

กองทุนประกันวินาศภัย ได้จัดประชาสัมพันธ์และเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจแก่ผู้เกี่ยวข้องในธุรกิจประกันภัย ณ ห้องประชุมโรงแรมไดมอนด์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 120 คน ประกอบด้วยตัวแทนประกันภัย นายหน้าประกันภัย เจ้าหนี้ตามสัญญาประกันภัย ตลอดจนประชาชนผู้ให้ความสนใจเกี่ยวกับการประกันภัยและการบริหารความเสี่ยงในชีวิต
กิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อให้ข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับภารกิจของกองทุนประกันวินาศภัยในการคุ้มครองสิทธิของผู้เอาประกันภัย รวมถึงแนวทางและขั้นตอนการชำระหนี้ให้กับเจ้าหนี้ตามสัญญาประกันภัย ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากการเพิกถอนใบอนุญาตของบริษัทประกันวินาศภัยทั้ง 5 บริษัทในช่วงที่ผ่านมา

ภายในงาน นายชนะพล มหาวงษ์ ผู้จัดการกองทุนประกันวินาศภัย ได้ขึ้นบรรยายและตอบข้อซักถามจากผู้เข้าร่วม โดยเน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของกองทุนประกันวินาศภัยในการดูแลและชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ตามสัญญาประกันภัย พร้อมทั้งชี้แจงกระบวนการขั้นตอนในการใช้สิทธิ และวิธีการตรวจสอบสถานะคำทวงหนี้ การจัดลำดับความสำคัญของการจ่ายเงิน

“กองทุนประกันวินาศภัยกำลังเร่งดำเนินการ เพื่อให้เจ้าหนี้ได้รับความคุ้มครองตามสิทธิที่ได้รับการชำระหนี้ที่เกิดจากการเอาประกันภัย โดยเรามีระบบที่สามารถตรวจสอบได้ทุกกรณี ซึ่งเราดำเนินการตามขั้นตอนที่ชัดเจน และให้ความสำคัญกับความเป็นธรรมสำหรับทุกฝ่าย” นายชนะพล กล่าว

ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมได้รับข้อมูลครบถ้วนในด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการประกันภัย จึงได้เชิญผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ภาค 8 (สุราษฎร์ธานี) และผู้อำนวยการ สำนักงาน คปภ. จังหวัดสุราษฎร์ธานี เข้าร่วมบรรยายในหัวข้อบทบาทหน้าที่ของ คปภ. ในระดับภาคและจังหวัด โดยเน้นถึงการคุ้มครองสิทธิผู้เอาประกันภัย การให้คำปรึกษาด้านประกันภัย และช่องทางการร้องเรียนที่ประชาชนสามารถเข้าถึงได้
กิจกรรมครั้งนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของกองทุนประกันวินาศภัยในการสื่อสารและสร้างความเข้าใจกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นและมีเสถียรภาพในระบบประกันภัยของประเทศไทย ซึ่งยังคงมีบทบาทสำคัญในการบริหารความเสี่ยงให้กับภาคประชาชนและธุรกิจในระยะยาว
ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน กรรมการและประธานคณะผู้บริหาร บริษัท บีเคไอ โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BKIH เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของ BKIH ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2568 (ม.ค.-มี.ค.) มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 571.4 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 30.5 คิดเป็นกำไรต่อหุ้นส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้น 5.37 บาท โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาล สำหรับผลประกอบการของไตรมาสที่ 1 ปี 2568 แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 3.75 บาท ในวันที่ 6 มิถุนายน 2568
โดยปัจจุบันบีเคไอ โฮลดิ้งส์ (BKIH) มีบริษัทย่อยที่สร้างรายได้หลักคือ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI ที่ยังคงรักษาเสถียรภาพทางการเงินได้เป็นอย่างดีแม้ภาวะเศรษฐกิจอยู่ในช่วงชะลอตัว โดยผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1 ของปี 2568 (ม.ค.-มี.ค.) กรุงเทพประกันภัยมีรายได้จากการประกันภัย 8,142.7 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.2 และมีค่าใช้จ่ายในการบริการประกันภัยสุทธิ 7,832.9 ล้านบาท ส่งผลให้มีผลการดำเนินงานการบริการประกันภัย 309.8 ล้านบาท ลดลง 266.8 ล้านบาท คิดเป็นอัตราลดลงร้อยละ 46.3 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีจำนวน 576.6 ล้านบาท สำหรับรายได้จากการลงทุนสุทธิเท่ากับ 440.5 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 2.7 โดยเมื่อรวมรายได้อื่นและหักค่าใช้จ่ายอื่นๆ ทำให้กรุงเทพประกันภัยมีกำไรก่อนหักค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ 665.1 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 30.2 และเมื่อหักค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้แล้ว มีกำไรสุทธิ 564.7 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 31.9 คิดเป็นกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน 5.30 บาท
บีเคไอ โฮลดิ้งส์และบริษัทย่อย ยึดมั่นดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใส ภายใต้หลักธรรมาภิบาลและการกำกับดูแลกิจการที่ดี พร้อมขับเคลื่อนการเติบโตด้วยความมั่นคง สร้างความเชื่อมั่นด้วยฐานะการเงินที่ แข็งแกร่ง เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและขยายโอกาสการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืน ตลอดจนมีความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดแก่ลูกค้า คู่ค้า ผู้ถือหุ้น และผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม
เมื่อเร็วๆ นี้ คณะผู้บริหารจากโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (United Nations Development Programme : UNDP) นำโดย Ms. Niamh Collier Smith ตำแหน่ง Resident Representative ได้เข้าพบเพื่อเยี่ยมคารวะ นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการ คปภ. เนื่องในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่ในประเทศไทย โดยได้มีการหารือในประเด็นสำคัญในหลากหลายมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการพัฒนาความร่วมมือระหว่างสำนักงาน คปภ. กับ UNDP เพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยรูปแบบใหม่สำหรับกลุ่มประชากรที่มีความเปราะบาง การเสริมสร้างขีดความสามารถในรูปแบบของโครงการฝึกอบรมหรือพัฒนาองค์กรในประเด็นและแนวโน้มต่าง ๆ ที่มีนัยสำคัญต่อภาคการเงิน ซึ่งรวมถึงการกำกับดูแลภาคธุรกิจประกันภัย ตลอดจนมีการแนะนำการดำเนินโครงการกองทุนสนับสนุนการแข่งขันด้านนวัตกรรมประกันภัย (Insurance Innovation Challenges Fund) ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการพัฒนาและใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ในการประกันภัย และสนับสนุนภาคธุรกิจประกันภัยในการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมและมีความยั่งยืน ณ ห้องรับรอง ชั้น 2 สำนักงาน คปภ.
เมื่อเร็ว ๆ นี้ LocoPack แพลตฟอร์มบริการออกแบบและผลิตบรรจุภัณฑ์ครบวงจรของ SCGP ร่วมกับ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย จัดคอร์สพิเศษให้แก่นักศึกษาชั้นปีที่ 3-4 กว่า 300 คน ในสาขาการตลาด ภายใต้ความร่วมมือในโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการออกแบบบรรจุภัณฑ์ LocoPack x UTCC Business School ซึ่งดำเนินการต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ด้วยการแชร์ความรู้ด้านกระบวนการออกแบบบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร เสริมสร้างทักษะตั้งแต่การวิเคราะห์สินค้า วางแผนการสื่อสารแบรนด์ เลือกวัสดุ และพัฒนาไอเดีย สู่การสั่งผลิตบรรจุภัณฑ์ผ่านระบบจริงบนเว็บไซต์ LocoPack ทำให้นักศึกษาได้เรียนรู้ผ่านประสบการณ์การทำงานเสมือนจริง พร้อมสร้างการเชื่อมโยงกับผู้เชี่ยวชาญในด้านบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร และสามารถต่อยอดความร่วมมือในอนาคต

“การออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่ดีต้องสื่อสารจุดยืนของแบรนด์ ควบคู่ไปกับฟังก์ชันการใช้งาน เพื่อตอบโจทย์ลูกค้า โดยเฉพาะในปัจจุบันที่การแข่งขันทางการตลาดสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เราจึงมุ่งมั่นดำเนินโครงการร่วมกับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 3 เพื่อให้นักศึกษาได้เรียนรู้และสัมผัสกระบวนการออกแบบบรรจุภัณฑ์ สามารถเข้าถึงบริการและสั่งผลิตบรรจุภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ของตนเองในฐานะผู้ประกอบการรุ่นใหม่ได้ ในโครงการนี้นักศึกษาได้ออกแบบและสั่งผลิตบรรจุภัณฑ์จริงผ่านเว็บไซต์ LocoPack โดยเฉพาะในรูปแบบบรรจุภัณฑ์กระดาษ ซึ่งเป็นบรรจุภัณฑ์ยอดนิยมในกลุ่มธุรกิจ SME ด้วยความแข็งแรง สะดวกต่อการใช้งาน และสามารถออกแบบได้หลากหลาย” ณิชยา อนันตวงษ์ ผู้ร่วมก่อตั้ง LocoPack

“การเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ตรงกับผู้เชี่ยวชาญจากภาคธุรกิจอย่าง LocoPack ในครั้งนี้ทำให้นักศึกษาได้เรียนรู้ผ่านการลงมือทำและเข้าใจภาพรวมของการออกแบบบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรมากขึ้น ทั้งในด้านกลยุทธ์ ดีไซน์ วัสดุ การสื่อสารแบรนด์ การบริหารต้นทุน และการประเมินราคา ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงขั้นตอนการสั่งผลิต สามารถเชื่อมโยงกับวิชาที่กำลังศึกษา รวมทั้งสามารถนำไปต่อยอดในการเริ่มธุรกิจของตนเองในระดับเอสเอ็มอี (SME) ได้โดยไม่ต้องใช้เงินทุนจำนวนมาก ซึ่งสาขาการตลาดเน้นเรียนรู้ควบคู่การทำงานจริง เป็นหลักสูตรที่ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันให้ทุกความรู้ด้านการตลาดครบจบที่นี่ที่เดียว” ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.กัญช์ อินทรโกเศศ สาขาการตลาด กล่าวเพิ่มเติม

โครงการภายใต้ความร่วมมือระหว่าง LocoPack x UTCC Business School นี้ ถือเป็นโครงการที่ช่วยให้นักศึกษาได้เห็นภาพรวมของกระบวนการออกแบบบรรจุภัณฑ์ซึ่งเป็นหนึ่งในกระบวนการสำคัญของการเริ่มต้นทำธุรกิจ สามารถนำไปใช้ในรายวิชาที่กำลังศึกษาอยู่ได้และต่อยอดในการทำงานในอนาคตได้ด้วย
บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด ผู้จัดจําหน่ายและให้บริการหลังการขายรถยนต์พลังงานใหม่ BYD และ DENZA อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ภายใต้กลุ่มธุรกิจเรเว่ เริ่มก้าวแรกในการทำการตลาด Sports Marketing ด้วยการเป็นพันธมิตรอย่างเป็นทางการของการแข่งขัน BYD HYROX Bangkok ไม่ใช่เพียงเพื่อการสื่อสารถึงกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายยิ่งขึ้น แต่ยังเป็นการกระตุ้นพร้อมเชิญชวนให้ทุกคนหันมาออกกำลังกาย เพื่อสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน พร้อมกันนั้น ยังร่วมสร้างสีสันในวงการกีฬา และนำความตื่นเต้นเร้าใจมาให้คนไทยลุ้นผลไปด้วยกัน ผ่านการชมการแข่งขันระดับโลกสุดทรหด แบบชิดขอบสนาม

สำหรับความเป็นมาของการแข่งขัน HYROX นั้นถือกำเนิดเป็นครั้งแรกในปี 2017 จากเยอรมนี และกลายเป็นรายการแข่งขันฟิตเนสที่มีอัตราการเติบโตไวที่สุดในโลก และมีการจัดการแข่งขันมากกว่า 11 ประเทศ ใน 30 เมืองทั่วโลก โดยในบางรายการ มีผู้เข้าร่วมการแข่งขันมากกว่า 8,000 คน พร้อมทั้งยังมีผู้เข้าชมมากกว่า 10,000 คน นอกจากนั้น ในฤดูการแข่งขันปี 22 / 23 เพียงปีเดียว มีจำนวนนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขัน HYROX มากกว่า 90,000 คน HYROX จึงถือเป็นหนึ่งในการแข่งขันฟิตเนส ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย

นายประธานวงศ์ พรประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเรเว่ กล่าวว่า “เรเว่ มีความยินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขันฟิตเนสในร่ม BYD HYROX Bangkok ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรกของประเทศไทย และนี่ยังเป็นการสะท้อนให้เห็นว่า เรเว่ พร้อมเปิดรับทุกความท้าทายใหม่ ไม่เพียงแค่นั้น เรายังอยากเห็นทุกคน หันมาออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ยั่งยืน นำไปสู่การสร้างแรงบันดาลใจ ด้วยการร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการนำความท้าทายของการแข่งขันกีฬารูปแบบใหม่อย่าง HYROX มาให้คนไทยได้รับชม และร่วมส่งใจให้กับคนไทยที่ร่วมลงแข่งในครั้งนี้”
นางสาวประธานพร พรประภา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเรเว่ กล่าวว่า “นอกจากจะเป็นพันธมิตรหลักอย่างเป็นทางการของการแข่งขัน BYD HYROX Bangkok แล้ว เรเว่ ยังคิดค้นกิจกรรม BYD HYROX CHALLENGE โดยจัดคู่ขนานกับการแข่งขัน HYROX ให้ผู้เข้าชมการแข่งขันทุกท่าน ได้ร่วมวัดความแกร่งของร่างกาย โดยที่ไม่จำเป็นต้องเป็นนักแข่งมืออาชีพ ไม่เพียงแค่นั้น เรเว่ ยังพร้อมสร้างแรงบันดาลใจเล็กๆ ให้ทุกท่านที่ร่วมกิจกรรม กลับไปฝึกฝนความแกร่งจากการออกกำลังกายมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยการมอบรางวัลให้กับผู้เข้าร่วมกิจกรรม ที่ทำเวลาได้ดีที่สุด 10 อันดับแรกของแต่ละวันอีกด้วย”

