บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)  โดย นางสาวอรนาฎ นชะพงษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส สายสายกลยุทธ์การตลาดและบริหารจัดการลูกค้า มอบน้ำดื่มจำนวน 3,000 ขวด แก่สำนักงานเขตบางซื่อ เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่และประชาชนจิตอาสาในกิจกรรม “จิตอาสา รักษาสภาพคู คลอง” ภายในพื้นที่สำนักงานเขตบางซื่อ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายน้ำให้กับกรุงเทพมหานคร  โดยเป็นการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานของรัฐ และประชาชนจิตอาสาในพื้นที่ ในการทำความสะอาด กำจัดวัชพืชและขยะสิ่งปฏิกูลกีดขวางทางน้ำในคลอง ตัดแต่งกิ่งไม้ ปรับแต่งภูมิทัศน์ ตลอดจนการพัฒนาชุมชุนและพื้นที่ใกล้เคียง โดยมี นายเจษฎา ประภาสะวัต ผู้อำนวยการเขตบางซื่ิอ เป็นผู้แทนรับมอบ ณ ที่ทำการสำนักงานเขตบางซื่อ เมื่อเร็วๆนี้   

ทรู คอร์ปอเรชั่น ร่วมกับ กสทช. ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมวิกฤตในอำเภอศรีสำโรงและอำเภอสวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย เพื่อตรวจสอบคุณภาพสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ สร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ใช้บริการในพื้นที่ประสบอุทกภัย พร้อมทั้งนำถุงยังชีพ 500 ชุดมอบแก่ผู้ประสบภัยในชุมชนต่างๆ โดยมีนายจักรกฤษณ์ อุไรรัตน์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกิจการองค์กร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ร่วมกับนายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ กสทช. และรักษาการเลขาธิการ กสทช. พร้อมด้วยทีมงาน นำทีมลงพื้นที่ ทั้งนี้ ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้วางแผนการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมจัดตั้งทีมเฝ้าระวังต่อเนื่องพื้นที่จังหวัดภาคกลางและกรุงเทพฯ ที่อาจได้รับผลกระทบจากน้ำเหนือไหลบ่าและฝนตกหนัก

นายจักรกฤษณ์ อุไรรัตน์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกิจการองค์กร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "ทรู คอร์ปอเรชั่นขอส่งกำลังใจถึงผู้ประสบภัยน้ำท่วมทุกท่าน โดยล่าสุดทีมงานของเรานอกจากจะดูแลความพร้อมระบบสื่อสารให้ใช้งานได้ต่อเนื่องแล้ว ยังได้เร่งลงพื้นที่ช่วยเหลือ พร้อมนำถุงยังชีพ อาหารแห้ง น้ำดื่ม และยา มอบแก่ผู้ประสบภัยในจังหวัดสุโขทัยซึ่งกำลังเผชิญกับสถานการณ์น้ำเหนือทะลักเข้าท่วมพื้นที่ ทั้งนี้ เราได้ดำเนินการช่วยเหลือจังหวัดต่างๆ ทางภาคเหนือที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมมาอย่างต่อเนื่อง เช่น ร่วมมือกับหอการค้าจังหวัดน่าน และโรงพยาบาลน่านในการมอบเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นแก่ผู้ประสบภัยในพื้นที่ นอกจากนี้ เรายังได้ร่วมมือกับ กสทช. ลงพื้นที่จังหวัดสุโขทัยตรวจสอบสัญญาณมือถือ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าทรูและดีแทคว่าจะสามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่องแม้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากฝนตกหนักและน้ำเหนือที่ไหลผ่าน ซึ่งทำให้เกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่”

