

บริษัท พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ พรูเด็นเชียล ประเทศไทย เปิดตัว “PRULegacy – Your Mark Lives On” ภายใต้แนวคิด “ทุกความสำเร็จในแบบของคุณ คือคุณค่าที่คุณสร้างและส่งต่อให้คนที่คุณรัก” ตอกย้ำจุดยืนการดูแลลูกค้ากลุ่มความมั่งคั่งสูง (High Net Worth) โดยเฉพาะ ด้วยเอกสิทธิ์เหนือระดับและสิทธิประโยชน์แบบองค์รวมที่ตอบโจทย์ทั้ง การวางแผนการเงิน สุขภาพ และไลฟ์สไตล์ รวมทั้งการบริการให้คำปรึกษาด้านการวางแผนภาษี ยกระดับการบริหารจัดการความมั่งคั่งและสร้างหลักประกันที่มั่นคงในระยะยาวให้กับคนรุ่นต่อไป

นายนิติพงษ์ ปรัชญานิมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานลูกค้าและการตลาด บริษัท พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ พรูเด็นเชียล ประเทศไทย เปิดเผยว่า “พรูเด็นเชียล ประเทศไทย มุ่งมั่นสร้างหลักประกันที่แข็งแกร่งทั้งด้านสุขภาพและความมั่นคงทางการเงินให้กับลูกค้า ภายใต้เจตนารมณ์ “For Every Life, For Every Future: ชีวิตมีกัน…ทุกวันดีกว่า” โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความมั่งคั่งสูง (High Net Worth) บริษัทฯ ได้ตระหนักถึงความสำคัญในการบริหารความมั่งคั่งและการส่งต่อคุณค่าจากรุ่นสู่รุ่นอย่างยั่งยืน เราจึงได้ออกแบบเอกสิทธิ์เหนือระดับอย่าง “PRULegacy” ที่เปรียบเสมือนเพื่อนคู่คิดในการให้คำปรึกษาการวางแผนชีวิตและบริหารจัดการความมั่งคั่งเพื่อสร้างหลักประกันที่มั่นคงกับคนรุ่นต่อไป รวมถึงสิทธิประโยชน์ต่างๆมากมายที่ตอบโจทย์ทั้ง สุขภาพ ไลฟ์สไตล์ และ การใช้ชีวิตในทุกมิติ ซึ่งพรูเด็นเชียลฯ พร้อมอยู่เคียงข้างทุกเป้าหมายของความสำเร็จ”

หัวใจของการออกแบบเอกสิทธิ์สำหรับลูกค้า “PRULegacy” มุ่งเน้นไปที่การส่งต่อคุณค่าและสิ่งที่ดีที่สุดให้คนที่รัก ทั้งความมั่งคั่งด้วยผลิตภัณฑ์แบบเอ็กซ์คลูซีฟ อาทิ แผนประกันเพื่อความคุ้มครองชีวิต แผนประกันเพื่อการวางแผนมรดก พร้อมบริการให้คำปรึกษาด้านการวางแผนทางการเงินและการลงทุนครบวงจร ซึ่งไม่ใช่แค่การมอบสิทธิประโยชน์เท่านั้น แต่ยังต้องสามารถต่อยอดคุณค่าให้แก่ลูกค้าทั้งในด้านการเงิน ด้านการลงทุน ด้านกฎหมาย หรือด้านภาษี อีกด้วย
“เรามองว่า ลูกค้ากลุ่มความมั่งคั่งสูง (High Net Worth) จะให้ความสำคัญกับการวางแผนการเงิน การลงทุน เพื่อส่งต่อหลักประกันที่มั่นคงแก่ทายาทในอนาคต “PRULegacy” จึงสะท้อนความมุ่งมั่นของพรูเด็นเชียลฯ ในการเป็นมากกว่าผู้ให้บริการประกันชีวิต แต่เป็นคู่คิดที่เชื่อถือได้ในทุกช่วงของชีวิตลูกค้า เราเชื่อว่า ความมั่งคั่งที่แท้จริงไม่ใช่แค่สิ่งที่เราสร้างขึ้น แต่คือสิ่งที่สามารถส่งต่อให้คนที่เรารักได้อย่างยั่งยืนและมีคุณค่า” นายนิติพงษ์ กล่าวเสริม

“PRULegacy” แบ่งสิทธิประโยชน์ออกเป็น 2 สถานะ คือ สถานะสมาชิก “PRULegacy” ที่มีเบี้ยประกันภัยรวมต่อปีตั้งแต่ 1,000,000 บาทขึ้นไป และ สถานะสมาชิก “PRULegacy+” ที่มีเบี้ยประกันภัยรวมต่อปีตั้งแต่ 10,000,000 บาทขึ้นไป ซึ่งครอบคลุมเอกสิทธิ์พิเศษ อาทิ บริการจัดทำร่างพินัยกรรม หรือ บริการให้คำปรึกษาด้านการวางแผนภาษี ที่สำนักงานกฎหมาย Chandler Mori Hamada Limited (CMH), บัตร E-Voucher สำหรับรับประทานอาหารที่ร้านอาหารมิชลินที่ร่วมรายการ อาทิ Chef’s Table, Mezzaluna และ Nawa Thai Cuisine มูลค่า 2,000 บาท, แพ็กเกจตรวจสุขภาพฟรี ที่โรงพยาบาลกรุงเทพ 21 สาขาทั่วประเทศ, ส่วนลด 15% และการอัปเกรดห้องพัก พร้อมสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่ Chiva-Som Hua-Hin, ส่วนลดสำหรับบัตรโดยสาร Bangkok Airways เส้นทางภายในประเทศและต่างประเทศ, บริการลีมูซีนรับ – ส่ง สนามบินใน 9 จังหวัด (กรุงเทพฯ กระบี่ ขอนแก่น เชียงใหม่ ภูเก็ต สงขลา สุราษฎร์ธานี อุดรธานี และอุบลราชธานี), บริการนวดตัวด้วยน้ำมันหอมระเหย (Aromatherapy Oil Massage) ที่ Let’s Relax Spa เป็นต้น
นอกจากสิทธิประโยชน์ต่างๆแล้ว สมาชิก “PRULegacy” ยังได้รับบริการที่ปรึกษาด้านการเงิน การลงทุน และการวางแผนภาษี จากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่พร้อมออกแบบแผนการบริหารความมั่งคั่งให้เหมาะกับเป้าหมายเฉพาะบุคคลอย่างแท้จริง โดยผู้ที่สนใจสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.prudential.co.th/corp/prudential-th/th/privilege-programmes/prulegacy
ความนิยมของอาหารญี่ปุ่นในบ้านเราเติบโตไม่หยุด สะท้อนจากตัวเลขผลสำรวจจำนวนร้านอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทยปี 2567 จากองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น หรือ ‘เจโทร กรุงเทพฯ’ ที่ระบุเอาไว้ว่า จำนวนร้านอาหารญี่ปุ่นในไทยมีทั้งหมด 5,916 ร้าน เพิ่มขึ้น 165 ร้าน มีอัตราเพิ่มขึ้น 2.9% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
แนวโน้มการเติบโตของร้านอาหารญี่ปุ่นในไทยที่เพิ่มขึ้นทุกปี ทำให้ 3 พี่น้องตระกูลกอบกุลสุวรรณ ทั้ง นายปณิธาน, นายปณิธิ และนางสาวปวิตรา กอบกุลสุวรรณ ตัดสินใจเปิดร้านญี่ปุ่นแฮนด์โรลแนวฟิวส์ชัน ที่นำเอาอาหารญี่ปุ่นดั้งเดิมที่เรียกว่า เทมากิซูชิ เปิดในไทยเป็นครั้งแรก! เมื่อปี 2566 ภายใต้ชื่อ ‘KANORI Hand roll bar’ โดดเด่นด้วยการทำแฮนด์โรลสดใหม่จากหน้าเคาน์เตอร์บาร์ โดยใช้วัตถุดิบพรีเมียมนำเข้าแทบทั้งหมด ทั้งยังตอบโจทย์เรื่องความสะดวกรวดเร็วเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่อีกด้วย
นายปณิธิ กล่าวว่า จุดเริ่มต้นที่ทำให้สนใจเปิดร้านในวันที่คนไทยยังไม่รู้จัก และยังใหม่มากสำหรับในประเทศไทย ซึ่งถือว่าท้าทายมากเพราะเราต้อง Educate ลูกค้าเกี่ยวกับแฮนด์โรลด้วย รวมถึงมองเห็นเทรนด์การกินอาหารญี่ปุ่นในไทยที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงต้องการวางจุดยืนเป็น ‘First Mover’ ในตลาด อีกทั้งครอบครัวมีความชอบรับประทานอาหารญี่ปุ่นอยู่แล้ว หลังจากทดลอง R&D และมีการพัฒนาสูตรข้าวปั้น รวมถึงกรรมวิธีการทำเรื่อยมา จึงตัดสินใจประเดิมสาขาแรกบริเวณซอยสุขุมวิท 49 ผลปรากฏว่า ได้รับกระแสตอบรับที่ดีตั้งแต่เปิดร้าน จนถึงตอนนี้ ‘KANORI Hand roll bar’ ใช้เวลาเพียง 1 ปีครึ่ง ขยายร้านไปถึง 4 สาขา ได้แก่ สาขาสุขุมวิท 49, สาขาเอ็มควอเทียร์, สาขาเซ็นทรัล เอ็มบาสซี และสาขาล่าสุดที่ ไอคอนสยาม

