พิพิธภัณฑ์ครุฑ โดย ทีเอ็มบีธนชาต โชว์ศักยภาพโดดเด่น รับมอบประกาศนียบัตร จากการคว้าคะแนนเต็ม “องค์กรคุณธรรม” ประจำปี 2566 จากคณะกรรมการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ ประจำจังหวัดสมุทรปราการ ให้เป็นพิพิธภัณฑ์ต้นแบบด้านการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ เพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติให้กับองค์กรภาครัฐและภาคเอกชน ในจังหวัดสมุทรปราการ ที่มีศักยภาพโดดเด่น ผลงานเป็นที่ประจักษ์ ยึดมั่นวิถีวัฒนธรรมไทยและคุณธรรม

นางสาวมาริสา จงคงคาวุฒิ หัวหน้ากิจกรรมสังคมเพื่อความยั่งยืน ทีเอ็มบีธนชาต กล่าวว่า พิพิธภัณฑ์ครุฑ เป็นองค์กรภาคเอกชนแห่งเดียวของจังหวัดสมุทรปราการที่ได้รับประกาศนียบัตรเชิดชูเกียรติ “องค์กรคุณธรรม” โดยคว้าคะแนนเต็มจากการประเมินโดยคณะกรรมการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ ซึ่งประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและภาคเอกชน รางวัลดังกล่าว เป็นการสะท้อนความเด่นชัดของพิพิธภัณฑ์ครุฑที่สอดแทรกเรื่องราวของความกตัญญู ความซื่อสัตย์ และความดีงาม เพื่อส่งผ่านถึงคนรุ่นหลังให้ตระหนักถึงคุณค่าขององค์ครุฑที่มีกับสังคมไทยให้คงอยู่ตลอดไป

สำหรับพิพิธภัณฑ์ครุฑ เป็นพิพิธภัณฑ์แห่งเดียวในประเทศไทยและอาเซียน ที่รวบรวมครุฑอันมีเอกลักษณ์เฉพาะองค์จากทุกภาคของไทย มีความโดดเด่นด้วยองค์ครุฑไม้ที่แกะสลักอย่างวิจิตรงดงาม สะท้อนถึงความประณีตของศิลปิน โดยอัญเชิญตราที่ประดิษฐาน ณ ธนาคารสาขาต่าง ๆ มากกว่า 150 องค์ มาไว้ด้วยกัน ภายในพิพิธภัณฑ์ได้จัดแสดงเรื่องราวประวัติความเป็นมาของพญาครุฑ ผ่าน 6 โซนนิทรรศการ ที่นำเสนอเรื่องราวความเป็นมาของพญาครุฑอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ ทั้งแสง สี เสียง ในรูปแบบทั้งแอนิเมชันและมัลติมีเดีย ทำให้คนรุ่นใหม่ที่เข้ามาเยี่ยมชมจะได้เรียนรู้เรื่องราวของ “พญาครุฑ” สัตว์หิมพานต์ สัญลักษณ์แห่งความกตัญญู ความซื่อสัตย์ และความดีงาม และเข้าถึงความเป็นไทยได้อย่างง่าย ๆ

สำหรับผู้ที่สนใจท่องเที่ยว “พิพิธภัณฑ์ครุฑ” พร้อมเรียนรู้ตำนาน “พญาครุฑ” สามารถลงทะเบียนผ่าน  https://www.ttbfoundation.org/th/garudamuseum/ โดยจะเปิดให้เข้าชม ทุกวันศุกร์-เสาร์ วันละ 3 รอบ ในเวลา 10:00 / 13:00 / 15:00 น. พร้อมผู้นำชม โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ทั้งนี้  มีบริการจัดรถตู้บริการรับ-ส่งจากสถานีรถไฟฟ้า บีทีเอส สถานีเคหะสมุทรปราการ ถึง พิพิธภัณฑ์ครุฑ ซึ่งสามารถแจ้งความประสงค์ผ่านระบบการจองล่วงหน้าผ่าน QR Code

 

ทีเอ็มบีธนชาต รายงานกำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 1 ปี 2567 ที่ 5,334 ล้านบาท ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ทั้งยังสามารถลดหนี้เสียได้อย่างต่อเนื่องมาอยู่ที่ 2.56% ขณะที่อัตราส่วนสำรองฯ ต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพยังอยู่ในระดับสูงที่ 155% เน้นย้ำพันธกิจ Financial Well-being เดินหน้าดูแลลูกค้า พร้อมร่วมสนับสนุนแนวทางการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม มุ่งแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน

ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ ทีเอ็มบีธนชาต (ทีทีบี) แจ้งผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2567 โดยธนาคารมีกำไรสุทธิ 5,334 ล้านบาท ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับ 4,295 ล้านบาท ในไตรมาส 1 ปี 2566 ปัจจัยหนุนมาจากกลยุทธ์การปรับโครงสร้างสินเชื่อและการบริหารเงินฝาก เพื่อให้ผลตอบแทนและต้นทุนทางการเงินมีความสอดคล้องกัน และการมีวินัยด้านค่าใช้จ่าย ในด้านคุณภาพสินทรัพย์ ธนาคารสามารถลดอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพลงมาได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งยังคงอัตราส่วนสำรองฯ ต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพและฐานเงินกองทุนยังคงในระดับสูง สะท้อนสถานะทางการเงินที่มั่นคงแข็งแกร่ง

นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบีธนชาต เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกของปีถือว่าเป็นไปตามเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการปรับโครงสร้างพอร์ตสินเชื่อและการบริหารจัดการต้นทุนทางการเงินเพื่อหนุนรายได้ การมีประสิทธิภาพด้านต้นทุน และการดูแลคุณภาพสินทรัพย์ 

หนึ่งในจุดเด่นของผลการดำเนินงานในไตรมาสนี้ ได้แก่ ด้านสินเชื่อ ซึ่งธนาคารยังคงเน้นการเติบโตอย่างมีคุณภาพ เน้นกลุ่มลูกค้าที่ธนาคารมีความชำนาญ เข้าใจทั้งความต้องการและความเสี่ยงเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มคนมีรถ กลุ่มคนมีบ้าน และพนักงานเงินเดือน ภายใต้แนวคิด Ecosystem play หนุนให้ธนาคารสามารถเติบโตสินเชื่อกลุ่มเป้าหมายได้ต่อเนื่องจากไตรมาสที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น สินเชื่อรถแลกเงิน (+4%) สินเชื่อบ้านแลกเงิน (+3%) และสินเชื่อบุคคล (+4%)

