

นีเวีย สานต่อโครงการ NIVEA CONNECT พันธกิจที่ทำในอีกกว่า 30 ประเทศทั่วโลก ต่อยอดจากงานวิจัย NIVEA CONNECT Compass ที่เปิดเผยข้อมูล “ความเหงา” ในมิติใหม่ของสังคมไทย
“โชกุบุสซึ โมโนกาตาริ” ผู้นำตลาดผลิตภัณฑ์ครีมอาบน้ำในประเทศไทย คุณภาพญี่ปุ่นที่ได้การตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคต่อเนื่อง ภายใต้ บริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด เดินหน้าตอกย้ำ Brand Purpose ของโชกุบุสซึที่ต้องการดูแลสุขภาพผิวอย่างอ่อนโยน พร้อมส่งเสริมความยั่งยืนต่อสิ่งแวดล้อม จึงได้จับมือกับแบรนด์แฟชั่นไฮเอนด์ของไทย “PIPATCHARA” ที่เคยถูกเลือกไปสวมใส่โดยศิลปินระดับโลก อาทิ ลิซ่า หรือ แอนน์ แฮททาเวย์ ทั้งสองแบรนด์ได้จับมือกัน เปิดตัวแคมเปญ “Go Green Go Glam” นำขวดพลาสติกใช้แล้วมาแปรรูปเป็นชุดแฟชั่นและกระเป๋าลิมิเต็ดผลงานสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ตอกย้ำว่าแฟชั่นและความยั่งยืนสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสง่างาม
นางสาววรรัช เอกอวัสดาพร ผู้จัดการส่วนผลิตภัณฑ์ดูแลความงาม บริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “ตลอดเวลาที่ผ่านมา โชกุบุสซึ ยึดมั่นในพันธกิจส่งมอบความงามจากธรรมชาติ ควบคู่กับการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน เราเลือกใช้สารทำความสะอาดจากพืชธรรมชาติถึง 99% พัฒนานวัตกรรมบรรจุภัณฑ์น้ำหนักเบา ทำให้สามารถลดการใช้พลาสติกได้มากกว่า 42 ตันต่อปี รวมถึงช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก นอกจากนี้ ที่ผ่านมา โชกุบุสซึ ยังเลือกใช้วัตถุดิบจากเกษตรกรไทย พร้อมพัฒนาผลผลิตจากวัตถุดิบเหลือทิ้ง เช่น เมล็ดมะไฟจีนในจังหวัดน่าน ซึ่งไม่เพียงช่วยสร้างคุณค่าด้านสิ่งแวดล้อม แต่ยังยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) อีกด้วย
สำหรับในปีนี้ โชกุบุสซึ ต่อยอดเจตนารมณ์ดังกล่าวด้วยการร่วมงานกับ PIPATCHARA ซึ่งมีแนวทางด้านความยั่งยืนสอดคล้องกัน สร้างสรรค์แคมเปญ ‘Go Green Go Glam’ เปิดโอกาสให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมได้ด้วยการบริจาคขวดครีมอาบน้ำโชกุบุสซึเหลือใช้ไปหย่อนที่ตู้รีไซเคิลใน Tops 5 สาขาทั่วกรุงเทพ ฯ ฝาขวดเหล่านี้จะถูกแปรรูปและดีไซน์เป็นแฟชั่นไอเท็มสุดพิเศษ เพื่อนำไปจัดประมูลผ่านช่องทางอินสตาแกรม @PIPATCHARA ในวันที่ 18 ตุลาคม 2568 โดยรายได้ทั้งหมดจากการประมูลจะถูกมอบต่อให้กับมูลนิธิสติ (SATI Foundation) ถือเป็นการเปลี่ยนพลาสติกเหลือใช้ให้กลายเป็นพลังบวกเพื่อโลกอย่างแท้จริง”