“เราอยากทำสิ่งใหม่ที่ยังไม่มีใครเคยทำมาก่อน วิธีคิดและการทำงานจึงไม่ได้ใช้เพียงตำราเดิม แต่ยังล้อไปกับโลกปัจจุบันเพื่อให้ได้วิธีคิดที่สดใหม่มากขึ้น พูดได้ว่า ร้าน ‘KANORI Hand roll bar’ คือ First Mover ในตลาดแฮนด์โรลเมืองไทย”
สำหรับตลาดอาหารญี่ปุ่นในไทยโดยเฉพาะแฮนด์โรลนั้น นางสาวปวิตรามองว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการต้องเจอกับการแข่งขันเรื่องราคาอย่างดุเดือด คนไทยมองเรื่องความคุ้มค่า หรือ ‘Reasonable Price’ มากขึ้น ทั้งยังต้องมาพร้อมกับความง่าย ไม่มีแบบแผนขั้นตอนมากมาย ด้วยรสชาติ วัตถุดิบพรีเมียม และจุดแข็งเรื่องความสะดวกรวดเร็วของแฮนด์โรล จึงเชื่อว่า ‘KANORI Hand roll bar’ จะเติบโตสอดคล้องไปกับเทรนด์การกินของคนไทยอย่างแน่นอน

“กลยุทธ์ที่ทำให้ร้านเราประสบความสำเร็จในฐานะแฮนด์โรลเจ้าแรกในไทย และยังสามารถขยายได้ 4 แห่ง มาจากการศึกษาอินไซต์ผู้บริโภค รู้ว่าลูกค้าต้องการอะไร ไม่ได้มองที่ตัวเลขเรื่องกำไรมาเป็นอันดับต้น ๆ แต่ให้ความสำคัญกับความคุ้มค่าที่ลูกค้าได้รับกลับไป เรื่องนี้เป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้เกิดการกลับมากินซ้ำ โดยร้านแฮนด์โรลบาร์ของเรามีกลิ่นอายกึ่ง ๆ โอมากาเสะที่มาในราคาจับต้องได้ สามารถมาทานเป็นครอบครัว ลูกค้าเราจึงมีตั้งแต่เด็กเล็กไปจนถึงผู้ใหญ่ นอกจากนี้ยังมีบริการส่งตรงถึงบ้านแบบเดลิเวอรี่ โดยที่ยังคงความสดสะอาดจากวัตถุดิบพรีเมียม รวมถึงสาหร่ายที่ยังคงความกรอบไม่ต่างจากการนั่งรับประทานที่ร้าน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งความพิเศษของร้านเรา”
นายปณิธาน กล่าวเพิ่มเติมว่า “ส่วนอนาคตของ ‘KANORI Hand roll bar’ หลังจากนี้ในไตรมาส 3 มีแผนที่จะเปิดสาขาเพิ่ม โดยมองหาโลเคชันที่เป็นห้างสรรพสินค้าไฮเอนด์ในกรุงเทพฯ เป็นหลัก รวมถึงตามหัวเมืองใหญ่เพิ่มเติม เพื่อให้กลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่นได้สัมผัสความอร่อย-สดใหม่ได้ครบถ้วนมากขึ้น ซึ่งผ่านมาสามารถสร้างรายได้กว่า 300 ล้านบาท และในปี 2568 ตั้งเป้าเติบโตเพิ่มขึ้นอีก 20% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

ทั้งนี้ ธุรกิจร้าน ‘KANORI Hand roll bar’ ดำเนินงานภายใต้บริษัท ไทยสากล เอสเตท จำกัด ซึ่งนอกจากร้านแฮนด์โรลแล้วยังมีธุรกิจอีกสามส่วน ได้แก่ Kay’s โดดเด่นเรื่องอาหารเช้าสไตล์บรันช์ Day by Kay’s โดดเด่นด้านเครื่องดื่มและเบเกอรี่ และโรงแรม K Maison โดดเด่นด้านการผสมผสานเอกลักษณ์ของท้องถิ่นเข้ากับความโมเดิร์นได้ลงตัว
สำหรับใครที่สนใจอยากรับประทานแฮนด์โรลคุณภาพพรีเมียมในบรรยากาศโอมากาเสะ สามารถติดตามรายละเอียดได้ที่ Website: www.kanorihandroll.com, Facebook: Kanori ,IG: kanorihandroll
บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) หรือ SPC ผู้จัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำของไทย ขอเสิร์ฟความสดชื่นแบบเฮลท์ตี้รับหน้าร้อนด้วยการ คอลแลบ กับเพจรีวิวอาหารชื่อดัง Starvingtime และ 3 ร้านขนมสุดฮิต เปิดตัวแคมเปญ “Richesse Summer Creation” ที่นำผลิตภัณฑ์โยเกิร์ตเพื่อสุขภาพแบรนด์ ‘Richesse’ (ริชเชส) มาสร้างสรรค์เป็นเมนูสุดพิเศษ รสชาติอร่อย สดชื่น มีเอกลักษณ์และดีต่อสุขภาพ ต้อนรับฤดูร้อนแบบจัดเต็ม พร้อมวางจำหน่ายแบบ Limited Edition ตั้งแต่เมษายน – พฤษภาคม 2568 นี้เท่านั้น
งานนี้ SPC จัดเต็ม ไม่ได้มาเล่น ๆ เพราะแต่ละเมนูเกิดจากการครีเอตอย่างพิถีพิถันโดย 3 คาเฟ่ชื่อดังที่ขึ้นชื่อเรื่องของหวานและความคิดสร้างสรรค์ โดยนำผลิตภัณฑ์ ‘Richesse’ มาต่อยอดในแบบเฉพาะตัว สะท้อนภาพลักษณ์แบรนด์ที่สดใส มีชีวิตชีวา ตอบโจทย์ทั้งสายหวานและสายเฮลท์ตี้ในเมนูเดียว
พบกับ 3 เมนูสุดพิเศษที่ห้ามพลาด กับ 3 ร้านขนมสุดฮิต

โฟรเซ่นโยเกิร์ตเนื้อเนียนนุ่มจาก ‘Richesse’ เสิร์ฟคู่เยลลี่ 4 รสชาติสดใส เติมความหวานธรรมชาติด้วยน้ำผึ้งป่าหอมละมุน เมนูนี้เหมาะสำหรับคนรักความเบาสบายแต่ยังอยากได้รสสัมผัสสุดเฟรช ราคา 89 บาท พิกัด ชั้น 3 Central Westgate และ สาขาอารีย์

พุดดิ้งกรีกโยเกิร์ตรสสตรอเบอร์รี่จาก ‘Richesse’ เสิร์ฟพร้อมซอสเบอร์รี่สูตรพิเศษ ครัมเบิ้ล และคราวด์เค้กที่ผสานรสเปรี้ยวหวานเข้ากันอย่างลงตัว เมนูที่ทั้งอร่อยและอาร์ตในคำเดียว ราคา 129 บาท พิกัด ชั้น L Park Silom

