December 05, 2025

บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT ลงนามบันทึกความร่วมมือ (MOU) กับบริษัท วี กรีน เคยู จำกัด ร่วมพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์มสำหรับการคำนวณและรายงานค่าคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร (CFO: Carbon Footprint of Organization) เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันนโยบายระดับชาติ มุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ตามพันธกิจที่ประเทศไทยให้ไว้ต่อประชาคมโลก

การบรรลุข้อตกลงร่วมกันในครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อภารกิจด้านความยั่งยืนของประเทศ เพื่อร่วมกันวิจัยพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์ม พร้อมนำองค์ความรู้ทางวิชาการ การคำนวณและรายงานค่าคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร รวมถึงข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนอื่นๆ ร่วมส่งเสริมและพัฒนาทักษะความรู้ให้แก่บุคลากรทั้งสองฝ่าย ทั้งการฝึกอบรม การฝึกภาคปฏิบัติ และการค้นคว้าวิจัยให้เกิดประโยชน์สูงสุด

พันเอก สรรพชัยย์ หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ NT กล่าวว่า “ความร่วมมือครั้งนี้เป็นการผนึกกำลังระหว่างเทคโนโลยีดิจิทัลและองค์ความรู้ด้านสิ่งแวดล้อม โดย NT มีจุดแข็งด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล (Digital Infrastructure)
และความสามารถด้านวิศวกรรมซอฟต์แวร์ อีกทั้งเรามีฐานลูกค้าครอบคลุมหลายภาคส่วน ซึ่งจะช่วยให้องค์กรต่าง ๆ สามารถจัดการและรายงานข้อมูลด้านคาร์บอนได้อย่างเป็นระบบ พร้อมเป็นพลังขับเคลื่อนประเทศสู่สังคมคาร์บอนต่ำและยั่งยืน”

รองศาสตราจารย์ ดร.รัตนาวรรณ มั่งคั่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท วี กรีน เคยู จำกัด กล่าวว่า “เราเป็นองค์กรที่ได้รับการยอมรับในระดับประเทศด้านองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญทางวิชาการด้านการจัดการคาร์บอนฟุตพริ้นท์ ที่จะช่วยพัฒนาระบบให้มีมาตรฐานและสอดคล้องกับเกณฑ์สากล และเพื่อให้ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมสามารถใช้เป็นเครื่องมือบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมีประสิทธิภาพ อันจะนำไปสู่การสร้างคุณค่าใหม่แก่สังคมและประเทศชาติในระยะยาว”

การจับมือกันของทั้งสององค์กรในครั้งนี้จะเป็นยุทธศาสตร์สำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนและสนับสนุนนโยบายระดับชาติ ด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนของประเทศไทย ตามที่ได้ให้คำมั่นไว้ต่อประชาคมโลก นั่นคือการมุ่งสู่เป้าหมาย ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) โดยสนับสนุนการดำเนินงานด้านก๊าซเรือนกระจก และอำนวยความสะดวกให้กับองค์กร และภาคอุตสาหกรรมต่างๆ  ให้สามารถจัดการและรายงานข้อมูลด้านคาร์บอนได้เป็นระบบ เดินหน้าสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้แก่สังคมไทย ตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ SDGs ระดับประเทศและระดับโลกต่อไป

กรุงเทพประกันชีวิต จัดกิจกรรม “รวมพลังศรัทธา ใส่ใจพระพุทธศาสนา” เนื่องในโอกาสครบรอบ 74 ปี สานต่อพันธกิจขององค์กรในเรื่องการใส่ใจชุมชนและสังคม ภายใต้แนวคิด “ใส่ใจพุทธศาสนา เพื่อความสุขที่ยั่งยืน” ควบคู่กับความเข้มแข็งของศาสนา ชุมชน และสังคม โดยได้มอบสิ่งอำนวยความสะดวกในการจัดกิจกรรมศาสนพิธี งานสาธารณะประโยชน์ พร้อมจัดพิธีทำบุญถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์ เพื่อสืบสานพระพุทธศาสนา และเสริมสร้างความเป็นสิริมงคล โดยมีผู้บริหาร พันธมิตร ทีมตัวแทน และลูกค้า เข้าร่วมงาน นอกจากนี้ยังได้จัดซุ้มอาหารและเครื่องดื่มโรงทาน สำหรับประชาชนทั่วไปในพื้นที่ และนักท่องเที่ยว จำนวน 600 คน และยังมอบต้นไม้เพื่อเพิ่มความร่มรื่น ณ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดพิษณุโลก

นางสาวอรนาฎ นชะพงษ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สายกลยุทธการตลาดและบริหารจัดการลูกค้า บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “สำหรับกิจกรรม “รวมพลังศรัทธา ใส่ใจพระพุทธศาสนา” จัดขึ้นเพื่อสาธารณประโยชน์ ณ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร ซึ่งเป็นวัดคู่บ้านคู่เมือง และเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวพิษณุโลก โดยกรุงเทพประกันชีวิตได้มอบเต็นท์ ชุดโต๊ะ และม้านั่งจำนวน 50 ตัว เพื่อให้วัดได้นำไปใช้ประโยชน์ทั้งในกิจกรรมศาสนพิธี งานสาธารณะ และการต้อนรับพุทธศาสนิกชนที่มาสักการะพระพุทธชินราช นอกจากนี้ผู้บริหารและทีมกรุงเทพประกันชีวิตยังได้ร่วมกันถวายเครื่องไทยธรรมแด่พระสงฆ์ เพื่อเป็นพุทธบูชาและเพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนาให้มั่นคงสืบไป พร้อมทั้งยังได้จัดเลี้ยงอาหารเพลแก่พระภิกษุสงฆ์ เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ผู้ร่วมงานทุกคน”

ในส่วนของชุมชน บริษัทฯได้จัดโรงทาน เพื่อเลี้ยงอาหารแก่ประชาชนที่มาร่วมงานและสักการะพระพุทธชินราช ให้ได้อิ่มบุญ อิ่มใจ และอิ่มท้องไปพร้อมกัน ถือเป็นการแบ่งปันความสุขและเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างบริษัทฯ วัด และชุมชน โดยการกิจกรรมครั้งนี้อยู่ภายใต้แนวคิด “ใส่ใจพุทธศาสนา” ซึ่งสะท้อนถึงความตั้งใจของบริษัทฯในการสนับสนุนพระพุทธศาสนา ควบคู่กับการสร้างคุณประโยชน์ให้แก่สังคมและชุมชน ซึ่งการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ไม่เพียงเป็นการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรม แต่ยังเป็นการสร้างพื้นที่แห่งความดีงาม ที่ทุกคนสามารถมาร่วมบำเพ็ญบุญและเสริมพลังศรัทธาร่วมกัน

