December 14, 2025

เคทีซีให้ความสำคัญกับการร่วมพัฒนาบุคลากรและดูแลคนไทยในสังคมให้มีความสุขทั้งกายและใจ และเมื่อประเทศไทยก้าวสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างสมบูรณ์ จึงได้จัดกิจกรรม "ภาพนี้ให้คุณยายหัวใจฟู" เพื่อส่งต่อกำลังใจและ ความห่วงใยเนื่องในเดือนแห่งวันแม่ โดยได้นำพนักงานเคทีซีจิตอาสาเดินทางไปเยี่ยมและทำกิจกรรมสร้างความผ่อนคลายให้กับผู้สูงอายุไร้ที่พึ่งกว่า 60 ชีวิต ณ สถานสงเคราะห์หญิงชราไร้ที่พึ่ง บ้านสุทธาวาส เฉลิมพระเกียรติฯ จังหวัดนครนายก

กิจกรรม “ภาพนี้ให้คุณยายหัวใจฟู” เริ่มต้นด้วยการที่พนักงานเคทีซีชวนคุณยายร่วมกันวาดภาพระบายสีเพื่อทำการ์ดอวยพร ซึ่งช่วยส่งเสริมสมาธิและผ่อนคลายจิตใจ โดยพนักงานจิตอาสาของเคทีซีได้เรียนรู้การวาดภาพจากครูอ๋อ พิศิษฐ์ เอกสินสมบูรณ์ พนักงานเคทีซีที่เกษียณอายุและผันตัวเองเป็นครูสอนศิลปะเต็มตัว เพื่อมาถ่ายทอดการวาดภาพระบายสีแบบง่ายๆ ให้กับคุณยาย และยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่อบอุ่นกับเหล่าผู้สูงวัยอีกด้วย ในขณะที่คุณยายเองได้ฝึกกล้ามเนื้อและคลายความเหงาไปกับกิจกรรมในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและเพลิดเพลินกับมินิคอนเสิร์ตโดยวงเคทีซี อะคูสติกจากพนักงานจิตอาสา พร้อมรับประทานอาหารว่างและมอบเครื่องใช้อุปโภคบริโภคที่จำเป็น ซึ่งผู้บริหารและพนักงานร่วมกันบริจาคและนำมามอบให้กับมูลนิธิฯ เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระและเสริมสร้างความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้กับผู้สูงอายุภายใต้การดูแลของมูลนิธิฯ

นางสาวปิยะสุดา แคว้นนนทรีย์ ผู้บริหารสูงสุด สายงานทรัพยากรบุคคล “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "การได้เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความสุขและผ่อนคลายความกังวลให้ผู้สูงอายุผ่านกิจกรรม “ภาพนี้ให้คุณยายใจฟู” เป็นหนึ่งพันธกิจที่เคทีซีให้ความสำคัญในการช่วยเหลือสังคมในมิติต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเปิดโอกาสให้พนักงานได้มีส่วนร่วมเป็น “ผู้ให้” ในกิจกรรมต่างๆ ตามความถนัดและความสนใจ นอกเหนือจากการส่งเสริมให้พนักงานพัฒนาเสริมทักษะตนเองในด้านต่างๆ และหวังว่าโครงการนี้จะมีส่วนช่วยเติมรอยยิ้มและเสริมสร้างกำลังใจที่แข็งแรงให้กับผู้สูงอายุไร้ที่พึ่งอีกทางหนึ่ง และยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนเคทีซีในการทำความดีและทำประโยชน์เพื่อสังคมต่อไป"