ไอศกรีมโยเกิร์ตสูตรพิเศษจาก ‘Richesse’ เพิ่มความหอมหวานด้วยซอสบัตเตอร์สก็อตช์โฮมเมด เสิร์ฟในวาฟเฟิลโคนกรอบ มอบประสบการณ์ใหม่ที่ฟินทั้งรสชาติและสัมผัส ราคา 99 บาท พิกัด สาขาบรรทัดทอง และ อารีย์
ใครที่กำลังมองหาความสดชื่นแบบสุขภาพดีช่วงซัมเมอร์นี้ รีบไปลิ้มลองเมนูสุดพิเศษจากแคมเปญ “Richesse Summer Creation” ได้แล้ววันนี้ – 31 พฤษภาคม 2568 นี้เท่านั้น
บริษัท ยูนิ.ชาร์ม (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผ้าอนามัย ภายใต้แบรนด์ SOFY (โซฟี) นำโดย นายทาดาชิ นาคาอิ (Mr.Tadashi Nakai) กรรมการผู้จัดการ พร้อมด้วย นางซาจิ ฮามาดะ (Mrs.Sachi Hamada) รองผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด (ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัยของผู้หญิง และการตลาดดิจิทัล) สร้างเซอร์ไพรส์สุดยิ่งใหญ่ในงาน "SOFY x 4EVE , Sofy SoFree อิสระได้ในทุกๆ วัน" เปิดตัว 7 สาว 4EVE เกิร์ลกรุ๊ปแถวหน้าของเมืองไทยเป็นพรีเซนเตอร์ใหม่ของแบรนด์โซฟี ที่มาร่วมส่งต่อประสบการณ์ความสดใส ความมั่นใจ ให้แก่ผู้หญิงทุกคนให้มีอิสระในแบบของตัวเอง ภายใต้คอนเซ็ปต์ "Sofy SoFree อิสระได้ในทุกๆ วัน" พร้อมนำเสนอนวัตกรรมใหม่ล่าสุด Sofy Cooling Fresh Yuzu และ Sofy ผ้าอนามัยแบบกางเกง Teen Pants ตอกย้ำความเป็นแบรนด์อันดับ1 ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้หญิงไทย ที่ Siam Square One เมื่อวันก่อน

ภายในงานเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความสนุกสดชื่น จากกิจกรรมมากมายที่โซฟีขนขบวนมาให้เหล่าฟอร์อาย และผู้ที่อยู่บริเวณงานได้ร่วมสนุกกันแบบจัดเต็ม ทั้งตู้ถ่ายรูปสุดชิค ร่วมเอนจอยกับพื้นที่ Street Bomb กับโปสเตอร์ AR สุดเจ๋ง ต่อด้วยโซนสวยงามที่มี Tattoo ให้สามารถเลือกลวดลายให้เหมาะกับตัวเอง จากนั้นพักคลายร้อนกับ SOFY CAFÉ และร่วมบูสต์ความเฟรชกับเกมสุดท้าทาย ต่อเนื่องความสนุกกับกิจกรรมบนเวทีกับการเปิดตัวพรีเซนเตอร์ใหม่ อย่างสาวๆ 4EVE ทั้ง 7 คน ได้แก่ มายด์, โจริญ, ตาออม, แฮนน่า, ฝ้าย, พั้นช์ และอ๊ะอาย ที่มาร่วมเผยความรู้สึกที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวโซฟี พร้อมร่วมเล่นเกมสนุกเสิร์ฟโมเมนต์สุดน่ารัก ทำเอาแฟนๆ ส่งเสียงกรี้ดกันดังสนั่น ปิดท้ายความสนุกกับสเปเชียลโชว์ที่สาวๆ 4EVE ขนเพลงฮิตมาโชว์กันแบบสดๆ เพลงเพราะๆ โชว์เริ่ดหลากหลายสไตล์ให้แก่แฟนๆ ที่มาร่วมกิจกรรมนี้เท่านั้น งานนี้เล่นเอาแฟนคลับ แฟนด้อมฟอร์อายมีความสุขกันถ้วนหน้า

4EVE ต่างแสดงความรู้สึกตื่นเต้นและดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวโซฟี "พวกเรารู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้เป็นพรีเซนเตอร์ให้กับแบรนด์โซฟี เพราะเป็นผลิตภัณฑ์ที่พวกเราใช้จริงในชีวิตประจำวัน และชอบที่โซฟีเข้าใจความต้องการของผู้หญิงอย่างแท้จริง ซึ่งแบรนด์โซฟีพร้อมสนับสนุนให้ผู้หญิงทุกคนมีอิสระในการเป็นตัวเอง” 4EVE กล่าว
โซฟียังคงนำเสนอสินค้านวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้หญิงไทยมีชีวิตความเป็นอยู่ที่สะดวกสบายขึ้น ทั้งในช่วงที่มีประจำเดือนและไม่มีประจำเดือน โดยเรามุ่งเน้นที่จะพัฒนาสินค้าโดยการศึกษาพฤติกรรมของคนไทย ซึ่งตรงกับปณิธานของ Unicharm ที่ว่า "Love Your Possibility" และครั้งนี้โซฟีได้นำ 2 ผลิตภัณฑ์ใหม่มานำเสนอ ได้แก่ Sofy Cooling Fresh Yuzu ผ้าอนามัยแบบเย็นที่ช่วยบูสต์ความสดชื่นขั้นสุดมีสารสกัดจากยูซุ เติมเต็มไลน์ผลิตภัณฑ์ Cooling Fresh ที่มีทั้ง Cooling Fresh ผ้าอนามัยเย็นตัวแรกของโซฟี, Cooling Fresh Natural มีสารสกัดจากแตงกวา, และ Cooling Fresh Extra ที่ให้ความเย็นระดับสูงสุด และ Sofy ผ้าอนามัยแบบกางเกง Teen Pants ที่มาพร้อมลวดลาย Kuromi สุดน่ารัก ทั้งบนตัวผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ ออกแบบเฉพาะสำหรับวัยที่เพิ่งเริ่มมีประจำเดือน มีให้เลือก 2 ไซส์ คือ XS-S และ S-M ส่งผลให้แบรนด์โซฟีมีผ้าอนามัยแบบกางเกงถึง 4 รุ่น ได้แก่ Comfort Pants, Safety Pants, Cool Pants และ Teen Pants ให้ผู้บริโภคเลือกสรรตามความต้องการที่แตกต่างกัน

นอกจากนี้ โซฟี ยังมีกิจกรรมพิเศษสำหรับแฟนๆ เพียง ซื้อสินค้าผ้าอนามัย แผ่นอนามัยและทิชชู่เปียกสำหรับจุดซ่อนเร้น ภายใต้แบรนด์โซฟี (Sofy) ยกเว้น Sofy Aile จากช่องทาง Lotus's All Store (Lotus's, Lotus's GoFresh, Lotus's Super market และ Lotus's Mini Super market) และช่องทางร้านค้าออนไลน์ Lotus's Online โดยมียอดขั้นต่ำต่อ 1ใบเสร็จ คือ 149 บาท (หลักหักส่วนลดและยอดไม่รวมค่าบริการการจัดส่งสินค้าหากซื้อช่องทาง online) ที่มีการซื้อระหว่างวันที่ 24 เมษายน พ.ศ.2568 เวลาเริ่มต้น 8.00 น. – 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 ลุ้นเป็น Top Spender รับของรางวัลมูลค่ากว่า 167,748 บาท (รายละเอียดกิจกรรมสามารถตรวจสอบได้ทางช่องทางโซเชียลมีเดีย SOFY Thailand)
สามารถติดตามข่าวสารและกิจกรรมต่างๆของแบรนด์โซฟี ได้ทางช่องทางโซเชียลมีเดีย SOFY Thailand ทั้ง TikTok, Facebook, Instagram และ X
ทรู อินเทอร์เน็ต ดาต้า เซ็นเตอร์ (ทรู ไอดีซี) ผู้ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์และคลาวด์ภายใต้เครือเจริญโภคภัณฑ์ สร้างชื่อเสียงในระดับประเทศ คว้ารางวัล Sustainability Impact Award 2024 จากการประกวดโครงการด้านความยั่งยืนของ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ผู้นำระดับโลกด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน รางวัลนี้มีเป้าหมายเพื่อยกย่ององค์กรที่มุ่งมั่นสร้างสรรค์โลกที่ยั่งยืน ผ่านการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งมีบริษัทชั้นนำหลากหลายแห่งทั่วโลกร่วมส่งผลงานเข้าประกวด และในครั้งนี้ ทรู ไอดีซี ได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้ชนะในระดับประเทศ (Country Winner)
ความสำเร็จของ ทรู ไอดีซี ในครั้งนี้ สะท้อนถึงความเป็นเลิศในการดำเนินงานด้านความยั่งยืนที่ครอบคลุม 3 ด้านหลัก ได้แก่ การวางกลยุทธ์เพื่อความยั่งยืน (Strategize) การปรับใช้นวัตกรรมดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความยั่งยืน (Digitize) และ การจัดการสิ่งแวดล้อมที่ดีเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Decarbonize) โดย นายเสน่ห์ ผิวรัตนกุล ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ ทรู ไอดีซี เป็นผู้แทนรับมอบรางวัลอันทรงเกียรติจาก นายวิทยา วรัญญชัยชนะ รองประธานกลุ่มธุรกิจ Secure Power ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ประเทศไทย

