ทรูชวนลูกค้าทั่วไทย รวมน้ำใจ ช่วยภัยน้ำท่วม... จากสถานการณ์วิกฤตอุทกภัยที่เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทย ทรู คอร์ปอเรชั่น พร้อมเป็นอีกหนึ่งร่วมสนับสนุนการฟื้นฟูผู้ประสบภัยในครั้งนี้ โดยได้ร่วมกับมูลนิธิกระจกเงา อำนวยความสะดวกให้ประชาชนที่ต้องการมีส่วนร่วมช่วยเหลือพี่น้องที่กำลังประสบภัยทางภาคเหนือ ร่วมบริจาคโดยไม่ต้องใช้เงินสด เปิดโอกาสให้ลูกค้าทรู และดีแทค สามารถใช้ทรูพอยท์ หรือ ดีแทคคอยน์ แลกเป็นเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว โดยสามารถแลกพอยท์บริจาคเริ่มต้นได้ที่ 50 ทรูพอยท์ หรือ 150 ดีแทคคอยน์ ดังนี้
ลูกค้าทรู ใช้ทรูพอยท์ แลกเงินบริจาคผ่านแอปทรูไอดี
· ใช้ทรูพอยท์ 50 คะแนน แทนเงิน 5 บาท
· ใช้ทรูพอยท์ 100 คะแนน แทนเงิน 10 บาท
· ใช้ทรูพอยท์ 150 คะแนน แทนเงิน 15 บาท ลูกค้าดีแทค ใช้ดีแทคคอยน์ แลกเงินบริจาคผ่านดีแทคแอป
· ใช้ 150 ดีแทคคอยน์แทนเงิน 5 บาท
· ใช้ 350 ดีแทคคอยน์ แทนเงิน10 บาท
· ใช้ 450 ดีแทคคอยน์ แทนเงิน 15 บาท
ร่วมส่งน้ำใจสู่พี่น้องผู้ประสบอุทกภัย โดยบริจาคทรูพอยท์และดีแทคคอยน์ได้ไม่จำกัด ได้ตั้งแต่วันนี้ ถึง 4 ตุลาคม 2567 เพิ่มเติมทางแฟนเพจ TrueYou และ dtac reward
ในยามที่ภัยพิบัติถาโถมเข้ามา ไม่เพียงแต่มนุษย์เท่านั้นที่ต้องการความช่วยเหลือ แต่เพื่อนร่วมโลกของเราที่ไม่มีเสียงร้องขอ - สัตว์เลี้ยงและสัตว์จรจัด - ก็กำลังเผชิญกับความทุกข์ยากเช่นกัน สัตว์คือสายใยผูกพันที่ทั้งคนและสัตว์มีให้แก่กันในฐานะเพื่อน ในบางครอบครัวสัตว์เปรียบได้กับสมาชิก การช่วยเหลือสัตว์ให้รอดปลอดภัยจึงเท่ากับเป็นการเยียวยาจิตใจของผู้คนไปพร้อมกัน มูลนิธิพิทักษ์สัตว์แห่งโลก (ประเทศไทย) - World Animal Protection (Thailand) Foundation ขอเชิญชวนทุกท่านร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือชีวิตที่ไร้เดียงสาเหล่านี้ ผ่าน "กองทุนฉุกเฉินสำหรับสัตว์ประสบภัยพิบัติ"
การเร่งช่วยเหลือฉุกเฉินและปกป้องสัตว์ในสถานการณ์ภัยพิบัติ เป็นหนึ่งในภารกิจที่เราดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยการสนับสนุนในการจัดหาอาหารฉุกเฉิน ที่พักพิง และการรักษาจากสัตวแพทย์เครือข่ายให้กับสัตว์ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติต่าง ๆ ประสบการณ์อันยาวนานตั้งแต่มหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นทั่วประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ. 2554 จนถึงภัยน้ำท่วมที่จังหวัดร้อยเอ็ดเมื่อปี พ.ศ. 2562 ได้หล่อหลอมให้เราพร้อมรับมือกับวิกฤตครั้งใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงที
วิกฤตน้ำท่วมครั้งล่าสุดไม่เพียงส่งผลกระทบต่อมนุษย์ แต่ยังส่งผลต่อสัตว์เลี้ยงและสัตว์จรจัดในชุมชนนับพันชีวิต มูลนิธิฯ ได้ร่วมมือกับสมาคมพิทักษ์สัตว์(ไทย) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดน่าน ปศุสัตว์จังหวัดน่านและสุโขทัย รวมถึงกองทัพบกและกองทัพเรือ นำอาหารสุนัขและอาหารแมวมอบให้กับเจ้าของสัตว์เลี้ยงและชุมชน กว่า 1,400 ชีวิต เพื่อแบ่งเบาภาระของผู้ที่ประสบเหตุ ด้วยการให้ความช่วยเหลือสัตว์เลี้ยงตามบ้านและสัตว์จรจัดในชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในพื้นที่ จ.น่าน และ จ.สุโขทัย โดยมอบอาหารสัตว์กว่า 4 ตัน พร้อมยารักษาโรค ฯลฯ ตลอดจนให้คำแนะนำการดูแลรักษาโรคต่าง ๆ แก่เจ้าของสัตว์เลี้ยงในชุมชนที่ประสบภัยน้ำท่วมอีกด้วย
