นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา (ขวา) กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) พบปะหารือนายจอห์น รัทเทอร์ฟอร์ด (ซ้าย) กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายตลาดเงินภาครัฐ ธนาคาร แบงโค บิลเบา วิซคาญ่า อาร์เจนตาเรีย เอส.เอ. (บีบีวีเอ) หนึ่งในธนาคารระดับโลกที่มีขนาดสินทรัพย์ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศสเปน เกี่ยวกับแนวทางสร้างความร่วมมือระหว่างทั้งสองธนาคาร รวมทั้งการแสวงหาแหล่งเงินทุนใหม่ๆ เพื่อสนับสนุนธุรกิจของผู้ประกอบการไทย ในงานสัมมนาสำหรับนักลงทุนและผู้ออกตราสารหนี้ภาครัฐ ครั้งที่ 8 จัดโดยบีบีวีเอ ณ เมืองปอร์โต โปรตุเกส เมื่อเร็วๆ นี้
ไบรอัน สมิธ (ที่สามจากซ้าย) กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ พัชรา ทวีชัยวัฒนะ (ที่สามจาก ขวา) รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายสายงานบริหารงานลูกค้า บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต ประกาศความร่วมมือจัดงานวิ่งครั้งยิ่งใหญ่แห่งปี “Allianz Ayudhya World Run Thailand Series 2019” ภายใต้แนวคิด “Healthy World Explorer” เปิดประสบการณ์การวิ่งในเส้นทางที่สวยงามของเขาใหญ่ โดยมี สงกรานต์ เตชะณรงค์(ที่สองจากซ้าย) ผู้บริหาร พาโค่ โฮเทล บาย โบนันซ่า บุญเพิ่ม อินทนปสาธน์ (ที่สองจากขวา) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มูฟ เอเชีย จำกัด ทาคายูกิ คูชิดะ(ขวา) ประธาน บริษัท โอซูก้า นิวทราซูติคอล (ประเทศไทย) จำกัด และ ณัฐ ศักดาทร(ซ้าย) ตัวแทนกลุ่มนักวิ่ง ในฐานะพันธมิตรร่วมงาน ณ โรงแรมเรเนซองส์ กรุงเทพฯ
ทั้งนี้ ผู้สนใจร่วมกิจกรรม สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/worldrunthailand/ และสมัครวิ่งได้ที่ https://www.runlah.com/events/aawr19 เปิดจำหน่ายบัตรตั้งแต่วันที่ 25 มิถุนายนนี้ ในราคา 800 บาท สำหรับ การวิ่งฮาล์ฟมาราธอน 21.1 กิโลเมตร ราคา 600 บาท สำหรับ การวิ่งมินิมาราธอน 10 กิโลเมตร และ 400 บาท สำหรับการวิ่งแฟมิลีรัน ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร
เคทีซี ร่วมกับ ยูเนี่ยนเพย์ สร้างประสบการณ์สุดประทับใจกับทุกการใช้จ่ายในจีน ฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวัน ยุโรป และทั่วโลก เปิดตัวบัตรเครดิต “เคทีซี ยูเนี่ยนเพย์” ครั้งแรกกับ 3 ประเภทบัตร: แพลทินัม / ไดมอนด์ และเอเชีย เพรสทีจ ไดมอนด์ คุ้มค่าด้วยสิทธิประโยชน์คะแนน KTC FOREVER สูงสุด 3 เท่า และรองรับการชำระเงินแบบ Contactless ที่ร้านค้าเครือข่ายยูเนี่ยนเพย์ทั่วโลก สมาชิกสมัครบัตรง่าย ไม่เสียค่าธรรมเนียม คาดสิ้นปีมีจำนวนสมาชิกไม่ต่ำกว่า 1 แสนราย
นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เคทีซียึดแนวทางการทำธุรกิจโดยให้ความสำคัญกับเรื่อง Customer Experience เป็นหลัก โดยระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา มีจำนวนสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีที่ใช้จ่ายผ่านบัตรในจีน ฮ่องกง มาเก๊า และไต้หวัน ไม่ต่ำกว่า 100,000 ราย และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกัน เคทีซีก็ได้รับทราบถึงความไม่สะดวกสบายในการชำระเงินผ่านบัตรเครดิตในกลุ่มประเทศจีน จึงเป็นที่มาของการจับมือกันระหว่างเคทีซี และยูเนี่ยนเพย์ ผู้นำด้านเครือข่ายการชำระเงินระดับโลก เปิดตัว “บัตรเครดิตเคทีซี ยูเนี่ยนเพย์” เพื่อสร้างประสบการณ์ที่สุดประทับใจให้กับสมาชิกเคทีซีที่เดินทางท่องเที่ยวในกลุ่มประเทศจีน ยุโรป และทั่วโลก ด้วย 3 ประเภทบัตรเครดิต ประกอบด้วย บัตรเครดิตเคทีซี ยูเนี่ยนเพย์ แพลทินัม (สำหรับผู้ที่มีรายได้ 15,000 บาทขึ้นไป) บัตรเครดิตเคทีซี ยูเนี่ยนเพย์ ไดมอนด์ (รายได้ 50,000 บาทขึ้นไป) และบัตรเครดิตเคทีซี ยูเนี่ยนเพย์ เอเชีย เพรสทีจ ไดมอนด์ (ได้รับเชิญเท่านั้น) โดยหน้าบัตรเครดิตทั้ง 3 ประเภทได้รับการออกแบบให้มีความแตกต่างบนพื้นฐานของความเป็นจีนสากลที่งดงาม”
สำหรับสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี ยูเนี่ยนเพย์ จะได้รับสิทธิพิเศษสูงสุด x3 คะแนน KTC FOREVER ตามรายละเอียดดังนี้
นายเหวินฮุ่ย หยาง ผู้จัดการทั่วไป ยูเนี่ยนเพย์ อินเตอร์เนชั่นแนล เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า “ประเทศไทยถือเป็นตลาดที่สำคัญสำหรับยูเนี่ยนเพย์ เรามุ่งมั่นที่จะมอบสิทธิประโยชน์และความคุ้มค่าให้กับลูกค้าอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบของแคมเปญการตลาด การเป็นสปอนเซอร์กิจกรรมที่น่าสนใจ และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ การร่วมมือกับเคทีซีในครั้งนี้เป็นก้าวที่สำคัญของ ยูเนี่ยนเพย์ เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่ยูเนี่ยนเพย์เปิดตัวบัตรเครดิต 3 ประเภทพร้อมกันในประเทศไทย ยิ่งไปกว่านั้น บัตรเครดิตเคทีซี ยูเนี่ยนเพย์ ยังรองรับวิธีการชำระเงินที่ครอบคลุมตั้งแต่การชำระเงินออนไลน์ไปจนถึงการชำระเงินแบบ Contactless ซึ่งถือเป็นการตอกย้ำความตั้งใจของเราในการสร้างความผูกพันกับกลุ่มผู้บริโภคไทยที่กว้างยิ่งขึ้น ผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการด้านไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย”
“การเปิดตัวครั้งนี้ยังนับเป็นครั้งแรกที่ผู้บริโภคไทยจะได้สัมผัสกับสิทธิประโยชน์เหนือระดับของ 2 ประเภทบัตรระดับพรีเมี่ยมของยูเนี่ยนเพย์ คือ บัตรเอเชีย เพรสทีจ ไดมอนด์ และบัตรไดมอนด์ โดยสมาชิกสามารถรับสิทธิพิเศษของยูเนี่ยนเพย์กว่า 1,000 รายการทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ รวมถึง U Collection ซึ่งรวบรวมสิทธิประโยชน์และส่วนลดบริการไลฟ์สไตล์สุดเอ็กซ์คลูซีฟทั่วโลก ครอบคลุมทั้งโรงแรมระดับ 5 ดาว ร้านค้าแบรนด์เนมชื่อดัง และร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์ นอกจากนี้ บัตรเครดิตทั้ง 3 ประเภทยังจะช่วยให้ผู้บริโภคไทยสามารถใช้จ่ายอย่างสะดวก รวดเร็วและปลอดภัยได้ที่ร้านค้ากว่า 55 ล้านแห่งในเครือข่ายของยูเนี่ยนเพย์ รวมถึงการทำธุรกรรมที่ตู้เอทีเอ็ม 3 ล้านเครื่อง ใน 174 ประเทศและเขตการปกครองอีกด้วย”
“ยูเนี่ยนเพย์ มุ่งมั่นนำเสนอโซลูชั่นการชำระเงินที่ทันสมัย และร่วมมือกับพันธมิตรที่มีความเข้าใจความต้องการของลูกค้าในแต่ละตลาด เราเชื่อว่าความร่วมมือครั้งนี้จะเป็นอีกหนึ่งแรงขับเคลื่อนสำคัญในการขยายฐานผู้ถือบัตรเครดิต และยอดการใช้จ่ายของลูกค้าไทย”
ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ KTC PHONE 02 123 5000 เว็บไซต์ www.ktc.co.th หรือสมัครบัตรเครดิตได้ที่ศูนย์บริการสมาชิก “เคทีซี ทัช” ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือคลิกลิงค์เพื่อสมัครบัตรเครดิตได้ที่นี่: http://bit.ly/2FnvYSj #สุขไม่จำกัด กับบัตรเคทีซี
ศาสตราจารย์.ดร.มนต์ชัย ดวงจินดา รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เปิดเผย ภายหลังรับรางวัลนักวิจัยผู้ได้รับรางวัลวิจัยเด่น ด้านพาณิชย์ ประจำปี 2561จากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) จากผลงาน "ไก่ 3 Low อาหารคุณภาพ เกาต์กินได้" ร่วมกับหน่วยงานรัฐและเอกชนกว่า 13 องค์กร ว่า งานวิจัยดังกล่าว เริ่มต้นจากปัญหาสุขภาพที่พบว่าคนทั่วโลกมีอัตรการป่วยเป็นเกาต์เพิ่มมากขึ้น ปัญหาการวิจัย คือ ทำอย่างไรให้ผู้บริโภคทานเนื้อไก่โดยลดอาการเกาต์ มหาวิทยาลัยขอนแก่นภายใต้การสนับสนุนทุนจาก สกสว. จึงได้พัฒนาไก่สายพันธุ์ KKU ONE ผสมสายพันธุ์ระหว่าง ไก่พื้นเมือง (เนื้อเหนียว) กับไก่ทางการค้า (เนื้อหยุ่ย) ทำให้ได้เนื้อสัมผัสที่นุ่มแน่นกำลังดีเพราะมีจำนวนและขนาดของกล้ามเนื้ออยู่ระหว่างไก่เนื้อทางการค้าและไก่พื้นเมือง ทั้งนี้เมื่อใช้เครื่องมือแสงซินโครตรอน ที่สามารถบ่งชี้ปริมาณสารพิวรีน ซึ่งสัมพันธ์กับกรดยูริค อันเป็นสาเหตุการเกิดโรคเกาต์ในมนุษย์
จากผลการวิจัยพบว่า ไก่สายพันธ์ KKU ONE พบปริมาณกรดยูริคต่ำกว่าไก่เนื้อทางการค้าที่เลี้ยงในโรงเรือนปรับอากาศ เนื่องจากอาหารของไก่เนื้อมีสารพิวรีนสูง ในขณะเดียวกันพบว่า สายพันธุ์ KKU ONE พบไขมันในช่องท้องต่ำ และมีโปรตีนชนิดย่อยง่ายสูง มีปริมาณคอเลสเตอรอลต่ำกว่าไก่ทางการค้าลดความเสี่ยงการเป็นโรคหัวใจ ฉะนั้นด้วยคุณสมบัติของการผสมสายพันธุ์ระหว่างไก่เนื้อกับไก่พื้นเมือง จึงได้สายพันธุ์ไก่ที่ตอบทุกโจทย์ปัญหาสุขภาพ นำไปสู่การขับเคลื่อนตลาดเชิงพาณิชย์ " KKU ONE เหมาะเป็นอาหารผู้สูงวัย นักกีฬา ซึ่งปัจจุบันโลกก็ก้าวสู่สังคมสูงวัยและผู้รักสุขภาพ ปัจจุบันมีการขยายไก่พันธุ์ KKU ONE ให้แก่ตลาดทั้งในและต่างประเทศ เช่น กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ส่วนในประเทศได้ทำข้อตกลง เป็นไก่ประชารัฐ ตลาดร้านอาหารตำมั่วขึ้นห้าง ฟู้ดแลนด์ สร้างรายได้ให้เกษตรกร โดยประชารัฐส่งเสริมเกษตรกรในจังหวัดขอนแก่นกว่า20อำเภอให้เลี้ยง และประชารัฐรับซื้อ เกษตรกรจะได้ 20 บาทต่อกิโลกรัม การันตีรายได้ขั้นต่ำ 1 หมื่นบาท ต่อเดือน โดยใช้เวลา เลี้ยงเพียง 35 วัน โดยไม่ต้องมีโรงเรือนปรับอากาศ ประชารัฐจะหักต้นทุนค่าอาหาร และโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารเกษตรกร ทั้งนี้ที่ผ่านมายังไม่มีเกษตรกรขาดทุน แต่กำลังการเลี้ยงไม่ทันต่อความต้องการของตลาด ซึ่งต้องการ 5 พันตัวต่อสัปดาห์
ศาสตราจารย์.ดร.มนต์ชัย กล่าวด้วยว่า หากสามารถขยายพันธุ์ไก่ ตอบสนองต่อตลาด ทั้งภายในและนอกประเทศใน 5 ปี ซี่งมีความต้องการ 5 ล้านตัว หรือราว 200 ล้านบาท จะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจชาติได้อย่างดี ทั้งนี้ยืนยันว่าสายพันธุ์ไก่พันธุ์ต้นแบบถูกเพาะเลี้ยงสายพันธุ์แท้จากมหาวิทยาลัยขอนแก่นอย่างไรก็ตามกรดยูริคนั้น ควบคุมด้วยสายพันธุ์มากกว่าอาหาร โดยมีแนวโน้มจะพัฒนาสายพันธุ์ทำให้ยูริคในไก่ต่ำกว่านี้ในอนาคต นำไปสู่การแก้ไขปัญหาสุขภาพ และขับเคลื่อนชาติด้วยวิจัยและนวัตกรรมเชิงพาณิชย์ต่อไป