“กรุงเทพประกันชีวิต จะยังคงเดินหน้าสนับสนุนกิจกรรมเพื่อสังคมและศาสนาอย่างต่อเนื่อง ภายใต้เจตนารมณ์ ใส่ใจเพื่อความสุขที่ยั่งยืน เพราะความเชื่อมั่นว่า ธุรกิจที่ยั่งยืน ต้องเติบโตไปพร้อมกับความเข้มแข็งของศาสนา ชุมชน และสังคมโดยรวม” อรนาฎ กล่าวปิดท้าย

พลเอกเอกรัตน์ ช้างแก้ว ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพบก เป็นสักขีพยาน ในโอกาสที่ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 รับมอบเงินจำนวน 4,875,000 บาท โดยมี นางสาววชิรา การสุทธิ์ รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กลุ่มการตลาดเพื่อความยั่งยืน เป็นผู้แทนธนาคารออมสินในการมอบเงิน เพื่อนำไปช่วยเหลือและเยียวยาทหารที่ได้รับบาดเจ็บ ทุพพลภาพ ตลอดจนดูแลครอบครัวของทหารผู้เสียสละชีวิตในการปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติ จากเหตุการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย – กัมพูชา เพื่อเป็นขวัญ กำลังใจ และส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ณ กองบัญชาการกองทัพบก กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2568 ทั้งนี้ที่ผ่านมาธนาคารได้ให้การสนับสนุนภารกิจเฉพาะหน้าอย่างต่อเนื่อง อาทิ การส่งมอบสิ่งของที่จำเป็น ได้แก่ ผ้าห่ม อาหารแห้ง อาหารปรุงสุก และน้ำดื่ม ให้แก่ศูนย์พักพิงชั่วคราวในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ อุบลราชธานี และตราด รวมถึงการสนับสนุนงบประมาณเพื่อการบริหารจัดการภายในศูนย์พักพิง ธนาคารออมสิน ในฐานะธนาคารเพื่อสังคม พร้อมยืนหยัดเคียงข้างประชาชนไทยในทุกวิกฤติ เพื่อร่วมก้าวข้ามช่วงเวลาที่ยากลำบากไปด้วยกัน โดยไม่ทอดทิ้งใครไว้ข้างหลัง

ธนาคารกสิกรไทย ได้รับเลือกให้รับรางวัลธนาคารที่ดีที่สุดของไทย (Thailand’s Best Bank) ประจำปี 2568 เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน จากการประกวด Euromoney Awards for Excellence 2025 ซึ่งเป็นรางวัลในวงการการเงินที่ได้รับความเชื่อถือสูงสุดรางวัลหนึ่งของโลก ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนการเติบโตที่ยั่งยืน ด้วยการยกระดับและปลดล็อกศักยภาพของทุกชีวิตและธุรกิจ นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ตอบโจทย์ พร้อมนวัตกรรมดิจิทัล ให้ลูกค้าได้ใช้บริการอย่างสะดวกและปลอดภัยในทุกที่ ทุกเวลา โดยใช้ยุทธศาสตร์ "3+1 and Productivity Strategy" พัฒนาโซลูชันทางการเงินที่ลูกค้าไว้วางใจและมีนวัตกรรม ทั้งในประเทศไทยและภูมิภาค ASEAN+3   

ยูโรมันนี่ (Euromoney) นิตยสารด้านการเงินชั้นนำระดับโลกได้เปิดเผยผลการพิจารณารางวัลในโครงการ Euromoney Awards for Excellence 2025 ซึ่งจัดขึ้นต่อเนื่องกว่า 30 ปี เพื่อยกย่องธนาคารและบุคลากรในแวดวงการเงินที่มีความโดดเด่น โดยปัจจุบันถือเป็นหนึ่งในรางวัลสำคัญที่สุดของอุตสาหกรรมการเงินระดับโลก ที่ได้รับความเชื่อถืออย่างสูง โดยในปี 2568  นี้ มีธนาคารกว่า 600 แห่ง จากราว 100 ประเทศทั่วโลก ส่งข้อมูลเข้าร่วมรับการพิจารณารางวัล สำหรับประเทศไทย ยูโรมันนี่ได้ประกาศให้ธนาคารกสิกรไทยได้รับรางวัลธนาคารที่ดีที่สุดของไทย (Thailand’s Best Bank) ประจำปี 2568 เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน จากความสำเร็จในการดำเนินยุทธศาสตร์ ‘3+1 และ Productivity Strategy’ ที่ส่งผลให้ธนาคารมีผลการดำเนินงานทางการเงินที่แข็งแกร่ง และความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมดิจิทัลสำหรับลูกค้ารายย่อย สามารถขับเคลื่อนธุรกิจอย่างมั่นคงท่ามกลางความไม่แน่นอนและความท้าทายทางเศรษฐกิจของไทย

รางวัลดังกล่าวตอกย้ำความสำเร็จของธนาคารกสิกรไทยที่สามารถครองความเป็นผู้นำบริการทางการเงินในมิติต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง อาทิ #1 ด้านบริการธนาคารดิจิทัลในประเทศไทย #1 ด้านกองทุนรวม (มูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร) #1 ด้านบริการไพรเวทแบงก์กิ้ง (จำนวนลูกค้า) #1 ด้านบัตรเครดิต (ยอดการใช้จ่าย) #1 ด้านคะแนนความนิยมของแบรนด์ (Brand Net Promoter Score) และ K PLUS แพลตฟอร์มโมบายแบงก์กิ้งของธนาคาร ที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในประเทศไทยกว่า 23 ล้านราย และรองรับธุรกรรมออนไลน์มากกว่าหนึ่งในสามของทั้งประเทศ

นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า การได้รับรางวัลธนาคารที่ดีที่สุดของไทยจากยูโรมันนี่เป็นปีที่สองติดต่อกัน ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งและเป็นกำลังใจสำคัญให้ธนาคารมุ่งมั่นพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงและความท้าทายที่เกิดขึ้น อีกทั้งความสำเร็จในครั้งนี้สะท้อนถึงความร่วมแรงร่วมใจของทุกคนในองค์กร ที่ยึดมั่นในยุทธศาสตร์ ‘3+1 และ Productivity Strategy’ ซึ่งเน้นการเติบโตอย่างสมดุล มีประสิทธิภาพ และยั่งยืน เราเชื่อว่าการนำเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไม่เพียงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน แต่ยังช่วยให้สามารถส่งมอบบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างแท้จริง โดยตลอด 80 ปีที่ผ่านมา ความไว้วางใจจากลูกค้าเป็นแรงผลักดันสำคัญ และเราจะยังคงเดินหน้าสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ เพื่อให้ ‘ทุกความประทับใจ...ยังคงไปได้อีก’ อย่างมั่นคงและยั่งยืน

ยุทธศาสตร์ "3+1 and Productivity Strategy" คือ แผนการดำเนินงานและเป้าหมายทางธุรกิจที่ธนาคารกสิกรไทยดำเนินการต่อเนื่องจากปี 2567  โดยมุ่งเน้นไปที่การเติบโตอย่างสมดุลและมีประสิทธิภาพประกอบด้วยยุทธศาสตร์หลัก 3 ด้าน คือ การยกระดับและเพิ่มประสิทธิภาพด้านสินเชื่อ การขยายธุรกิจที่สร้างรายได้ค่าธรรมเนียม การเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับช่องทางต่าง ๆ  และ 'บวกหนึ่ง' คือการสร้างแหล่งรายได้ใหม่ในระยะกลางและระยะยาว โดยสิ่งที่ธนาคารเน้นเพิ่มขึ้นในปี 2568 นี้ คือ ยุทธศาสตร์ Productivity ซึ่งเป็นการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีขั้นสูงและปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อเพิ่มผลิตภาพจากการดำเนินงาน และตอบโจทย์การใช้ชีวิต มอบประสบการณ์บริการอย่างไร้รอยต่อและปลอดภัยให้กับลูกค้ามากยิ่งขึ้น

ในยุคที่เทคโนโลยีกลายเป็นอาวุธสำคัญในการทำธุรกิจ “ความเร็วในการเข้าถึงลูกค้า” และ “ความสามารถในการสร้างประสบการณ์ที่แตกต่าง คือตัวแปรสำคัญที่ช่วยสร้างแต้มต่อให้ผู้ประกอบการยุคใหม่ LINE ในฐานะแพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงคนไทยกว่า 56 ล้านคน และเป็นศูนย์กลางที่รวบรวมธุรกิจ ร้านค้าทั้งใหญ่และเล็ก จึงมุ่งมั่นพัฒนาและส่งเสริมให้เกิดการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ บนแพลตฟอร์ม เพื่อยกระดับบริการและตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานและภาคธุรกิจให้ได้มากที่สุด

ล่าสุดในงาน LINE THAILAND DEVELOPER CONFERENCE 2025 สองตัวแทนจาก LINE ประเทศไทย นำโดย จิรวัฒน์ กรัณย์วิทยาการ Tech Evangelist และ วริศ วรรณวิธู Developer Relations ได้ร่วมอัปเดตเครื่องมือใหม่เพื่อนักพัฒนาบน LINE พร้อมเผยตัวเลขการเติบโตที่น่าสนใจ ทั้งการเติบโตของชุมชนนักพัฒนา LINE ที่ปัจจุบันมีจำนวนสมาชิกมากกว่า 53,000 คน จนถือเป็นชุมชนนักพัฒนา LINE ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ยอดการใช้งานเทคโนโลยี Messaging API จากนักพัฒนาไทย ที่เติบโตมากถึง 680,000 แชทบอท และ LIFF (LINE Front-end Framework) กว่า 330,000 แอปฯ นับเป็นความภาคภูมิใจที่ LINE ได้เป็นส่วนหนึ่งช่วยทลายข้อจำกัดให้นักพัฒนาไทย สามารถสร้างบริการ นวัตกรรมตอบโจทย์คนไทยได้อย่างลงตัว

ปลดล็อกศักยภาพ Messaging API ใช้งานง่าย เชื่อมต่อได้สะดวกขึ้น

ภายในงาน LINE ได้เปิดตัว LINE Bot MCP Server ทำหน้าที่เป็นตัวกลางเชื่อมต่อ AI Agent เข้ากับ Messaging API ช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้างบริการที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้อย่างง่ายดาย โดยไม่จำเป็นต้องเขียนโค้ดเอง เพียงสั่งงานด้วย Prompt ก็สามารถสร้าง Flex Message หรือ Broadcast ข้อความให้ได้ทันที ทำให้การพัฒนาบริการรวดเร็วและยืดหยุ่นมากขึ้น

ถัดมาคือการปล่อยเทคโนโลยี Coupon API เครื่องมือที่ช่วยสร้างและจัดการคูปองแบบอัตโนมัติได้ ผู้ใช้สามารถกดรับและใช้งานคูปองผ่าน LINE ลดปัญหาคูปองสูญหายหรือชำรุดได้ อำนวยความสะดวกในการกลับมาใช้บริการซ้ำ ในขณะที่ร้านค้าสามารถติดตามและเก็บข้อมูลการใช้งานคูปองได้ง่าย สามารถทำงานร่วมกับ LINE Beacon และ LINE OA Manager เพื่อขยายโอกาสในการสร้าง Engagement ได้ครบวงจร

ในส่วนของเทคโนโลยี LIFF (LINE Front-End Framework) ซึ่งเป็น API ที่ช่วยในการพัฒนาเว็บแอปฯ ให้แสดงผลภายใน LINE ได้โดยตรง ผู้ใช้ไม่ต้องสลับไปมาระหว่างแอป LINE และเว็บเบราว์เซอร์ให้วุ่นวาย ทำให้ประสบการณ์ใช้งานลื่นไหลและต่อเนื่อง ได้มีการเพิ่มฟังก์ชันใหม่ Seamless LIFF Switching ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเปิดและสลับการใช้งาน LIFF หลายตัวพร้อมกันได้ โดยไม่ต้องกังวลว่าข้อมูลที่กรอกไว้ก่อนหน้าจะหายไปเมื่อต้องย้ายไปอีกหน้าจอ พร้อมอัปเกรด LIFF CLI เพื่อให้กระบวนการพัฒนาและ debug บนเครื่องคอมพิวเตอร์ของตนเองสะดวกและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ช่วยให้นักพัฒนาทำงานได้คล่องตัวและรวดเร็วกว่าที่เคย