ในประการสำคัญ ธนาคารยังคงให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ทุกกลุ่มอย่างต่อเนื่องในหลายรูปแบบ เช่น การปรับโครงสร้างหนี้ และการรวบหนี้ (Debt Consolidation) เพื่อช่วยบรรเทาภาระดอกเบี้ยและช่วยให้ลูกหนี้สามารถบริหารจัดการสภาพคล่องได้ในระยะยาว โดยปัจจุบันธนาคารได้ให้ความช่วยเหลือลูกค้าผ่านการปรับโครงสร้างหนี้คิดเป็นมูลค่าสินเชื่อประมาณ 11% ของพอร์ตสินเชื่อรวม ขณะที่จำนวนลูกค้าภายใต้โครงการรวบหนี้ เพิ่มขึ้นจากประมาณ 17,000 ราย ณ สิ้นปีที่แล้ว สู่ระดับ 21,000 ราย โดยธนาคารสามารถช่วยให้ลูกค้ากลุ่มดังกล่าวประหยัดดอกเบี้ยไปได้กว่า 1,400 ล้านบาท

นอกจากนั้นแล้ว ธนาคารยังได้เปิดตัวแคมเปญ “พิชิตหนี้” ซึ่งมุ่งช่วยพนักงานเงินเดือนลดภาระหนี้และปลอดหนี้ให้เร็วขึ้นอย่างยั่งยืน โดยได้ตั้งเป้าหมายช่วยเหลือคนไทยให้ได้ 200,000 ราย ภายใน 3 ปี เป็นไปตามพันธกิจของธนาคาร และสอดรับกับหลักเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม

จากการเติบโตสินเชื่ออย่างรอบคอบ การดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด และการบริหารจัดการหนี้เสียในเชิงรุก ส่งผลให้คุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารเป็นไปตามเป้าหมาย สามารถลดอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพลงมาได้อย่างต่อเนื่องจาก 2.62% ณ สิ้นปีที่แล้ว มาอยู่ที่ 2.56% ณ สิ้นไตรมาส 1 พร้อมยังคงอัตราส่วนสำรองฯ ต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ ซึ่งสะท้อนถึงความสามารถในการรองรับความเสี่ยงในระดับสูงที่ 155%

ทั้งนี้ ด้วยแนวโน้มเศรษฐกิจที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง ธนาคารจะยังคงดำเนินธุรกิจอย่างรอบคอบและบริหารจัดการทุกองค์ประกอบของงบดุลให้มีคุณภาพ ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่เรามุ่งเน้นมาโดยตลอดและให้ผลลัพธ์ที่สอดคล้องกับเป้าหมายระยะยาวของธนาคารในการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยเห็นได้ว่าตั้งแต่การรวมกิจการและหลังจากช่วงวิกฤตโควิด-19 ผลการดำเนินงานของธนาคารมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้านคุณภาพสินทรัพย์ก็มีเสถียรภาพ และสถานะทางการเงินก็แข็งแกร่งขึ้นโดยตลอด

สำหรับผลการดำเนินงานรายการหลัก ๆ ในไตรมาส 1 ปี 2567 มีดังนี้

สินเชื่อ ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2567 อยู่ที่ 1,315 พันล้านบาท ชะลอลง 1.0% จากไตรมาสที่แล้ว เป็นไปตามแนวทางการเติบโตสินเชื่ออย่างรอบคอบ รวมทั้งการชำระคืนหนี้ของลูกค้า ทั้งนี้ สินเชื่อกลุ่มเป้าหมาย นำโดยสินเชื่อบ้านแลกเงิน สินเชื่อรถแลกเงิน และสินเชื่อบุคคล ยังคงรักษาโมเมนตัมการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง 

ด้านเงินฝาก อยู่ที่ 1,373 พันล้านบาท ลดลง 1.0% จากไตรมาสที่แล้ว สอดคล้องกับการเติบโตด้านสินเชื่อและเป็นไปตามแผนบริหารสภาพคล่องหลังจากที่ก่อนหน้านี้ในไตรมาส 4 ปี 2566 ธนาคารได้ขยายฐานเงินฝากไปแล้วกว่า 4.3% เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่ปี 2567 โดยเงินฝากที่ลดลงเป็นผลจากเงินฝากกลุ่มลูกค้าธุรกิจ ขณะที่เงินฝากรายย่อยกลุ่มเป้าหมายโดยเฉพาะเงินฝากประจำยังคงขยายตัวได้ตามแผน ทั้งนี้ ด้วยสภาพคล่องที่ยังคงอยู่ในระดับสูงก็จะช่วยสร้างความยืดหยุ่นให้กับการบริหารต้นทุนทางการเงินในระยะถัดไป

ด้านรายได้ยังคงได้รับแรงหนุนจากการปรับโครงสร้างสินเชื่อไปยังสินเชื่อกลุ่มลูกค้ารายย่อยและการบริหารจัดการต้นทุนทางการเงิน ช่วยชดเชยผลกระทบจากรายได้ค่าธรรมเนียมซึ่งยังคงมีความท้าทาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งรายได้ค่าธรรมเนียมกองทุนรวม โดยในไตรมาส 1 ปี 2567 รายได้จากการดำเนินงานรวมอยู่ที่ 17,670 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.7% จากไตรมาส 1 ปี 2566 ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอยู่ที่ 7,570 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ ธนาคารยังคงบริหารจัดการต้นทุนให้สอดคล้องกับด้านรายได้ได้เป็นอย่างดี สะท้อนได้จากอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ซึ่งอยู่ที่ 43% เป็นไปตามเป้าหมายแม้ว่าธนาคารยังคงเดินหน้าตามแผนการลงทุนด้านดิจิทัลอย่างต่อเนื่องก็ตาม