ขณะนี้ สถานการณ์น้ำท่วมยังไม่คลี่คลาย กำลังขยายวงกว้างสู่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และอาจลุกลามถึงภาคกลางของประเทศไทย สัตว์เลี้ยงและสัตว์จรจัดอีกนับพันชีวิตตกอยู่ในความเสี่ยง และกำลังรอความช่วยเหลือจากผู้มีจิตเมตตา เงินบริจาคของคุณจะถูกนำไปใช้ เพื่อเร่งจัดหาและกระจายอาหารสุนัขและแมวในพื้นที่วิกฤตโดยเร็วที่สุด พร้อมส่งต่อความช่วยเหลือด้านการรักษาพยาบาลสัตว์ที่เจ็บป่วย และจัดหาที่พักพิงชั่วคราวให้กับสัตว์จำนวนมาก
มูลนิธิของเราไม่เพียงแต่ทำงานในยามวิกฤต แต่เรามุ่งมั่นส่งเสริมสวัสดิภาพสัตว์อย่างต่อเนื่อง ทั้งการสนับสนุน "ปางช้างที่เป็นมิตรต่อช้าง" เพื่อการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน และส่งเสริมการเลี้ยง "ไก่โคราช" ยกระดับสวัสดิภาพสัตว์ฟาร์มเพื่อสุขภาพที่ดีของทั้งสัตว์และผู้บริโภค แต่เมื่อภัยพิบัติมาเยือน เราพร้อมช่วยเหลือสัตว์ที่ต้องการความช่วยเหลือ โดยทำงานร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรในท้องถิ่นและหน่วยงานภาครัฐ เพื่อให้ความช่วยเหลือถึงสัตว์ได้เร็วที่สุด
ด้วยน้ำใจของคนไทย เราจะฝ่าวิกฤตนี้ไปด้วยกัน ท่านสามารถร่วมบริจาคได้ที่ กองทุนฉุกเฉินสำหรับสัตว์ประสบภัยพิบัติ ชื่อบัญชี: มูลนิธิพิทักษ์สัตว์แห่งโลก (ประเทศไทย) ธนาคารกรุงเทพ 064-7-19212-9 โปรดแนบหลักฐานการโอน เพื่อรับประกาศนียบัตรออนไลน์ ได้ที่ LINE ID: @wapthailand หรือ Email: This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
อลิอันซ์ อยุธยา มอบเงินบริจาคเพื่อสนับสนุน “อาสาล้างบ้าน” มูลนิธิกระจกเงา ในการเข้าช่วยเหลือทำความสะอาดบ้านผู้ประสบภัยน้ำท่วม โดยเป็นยอดบริจาคจากประชาชนทั่วไป ลูกค้า ตัวแทนขาย และ พนักงาน 137,982.78 บาท และ อลิอันซ์ อยุธยา สมทบเพิ่ม 142,017.22 บาท รวมยอดบริจาคเข้ามูลนิธิกระจกเงา ทั้งสิ้น 280,000 บาท นอกจากนี้ยัง “ช่วยเติมอิ่ม” โดยมียอดบริจาคอาหารเข้าธนาคารอาหาร SOS (Scholars of Sustenance หรือ มูลนิธิกู้ภัยอาหาร) ทั้งหมด 480.3 กิโลกรัม โดยได้แพ็คอาหารพร้อมทานลงถุงยังชีพ ได้มากกว่า 200 ถุง เพื่อส่งต่อให้ผู้ประสบภัย โดยมีข้าวสาร ซอสปรุงรส ขนม ยา และอาหารสุนัข/แมว เพิ่มเติม เพื่อส่งต่อเข้าศูนย์พักพิงต่อไป อลิอันซ์ อยุธยา ขอบคุณผู้ร่วมบริจาคทุกท่าน และขอเป็นอีกแรงใจสร้างรอยยิ้มคืนกลับมา ให้ผ่านพ้นสถานการณ์นี้ไปด้วยกัน
ทรูชวนลูกค้าทั่วไทย รวมน้ำใจ ช่วยภัยน้ำท่วม... จากสถานการณ์วิกฤตอุทกภัยที่เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทย ทรู คอร์ปอเรชั่น พร้อมเป็นอีกหนึ่งร่วมสนับสนุนการฟื้นฟูผู้ประสบภัยในครั้งนี้ โดยได้ร่วมกับมูลนิธิกระจกเงา อำนวยความสะดวกให้ประชาชนที่ต้องการมีส่วนร่วมช่วยเหลือพี่น้องที่กำลังประสบภัยทางภาคเหนือ ร่วมบริจาคโดยไม่ต้องใช้เงินสด เปิดโอกาสให้ลูกค้าทรู และดีแทค สามารถใช้ทรูพอยท์ หรือ ดีแทคคอยน์ แลกเป็นเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว โดยสามารถแลกพอยท์บริจาคเริ่มต้นได้ที่ 50 ทรูพอยท์ หรือ 150 ดีแทคคอยน์ ดังนี้