ติดปีกธุรกิจโตไวด้วย LINE MINI App  


อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญ คือการแนะนำ LINE MINI App โซลูชันช่วยให้แบรนด์สร้างบริการรูปแบบ “App-in-App” บน LINE ได้ โดยผู้ใช้ไม่ต้องดาวน์โหลดแอปฯ เพิ่ม สามารถค้นหาและเข้าถึงบริการของแบรนด์ได้ง่ายและรวดเร็วทันใจ เพียงพิมพ์ชื่อบริการในแท็บ Home ของ LINE หรือเลือก “ปักหมุด” ไอคอน LINE MINI App ของแบรนด์ไว้บนหน้าจอสมาร์ทโฟนนอกแอป LINE อีกทั้ง แบรนด์ยังสามารถสร้างลิงก์เข้า LINE MINI App ที่เป็นชื่อเฉพาะของแบรนด์ (Custom Path URL) ได้ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและนำไปโปรโมตในช่องทางโซเชียลมีเดียหรือสื่อออนไลน์ได้สะดวก

ไม่เพียงในเชิงการเข้าถึงที่ง่าย LINE MINI App ยังช่วยเพิ่มโอกาสสร้าง Engagement ระหว่างธุรกิจกับผู้ใช้ได้ ด้วยฟังก์ชัน Service Messages ส่งข้อความแจ้งเตือนจากการใช้บริการบน LINE MINI App ได้ฟรี เช่น ยืนยันจองคิว ยืนยันคำสั่งซื้อ ฯลฯ พร้อมฟังก์ชันเพิ่มเพื่อน LINE OA อัตโนมัติ ทำให้แบรนด์สามารถเก็บ Customer Insight เชื่อมโยงกับ LINE OA ได้ลึกขึ้น ธุรกิจสามารถสร้าง LINE MINI App ให้เหมาะสมกับความต้องการเฉพาะได้ ไม่ว่าจะเป็นระบบสมาชิก จองคิวนัดหมาย ไปจนถึงกิจกรรม แคมเปญต่าง ๆ ตอบโจทย์ธุรกิจที่ต้องการมอบประสบการณ์ที่สะดวกและราบรื่นให้ผู้ใช้ อีกทั้งยังช่วยประหยัดต้นทุนและบุคลากรในการสร้างและ Maintenance เพราะระบบรองรับทั้ง iOS และ Android ได้ในคราวเดียว

ปัจจุบันมีหลายแบรนด์ชั้นนำในไทยที่เลือกใช้ LINE MINI App เพื่อยกระดับประสบการณ์การให้บริการลูกค้า เช่น FINNOMENA, Q-CHANG, TQM, MedCare และล่าสุด Dusit Central Park ได้นำ LINE MINI App มาใช้เป็นศูนย์กลางการบริการลูกค้าแบบครบวงจร ตั้งแต่การสมัครสมาชิก ดูข้อมูลการใช้บริการโซนต่าง ๆ พร้อมให้กดจองและชำระค่าบริการสถานที่ได้ ไปจนถึงการสะสมแต้มแลกของรางวัลมากมาย นับเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ใช้ LINE MINI App สร้างประสบการณ์เข้าถึงบริการได้ง่าย สะดวก ทันใจและไร้รอยต่อ

เปิดไอเดียผู้ประกอบการญี่ปุ่น ใช้ LINE MINI App อย่างไรให้ปัง

ในญี่ปุ่น หลากหลายธุรกิจมีการประยุกต์ใช้ LINE MINI App เป็นเครื่องมือเชิงกลยุทธ์สร้างโอกาสทางธุรกิจได้อย่างน่าสนใจ ตัวอย่างเช่น ร้านขายของที่ระลึก มีการใช้ LINE MINI App ผสานเทคโนโลยี AI Photogrammetry สร้าง “ร้านขายของฝากเสมือนจริง” ในรูปแบบ 3D ผู้ใช้สามารถเลือกชมสินค้าภายในร้านเสมือนจริงแบบอินเทอร์แอคทีฟ เมื่อเจอของที่ถูกใจ ก็สามารถกดชำระเงินได้ทันทีผ่าน LINE Pay ทำให้ประสบการณ์ช้อปปิ้งสะดวกสบาย แก้ปัญหานักท่องเที่ยวมักลืมซื้อของฝากก่อนกลับได้อย่างสร้างสรรค์

อีกหนึ่งกรณีศึกษาที่โดดเด่นคือ HIKKY Metaverse ที่ใช้ LINE MINI App เปิดประสบการณ์เข้าร่วมอีเวนต์เสมือนจริงแบบ 3D โดยใช้เทคโนโลยี WebGL ช่วยสร้างโลกเสมือนที่สมจริง ให้ผู้เข้าร่วมรู้สึกเหมือนได้เดินอยู่ในงานอีเวนต์หรือคอนเสิร์ตจริง และสามารถโต้ตอบกับผู้เข้าร่วมคนอื่นแบบเรียลไทม์ได้ รวมถึงเลือกซื้อสินค้าภายใน LINE MINI App ได้ทันที ช่วยเพิ่มทั้ง Engagement และโอกาสสร้างรายได้ใหม่ให้กับแบรนด์

ไม่เพียงแค่นั้น ธุรกิจประเภทอื่นในญี่ปุ่น อาทิ ธุรกิจซาลอน และธุรกิจร้านอาหาร ยังมีการใช้ LINE MINI App เป็นช่องทางให้ลูกค้าจองคิวเข้ารับบริการล่วงหน้าได้ง่าย ลูกค้าเพียงสแกน QR code ที่โต๊ะก็สามารถเลือกเมนู สั่งอาหาร และสะสมแต้มผ่าน LINE MINI App ได้ทันที ไม่เพียงช่วยยกระดับประสบการณ์การใช้บริการของลูกค้าให้สะดวกและประทับใจ แต่ยังช่วยให้ร้านค้าเก็บข้อมูล Customer insight กลับไปใช้ในการวิเคราะห์เพื่อทำการตลาด สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าและกระตุ้นการกลับมาใช้บริการซ้ำในอนาคต