ด้านคุณภาพสินทรัพย์ ยังคงบริหารจัดการได้ตามเป้าหมายเช่นกัน โดยสินเชื่อด้อยคุณภาพลดลงมาอยู่ที่ 39,759 ล้านบาท ลดลง 3.0% จากสิ้นปีที่แล้ว หรือคิดเป็นอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวม (NPL ratio) ที่ระดับ 2.56% เทียบกับ 2.62% ณ สิ้นปีที่แล้ว นอกจากนี้ ในด้านพอร์ตการลงทุน ธนาคารเน้นการลงทุนในตราสารภาครัฐเป็นหลัก ไม่มีนโยบายแสวงหากำไรจากการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง จึงทำให้ไม่ได้รับผลกระทบจากกรณีผิดนัดชำระหนี้ในตลาดตราสารหนี้ในช่วงที่ผ่านมา

จากภาพรวมด้านคุณภาพสินทรัพย์ข้างต้น ส่งผลให้การตั้งสำรองฯ ตามการดำเนินงานปกติยังคงเป็นไปตามแผน และเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งด้านการเงิน ธนาคารได้เสริมกันชนรองรับแนวโน้มเศรษฐกิจที่ยังมีความไม่แน่นอน โดยธนาคารได้ตั้งสำรองฯ เพิ่มเติมจากระดับปกติ รวมตั้งสำรองฯ ทั้งสิ้นเป็นจำนวน 5,117 ล้านบาท ซึ่งหลังจากหักสำรองฯ และภาษี ธนาคารรายงานกำไรสุทธิในไตรมาส 1 ปี 2567 ที่ 5,334 ล้านบาท ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับ 4,295 ล้านบาทในไตรมาส 1 ปี 2566

ท้ายสุดด้านฐานะเงินกองทุน ยังคงอยู่ในระดับสูงและมีเสถียรภาพ โดยอัตราส่วน CAR และ Tier 1 ณ สิ้นไตรมาส 1 อยู่ที่ 20.8% และ 17.0% โดยระดับดังกล่าวถือว่าสูงเป็นลำดับต้น ๆ ของอุตสาหกรรม และสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำของธนาคารกลุ่ม D-SIBs ที่ธปท.กำหนดไว้ที่ 12.0% และ 9.5% ตามลำดับ

นายปิติ กล่าวสรุป “นอกเหนือจากการเติบโตอย่างมีคุณภาพ ทีทีบียังคงเน้นย้ำการดูแลและช่วยเหลือลูกค้าอย่างต่อเนื่องตามแนวทางการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending) และการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนของภาครัฐ ทั้งนี้ ภายใต้พันธกิจหลัก Financial Well-being ซึ่งเราได้ดำเนินการมาโดยตลอด การสนับสนุนของเราไม่ได้จำกัดเพียงแค่ด้านสินเชื่อเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงปัจจัยพื้นฐานทางการเงินที่สำคัญด้านอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น ด้านการออม การลงทุน และการมีประกันที่เพียงพอและเหมาะสมกับลูกค้าในทุก ๆ ช่วงชีวิต โดยเรามุ่งมั่นที่จะเป็นธนาคารที่ LEAD the CHANGE หรือเป็นผู้นำในการสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริงเพื่อให้คนไทยมีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน”

กรุงเทพประกันชีวิต ตอกย้ำ “The Most Caring Insurance Brand” ตอบแทนความไว้วางใจของลูกค้าด้วยความใส่ใจ พัฒนาสิทธิประโยชน์ใหม่ 5 ด้านทั้งไลฟ์สไตล์และสุขภาพ เพื่อยกระดับความสุขพร้อมส่งมอบแก่ลูกค้าสมาชิกบีแอลเอ แฮปปี้ไลฟ์ คลับ (BLA Happy Life Club) พร้อมรับสิทธิประโยชน์ง่ายๆ ผ่าน BLA Happy Life Application

นางสาวอรนาฎ นชะพงษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส สายกลยุทธ์การตลาดและบริหารจัดการลูกค้า บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กรุงเทพประกันชีวิต ให้ความสำคัญกับการส่งมอบคุณค่าและสร้างประสบการณ์พิเศษสำหรับลูกค้าเสมอมา นอกจากการพัฒนาด้านบริการเพื่ออำนวยความสะดวกลูกค้าแล้ว ยังมุ่งมั่นพัฒนาสิทธิประโยชน์ต่างๆ เพื่อขอบคุณในความไว้วางใจ ภายใต้ “บีแอลเอ แฮปปี้ไลฟ์ คลับ” ที่ได้สร้างสรรค์กิจกรรมสุดพิเศษมาอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด กรุงเทพประกันชีวิตได้พัฒนาสิทธิประโยชน์ใหม่สำหรับลูกค้าด้วยความใส่ใจ 5 ด้าน เพื่อตอบสนองความต้องการของการใช้ชีวิตไม่ว่าจะเป็นด้านไลฟ์สไตล์หรือสุขภาพ โดยลูกค้าทุกคนจะได้รับสิทธิประโยชน์ตามระดับการชำระเบี้ยรวมที่ชำระให้กับบริษัทตลอดปีที่ผ่านมา

สำหรับสิทธิประโยชน์ใหม่ 5 ด้านประกอบด้วย  (1)  Health Privileges สิทธิประโยชน์ด้านสุขภาพที่มอบแพคเกจตรวจสุขภาพ และสร้างความอุ่นใจด้วยบริการเสริมด้านสุขภาพ BLA EveryCare ใส่ใจคุณทุกดีเทลของชีวิต ผ่านบริการ International Hotline Service ผู้ช่วยทางการแพทย์ในต่างประเทศเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินต่างประเทศ,  Driving Home รถยนต์ไปส่ง หรือ รับกลับ เมื่อเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาล และ Care@Home สำหรับดูแลสุขภาพผู้ป่วยที่บ้านยามพักฟื้น  (2)  Edutainment Privileges กิจกรรมเสริมสาระและความรู้ใหม่ๆ เตรียมความพร้อมให้คุณและครอบครัว ทั้งสุขภาพเงิน สุขภาพกาย และสุขภาพใจ