ลูกค้าทรู ใช้ทรูพอยท์ แลกเงินบริจาคผ่านแอปทรูไอดี หรือ คลิก https://ttid.co/OiLl/ziagnbji
ลูกค้าดีแทค ใช้ดีแทคคอยน์ แลกเงินบริจาคผ่านดีแทคแอป หรือ คลิก https://s.dtac.co.th/dOdu/i0hqcpj6
ร่วมส่งน้ำใจสู่พี่น้องผู้ประสบอุทกภัย โดยบริจาคทรูพอยท์และดีแทคคอยน์ได้ไม่จำกัด ได้ตั้งแต่วันนี้ ถึง 4 ตุลาคม 2567 เพิ่มเติมทางแฟนเพจ TrueYou และ dtac reward
คาโอ ร่วมมือกรุงเทพมหานคร สานต่อโครงการยกระดับสุขอนามัยในโรงเรียน สร้างอนาคตที่ปลอดภัย ห่างไกลโรคติดต่อ
บริษัท คาโอ อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) จำกัด ผนึกกำลังกับ กรุงเทพมหานคร ในการขับเคลื่อนโครงการ "เสริมสร้างความสะอาด มีอนามัย ห่างไกลโรคติดต่อในโรงเรียน" ปีที่ 2 อย่างต่อเนื่อง มุ่งเน้นการสร้างสภาพแวดล้อมที่สะอาดและปลอดภัยให้กับนักเรียน โดยเฉพาะในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครกว่า 130 แห่ง โครงการนี้ไม่เพียงแต่ช่วยป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค แต่ยังช่วยปลูกฝังพฤติกรรมการรักษาความสะอาดให้กับนักเรียนและบุคลากรโรงเรียนอีกด้วย
ในงานเปิดตัวโครงการ ณ โรงเรียนวิชากร เขตดินแดง คุณ ยูจิ ชิมิซึ ประธานกรรมการของคาโอ ประเทศไทย ได้กล่าวถึงความสำคัญของการมีสุขอนามัยที่ดี โดยเฉพาะในสภาวะที่โรคติดต่ออาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ คาโอได้ส่งมอบผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดคุณภาพสูง เช่น ไฮเตอร์ และ มาจิคลีน แบคทีเรีย คิลเลอร์ ที่มีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ถึง 99.9% เพื่อสนับสนุนการดูแลความสะอาดในโรงเรียน
ความร่วมมือนี้เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการยกระดับมาตรฐานสุขอนามัยของกรุงเทพฯ โดยมุ่งหวังให้โรงเรียนเป็นสถานที่ปลอดภัยสำหรับนักเรียนและครูทุกคน นอกจากนี้ คาโอยังมีการฉลองครบรอบ 50 ปีของผลิตภัณฑ์ไฮเตอร์ ด้วยสโลแกน "สะอาดคู่บ้าน อนามัยคู่เมือง" สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการส่งเสริมสุขอนามัยของครัวเรือนและชุมชนทั่วประเทศไทย
นอกจากการจัดกิจกรรมทำความสะอาดแล้ว คาโอยังเน้นย้ำถึงการสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการรักษาความสะอาดในชีวิตประจำวัน โดยทีมพนักงานจิตอาสาของบริษัทกว่า 20 คนได้ร่วมลงพื้นที่เพื่อสนับสนุนกิจกรรมต่าง ๆ ในโรงเรียน นับเป็นอีกหนึ่งการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมที่บริษัทได้สืบสานมาอย่างต่อเนื่อง
"เราหวังว่าโครงการนี้จะสร้างแรงบันดาลใจให้นักเรียน ครู และบุคลากรทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของสุขอนามัย และสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นได้อย่างยั่งยืน" คุณยูจิ ชิมิซึ กล่าวทิ้งท้าย
บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต นำโดย คุณบุปผาวดี โอวรารินท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายทรัพยากรมนุษย์และภาพลักษณ์องค์กรและการสื่อสารองค์กร (คนที่ 3 จากขวา) และคุณชัยณรงค์ เอื้อสิทธิชัย ประธานเจ้าที่บริหาร ฝ่ายจัดจำหน่าย (คนที่ 2 จากขวา) ร่วมส่งมอบเงินบริจาคสมทบทุนจากพนักงานและบริษัทฯ รวมทั้งสิ้นจำนวน 200,000 บาท และถุงยังชีพ จำนวน 250 ชุด ให้แก่สภากาชาดไทย ซึ่งได้รับเกียรติจาก นายขรรค์ ประจวบเหมาะ ผู้อำนวยการ สำนักงานจัดหารายได้ สภากาชาดไทย (คนที่ 4 จากซ้าย) เป็นผู้รับมอบ โดยถุงยังชีพดังกล่าวประกอบด้วย สิ่งของจำเป็นในการดำรงชีพ อาทิ อาหารแห้ง ยารักษาโรค น้ำดื่ม รวมถึงผ้าอนามัย ชุดชั้นใน นมผงสำหรับเด็กแรกเกิด นอกจากนั้นเงินบริจาคข้างต้นเป็นการรวมน้ำใจจากผู้บริหาร และพนักงาน ซึ่งบริษัทฯ ได้ร่วมสมทบ 100% เพื่อเดินหน้าช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยใหญ่ทั้งในพื้นที่ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
บริษัทฯ ขอร่วมเป็นกำลังใจให้ผู้ประสบภัยผ่านพ้นวิกฤตินี้ได้โดยเร็ว ทั้งนี้บริษัทฯ พร้อมอยู่เคียงข้างความเชื่อมั่น ดูแลกันตลอดไป สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดตามกิจกรรมเพื่อสังคมดีๆ จาก กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต เพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/Hearts.in.action.volunteers หรือ โทร 1159 ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
มูลนิธิบ้านร่มไทร และบริษัทบ้านร่มไทร (ไทยแลนด์) ได้ร่วมกันจัดงาน “สานฝัน” ขึ้น เมื่อเร็วๆ นี้ ณ โฮชิฮานะ รีสอร์ท ตําบลนํ้าแพร่พัฒนา อําเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ โดยกิจกรรมภายในงาน ได้มีการมอบสิ่งของและเงินทุนจาก บริษัท ฮาชิโมโตะ โซเกียวโฮสดิ้งส์ จํากัด (Hashimoto Sogyo Holding) เพื่อสนับสนุนการดำเนินกิจการของมูลนิธิบ้านร่มไทร เพื่อช่วยเหลือและดูแลเด็กกำพร้าและด้อยโอกาส
ในงานนายฮิซาจิโระ ฮาชิโมโตะ ประธานบริษัท บริษัท ฮาชิโมโตะ โซเกียวโฮศติ้งส์ จำกัด ซึ่งเป็นองค์กรเอกชนจากประเทศญี่ปุ่น ที่ดำเนินธุรกิจด้านก่อสร้างบ้าน คอนโดมิเนียม และอุปกรณ์ภายในบ้านที่ครบวงจร มีสาขาคลอบคลุมแพร่หลายในประเทศญี่ปุ่น และยังขยายการดำเนินกิจการมายังประเทศไทย ได้ร่วมบริจาคสิ่งของและเงินทุนให้กับมูลนิธิบ้านร่มไทร เพื่อสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมในวาระโอกาสนี้
นอกจากนี้ยังมี โฮชิฮานะ รีสอร์ท พันธมิตรเหนียวแน่นผู้ให้การสนับสนุนกิจกรรมของมูลนิธิบ้านร่มไทรอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด โดยทางโฮชิฮานะ รีสอร์ทได้จัดให้มีแกลลอรี่ เพื่อจัดแสดงผลงานคราฟท์ที่ได้รับการออกแบบลวดลายโดยน้องๆ เด็กกำพร้าจากมูลนิธิบ้านร่มไทร และส่งต่อให้ศิลปินชาวญี่ปุ่น เพื่อนำมาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น เสื้อผ้า ปลอกหมอน และของที่ระลึกรูปแบบต่างๆ ออกจำหน่ายเพื่อนำรายได้มาช่วยพัฒนาและสานต่อกิจการของมูลนิธิในอีกช่องทาง