ด้าน นางสาวภิพัชรา แก้วจินดา ดีไซเนอร์และผู้ก่อตั้งแบรนด์แฟชั่น PIPATCHARA กล่าวเสริมว่า “สำหรับ PIPATCHARA การทำงานครั้งนี้คือการพิสูจน์ว่าความสวยงามและความยั่งยืนสามารถหลอมรวมกันได้จริง เรานำฝาขวดครีมอาบน้ำโชกุบุสซึมาแปรรูป สร้างเป็นชุดแฟชั่นและกระเป๋าลิมิเต็ด ทุกชิ้นไม่เพียงสะท้อนความประณีตของงานดีไซน์ แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนขยะให้มีคุณค่า และเป็นแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่เห็นว่าการรักษ์โลกไม่ใช่เรื่องไกลตัว แต่คือสไตล์ชีวิตที่สง่างามและน่าภาคภูมิใจ
ที่สำคัญ การร่วมงานครั้งนี้ยังช่วยต่อยอดทักษะและงานฝีมือของชุมชน ให้สามารถสร้างรายได้และความภาคภูมิใจในผลงานที่ได้มีส่วนร่วม ซึ่งเป็นหัวใจเดียวกันที่ทั้งสองแบรนด์ให้ความสำคัญ”
สำหรับกิจกรรมในแคมเปญ “Go Green Go Glam” ได้คิกออฟเชิญชวนให้ผู้บริโภคนำขวดครีมอาบน้ำโชกุบุสซึที่ใช้หมดแล้ว ไปหย่อนที่ Recycle Station ใน Tops 5 สาขา ได้แก่ เซ็นทรัลเวิลด์, เซ็นทรัลอีสต์วิลล์, เซ็นทรัลเวสต์วิลล์, เซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ และเซ็นทรัลบางนา ตั้งแต่วันที่ 1-30 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา โดยผู้ร่วมบริจาคจะได้รับคูปองส่วนลด 40 บาท สำหรับซื้อสินค้าโชกุบุสซึ และสามารถสะสมคะแนนเพื่อลุ้นรับสร้อยข้อมือคอลเลกชันพิเศษจาก PIPATCHARA
แคมเปญครั้งนี้ไม่เพียงสะท้อนถึงพลังของความร่วมมือระหว่างแบรนด์ไทยที่มีหัวใจรักษ์โลก แต่ยังตอกย้ำว่า “แฟชั่น” และ “ความยั่งยืน” สามารถก้าวเดินไปด้วยกันได้อย่างสง่างาม เพื่อส่งต่อโลกที่งดงามและยั่งยืนให้กับคนรุ่นต่อไป
ว่าที่ร้อยตรี ภูวไนย จารุพันธุ์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาสินทรัพย์ภาคเหนือตอนล่าง นายดนัย ด้วงเจริญ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร นายสิงห์ สุขโท้ ผู้จัดการสำนักงานพิษณุโลก นายวรา สวัสดีผล ผู้จัดการสำนักงานนครสวรรค์ นางสาวชฎาภรณ์ วงศ์ชีวะ ผู้จัดการกลุ่มประชาสัมพันธ์ พร้อมพนักงาน บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM มอบเงินสนับสนุนโครงการโรงเรียนต้นคิด ชีวิตยั่งยืน จำนวน 100,000 บาท ให้กับโรงเรียนบ้านเนินทองราษฎร์พัฒนา อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก โดยมี นางชฑรัช วงษ์ยอด ผู้อำนวยการโรงเรียนเป็นผู้รับมอบ