ทีมเน็ตเวิร์กของทรู คอร์ปอเรชั่น ได้ประจำการตามสถานีฐานต่างๆ ในจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมทางภาคเหนือ และพื้นที่เสี่ยงภัยจังหวัดอื่นๆ โดยทีมงานได้เข้าปฏิบัติการอย่างเร่งด่วนตามแผนฉุกเฉิน เพื่อให้ลูกค้าทรูและดีแทคสามารถใช้บริการได้อย่างต่อเนื่องในทุกสถานการณ์ นอกจากนี้ ทรูได้จัดตั้งทีมปฏิบัติการพิเศษประจำศูนย์ปฏิบัติการเครือข่ายอัจฉริยะ (BNIC) พร้อมระบบ AI คอยเฝ้าระวังและดูแลเครือข่ายตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งจัดเตรียมรถโมบายล์ชุมสายเคลื่อนที่เร็ว (COW) และยานพาหนะทั้งรถและเรือสำหรับเข้าพื้นที่น้ำท่วม ตลอดจนอุปกรณ์สำรองและอะไหล่สำหรับซ่อมแซมในกรณีฉุกเฉิน รวมถึงประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจในการใช้บริการอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ

ทรู คอร์ปอเรชั่น ยังได้มอบความช่วยเหลือแก่ลูกค้าในพื้นที่ประสบภัย ซึ่งรวมถึงการขยายระยะเวลาใช้งานสำหรับลูกค้าเติมเงิน การระงับการตัดสัญญาณ และการขยายเวลาชำระค่าบริการสำหรับลูกค้ารายเดือนของทรูมูฟ เอช ดีแทค ทรูออนไลน์ และทรูวิชั่นส์ เป็นเวลา 7 วัน สำหรับลูกค้าในพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมในจังหวัดต่างๆ (ลูกค้าจะได้รับ SMS ยืนยันสิทธิ์)

กลุ่มบีเจซี บิ๊กซี ตัวแทนโดย ผู้จัดการสาขา และพนักงาน บิ๊กซี สาขาน่าน บิ๊กซี สาขาเชียงราย 1 บิ๊กซี สาขาแพร่ และ บิ๊กซี สาขาสุโขทัย ร่วมใจอาสาเร่งลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมต่อเนื่อง ส่งมอบถุงยังชีพ สิ่งของจำเป็น และน้ำดื่ม ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือ เพื่อบรรเทาทุกข์ในสถานการณ์วิกฤต  และขอส่งพลังและกำลังใจให้กับผู้ประสบอุทกภัยในภาคเหนือและทุกพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้ ขอให้ทุกคนปลอดภัยและผ่านพันวิกฤตนี้ไปโดยเร็ว

 

บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เดินหน้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในหลายจังหวัดทางภาคเหนือของไทยอย่างเต็มกำลัง โดยล่าสุดได้ส่งทีมเน็ตเวิร์กลงพื้นที่ประสบภัยเพื่อดูแลสถานีฐานและเน็ตบ้านให้สามารถใช้งานได้ตามปกติ ทั้งในจังหวัดน่าน เชียงราย พะเยา และแพร่ เป็นต้น พร้อมทั้งทีมภูมิภาคของทรู คอร์ปอเรชั่นเร่งนำอาหาร น้ำดื่มช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม

  • ทีมงานเน็ตเวิร์กเร่งลงพื้นที่สถานีฐานทั้งทางรถและเรือ เพื่อตรวจสอบอุปกรณ์และทดสอบคุณภาพสัญญาณบริการต่างๆ เพื่อให้มั่นใจว่าประชาชนในพื้นที่ยังสามารถติดต่อสื่อสารได้อย่างต่อเนื่องแม้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน
  • ทีมงานภูมิภาคของทรู คอร์ปอเรชั่น ยังได้เร่งนำอาหารแห้ง น้ำดื่ม และเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นไปมอบให้แก่ผู้ประสบภัย โดยได้ร่วมมือกับหน่วยงานท้องถิ่น เช่น หอการค้าจังหวัดน่าน และโรงพยาบาลน่านในการประสานความช่วยเหลือสู่ผู้ประสบภัยน้ำท่วม

ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้มอบความช่วยเหลือลูกค้าในพื้นที่ประสบภัย ซึ่งรวมถึงการขยายวันใช้งานสำหรับลูกค้าเติมเงิน การระงับการตัดสัญญาณ และการขยายเวลาชำระค่าบริการสำหรับลูกค้ารายเดือนของทรูมูฟ เอช ดีแทค ทรูออนไลน์ และทรูวิชั่นส์ เป็นเวลา 7 วัน แก่ลูกค้าในพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมจังหวัดต่างๆ (รอรับ SMS ยืนยัน)