BYD HYROX Bangkok เป็นการแข่งขันฟิตเนสในร่มระดับโลกสุดทรหด และจัดขึ้นเป็นครั้งแรกของประเทศไทย เมื่อวันที่ 24 – 25 พฤษภาคม 2568 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค พร้อมท้าทายความทรหดของร่างกายผู้กล้าผ่าน 8 สถานีทดสอบ ทั้งการวิ่ง 1,000 เมตร สลับกับการออกกำลังแบบฟังก์ชันนัลทั้งหมด 8 รอบ ซึ่งเท่ากับการวิ่งมาราธอน 8 กิโลเมตร พร้อมออกกำลังในรูปแบบอื่นติดต่อกัน BYD HYROX Bangkok ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี และมีผู้เข้าร่วมการแข่งขันมากกว่า 9,000 คน

เรเว่ยังจัดกิจกรรม BYD HYROX CHALLENGE ในงาน BYD HYROX Bangkok ให้ทุกท่านได้ท้าทายความสามารถ ผ่านการประลองความแกร่งในภารกิจจำลอง 4 ฐาน แยกประเภทชาย – หญิง และได้แรงบันดาลใจมาจากกีฬา HYROX จริง ประกอบด้วย Weighted Run, SkiErg Challenge, Sandbag Lunge และ BYD SHARK Pull เมื่อสิ้นสุดภารกิจ ทุกท่านที่ร่วมสนุกจะได้รับของที่ระลึก ซึ่งออกแบบขึ้นเพื่องานนี้โดยเฉพาะ นอกจากนั้น เรเว่ยังมอบรางวัลเป็นเงินสดมูลค่าสูงสุด 5,000 บาท ให้กับผู้กล้าที่ทำเวลาได้ดีที่สุด 10 อันดับแรกของแต่ละวัน

ขอเชิญท่านร่วมติดตามการแข่งขันรายการกีฬาถัดไป ที่เรเว่จะนำมาสร้างแรงบันดาลใจ ให้ทุกคนหันมาออกกำลังกาย เพื่อการมีสุขภาพที่แข็งแกร่งอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน พร้อมพบกับยนตรกรรม BYD และ DENZA ทุกรุ่น ได้ที่โชว์รูมและศูนย์บริการใกล้บ้านท่านทั้ง 162 สาขาทั่วประเทศ ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมของรถยนต์ทุกรุ่นได้ที่ reverautomotive.com สำหรับรถยนต์ BYD หรือ denzathailand.com สำหรับรถยนต์ DENZA ท่านยังสามารถติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวล่าสุดได้ที่ Official Facebook Page: BYD REVER Thailand
สมาคมการค้าสตาร์ทอัพไทย หรือ “Thai Startup” จัดงาน "Thai Startup Day 2025: Pioneer the New Economy" เนื่องในโอกาสครบรอบ 11 ปีของการก่อตั้งสมาคมฯ พร้อมเดินหน้าเสริมสร้างศักยภาพของสตาร์ตอัพไทย มุ่งมั่นสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการเติบโตโดยการสนับสนุนทรัพยากรที่จำเป็นแก่สตาร์ตอัพไทยให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างเต็มภาคภูมิ และเติบโตได้อย่างยั่งยืน ดังปณิธานของสมาคมที่ว่า “Pioneer the New Economy”
นายธนวิชญ์ ต้นกันยา นายกสมาคมการค้าสตาร์ทอัพไทย กล่าวว่า "แม้ว่าสตาร์ทอัพไทยในปัจจุบันจะต้องเผชิญกับความท้าทายจากสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว แต่เรายังเห็นการเติบโตของสตาร์ทอัพไทยในหลายอุตสาหกรรม ที่สามารถระดมทุนได้อย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพและนวัตกรรมของผู้ประกอบการไทยที่สามารถปรับตัวและสร้างโอกาสท่ามกลางความท้าทาย"