BAM ได้จัดทำโครงการโรงเรียนต้นคิด ชีวิตยั่งยืน ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 เพื่อให้นักเรียนได้จัดทำแปลงเกษตร สำหรับเป็นอาหารกลางวัน รวมไปถึงการเลี้ยงไก่ไข่ ปลูกผัก บนแปลงเกษตร รวมทั้งเก็บเห็ดนางฟ้านำไปประกอบอาหารตามหลักโภชนการ เพื่อเสริมสร้างสุขภาพที่ดีสมวัย เพิ่มความรู้และความเข้าใจการทำการเกษตรอย่างถูกต้อง อีกทั้งยังเป็นการเสริมสร้างความรู้ด้านเกษตรตามแผนการเรียนการสอนของโรงเรียนอีกด้วย
เอไอเอ ประเทศไทย พร้อมด้วยพันธมิตรด้านความยั่งยืนอย่าง กรุงเทพมหานคร และศูนย์สิ่งแวดล้อมศึกษา (EEC) เดินหน้าสานต่อแคมเปญ AIA+ Go Green ปีที่ 2 ภายใต้สโลแกน “AIA+ พลัสชีวิตดี ๆ ให้คุณ” ร่วมรณรงค์การทำ ธุรกรรมแบบไร้กระดาษ (Paperless Transactions) โดยเชิญชวนให้ลูกค้าสมัครใช้บริการ E-Document (เอกสารอิเล็กทรอนิกส์) และ E-Receipt (ใบเสร็จอิเล็กทรอนิกส์) ผ่านแอปพลิเคชัน AIA+ (เอไอเอ พลัส) โดยทุก ๆ 10 กรมธรรม์ เอไอเอ จะปลูกต้นไม้เพิ่มหนึ่งต้น พร้อมตั้งเป้าหมาย 100,000 กรมธรรม์ หรือเท่ากับ 10,000 ต้น ทั่วกรุงเทพมหานคร ซึ่งจะสามารถช่วยลดการใช้กระดาษได้มากกว่า 400,000 แผ่นต่อปี เทียบเป็นจำนวนต้นไม้ถึง 48 ต้น ถือเป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำด้าน ESG ของ เอไอเอ เพื่อมุ่งสร้างสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืนให้แก่ผู้คนและสังคมไทย
ทั้งนี้ AIA+ เป็นแอปพลิเคชันที่มอบความสะดวกในการตรวจสอบรายละเอียดกรมธรรม์ การชำระเบี้ยประกันภัย การยื่นเคลม การเข้าถึงบริการสุขภาพและการดูแลชีวิตได้อย่างครบวงจร รวดเร็ว ปลอดภัย ตามสโลแกน AIA+ พลัสชีวิตดี ๆ ให้คุณ
![]()
นายนิคฮิล แอดวานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่า “แคมเปญ AIA+ Go Green สะท้อนความมุ่งมั่นของ เอไอเอ ในการขับเคลื่อนความยั่งยืนผ่านเทคโนโลยีและการดูแลสุขภาพ และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ซึ่งล้วนเป็นองค์ประกอบสำคัญของการมีชีวิตที่ดีอย่างแท้จริง ทั้งยังสอดคล้องกับพันธกิจ AIA One Billion ที่มุ่งสนับสนุนการสร้างสุขภาวะที่ดีให้กับผู้คนหนึ่งกว่าพันล้านคนภายในปี 2573 ตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives เพื่อสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น’
โดยปีนี้เราได้ร่วมมือกับกรุงเทพมหานคร และ EEC พันธมิตรด้านสิ่งแวดล้อม ในการปลูกต้นไม้ 10,000 ต้น เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวในกรุงเทพมหานคร และสร้างแรงบันดาลใจให้ประชาชนหันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เพราะสิ่งแวดล้อมที่ดีย่อมส่งเสริมให้ผู้คนมีสุขภาพและชีวิตที่ดีได้อย่างยั่งยืน อีกทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ Rethink Healthy ที่เอไอเอ ต้องการสนับสนุนให้ทุกคนปรับมุมมองเกี่ยวกับสุขภาพ โดยเน้นให้เห็นว่า ‘สุขภาพดี’ ไม่ได้หมายถึงแค่ร่างกายแข็งแรงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการมีจิตใจที่ดี ความมั่นคงทางการเงิน และการอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดีต่อสุขภาพ ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถเริ่มต้นได้จากการลงมือทำสิ่งเล็ก ๆ ที่เราทำได้ด้วยตัวเอง เช่น การเลือกเดินแทนการใช้รถ การลดการใช้พลาสติก หรือการปลูกต้นไม้ที่บ้าน เมื่อทำอย่างสม่ำเสมอ สิ่งเล็ก ๆ เหล่านี้จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ ทั้งในระดับบุคคลและสังคม เราจึงอยากเชิญชวนทุกคนให้มาร่วมกันนิยามความหมายใหม่ของสุขภาพดีในแบบของตนเอง พร้อมร่วมดูแลโลกใบนี้ให้เป็นพื้นที่ที่เอื้อต่อการมีชีวิตที่ยั่งยืน”
![]()
นายนิคฮิล แอดวานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอ ประเทศไทย
นายสุธนิศร์ สุริโยทัย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ เอไอเอ ประเทศไทย เสริมว่า “การเดินหน้าสู่ปีที่สองของแคมเปญ AIA+ Go Green เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการสะท้อนพันธกิจด้าน ESG ของ เอไอเอ ด้านการสร้างสมดุลระหว่างการเติบโตทางธุรกิจ การดูแลผู้คน และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การส่งเสริมให้ลูกค้าหันมาใช้ E-Document แทนเอกสารกระดาษ จึงไม่เพียงช่วยลดการใช้ทรัพยากร แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของการลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของ เอไอเอ ในการก้าวสู่ Net Zero ภายในปี 2593 ภายใต้การขับเคลื่อน ESG ที่ครอบคลุมทั้งด้านสุขภาพ การลงทุน การดำเนินงาน บุคลากร และการกำกับดูแลองค์กรที่เข้มแข็ง”
![]()
นายสุธนิศร์ สุริโยทัย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ เอไอเอ ประเทศไทย