ทั้งนี้ โฮชิฮานะ รีสอร์ท ภายใต้การบริหารของ คุณมิโฮะ นาโตริ เป็นโรงแรมสัญชาติญี่ปุ่นที่ได้รับการตกแต่งให้มีบรรยากาศและกลิ่นอายในสไตล์ญี่ปุ่น แต่เปิดให้บริการอยู่ในที่จังหวัดเชียงใหม่
การจัดงาน’สานฝัน’ ในครั้งนี้ ยังได้รับเกียรติจากนายกเทศมนตรี ตำบลน้ำแพร่พัฒนา จังหวัดเชียงใหม่ เข้าร่วมรับทราบกิจกรรมและกิจการของมูลนิธิฯ และผู้ร่วมให้การสนับสนุน
เป็นเวลากว่า 25 ปีที่มูลนิธิบ้านร่มไทร ที่ได้รับการก่อตั้งขึ้น โดยคุณมิวา นาโตริ สุภาพสตรีชาวญี่ปุ่นที่ได้เข้ามาประเทศไทยและพบเห็นปัญหาเด็กกำพร้าที่ติดเชื้อ HIV และถูกทอดทิ้ง จึงได้ดำริและดำเนินการก่อตั้ง มูลนิธิบ้านร่มไทรขึ้น เพื่อช่วยเหลือ และรับเด็กที่ติดเชื้อ HIV จากทั่วประเทศมาดูแล ซึ่งต่อมาด้วยวิทยาการและความก้าวหน้าทางการแพทย์ ได้ส่งผลให้เด็กที่รับเชื้อเริ่มมีจำนวนลดลง ในปัจจุบันมูลนิธิบ้านร่มไทร ได้ปรับแนวทางการให้ความช่วยเหลือเด็กๆ โดยอุปถัมภ์รับเลี้ยงเด็กกําพร้า และยังดำเนินโครงการอีกหลากหลาย อาทิ โครงการปันรักเพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนเด็กด้อยโอกาสในถิ่นทุรกันดารอีกด้วย
ตลอดระยะเวลาของการดำเนินงาน มูลนิธิบ้านร่มไทรได้ให้ความช่วยเหลือเด็กกําพร้า มอบความรัก การดูแล และส่งเสริมพัฒนาให้เด็กๆได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และที่สำคัญคือการส่งมอบบุคลากรที่มีคุณภาพเข้าสู่สังคมไทยสืบเนื่องตลอดมา
ติดตามหรือร่วมสนับสนุนกิจการของมูลนิธิบ้านร่มไทรได้ที่ https://www.banromsai.org/
ยังคงทำความดีอย่างต่อเนื่อง เพราะล่าสุด บมจ.ยูโรเอเชีย โทเทิล โลจิสติกส์ หรือ ETL ผู้ให้บริการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดน นำทัพโดย คุณกฤชวรรณ ซื้อเจริญชัย กรรมการผู้จัดการ ร่วมสนับสนุนเงินจำนวน 30,000 บาท ในโครงการ “รวมใจบริษัทจดทะเบียนช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย” ร่วมกับสภากาชาดไทย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย และสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยน้ำท่วม ตอบสนองนโยบาย ETL ขอเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือสังคม และเพื่อนมนุษย์ต่อไป
บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด จัดกิจกรรม “รวมพลังคนคูโบต้า ช่วยภัยน้ำท่วม” ภายใต้โครงการคูโบต้า พลังใจสู้ภัยน้ำท่วม ในจังหวัดเชียงราย ร่วมกับ ผู้แทนจำหน่ายสยามคูโบต้า สยามคูโบต้าลีสซิ่ง มูลนิธิเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หน่วยงานราชการจังหวัดเชียงราย และเหล่าจิตอาสาลูกค้าคูโบต้า เร่งเข้าพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม จัดทีมเคลียร์ดินโคลนในเส้นทางสัญจร พร้อมเตรียมมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและฟื้นฟูพื้นที่หลังเหตุอุทกภัย