"ตลอดระยะเวลา 11 ปีที่ผ่านมา สมาคมการค้าสตาร์ทอัพไทยได้มุ่งมั่นสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการเติบโตของสตาร์ทอัพไทย ผ่านการผลักดันนโยบายสนับสนุนจากภาครัฐ การสร้างเครือข่ายกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการจัดกิจกรรมเพื่อเสริมสร้างความรู้และทักษะให้กับผู้ประกอบการ ผ่านภารกิจสมาคม 3 ด้าน ได้แก่ Manpower สร้างกำลังคนด้านดิจิทัล, Money การสนับสนุนด้านการเงิน และ Market การผลักดันสตาร์ตอัพไทยเข้าสู่ตลาด โดยเฉพาะในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา เราได้เน้นการสร้างฐานข้อมูลสตาร์ทอัพไทยอย่างเป็นระบบผ่านโครงการ Thai Startup Directory และการผลักดันให้เกิดการเชื่อมโยงระหว่างสตาร์ทอัพกับนักลงทุนและบริษัทขนาดใหญ่" นายธนวิชญ์กล่าว
นายกสมาคมฯ ยังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของสตาร์ทอัพต่อระบบนิเวศของตลาดทุนว่า "สตาร์ทอัพเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการพัฒนานวัตกรรมและการเติบโตทางเศรษฐกิจในยุคดิจิทัล ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนตลาดทุนในอนาคต ด้วยเหตุนี้ กองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (CMDF) จึงให้ความสำคัญและสนับสนุนการพัฒนาสตาร์ทอัพไทยอย่างต่อเนื่อง โดยโครงการ Thai Startup Directory ถือเป็นจิ๊กซอว์สำคัญที่จะช่วยให้ทุกภาคส่วนเข้าใจและเข้าถึงข้อมูลของสตาร์ทอัพไทยได้อย่างครบถ้วน นำไปสู่การสนับสนุนและลงทุนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีสตาร์ทอัพลงทะเบียนในระบบแล้วกว่า 500 ราย และเราขอเชิญชวนสตาร์ทอัพไทยทุกรายให้เข้ามาลงทะเบียน เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของฐานข้อมูลที่จะช่วยให้คุณเป็นที่รู้จักในวงกว้างและเข้าถึงโอกาสทางธุรกิจได้มากขึ้น" นายธนวิชญ์กล่าวเพิ่มเติม

"แผนงานในอนาคต สมาคมจะมุ่งเน้นการสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ เพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจให้กับสมาชิก พร้อมทั้งผลักดันนโยบายที่จะช่วยลดอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจของสตาร์ทอัพไทย เพื่อเชื่อมโยงสตาร์ทอัพกับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ" นายธนวิชญ์กล่าวทิ้งท้าย

สำหรับงาน Thai Startup Day 2025: Pioneer the New Economy เป็นการรวบรวมวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจากหลากหลายอุตสาหกรรมมาร่วมแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ ทั้งผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพที่ประสบความสำเร็จ นักลงทุน และผู้เชี่ยวชาญในวงการ อาทิ นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้ช่วยผู้จัดการ สายงานผู้ออกหลักทรัพย์, ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ, ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์ และ กรรมการผู้จัดการบริษัท ไลฟ์ฟินคอร์ป จำกัด, นายจักรชัย บุญยะวัตร ผู้จัดการกองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (CMDF), ดร.ชินาวุธ ชินะประยูร ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa), นายปริวรรต วงษ์สำราญ รองผู้อำนวยการด้านระบบนวัตกรรม สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน), นางสาวไปยดา หาญชัยสุขสกุล ผู้จัดการกองทุนพัฒนาผู้ประกอบการเทคโนโลยีและนวัตกรรม (TED Fund), นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา Founder & Group CEO Bitkub Capital Group Holdings Co., Ltd., นายยอด ชินสุภัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LINE MAN Wongnai, และอีกมากมาย ซึ่งสร้างความเข้าใจเชิงลึกในหลากหลายแง่มุมที่คนทำสตาร์ทอัพต้องรู้ ไม่ว่าจะเป็น New Generation of Thai Startup, Thai Startup to Global, The Way of Unicorn และจุดประกายแนวคิดให้แก่ผู้ประกอบการและผู้สนใจในแวดวงสตาร์ทอัพเป็นอย่างมาก

นอกจากนี้ ยังมีการประกาศรางวัล “The Pioneer Legacy Award” รางวัลสำหรับสตาร์ทอัพไทยที่เป็นผู้บุกเบิกและประสบความสำเร็จในวงการ จำนวน 5 รางวัล ได้แก่ บริษัท ทูซีทูพี (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท ซิปอีเว้นท์ จำกัด, บริษัท สกิลเลน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน), บริษัท ลีฟวิ่ง โมบาย จำกัด และ บริษัท ชิปป๊อป จำกัด อีกทั้งยังมีการมอบรางวัล “One Million Club 2025” สำหรับสตาร์ทอัพที่มียอดผู้ใช้งานเกินกว่า 1,000,000 รายในปีนี้ และรางวัล “Startup Survivor Club 2025” สำหรับสตาร์ทอัพที่ก่อตั้งมามากกว่า 10 ปี และยังคงดำเนินธุรกิจจนประสบความสำเร็จถึงทุกวันนี้ และภายในงานยังเปิดโอกาสให้ผู้ร่วมงานได้ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในกิจกรรม Networking อีกด้วย