ดร. คริสเตียน โรแลนด์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์และดิจิทัล เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่า “เอไอเอ ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล (Digital Transformation) ผ่านแอปพลิเคชัน AIA+ ที่ออกแบบมาเพื่อมอบความสะดวกสบายควบคู่กับความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผู้ใช้สามารถเข้าร่วมแคมเปญ AIA+ Go Green ได้ภายในแอป ทำให้การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมกลายเป็นกิจกรรมง่าย ๆ ในชีวิตประจำวัน นอกจากจะช่วยลดการใช้กระดาษแล้ว AIA+ ยังมีระบบความปลอดภัยสูง จึงมั่นใจได้ว่าเอกสารสำคัญจะถูกเก็บไว้อย่างปลอดภัยและพร้อมใช้งานตลอดเวลา ลดปัญหาเอกสารสูญหายหรือค้นหาไม่เจอ ยกระดับการเข้าถึงบริการ เอไอเอ ผ่านโทรศัพท์มือถือแบบไร้รอยต่อ นอกจากนี้ เอไอเอ ยังเตรียมต่อยอดประสบการณ์จากแอปพลิเคชัน AIA+ สู่โลกจริง ผ่านกิจกรรม AIA+ Go Green Grooving in the Park ในปีหน้า เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสการมีส่วนร่วมด้านความยั่งยืนในมิติใหม่ เชื่อมโยงการใช้งานดิจิทัลเข้ากับกิจกรรมไลฟ์สไตล์ที่สนุกและสร้างสรรค์ สอดคล้องกับพันธกิจด้าน ESG ของ เอไอเอ ในการดูแลผู้คนและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน”
![]()
ดร. คริสเตียน โรแลนด์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์และดิจิทัล เอไอเอ ประเทศไทย
ด้านพันธมิตรหลักอย่าง นายอเล็กซ์ เรนเดลล์ ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์สิ่งแวดล้อมศึกษา (EEC) กล่าวว่า “เรามีความภูมิใจที่ได้สานต่อความร่วมมือกับ เอไอเอ โดยความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นการตอกย้ำเจตนารมณ์ร่วมกันในการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนและได้มีบทบาทในการสนับสนุน เอไอเอ ในการผลักดันแคมเปญที่สร้างคุณค่าต่อธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นการปลูกต้นไม้เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว และสงเสริมการลดใช้ทรัพยากรที่ไม่จำเป็น เราเชื่อมั่นว่าแคมเปญนี้จะช่วยสร้างความตระหนักรู้ด้านสิ่งแวดล้อมให้กับเยาวชนและคนรุ่นใหม่ พร้อมกระตุ้นให้ทุกคนหันมาเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลรักษาธรรมชาติอย่างจริงจัง”
![]()
นายอเล็กซ์ เรนเดลล์ ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์สิ่งแวดล้อมศึกษา (EEC)
ทั้งนี้ เอไอเอ เตรียมจัดงาน AIA+ Go Green Festival – Grooving in the Park ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2569 ณ สวนเบญจกิติ ร่วมกับ กรุงเทพมหานคร และพันธมิตร อาทิ EEC, Layers of emotions, Aura, Absolute Boutique Fitness Studio, FORM Recovery, Yolo, McDonald's, สมิติเวช และอื่น ๆ โดยในงานจะมีกิจกรรมมากมายที่จะมอบประสบการณ์ ความสนุกสนานควบคู่กับการเรียนรู้เรื่องความยั่งยืน ผ่านคอนเสิร์ตจากวงลิปตา กิจกรรมเวิร์กชอป การจัดการขยะ และ การเดินทางที่ลดการปล่อยคาร์บอน ซึ่งนับเป็นงการผนวกความบันเทิงและสร้างการมีส่วนร่วมด้านสิ่งแวดล้อมเข้าด้วยกันอย่างลงตัว
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า “กรุงเทพมหานคร มุ่งมั่นสร้างพื้นที่สีเขียวร่วมกับภาคเอกชน เพื่อยกระดับคุณภาพเมืองและคุณภาพชีวิตของประชาชน สวนเบญจกิติเป็นพื้นที่ต้นแบบที่ผสานวิถีชีวิตคนเมืองเข้ากับธรรมชาติได้อย่างลงตัว การจัดกิจกรรมสร้างสรรค์ภายในสวน นอกจากจะสอดคล้องกับนโยบายของเราในการปลูกต้นไม้หนึ่งล้านต้นในกรุงเทพฯ แล้ว ยังช่วยสร้างความตระหนักรู้และให้คนเมืองเห็นคุณค่าถึงความสำคัญของธรรมชาติมากยิ่งขึ้น กรุงเทพมหานครขอขอบคุณ เอไอเอ ที่ขับเคลื่อนแคมเปญด้านความยั่งยืนมาอย่างต่อเนื่อง ความร่วมมือครั้งนี้ช่วยส่งเสริมให้ประชาชนมีวิถีชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และสนับสนุนการพัฒนากรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองที่น่าอยู่สำหรับทุกคนต่อไป”
![]()
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ AIA+ Go Green เพื่อร่วมกันรักษ์โลกและสร้างความยั่งยืนไปกับ เอไอเอ โดยการเปลี่ยนสู่ธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ที่สะดวกและปลอดภัย เพียงดาวน์โหลดแอป AIA+ และสมัครรับบริการ E-Document และ E-Receipt ได้ตั้งแต่วันที่ 14 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2568 เพื่อมีสิทธิรับบัตร AIA+ Go Green - Grooving in the Park ในวันเสาร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2569
![]()
ลูกค้า เอไอเอ สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน AIA+ ลงทะเบียนรับ E-Document และ E-Receipt ได้แล้ววันนี้ผ่านสมาร์ต ดีไวซ์บนระบบปฏิบัติการ iOS และ Android
กรุงเทพประกันชีวิต เดินหน้าสานต่อพันธกิจด้านความรับผิดชอบต่อสังคม ผ่านโครงการ “สานฝันจากพี่สู่น้อง” ประจำปี 2568 โดยกลุ่มตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาทางการเงินจาก Bangkok Life Top 100 Club พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงนำโดย นายโชน โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นายจักรพงศ์ แสงแก้ว ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สายงานตัวแทนและที่ปรึกษาทางการเงิน และ นางสาวอรนาฎ นชะพงษ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สายกลยุทธ์การตลาดและบริหารจัดการ ร่วมจัดกิจกรรมส่งเสริมเยาวชนไทยให้เข้าถึงการศึกษา มีพัฒนาการ และสุขภาพที่ดี ณ ศูนย์การศึกษาพิเศษจังหวัดสระบุรี และโรงเรียนบ้านคลองเดื่อ จังหวัดนครราชสีมา