นางสาวปิยฉัตร วงศาโรจน์ ผู้จัดการส่วนดูแล สถานสงเคราะห์หญิงชราไร้ที่พึ่ง บ้านสุทธาวาส เฉลิมพระเกียรติฯ เผยว่า “บ้านสุทธาวาส เฉลิมพระเกียรติฯ ดำเนินการช่วยเหลือดูแลที่พักพิงให้แก่หญิงชราที่ยากไร้ โดยได้รับความเห็นชอบให้เป็นหนึ่งในโครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ ซึ่งได้เปิดรับคุณยายท่านแรกตั้งแต่ปี 2557 จวบจนปัจจุบันเป็นเวลากว่า 10 ปี โดยกิจกรรม “ภาพนี้ให้คุณยายหัวใจฟู” ที่ทางเคทีซีได้จัดขึ้นนี้ เป็นสิ่งที่ช่วยเติมเต็มความสุขและความอบอุ่นให้กับผู้สูงอายุในมูลนิธิฯ อย่างมาก การได้รับการสนับสนุนจากเคทีซีเป็นสิ่งที่มีค่าและสำคัญในการช่วยดูแลและเสริมสร้างคุณภาพชีวิตให้กับผู้สูงอายุในมูลนิธิฯ ได้เป็นอย่างดี"

 

โดยคุณยายบ้านสุทธาวาสฯ ได้เผยถึงการเข้าร่วมกิจกรรมในวันนี้ว่า “รู้สึกดีใจมากที่มีหน่วยงานหรือองค์กรให้ความสำคัญ มีคนมาหาและทำกิจกรรมด้วยกัน รู้สึกอบอุ่นหัวใจ มีกำลังใจ ขอบคุณทุกคนที่ทำให้วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่มีความสุขมาก”

นางสาววชิรา การสุทธิ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการธนาคารออมสิน สายงานความยั่งยืน นางญดาภรณ์ ศรีพัฒน์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการธนาคารออมสิน สายงานกิจการสาขา 6 พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและพนักงานธนาคารออมสิน ร่วมกิจกรรมปลูกป่าชายเลนเพื่อประโยชน์จากคาร์บอนเครดิต (โครงการปลูกป้องโลก) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งโครงการของธนาคารออมสินที่สนับสนุนเป้าหมาย Net Zero ควบคู่กับการพัฒนาชุมชนสู่ความยั่งยืน

 

โดยได้รับการสนับสนุนจากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ในการจัดสรรพื้นที่ปลูกป่าทดแทน ประกอบด้วย พันธุ์ไม้ป่าชายเลนรวม 3 ชนิด ได้แก่ ต้นตีนเป็ด หยีทะเล และโปรงแดง รวมกว่า 20,000 ต้น ที่บริเวณแปลงปลูกป่าคลองกะลาเส และป่าคลองไม้ตาย ต.บ่อหิน อ.สิเกา จ.ตรัง โดยมี นายทรงกลด สว่างวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เป็นประธานเปิดกิจกรรม และมีนายภาณุวรรณ รามศรี ผู้อำนวยการศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลนที่ 20 หัวหน้าหน่วยงานราชการในพื้นที่ นักเรียน และตัวแทนชาวบ้านรวมกว่า 100 ชีวิต ร่วมกันปลูกป่าชายเลน เมื่อเร็ว ๆ นี้

นับเป็นครั้งแรกในทวีปเอเชีย แปซิฟิกที่มีการประกาศใช้ฟิล์มรัดสินค้าที่ผลิตจากพลาสติกใช้แล้ว อย่างเต็มรูปแบบ โดย บริษัท มาคิตะ แมนูแฟคเจอริ่ง (ไทยแลนด์) จำกัด เจ้าของแบรนด์เครื่องมือไฟฟ้าชั้นนำระดับโลก “MAKITA” ในประเทศไทย ได้ประกาศใช้ฟิล์มยืดรัดสินค้านวัตกรรมใหม่ที่มีส่วนผสมของพลาสติกใช้แล้ว (Post- Consumer- Recycled resin: PCR) ในการขนส่งสินค้าของบริษัท ด้วยเทคโนโลยีใหม่จากความร่วมมือของกลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย (Dow) ผู้เชี่ยวชาญด้านวัสดุศาสตร์ระดับโลก และ MMP ผู้ผลิตฟิล์มยืดอันดับ 1 ในประเทศไทย ซึ่งทำให้ได้ฟิล์มที่มีคุณภาพเทียบเท่าฟิล์มจากพลาสติกใหม่ แต่ช่วยลดขยะได้กว่า 5 ตันต่อปี พร้อมชูไทยเป็นต้นแบบ เพื่อวางแผนขยายการใช้งานไปยังประเทศอื่นๆ