(3) Travel Privileges สิทธิประโยชน์ด้านการเดินทาง ให้คุณและครอบครัว สะดวกสบาย ทุกการเดินทาง อาทิ รถลีมูซีนรับส่งสนามบิน ห้องรับรอง บริการรถกอล์ฟ และ การอำนวยความสะดวก ณ สนามบิน (4) Personalized Privileges สิทธิประโยชน์เพื่อคุณ ของขวัญสุดพิเศษ เติมเต็มความสุขให้คุณและครอบครัว ใส่ใจทุกวันสำคัญ สุดท้าย สิทธิประโยชน์ด้านที่ (5) Exclusive Experiences กิจกรรมพิเศษ เพื่อมอบประสบการณ์สุดประทับใจให้คุณและครอบครัว

“กรุงเทพประกันชีวิตมีเป้าหมายในการเป็นแบรนด์ประกันที่ให้การดูแล ใส่ใจลูกค้ามากกว่าการประกันชีวิต หรือ  “The Most Caring Insurance Brand” เพื่อที่จะส่งมอบประสบการณ์ที่ประทับใจให้กับลูกค้า โดยมั่นใจว่าสิทธิประโยชน์ใหม่ทั้ง 5 ด้านนี้ จะช่วยสร้างความสุขให้ทุกคนในครอบครัว โดยลูกค้าจะได้รับสิทธิประโยชน์ตามระดับการชำระเบี้ยรวม ที่ชำระให้กับบริษัทตลอดปีที่ผ่านมา (ตามเงื่อนไขที่กำหนด) ตั้งแต่สถานะ Welcome สำหรับลูกค้าใหม่ สถานะ Blue และ สถานะ Indigo โดยสามารถเช็คระดับสถานะ และ รับสิทธิประโยชน์ผ่าน BLA Happy Life Application ที่นอกจากจะมาพร้อมสิทธิพิเศษแล้ว ยังมีบริการหลากหลายที่สะดวกสบายยิ่งขึ้น ทั้งการเช็คข้อมูลกรมธรรม์ รายละเอียดความคุ้มครอง แจ้งเตือนชำระเบี้ย ดูข้อมูลการเคลม ค้นหาโรงพยาบาลคู่สัญญาใกล้คุณ เบอร์โทรฉุกเฉินต่างๆ รวมถึงการรับส่วนลดสินค้าและบริการจากร้านค้าที่ร่วมรายการทั่วประเทศ”   นางสาวอรนาฎ กล่าวในที่สุด 

สถาบันยุทธศาสตร์ธุรกิจเชิงบวก หรือ iSAB (ไอแซบ) ก่อตั้งขึ้นภายใต้ความร่วมมือของ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จํากัด (มหาชน) มหาวิทยาลัยนเรศวร และคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดหลักสูตร นักบริหารยุทธศาสตร์ธุรกิจเชิงบวก หรือ The MASTER (เดอะ มาสเตอร์) ซีซันใหม่ รุ่นที่ 9 ซึ่งในปีนี้มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์Heart of a Business Leader” หลักสูตรที่มุ่งสร้างผู้บริหารองค์กร เจ้าของธุรกิจ และทายาทผู้ประกอบการ ให้มีความเป็นผู้นำ มีความคิดสร้างสรรค์ เรียนรู้จากวิทยากรผู้มากประสบการณ์ชั้นนำระดับประเทศ อาทิ คุณบุญชัย โชควัฒนา คุณบุญเกียรติ โชควัฒนา คุณเวทิต โชควัฒนา และคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่จะมาแชร์ประสบการณ์การบริหารงานทางธุรกิจแบบเจาะลึก กลยุทธ์การบริหารธุรกิจอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ รวมถึงการทำธุรกิจโดยยึดหลักคิดเชิงบวกเพื่อความยั่งยืน ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นมากสำหรับนักธุรกิจในยุคปัจจุบัน

จัดเต็มด้วยกิจกรรมเน้นสร้างสัมพันธภาพที่ยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็น 1.กิจกรรมสนุก ๆ พร้อมเกร็ดความรู้อันทรงคุณค่า จากทีมอาจารย์คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชิวริมทะเล บาบาบีช คลับ หัวหิน 2 คืน 3 วัน 2.กิจกรรมศึกษาดูงานต่างประเทศ 3.กิจกรรมสัมพันธ์ต่าง ๆ เป็นหลักสูตรเดียวที่ได้รับประกาศนียบัตร 2 ใบ จากมหาวิทยาลัยนเรศวร และคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

มาเป็นส่วนหนึ่งกับครอบครัว The MASTER รุ่นที่ 9 เปิดรับสมัครแล้วตั้งแต่วันนี้ อัตราค่าอบรม 99,999 บาท (รวม VAT) ไม่รวมศึกษาดูงานต่างประเทศ อบรมทุกวันศุกร์ เวลา 13.30 – 18.00 น. ณ อาคารกรุงเทพทาวเวอร์ ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ เริ่มอบรมวันที่ 30 ส.ค. – 20 ธ.ค. 67 สนใจติดต่อ 085-488-4743 (คุณวาสนา) Line id : watsana2020 หรือ 098-239-9244 (คุณธนัญญา) Line id : popcorntny. (มีจุด)ลงทะเบียนคลิก https://form.jotform.com/serinaraphat11/-the-master--9

บริษัท ยูอาร์ซี (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายขนมขบเคี้ยวยอดนิยมในประเทศไทยภายใต้ Jack ’n Jill ประกาศความสำเร็จของ 2 แบรนด์เรือธงอย่าง “ฟันโอ” และ “ทิวลี่” ในการคว้ารางวัล “2023 Top Influential Brands Awards สุดยอดแบรนด์ที่ทรงอิทธิพลต่อผู้บริโภคมากที่สุดแห่งปี” ที่ครองใจผู้บริโภคมากที่สุดในกลุ่มบิสกิตและกลุ่มเวเฟอร์ จากการสำรวจความคิดเห็นของผู้บริโภคทั่วภูมิภาคเอเชีย จัดโดย บริษัท อินฟลูเอ็นเชี่ยล แบรนด์ ประเทศสิงคโปร์ ร่วมกับ บริษัท นิโอ ทาร์เก็ต จำกัด โดยมี นางสาวพรทิพย์ ลีลาเลิศวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ยูอาร์ซี (ประเทศไทย) จำกัด เป็นตัวแทนเข้ารับรางวัล