พฤกษาผู้นำอันดับหนึ่งในวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย คว้ารางวัล “BCI Asia Top 10 Developer Awards” ในงาน BCI Asia Awards 2019 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 9 ติดต่อกัน โดยมีเกณฑ์การพิจารณาตัดสินจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากภาพรวมของโครงการ แนวคิดการออกแบบโครงการที่โดดเด่น และความคุ้มค่าของโครงการ ซึ่งในปีนี้มีโครงการคอนโดมิเนียมของพฤกษาได้รับการคัดเลือกให้ได้รับรางวัลทั้งหมด 3 โครงการ ได้แก่ เดอะรีเซิร์ฟ 61 ไฮด์อะเวย์, แชปเตอร์ วัน โฟลว์ บางโพ และพลัมคอนโด ราม 60 อินเตอร์เชนจ์
โดย นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท - พรีเมียม บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เป็นผู้แทนของบริษัทฯ เข้ารับมอบรางวัลจาก BCI Asia ซึ่งเป็นศูนย์กลางข้อมูลธุรกิจก่อสร้างในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค และ FuturArc Journal รางวัลนี้ถือเป็นเครื่องการันตีด้านการใส่ใจคุณภาพการก่อสร้างที่อยู่อาศัยของพฤกษามาอย่างต่อเนื่อง
การประชุมวิชาการ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) ประจำปีพุทธศักราช 2562 "ในโลกยุคดิจิตัล ที่มีการพัฒนานวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ที่ทันสมัยมากมาย และเป็นส่วนนึงของชีวิตประจำวันของผู้คนทั่วโลก ที่สำคัญ คือ เทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์ต่าง ๆ ที่ปัจจุบันนี้ มีการนำมาใช้ในทางการแพทย์ พยาบาล ทันตกรรม และ การสาธารณสุข อันส่งผลให้มีการรักษา การเข้าถึง และ การตอบสนองที่รวดเร็ว ส่งเสริมประสิทธิภาพทางการแพทย์ให้เพิ่มขึ้น ซึ่งเทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์ทางการแพทย์ในโลกปัจจุบันเป็นสิ่งที่จำเป็นที่เราต้องรับรู้ เรียนรู้ และเข้าใจเพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในด้านการแพทย์ และสาธารณสุข"
บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) พร้อมทั้งคณะผู้บริหาร แพทย์ ทันตแพทย์ เภสัชกร พยาบาล นักกายภาพบำบัด และบุคลากรทางการแพทย์ ได้จัดงานประชุมวิชาการในปีนี้ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาความรู้ และเทคโนโลยีทางด้านการดูแลสุขภาพและการแพทย์ด้วยนวัตกรรม เทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์ที่ทันสมัย กอปรกับการใส่ใจดูแลและเอาใจใส่ด้วยจิตใจที่โอบอ้อมอารีและมีคุณธรรม ภายใต้แนวคิดการจัดงานคือ BDMS Academic Annual Meeting 2019 “The Trusted Healthcare Network: The Era of Artificial Intelligence and Advanced Technology” ระหว่างวันที่ 14-16 สิงหาคม 2562 ณ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพ โดยได้รับพระกรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จทรงเปิดงานในวันพุธที่ 14 สิงหาคม 2562 เวลา 9.00 น.