นายเสน่ห์ ผิวรัตนกุล ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ ของทรู ไอดีซี เผยว่า “รางวัลนี้ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับทรู ไอดีซี ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการขับเคลื่อนธุรกิจด้วยความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม ในฐานะผู้ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์และระบบคลาวด์อันดับหนึ่งของไทย เราได้ดำเนินโครงการหลากหลายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อาทิ การติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อใช้ในดาต้าเซ็นเตอร์ การนำเอานวัตกรรมเทคโนโลยี AI มาปรับอุณหภูมิของดาต้าเซ็นเตอร์แบบเรียลไทม์ การใช้โซลูชันการบริหารจัดการดาต้าเซ็นเตอร์ที่จัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลอัจฉริยะเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงาน รวมถึงการมีคณะทำงานด้านความยั่งยืนแบบเชิงรุกเพื่อสรรหาและปรับใช้นวัตกรรมรูปแบบต่าง ๆ เพื่อขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายยุทธศาสตร์ด้านความยั่งยืนตามแนวปฏิบัติของเครือเจริญโภคภัณฑ์ และสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (SDGs)”

นายวิทยา วรัญญชัยชนะ รองประธาน กลุ่มธุรกิจ Secure Power ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ประเทศไทย กล่าวว่า “เราขอแสดงความยินดีกับทรู ไอดีซีสำหรับตำแหน่ง Country Winner ของรางวัล Sustainability Impact Awards 2024 ซึ่งถือเป็นการยืนยันถึงความมุ่งมั่นและความเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนความยั่งยืนอย่างแท้จริง ความสามารถของทรู ไอดีซีในการดำเนินงานครอบคลุมทั้งสามหัวใจหลักของการประกวดนั้นเป็นที่ประจักษ์ชัดเจนและเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่อุตสาหกรรม ทางชไนเดอร์ อิเล็คทริคมีความยินดีและพร้อมสนับสนุนทรู ไอดีซีอย่างต่อเนื่องด้วยโซลูชันด้านเทคโนโลยีอัจฉริยะ ที่ช่วยให้เกิดผลลัพธ์ที่จับต้องได้ เราเชื่อว่าความร่วมมือกันจะมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่มีความยั่งยืนและส่งผลเชิงบวกในวงกว้างทั้งในระดับประเทศ ระดับภูมิภาค และระดับโลกต่อไป”

ทรู ไอดีซี เชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าการพัฒนาความยั่งยืนตั้งแต่ระดับโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลจะเป็นรากฐานอันมั่นคงที่คอยสนับสนุนการใช้ชีวิตในยุคดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง และจะยังคงเดินหน้าต่อยอดในมิติใหม่ ๆ เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน สามารถบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนได้อย่างแท้จริง
นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 1 ปี 2568 ขยายตัวในกรอบจำกัด แม้การส่งออกสินค้าจะขยายตัวสูงจากผลของการเร่งส่งออกก่อนการปรับขึ้นภาษีของสหรัฐฯ แต่การผลิตภาคอุตสาหกรรม รวมถึงการลงทุนภาคเอกชนกลับไม่ได้รับอานิสงส์อย่างเต็มที่ เพราะปัญหาเชิงโครงสร้าง การแข่งขันสูง และความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าของสหรัฐฯ สำหรับในปี 2568 คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวต่ำกว่าปีก่อน โดยนอกจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวช่วงปลายเดือนมีนาคมจะมีผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยว ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้างแล้ว การปรับขึ้นภาษีตอบโต้ทางการค้าของสหรัฐฯ ยังมีผลกระทบต่อสินค้าส่งออกของไทยหลายรายการ ซึ่งความตึงเครียดของสงครามการค้าจากการปรับขึ้นของภาษีตอบโต้นับเป็นความเสี่ยงเพิ่มเติมต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ขณะที่มาตรการของภาครัฐอาจช่วยประคองเศรษฐกิจได้เพียงบางส่วน เนื่องจากการใช้จ่ายในประเทศยังถูกกดดันจากฐานะทางการเงินที่เปราะบางและภาระหนี้ของภาคครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง
ท่ามกลางความท้าทายของปัจจัยทางเศรษฐกิจทั้งในและนอกประเทศที่มีความเสี่ยงสูง รวมทั้งความกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ธนาคารและบริษัทย่อยยังคงดำเนินธุรกิจด้วยความรอบคอบ โดยมุ่งเน้นการสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย ซึ่งรวมถึงความรับผิดชอบต่อลูกค้าผู้ฝากเงิน ผู้ลงทุน การดูแลช่วยเหลือลูกค้าในด้านต่าง ๆ อย่างเหมาะสม ทั้งการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม การให้ความร่วมมือผ่านโครงการภาครัฐเพื่อสนับสนุนให้ลูกค้าสามารถดำเนินชีวิต และธุรกิจต่อไปได้อย่างยั่งยืน ตลอดจนการส่งมอบผลตอบแทนที่มั่นคงให้แก่ผู้ถือหุ้น ผ่านการเดินหน้าตามยุทธศาสตร์ 3+1 และการจัดการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน (Productivity) อย่างต่อเนื่องภายใต้บริบทของเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนสูง
ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 บริษัทย่อยแห่งหนึ่งของธนาคารได้ถือปฏิบัติตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 17 เรื่อง สัญญาประกันภัย ซึ่งเป็นการปฏิบัติที่สอดคล้องกับแนวทางสากล โดยมีผลต่อการรับรู้ และการจัดประเภทรายการในงบการเงินเพื่อให้ข้อมูลทางการเงินสะท้อนมูลค่าทางการเงินของกิจการได้ดียิ่งขึ้น งบการเงินรวมปี 2567 ได้มีการปรับปรุงใหม่เสมือนได้นำมาตรฐานฯ ฉบับดังกล่าว มาถือปฏิบัติย้อนหลังเพื่อให้ข้อมูลสามารถเปรียบเทียบกันได้ ทั้งนี้ การนำมาตรฐานการรายงานทางการเงินดังกล่าวมาใช้ไม่มีผลกระทบอย่างมีสาระสำคัญต่องบการเงินรวมของธนาคารและบริษัทย่อย

ผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาส 1 ปี 2568 เปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่ปรับปรุงใหม่ ธนาคารและบริษัทย่อยมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลงจำนวน 2,761 ล้านบาท หรือ 7.23% เป็นผลจากการเผชิญแรงกดดันของภาวะอัตราดอกเบี้ย ประกอบกับการบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์ให้มีประสิทธิผลสูงสุดอย่างระมัดระวัง ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (Net interest margin : NIM) อยู่ที่ระดับ 3.41% แม้ว่ารายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเติบโตขึ้นจำนวน 1,826 ล้านบาท หรือ 15.39% จากกำไรจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน รายได้จากการลงทุน และรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ อย่างไรก็ตาม รายได้จากการดำเนินงานสุทธิ
นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 1 ปี 2568 ขยายตัวในกรอบจำกัด แม้การส่งออกสินค้าจะขยายตัวสูงจากผลของการเร่งส่งออกก่อนการปรับขึ้นภาษีของสหรัฐฯ แต่การผลิตภาคอุตสาหกรรม รวมถึงการลงทุนภาคเอกชนกลับไม่ได้รับอานิสงส์อย่างเต็มที่ เพราะปัญหาเชิงโครงสร้าง การแข่งขันสูง และความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าของสหรัฐฯ สำหรับในปี 2568 คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวต่ำกว่าปีก่อน โดยนอกจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวช่วงปลายเดือนมีนาคมจะมีผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยว ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้างแล้ว การปรับขึ้นภาษีตอบโต้ทางการค้าของสหรัฐฯ ยังมีผลกระทบต่อสินค้าส่งออกของไทยหลายรายการ ซึ่งความตึงเครียดของสงครามการค้าจากการปรับขึ้นของภาษีตอบโต้นับเป็นความเสี่ยงเพิ่มเติมต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ขณะที่มาตรการของภาครัฐอาจช่วยประคองเศรษฐกิจได้เพียงบางส่วน เนื่องจากการใช้จ่ายในประเทศยังถูกกดดันจากฐานะทางการเงินที่เปราะบางและภาระหนี้ของภาคครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง
ท่ามกลางความท้าทายของปัจจัยทางเศรษฐกิจทั้งในและนอกประเทศที่มีความเสี่ยงสูง รวมทั้งความกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ธนาคารและบริษัทย่อยยังคงดำเนินธุรกิจด้วยความรอบคอบ โดยมุ่งเน้นการสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย ซึ่งรวมถึงความรับผิดชอบต่อลูกค้าผู้ฝากเงิน ผู้ลงทุน การดูแลช่วยเหลือลูกค้าในด้านต่าง ๆ อย่างเหมาะสม ทั้งการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม การให้ความร่วมมือผ่านโครงการภาครัฐเพื่อสนับสนุนให้ลูกค้าสามารถดำเนินชีวิต และธุรกิจต่อไปได้อย่างยั่งยืน ตลอดจนการส่งมอบผลตอบแทนที่มั่นคงให้แก่ผู้ถือหุ้น ผ่านการเดินหน้าตามยุทธศาสตร์ 3+1 และการจัดการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน (Productivity) อย่างต่อเนื่องภายใต้บริบทของเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนสูง
ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 บริษัทย่อยแห่งหนึ่งของธนาคารได้ถือปฏิบัติตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 17 เรื่อง สัญญาประกันภัย ซึ่งเป็นการปฏิบัติที่สอดคล้องกับแนวทางสากล โดยมีผลต่อการรับรู้ และการจัดประเภทรายการในงบการเงินเพื่อให้ข้อมูลทางการเงินสะท้อนมูลค่าทางการเงินของกิจการได้ดียิ่งขึ้น งบการเงินรวมปี 2567 ได้มีการปรับปรุงใหม่เสมือนได้นำมาตรฐานฯ ฉบับดังกล่าว มาถือปฏิบัติย้อนหลังเพื่อให้ข้อมูลสามารถเปรียบเทียบกันได้ ทั้งนี้ การนำมาตรฐานการรายงานทางการเงินดังกล่าวมาใช้ไม่มีผลกระทบอย่างมีสาระสำคัญต่องบการเงินรวมของธนาคารและบริษัทย่อย
ผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาส 1 ปี 2568 เปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่ปรับปรุงใหม่ ธนาคารและบริษัทย่อยมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลงจำนวน 2,761 ล้านบาท หรือ 7.23% เป็นผลจากการเผชิญแรงกดดันของภาวะอัตราดอกเบี้ย ประกอบกับการบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์ให้มีประสิทธิผลสูงสุดอย่างระมัดระวัง ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (Net interest margin : NIM) อยู่ที่ระดับ 3.41% แม้ว่ารายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเติบโตขึ้นจำนวน 1,826 ล้านบาท หรือ 15.39% จากกำไรจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน รายได้จากการลงทุน และรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ อย่างไรก็ตาม รายได้จากการดำเนินงานสุทธิ
“นาจา 2” ภาพยนตร์แอนิเมชันจีนปรากฏสู่สายตาชาวโลกอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ สร้างกระแสนิยมนาจาในทั่วโลก ข้อมูลถึงวันที่ 24 มีนาคม 2025 ถ้ารวมบ็อกซ์ออฟฟิศในต่างประเทศและบ็อกซ์ออฟฟิศพรีเซลล์แล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำรายได้เกิน 15,300 ล้านหยวน หรือประมาณ 2,100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งสูงกว่าบ็อกซ์ออฟฟิศของภาพยนตร์เรื่อง “สตาร์วอร์ส:อุบัติการณ์แห่งพลัง” ด้วย กลายเป็นหนังที่ทำรายได้สูงเป็นอันดับ 5 ในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์โลก และนับเป็นภาพยนตร์จีนเรื่องแรกที่สร้างกระแสความนิยมสูงเป็นประวัติการณ์ ดึงดูดสายตาของผู้ชมทั่วโลก BBC ให้การประเมินว่า “นาจา 2” สะท้อนถึงความก้าวหน้าของภาพยนตร์จีน พนักงานโรงภาพยนตร์แห่งหนึ่งของสหรัฐฯ กล่าวด้วยความประหลาดใจว่า รู้สึกแปลกใจมากว่าทำไมตั๋วเข้าชมภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกจองหมดทุกครั้ง เธอจึงใช้เวลาช่วงพักเข้าไปดูได้ประมาณครึ่งชั่วโมง ก็รู้สึกติดใจอยากดูต่อให้จบ ในฟิจิ ประเทศหมู่เกาะแปซิฟิกใต้ เด็ก ๆ ขอให้แม่วาดรอยประทับสีแดงบนหน้าผากนาจาให้พวกเขา และอุทานอย่างตื่นเต้นว่า นาจาเก่งจริง ๆ! ผมจะเป็นฮีโร่อย่างเขา!
ภาพยนตร์เรื่องนี้กลายเป็นภาพยนตร์ภาษาจีนเรื่องแรกที่สร้างปรากฏการณใหม่ในต่างประเทศตั๋วขายหมดในพริบตา โดยเข้าฉายในโรงภาพยนตร์มากกว่า 1,000 แห่งในอเมริกาเหนือ โรงภาพยนตร์ 162 แห่งในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ สร้างสถิติใหม่ของการฉายภาพยนตร์จีนแผ่นดินใหญ่ และการคว้าอันดับหนึ่งบ็อกซ์ออฟฟิศภาพยนตร์ภาษาจีนในประวัติศาสตร์เกือบ 20 ปีที่ผ่านมาตำนานตะวันออกที่คนทุกประเทศเข้าใจได้
ความผูกพันในครอบครัว มิตรภาพ ความรักและความยุติธรรม ผู้คนต่างสีผิวหัวเราะและหลั่งน้ำตาในโรงภาพยนตร์ บางทีพวกเขาอาจไม่เข้าใจเรื่องราวของนาจาอย่างถ่องแท้ แต่ต้องมีช่วงเวลาหนึ่งที่มีความรู้สึกเหมือนกับตัวละครในภาพยนตร์"หากข้างหน้าไร้ซึ่งหนทาง ข้าก็จะก้าวย่ำไปให้เกิดเป็นทางขึ้น" ความตั้งมั่นของนาจาที่ว่า "ชีวิตฉัน ฉันลิขิตเอง ไม่ต้องให้ฟ้ากำหนด" ทําไมจึงสร้างความรู้สึกร่วมกับผู้ชมทั่วทุกมุมโลกได้
"ฉันชอบความคิดทางปรัชญาในวัฒนธรรมจีนมาก เช่น เอาจริงเอาจัง คนต้องชนะสวรรค์" ไมค์ ผู้ชมชาวนิวซีแลนด์กล่าวว่า เขาชื่นชมจิตวิญญาณที่ไม่ย่อท้อของนาจา "หลายครั้งที่เขาไม่ไหวแล้ว แต่เขาไม่เคยยอมแพ้ น่าทึ่งจริง ๆ"
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ผู้ชมมีความรู้สึกร่วมกับ "การไม่ยอมเชื่อฟังและไม่ยึดติดกับกฎเกณฑ์" ของภาพยนตร์เรื่องนี้ เหมือนอย่างที่พวกเขาชอบเกมยอดนิยม Black Myth: Wukong ในปี 2024 "ลูกสองคนของฉันเกิดและเติบโตที่ประเทศอังกฤษ ตรุษจีนปีนี้ ฉันพาพวกเขากลับจีน และได้ดูนาจา 2 มา" คุณแม่ชาวจีนคนหนึ่งที่ตั้งรกรากอยู่ในอังกฤษเป็นเวลาหลายปี ยังรู้สึกอบอุ่นใจเป็นพิเศษเมื่อพูดถึงความรู้สึกในการชมภาพยนตร์เรื่องนี้ "พวกเขากอดฉันและบอกว่า แม่ หนูรักแม่มาก หนูไม่อยากเสียแม่ไปเหมือนนาจา" "แม่ไม่เคยสนใจว่าลูกเป็นเทพหรือปีศาจ แม่รู้แค่ว่าลูกเป็นลูกของแม่" ความผูกพันในครอบครัว เป็นความรู้สึกที่เรียกน้ำตาได้มากที่สุดของภาพยนตร์เรื่องนี้ สามารถสร้างอารมณ์ร่วมข้ามพรมแดนได้เช่นกันในชีวิต คุณมีกลุ่มเพื่อนที่ยอดเยี่ยมเป็นพิเศษหรือไม่ คุณรู้สึกมั่นใจหรือไม่ว่า "ไม่ได้ต่อสู้คนเดียว" เมื่อผู้ชมเห็นฉาก "ทําลายสิ่งที่กักตัวทุกคนไว้" ก็อดเป็นห่วงแทนนาจาไม่ได้