คุณจุติพงศ์ บุญสูง ประธานกรรมการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด บริจาคเงินจำนวน 1 ล้านบาท โดยมอบให้แก่ กองบัญชาการกองทัพบก เพื่อการจัดหาเสื้อชูชีพสำหรับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานและประชาชนผู้ประสบภัยในภารกิจช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในจังหวัดต่าง ๆ อีกทั้งอีซูซุยังส่งมอบน้ำดื่ม อีซูซุมากกว่า 54,000 ขวด ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในหลาย ๆ พื้นที่ เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อน
พร้อมบริการรถอีซูซุโมบายเซอร์วิส ลงพื้นที่เข้าช่วยเหลือเป็นการเร่งด่วนสำหรับลูกค้าอีซูซุในจังหวัดต่าง ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมในปัจจุบัน และยังสามารถเข้ารับบริการตรวจเช็กสภาพรถฟรี พร้อมรับส่วนลดค่าแรง 30% และค่าอะไหล่ 30% ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม - 30 ธันวาคม 2567 ที่ศูนย์บริการมาตรฐานอีซูซุทั่วประเทศ
บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต นำโดย คุณบุปผาวดี โอวรารินท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายทรัพยากรมนุษย์และภาพลักษณ์องค์กรและการสื่อสารองค์กร (คนซ้าย ) และคุณเต๋า เศรษฐพงศ์ เพียงพอ CR Influencer (คนขวา) ร่วมส่งมอบเงินสมทบทุน จำนวน 30,000 บาท ให้แก่โรงพยาบาลสัตว์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อช่วยเหลือสัตว์ที่เจ็บป่วย ภายใต้กิจกรรม Air Life จากแคมเปญ Commit To Climate ปีที่ 3 โดยได้รับเกียรติจาก อ.น.สพ. เกียรติศักดิ์ ตันเจริญ ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลสัตว์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน (คนกลาง) เป็นผู้รับมอบ
ทั้งนี้กิจกรรม Air Life เป็นการเชิญชวนประชาชนทั่วไปได้ตระหนักถึงความสำคัญของอากาศบริสุทธิ์ และร่วมลด ละ เลิกทำสิ่งที่ก่อให้เกิดมลภาวะทางอากาศ ผ่านการเล่นเกมส์จับผิดภาพ หาสาเหตุที่ทำให้เกิดคาร์บอนไดออกไซด์ โดยทุกๆ การเข้าร่วมกิจกรรม จะแปลงเป็นเงิน 5 บาท เพื่อสมทบทุนให้แก่โรงพยาบาลสัตว์ ในการช่วยเหลือสัตว์ที่เจ็บป่วยจากมลพิษทางอากาศ กิจกรรมดังกล่าวมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 14,500 คน และมียอด Reach สูงกว่า 500,000 reach ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และเป็นไปตามจุดมุ่งหมายของบริษัทฯ ที่เคียงข้าง คุ้มครอง พร้อมใส่ใจสิ่งแวดล้อม
นอกจากนั้นทางบริษัทฯ จะเปิดตัวกิจกรรม Wild Life ภายใต้แคมเปญ Commit To Climate ในวันที่ 1 ตุลาคม 2567 โดยท่านที่สนใจสามารถติดตามกิจกรรมดังกล่าว หรือกิจกรรมเพื่อสังคมดีๆ จาก กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต เพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/Hearts.in.action.volunteers หรือ โทร 1159 ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ตอกย้ำความห่วงใยและความรับผิดชอบต่อสังคม ด้วยการมอบเต็นท์ ทิพย-ตำรวจ และเสื้อกันฝนในโครงการ "ทิพยประกันภัยห่วงใยทุกชีวิตในสังคม" ต่อเนื่องเป็นปีที่ 21 แก่กองบังคับการตำรวจนครบาล 2 เพื่อเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดี ศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