จึงขอเรียนเชิญ แพทย์ ทันตแพทย์ เภสัชกร พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ เข้าร่วมประชุมวิชาการและร่วมรับเสด็จ สมเด็จพระกนิษฐาราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในพิธีเปิดงานประชุมวิชาการฯ ในวันพุธที่ 14 สิงหาคม 2562 เวลา 09.00 น.
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
www.bdmsannualmeeting.com
Email: This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
บนข้อเท็จจริงที่ว่าการแข่งขันทางธุรกิจในโลกยุคปัจจุบันได้กำหนดให้องค์กรยุคใหม่ต้องหาเครื่องมือเพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน เพื่อความเท่าทันและไม่ตกยุค และบล็อกเชนก็เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่เข้ามาเปลี่ยนภูมิทัศน์ทางธุรกิจ เพราะการประยุกต์ใช้บล็อกเชนไม่ได้ถูกจำกัดเฉพาะการใช้งานด้านการเงินหรือการทำธุรกรรม แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการบันทึก จัดเก็บข้อมูล และการตรวจสอบติดตามเพื่อความโปร่งใสและเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารองค์กรยุคใหม่ รวมถึงการทำความรู้จักกับระบบนิเวศทางธุรกิจยุคใหม่ที่ใช้บล็อกเชนเป็นกลไกสำคัญ แม้แต่ Social Network ระดับโลกอย่าง Facebook ก็ยังนำมาใช้งาน
บทบาทของเทคโนโลยีบล็อกเชนได้กลายเป็นหนึ่งกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรไปสู่ยุคดิจิทัล หรือ Digital Transformation และภายใต้การเล็งเห็นประเด็นสำคัญในเรื่องนี้ คณะบริหารธุรกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ได้ร่วมมือกับบริษัท SIAM ICO บริษัทที่ปรึกษาและออกแบบการพัฒนาธุรกิจและการลงทุนด้านดิจิทัล โดยกำหนดเปิดหลักสูตรพิเศษ Blockchain for Enterprise Transformation เพื่อให้ความรู้และพัฒนาผู้บริหารขององค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนที่มีความตั้งใจ หรือสนใจที่จะพัฒนากลยุทธ์ด้านดิจิทัลให้กับองค์กร โดยอาศัยเทคโนโลยีบล็อกเชนเป็นกลไกสำคัญ
ภายใต้ความร่วมมือในครั้งนี้ ผู้บริหารของสององค์กร ได้ร่วมกันจัดแถลงความร่วมมือและแนะนำถึงสาระสำคัญของหลักสูตร ตลอดจนผู้บรรยายอันประกอบไปด้วยนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญที่ทรงคุณวุฒิและอยู่ในอุตสาหกรรมจริง
การแถลงข่าวครั้งนี้ประกอบด้วย
- รศ.ดร.ธัชวรรณ กนิษฐ์พงศ์ คณบดี คณะบริหารธุรกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)
- ปฐม อินทโรดม กรรมการผู้จัดการและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท สยาม ไอซีโอ จำกัด
- คณิต ศาตะมาน ซีอีโอ ไนท์ อะคาเดเมีย
- ปกรณ์ ลี้สกุล ซีอีโอฟินีมา
นอกจากนั้น การแถลงความร่วมมือในครั้งนี้ยังได้รับเกียรติจาก รศ.ดร.จงสวัสดิ์ จงวัฒน์ผล รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เข้าร่วมเป็นสักขีพยานและให้ความเห็นในการสัมภาษณ์ในโอกาสนี้ด้วย