บริษัทฯ ยังคงดำเนินการตามแผนฉุกเฉินอย่างเต็มรูปแบบ โดยมีทีมปฏิบัติการพิเศษประจำ BNIC (ศูนย์ปฏิบัติการเครือข่ายอัจฉริยะ) พร้อม AI คอยเฝ้าระวังและดูแลเครือข่ายตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ ยังได้เตรียมความพร้อมด้านอุปกรณ์ฉุกเฉิน เช่น รถโมบายล์ชุมสายเคลื่อนที่เร็ว (COW) และยานพาหนะสำหรับเข้าพื้นที่น้ำท่วม เพื่อให้มั่นใจว่าจะสามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพแม้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน

ทรู คอร์ปอเรชั่น พร้อมเดินหน้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติม เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ประสบภัยอย่างเต็มกำลัง

บ่มเพาะความรู้ทางการเงิน เพิ่มพื้นฐานทักษะชีวิตแก่เยาวชน

เคทีซีให้ความสำคัญกับการร่วมพัฒนาบุคลากรและดูแลคนไทยในสังคมให้มีความสุขทั้งกายและใจ และเมื่อประเทศไทยก้าวสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างสมบูรณ์ จึงได้จัดกิจกรรม "ภาพนี้ให้คุณยายหัวใจฟู" เพื่อส่งต่อกำลังใจและ ความห่วงใยเนื่องในเดือนแห่งวันแม่ โดยได้นำพนักงานเคทีซีจิตอาสาเดินทางไปเยี่ยมและทำกิจกรรมสร้างความผ่อนคลายให้กับผู้สูงอายุไร้ที่พึ่งกว่า 60 ชีวิต ณ สถานสงเคราะห์หญิงชราไร้ที่พึ่ง บ้านสุทธาวาส เฉลิมพระเกียรติฯ จังหวัดนครนายก

กิจกรรม “ภาพนี้ให้คุณยายหัวใจฟู” เริ่มต้นด้วยการที่พนักงานเคทีซีชวนคุณยายร่วมกันวาดภาพระบายสีเพื่อทำการ์ดอวยพร ซึ่งช่วยส่งเสริมสมาธิและผ่อนคลายจิตใจ โดยพนักงานจิตอาสาของเคทีซีได้เรียนรู้การวาดภาพจากครูอ๋อ พิศิษฐ์ เอกสินสมบูรณ์ พนักงานเคทีซีที่เกษียณอายุและผันตัวเองเป็นครูสอนศิลปะเต็มตัว เพื่อมาถ่ายทอดการวาดภาพระบายสีแบบง่ายๆ ให้กับคุณยาย และยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่อบอุ่นกับเหล่าผู้สูงวัยอีกด้วย ในขณะที่คุณยายเองได้ฝึกกล้ามเนื้อและคลายความเหงาไปกับกิจกรรมในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและเพลิดเพลินกับมินิคอนเสิร์ตโดยวงเคทีซี อะคูสติกจากพนักงานจิตอาสา พร้อมรับประทานอาหารว่างและมอบเครื่องใช้อุปโภคบริโภคที่จำเป็น ซึ่งผู้บริหารและพนักงานร่วมกันบริจาคและนำมามอบให้กับมูลนิธิฯ เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระและเสริมสร้างความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้กับผู้สูงอายุภายใต้การดูแลของมูลนิธิฯ