ปิดท้ายด้วยหนึ่งโปรแกรมสำคัญจาก LINE อย่าง LINE Developer Partner ประตูแห่งโอกาสสำหรับองค์กรนักพัฒนาไทยเพื่อพบปะและเชื่อมโยงกับองค์กรธุรกิจ ร้านค้าที่ต้องการสร้างการเติบโตบนแพลตฟอร์ม LINE ได้ โดย LINE พร้อมทำหน้าที่เป็นตัวกลาง เชื่อมโยงความต้องการธุรกิจให้เหมาะกับองค์กรนักพัฒนาที่ใช่ ด้วย Certified Badge ใน 3 ระดับ ได้แก่ Authorized, Professional และ Expert ช่วยให้ภาคธุรกิจ ผู้ประกอบการสามารถเลือกพาร์ตเนอร์เชิงเทคนิคได้อย่างมั่นใจ และเพิ่มโอกาสให้นักพัฒนาไทยนำไอเดียต่อยอดเป็นโซลูชันที่ใช้ได้จริงในโลกธุรกิจ

ทั้งหมดนี้คืออัปเดตเทคโนโลยีใหม่จาก LINE ที่ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการพัฒนาเครื่องมือเพื่อเสริมพลังนักพัฒนาไทยในการสร้างประสบการณ์ดิจิทัลยุคใหม่ให้ผู้ใช้งาน และมอบ “ทางลัด” ให้ผู้ประกอบการ ธุรกิจองค์กรไทยที่มองหานวัตกรรมขับเคลื่อนธุรกิจ นักพัฒนาผู้สนใจในเทคโนโลยีบนแพลตฟอร์ม LINE และกิจกรรมดีๆ จาก LINE เพื่อเสริมพลังนักพัฒนาไทย สามารถติดตามได้ที่ LINE: @linedevth เฟซบุ๊กเพจ LINE Developers Thailand และเฟซบุ๊กกรุ๊ป LINE Developers Group Thailand สำหรับภาคธุรกิจ สามารถติดตามอัปเดตข่าวสารได้ที่เว็บไซต์ LINE for Business, LINE: @linebizth และเฟซบุ๊กเพจ LINE for Business 

งาน Thailand LAB INTERNATIONAL, BioAP INTERNATIONAL และ FutureCHEM INTERNATIONAL 2025 ปิดฉากลงอย่างยิ่งใหญ่ด้วยความสำเร็จ ดึงดูดผู้เข้าชมงานเชิงธุรกิจ 12,273 ราย จาก 51 ประเทศ ตลอด 3 วัน มีผู้บรรยายหลัก 230 ท่าน นำเสนอ 75 หัวข้อที่น่าสนใจต่อผู้เข้าร่วมประชุม 3,907 คน ขณะเดียวกันมีผู้แสดงสินค้า 277 ราย จัดแสดงกว่า 500 แบรนด์ชั้นนำ งานนี้ยังเป็นเวทีให้เกิดการจับคู่ธุรกิจสำเร็จถึง 463 ครั้ง ตอกย้ำความเป็นแพลตฟอร์มอันดับหนึ่งของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สำหรับอุตสาหกรรมห้องปฏิบัติการ ชีววิทยาศาสตร์ และเคมี โดยประเทศ/ภูมิภาคที่มีผู้เข้าชมมากที่สุด ได้แก่ ไทย จีน ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย อินเดีย สิงคโปร์ เมียนมา ญี่ปุ่น เวียดนาม และไต้หวัน

คุณปนัดดา ก๋งมา รองประธานสายธุรกิจ บริษัท วีเอ็นยู เอเชีย แปซิฟิค กล่าวว่า “ปีนี้ถือเป็นครั้งที่ 15 ของงาน Thailand LAB INTERNATIONAL ซึ่งเป็นงานหลักที่จัดต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2554 นำเสนอผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมด้านห้องปฏิบัติการ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา งานได้เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง สร้างระบบนิเวศนวัตกรรมที่ครอบคลุม เชื่อมโยงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การดูแลสุขภาพ สาธารณสุข และอาหารแห่งอนาคตไว้ในแพลตฟอร์มเดียว เราภูมิใจที่ได้รับการสนับสนุนและความร่วมมือจากพันธมิตรด้านวิชาการ การวิจัยและนวัตกรรม รวมถึงผู้สนับสนุนหลักที่ร่วมผลักดันงานนี้มาโดยตลอด ความร่วมมือดังกล่าวช่วยตอกย้ำบทบาทสำคัญของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางนวัตกรรมด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในภูมิภาค ไม่เพียงเป็นงานแสดงสินค้า แต่ Thailand LAB INTERNATIONAL ยังเป็นเวทีเชิงกลยุทธ์ที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจผ่านวิทยาศาสตร์ เชื่อมโยงการวิจัย ธุรกิจ และนโยบาย เพื่อส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนและยกระดับความก้าวหน้าทั่วประเทศ”

ขับเคลื่อนนวัตกรรมและการเติบโต: กำหนดทิศทางตลาดห้องปฏิบัติการ ชีววิทยาศาสตร์ และเคมีของเอเชีย

ด้วยอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรมห้องปฏิบัติการ ชีววิทยาศาสตร์ และเคมีในเอเชีย Thailand LAB INTERNATIONAL 2025 ร่วมกับ BioAP INTERNATIONAL และ FutureCHEM INTERNATIONAL จึงเป็นกลไกสำคัญในการกระตุ้นตลาดและเศรษฐกิจ เชื่อมโยงผู้ซื้อและผู้จำหน่ายนับพันราย ขับเคลื่อนการถ่ายทอดเทคโนโลยีและการลงทุน

ทั้งสามงานยังช่วยเสริมความแข็งแกร่งของซัพพลายเชนและบทบาทในตลาดโลก ด้วยการนำเอาพาวิลเลียนและพันธมิตรนานาชาติมาสู่กรุงเทพฯ โดยสอดคล้องกับนโยบายเศรษฐกิจและนวัตกรรมของประเทศไทยภายใต้วิสัยทัศน์  “Thailand 4.0” ความต้องการด้านบริการสุขภาพและการวินิจฉัยโรคที่เพิ่มสูงขึ้นทั่วภูมิภาค — ซึ่งคาดว่าจะผลักดันตลาดบริการห้องปฏิบัติการคลินิกของไทยให้เกิน 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2571 — รวมถึงแรงผลักดันด้านความยั่งยืนและมาตรฐานกฎระเบียบที่เข้มงวดขึ้น ทำให้งานนี้เป็นแพลตฟอร์มสำคัญสำหรับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่มองหาผลิตภัณฑ์ใหม่ ความร่วมมือ และกลยุทธ์เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันในอนาคต

เปิดตัว Bio+ HealthTech INTERNATIONAL 2026 ยกระดับเชิงกลยุทธ์สู่วงการไบโอเทคและเฮลท์เทคของเอเชีย

ขอแนะนำงาน Bio+ HealthTech INTERNATIONAL 2026 — แพลตฟอร์มใหม่ที่เกิดจากการรวมตัวของ BioAP INTERNATIONAL และ Health & Innovation Asia ซึ่งไม่ใช่เพียงการรวมงาน แต่เป็นการยกระดับเชิงกลยุทธ์และการบรรจบกันอย่างทรงพลังระหว่างเทคโนโลยีชีวภาพและเทคโนโลยีด้านสุขภาพสู่เวทีนานาชาติที่เป็นหนึ่งเดียว ออกแบบมาเพื่อผลักดันเอเชียเข้าสู่ยุคใหม่ของนวัตกรรม การวิจัย และความร่วมมือด้านสุขภาพ

ร่วมกับ Thailand LAB INTERNATIONAL และ FutureCHEM INTERNATIONAL งาน Bio+ HealthTech INTERNATIONAL ที่กำลังจะมาถึงนี้จะไม่ใช่แค่งานแสดงสินค้า แต่จะเป็นศูนย์กลางความร่วมมือแบบไดนามิกที่แลกเปลี่ยนไอเดีย สร้างพันธมิตร และเปิดตัวนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อกำหนดอนาคตของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในภูมิภาค

ประกาศอย่างเป็นทางการ: การจัดงานในปี 2569

Thailand LAB INTERNATIONAL, Bio+ HealthTech INTERNATIONAL และ FutureCHEM INTERNATIONAL 2026 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 2–4 กันยายน 2569 ณ ฮอลล์ EH 102–104 ไบเทค กรุงเทพฯ เข้าร่วมกับเราในแพลตฟอร์มชั้นนำของเอเชียด้านนวัตกรรมห้องปฏิบัติการ ชีววิทยาศาสตร์ และเคมี

เปิดจองบูธสำหรับปี 2569

หลังจากความสำเร็จของปีนี้ Thailand LAB INTERNATIONAL, Bio+ HealthTech INTERNATIONAL และ FutureCHEM INTERNATIONAL ขอเชิญผู้แสดงสินค้าจองบูธสำหรับวันที่ 2–4 กันยายน 2569 ณ ฮอลล์ EH 102–104 ไบเทค กรุงเทพฯ นำเสนอผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมของคุณต่อผู้นำในอุตสาหกรรม ผู้ตัดสินใจ และผู้ซื้อจากทั่วเอเชีย จองบูธของคุณวันนี้และเป็นส่วนหนึ่งของแพลตฟอร์มอันดับหนึ่งของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้านห้องปฏิบัติการ ชีววิทยาศาสตร์ และเคมี

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM รับรางวัล “องค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชน ประจำปี 2568” (Human Rights Awards 2025) ประเภทองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ “ระดับดีเด่น” โดยได้รับเกียรติจากพันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในงานประกาศรางวัลองค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชน ประจำปี 2568 จัดโดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม ตอกย้ำการยกระดับการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชนของ BAM ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ณ โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2568

BAM ขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืน โดยตั้งเป้าหมายองค์กรเป็นมากกว่า “แก้มลิงแห่งชาติ” ที่รองรับหนี้เสียในระบบสถาบันการเงิน โดยมีเป้าหมายในการเป็น Business Recycling Machine เพื่อช่วยแก้ไขหนี้อย่างเป็นธรรม ด้วยความประนีประนอมและหาข้อยุติร่วมกันผ่านโครงการต่างๆ เช่น โครงการสุขใจได้บ้านคืน โครงการ BAM ช่วยฟื้นคืนธุรกิจ รวมไปถึงโครงการคอนโดมหาชน ที่ช่วยเหลือประชาชนที่มีงบประมาณจำกัด และไม่สามารถเข้าถึงแหล่งสินเชื่อของสถาบันการเงิน ได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง เช่น กลุ่มอาชีพอิสระ ผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มเปราะบาง คนขับรถรับจ้าง แท็กซี่ มอเตอร์ไซด์รับจ้าง และลูกจ้างทั่วไป

นอกจากนี้ BAM มีนโยบายในการดำเนินธุรกิจที่ยึดมั่นในหลักสิทธิมนุษยชน พร้อมยกระดับขีดความสามารถในการดำเนินธุรกิจ ด้วยการจัดตั้งศูนย์เจรจาไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน เพื่อเป็นกลไกเชิงรุกในการช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาหนี้สิน และระงับข้อพิพาทด้านทรัพย์สินในระดับที่กว้างขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อประชาชนที่ต้องการหาทางออกจากข้อพิพาท โดยไม่ต้องพึ่งพากระบวนการชั้นศาล แต่สามารถหาข้อยุติร่วมกันจนเป็นที่น่าพอใจของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

นอกเหนือจากการดำเนินกลยุทธ์ด้านธุรกิจ BAM ยังให้ความสำคัญกับการดูแลบุคลากรภายใน โดยยึดหลัก “People before Profit” และแนวคิด “Opportunity for All” ผ่านการพัฒนาสวัสดิการและคุณภาพชีวิตการทำงาน เพื่อสร้างแรงจูงใจและให้พนักงานทำงานอย่างมีความสุข โดยเชื่อว่าการลงทุนใน “คน” จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการนำพาองค์กรไปสู่เป้าหมายที่ยั่งยืน การสร้างความสุขและคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับพนักงาน คือหัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจ เมื่อคนมีความสุข เขาจะทำงานด้วยประสิทธิภาพและสามารถร่วมขับเคลื่อน BAM สู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ได้

“รางวัลที่ได้รับในครั้งนี้ เป็นการตอกย้ำถึงการยกระดับบทบาทความสำคัญของ BAM ในฐานะบริษัทบริหารสินทรัพย์ ที่ให้ความสำคัญด้านสิทธิมนุษยชน ซึ่งถือได้ว่าเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ทุกคนควรได้รับการปฏิบัติอย่างเสมอภาค และเท่าเทียมกัน โดย BAM เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าการเคารพสิทธิมนุษยชนเป็นหลักการสำคัญ และเป็นหนึ่งในพันธกิจภายใต้การกำกับดูแลกิจการที่ดี มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการดำเนินธุรกิจอย่างสมดุล ภายใต้กรอบแนวคิดการพัฒนาธุรกิจที่ยั่งยืน”