ฟิล์มยืดรัดสินค้านวัตกรรมใหม่ดังกล่าว มีส่วนผสมของพลาสติกใช้แล้วถึง 30% แต่ยังคงความใสและประสิทธิภาพเทียบเท่าฟิล์มยืดชนิดเดิม ไม่ว่าจะเป็นด้านความแข็งแรง ความเหนียว ความยืดหยุ่น ซึ่งสามารถใช้พันลังสินค้าอุตสาหกรรมเพื่อความสะดวกในการขนส่งสินค้าได้ทั้งแบบพันด้วยมือและพันด้วยเครื่องจักร ช่วยลดขยะพลาสติกได้มากกว่า 5 ตันต่อปี อีกทั้งยังสามารถนำกลับมารีไซเคิลซ้ำได้อีก

นายฮิเดอากิ คูโรโนะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาคิตะ แมนูแฟคเจอริ่ง (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า "ความกังวลเกี่ยวกับมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมทั่วโลกที่เกิดจากขยะพลาสติกรั่วไหลลงสู่มหาสมุทร ทำให้เกิดความเคลื่อนไหวในสังคมในการพยายามที่จะลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว MAKITAมีการดำเนินการเพื่อลดปริมาณการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวในบรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์ของเรา ทั้งนี้เพื่อนำไปสู่การสร้างสังคมที่ยั่งยืนและการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ นอกเหนือไปจากความพยายามที่ดำเนินการอยู่แล้ว MAKITAได้เริ่มใช้ฟิล์มยืดพันสินค้าที่ผสมพลาสติกใช้แล้วที่มีการนำเสนอมาจากDOW ซึ่งหากได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า โดยไม่มีผลกระทบต่อกระบวนการโลจิสติกส์ เราก็มีแผนที่จะขยายการใช้ฟิล์มใหม่นี้ต่อไปอย่างมุ่งมั่น"

นายเอนก จงเสถียร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็มเอ็มพี คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า “MMP ในฐานะผู้นำด้านการผลิตฟิล์มยืดที่ยั่งยืนในประเทศไทย เราคัดสรรแต่ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพเพื่อตอบโจทย์ความต้องการให้แก่ลูกค้าของเรา เราจึงเลือกใช้เม็ดพลาสติกผสมพลาสติกใช้แล้วนวัตกรรมใหม่ของ Dow ซึ่งผลการทดสอบยืนยันว่าแม้จะมีส่วนผสมของพลาสติกใช้แล้วถึง 30% ฟิล์มยืด PCR ที่เราผลิตนี้ก็สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพตามมาตรฐานที่กำหนด โดยฟิล์มนี้ยังได้รับการรับรองมาตรฐานระดับโลกในการรีไซเคิลจาก Global Recycled Standard (GRS) เพื่อยืนยันว่าเราผ่านเกณฑ์ที่เข้มงวดทั้งในด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม จึงเรามีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนช่วยส่งเสริมให้อุตสาหกรรมในประเทศไทย ได้ใช้ฟิล์มที่มีความยั่งยืนในการขนส่ง ช่วยลดโลกร้อน ลดขยะได้อย่างเป็นรูปธรรม”