ผู้สนใจสามารถติดตามข่าวสารและรายละเอียดของโครงการสารานุกรมธุรกิจสตาร์ทอัพ (Thai Startup Directory) รวมไปถึงข่าวสารของสมาคมการค้าสตาร์ทอัพไทย ได้ผ่านทางเว็บไซต์ https://data.thaistartup.org/ และ Facebook Page: www.facebook.com/thaistartupofficial
สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (Sasin School of Management) ประกาศผลรางวัลชนะเลิศการแข่งขันแผนธุรกิจสตาร์ตอัประดับโลก สำหรับนิสิตนักศึกษา โดย Bangkok Business Challenge 2025 powered by SCGC ได้รับการสนับสนุนหลักจาก บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGC ผู้นำธุรกิจพอลิเมอร์และโซลูชันครบวงจรเพื่อความยั่งยืน ซึ่งการแข่งขันในปีนี้ได้เปิดโอกาสให้แต่ละทีมนำเสนอแผนธุรกิจภายใต้แนวคิด "Growing Impactful Ventures" ที่มุ่งสนับสนุนให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
โดยทีม MabLab จากมหาวิทยาลัย Harvard ประเทศสหรัฐอเมริกา คว้ารางวัลชนะเลิศ รางวัลเกียรติคุณพระราชทาน HM The King’s Award จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมรางวัลเงินสด 18,000 เหรียญสหรัฐ ทีม Humimic Biosystems จากมหาวิทยาลัย Arkansas จากประเทศสหรัฐอเมริกา คว้ารางวัลรองชนะเลิศพร้อมรางวัลเงินสด 3,000 เหรียญสหรัฐ นอกจากนี้ทีม MabLab จากมหาวิทยาลัย Harvard ยังคว้ารางวัลเกียรติคุณพระราชทาน HRH Princess Maha Chakri Sirindhorn's Sustainability Award จากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมรางวัลเงินสด 5,000 เหรียญสหรัฐ อีกด้วย ทั้งนี้การแข่งขันในครั้งนี้คัดเลือกจากผู้เข้าแข่งขันทั้งสิ้น 308 ทีม จาก 82 สถาบันอุดมศึกษาทั่วโลก จัดขึ้น ณ สถาบันบัณฑิตฯ ศศินทร์ เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคมที่ผ่านมา
บริษัท กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ผู้สนับสนุนหลักในการจัดงาน "วันหงส์แดงแห่งชาติ" Presented by กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต และผู้สนับสนุน เทสโต พร้อมด้วย Main Stand, The Stadium, เกมส์เอง และเบลล์ ขอบสนาม เนรมิตวันประวัติศาสตร์การฉลองแชมป์หงส์แดง เพื่อให้แฟน ๆ ได้ร่วมฉลองอย่างจุใจ กระทบไหล่ ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่ ตำนานหงส์แดง พร้อมอัดแน่นด้วยกิจกรรมมากมายที่จะทำให้แฟนหงส์แดง ร่วมจดจำวันสำคัญในครั้งนี้ไปพร้อมกัน ณ ศูนย์การค้า Centralworld ที่ได้เนรมิตลานกิจกรรมด้านหน้าให้เป็น "สนามแข่งของหงส์แดง" ในวันที่ 25 พฤษภาคม 2568 ตั้งแต่บ่ายยันค่ำ ชูถ้วยแชมป์ไปด้วยกัน
ภายในงาน ได้รับเกียรติจาก คุณต้น ณ ระนอง ที่ปรึกษารัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ดร.ขภัช นิมมานเหมินท์ ที่ปรึกษาผู้ว่าการการกีฬาแห่งแห่งประเทศไทย คุณปรีชา ลาลุน รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ฝ่ายกีฬาเป็นเลิศและวิทยาศาสตร์การกีฬา
กิจกรรมเริ่มตั้งแต่เวลา 13.00 น. เปิดด้วยการแข่งขันฟุตซอล 5 คน Red Spirit Charity Match : หงส์แดงส่งใจสานฝัน นำโดย ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่, เหล่าศิลปินดารา, นักเตะทีมชาติ, เยาวชนทีมชาติ และหงส์แดง ACADEMY พร้อมการบรรยายเกมสุดมัน วัตถุประสงค์สำคัญเกิดขึ้นจากหัวใจของแฟนหงส์แดงไม่ได้เล่นเพื่อชัยชนะในสนามเท่านั้น แต่ยังเล่นเพื่อ "โอกาส" ของคนอื่นด้วย เพื่อเปิดพื้นที่ให้แฟนหงส์แดงในไทย ได้มีส่วนร่วมกับภารกิจสําคัญ พร้อมการระดมทุนเพื่อสนับสนุนโครงการพัฒนากีฬาฟุตบอลโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาสู่อาชีพ ดําเนินงานโดย สหพันธ์กีฬาฟุตบอลโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาภาคใต้ (IFC)
