสดีผล  ผู้จัดการสำนักงานนครสวรรค์ นางสาวชฎาภรณ์ วงศ์ชีวะ ผู้จัดการกลุ่มประชาสัมพันธ์ พร้อมพนักงาน บริษัทบริหารสินทรัพย์  กรุงเทพพาณิชย์  จำกัด (มหาชน) หรือ BAM มอบเงินสนับสนุนโครงการโรงเรียนต้นคิด ชีวิตยั่งยืน จำนวน 100,000 บาท ให้กับโรงเรียนบ้านเนินทองราษฎร์พัฒนา อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก โดยมี นางชฑรัช วงษ์ยอด  ผู้อำนวยการโรงเรียนเป็นผู้รับมอบ

BAM ได้จัดทำโครงการโรงเรียนต้นคิด ชีวิตยั่งยืน ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 เพื่อให้นักเรียนได้จัดทำแปลงเกษตร สำหรับเป็นอาหารกลางวัน รวมไปถึงการเลี้ยงไก่ไข่ ปลูกผัก บนแปลงเกษตร รวมทั้งเก็บเห็ดนางฟ้านำไปประกอบอาหารตามหลักโภชนการ เพื่อเสริมสร้างสุขภาพที่ดีสมวัย เพิ่มความรู้และความเข้าใจการทำการเกษตรอย่างถูกต้อง อีกทั้งยังเป็นการเสริมสร้างความรู้ด้านเกษตรตามแผนการเรียนการสอนของโรงเรียนอีกด้วย

 

บริษัท Maxion Tech ผู้ให้บริการเกมและผู้พัฒนาเกม ในอุตสาหกรรมเกมออนไลน์ ประกาศการเซ็นสัญญาซื้อสิทธิ์จัดจำหน่ายและเผยแพร่เกม Kyrie & Terra: Eternal’ จากสตูดิโอ ROTJANA KAANKEM อย่างเป็นทางการ เพื่อเตรียมเปิดให้บริการในฐานผู้ให้บริการและผู้จัดจำหน่ายหลัก (Publisher & Service Provider) พร้อมต่อยอดศักยภาพของเกม RPG Turn-based แนวแฟนตาซีต่างโลกให้เข้าถึงผู้เล่นในวงกว้างมากขึ้น

พิธีลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) จัดขึ้นในที่ 4 ตุลาคม 2568 เวลา 14.00 – 16.00 น. ที่ผ่านมา ณ Club Siam Glowfish ชั้น 11 อาคาร Siam Patumwan House ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของ Maxion Tech ในการ ต่อยอดการเติบโตของบริษัทในอุตสาหกรรมเกม พร้อมส่งมอบประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้เล่น โดยทาง Maxion Tech เชื่อมั่นในศักยภาพของเกม Kyrie & Terra : Eternal ซึ่งพัฒนาอย่างประณีตในทุกองค์ประกอบ ตั้งแต่การสร้างสรรค์ งานศิลป์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว, การใช้นักพากย์ญี่ปุ่นระดับมืออาชีพ เพื่อเพิ่มอรรถรสให้กับเนื้อเรื่อง, ไปจนถึง ระบบการเล่นที่แตกต่างจากเกม RPG Turn-based ทั่วไป ทั้งหมดนี้ทำให้เกมมีจุดเด่นที่ชัดเจนและพร้อมจะมอบประสบการณ์ที่น่าสนใจให้กับผู้เล่นในเร็ว ๆ นี้

นายโชติวัน วัฒนลาภ CEO และ Co-Founder บริษัท Maxion กล่าวว่า “ถือเป็นความท้าทายที่สำคัญสำหรับเราในการขยายไลน์อัปของ Maxion ให้เข้าถึงตลาดเกมได้กว้างขึ้น เราเห็นถึงศักยภาพที่โดดเด่นของ Kyrie & Terra: Eternal และเชื่อมั่นว่าเกมนี้จะสามารถสร้างประสบการณ์ที่ตอบโจทย์ และครองใจผู้เล่นได้อย่างแน่นอน”

ที่ผ่านมา Maxion ได้พิสูจน์ศักยภาพในฐานะผู้ให้บริการเกมด้วย Ragnarok Landverse ซึ่งได้รับเสียงตอบรับอย่างดีจากผู้เล่นทั่วโลก และถือเป็นตัวอย่างของความมุ่งมั่นในการพัฒนาเกมให้ก้าวข้ามขีดจำกัดดั้งเดิมสู่ประสบการณ์ที่ตอบโจทย์ผู้เล่นยุคใหม่ ความสำเร็จดังกล่าวกลายเป็นรากฐานสำคัญที่ผลักดันให้ Maxion เดินหน้าสู่โปรเจกต์ถัดมาอย่าง Kyrie & Terra: Eternal ด้วยความเชื่อมั่นยิ่งขึ้น

ภายในงานยังได้มีการ ยลโฉมตัวเกม Kyrie & Terra: Eternal เป็นครั้งแรก เผยให้เห็นบรรยากาศของโลกแฟนตาซีต่างโลกที่เต็มไปด้วยเรื่องราวและความท้าทายอันน่าติดตาม ซึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจของทีมพัฒนาในการสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างจากเกมแนว RPG Turn-based ทั่วไป

ผู้ที่สนใจสามารถติดตามข่าวสาร ความเคลื่อนไหว และอัปเดตกิจกรรมต่าง ๆ ของ Kyrie & Terra: Eternal ได้ที่ Facebook Fanpage: Kyrie & Terra และสามารถ ลงทะเบียนล่วงหน้าได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เพื่อเตรียมพร้อมสัมผัสประสบการณ์จากเกม RPG Turn-based แฟนตาซีต่างโลกที่จะเปิดให้บริการทั้งบน App Store และ Google Play ในเร็วๆ นี้

Page 3 of 943
X

Right Click

No right click