จัดหาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ผ่านระบบตรวจสอบย้อนกลับ 100% ปราศจากการรุกป่า ไม่เผาตอซัง

มูลนิธิ EDF (มูลนิธิกองทุนการศึกษาเพื่อการพัฒนา) เร่งระดมทุนการศึกษาปีการศึกษา 2566 ที่กำลังจะเปิดภาคเรียนในกลางเดือนพฤษภาคมนี้ให้นักเรียนไทยที่ยากไร้และพิการหรือมีพัฒนาการช้าในโครงการการศึกษาของมูลนิธิผ่านเทใจดอทคอม (www.taejai.com) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มระดมทุนออนไลน์เพื่อสังคมกับโครงการทุนการศึกษา “Save Dropout Students ต่อลมหายใจให้น้องได้เรียนจบ (อีกครั้ง)” ปีที่ 2 และโครงการ “I’m ABLE โอกาสจากพี่ ช่วยหนูได้เรียนร่วม” สามารถร่วมบริจาคได้จนถึง 30 มิถุนายน 2566 นี้

“Save Dropout Students ต่อลมหายใจให้น้องได้เรียนจบ (อีกครั้ง)” ปีที่ 2 เป็นโครงการระดมทุนการศึกษาระยะเวลา 1 ปี เพื่อนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 หรือชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 150 คน ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ที่เคยสมัครขอรับการศึกษาจากมูลนิธิในปีการศึกษาที่ผ่านมาแต่ไม่ได้รับทุนเนื่องจากเงินบริจาคที่มูลนิธิได้รับไม่เพียงพอ ให้ได้รับทุนการศึกษาทุนละ 2,000 บาท ร่วมส่งเสริมโอกาสทางการศึกษาได้ที่  https://taejai.com/th/d/save-drop-out-students2/

ส่วน “I’m ABLE โอกาสจากพี่ ช่วยหนูได้เรียนร่วม” เป็นโครงการมอบทุนการศึกษาระยะเวลา 1 ปี ให้นักเรียนพิการหรือมีพัฒนาการช้าที่กำลังศึกษาระดับชั้นประถมศึกษาถึงมัธยมศึกษาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้ และภาคตะวันตกของประเทศไทย 150 คน ทุนละ 4,000 บาท ได้มีโอกาสเรียนร่วมในโรงเรียนปรกติ รวมถึงเป็นการช่วยส่งเสริมกำลังใจ ส่งเสริมการเรียนรู้ สร้างเสริมพัฒนาการทางร่างกายและสติปัญญา รู้จักช่วยเหลือตนเองในสถานการณ์ต่าง ๆ และการอยู่ร่วมกันในสังคมแห่งการแบ่งปัน โดยไม่รู้สึกว่าตนเองเป็นภาระของครูและเพื่อน ๆ หรือบุคคลอื่นใด สามารถร่วมส่งเสริมโอกาสทางการศึกษาให้นักเรียนพิการหรือมีพัฒนาการช้าได้ที่ https://taejai.com/th/d/imable/

สำหรับมูลนิธิ EDF ได้ร่วมกับแพลตฟอร์มระดมทุนออนไลน์เพื่อสังคมเทใจดอทคอมส่งเสริมและมอบโอกาสทางการศึกษาให้นักเรียนไทยที่ขาดแคลนมาตั้งแต่ปีการศึกษา 2565 โดยโครงการที่สำเร็จไปแล้วได้แก่โครงการ “เก่าไม่ไหว ขอคู่ใหม่ให้หนูที” และโครงการ “Save Dropout Students ต่อลมหายใจให้น้องได้เรียนจบ ทั้งนี้มูลนิธิ EDF เป็นองค์กรสาธารณกุศลลำดับที่ 255 ของประเทศไทย ที่ดำเนินงานช่วยเหลือนักเรียนที่ด้อยโอกาสให้ได้รับการศึกษารวมถึงจัดกิจกรรมซีเอสอาร์ในโรงเรียนและชุมชนมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2530 ได้รับการยอมรับจากองค์กรทั้งในและต่างประเทศและได้รับรางวัล เช่น รางวัลยอดเยี่ยมองค์กรพัฒนาเอกชนแห่งประเทศไทย ประเภทองค์กรขนาดใหญ่จากมูลนิธิร็อคกี้เฟลเลอร์ สถาบัน คีนันแห่งเอเชีย และ เดอะ รีซอร์ส อัลลิอันซ์ รางวัลประกาศนียบัตรองค์กรสาธารณกุศลระดับ 5 ดาว จากการดำเนินงานและบริหารงานด้วยหลักธรรมาภิบาล มีประสิทธิภาพทางการเงิน และมีความโปร่งใสจากสมาคมกิฟวิ่ง แบค ประกาศนียบัตรรับรอง CAF International Vetted Organization จาก CAF International ที่มอบให้องค์กรสาธารณกุศลทั่วโลกที่ผ่านการตรวจสอบมาตรฐานการดำเนินงานครอบคลุมหลักธรรมาภิบาล เป็นองค์กรสาธารณกุศลที่จดทะเบียนถูกต้อง รายงานการเงินประจำปีมีความโปร่งใสตรวจสอบได้ และเงินบริจาคและเงินสนับสนุนที่ส่งมอบให้มูลนิธินำไปใช้อย่างถูกต้องตรงตามวัตถุประสงค์เพื่อสาธารณกุศลอย่างแท้จริง รางวัลคนดีต้นแบบคุณธรรมไทยจากสมาคมสหพันธ์คนพิการในประเทศไทย และรางวัลกัลปพฤกษ์ทองคำจากมหาวิทยาลัยขอนแก่นในฐานะหน่วยงานที่ทำความดีอันเป็นประโยชน์ต่อสังคม

ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการระดมทุนของมูลนิธิ EDF ที่ทำร่วมกับเทใจดอทคอมได้ที่นายอนุชาติ คงมา ฝ่ายรณรงค์ทุนการศึกษามูลนิธิ EDF โทรศัพท์ 02 579 9209-11 ระหว่างวันจันทร์-วันศุกร์ (09.00-16.30 น.) LINE @edfthai หรืออีเมล This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต นำโดย คุณชัยณรงค์ เอื้อสิทธิชัย ประธานเจ้าที่บริหาร ฝ่ายจัดจำหน่าย คุณสุกัญญา เที่ยงธีระธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายจัดจำหน่ายผ่านธนาคาร พร้อมอาสาสมัครจิตอาสาทั้งพนักงาน และฝ่ายขาย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร่วมจัดกิจกรรม “BANC’s Hearts in Action Day” หรือกิจกรรมจิตอาสาจากใจของทีมฝ่ายจัดจำหน่ายผ่านธนาคาร โดยผู้บริหาร และพนักงานจิตอาสา ร่วมปรับปรุงสร้างฝายชะลอน้ำ ปล่อยไก่ป่าจำนวน 300 ตัว พร้อมทำแนวป้องกันไฟ ณ เขตพื้นที่ห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำผาน้ำทิพย์ อ.หนองพอก จ.ร้อยเอ็ด 

กิจกรรมดังกล่าวเป็นการตอกย้ำจุดยืนของบริษัทฯ ในฐานะบริษัทประกันที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม หรือ Green Insurer ในการสนับสนุนให้ทุกคนร่วมกันเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการใส่ใจสิ่งแวดล้อม และเป็นส่วนหนึ่งของการช่วยฟื้นฟูระบบนิเวศน์ พร้อมอยู่เคียงข้างทุกความเชื่อมั่น ดูแลกันตลอดไป

โครงการที่สร้างผลกระทบสูงจะช่วยแก้ไขปัญหาการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพผ่านการปลูกป่าและการฟื้นฟูระบบนิเวศ

เพื่อร่วมฉลองวันคุ้มครองโลก Earth Day ในปีนี้ นิสสัน ประเทศไทย ตอกย้ำความสำคัญของความตระหนักรู้เรื่องการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของนิสสัน ควบคู่ไปกับความรับผิดชอบต่อสังคมทั้งภายในและภายนอกองค์กร เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนและก้าวสู่เป้าหมายการสร้างสังคมคาร์บอนเป็นกลาง (Carbon Neutral)

นิสสัน ประเทศไทย ในฐานะศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ของนิสสันในอาเซียน เชื่อมั่นในพลังของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลง โดยการสรรค์สร้างนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และลงมือสร้างการเปลี่ยนแปลงที่จะช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม  ในการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน ขณะดียวกันก็ส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืน  นิสสันได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าและระบบขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า เช่น เทคโนโลยี อี-พาวเวอร์  รวมทั้งการส่งเสริมให้พนักงานและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเกิดความตระหนักรู้ในด้านการรักษาสิ่งแวดล้อม  โดยที่นิสสันได้ทำงานร่วมกับพันธมิตรทั้งในประเทศและทั่วโลก เพื่อพัฒนากระบวนการผลิต และเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งทำให้นิสสันได้รับรางวัลอุตสาหกรรมสีเขียว ระดับที่ 4 วัฒนธรรมสีเขียว (Green Culture) จากกระทรวงอุตสาหกรรมในปี 2565 ที่ผ่านมา

นิสสัน ประเทศไทย ได้นำข้อปฏิบัติในการทำงาน และปลูกฝังจิตสำนึกของพนักงานในด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทั้งในส่วนของสำนักงานและโรงงานผลิต เพื่อช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการดำเนินงานใน 4 ด้าน และพัฒนาองค์กรไปสู่ความยั่งยืนอย่างแท้จริง   ได้แก่