นอกจากนี้ บริเวณโดยรอบ จะถูกเนรมิตเสมือนบรรยากาศ ณ สนามแข่งของหงส์แดง มีการตกแต่งด้วยดีไซน์เสมือนจริง เพื่อให้ซึมซับถึงบรรยากาศอย่างเต็มที่ ตกแต่งด้วยวลีเด็ด ภาพกราฟิกที่งดงาม มีการเล่นดนตรีมินิสเตจแบบเปิดหมวก ถือเป็นจุดแลนด์มาร์กสำคัญที่ให้แฟนชาวไทยได้สัมผัสบรรยากาศ เสมือนได้เชียร์ฟุตบอลอยู่ที่ประเทศอังกฤษจริง ๆ
อีกทั้งมีธงจาก OLSC Siam ให้แฟนลงทะเบียน เซ็นชื่อบนธง ที่จะส่งตรงไปถึงนักเตะของสโมสร, กิจกรรมวัดความเป็นแฟนพันธุ์แท้, ทายผลฟุตบอลแมตช์สุดท้าย, ชาเลนจ์เลียนแบบตำนานหงส์แดง, เกมเตะชนคาน ฯลฯ
จากนั้น คุณ ต้น ณ ระนอง ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และคุณณัฐพิสิษฐ์ ครุฑครองชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุงไทย- แอกซ่า ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) และ ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่ ได้ร่วมกันกล่าวเปิดงาน
คุณต้น ณ ระนอง เปิดเผยว่า "สวัสดีครับ แฟนหงส์แดงทุกท่าน และผู้เข้าร่วมงานทุกท่านที่มาร่วมฉลองในวันสำคัญนี้ ในนามของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ผมรู้สึกเป็นเกียรติและภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของงาน 'วันหงส์แดงแห่งชาติ' ในครั้งนี้ งานวันนี้ไม่เพียงแต่เป็นการฉลองความสำเร็จของทีมหงส์แดง ที่คว้าแชมป์ลีกสูงสุด อังกฤษเป็นสมัยที่ 20 เท่านั้น แต่ยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงพลังของกีฬาฟุตบอลที่สามารถรวมผู้คนจากทุกสารทิศให้มาร่วมกันในวันนี้"
"การที่แฟนบอลไทยให้ความสนใจและติดตามทีมระดับโลกอย่างหงส์แดง สะท้อนให้เห็นถึงความหลงใหลและความเข้าใจในกีฬาฟุตบอลของคนไทย ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมยิ่ง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเห็นความสำคัญของการใช้กีฬาเป็นสะพานเชื่อมโยงวัฒนธรรม และเป็นเครื่องมือในการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกีฬา"
"งานวันนี้เป็นตัวอย่างที่ดีของการจัดกิจกรรมที่ผสาน Entertainment เข้ากับการกีฬา สร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้กับผู้เข้าร่วม และยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่นผ่านการจับจ่ายใช้สอยของนักท่องเที่ยวและผู้เข้าร่วมงาน"
"ที่สำคัญ กิจกรรม 'ฟุตบอลการกุศล RED SPIRIT CHARITY MATCH' ที่จัดขึ้นในงานนี้ แสดงให้เห็นถึงจิตสาธารณะและการใช้กีฬาเป็นเครื่องมือในการช่วยเหลือสังคม ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมให้กีฬาเป็นเครื่องมือพัฒนาสังคมและสร้างความสามัคคี"
"ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า งานวันนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของการจัดกิจกรรมกีฬาระดับนานาชาติมากขึ้นในประเทศไทย และจะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนไทยมีความฝันในการเป็นนักกีฬาระดับโลก เช่นเดียวกับนักเตะของทีมหงส์แดงที่เราชื่นชมกันในวันนี้"
คุณ ณัฐพิสิษฐ์ ครุฑครองชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า "เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับแฟนหงส์แดงในไทยที่ให้การตอบรับกิจกรรมในครั้งนี้และถือเป็นการตอกย้ำถึงเป้าประสงค์ของเราในการเป็นพันธมิตรหลักของทีมหงส์แดง"
"ที่ผ่านมาเราได้สนับสนุนกิจกรรมดี ๆ มากมายในประเทศไทย อาทิ โครงการ KTAXA Know You Can Football Youth U-15 Academy ที่สนับสนุนเด็กไทย ให้พัฒนาทักษะก้าวสู่นักฟุตบอลระดับสากล โดยมอบโอกาสให้ไปฝึกซ้อมที่ LFC International Academy ประเทศอังกฤษ และจัดฟุตบอลคลินิกให้กับเยาวชนไทย โดยงานวันนี้แสดงให้เห็นแล้วว่า แฟนหงส์แดงในประเทศไทยมีเยอะเพียงใด และให้การสนับสนุนเรามากเพียงใด เราคิดว่า นี่คือประวัติศาสตร์ครั้งยิ่งใหญ่ของทุก ๆ คน"