นางสาวปิยะสุดา แคว้นนนทรีย์ ผู้บริหารสูงสุด สายงานทรัพยากรบุคคล “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "การได้เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความสุขและผ่อนคลายความกังวลให้ผู้สูงอายุผ่านกิจกรรม “ภาพนี้ให้คุณยายใจฟู” เป็นหนึ่งพันธกิจที่เคทีซีให้ความสำคัญในการช่วยเหลือสังคมในมิติต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเปิดโอกาสให้พนักงานได้มีส่วนร่วมเป็น “ผู้ให้” ในกิจกรรมต่างๆ ตามความถนัดและความสนใจ นอกเหนือจากการส่งเสริมให้พนักงานพัฒนาเสริมทักษะตนเองในด้านต่างๆ และหวังว่าโครงการนี้จะมีส่วนช่วยเติมรอยยิ้มและเสริมสร้างกำลังใจที่แข็งแรงให้กับผู้สูงอายุไร้ที่พึ่งอีกทางหนึ่ง และยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนเคทีซีในการทำความดีและทำประโยชน์เพื่อสังคมต่อไป"

นางสาวปิยฉัตร วงศาโรจน์ ผู้จัดการส่วนดูแล สถานสงเคราะห์หญิงชราไร้ที่พึ่ง บ้านสุทธาวาส เฉลิมพระเกียรติฯ เผยว่า “บ้านสุทธาวาส เฉลิมพระเกียรติฯ ดำเนินการช่วยเหลือดูแลที่พักพิงให้แก่หญิงชราที่ยากไร้ โดยได้รับความเห็นชอบให้เป็นหนึ่งในโครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ ซึ่งได้เปิดรับคุณยายท่านแรกตั้งแต่ปี 2557 จวบจนปัจจุบันเป็นเวลากว่า 10 ปี โดยกิจกรรม “ภาพนี้ให้คุณยายหัวใจฟู” ที่ทางเคทีซีได้จัดขึ้นนี้ เป็นสิ่งที่ช่วยเติมเต็มความสุขและความอบอุ่นให้กับผู้สูงอายุในมูลนิธิฯ อย่างมาก การได้รับการสนับสนุนจากเคทีซีเป็นสิ่งที่มีค่าและสำคัญในการช่วยดูแลและเสริมสร้างคุณภาพชีวิตให้กับผู้สูงอายุในมูลนิธิฯ ได้เป็นอย่างดี"

 

โดยคุณยายบ้านสุทธาวาสฯ ได้เผยถึงการเข้าร่วมกิจกรรมในวันนี้ว่า “รู้สึกดีใจมากที่มีหน่วยงานหรือองค์กรให้ความสำคัญ มีคนมาหาและทำกิจกรรมด้วยกัน รู้สึกอบอุ่นหัวใจ มีกำลังใจ ขอบคุณทุกคนที่ทำให้วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่มีความสุขมาก”

นางสาววชิรา การสุทธิ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการธนาคารออมสิน สายงานความยั่งยืน นางญดาภรณ์ ศรีพัฒน์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการธนาคารออมสิน สายงานกิจการสาขา 6 พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและพนักงานธนาคารออมสิน ร่วมกิจกรรมปลูกป่าชายเลนเพื่อประโยชน์จากคาร์บอนเครดิต (โครงการปลูกป้องโลก) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งโครงการของธนาคารออมสินที่สนับสนุนเป้าหมาย Net Zero ควบคู่กับการพัฒนาชุมชนสู่ความยั่งยืน

 

โดยได้รับการสนับสนุนจากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ในการจัดสรรพื้นที่ปลูกป่าทดแทน ประกอบด้วย พันธุ์ไม้ป่าชายเลนรวม 3 ชนิด ได้แก่ ต้นตีนเป็ด หยีทะเล และโปรงแดง รวมกว่า 20,000 ต้น ที่บริเวณแปลงปลูกป่าคลองกะลาเส และป่าคลองไม้ตาย ต.บ่อหิน อ.สิเกา จ.ตรัง โดยมี นายทรงกลด สว่างวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เป็นประธานเปิดกิจกรรม และมีนายภาณุวรรณ รามศรี ผู้อำนวยการศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลนที่ 20 หัวหน้าหน่วยงานราชการในพื้นที่ นักเรียน และตัวแทนชาวบ้านรวมกว่า 100 ชีวิต ร่วมกันปลูกป่าชายเลน เมื่อเร็ว ๆ นี้