นางวิชชุดา ไตรธรรม ที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการใหญ่ ได้ส่งมอบเต็นท์ ทิพย-ตำรวจ และเสื้อกันฝน โดยมี พ.ต.อ. สุธี เสน่ห์ลักษณา รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 เป็นผู้รับมอบ เพื่อส่งมอบต่อให้หน่วยงานในสังกัดสถานีตำรวจนครบาลจำนวน 10 สถานี ได้แก่ สถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ สถานีตำรวจนครบาลเตาปูน สถานีตำรวจนครบาลสุทธิสาร สถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน สถานีตำรวจนครบาลประชาชื่น สถานีตำรวจนครบาลทุ่งสองห้อง สถานีตำรวจนครบาลดอนเมือง สถานีตำรวจนครบาลสายไหม สถานีตำรวจนครบาลโคกคราม และสถานีตำรวจนครบาลคันนายาว เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในช่วงฤดูฝน โดยเฉพาะการอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยการจราจรให้กับประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ ณ อาคารทิพยประกันภัย สำนักงานใหญ่ พระราม 3
ความร่วมมือนี้เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของทิพยประกันภัยในการสร้างความปลอดภัยและส่งเสริมความมั่นคงในชุมชน ซึ่งได้รับการปฏิบัติอย่างต่อเนื่องยาวนาน
กรุงเทพฯ 20 กันยายน 2567 – ทรูมันนี่ ผู้นำด้านการให้บริการทางการเงินแบบดิจิทัลชั้นนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเป็นตัวกลางส่งต่อกำลังใจแก่ผู้ประสบอุทกภัยภาคเหนือที่ถึงแม้น้ำจะลดแล้วในหลายพื้นที่ ก็ยังต้องการได้รับความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง ด้วยการเปิดช่องทางให้ผู้บริจาคผ่านแอปพลิเคชัน ทรูมันนี่ เพื่อสมทบทุนการร่วมบริจาคเข้า 5 มูลนิธิและหน่วยงานที่กำลังดำเนินการบรรเทาสาธารณภัย ได้แก่ มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก, สภากาชาดไทย, มูลนิธิปอเต๊กตึ้ง, มูลนิธิกระจกเงา และ มูลนิธิ Soi Dog เพื่อบรรเทาทุกข์และช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ ให้ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือวิกฤติภัยในครั้งนี้ได้ง่าย ๆ เพียงปลายนิ้ว ใน 5 ขั้นตอน 1. กดเลือกไอคอน ‘บริจาคให้มูลนิธิ’ บนแอปทรูมันนี่ 2. เลือกมูลนิธิฯ ที่ท่านต้องการบริจาค 3. กรอกยอดเงินบริจาค 4. เลือกช่องทางการชำระเงิน และ 5. กดยืนยันการชำระเงิน
สำหรับผู้สนใจบริจาคฯ สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ https://www.truemoney.com/donatioin/
เมื่อเร็วๆนี้นักศึกษาทุนโครงการ “คมส่งฝัน” โครงการทุนการศึกษาให้เปล่าสำหรับเยาวชนไทยที่ขาดโอกาสทางการศึกษา โดยนายคมสันต์ ลี เจ้าของธุรกิจ แฟลช เอ็กซ์เพรส ที่ก่อตั้งขึ้น เมื่อปี 2565 พร้อมด้วยคณะทำงานโครงการ นำโดย นางสาวปรินทร์ทิพย์ อิสริยเมธา ผู้ช่วยรองกรรมการผู้อำนวยการสื่อสารองค์กร และรัฐกิจสัมพันธ์ บริษัท แฟลช เอ็กซ์เพรส จำกัด ได้นำหนังสือเสียงระบบเดซี่ และหนังสือเบรลล์ ที่จัดทำขึ้นจากการนำเอาเนื้อหาของพ๊อคเก็ตบุ๊ค “คมเขี้ยว Startup” เรื่องราวชีวิต และเส้นทางการดำเนินธุรกิจของคุณคมสันต์ ลี มาถ่ายทอดในรูปแบบหนังสือสำหรับผู้บกพร่องทางสายตา