นายเอกสิทธิ์ ลัคนานิธิพันธุ์ ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจและพัฒนาธุรกิจคาร์บอนต่ำ กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย กล่าวว่า “Dow ขอแสดงความยินดีกับมาคิตะ ประเทศไทยที่เป็นบริษัทแรกในเอเชีย ที่ประกาศใช้ฟิล์มนวัตกรรมใหม่นี้ โดยต้องขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่งที่ MAKITA และ MMP ให้ความไว้วางใจใช้ นวัตกรรมเม็ดพลาสติกผสมพลาสติกใช้แล้ว REVOLOOP™ ของ Dow ในการพัฒนาฟิล์มยืดรัดสินค้าที่มีประสิทธิภาพไม่แพ้ฟิล์มจากพลาสติกใหม่ 100% โดยเม็ด PCR นี้ของ Dow ได้รับการรับรองมาตรฐานระดับโลกจาก Global Recycled Standard (GRS) เช่นกัน ทั้งในด้านแหล่งวัตถุดิบต้นทางที่ตรวจสอบได้ และคุณภาพของพลาสติกใช้แล้วที่เป็นไปตามข้อกำหนด ซึ่ง Dow มุ่งมั่นในการสนับสนุนให้ลูกค้าของเราลดการปลดปล่อยคาร์บอน และลดขยะพลาสติกตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน เพื่อช่วยให้ลูกค้าของเราบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนได้อย่างเป็นรูปธรรม และเติบโตอย่างยั่งยืน”

มาคิตะ ประเทศไทย ได้เริ่มใช้ฟิล์มที่มีส่วนผสมของพลาสติกใช้แล้วนี้ในการพันลังสินค้าเพื่อขนส่งภายในประเทศ รวมทั้งใช้กับสินค้าที่มีการส่งออกจากประเทศไทยแล้วตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2567 และจะมีการประเมินเพื่อวางแผนการขยายผลไปยังประเทศอื่นๆ ต่อไป

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ถ่ายทอดนโยบายการขับเคลื่อนการเป็นธนาคารเพื่อสังคมเชิงลึกให้บุคลากรหน่วยงานพัฒนาสังคมและชุมชนทั่วประเทศ เน้นใช้กลไกการสร้างคุณค่าร่วม หรือ CSV : Creating Shared Value โดยทำธุรกิจให้เติบโตไปพร้อมกับการช่วยแก้ปัญหาสังคมไปด้วย และนำกำไรจากธุรกิจมาสนับสนุนภารกิจเชิงสังคม ซึ่งทำให้สังคมและธุรกิจเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน

 

พร้อมกันนี้ยังได้เยี่ยมชมผลสัมฤทธิ์จากการอบรมหลักสูตรการพัฒนาศักยภาพการบริหารจัดการวิสาหกิจชุมชนของบุคลากรในสังกัดหน่วยพัฒนาสังคมและชุมชน สายงานกิจการสาขา 1- 6 และหน่วยงานพัฒนาจากส่วนกลาง ซึ่งถือเป็นการสร้างองค์ความรู้และพัฒนาศักยภาพบุคลากรขององค์กรที่ทำหน้าที่วิทยากรกระบวนการในการทำงานเพื่อสังคมและชุมชน เพื่อนำองค์ความรู้ถ่ายทอดต่อวิสาหกิจชุมชนที่รับผิดชอบ อันจะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานภายใต้แนวทางการพัฒนาชุมชนแบบองค์รวม เพื่อขับเคลื่อนบทบาทธนาคารเพื่อสังคมตามเป้าหมายต่อไป ณ โรงแรมเบสท์เวสเทิร์น จตุจักร กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2567

บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต นำโดย คุณบุปผาวดี โอวรารินท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายทรัพยากรมนุษย์และภาพลักษณ์องค์กรและการสื่อสารองค์กร (คนกลาง) นำทีมคณะผู้บริหาร พนักงาน และฝ่ายขายจิตอาสา  ร่วมเดินหน้าสร้างความยั่งยืนให้กับชุมชน ผ่านกิจกรรมปลูกข้าว พร้อมทั้งมอบคอมพิวเตอร์ ในโครงการ “แผ่นดินทองเพื่อน้องๆ บ้านนานา ปีที่ 17” ณ. มูลนิธิพันธกิจเด็กและชุมชน บ้านนานา อ. แม่สาย จ. เชียงราย ซึ่งเป็นโครงการที่บริษัทฯ จัดทำอย่างต่อเนื่อง และช่วยสร้างรายได้ที่ยั่งยืน โดยสามารถช่วยสร้างผลผลิตข้าวให้แก่ชุมชน จาก 2,000 ก.ก. ต่อปี เพิ่มสูงขึ้นเป็นกว่า 7,000 ก.ก. ต่อปี