เรื่องราววีรบุรุษของจีนจะไม่มีตัวเอกเพียงคนเดียว เมื่ออ๋าวปิ่งร่วมต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับนาจา พญามังกรและเหล่าปีศาจใต้ทะเลก็ไม่สนใจที่จะหนีเอาตัวรอดแล้ว "สิ่งที่กักตัวทุกคนไว้" จึง "แตกออก" ตามความคาดหวังของผู้ชม ฮีวิลล์ ผู้ชมชาวอเมริกันโพสต์บน "เสี่ยวหงซู" โซเชียลมีเดียของจีนว่า "การต่อสู้ดิ้นรนของพวกเขาในสถานการณ์ที่ยากลําบากนั้น น่าทึ่งมาก ความรู้สึกแรงกล้าที่ไม่มีวันยอมแพ้ ผสมผสานกับพลังวิเศษที่เปราะบางในความเป็นจริง ทําให้ประทับใจได้อย่างลึกซึ้ง" แม้แต่ อาร์เทสต์ ซึ่งเคยเล่นบาสเก็ตบอลกับเหยา หมิง ที่ฮุสตันร็อคเก็ตส์ยังกล่าวว่า "ผมอยากพากย์เสียงให้ ‘เซินกงเป้า’ เขาเจ๋งมาก!" อาร์เทสต์เห็นว่า "นาจา 2" มีความเป็นไปได้ที่จะกลายเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ทํารายได้สูงสุดในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์โลก
บนโซเชียลมีเดียต่างประเทศ ความคิดเห็นเกี่ยวกับนักแสดงตัวประกอบมีล้นหลามและส่วนใหญ่ชื่นชมเรื่องที่ทําลายกําแพงของเทพและปีศาจ "นี่ไม่ใช่แค่เรื่องราวของนาจา แต่ยังเป็นเรื่องราวของคนยุคใหม่ที่แสวงหาความเท่าเทียม" "นี่เป็นเรื่องราวที่ต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติ" "นี่เป็นเรื่องราวที่ต่อต้านอคติ" บนเว็บไซต์วิจารณ์ภาพยนตร์ต่างประเทศ นักวิจารณ์ภาพยนตร์อาวุโสได้ตีความความหมายลึกซึ้งที่อยู่เบื้องหลังภาพยนตร์เรื่องนี้ "ฉันไม่เคยเห็นผลงานแบบนี้มาก่อน"
ใน "นาจา 2" ภาพที่ยอดเยี่ยมเชื่อมโยงกันและทุกรายละเอียดมีกลิ่นอายของประเทศตะวันออกอย่างเต็มเปี่ยม "มันน่าทึ่งมาก" ออสติน นักวิจารณ์ภาพยนตร์ชาวอเมริกันยกย่องว่า "เป็นหนึ่งในภาพยนตร์แอนิเมชั่นที่ดีที่สุดที่เคยเห็นบนจอหนัง และหวังว่าจะมีนักวิจารณ์ภาพยนตร์ชาวอเมริกันได้เห็นภาพยนตร์เรื่องนี้มากขึ้น ฉากการต่อสู้มหากาพย์เช่นนี้ ทำให้ผู้ชมได้สัมผัสประสบการณ์ตรงอารมณ์มากที่สุด แรงบันดาลใจจากภาพจิตรกรรมฝาผนังตุนหวงเฟยเทียน ทำให้รูปลักษณ์ "สามเศียรหกกร" ของนาจา สร้างความตื่นตาให้กับผู้ชม ปัจจัยทางวัฒนธรรมดั้งเดิมของจีนได้ผสานเข้ากับการออกแบบภาพของ "นาจา 2 " สัตว์เฝ้าเขตแดนที่มีรูปลักษณ์แปลกประหลาดและไร้เดียงสานั้น มีการออกแบบโดยอ้างอิงรูปปั้นทองสัมฤทธิ์ซากโบราณสถานซานซิงตุย ส่วนไหเหล้าของเทพไท้อี้ อ้างอิงจากหม้อดินเผาเมื่อ 5,000 ปีก่อน ดอกบัวเจ็ดสีที่ใช้สร้างกายเนื้อใหม่ให้กับนาจานั้น เลียนแบบลวดลายดอกบัวในสมัยราชวงศ์ถัง
"ภาพยนตร์เรื่องนี้สมควรเป็นที่หนึ่ง" ยูทูปเบอร์แอนิเมเตอร์ที่มีผู้ติดตามกว่าล้านคน ชื่นชมการผลิตที่ยอดเยี่ยมของ"นาจา 2" และยังได้แนะนําที่มาของภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย "ภาพยนตร์เรื่องนี้มีพื้นฐานมาจากตํานานจีนในศตวรรษที่ 14 และ 15 รายละเอียดทางสถาปัตยกรรม ตัวละครและอื่น ๆ ในภาพยนตร์ รวมความเป็นจีนมากมายเข้าด้วยกัน ฉากต่าง ๆ ก็น่าตื่นตาตื่นใจมาก
การผสมผสานวัฒนธรรมดั้งเดิมกับเทคโนโลยีทันสมัยอย่างลงตัว สะท้อนภาพและเสียงแห่งสุนทรียศาสตร์ตะวันออกบนหน้าจอ โทนี่ แบนครอฟท์ ผู้กํากับภาพยนตร์แอนิเมชันดิสนีย์เรื่องมู่หลานกล่าวว่า "ผมทึ่งกับสิ่งที่เห็น ผมไม่เคยเห็นผลงานแบบนี้มาก่อน" ความมีชีวิตชีวาของนาจา ความสง่างามของอ๋าวปิ่ง และความตลกขบขันของเทพไท้อี้ ทำให้ผู้ชมต่างประเทศจำนวนมากเกิดความรู้สึกตรงกันกับตัวละครต่าง ๆ และมีความคุ้นเคยเหมือนคนที่รู้จักกัน "การออกแบบตัวละครนั้นประณีตมาก โดยเฉพาะตัวละครนาจา ทําให้ฉันเกิดความรู้สึกร่วมกับตัวละครด้วย เราทุกคนต่างต้องยอมรับและมองเห็นคุณค่าของตัวเอง” โจซี่ ชาวเน็ตให้ความเห็นว่า ตัวละครทุกตัวในภาพยนตร์ไม่ได้โดดเดี่ยว ต่างมีภูมิหลังการเติบโตของตัวเอง เป็นภาพลักษณ์ที่สมบูรณ์มาก
"ฟ้าร้องคำรามฉันกลัวแสนกลัว ผ่าลงมาทำเอาตัวฉันสั่นงันงก" "นาจา" ในภาษาและสีผิวที่แตกต่างกัน ทุกคนล้วนแต่งตาแบบสโมกกี้อายและมีเครื่องหมายกลางหน้าผากที่เป็นสัญลักษณ์ ปรากฏในห้องนั่งเล่นและในหอพักของโรงเรียน คลิปเลียนแบบที่สนุกสนานเหล่านี้ปรากฏบนแพลตฟอร์มYoutube TikTok และ Instagram โดยมีแฮชแท็ก #NezhaChallenge #เด็กปีศาจจอมซน มียอดวิวทะลุล้านครั้งอย่างรวดเร็ว ชาวเน็ตประเทศต่างๆ แสดงความชื่นชอบกับการแสดงในภาษาที่แตกต่างกันว่า น่ารักมาก "การออกเสียง จาจาก็แปลกประหลาดดี"