นายโชน กล่าวว่า กรุงเทพประกันชีวิต ตระหนักถึงการมีส่วนร่วมในความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม จึงมุ่งมั่นตั้งใจและใส่ใจในการเติบโตของเยาวชนซึ่งถือเป็นอนาคตของชาติ โดยต้องการให้เด็กๆ สามารถเข้าถึงการศึกษา มีพัฒนาการและสุขภาพอนามัยที่ดี จึงได้จัดกิจกรรม “Top 100 สานฝันจากพี่สู่น้อง” อย่างต่อเนื่องทุกปี และในปี 2568 นี้ กรุงเทพประกันชีวิตดำเนินธุรกิจครบ 74 ปี จึงได้มีความร่วมมือร่วมใจกันระหว่างตัวแทนประกันชีวิต ที่ปรึกษาทางการเงิน ผู้บริหารของบริษัท รวมถึงพนักงาน จำนวน 150 คน จัดกิจกรรมในช่วง 3 วันเต็ม ระหว่างวันที่ 17–19 กันยายน ที่ผ่านมา

สำหรับสถานศึกษาแห่งแรกของโครงการ “สานฝันจากพี่สู่น้อง” ได้ดำเนินกิจกรรมที่ ศูนย์การศึกษาพิเศษ จังหวัดสระบุรี โดยได้สนับสนุนอุปกรณ์ป้องกันการเกิดอุบัติเหตุภายในห้องกิจกรรมบำบัด อาทิ ผนังบุกันกระแทก โฟมปูพื้นห้อง รวมถึงอุปกรณ์เสริมสร้างพัฒนาการ และยังปรับปรุงอุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้อง อาทิ โทรทัศน์แขวนผนัง พัดลมระบายอากาศ รวมทั้งจัดเลี้ยงอาหารกลางวัน

สำหรับสถานศึกษาแห่งที่ 2 ได้จัดกิจกรรมที่ โรงเรียนบ้านคลองเดื่อ จังหวัดนครราชสีมา โดยสนับสนุนระบบน้ำดื่มที่สะอาด จึงได้ทำการติดตั้งถังเก็บน้ำ ระบบกรองน้ำ และเครื่องกดน้ำที่ได้คุณภาพ พร้อมทั้งปรับปรุงสนามเด็กเล่นเพื่อเสริมสร้างพัฒนาการ รวมถึงพื้นที่บริเวณโดยรอบ อีกทั้งยังได้มอบอุปกรณ์การเรียนการสอน อุปกรณ์ทำอาหาร รวมทั้งทุนการศึกษาอีกด้วย

ดร.ทอภัค ด่านกระโทก ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านคลองเดื่อ กล่าวว่า ขอขอบคุณกรุงเทพประกันชีวิตที่ได้มอบสิ่งต่างๆ ให้กับโรงเรียนในวันนี้ ทั้งน้ำดื่มสะอาด พื้นที่การเรียนรู้ สนามเด็กเล่นรวมถึงการปรับปรุงภูมิทัศน์และอุปกรณ์การเรียนการรับประทานอาหาร ทุนการศึกษา และยังเลี้ยงอาหารกลางวันให้เด็กๆ เราเป็นโรงเรียนขนาดเล็กที่ผ่านมาเราขับเคลื่อนด้วยการสนับสนุนจากชุมชน ซึ่งในวันนี้กรุงเทพประกันชีวิตได้เข้ามาสนับสนุนและช่วยเหลือ ซึ่งทำให้คุณครูของเราสามารถนำไปใช้ในการจัดการการเรียนรู้และพัฒนาให้กับนักเรียนในท้ายที่สุด

“กรุงเทพประกันชีวิต เชื่อมั่นว่า การเป็นองค์กรที่ดีของสังคมมีจุดเริ่มต้นที่ความใส่ใจ ไม่ว่าจะเป็นลูกค้า พนักงาน ตัวแทนประกันชีวิต ที่ปรึกษาทางการเงิน และคู่ค้า ควบคู่ไปกับการดูแลชุมชนและสังคม ซึ่งพวกเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า สิ่งต่างๆ ที่มอบให้กับน้องๆ ศูนย์การศึกษาพิเศษ จังหวัดสระบุรี และนักเรียนโรงเรียนบ้านคลองเดื่อ จะช่วยส่งเสริมและพัฒนาให้เด็กๆ ได้เติบโตอย่างมีคุณภาพ มีชีวิตที่ดี และมีความสุขในการเรียน เป็นกำลังหลักที่สำคัญของประเทศต่อไป” นายโชนกล่าว
บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต นำโดย คุณณัฐพิสิษฐ์ ครุฑครองชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (คนที่ 8 จากซ้าย แถวที่สาม) และ คุณบุปผาวดี โอวรารินท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายการตลาด (คนที่ 9 จากซ้าย แถวที่สาม) นำทีมคณะผู้บริหาร พนักงาน และฝ่ายขายจิตอาสา ร่วมเดินหน้าสร้างความยั่งยืนให้กับชุมชน ผ่านกิจกรรมปลูกข้าว พร้อมทั้งมอบอุปกรณ์ไฟแสงสว่างระบบโซลาร์เซลล์และพันธุ์ปลานานาชนิด ภายใต้โครงการ “แผ่นดินทองเพื่อน้องๆ บ้านนานา ปีที่ 18” ณ. มูลนิธิพันธกิจเด็กและชุมชน บ้านนานา อ. แม่สาย จ. เชียงราย ซึ่งเป็นโครงการที่บริษัทฯ จัดทำอย่างต่อเนื่อง และช่วยสร้างรายได้ที่ยั่งยืน โดยสามารถช่วยสร้างผลผลิตข้าวให้แก่ชุมชนเพิ่มขึ้น จาก 2,000 ก.ก. ต่อปี เป็นมากกว่า 7,000 ก.ก. ต่อปี