นางสาวปรินทร์ทิพย์ เปิดเผยว่า ผู้ก่อตั้งโครงการฯ เล็งเห็นถึงความสำคัญด้านการศึกษามาโดยตลอด เพราะมีความเชื่อว่าโอกาสทางการศึกษาจะสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตคน นายคมสันต์ ลี จึงได้มีโอกาสช่วยเหลือสังคมในด้านการศึกษามาตลอดระยะเวลา 6 ปี ที่ทำธุรกิจจนกระทั่งปี 2565 จึงได้ก่อตั้งโครงการคมส่งฝันขึ้น และเปิดโอกาสให้เยาวชนที่เรียนดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์จำนวน 11 คน ได้เข้ามาเป็นนักศึกษาทุนของโครงการฯ
“คุณคมสันต์ มีความตั้งใจมาโดยตลอดว่าอยากเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสังคมไทยให้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ และมีการศึกษาที่เท่าเทียม ไม่ว่าบุคคลนั้นจะมาจากไหน หรือมีต้นทุนทางชีวิตมากน้อยแค่ไหน แต่หากมีความใฝ่ดีในการเรียนก็ไม่ยากที่จะสร้างชีวิตให้ประสบความสำเร็จได้ ซึ่งนอกจากการศึกษาจะเป็นเรื่องที่สำคัญอันดับแรก การที่เยาวชนกลุ่มนี้ได้รับโอกาสจากโครงการฯ ก็ควรมีส่วนร่วมส่งต่อโอกาสเหล่านี้ให้แก่ผู้ด้อยโอกาสกลุ่มอื่นของสังคมเช่นกัน หลังจากวันนั้นน้องๆ ในโครงการจึงได้มีการร่วมทำกิจกรรมเพื่อสังคมมาโดยตลอด รวมถึงโครงการล่าสุด โครงการจัดทำหนังสือ2 รูปแบบ คือ หนังสือเสียงระบบเดซี่ผ่านแอปพลิเคชัน Read for the Blind สำหรับผู้บกพร่องทางสายตาที่ไม่สามารถอ่านอักษรเบรลล์ได้ และหนังสือเบรลล์ สำหรับผู้บกพร่องทางสายตาที่สามารถอ่านอักษรเบรลล์ได้ทซึ่งทีมงานได้ร่วมบันทึกเสียง และจัดทำเพื่อส่งมอบแก่ มูลนิธิคนตาบอด เพื่อกระจายไปยังโรงเรียนสอนคนตาบอด 15 แห่ง ทั่วประเทศ โดยความตั้งใจส่วนหนึ่งของการจัดทำ คืออยากสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้อ่านได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข แม้จะต้องเจออุปสรรคหรือปัญหามากแค่ไหน ซึ่งอีกมุมของหนังสือคมเขี้ยวสตาร์ทอัพที่ถูกจัดทำ จะสะท้อนให้ผู้อ่านมองเห็นคุณค่าของชีวิตมากขึ้นด้วย” นางสาวปรินทร์ทิพย์ กล่าว
ด้าน นายกิติพงศ์ สุทธิ ผู้อำนวยการห้องสมุดคนตาบอดและผู้พิการทางสื่อสิ่งพิมพ์แห่งชาติ กล่าวว่า ทางมูลนิธิขอขอบคุณ โครงการคมส่งฝัน และคุณคมสันต์ ลี ที่เล็งเห็นความสำคัญของกลุ่มผู้พิการทางสายตา และให้นักศึกษาทุนฯ มาร่วมทำโปรเจกต์นี้กับมูลนิธิคนตาบอด
ปัจจุบันมีจำนวนผู้พิการทางสายตาที่อยู่ในสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทยประมาณ 15,000 คนทั่วประเทศ แต่มีกลุ่มผู้พิการทางสายตาที่ลงทะเบียนกับรัฐมากถึง 200,000 คน ในขณะที่จำนวนหนังสือเสียง และหนังสือเบรลล์ที่มีอยู่ในระบบสำหรับคนกลุ่มนี้มีสัดส่วนไม่ถึง 5% และกว่า 95% ของหนังสือเสียงผลิตขึ้นได้ด้วยอาสาสมัครที่เข้ามาช่วยสนับสนุน เนื่องจากเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิมีจำนวนไม่เพียงพอที่จะสนับสนุนงานในส่วนนี้อีกทั้งข้อจำกัดในส่วนห้องอ่านหนังสือเสียงทั้งส่วนของพื้นที่ และอุปกรณ์ ทางมูลนิธิจึงต้องอาศัยอาสาสมัครเข้ามาช่วยอ่านหนังสือเสียงผ่านช่องทางแอปพลิเคชัน ซึ่งทางมูลนิธิคนตาบอดจะส่งมอบหนังสือที่ทางโครงการคมส่งฝันได้จัดทำ กระจายต่อไปยังโรงเรียนสอนคนตาบอดทั่วประเทศทั้ง 15 แห่งต่อไป