คุณจิรายุ อาจสำอางค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MAIN STAND CREATOR (THAILAND) เปิดเผยว่า "นับจากวันแถลงข่าว เรารู้สึกดีใจที่มีแฟนหงส์แดงให้ความสนใจมาร่วมงานกันมากขนาดนี้ ถือเป็นงานที่ท้าทายสุด ๆ ครั้งหนึ่งในชีวิตของผม และบอกเลยว่า ถือเป็นงานที่ยกระดับอีกหนึ่งขั้น เราเริ่มต้นจากความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ทุกภาคส่วน ในการสร้างสรรค์งานในวันนี้ออกมาด้วยความภาคภูมิใจ ซึ่งจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากพาร์ทเนอร์ และที่ขาดไม่ได้ ขอขอบคุณ ลูกค้าทุกท่าน ที่ให้การสนับสนุนและเชื่อมั่นในศักยภาพของเรา นี่จะเป็นจุดเริ่มต้นของการที่ เราจะมีโปรเจคต์สนุก ๆ แบบนี้อีกอย่างแน่นอนในอนาคต"
คุณศุภวุฒิ ศรขวัญ (เกมส์เอง) เปิดเผยว่า "กิจกรรมครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งมิติของการ ฉลองแชมป์พรีเมียร์ลีกในประเทศไทย รู้สึกดีใจที่มีผู้ให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก และต้องขอบคุณผู้สนับสนุนทุกภาคส่วนที่ทำให้งานนี้เกิดขึ้นได้ และจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางการกระตุ้นเศรษฐกิจสู่สายตาชาวโลกได้อีกหนึ่งทาง"
คุณเบลล์ ขอบสนาม เปิดเผยว่า "แม้จะเป็นแฟนปีศาจแดง แต่รู้สึกตื่นเต้นกับโครงการนี้มาก และดีใจที่สุดที่ ทำให้แฟนหงส์ในไทยได้มาสนุกร่วมกันกับความสำเร็จในครั้งนี้ ยินดีกับการคว้าแชมป์ และขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ทำงานหนักเนรมิตจนงานนี้ออกมาสมบูรณ์แบบ"
คุณสุวินัย โพธิไพโรจน์ (แจ็คเล็ก) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร THE STADIUM กล่าวว่า "ย้อนกลับไปในวันที่ได้รับการติดต่อให้ร่วมโครงการ THE STADIUM รู้สึกตื่นเต้นและพร้อมสนับสนุน เนื่องจากมีความตั้งใจที่จะสร้างชุมชนแฟนบอลหงส์แดงให้แข็งแกร่ง เราได้เห็นแฟนบอลทั้งไทยและต่างชาติมาร่วมงาน ถือเป็นสิ่งที่ภาคภูมิใจที่ ร่วมกับพาร์ทเนอร์ทุกฝ่าย ทำให้งานนี้ออกมาน่าประทับใจสุด ๆ"
ต่อด้วยอีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญ ในเวลา 15.00 น. กับกิจกรรมรถเเห่กลางลานเซ็นทรัลเวิลด์ ที่คณะผู้จัดทั้งหมดพร้อมใจกันเนรมิตขึ้น โดยมีจุดเริ่มต้น ณ ลานกิจกรรม Centralworld พร้อมเชิญชวนให้แฟนหงส์แดงมารวมกันที่หน้าเซ็นทรัลเวิลด์ กับการเนรมิตภาพประวัติศาสตร์ "การแห่แชมป์หงส์แดง กลางกรุงเทพฯ" นำโดย ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่, ผู้บริหาร บริษัทกรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) และ อินฟลูเอนเซอร์สายหงส์แดง เส้นทางเริ่มต้นจาก ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ > ถนนราชดําริ > ถนนพหลโยธิน > อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และกลับมาสิ้นสุดที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ภายใต้การบริหารจัดการตามระเบียบการจราจรอย่างเคร่งครัด
และในช่วงค่ำ มีกิจกรรมสุดพิเศษบนเวทีและของรางวัลมากมาย ทั้งศิลปินสายหงส์แดงที่มาร่วมแสดงสดด้วยบทเพลงเชียร์หงส์แดง และเพลงที่เชื่อมกับจิตวิญญาณของหงส์แดง กิจกรรม Meet & Greet ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่ แบบใกล้ชิด
ร่วมพูดคุยและวิเคราะห์ก่อนเกมโดยกูรูฟุตบอลจาก Main Stand "ยักษ์" จิตกร ศรีคำเครือ, เกมส์เอง, กูรูจาก THE STADIUM, โคตรเเอ็ค และศิลปินดารา, กูรูฟุตบอลที่จะผ่าฟอร์มนักเตะและอนาคตของทีมหลังคว้าแชมป์ในปีนี้ และประเด็นที่น่าสนใจอีกมากมายบนเวที
ปิดท้ายที่การร่วมชมแมตช์สุดท้ายของฤดูกาล จำลองในบรรยากาศเดียวกับการชมอยู่ที่ สนามแข่งจริงชูถ้วยแชมป์ร่วมกันหลังจบเกม ด้วยความประทับใจ