กิจกรรมแผ่นดินทองเพื่อน้องๆ บ้านนานา เป็นกิจกรรมที่ตอกย้ำปรัชญาการทำกิจกรรมเพื่อสังคมของ กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต ที่มุ่งเน้น “การให้โอกาส ไม่ใช่เพื่อการกุศล – Opportunity, not Charity” ซึ่งมีจุดมุ่งหมายในการสนับสนุนให้เด็กทุกคนสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างมีความสุข ทั้งยังสามารถแบ่งเบาภาระของผู้ปกครอง รวมทั้งสร้างอาชีพและรายได้ให้กับชุมชน พร้อมทั้งเป็นแรงบันดาลใจ และจุดประกายให้หลายๆ ชุมชนของไทย เชื่อว่าทุกคนทำได้ หรือ Know You Can โดยบริษัทฯ พร้อมอยู่เคียงข้างทุกความเชื่อมั่น ดูแลกันตลอดไป
มูลนิธิกรุงศรี โดย นายไพโรจน์ ชื่นครุฑ (กลาง) ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านกลยุทธ์และวางแผนธุรกิจองค์กร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จํากัด (มหาชน) ในฐานะผู้แทนมูลนิธิกรุงศรี มอบทุนการศึกษาจํานวน 110,000 บาท แก่เยาวชนที่มีผลการเรียนและความประพฤติดีในความดูแลของสถานสงเคราะห์เด็กชายบ้านมหาเมฆ เนื่องในโอกาสวันเยาวชนแห่งชาติ ประจําปี 2568 ณ อาคารริมน้ำ สำนักงานใหญ่ กรุงศรี ทั้งนี้ มูลนิธิกรุงศรีได้มอบทุนการศึกษาเพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษาแก่เยาวชนจากสถานสงเคราะห์เด็กชายบ้านมหาเมฆมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 8 โดยมีเยาวชนได้รับทุนการศึกษาทั้งสิ้น 120 ทุน
สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) เดินหน้าสร้าง “วัฒนธรรมแห่งการให้ที่ยั่งยืน” ผ่านกิจกรรม “รวมพลังประกันภัย ให้โลหิต ครั้งที่ 3 ประจำปี 2568” โดยเชิญชวนผู้บริหาร พนักงาน ตลอดจนภาคอุตสาหกรรมประกันภัย ร่วมเป็น “ผู้ให้” ด้วยการบริจาคโลหิต ซึ่งนับเป็นการให้ที่ทรงคุณค่าและช่วยต่อชีวิตของผู้อื่น

กิจกรรมครั้งนี้จัดขึ้น ณ ห้องประชุมชั้น 1 สถาบันวิทยาการประกันภัยระดับสูง สำนักงาน คปภ. ถนนรัชดาภิเษก โดยมีผู้เข้าร่วมบริจาคกว่า 100 คน สามารถรวบรวมโลหิตได้ 94 ยูนิต หรือประมาณ 37,950 ซีซี ซึ่งทั้งหมดจะถูกส่งมอบให้ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย เพื่อนำไปสำรองไว้ใช้รักษาผู้ป่วยทั่วประเทศ

ทั้งนี้ การจัดกิจกรรมดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “รวมพลังประกันภัยให้โลหิต” ปีที่ 2 (ประจำปี 2568) ซึ่งตั้งเป้าหมายการรวบรวมโลหิตให้ครบ 10 ล้านซีซี ภายในสิ้นปี เพื่อสนับสนุนให้ประเทศมีปริมาณโลหิตเพียงพอต่อการรักษาพยาบาลผู้ป่วยที่ต้องการความช่วยเหลือ โดยกิจกรรมนี้นับเป็นอีกหนึ่งโครงการสำคัญที่ภาคอุตสาหกรรมประกันภัยได้ร่วมกันขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการคืนคุณค่าสู่สังคม ตลอดจนการส่งต่อความห่วงใยและการแบ่งปันแก่เพื่อนมนุษย์ เพราะทุกหยดโลหิตจากคุณ คือพลังที่สามารถต่อชีวิตและสร้างความหวังให้ใครอีกหลายคนบนโลกใบนี้
อย่างไรก็ตาม สำนักงาน คปภ. ยังคงเดินหน้าสานต่อกิจกรรมเพื่อสังคมอย่างไม่หยุดยั้ง โดยกำหนดจัดกิจกรรม “รวมพลังประกันภัยให้โลหิต ครั้งที่ 4” ขึ้นในวันที่ 22 ธันวาคม 2568 เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกคนได้ร่วมสร้าง “พลังแห่งการให้” อันยิ่งใหญ่อีกครั้ง และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเปลี่ยนชีวิตของผู้ป่วยให้เดินต่อไปได้
เมื่อเร็วๆ นี้ ณ ศูนย์การค้าเอ็มโพเรียม เต็มเปี่ยมด้วยความหมาย และความงดงามในทุกมิติ โดยมีบุคคลสำคัญจากหลายแวดวงเข้าร่วมงานอาทิ คุณบุษดี เจียรวนนท์, คุณนวลพรรณ ล่ำซำ, คุณเกรซ มหาดำรงกุล, และอีกหลายท่าน สะท้อนพลังแห่งความร่วมมือ และตอกย้ำความสำคัญของการ “ส่งต่อคุณค่า” จากศิลปะสู่การช่วยเหลือสังคม

บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM ได้เป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนภาพถ่ายพิมพ์สีบนผ้าใบ ชื่อผลงาน เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ ในงานแสดงนิทรรศการ “Harmony of Rattanakosin” งานศิลปะครั้งสำคัญที่สะท้อนความงดงามและคุณค่าทางวัฒนธรรมของรัตนโกสินทร์อันทรงคุณค่าจากศิลปินภาพถ่ายระดับโลก และศิลปินแห่งชาติ นับเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ผสานพลังแห่งศิลปะกับการแบ่งปัน เพื่อสร้างประโยชน์คืนกลับสู่สังคมร่วมกันเป็นจำนวน 1,000,000 บาท เพื่อส่งต่อให้กับมูลนิธิถันยรักษ์ ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการดูแลผู้ป่วยมะเร็งเต้านม และพัฒนางานวิจัยทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องและช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้ให้สามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลอย่างเท่าเทียม

การมีส่วนร่วมครั้งนี้ยังสะท้อนวิสัยทัศน์ของ BAM ที่มุ่งมั่นยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ตลอดจนสนับสนุนการวิจัยและการรักษาโรคมะเร็งเต้านม ซึ่งนับเป็นภัยเงียบที่คร่าชีวิตสตรีไทยจำนวนมาก ในแต่ละปี ทั้งยังเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้สังคมไทยหันมาใส่ใจสุขภาพและร่วมมือกันเพื่อสร้างสังคมที่เข้มแข็ง และมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น
บมจ. กรุงไทย–แอกซ่า ประกันชีวิต มุ่งมั่นเคียงข้างคนไทย ผ่านกิจกรรม “คาราวานตรวจสุขภาพทั่วไทย” ตรวจสุขภาพพื้นฐานฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากโรงพยาบาลในเครือข่าย โดยล่าสุดบริษัทฯ ได้ให้บริการตรวจสุขภาพฟรีแก่ลูกค้าและประชาชนทั่วไป ใน 2 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดศรีสะเกษ และ กรุงเทพฯ ในพื้นที่สถานีรถไฟใต้ดิน พระราม 9 กรุงเทพมหานคร นอกจากนั้นทางบริษัทฯ ได้มอบถุงยังชีพให้แก่ประชาชนในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อช่วยบรรเทาทุกข์จากผลกระทบน้ำท่วมหนักในหลายพื้นที่ของจังหวัด
ทางบริษัทฯ เชื่อมั่นว่าสุขภาพที่ดี คือรากฐานของชีวิตที่มั่นคง จึงมุ่งมั่น ทุ่มเท มอบความห่วงใย และสุขภาพที่ดีให้คนไทยผ่านโครงการดังกล่าว พร้อมทั้งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการเคียงข้างคนไทย ยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น และส่งเสริมการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพอย่างเท่าเทียม ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายบริษัทฯ ที่พร้อมเคียงข้างทุกความเชื่อมั่น ดูแลกันตลอดไป ทั้งนี้สำหรับท่านที่สนใจเข้ารับบริการ สามารถดูรายละเอียดวัน และสถานที่ให้บริการคาราวานตรวจสุขภาพทั่วไทยประจำเดือนกันยายน-เดือนตุลาคม ได้ที่ https://www.krungthai-axa.co.th/caravan-health-check-2025 หรือ โทร. 1159
วัตสัน ผู้นำร้านเพื่อสุขภาพและความงามอันดับหนึ่งของประเทศไทย เดินหน้าตอกย้ำเจตนารมณ์ในการเป็นเพื่อนคู่ซี้ ที่อยู่เคียงข้างและดูแลทุกคนในทุกช่วงเวลาของชีวิตไปพร้อมกับสังคมอย่างยั่งยืน โดยร่วมมือกับสมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ (บ้านพักฉุกเฉิน) และพันธมิตร จัดกิจกรรมการกุศลด้วยการระดมทุนช่วยเหลือผู้หญิงและเด็กที่อยู่ในการดูแลของสมาคมฯ เนื่องในโอกาสครบรอบ 29 ปี วัตสัน ประเทศไทยอย่างยิ่งใหญ่ เพื่อสนับสนุนและยกระดับคุณภาพชีวิตของเด็กและสตรีที่ให้กลับสู่สังคมอย่างมีความสุขได้อีกครั้ง
นวลพรรณ ชัยนาม กรรมการผู้จัดการ วัตสัน ประเทศไทย กล่าวว่า “วัตสันเชื่อมั่นในการทำธุรกิจที่ยั่งยืนควบคู่ไปกับการดูแลสังคมและคนไทย โดยเฉพาะการให้โอกาสกับเด็กและสตรี ผ่านกิจกรรมการกุศลที่ร่วมกับสมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ โดยปีนี้วัตสันขอสานต่อเจตนารมณ์ดังกล่าว ด้วยการจัดกิจกรรมระดมทุนเข้าสมาคมฯ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนสตรีและเด็กที่ต้องการความช่วยเหลือต่อไป”