นายฐานันท์ สุวรรณรักษ์ รองประธานและผู้จัดการทั่วไป ประเทศไทย ลาว และ กัมพูชา บริษัท ยูอาร์ซี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ยูอาร์ซี ได้รับ 2 รางวัลจากเวทีใหญ่ “2023 Top Influential Brands Awards” คือ รางวัลสุดยอดแบรนด์ที่ทรงอิทธิพลต่อผู้บริโภคมากที่สุด หมวดหมู่บิสกิต โดยแบรนด์ “ฟันโอ” และ หมวดหมู่เวเฟอร์ โดยแบรนด์ “ทิวลี่” ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จ และก้าวสำคัญเพื่อยืนยันว่า ยูอาร์ซี เราดำเนินธุรกิจด้วยความมุ่งมั่น ใส่ใจ ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ดีให้แก่ผู้บริโภค และคอยพัฒนาสินค้าให้ทันตามเทรนด์ผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ

องค์ประกอบสำคัญที่ทำให้เราครองใจผู้บริโภคจนได้รับรางวัล คือ

  1. ด้านผลิตภัณฑ์ (Product Innovation) ยูอาร์ซีเรามีทีมวิจัยและพัฒนาของเราเอง เพื่อจับตาตลาดเทรนด์ผู้บริโภค และพัฒนาสินค้าได้อย่างรวดเร็ว
  2. Value for money สินค้าของยูอาร์ซี เราคัดสรรแต่สิ่งที่มีคุณภาพ คุ้มค่าคุ้มราคา เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้หลากหลาย
  3. สามารถหาซื้อได้ง่าย มีวางจำหน่ายในร้านค้าชั้นนำทั่วไป อาทิ 7-Eleven, Lotus, BigC
  4. เป็นสินค้าคุณภาพ ได้รับการรับรองและรางวัลการันตีมากมายจากหลายหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน อาทิรางวัล FDA Quality Award ต่อเนื่อง 3 ปีซ้อน และรางวัลล่าสุดอย่าง 2023 Top Influential Brands Awards ที่กล่าวไปข้างต้น

โดยในปี 2024 เราวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาดครอบคลุม 360 องศา เสริมแกร่งให้ผลิตภัณฑ์เรือธงอย่างแบรนด์ฟันโอ และทิวลี่ โดยเปิดไตรมาสแรกด้วยแคมเปญใหญ่ แจกหนักจัดเต็มทั้ง 2 แบรนด์ ได้แก่ แคมเปญ "ฟันโอ รวยเรียกพี่คุกกี้ทองคำ ลุ้นทองคำกว่า 3 ล้านบาท และแคมเปญ "ทิวลี่ ทวิน ฟินเป็นคู่ แจกโชคจัดหนัก ลุ้นโชคกว่า 1.3 ล้านบาท" คืนกำไรให้แก่ผู้บริโภคที่สนับสนุนเราด้วยดีเสมอมา ยูอาร์ซี ผลักดันการออกสินค้าที่มีนวัตกรรม สร้างสีสันและความแตกต่างให้กับผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่เดิมในตลาด โดยล่าสุดกับ ฟันโอลาวา คุกกี้ไส้ช็อกลาวา พร้อมรุกตลาด Segment Premium เพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภคที่มากขึ้น และยังอัปเดทเทรนด์ผู้บริโภคอยู่เสมอ โดยล่าสุดกับเทรนด์ช็อกมินต์ที่มาแรง แบรนด์ทิวลี่ก็ไม่พลาดที่จะออกรสชาติใหม่ ทิวลี่ ซีเล็ค ช็อกมินต์ เพื่อสร้างความตื่นเต้น แปลกใหม่ให้แก่ตลาดเวเฟอร์ นอกจากนี้ยังได้เปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ใหม่ของทั้ง 2 แบรนด์ เพื่อเป็นกระบอกเสียงทวีคูณความสนุกเอาใจผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็น เบิ้ล ปทุมราช นักร้องระดับไอคอนดนตรีสไตล์อีสาน มาเป็นพรีเซนเตอร์ แบรนด์ฟันโอ และ โจอี้ ภูวศิษฐ์ นักร้องสายร็อคเจ้าของเพลงดัง 100 ล้านวิว มาเป็นพรีเซนเตอร์แบรนด์ทิวลี่ ตอกย้ำว่ายูอาร์ซีจะคืนความสุขแบบจัดเต็มตลอดทั้งปี

สำหรับรางวัล 2023 Top Influential Brands Awards นับเป็นการมอบรางวัลใหญ่แห่งปีที่จัดทำขึ้นใน 6 ประเทศทั่วเอเชีย โดยความร่วมมือระหว่าง บริษัท อินฟลูเอ็นเชี่ยล แบรนด์ จำกัด และ บริษัท นิโอ ทาร์เก็ต จํากัด ประเทศไทย โดยแบรนด์ที่ได้เข้ารับรางวัลในครั้งนี้เป็นผลมาจากเสียงของผู้บริโภคจากการทำวิจัย จำนวนกว่า 600 ราย ในกลุ่ม Generation Z และ Generation Y ครอบคลุมทุกอุตสาหกรรม โดยให้ความสำคัญและมอบรางวัลให้แก่ธุรกิจที่สามารถขยายกิจการ ทำผลประกอบการให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นกำลังใจสำคัญสำหรับพนักงานยูอาร์ซีทุกคน ในการมุ่งมั่น ทุ่มเท และไม่หยุดยั้งที่จะพัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่องในทุกๆ ด้าน เพื่อมอบประสบการณ์การที่ดีที่สุดให้แก่ผู้บริโภค ด้วยนโยบาย Delight Everyone with Good Food Choices ดังที่เรายึดมั่นตลอดมา” นายฐานันท์กล่าวปิดท้าย