รศ.ดร.ธัชวรรณ กนิษฐ์พงศ์ คณบดี คณะบริหารธุรกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)
เป็นหนึ่งในเป้าหมายและความตั้งใจของ รศ.ดร.ธัชวรรณ ซึ่งเพิ่งก้าวเข้ามารับตำแหน่งคณบดี ของคณะบริหารธุรกิจเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยเป็นหนึ่งในวิสัยทัศน์ของผู้นำของคณะฯ ที่ให้ความสำคัญกับเรื่อง disruption และเทคโนโลยีใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นด้าน AI, Blockchain ตลอดจน Fintech ที่คนไทยยังต้องการการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเป็นอย่างมาก
“โดยส่วนตัวคือต้องการพัฒนาหลักสูตรเหล่านี้อยู่แล้ว เมื่อได้คุยกับทาง SIAM ICO ซึ่งมีเป้าหมายที่ไปในแนวทางเดียวกัน จึงเป็นที่มาของความร่วมมือ เพราะเรื่อง Blockchain มันเป็นภาพใหญ่ หลายคนรู้จัก Bitcoin รู้จักคริปโตเคอเรนซี่ แต่ข้อเท็จจริงๆ แล้วบล็อกเชนเป็นเทคโนโลยีที่สามารถประยุกต์มาทำอะไรได้มากกับองค์กรหรือสถาบัน ไม่ใช่เพียงออก Coin หรือ Currency เท่านั้น แต่บล็อกเชนทำอะไรได้มากกว่านั้น แม้กระทั่งตอนนี้ เราได้พูดกันถึง Digital certificate หรือใบประกาศดิจิตอล ในบล็อกเชนที่ไม่สามารถปลอมได้ พูดถึงเงินที่ไม่สามารถปลอมได้ ซึ่งมันดีนะ และเชื่อว่าบล็อกเชนจะนำพาเราไปสู่สิ่งอื่นๆ อีกหลายๆเรื่องได้ อาทิ Supply Chain หรือ ระบบการจัดเก็บประวัติการรักษาพยาบาล หรือ เก็บข้อมูล Tourism ซึ่งต่อไปใช้การใช้จะกว้างออกไปอย่างมาก”
รศ.ดร.ธัชวรรณ ยังย้ำถึงความสำคัญของการพัฒนาเรื่อง บล็อกเชนเป็นหลักสูตรว่า “นอกจากประโยชน์ของบล็อกเชนที่กล่าวมา เทคโนโลยีบล็อกเชนยังสามารถประยุกต์ใช้ในการพัฒนาองค์กรไปสู่ความเป็นดิจิทัลได้ อย่างที่เป็นกระแสอยู่ในขณะนี้คือเรื่อง Digital Transformation ซึ่งน่าสนใจมาก โดยหลักสูตร Blockchain for Enterprise Transformation ที่กำลังจะเปิดร่วมกับ บริษัท SIAM ICO นี้ถือได้ว่าเป็นที่แรกที่เปิดคอร์ส วิชานี้ โดยเราจะเปิดเป็นสาธารณะโดยให้บุคคลภายนอกเข้ามารับการอบรม หลังจากนั้นก็จะหลอมรวมวิชานี้เข้าไปอยู่ในหลักสูตรMBA ของทางนิด้าในเวลาต่อไป ซึ่งเชื่อว่านักศึกษาจะให้ความสนใจและได้รับประโยชน์จากคอร์สนี้อย่างมาก”
คณบดีหญิงคนแรกของ NIDA Business School อยากเชิญชวนให้ศิษย์เก่า ตลอดผู้บริหารองค์กรของทั้งภาครัฐและเอกชนมาลงคอร์สนี้ ซึ่งได้รับการออกแบบให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับผู้เรียนที่ต้องการความกระชับในเรื่องเวลา เพียง 3 วันใน 3 สัปดาห์ของเดือนสิงหาคม โดยที่วันสุดท้ายของหลักสูตรจะจัดให้มีเวิร์กชอป โดยที่ทางนิด้าเรานำหลักของ Design Thinking เข้ามาผสมผสานในการจัดอบรมเพื่อให้ผู้เรียนได้ประโยชน์ควบคู่ทั้งในเรื่องบล็อกเชนและ Design Thinking ไปพร้อมๆกัน อีกด้วย