นางบุญรักษ์ อุดมอิทธิพงศ์ รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กลุ่มทรัพยากรบุคคล เป็นผู้แทนธนาคารรับรางวัลองค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชน ระดับดีเด่น ประเภทองค์กรรัฐวิสาหกิจ ประจำปี 2568 จากพันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ประธานในงานประกาศรางวัลองค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชน ประจำปี 2568 ซึ่งกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรมจัดขึ้น เพื่อมอบรางวัลแก่องค์กรที่มีความโดดเด่นในการคำนึงถึงสิทธิมนุษยชนและยกให้เป็นต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชนให้กับองค์กรอื่น ๆ นำไปเป็นพื้นฐานของการปฏิบัติที่พัฒนาต่อยอดสู่องค์กรที่มีคุณภาพ 

โดยรางวัลที่ธนาคารได้รับตอกย้ำและสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบ โปร่งใส และให้ความสำคัญกับการเคารพและส่งเสริมสิทธิมนุษยชนในทุกมิติ ขับเคลื่อนภารกิจธนาคารเพื่อสังคมในการสร้างโอกาสที่เท่าเทียมในการเข้าถึงบริการทางการเงิน ส่งเสริมการออม และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างทั่วถึง รวมถึงการให้ความสำคัญในด้านการบริหารจัดการด้านบุคลากรที่เป็นธรรมและโปร่งใส เพื่อร่วมสร้างสังคมไทยที่มั่นคงและยั่งยืน ผ่านโครงการและกิจกรรมที่โดดเด่น อาทิ การประกาศนโยบายด้านสิทธิมนุษยชน การดำเนินโครงการพัฒนาชุมชนแบบองค์รวม ทั้ง จ.น่าน และ จ.ตรัง การให้ความรู้ทางการเงินกับองค์กรต่าง ๆ ผ่านโครงการ Learn for Better Change

นอกจากนี้ ยังการันตีผลสำเร็จจากรางวัลทั้งในประเทศและระดับนานาชาติ อาทิ รางวัล Asia Responsible Enterprise Awards (AREA) 2025 สาขา Social Empowerment จากโครงการ MyMo Secure Plus ที่ช่วยลดความเสี่ยงทางไซเบอร์ พร้อมสร้างการรับรู้ด้านความปลอดภัยทางการเงิน รางวัล Thailand Labour Management Excellence Award และรางวัลสนับสนุนการจ้างงานคนพิการจากโครงการ GSB Disabilities Massage เป็นต้น ณ โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2568

HONOR จับมือ Alibaba ประกาศลงนามข้อตกลงความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ครั้งสำคัญอย่างเป็นทางการ ณ เมืองหางโจว ประเทศจีน โดยมี นายเจมส์ ลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออเนอร์ ดีไวซ์ จำกัด และ นายเอ็ดดี้ วู ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อาลีบาบา กรุ๊ป ร่วมเป็นสักขีพยาน

การลงนามข้อตกลงครั้งนี้สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ร่วมกันในการขับเคลื่อนการเติบโตและกำหนดทิศทางกลยุทธ์หลักของทั้งสององค์กรที่ครอบคลุมในหลายมิติ โดยมุ่งเน้นในประเด็นสำคัญ ได้แก่ การพัฒนาระบบนิเวศ AI การสร้างโมเดลและศักยภาพด้าน AI ตลอดจนการยกระดับบริการอัจฉริยะ เพื่อร่วมกันวางรากฐานระบบนิเวศ AI ที่แข็งแกร่งและยั่งยืน รองรับการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนด้วย AI และการบูรณาการระบบนิเวศอุปกรณ์อัจฉริยะที่กำลังเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในอนาคต

HONOR และ Alibaba จะใช้ประโยชน์จากจุดแข็งทางเทคโนโลยีและเครือข่ายนิเวศที่โดดเด่น ทั้งในด้าน AI Agent, โมเดล AI ขนาดใหญ่, บริการอัจฉริยะ, และประสบการณ์การใช้งานเชิงนวัตกรรม โดยความร่วมมือครั้งนี้จะขยายไปสู่การพัฒนาบริการหลักที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นระบบนำทางและการเดินทาง บริการท่องเที่ยว ไลฟ์สไตล์ การทำงานในมือถือ อีคอมเมิร์ซ ไปจนถึงความบันเทิง นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังจะร่วมส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางเทคนิคและการแบ่งปันทรัพยากรระหว่างสาขาต่าง ๆ เพื่อร่วมกันค้นหาฟีเจอร์ใหม่และรูปแบบการโต้ตอบล้ำสมัยสำหรับอุปกรณ์มือถือในอนาคต

ความร่วมมือครั้งนี้มุ่งเน้นการพัฒนาร่วมกันบนพื้นฐานของโมเดลโอเพนซอร์ส Qwen ครอบคลุมตั้งแต่การสร้างโมเดลแอปพลิเคชันเฉพาะสำหรับ AI บนอุปกรณ์ AI Agent ไปจนถึงความเข้าใจและการประมวลผลแบบมัลติโมดัล โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อยกระดับประสบการณ์อุปกรณ์อัจฉริยะผ่านแนวคิด “Cloud-Device Integrated” หรือการบูรณาการคลาวด์และอุปกรณ์ในระดับโลก อาศัยพลังของโมเดลขนาดใหญ่ Qwen ที่ถูกผสานเข้ากับฮาร์ดแวร์ ระบบปฏิบัติการ และสถานการณ์การใช้งานที่หลากหลายของ HONOR ได้อย่างไร้รอยต่อ ซึ่งความร่วมมือดังกล่าวจะช่วยเร่งการพัฒนาเทคโนโลยีโมเดลขนาดใหญ่ที่เน้นการใช้งานจริง ทั้งในสถานการณ์เฉพาะและบนอุปกรณ์ เพื่อส่งมอบบริการและประสบการณ์ AI อัจริยะ ตอบโจทย์ความเป็นส่วนตัว ปลอดภัย และลื่นไหลมากขึ้นให้กับผู้ใช้งาน HONOR MagicOS