"นาจา" จากทั่วทุกมุมโลกเติมพลังใหม่ให้กับตำนานจีนเรื่องนี้ตามความเข้าใจและการแสดงที่เป็นเอกลักษณ์ของพวกเขา "เปลี่ยนโลกใบนี้ ฉันอยากจะลอง" "นาจา 2" ใช้เทคนิคแอนิเมชั่นระดับโลก เสื้อผ้าของตัวละคร ผิวและแม้แต่เส้นผมรวมถึงรายละเอียดอื่น ๆ ล้วนสะท้อนให้เห็นความสง่างามที่เป็นเอกลักษณ์ของภาพวาดหมึกจีน โดยใช้เทคโนโลยี "การแสดงภาพวาดหมึกจีนแบบไดนามิก" เป็นครั้งแรกในโลก ซึ่งก็คือ การจำลองการวาดภาพด้วยพู่กันจีนที่น้ำหมึกจะค่อย ๆ ซึมกระจายไปบนกระดาษแบบเรียลไทม์ เป็นการสะท้อนสุนทรียศาสตร์ของจีนในระดับใหม่
คริส แบร์รี่ศาสตราจารย์มหาวิทยาลัย King's College ลอนดอน ประเทศอังกฤษกล่าวว่า "อุตสาหกรรมแอนิเมชั่นของจีนมีศักยภาพการแข่งขันระดับโลก" สำนักข่าว JIJI PRESS รายงานว่า "เทคโนโลยีการผลิตที่ยอดเยี่ยมใน "นาจา 2" ได้ผสานเข้ากับวัฒนธรรมจีนอย่างลึกซึ้งและได้ผลลัพธ์ที่น่าชื่นชม" ก่อนนี้ เนื่องจากข้อจํากัดด้านเทคโนโลยี เงินทุนและตลาด ผู้ทำงานด้านแอนิเมชั่นของจีนยังเป็นเพียง "ผู้รับจ้าง" ของดีราคาถูก เมื่อเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 สถานการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไปแบบพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ ตลาดจีนใหญ่มหาศาล เทคโนโลยีมีความทันสมัยขึ้นมาก อุตสาหกรรมแอนิเมชั่นจีนจึงมีข้อได้เปรียบหลายประการ ปี 2009 รัฐบาลจีนประกาศใช้ "แผนฟื้นฟูอุตสาหกรรมวัฒนธรรม" ที่กำหนดให้อุตสาหกรรมแอนิเมชั่นเป็นอุตสาหกรรมวัฒนธรรมที่ต้องพัฒนาก่อน มาตรการต่าง ๆ เหล่านี้ให้การสนับสนุนที่สำคัญต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมแอนิเมชั่นของจีนและการฝึกอบรมบุคลากรด้านนี้ด้วย จากการรับจ้างผลิตสู่การสร้างสรรค์เอง จนได้รับความนิยมอย่างสูงนั้น นับเป็นผลงานที่อุตสาหกรรมแอนิเมชั่นจีนสร้างขึ้นด้วยการนวัตกรรม “นาจา 2” สร้างเอฟเฟกต์ภาพระดับโลก สิ่งที่อยู่เบื้องหลังคือ รูปแบบการรวมห่วงโซ่อุตสาหกรรมที่ครบวงจร ทีมงาน 138 ทีม ร่วมแรงร่วมใจกันเพื่อขจัดอุปสรรคต่าง ๆ คลังข้อมูลที่ได้มาตรฐานและกระบวนการผลิตแบบดิจิทัล... การยกระดับอุตสาหกรรมแอนิเมชั่นและห่วงโซ่อุตสาหกรรมของจีนอย่างต่อเนื่อง หนุนหลังให้ “นาจา 2” ก้าวข้ามพรมแดนทางศิลปะอย่างต่อเนื่อง “นาจา 2” มีช็อตเอฟเฟกต์พิเศษ 1,948 ช็อต ภาพเอฟเฟกต์พิเศษมากกว่า 220,000 เฟรม ทุกช็อตและทุกเฟรมล้วนต้องอาศัยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และการประยุกต์ใช้ระบบการผลิตปัญญาประดิษฐ์ "นวัตกรรม แท้ที่จริงแล้วคือเรื่องของความเชื่อศรัทธา ทําไมซิลิคอนวัลเลย์จึงมีจิตวิญญาณแห่งการคิดสร้างสรรค์ สิ่งแรกคือต้องมีความกล้า" "หากคิดว่า ระยะห่างนั้นไม่สามารถข้ามไปได้ ปัญญาประดิษฐ์ของจีนก็คงจะหยุดอยู่แค่การเลียนแบบเท่านั้น" เกี่ยวกับการสร้างสรรค์ “เจี่ยวจึ” ผู้กํากับ "นาจา 2" มีความเห็นคล้ายกับ “เหลียงเหวินเฟิง” ผู้ก่อตั้ง DeepSeek