บริษัท ชูมณี จำกัด วิสาหกิจเพื่อสังคม ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท เค-เน็กซ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เจ้าของแบรนด์ร้านสะดวกซัก Otteri wash & dry ร่วมกับ เรือนจำจังหวัดนนทบุรี “ลงนามบันทึกความเข้าใจในการพัฒนากลุ่มอาชีพงานบริการซักอบรีดและอาชีพในอุตสาหกรรมการโรงแรมครบวงจร” เพื่อพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขังให้เป็นคนที่มีคุณภาพ สร้างงาน สร้างอาชีพ ให้ผู้ต้องขังมีความรู้และสามารถอยู่ร่วมกับสังคมภายนอกได้อย่างปกติสุขภายหลังพ้นโทษ และไม่กระทำผิดซ้ำในอนาคต ณ กรมราชทัณฑ์
กระทรวงยุติธรรม

นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า “กรมราชทัณฑ์มีนโยบายอันเป็นเป้าหมายสำคัญ เพื่อสร้างความเข้มแข็ง และพัฒนาระบบเครือข่ายความร่วมมือด้านการพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขังในรูปแบบทวิภาคี ได้แก่ สถานศึกษา หน่วยงานภาครัฐ เอกชน เรือนจำ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งถือเป็นโอกาสดีที่เรือนจำจังหวัดนนทบุรี ได้รับการส่งเสริมสนับสนุนจากหน่วยงานภาคีเครือข่ายอย่างชูมณี ที่ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญ ในการพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขัง และเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างโอกาส สร้างงาน สร้างอาชีพให้แก่ผู้ต้องขัง เพื่อเป็นแนวทางในการประกอบอาชีพภายหลังพ้นโทษต่อไป”

นายกวิน นิทัศนจารุกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชูมณี จำกัด เปิดเผยว่า “ชูมณี” ดำเนินธุรกิจเพื่อสังคมจากการขับเคลื่อนโครงการ มาจากการมองเห็นปัญหาต่างๆ ในสังคม และพยายามนำธุรกิจไปเป็นหนึ่งแนวทางช่วยแก้ไขหรือบรรเทาปัญหาให้ผ่อนคลายลงได้ไม่มากก็น้อย และการลงนามบันทึกความเข้าใจร่วมกับเรือนจำจังหวัดนนทบุรีในครั้งนี้ เราเล็งเห็นถึงความสำคัญของการมอบโอกาส ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญ และช่วยหล่อเลี้ยงจิตใจให้คนที่เคยทำผิดพลาดอย่างผู้ต้องขัง ให้สามารถเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้ หนึ่งในนั้นคือ “โอกาสในการทำงาน” ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิด พัฒนาพฤตินิสัยของผู้ต้องขังให้กลับตนเป็นคนดี ประเทศไทยพบปัญหาผู้พ้นโทษกระทำผิดซ้ำสูงมาก เพราะไม่มีการให้พื้นที่ให้โอกาส ในการประกอบอาชีพและเข้าสู่ตลาดแรงงาน ผู้พ้นโทษจำนวนมากไม่มีที่ไป ไม่มีบ้านให้กลับ ไม่ได้รับการยอมรับจากสังคม แม้กระทั่งคนในครอบครัว จนต้องกลับสู่วงจรชีวิตเดิม และกระทำผิดซ้ำ จนต้องกลับสู่เรือนจำอีกครั้ง”

สำหรับการลงนามบันทึกความเข้าใจในการพัฒนากลุ่มอาชีพงานบริการซักอบรีดและอาชีพในอุตสาหกรรมการโรงแรมครบวงจร ชูมณี ถือเป็นองค์กรหลักในการช่วยส่งเสริมความรู้ ฝึกอบรมความสามารถในการให้บริการ ซัก อบ รีด ให้แก่ผู้ต้องขัง พร้อมส่งมอบวัสดุอุปกรณ์ในการอำนวยความสะดวกแก่การเรียนรู้ จนเกิดการสร้างงานสร้างอาชีพให้แก่ผู้ต้องขังได้มีรายได้ตั้งแต่ยังไม่พ้นโทษ จนมีอาชีพ เตรียมความพร้อมให้ผู้ต้องขังสามารถกลับคืนสู่สังคมได้หลังพ้นโทษ และไม่กระทำผิดซ้ำในอนาคต

นอกจากนี้ ชูมณี ร่วมกับตั้งต้นดี และภาคีเครือข่าย ในการร่วมสนับสนุนให้ผู้ต้องขังได้รับโอกาสใหม่ โดยการจ้างงานผู้พ้นโทษจากเรือนจำ ที่ผ่านการอบรมให้บริการ ซัก อบ รีด เข้าทำงานที่ศูนย์ฝึกอาชีพ ซัก อบ รีด ตั้งต้นดี By ชูมณี ให้สอดคล้องกับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ และสอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน ความปลอดภัย ด้านสุขอนามัยและแรงงาน เพื่อใช้ประโยชน์ในการพัฒนาส่งเสริมคุณภาพชีวิตให้แก่ผู้พ้นโทษ ตามที่เห็นสมควรภายใต้การดูแลของ ตั้งต้นดี ที่สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) Thailand Institute of Justice (TIJ)

 

บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี ครั้งที่ 31 ณ อาคารกรุงเทพประกันภัย สำนักงานใหญ่ ถนนสาทรใต้ เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2567 นำโดยนายชัย โสภณพนิช (กลาง) ประธานกรรมการ พร้อมด้วยคณะกรรมการ (จากซ้ายไปขวา) นายสิงห์ ตังทัตสวัสดิ์ กรรมการอิสระและประธานคณะกรรมการกำหนดค่าตอบแทนและสรรหา นายกองเอกเปล่งศักดิ์ ประกาศเภสัช กรรมการอิสระและประธานคณะกรรมการตรวจสอบ ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน ประธานคณะผู้บริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ และนายเอนก คีรีเสถียร เลขานุการบริษัท โดยที่ประชุมฯ มีมติอนุมัติเห็นชอบทุกวาระการประชุมตามที่คณะกรรมการเสนอ