กิจกรรมแผ่นดินทองเพื่อน้องๆ บ้านนานา เป็นกิจกรรมที่ตอกย้ำปรัชญาการทำกิจกรรมเพื่อสังคมของ กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต ที่มุ่งเน้น “การให้โอกาส ไม่ใช่เพื่อการกุศล – Opportunity, not Charity” ซึ่งมีจุดมุ่งหมายในการสนับสนุนให้เด็กทุกคนสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างมีความสุข ทั้งยังสามารถแบ่งเบาภาระของผู้ปกครอง รวมทั้งสร้างอาชีพและรายได้ให้กับชุมชน พร้อมทั้งเป็นแรงบันดาลใจ และจุดประกายให้หลายๆ ชุมชนของไทย เชื่อว่าทุกคนทำได้ หรือ Know You Can โดยบริษัทฯ พร้อมอยู่เคียงข้างทุกความเชื่อมั่น ดูแลกันตลอดไป

ผู้ช่วยศาสตราจารย์พิมล ศรีวิกรม์ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการพิจารณาจัดการสนับสนุนสมาคมกีฬาจากหน่วยงานรัฐวิสาหกิจและภาคเอกชน พร้อมด้วยนายปรีชา ลาลุน รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ฝ่ายกีฬาอาชีพและกีฬามวย ร่วมพิธีมอบเงินสนับสนุนโครงการ “1 กีฬา 1 รัฐวิสาหกิจ” แก่สมาคมกีฬายิงปืนรณยุทธแห่งประเทศไทย และสมาคมกีฬาเอ็กซ์ตรีมแห่งประเทศไทย จำนวนเงิน 32 ล้านบาท เป็นระยะเวลา 4 ปี ของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) โดยมีนายธีรลักษ์ แสงสนิท ประธานกรรมการธนาคาร EXIM BANK นายบัณฑิต สะเพียรชัย ประธานกรรมการบริหาร EXIM BANK และ ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK ให้การต้อนรับ โดยมีพลเอกเพิ่มศักดิ์ พวงสาโรจน์ นายกสมาคมกีฬายิงปืนรณยุทธแห่งประเทศไทย และนายโรจน์ เมืองครุธ อุปนายกสมาคมกีฬาเอ็กซ์ตรีมแห่งประเทศไทย เป็นผู้รับมอบ นับเป็นอีกก้าวสำคัญของ EXIM BANK ในการสร้างบทบาทใหม่ในฐานะธนาคารที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมผ่านการส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาด้านกีฬาอย่างเป็นระบบ ต่อยอดการเป็น Soft Power และนักกีฬาไทยสู่การแข่งขันกีฬาในระดับนานาชาติ เป็นประโยชน์ต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพในวงการกีฬามืออาชีพและชื่อเสียงที่ดีของประเทศไทยในระดับสากล ณ EXIM BANK สำนักงานใหญ่ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา

กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK กล่าวว่า โครงการ “1 กีฬา 1 รัฐวิสาหกิจ” เปิดโอกาสให้ทั้งภาคเอกชนและหน่วยงานรัฐวิสาหกิจเข้ามามีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนกีฬาแต่ละประเภทอย่างเป็นระบบและยั่งยืนเพื่อส่งเสริมและพัฒนาทักษะของนักกีฬาไทยไปสู่การแข่งขันในระดับนานาชาติ การสนับสนุนของรัฐวิสาหกิจช่วยให้นักกีฬาเข้าถึงโอกาสในการฝึกฝนและพัฒนาทักษะได้มากขึ้น การสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจะสร้างประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการฝึกฝน นอกจากนี้ รัฐวิสาหกิจยังเป็นต้นแบบของการสนับสนุนและส่งเสริมให้คนไทยดูแลสุขภาพและให้ความสำคัญกับการออกกำลังกาย เพื่อสุขภาพกาย ใจ และสปิริตที่ดี การได้เห็นนักกีฬาประสบความสำเร็จยังสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนและประชาชนทั่วไปให้หันมาออกกำลังกายและเล่นกีฬาอย่างมีทักษะและเป็นมืออาชีพเป็นการขับเคลื่อนการพัฒนาวงการกีฬาของไทยอย่างเป็นระบบ ส่งเสริมให้เกิดวิชาชีพที่เกี่ยวข้องกับกีฬาเพิ่มขึ้น เช่น โค้ช ผู้ฝึกสอน ผู้ตัดสิน และวิชาชีพอื่น ๆ ในวงการกีฬา ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศได้อีกทางหนึ่งด้วย ไม่ว่าจะเป็นการสร้างรายได้จากธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร และการขนส่งอย่างครบวงจร นับเป็นโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ทั้งในด้านการพัฒนากีฬา การส่งเสริมสุขภาพ การเสริมสร้างเศรษฐกิจ การสร้างชื่อเสียง และการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน ซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยส่งเสริมและต่อยอดการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน

โครงการ “1 กีฬา 1 รัฐวิสาหกิจ” เป็นโครงการที่มีเป้าหมายในการส่งเสริมและพัฒนากีฬาในทุกระดับ รวมถึงการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของเยาวชนไทยและประชาชนในชุมชน การสนับสนุนในครั้งนี้ ถือเป็นอีกบทบาทสำคัญของ EXIM BANK ในการร่วมขับเคลื่อนวงการกีฬาไทยไปสู่ความเป็นเลิศทั้งในและต่างประเทศ สอดคล้องกับภารกิจหลักของ EXIM BANK ในการสนับสนุนการได้มาซึ่งเงินตราต่างประเทศ ซึ่งคาดว่าจะมีเงินตราต่างประเทศไหลเข้าประเทศไม่น้อยกว่า 30 ล้านบาทต่อปี จากการจัดแข่งขันระดับนานาชาติของทั้ง 2 สมาคม นอกจากนี้ EXIM BANK ยังมุ่งมั่นสนับสนุนการพัฒนาวงการกีฬาอย่างยั่งยืน พัฒนาอาชีพนักกีฬา ผู้ฝึกสอน ผู้ตัดสิน และวิชาชีพที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นระบบ เพิ่มโอกาสและพัฒนาศักยภาพโดยเฉพาะแก่กลุ่มนักกีฬาช้างเผือกที่มีทักษะแต่ขาดกำลังทรัพย์ ขณะเดียวกัน EXIM BANK ยังขยายผลความร่วมมือสู่การเสริมสร้างสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีของพนักงาน EXIM BANK และครอบครัว โดยส่งเสริมการมีส่วนร่วมของบุคลากรในกิจกรรม CSR หรือกิจกรรมอื่น ๆ เพื่อสร้างความเป็นอยู่ที่ดี (Wellness) ของตนเองและสังคม ยกระดับความผูกพันของพนักงานในองค์กรอีกทางหนึ่ง การสนับสนุนในครั้งนี้ ไม่เพียงสนับสนุนด้านการเงินเท่านั้น แต่ยังช่วยยกระดับด้านคุณค่าและเพิ่มประสิทธิภาพ และประสิทธิผลในการฝึกฝนทักษะของนักกีฬาจากทั้งสองสมาคมให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมของวงการกีฬาและสร้างผลกระทบในเชิงบวกต่อสังคมรอบข้าง ขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระดับท้องถิ่นสู่ประเทศชาติและโลกโดยรวม ดร.รักษ์ กล่าว