นอกจากนี้ ทั้งสองบริษัทยังมุ่งมั่นร่วมมือกันอย่างเต็มที่ในการพัฒนาศักยภาพ AI ในรูปแบบ Model-as-a-Service (MaaS) โดยครอบคลุมการเพิ่มประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่องและผสานรวมความสามารถในหลายสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นข้อความ มัลติโมดัล รูปภาพ วิดีโอ หรือเสียง อีกทั้งยังร่วมกันศึกษากระบวนการฝึกอบรม การปรับแต่ง และการประมวลผลของโมเดล AI ทั้งแบบ on-device และ cloud-based ไม่ว่าจะอิงจากโมเดลโอเพนซอร์ส Qwen หรือโมเดลที่พัฒนาร่วมกัน โดยเป้าหมายสูงสุดคือการสร้างโมเดล on-device ขั้นสูงที่สามารถบรรลุศักยภาพระดับ State-of-the-Art (SOTA) และมอบประสบการณ์ AI ที่ชาญฉลาด ลื่นไหล และตอบสนองการใช้งานของผู้ใช้ได้อย่างเหนือชั้น

ในอนาคต ความร่วมมือเชิงลึกระหว่างทั้งสองบริษัทจะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ด้วยการใช้ประโยชน์จากระบบนิเวศบริการเชิงพาณิชย์ที่ครอบคลุมของ Alibaba ร่วมกับโปรโตคอล MCP (Multi-Cloud Platform) ชุด AI Agent เฉพาะด้าน เช่น Ele.me (บริการส่งอาหาร), Damai (การจองตั๋ว) และ Taopiaopiao (การจองตั๋วหนัง) จะถูกผสานรวมอย่างต่อเนื่องเพื่อขยายระบบนิเวศ AI Agent ให้ครอบคลุมสถานการณ์เฉพาะทางที่หลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นบริการส่งอาหาร ความบันเทิง การทำงานร่วมกันในสำนักงาน และอีคอมเมิร์ซ เพื่อมอบประสบการณ์ชีวิตที่สะดวกสบาย มีประสิทธิภาพ และตอบโจทย์การใช้งานของผู้ใช้ได้อย่างราบรื่นและครบวงจร

โครงการริเริ่มครั้งนี้มุ่งนำเทคโนโลยี AI เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันอย่างแท้จริง โดย HONOR Magic8 Series ที่กำลังจะเปิดตัว ถูกออกแบบให้เป็นสมาร์ตโฟน AI Native ที่ทรงพลังที่สุดและสามารถพัฒนาตนเองได้อย่างต่อเนื่อง สมาร์ตโฟนรุ่นใหม่นี้จะมอบประสบการณ์การใช้งาน AI และบริการอัจฉริยะหลากหลายรูปแบบ ซึ่งพัฒนาร่วมกันโดย HONOR และ Alibaba สำหรับตลาดจีนโดยเฉพาะ ตลอดจนความร่วมมือเชิงกลยุทธ์นี้ยังถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับเทคโนโลยี AI บนสมาร์ตโฟน และสร้างมาตรฐานใหม่ในการเชื่อมต่อระหว่างคลาวด์และอุปกรณ์ เพื่อมอบประสบการณ์ผู้ใช้ที่ล้ำสมัย ลื่นไหล และเหนือระดับ พร้อมตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ดิจิทัลและคนรุ่นใหม่อย่างครบวงจร

ผู้ที่สนใจผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ HONOR สามารถสอบถามข้อมูลและซื้อสินค้าได้ที่ HONOR Experience Store ทุกสาขา และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.honor.com/th หรือติดตามข่าวสารและกิจกรรมที่น่าสนใจได้ที่เฟซบุ๊ก HONOR Thailand

บริษัท พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ พรูเด็นเชียล ประเทศไทย ผนึกกำลังกับ บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) ร่วมคัดสรรสิทธิประโยชน์อย่างพิถีพิถัน ครอบคลุมทั้งผลิตภัณฑ์ บริการด้านสุขภาพ การเงิน และการลงทุน ตลอดจนสิทธิพิเศษด้านไลฟ์สไตล์อย่างมีระดับ เพื่อมอบประสบการณ์ที่เหนือกว่าและเติมเต็มทุกมิติของการใช้ชีวิตในแบบที่เป็นคุณ เปิดตัวแคมเปญพิเศษเพื่อคนรักหนัง ส่งมอบสิทธิประโยชน์ด้านความบันเทิงระดับพรีเมียมแก่สมาชิก PRULegacy ในโอกาสครบรอบ 30 ปี พรูเด็นเชียล ประเทศไทย รับบัตรชมภาพยนตร์ฟรี 2 ที่นั่ง / เดือน ระยะเวลาตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม 2568

นายนิติพงษ์ ปรัชญานิมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานลูกค้าและการตลาด บริษัท พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ พรูเด็นเชียล ประเทศไทย กล่าวว่า “พรูเด็นเชียล ประเทศไทย ยังคงเดินเกมรุกตลาดกับลูกค้าทุกกลุ่มอย่างต่อเนื่อง ผ่านการสร้างหลักประกันที่แข็งแกร่งทั้งด้านประกันชีวิต สุขภาพ และความมั่นคงทางการเงินแก่ลูกค้า พร้อมนำเสนอสิทธิประโยชน์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น ในโอกาสครบรอบ 30 ปี ของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย พรูเด็นเชียลฯ จึงได้จับมือกับเมเจอร์ฯ ซึ่งเป็นผู้นำด้าน Lifestyle Entertainment  ความมร่วมมือครั้งนี้ นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการมอบประสบการณ์ให้แก่ลูกค้าคนพิเศษอย่าง สมาชิก PRULegacy เพื่อเติมเต็มในทุกๆ วันให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม”

ด้าน นายสุรเชษฐ์ อัศวเรืองอนันต์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายสื่อโฆษณา บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า “เมเจอร์ฯ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ พรูเด็นเชียล ประเทศไทย ในการส่งมอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้าคนสำคัญ ผ่านแคมเปญดูหนังฟรี ที่ไม่เพียงตอบโจทย์ความสะดวกและความคุ้มค่า แต่ยังช่วยเติมเต็มช่วงเวลาแห่งความสุขให้กับผู้ชมภาพยนตร์ ซึ่งสอดคล้องกับความเชื่อมั่นของเมเจอร์ฯว่า ความบันเทิงคือส่วนสำคัญของการใช้ชีวิต เราจึงมุ่งมั่นที่จะทำให้โรงภาพยนตร์เป็นจุดหมายแห่งความสุขของทุกคน”

X

Right Click

No right click