ปฐม อินทโรดม กรรมการผู้จัดการและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท SIAM ICO จำกัด
ความเป็นมาของหลักสูตร Blockchain for Enterprise Transformation เกิดจากคำถามที่ทั้งสยามไอซีโอและนิด้าได้รับอยู่เสมอในช่วงปีที่ผ่านมาคือ เรื่องบล็อกเชน และ Digital Transformation และเมื่อได้มีโอกาสได้หารือถึงเป้าหมายและความเป็นไปได้ในเรื่องความร่วมมือเพื่อพัฒนาเป็นหลักสูตรนี้เกิดขึ้นมา โดยผูกเอา 2 เรื่องไว้ด้วยกัน
“ถ้าคุณสนใจเรื่องบล็อกเชน คุณจะได้เรื่อง Digital Transformation เป็นของแถม และคุณอาจจะพบว่าจะปรับเปลี่ยนองค์กรเป็นดิจิทัลไม่ต้องใช้บล็อกเชนก็ได้ มีแนวทางมากมาย หรืออาจจะใช่คุณก็ลุยต่อได้เต็มที่ ก็จะมีหลักสูตรอื่นๆ เพิ่มเติมที่จะตามมาในอนาคตเจาะลึกเรื่องเหล่านี้ลงไป หรือถ้าคุณสนใจเรื่องDigital Transformation นอกจากจะได้รู้กระบวนการ ยังมีเวิร์กช้อป ที่เราจะสอนเรื่องการปรับเปลี่ยนองค์กรว่าต้องรู้จักแกนหลักขององค์กร องค์ประกอบภายนอกมีอะไรบ้าง มีกรณีศึกษาจากกรณีทั้งไทยและต่างประเทศอะไรที่นำมาใช้ได้ และได้เรื่องบล็อกเชนเสริมเข้าไปด้วย ซึ่งบล็อกเชนคุณอาจจะรู้เพื่อไปปรับกระบวนการทำงานหรือไปใช้ในเรื่องการระดมทุนจะทำ STO ICO ต่อไปในอนาคตได้”
ปฐม เผยว่าหลักสูตรนี้เหมาะกับผู้บริหารองค์กรภาครัฐและเอกชนตั้งแต่ขนาดกลางขึ้นไปที่มีความตั้งใจจะพัฒนากลยุทธ์ด้านดิจิทัลให้กับองค์กรโดยอาศัยเทคโนโลยีบล็อกเชนเป็นหัวใจสำคัญ และที่รับทราบเรื่องบล็อกเชนและ Digital Transformation มาระยะหนึ่งแล้ว อยากรู้ว่าจะนำไปปรับใช้กับองค์กรของตนเองได้อย่างไร โดยเป็นหลักสูตรที่เน้นในการถ่ายทอดความรู้ และการนำไปประยุกต์ใช้ในโลกความเป็นจริงอย่างเต็มที่
“สิ่งที่ผู้เข้าร่วมอบรมจะได้รับกลับไปคือ “Digital Transformation คือเราพูดถึงภาพรวมของเทคโนโลยีทั้งหมด เจาะลึกเทรนด์ที่จะมีผลกระทบในอนาคต สยามไอซีโอเราเชี่ยวชาญเรื่องไฮบริด เช่น ธุรกิจโลจิสติกส์ ตอนเวิร์กช้อป คุณรู้หรือไม่ว่าIOTมารวมกับบล็อกเชนได้ รถขนส่งสามารถเอาเซนเซอร์ใส่เข้าไปวัดอุณหภูมิ มีจีพีเอสวัดว่าอยู่ที่จุดไหนแล้ว บวกกับSmart Contact ของบล็อกเชนทำให้ลูกค้าของคุณจ่ายเงินได้ทันทีเมื่อรู้ว่าคุณขนอาหารไปส่งถึงเป้าหมายโดยที่อุณหภูมิไม่เปลี่ยนแปลงจากที่กำหนดไว้ เป็นการเชื่อมโยงเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน”
การนำเทคโนโลยีหลายอย่างมาประสานกันจนเกิดโซลูชันเป็นเป้าหมายเบื้องต้นที่คุณปฐมคาดหวังให้ผู้เข้าร่วมอบรมได้รับกลับไป และหากสามารถมองไปไกลได้ถึงการคิดแพลตฟอร์มดิจิทัลออกมาใช้ได้จริง ก็จะเป็นเป้าหมายสูงสุดที่หลักสูตรนี้ต้องการ
สนใจรายละเอียดหลักสูตร Blockchain for Enterprise Transformation คลิ๊ก