“ทิปโก้ (TIPCO)” น้ำผลไม้แท้ 100% โดย บริษัท ทิปโก้ เอฟแอนด์บี จำกัด จัดเต็มความมันส์ เดินหน้าอัพเลเวลความสนุก สร้างความหลากหลาย และไลฟ์สไตล์ใหม่ในการดื่มน้ำผลไม้ ส่งแคมเปญ TIPCO HOLIC เฟรช..ทุกสตอรี่” เสิร์ฟความสดชื่น ท้าโลกร้อนในคอนเซปต์ “Food Holic – Fun Holic – Music Holic ไม่ว่าจะ Holic ไหนก็ Enjoy ได้กับ Tipco” ให้เหล่า Gen Z ได้ลิ้มลองและพิสูจน์ความเฟรชของน้ำผลไม้ที่เข้ากับทุกแอคติวิตี้ พร้อมดึงไอคอนสาวแห่งวงการ T-POP ตัวแทนของวัยรุ่นเจเนอเรชั่นซี อย่าง 3 สาว “มาเบล – พิมมา – อิงโกะ” จากวง PiXXiE รับหน้าที่พรีเซนเตอร์กลุ่มใหม่ ร่วมตะลุย จู๊ซมัลติเวิร์สจักรวาลแห่งความเฟรช พร้อมปล่อยให้รับชมพร้อมกันทั่วประเทศ ที่ศูนย์การค้ายูเนี่ยน มอลล์ เมื่อเร็วๆ นี้

นายณัฐวิทย์ กัณฐศากุล Group Marketing Director ผู้อำนวยการกลุ่มการตลาด บริษัท ทิปโก้ เอฟแอนด์บี จำกัด เปิดเผยว่า “ทิปโก้ ต่อยอดความสำเร็จในการเป็นเจ้าแรกที่ปลุกกระแสพลิกเกมตลาดน้ำผลไม้ผ่านแคมเปญการสื่อสาร TIPCO HOLIC และแคมเปญในปีนี้ TIPCO HOLIC เฟรช..ทุกสตอรี่”เราอยากให้น้ำผลไม้ทิปโก้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในทุก ๆ แอคติวิตี้ของผู้บริโภค โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่นิวเจเนอเรชัน ครั้งนี้เราเลือกน้อง ๆ จากวง PiXXiE เป็นตัวแทนของแบรนด์ในการนำเสนอความสดใส สนุก เฟรชชี่ และความแอคทีฟ ซึ่งทั้ง 3 สาว นอกจากจะมีความสามารถทางดนตรีแล้ว ยังมีความโดดเด่นและมีสไตล์ที่แตกต่างกันแต่เมื่อรวมตัวกันมีความเข้ากันได้อย่างลงตัว เปรียบเสมือนน้ำผลไม้ทิปโก้ที่มีหลากหลายรสชาติให้ได้ลิ้มลอง ซึ่งทุกรสชาติมีความอร่อยที่แตกต่าง สามารถเติมเต็มความสดชื่นได้ทุกช่วงเวลา  ซึ่งสะท้อน Brand Character ของทิปโก้ และสิ่งที่ต้องการสื่อไปยังกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี ”

นางสาวสุพิชชา ชูพินิจ Department Manager – Group Product  Management บริษัท ทิปโก้ เอฟแอนด์บี จำกัด เปิดเผยว่า “แคมเปญ TIPCO HOLIC เฟรช..ทุกสตอรี่” นี้ สานต่อความสำเร็จของแคมเปญ“TIPCO HOLIC” โดยมุ่งเน้นกลุ่ม Gen Z มากขึ้น โดยจับมือกับ PiXXiE กระโดดเข้าโลก Multiverse สร้างโฆษณาและแคมเปญสนุกสุดมันส์ หยิบ AI Technology มาสร้างมิติใหม่ ในการดื่มน้ำผลไม้ อีกทั้งยังกระตุ้น สื่อสาร สร้างความตื่นเต้นให้คน GEN Z ให้มีความสนใจในแบรนด์และดื่มน้ำผลไม้ทิปโก้มากขึ้น และนอกจากนี้ แคมเปญในปีนี้จะมีความสนุกสนานมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการสื่อสาร การจัดอีเวนท์ และกิจกรรมที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงการส่งเสริมการขายที่ดึงดูดกลุ่มคนรุ่นใหม่ด้วย”

ด้าน PiXXiE ในฐานะพรีเซนเตอร์คนใหม่ของแคมเปญ กล่าวว่า “ปลื้มใจมากๆ ที่ ทิปโก้ เห็นว่าเราทั้ง 3 คน เหมาะสมที่เป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่ และร่วมสร้างแรงบันดาลใจให้กับทุกคนมาร่วมสนุก พร้อมเปิดประสบการณ์ความสดชื่นกับน้ำผลไม้ทิปโก้ร่วมกัน และที่สำคัญทิปโก้เป็นแบรนด์ที่พวกเราดื่มเป็นกันประจำอยู่แล้ว ทั้งหลังจากตื่นนอน หลังจากการซ้อม และหลังจากลงจากเวที น้ำผลไม้ทิปโก้อยู่กับเราในทุกกิจกรรมตลอดทั้งวันเลยค่ะ”

ภายในงานเปิดตัวแคมเปญฯ ได้จำลองบรรยากาศงานเสมือนอยู่ใน Juice Multiverse ที่พร้อมให้ทุกคนในงานได้สนุกไปกับ VR GAME พร้อมร่วมรับชมภาพยนตร์โฆษณาใหม่ล่าสุด TIPCO HOLIC     เฟรช..ทุกสตอรี่”  ที่ 3 สาว PiXXiE กระโดดเข้าไปในโลก Multiverse และแฟนๆ จะได้ร่วมลุ้นเครื่องดื่ม Signature จาก PiXXiE ที่จะมาร่วมทำเมนูสุดพิเศษสไตล์ TIPCOHOLICxPiXXiE พร้อมโชว์สุดพิเศษให้กับเหล่า PiXXEL ได้ชมกันอย่างเต็มอิ่ม ท่ามกลางบรรยากาศแสนสนุกสนาน

สมาคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ไทย-จีน (TSAST) China Council of the Promotion for International Trade Shanghai และ Chinese Academy of Sciences, Innovation Cooperation Center of Bangkok จัดงาน Green Technology Expo 2024“เปิดประตูสู่อนาคต ”Driving Sustainable Solutions: Advancing Business Through Green Technology ส่งเสริมแผนงานความยั่งยืน ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยเทคโนโลยีสีเขียว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2567 สมาคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ไทย-จีน (TSAST) China Council of the Promotion for International Trade Shanghai และ Chinese Academy of Sciences, Innovation Cooperation Center of Bangkok ร่วมกันจัดงานแถลงข่าว เพื่อประกาศการจัดงาน "Green Technology Expo 2024" ที่จะจัดขึ้นที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค (BITEC) Hall 101-102 โดยงานกำหนดจัดขึ้นระหว่าง วันที่ 24 – 26 ตุลาคม 2567 ซึ่งการจัดงานครั้งนี้เป็นการร่วมมือกันระหว่างสมาคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไทย-จีน (TSAST) และหน่วยงานจีนที่เกี่ยวข้อง มีจุดประสงค์เพื่อสนับสนุนนโยบายของสหประชาชาติและการพัฒนาแบบยั่งยืน (SDG) และ Bio-Circular-Green Economy (BCG Economy) เพื่อรับมือกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ งานนี้จะเป็นแพลตฟอร์มสำหรับการแลกเปลี่ยนความรู้ แนวคิด และนวัตกรรมทางเทคโนโลยีเพื่อสร้างธุรกิจและเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

โดยภายในงานจะมีการจัดแสดงนิทรรศการหลากหลายโซน ตั้งแต่เทคโนโลยีเกษตรกรรม การอาหาร ไปจนถึงเทคโนโลยีพลังงานใหม่ และการจัดการน้ำและมลพิษทางอากาศ นอกจากนี้ยังมีการจัดกิจกรรมที่น่าสนใจ เช่น การบริการให้คำปรึกษาด้าน Green Energy และการเสวนาเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ด้านเทคโนโลยีสีเขียว ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ประกอบการ นักวิจัย และผู้สนใจทั่วไปที่ต้องการสร้างความร่วมมือและหาโอกาสในการต่อยอดธุรกิจ

การจัดงานนี้ไม่เพียงแต่จะเป็นการเสริมสร้างความร่วมมือทางเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ยังสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืนและการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งในประเทศไทยและในระดับโลก นับเป็นโอกาสที่จะเร่งการเปลี่ยนผ่านไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำและการเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์รุ่นใหม่ในภูมิภาค ดังงนั้นงานนี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการส่งเสริมนโยบายเพื่ออนาคตที่ยั่งยืนและสิ่งแวดล้อมที่ดีกว่า

ประธานสมาคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไทย-จีน ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์ เกษม วัฒนชัย กล่าวถึงบทบาทของสมาคมในการนำเสนอวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของทุกคน ได้ชี้แจงถึงความสำคัญของ "Green Technology" ท่ามกลางปัญหาภาวะโลกร้อนและสภาวะโลกเดือดที่เราเผชิญในปัจจุบัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมเมื่อ 200 ปีที่แล้ว และการกระทำของมนุษย์

ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์ เกษม วัฒนชัย ได้หยิบยกความเห็นของบิล เกตส์ ผู้ร่วมก่อตั้ง Microsoft บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกา จากหนังสือเล่มหนึ่ง ที่กล่าวว่าภาวะโลกร้อนเกิดจากเทคโนโลยีที่มนุษย์สร้างขึ้นมา และในการแก้ไขปัญหานี้เราไม่ควรใช้เทคโนโลยีแบบเดิม ๆ แต่ควรออกแบบเทคโนโลยีใหม่ที่เอื้อต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน มีราคาที่เหมาะสม และเข้าถึงได้ง่าย เพื่อสร้างโลกที่ดีกว่าสำหรับทุกคน

“จากแนวคิดนี้จึงเกิดการผลักดัน Green Technology ที่ได้รับการสนับสนุนและความร่วมมือจากหลายประเทศที่ตระหนักถึงความจำเป็นในการแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อนอย่างจริงจัง งาน Green Technology Expo จึงเป็นสถานที่สำคัญในการรวมรวมนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่จะช่วยแก้ไขและปรับปรุงสภาพแวดล้อมให้ดีขึ้นได้อย่างยั่งยืน”

ศาสตราจารย์ ดร.พิชัย สนแจ้ง เลขาธิการสมาคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไทย-จีน ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับงาน "Green Technology Expo" ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 24-26 ตุลาคม 2567 ณ ไบเทคบางนา โดยกล่าวว่า งานนี้เป็นโอกาสในการนำเสนอเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับ Green Technology ซึ่งรวมถึงการลดต้นทุนการผลิต การใช้ทรัพยากร และการลดการปล่อยของเสียและภาระต่อสิ่งแวดล้อมในอนาคต

ศาสตราจารย์ ดร.พิชัย กล่าวต่อว่า "งานนี้จะนำเทคโนโลยีที่นำเสนอมาเผยแพร่ในประเทศไทย เพื่อสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศไทย, จีน และชุมชนนานาชาติ ในการส่งเสริมการใช้ Green Technology เพื่อเพิ่มมูลค่าในการผลิตอุตสาหกรรมและกิจกรรมต่างๆ ในแต่ละภาคส่วน งานนี้ยังเป็นการแสดงความร่วมมือไทย-จีน และความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อขับเคลื่อนการใช้เทคโนโลยีสีเขียวไปสู่อนาคต โดยมุ่งหวังให้เกิดการตั้งค่าคาร์บอนซีโร่ตามแนวทางที่รัฐบาลไทยและความร่วมมือนานาชาติได้วางไว้ ภาคการผลิตและภาคประชาชนจะต้องตระหนักถึง Climate change และ Carbon Footprint เพื่อลดต้นทุนการผลิตและสร้างโลกสีเขียวต่อไป"

ผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมงาน ติดตามข้อมูลและข่าวสารของงาน Green Technology Expo 2024 เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.greentechnology-expo.com หรือที่เพจเฟซบุ๊ก Green Technology Expo

ปักหมุดดัน TikTok LIVE ขยายศักยภาพเศรษฐกิจดิจิทัลไทยและในระดับภูมิภาค

X

Right Click

No right click