มูลนิธิเฮอริเทจ (ประเทศไทย) ภายใต้การดูแลของเครือเฮอริเทจ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ร่วมกับ หน่วยทันตกรรมพระราชทานคณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จัดทำโครงการทันตแพทย์อาสา ครั้งที่ 8 “ส่งต่อรอยยิ้มแบ่งปันความสุข 4 ภาค”  นำโดย วลัยทิพย์ ซื่อตรงมั่นคง (คนที่ 4 จากซ้าย) ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร เครือเฮอริเทจ, ชนิฎาภรณ์   สอนสังข์ ทันตแพทย์ชำนาญการพิเศษ กลุ่มงานทันตสาธารณสุข สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพัทลุง (ซ้ายสุด), ทันตแพทย์หญิงณัฐณิชา วิระชัยประสิทธิ์ (คนที่ 2 จากซ้าย) ทันตแพทย์จากมหาลัยสงขลานครินทร์, สมจันทร์ สุวสิริกุล หัวหน้าฝ่ายรักษาพยาบาล มหาลัยสงขลานครินทร์ (คนที่ 3 จากซ้าย), กรรณิการ์ รวยดี นักวิชาการศึกษาชำนาญการพิเศษ ผู้อำนวยการกลุ่ม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพัทลุง เขต 2  (คนที่ 4 จากขวา) พร้อมด้วย อุษา พันธุ์คีรี ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านหารเทา (จรุงราษฎร์ดำเนิน) (คนที่ 3 จากขวา), จุฬารัตน์ จันทร์คง ผู้อำนวยการโรงเรียนสำนักสงฆ์ห้วยเรือ (คนที่ 2 จากขวา) และ อัญ อินทกาญจน์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านทะเลเหมียง (ขวาสุด) ร่วมใจให้บริการด้านทันตกรรมแก่เด็กระดับปฐมวัย และประถมศึกษา ตั้งแต่ อนุบาล 3 – ประถมศึกษาปีที่ 6 โดยมีนักเรียนจากทั้ง 19 โรงเรียน รวมทั้งสิ้น 155 คน เข้ารับบริการตรวจสุขภาพช่องปาก อาทิ เคลือบหลุมร่องฟัน ขูดหินปูน อุดฟัน ถอนฟัน ฯลฯ ณ อาคารอเนกประสงค์ โรงเรียนบ้านหารเทา (จรุงราษฏร์ดำเนิน) ตำบลหารเทา อำเภอปากพะยูน จังหวัดพัทลุง  โดยไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อสร้างโอกาสให้เด็กในพื้นที่ห่างไกลได้เข้าถึงทันตกรรมอย่างแท้จริง

เลือกพื้นที่เกาะลิบง จ.ตรัง ต่อยอดการพัฒนาชุมชนแบบองค์รวม

สอนนักเรียนร่วมสร้างความมั่นคงทางอาหารในโรงเรียน สู่คลังอาหารชุมชน

บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) นำโดยนางสาววิสาขา จันทกิจ  ผู้จัดการฝ่ายการพัฒนาความยั่งยืนและกิจกรรมเพื่อสังคม (คนซ้าย) และนางสาวพรภัสรา เอกกุล ผู้จัดการแผนกฝ่ายการพัฒนาความยั่งยืน (คนขวา) ร่วมงานเปิดตัว Thailand Mangrove Alliance ภาคีเครือข่ายป่าชายเลนประเทศไทย โดยมี ดร.ปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (กลาง) ให้การต้อนรับ ทั้งนี้ ไทยยูเนี่ยน เป็นหนึ่งสมาชิกภาคี ที่ร่วมกันขับเคลื่อนงานด้านการอนุรักษ์ ฟื้นฟูป่าชายเลน และทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งป่าชายเลนเป็นหนึ่งในระบบนิเวศที่มีคุณค่าทางชีวภาพมากที่สุดในโลก เพื่อตอบโจทย์การเดินหน้าบรรลุเป้าหมายตามพันธกิจการฟื้นฟูระบบนิเวศภายใต้กลยุทธ์ความยั่งยืน Seachange® 2030 ของไทยยูเนี่ยนผ่านการร่วมมือในครั้งนี้  

X

Right Click

No right click