ฤดูใบไม้ผลิปีนี้ DeepSeek บรรลุผลสำเร็จด้านอัลกอริทึม และเปิด source code อย่างมั่นใจ ทําให้ทั่วโลกตื่นตะลึงได้เช่นเดียวกับ "นาจา 2" ทั้งสองอย่างนี้พัฒนาขึ้นจากพื้นฐานการสั่งสมทางเทคโนโลยีในระยะยาวของตนเอง และได้รับการสนับสนุนจากระบบนิเวศที่ส่งเสริมการสร้างสรรค์ของรัฐบาลจีนด้วย ปกติแล้ว พวกเขาไม่ทำตัวโดดเด่น แต่พอขึ้นบนเวที กลับเปล่งประกายเจิดจรัสเต็มที่ "จีนก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในด้านปัญญาประดิษฐ์เกินคาด" "จีนอาจทําให้ปัญญาประดิษฐ์มีราคาถูกลงและใช้งานง่ายโดยทุกคน" ราวกับว่าเพียงชั่วข้ามคืน โลกได้เห็นถึงความก้าวหน้าแบบก้าวกระโดดของจีนในด้านนวัตกรรมทางเทคโนโลยี ในประเทศจีนซึ่งเน้นความสร้างสรรค์เป็นพิเศษ ไม่ใช่แค่ปัญญาประดิษฐ์ที่พัฒนาแบบก้าวกระโดด ยอดขายหุ่นยนต์อุตสาหกรรมของจีนก็ครองอันดับหนึ่งของโลกต่อเนื่องเป็นเวลา 11 ปีแล้ว โดยครองสัดส่วนมากกว่า 50% ของโลกเป็นเวลา 3 ปีติดต่อกัน ในด้านโดรนพลเรือน จีนครองส่วนแบ่งประมาณ 70% ของตลาดโลก ในด้านไฮเทคอย่างระบบ 5G, เซมิคอนดักเตอร์ และพลังงานใหม่ จีนค่อย ๆ มีบทบาทขึ้นเป็นผู้นําระดับโลก ก่อนที่ "นาจา" เปิดตัวในตลาดภาพยนตร์โลกได้ไม่นาน เดือนสิงหาคม 2024 วันแรกที่เกมจีน "Black Mythy" เปิดตัว ก็สร้างกระแสแรงในทั่วโลก และขึ้นอันดับต้น ๆ ของยอดขายตามแพลตฟอร์มเกมหลายแห่ง เช่น Steam, WeGame และอื่น ๆ ยิ่งไปกว่านั้นยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง 4 รางวัล ในงานประกาศรางวัล The Game Awards (TGA) ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อ "รางวัลออสการ์ในวงการเกม" ทุกวันนี้ โลกกําลังรู้จักจีนที่มีทั้งความเก่าแก่และความเป็นวัยรุ่นรวมอยู่ในตัว ผ่านความคิดสร้างสรรค์ของชาวจีน "ผมมาเที่ยวภูเขาซานชิงก็เพื่อชมสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับนาจา 2" นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียคนหนึ่งอดใจรอไม่ไหวที่จะมาเที่ยวประเทศจีนหลังจากดูตัวอย่างภาพยนตร์ "ที่นี่สวยงามมาก หวังว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะเข้าฉายในมาเลเซีย!" ความนิยมของ "China Travel" ยังไม่ลดลง "การท่องเที่ยวตามภาพยนตร์เรื่องนาจา" ก็มาพร้อมกับฤดูใบไม้ผลิอีกครั้ง "ไปเที่ยวจีน!" ถูกบรรจุไว้ใน "รายการความปรารถนา" ของชาวต่างชาติมากขึ้นเรื่อย ๆ
เขียนโดย หวังอวี๋ซินหง และเหยียนฉงเสี้ยว
แปลโดย หานซี
ตรวจแก้โดย รพีพรรณ วงษ์กรวรเวช
กรุงเทพประกันชีวิต เตรียมจัดงานสัมมนาครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในปี 2568 Bangkok Life Grand Open House นำโดย คุณจักรพงศ์ แสงแก้ว ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สายงานตัวแทนและที่ปรึกษาการเงิน ที่จะเปิดบ้านต้อนรับผู้บริหารตัวแทน ตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาการเงิน ตลอดจนผู้มุ่งหวังที่จะเข้าสู่อาชีพนักขายรุ่นใหม่เพื่อร่วมเส้นทางกับงานที่จะทำให้เปลี่ยนชีวิตสู่อิสรภาพทางการเงิน พิเศษ ช่วง Special Talk กับ ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน ผู้ดำเนินรายการชื่อดังของไทยจาก The Standard ในรายการ Morning Wealth และ 8 Minute ที่จะมาร่วมแชร์แนวคิดของ “งานที่ใช่ ใช้ชีวิตที่ชอบ: Live a Life Beyond Imagination” ในวันเสาร์ที่ 26 เมษายน 2568 ระหว่าง 9.30 – 12.00 น. ณ ห้องประชุม ชิน โสภณพนิช ชั้น 11 อาคารสำนักงานใหญ่ กรุงเทพประกันชีวิต (วงศ์สว่าง) พร้อมรับฟังความรู้อีกมากมายจากตัวแทนและที่ปรึกษาการเงินระดับท็อปของกรุงเทพประกันชีวิต ที่จะมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์บนเส้นทางแห่งความสำเร็จ พร้อมเปิดมุมมองใหม่กับอาชีพที่สามารถก้าวข้ามทุกข้อจำกัดสู่ชีวิตดี ๆ แบบที่เคยฝันทั้งรายได้และอิสรภาพในการบริหารเวลา สามารถเติบโตก้าวหน้าได้ตามความสามารถ โดยผู้ร่วมงานคนใหม่ที่ยังไม่มีรหัสตัวแทน รับทันที เสื้อ T- Shirt “งานที่ใช่ ใช้ชีวิตที่ชอบ” พร้อมลุ้นของรางวัลมากมายในงาน สำหรับผู้บริหารที่ชวนผู้มุ่งหวังร่วมงาน รับทันทีกระเป๋าชอปปิง 1 ใบ
กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ) รายงานผลประกอบการไตรมาสแรกปี 2568 มีกำไรสุทธิจำนวน 7,533 ล้านบาท เติบโต 20.0% จากไตรมาสที่สี่ของปี 2567 โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักจากยุทธศาสตร์ที่มุ่งเน้นความสำคัญของการเติบโตสินเชื่อที่มีคุณภาพ ในภาคธุรกิจที่มีการฟื้นตัว พร้อมบริหารต้นทุนทางการเงินและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานอย่างเต็มศักยภาพ
เงินให้สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่เติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ 4.7% ท่ามกลางความท้าทายและปัจจัยลบทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น ขณะที่สินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมรวมทั้งสินเชื่อเพื่อรายย่อยปรับตัวลดลงภายใต้บริบทที่ความไม่แน่นอนและความเสี่ยงเพิ่มสูงขึ้น โดยกรุงศรียังคงให้ความสำคัญในการรักษาคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคาร ด้วยมาตรการสนับสนุนลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่
ท้าทายผ่านมาตรการช่วยเหลือที่ครอบคลุม โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรการ “คุณสู้ เราช่วย”
สรุปผลประกอบการและฐานะการเงินที่สำคัญสำหรับไตรมาสแรกของปี 2568:
นายเคนอิจิ ยามาโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “จากยุทธศาสตร์ของธนาคารที่มุ่งเน้นการเติบโตตามเป้าหมายเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรม ภายใต้สภาพแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจที่ท้าทายและความเสี่ยงที่เพิ่มสูงขึ้น เงินให้สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง จากความต้องการสินเชื่อเพื่อการดำเนินงานและการลงทุน สะท้อนคุณภาพการเติบโตในภาคธุรกิจที่มีการฟื้นตัว”
“แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไปยังคงได้รับแรงกดดันจากความไม่แน่นอนและความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากการประกาศใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะส่งผลกระทบที่รุนแรงต่อภาคการส่งออกและการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย นอกจากนี้ ภัยพิบัติแผ่นดินไหว ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ปัญหาเชิงโครงสร้างโดยเฉพาะในภาคการผลิต รวมถึงปัญหาการทะลัก (Flooding) ของสินค้าจีนมายังไทย ล้วนแต่เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี”
ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568 กรุงศรี ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจการเงินที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับห้าในระบบเศรษฐกิจไทยจากมูลค่าสินทรัพย์ สินเชื่อและเงินรับฝาก และเป็นหนึ่งในสถาบันการเงินที่มีความสำคัญเชิงระบบ (D-SIB) มีสินเชื่อรวม 1.90 ล้านล้านบาท เงินรับฝาก 1.84 ล้านล้านบาท และสินทรัพย์รวม 2.63 ล้านล้านบาท ขณะที่เงินกองทุนของธนาคารอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 317.50 พันล้านบาท หรือเทียบเท่า 19.14% ของสินทรัพย์เสี่ยง โดยเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของคิดเป็น 14.91%
ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี ร่วมฉลองพันธมิตรเปิดฉากโชว์การแสดงระดับโลก “Disney On Ice Find Your Hero” อย่างเป็นทางการไปเรียบร้อยแล้ว ภายในงานเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความสุข ความตื่นตาตื่นใจ และความอบอุ่นจากครอบครัวแฟนคลับดิสนีย์ทุกวัยที่เฝ้ารอคอยการกลับมาอีกครั้งของโชว์อันตระการบนลานน้ำแข็งสุดอลังการ พร้อมร่วมสนุกกับกิจกรรมมากมาย โดยมีนายพิพัฒน์ เหล่าพิพัฒนา หัวหน้าบริหารการตลาด ความสัมพันธ์พันธมิตรทางธุรกิจผลิตภัณฑ์ธุรกรรมธนาคาร บัตรเครดิต ทีเอ็มบีธนชาต ได้รับเกียรติเป็นผู้แทนขึ้นรับมอบโล่ที่ระลึก ในฐานะพันธมิตรผู้สนับสนุนหลักของงานและเพื่อแสดงความขอบคุณที่ร่วมกันส่งต่อประสบการณ์พิเศษให้แฟน ๆ ดิสนีย์ชาวไทย

ตลอดช่วงจัดงานทั้ง 4 วัน ทีทีบีได้ร่วมออกบูทเพื่อส่งมอบประสบการณ์ความคุ้มค่าในทุก ๆ วัน และมอบสิทธิประโยชน์สุดพิเศษที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ ทั้งความบันเทิง กิน-เที่ยว-ช้อป ให้กับลูกค้าที่มาสมัครบัตร ทีทีบี ดิสนีย์ ไม่ว่าจะเป็นเงินคืนสูงสุด 2% เมื่อใช้จ่ายออนไลน์ผ่านบัตรเดบิต การรับคะแนนสะสมสูงสุด 5 เท่า รวมถึงรับสิทธิ์แบ่งจ่าย 0% นานสูงสุด 6 เดือน กับร้านค้าดิสนีย์ที่ร่วมรายการและการจองกิจกรรมดิสนีย์ผ่าน Klook โดยทำรายการผ่านบริการ ttb so goood บนแอป ทีทีบี ทัช สำหรับบัตรเครดิต โดยความพิเศษของบัตร ทีทีบี ดิสนีย์ ไม่ได้มีแค่สิทธิประโยชน์ด้านการใช้จ่าย แต่ยังโดดเด่นด้วยดีไซน์หน้าบัตรที่ออกแบบจากคาแรกเตอร์ยอดนิยมของ ดิสนีย์ พิกซาร์ มาร์เวล และสตาร์ วอร์ส มีให้เลือกมากถึง 20 ลาย พร้อมด้วยลาย Limited Edition อย่าง Captain America และ Brave New World ซึ่งได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง และอีกหนึ่งกิจกรรมไฮไลต์ “Meet & Greet กับ Mickey และ Minnie” ที่ได้สร้างความประทับใจเป็นอย่างมากให้กับลูกค้าที่สมัครบัตรเดบิตและบัตรเครดิต ทีทีบี ดิสนีย์ ได้รับสิทธิ์ร่วมกิจกรรมแบบใกล้ชิดกับคาแรกเตอร์อันเป็นที่รัก

การแสดง “Disney On Ice Find Your Hero” ในครั้งนี้ นับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของทีทีบีในการมอบประสบการณ์แห่งความสุขที่ผสานโลกแห่งจินตนาการเข้ากับชีวิตทางการเงินที่ดีได้อย่างลงตัว ตอกย้ำแนวคิดแคมเปญ “ชีวิตทุกวันอัศจรรย์ได้จริง” ที่ทีทีบีตั้งใจมอบสิทธิประโยชน์สุดพิเศษมากมายให้กับลูกค้าผู้สมัครบัตร ทีทีบี ดิสนีย์ โดยจะมีกิจกรรมพิเศษให้ลูกค้าได้ร่วมสนุกตลอดทั้งปี สามารถสมัครบัตรง่าย ๆ ได้ด้วยตนเองทางแอป ทีทีบี ทัช หรือ คลิก www.ttbbank.com/link/maindn-fbpaid หรือที่ทีทีบี ทุกสาขา