ดร.เมทินี พงษ์เวช เลขาธิการฯและกรรมการ สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ บ้านพักฉุกเฉิน กล่าวว่า “ทางสมาคมฯ ขอขอบคุณวัตสันเป็นอย่างสูง ที่เล็งเห็นถึงความสำคัญและให้การสนับสนุนการดำเนินงานของเราอย่างต่อเนื่อง ความช่วยเหลือในครั้งนี้จะช่วยสร้างพื้นที่พักพิงที่ปลอดภัย เติมเต็มความหวังและรอยยิ้มให้พวกเขาสามารถก้าวต่อไปในสังคมได้อย่างเข้มแข็งและยั่งยืน”

ตลอดเส้นทางของการเติบโต วัตสันยืนหยัดเคียงข้างสังคมไทย ต่อยอดการสร้างสรรค์สิ่งดีๆ คืนสู่สังคม ผ่านการสนับสนุนสมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ (บ้านพักฉุกเฉิน) ที่ดำเนินการต่อเนื่องมานานกว่า 19 ปี ซึ่งไฮไลท์ในงานครบรอบ 29 ปีในครั้งนี้ วัตสันสานต่อพันธกิจเพื่อสังคม โดยจัดการประมูลและจำหน่ายตุ๊กตางูลิมิเต็ดเอดิชันการกุศล เพื่อระดมทุนเข้าสมาคมฯ โดยรายได้ทั้งหมดจากการประมูลตุ๊กตา จากแบรนด์ยูเซอริน (Eucerin) ซึ่งเป็นผู้ชนะการประมูล จะถูกนำไปสมทบทุนร่วมกับรายได้จากการจำหน่ายตุ๊กตาและเงินสนับสนุนจากวัตสัน ประเทศไทย รวมกว่า 500,000 บาท มอบให้กับสมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ บ้านพักฉุกเฉิน เพื่อใช้ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กและสตรีที่อยู่ภายใต้การดูแลของสมาคมฯ ต่อไป

ความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นเครื่องยืนยันเจตนารมณ์และความมุ่งมั่นของวัตสันในการก้าวสู่การเป็นแบรนด์ที่สร้างความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมมุ่งสร้างผลกระทบเชิงบวกผ่านการดำเนินงานในทุกภาคส่วน ทั้งด้านผลิตภัณฑ์ สิ่งแวดล้อม ชุมชน โลก และคุณภาพชีวิต ควบคู่ไปกับการสนับสนุนความเท่าเทียมสำหรับคนทุกกลุ่ม ไปพร้อมกัน ในฐานะเพื่อนคู่ซี้ด้านสุขภาพและความงามที่พร้อมสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคน
มูลนิธิเฮอริเทจ (ประเทศไทย) ภายใต้การดูแลของเครือเฮอริเทจ เดินหน้าสานต่อโครงการ “เฮอริเทจ ปันน้ำใจ” เพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยในหลายพื้นที่ โดยได้มอบผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มน้ำนมข้าวโอ๊ต แบรนด์ “ลัฟ” จำนวน 48,000 กล่อง รวมมูลค่ากว่า 130,000 บาท แก่โรงเรียนและศูนย์เด็กเล็กในพื้นที่อำเภอเมืองแพร่ ซึ่งได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์น้ำท่วม
การส่งมอบครั้งนี้ มี นายสุภวัฒน์ ศุภศิริ นายกเทศมนตรีตำบลป่าแมต (แถวบนสุด คนที่ 4 จากซ้าย) พร้อมคณะผู้บริหารเทศบาลตำบลป่าแมต เป็นผู้รับมอบผลิตภัณฑ์ เพื่อส่งต่อให้กับศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในสังกัดทั้ง 3 แห่งของเทศบาลตำบลป่าแมต ได้แก่ โรงเรียนอนุบาลเทศบาลตำบลป่าแมต ศูนย์เด็กเล็กเทศบาลป่าแมต และศูนย์เด็กเล็กบ้านน้ำโค้ง

นอกจากนี้ ยังได้ส่งมอบผลิตภัณฑ์ให้กับโรงเรียนเทศบาลวัดหัวข่วง โดยมี นางทองมัน สิทธิกัน ผู้อำนวยการโรงเรียนเทศบาลวัดหัวข่วง (แถวบนสุด คนที่ 5 จากซ้าย) เป็นผู้รับมอบ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและสร้างกำลังใจให้แก่เด็กนักเรียน ครู และบุคลากร ในช่วงฟื้นฟูหลังเหตุการณ์น้ำท่วม
มูลนิธิเฮอริเทจ (ประเทศไทย) ตระหนักดีว่าการศึกษาคือรากฐานสำคัญของการพัฒนาสังคม การสนับสนุนด้านโภชนาการและการดูแลในช่วงเวลาวิกฤต จึงเป็นการช่วยให้เด็ก ๆ ครู และบุคลากรในสถานศึกษา สามารถกลับมาดำเนินการเรียนการสอนได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ พร้อมก้าวผ่านผลกระทบจากน้ำท่วมไปด้วยกัน เพื่อสร้างอนาคตที่มั่นคงและยั่งยืนให้กับเยาวชน