นับเป็นครั้งแรกในทวีปเอเชีย แปซิฟิกที่มีการประกาศใช้ฟิล์มรัดสินค้าที่ผลิตจากพลาสติกใช้แล้ว อย่างเต็มรูปแบบ โดย บริษัท มาคิตะ แมนูแฟคเจอริ่ง (ไทยแลนด์) จำกัด เจ้าของแบรนด์เครื่องมือไฟฟ้าชั้นนำระดับโลก “MAKITA” ในประเทศไทย ได้ประกาศใช้ฟิล์มยืดรัดสินค้านวัตกรรมใหม่ที่มีส่วนผสมของพลาสติกใช้แล้ว (Post- Consumer- Recycled resin: PCR) ในการขนส่งสินค้าของบริษัท ด้วยเทคโนโลยีใหม่จากความร่วมมือของกลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย (Dow) ผู้เชี่ยวชาญด้านวัสดุศาสตร์ระดับโลก และ MMP ผู้ผลิตฟิล์มยืดอันดับ 1 ในประเทศไทย ซึ่งทำให้ได้ฟิล์มที่มีคุณภาพเทียบเท่าฟิล์มจากพลาสติกใหม่ แต่ช่วยลดขยะได้กว่า 5 ตันต่อปี พร้อมชูไทยเป็นต้นแบบ เพื่อวางแผนขยายการใช้งานไปยังประเทศอื่นๆ

ฟิล์มยืดรัดสินค้านวัตกรรมใหม่ดังกล่าว มีส่วนผสมของพลาสติกใช้แล้วถึง 30% แต่ยังคงความใสและประสิทธิภาพเทียบเท่าฟิล์มยืดชนิดเดิม ไม่ว่าจะเป็นด้านความแข็งแรง ความเหนียว ความยืดหยุ่น ซึ่งสามารถใช้พันลังสินค้าอุตสาหกรรมเพื่อความสะดวกในการขนส่งสินค้าได้ทั้งแบบพันด้วยมือและพันด้วยเครื่องจักร ช่วยลดขยะพลาสติกได้มากกว่า 5 ตันต่อปี อีกทั้งยังสามารถนำกลับมารีไซเคิลซ้ำได้อีก

นายฮิเดอากิ คูโรโนะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาคิตะ แมนูแฟคเจอริ่ง (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า "ความกังวลเกี่ยวกับมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมทั่วโลกที่เกิดจากขยะพลาสติกรั่วไหลลงสู่มหาสมุทร ทำให้เกิดความเคลื่อนไหวในสังคมในการพยายามที่จะลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว MAKITAมีการดำเนินการเพื่อลดปริมาณการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวในบรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์ของเรา ทั้งนี้เพื่อนำไปสู่การสร้างสังคมที่ยั่งยืนและการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ นอกเหนือไปจากความพยายามที่ดำเนินการอยู่แล้ว MAKITAได้เริ่มใช้ฟิล์มยืดพันสินค้าที่ผสมพลาสติกใช้แล้วที่มีการนำเสนอมาจากDOW ซึ่งหากได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า โดยไม่มีผลกระทบต่อกระบวนการโลจิสติกส์ เราก็มีแผนที่จะขยายการใช้ฟิล์มใหม่นี้ต่อไปอย่างมุ่งมั่น"

นายเอนก จงเสถียร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็มเอ็มพี คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า “MMP ในฐานะผู้นำด้านการผลิตฟิล์มยืดที่ยั่งยืนในประเทศไทย เราคัดสรรแต่ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพเพื่อตอบโจทย์ความต้องการให้แก่ลูกค้าของเรา เราจึงเลือกใช้เม็ดพลาสติกผสมพลาสติกใช้แล้วนวัตกรรมใหม่ของ Dow ซึ่งผลการทดสอบยืนยันว่าแม้จะมีส่วนผสมของพลาสติกใช้แล้วถึง 30% ฟิล์มยืด PCR ที่เราผลิตนี้ก็สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพตามมาตรฐานที่กำหนด โดยฟิล์มนี้ยังได้รับการรับรองมาตรฐานระดับโลกในการรีไซเคิลจาก Global Recycled Standard (GRS) เพื่อยืนยันว่าเราผ่านเกณฑ์ที่เข้มงวดทั้งในด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม จึงเรามีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนช่วยส่งเสริมให้อุตสาหกรรมในประเทศไทย ได้ใช้ฟิล์มที่มีความยั่งยืนในการขนส่ง ช่วยลดโลกร้อน ลดขยะได้อย่างเป็นรูปธรรม”