สร้างค่านิยมในการคัดแยกขยะ (Waste Separation)

การคัดแยกขยะถือเป็นก้าวแรกในการรักษาสิ่งแวดล้อม เนื่องจากขยะแต่ละประเภทมีวิธีจัดการที่แตกต่างกันออกไป นิสสันจึงได้ส่งเสริมให้มีการคัดแยกขยะอย่างถูกต้องทั้งในสำนักงานและโรงงานผลิต โดยคัดแยกออกเป็นขยะรีไซเคิล ขยะทั่วไป ขยะเปียก และขยะอันตราย  มีการนำขยะที่สามารถรีไซเคิลได้ไปผ่านกระบวนการรีไซเคิลเพื่อให้นำกลับมาสร้างประโยชน์ได้อีก และนำขยะที่แท้จริงไปกำจัด วิธีนี้สามารถช่วยลดปริมาณการเผาไหม้และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศ

การรีไซเคิลน้ำเพื่อให้การปล่อยน้ำเสียเป็นศูนย์ (Water Recycling and Zero Water Discharge)

ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557  นิสสันประเทศไทยริเริ่มใช้ระบบบำบัดน้ำเสียและการหมุนเวียนน้ำกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ ณ โรงงาน 2 ซึ่งเป็นสายการผลิตรถเพื่อการพาณิชย์ขนาดเล็ก เพื่อจัดการมลพิษทางน้ำ  เริ่มจากการนำเทคโนโลยีบำบัดน้ำเสียแบบ Recycle Reverse Osmosis System มาใช้ในโรงงาน ซึ่งช่วยให้นำน้ำเสียจากกระบวนการผลิตที่บำบัดแล้วกลับมาใช้ใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งได้รับประโยชน์จากการนำน้ำที่รีไซเคิลแล้ววันละกว่า 300 ลูกบาศก์เมตรมาใช้ในโรงงาน 2  ทำให้ไม่ต้องมีการปล่อยน้ำเสียสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ

เพิ่มพื้นที่สีเขียวผ่าน Tree Planting Project

นิสสัน ได้จัดกิจกรรมการปลูกต้นไม้ในพื้นที่โรงงานบนถนนบางนา-ตราด ก.ม. 21 และ 22 จ.สมุทรปราการ เพื่อเพิ่มอากาศบริสุทธิ์และพื้นที่สีเขียวให้กับสังคม ปัจจุบันพนักงานของนิสสันได้ร่วมกันปลูกต้นไม้ไปแล้วมากกว่า 900 ต้นในโครงการนี้ ช่วยเพิ่มปริมาณออกซิเจน ลดปริมาณฝุ่น pm 2.5 และช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศ และยังคงสามารถบรรลุเป้าหมายการเพิ่มพื้นที่สีเขียวได้อย่างต่อเนื่อง

การใช้พลังงานสะอาดในการผลิตไฟฟ้าผ่านโครงการระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar rooftop project)

ระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา คือ อีกหนึ่งนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนให้โรงงานผลิตรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ของนิสสันเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนมากขึ้น ด้วยการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาซึ่งมีพื้นที่มากกว่า 60,000 ตารางเมตร มีกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้าสูงถึง 5.5 เมกะวัตต์เพื่อใช้ในการผลิต ซึ่งนอกจากจะช่วยประหยัดพลังงานแล้ว ยังช่วยลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 5,100 ตันต่อปี ทำให้นิสสันเป็นหนึ่งในโรงงานในประเทศไทยที่มีฐานการผลิตพลังงานทดแทนจากแสงอาทิตย์ที่ใหญ่ที่สุดและสามารถนำพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้อย่างเป็นรูปธรรมมากที่สุดในอุตสาหกรรมยานยนต์

“สำหรับนิสสันแล้ว ทุกๆ วัน คือวันคุ้มครองโลก คือวัน Earth Day นิสสันในประเทศไทยมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนธุรกิจของเราไปข้างหน้าพร้อมกับเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันสังคมที่คาร์บอนเป็นกลาง  นิสสันจึงส่งเสริมให้พนักงานทุกคนได้ตระหนักถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทุกๆ วัน เราทำงานอย่างครบวงจร ทั้งในด้านการสร้างสรรค์นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม กระบวนการผลิตที่ยั่งยืนและหลีกเลี่ยงการเกิดมลภาวะโดยไม่จำเป็น และที่สำคัญ คือ การปลูกฝังให้พนักงานของเราตระหนักรู้และร่วมมือกันลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสิ่งแวดล้อมจนกลายเป็นวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่ง ทุกสิ่งที่เราทำในวันนี้ จะนำนิสสันก้าวไปสู่อนาคตของการปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ได้อย่างแท้จริง” อิซาโอะ เซคิกุจิ ประธาน นิสสัน ประเทศไทย และ ประธาน นิสสัน ภูมิภาคอาเซียน กล่าว

บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต ร่วมกับรายการThe First Ultimate เอาใจลูกค้าพาเที่ยวอิ่มบุญกับกิจกรรม “1 Day Trip in นครนายก” นำโดย คุณภาสิกา นาเมืองรักษ์ ผู้ช่วยรองประธาน หัวหน้าส่วนงานการสื่อสารสื่อดิจิทัล บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต (แถวหลัง คนที่ 7 จากซ้าย) ให้เกียรติกล่าวต้อนรับลูกค้าและเปิดงาน โดยกิจกรรมในครั้งนี้ เป็นกิจกรรมต่อยอดจาก“แคมเปญโฆษณา Make Time for me-time 2.0 ให้เวลาที่ควรให้กับตัวคุณเอง” ซึ่งเป็นการมอบประสบการณ์สุดพิเศษต่างๆ และช่วงเวลาดีๆ ให้กับลูกค้าคนสำคัญ อาทิ ไหว้พระขอพรเพิ่มความเป็นสิริมงคลตลอดปี ที่พุทธสถานจีเต็กลิ้ม และวัดมณีวงศ์ พร้อมทั้งอิ่มอร่อยกับร้านก๋วยเตี๋ยว และคาเฟ่ชื่อดังของจังหวัดนครนายก

กิจกรรมดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายของบริษัทฯ ที่มีลูกค้ามาเป็นที่หนึ่ง และพร้อมอยู่เคียงข้างทุกความเชื่อมั่น ดูแลกันตลอดไป สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกิจกรรม การบริการ และผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ได้ที่ โทร 1159 ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง หรือ https://www.krungthai-axa.co.th/

ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย มุ่งสร้างอนาคตเด็กไทยด้วยทักษะความรู้และภูมิคุ้มกันด้านการเงินให้กับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษา ผ่านหลักสูตรการเงินออนไลน์ “UOB Money 101: Teen Edition วัยรุ่นเก่งการเงิน” โดยร่วมกับโครงการร้อยพลังการศึกษา ดำเนินงานมาแล้ว 2 ปีนับตั้งแต่ปี 2564 มีนักเรียนมากกว่า 2,300 คน จาก 39 โรงเรียน ได้เข้าเรียนและรับความรู้เรื่องการเงินจากหลักสูตรการเงินทั้งจากห้องเรียนออนไลน์และห้องเรียนในโรงเรียนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และพร้อมเดินหน้าสานต่อในปี 2566

โดยเมื่อเร็วๆ นี้ ได้มีพิธีมอบเกียรติบัตรให้กับตัวแทนคุณครูและนักเรียนที่จบหลักสูตร UOB Money 101: Teen Edition วัยรุ่นเก่งการเงิน ปีการศึกษา 2565 ทั้งสิ้น 1,223 คน ณ อาคารยูโอบี พลาซา กรุงเทพ สำนักงานใหญ่ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย โดยมีผู้บริหารจากธนาคารยูโอบี ประเทศไทยและพันธมิตรโครงการเข้าร่วมในงาน

หลักสูตรการเงินออนไลน์ UOB Money 101: Teen Edition วัยรุ่นเก่งการเงิน ได้รับการออกแบบและพัฒนาขึ้นสำหรับเยาวชนโดยเฉพาะจากสถาบันความรู้การเงินมันนี่คลาส เพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้วิธีจัดการเงินให้มีประสิทธิภาพ และเข้าใจถึงการเตรียมความพร้อมเพื่อให้สามารถเริ่มต้นวางแผนและตั้งเป้าหมายการเงินได้ตั้งแต่วัยรุ่น โดยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ UOB My Digital Space ซึ่งมีแผนดำเนินโครงการในระยะยาวเพื่อลดช่องว่างทางการศึกษาของเด็กที่ด้อยโอกาสทั่วทั้งภูมิภาคให้เข้าถึงโอกาสในการเรียนรู้ผ่านช่องทางดิจิทัล และเชื่อมโยงพวกเขาสู่โลกแห่งโอกาสการเรียนรู้ดิจิทัล

เอสซีจี เคมิคอลส์ หรือ เอสซีจีซี (SCGC) ผู้นำธุรกิจเคมีภัณฑ์ครบวงจรเพื่อความยั่งยืน

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน)  หรือซีพีเอฟ เดินหน้าปลูกป่าใหม่เพิ่มเติม

มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท ผนึกกำลังมูลนิธิแคร์ฟอร์ชิลเดรน เสริมแกร่งแนวทางขับเคลื่อนโครงการฯ

X

Right Click

No right click