นายเอกสิทธิ์ ลัคนานิธิพันธุ์ ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจและพัฒนาธุรกิจคาร์บอนต่ำ กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย กล่าวว่า “Dow ขอแสดงความยินดีกับมาคิตะ ประเทศไทยที่เป็นบริษัทแรกในเอเชีย ที่ประกาศใช้ฟิล์มนวัตกรรมใหม่นี้ โดยต้องขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่งที่ MAKITA และ MMP ให้ความไว้วางใจใช้ นวัตกรรมเม็ดพลาสติกผสมพลาสติกใช้แล้ว REVOLOOP™ ของ Dow ในการพัฒนาฟิล์มยืดรัดสินค้าที่มีประสิทธิภาพไม่แพ้ฟิล์มจากพลาสติกใหม่ 100% โดยเม็ด PCR นี้ของ Dow ได้รับการรับรองมาตรฐานระดับโลกจาก Global Recycled Standard (GRS) เช่นกัน ทั้งในด้านแหล่งวัตถุดิบต้นทางที่ตรวจสอบได้ และคุณภาพของพลาสติกใช้แล้วที่เป็นไปตามข้อกำหนด ซึ่ง Dow มุ่งมั่นในการสนับสนุนให้ลูกค้าของเราลดการปลดปล่อยคาร์บอน และลดขยะพลาสติกตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน เพื่อช่วยให้ลูกค้าของเราบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนได้อย่างเป็นรูปธรรม และเติบโตอย่างยั่งยืน”

มาคิตะ ประเทศไทย ได้เริ่มใช้ฟิล์มที่มีส่วนผสมของพลาสติกใช้แล้วนี้ในการพันลังสินค้าเพื่อขนส่งภายในประเทศ รวมทั้งใช้กับสินค้าที่มีการส่งออกจากประเทศไทยแล้วตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2567 และจะมีการประเมินเพื่อวางแผนการขยายผลไปยังประเทศอื่นๆ ต่อไป

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ถ่ายทอดนโยบายการขับเคลื่อนการเป็นธนาคารเพื่อสังคมเชิงลึกให้บุคลากรหน่วยงานพัฒนาสังคมและชุมชนทั่วประเทศ เน้นใช้กลไกการสร้างคุณค่าร่วม หรือ CSV : Creating Shared Value โดยทำธุรกิจให้เติบโตไปพร้อมกับการช่วยแก้ปัญหาสังคมไปด้วย และนำกำไรจากธุรกิจมาสนับสนุนภารกิจเชิงสังคม ซึ่งทำให้สังคมและธุรกิจเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน

 

พร้อมกันนี้ยังได้เยี่ยมชมผลสัมฤทธิ์จากการอบรมหลักสูตรการพัฒนาศักยภาพการบริหารจัดการวิสาหกิจชุมชนของบุคลากรในสังกัดหน่วยพัฒนาสังคมและชุมชน สายงานกิจการสาขา 1- 6 และหน่วยงานพัฒนาจากส่วนกลาง ซึ่งถือเป็นการสร้างองค์ความรู้และพัฒนาศักยภาพบุคลากรขององค์กรที่ทำหน้าที่วิทยากรกระบวนการในการทำงานเพื่อสังคมและชุมชน เพื่อนำองค์ความรู้ถ่ายทอดต่อวิสาหกิจชุมชนที่รับผิดชอบ อันจะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานภายใต้แนวทางการพัฒนาชุมชนแบบองค์รวม เพื่อขับเคลื่อนบทบาทธนาคารเพื่อสังคมตามเป้าหมายต่อไป ณ โรงแรมเบสท์เวสเทิร์น จตุจักร กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2567

X

Right Click

No right click