![](/images/2021/09/22/-1.jpg)
![](/images/2021/09/22/-1.jpg)
คุณจุติพงศ์ บุญสูง ประธานกรรมการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด บริจาคเงินจำนวน 1 ล้านบาท โดยมอบให้แก่ กองบัญชาการกองทัพบก เพื่อการจัดหาเสื้อชูชีพสำหรับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานและประชาชนผู้ประสบภัยในภารกิจช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในจังหวัดต่าง ๆ อีกทั้งอีซูซุยังส่งมอบน้ำดื่ม อีซูซุมากกว่า 54,000 ขวด ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในหลาย ๆ พื้นที่ เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อน
พร้อมบริการรถอีซูซุโมบายเซอร์วิส ลงพื้นที่เข้าช่วยเหลือเป็นการเร่งด่วนสำหรับลูกค้าอีซูซุในจังหวัดต่าง ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมในปัจจุบัน และยังสามารถเข้ารับบริการตรวจเช็กสภาพรถฟรี พร้อมรับส่วนลดค่าแรง 30% และค่าอะไหล่ 30% ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม - 30 ธันวาคม 2567 ที่ศูนย์บริการมาตรฐานอีซูซุทั่วประเทศ
บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต นำโดย คุณบุปผาวดี โอวรารินท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายทรัพยากรมนุษย์และภาพลักษณ์องค์กรและการสื่อสารองค์กร (คนซ้าย ) และคุณเต๋า เศรษฐพงศ์ เพียงพอ CR Influencer (คนขวา) ร่วมส่งมอบเงินสมทบทุน จำนวน 30,000 บาท ให้แก่โรงพยาบาลสัตว์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อช่วยเหลือสัตว์ที่เจ็บป่วย ภายใต้กิจกรรม Air Life จากแคมเปญ Commit To Climate ปีที่ 3 โดยได้รับเกียรติจาก อ.น.สพ. เกียรติศักดิ์ ตันเจริญ ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลสัตว์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน (คนกลาง) เป็นผู้รับมอบ
ทั้งนี้กิจกรรม Air Life เป็นการเชิญชวนประชาชนทั่วไปได้ตระหนักถึงความสำคัญของอากาศบริสุทธิ์ และร่วมลด ละ เลิกทำสิ่งที่ก่อให้เกิดมลภาวะทางอากาศ ผ่านการเล่นเกมส์จับผิดภาพ หาสาเหตุที่ทำให้เกิดคาร์บอนไดออกไซด์ โดยทุกๆ การเข้าร่วมกิจกรรม จะแปลงเป็นเงิน 5 บาท เพื่อสมทบทุนให้แก่โรงพยาบาลสัตว์ ในการช่วยเหลือสัตว์ที่เจ็บป่วยจากมลพิษทางอากาศ กิจกรรมดังกล่าวมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 14,500 คน และมียอด Reach สูงกว่า 500,000 reach ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และเป็นไปตามจุดมุ่งหมายของบริษัทฯ ที่เคียงข้าง คุ้มครอง พร้อมใส่ใจสิ่งแวดล้อม
นอกจากนั้นทางบริษัทฯ จะเปิดตัวกิจกรรม Wild Life ภายใต้แคมเปญ Commit To Climate ในวันที่ 1 ตุลาคม 2567 โดยท่านที่สนใจสามารถติดตามกิจกรรมดังกล่าว หรือกิจกรรมเพื่อสังคมดีๆ จาก กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต เพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/Hearts.in.action.volunteers หรือ โทร 1159 ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ตอกย้ำความห่วงใยและความรับผิดชอบต่อสังคม ด้วยการมอบเต็นท์ ทิพย-ตำรวจ และเสื้อกันฝนในโครงการ "ทิพยประกันภัยห่วงใยทุกชีวิตในสังคม" ต่อเนื่องเป็นปีที่ 21 แก่กองบังคับการตำรวจนครบาล 2 เพื่อเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดี ศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
นางวิชชุดา ไตรธรรม ที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการใหญ่ ได้ส่งมอบเต็นท์ ทิพย-ตำรวจ และเสื้อกันฝน โดยมี พ.ต.อ. สุธี เสน่ห์ลักษณา รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 เป็นผู้รับมอบ เพื่อส่งมอบต่อให้หน่วยงานในสังกัดสถานีตำรวจนครบาลจำนวน 10 สถานี ได้แก่ สถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ สถานีตำรวจนครบาลเตาปูน สถานีตำรวจนครบาลสุทธิสาร สถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน สถานีตำรวจนครบาลประชาชื่น สถานีตำรวจนครบาลทุ่งสองห้อง สถานีตำรวจนครบาลดอนเมือง สถานีตำรวจนครบาลสายไหม สถานีตำรวจนครบาลโคกคราม และสถานีตำรวจนครบาลคันนายาว เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในช่วงฤดูฝน โดยเฉพาะการอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยการจราจรให้กับประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ ณ อาคารทิพยประกันภัย สำนักงานใหญ่ พระราม 3
ความร่วมมือนี้เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของทิพยประกันภัยในการสร้างความปลอดภัยและส่งเสริมความมั่นคงในชุมชน ซึ่งได้รับการปฏิบัติอย่างต่อเนื่องยาวนาน
กรุงเทพฯ 20 กันยายน 2567 – ทรูมันนี่ ผู้นำด้านการให้บริการทางการเงินแบบดิจิทัลชั้นนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเป็นตัวกลางส่งต่อกำลังใจแก่ผู้ประสบอุทกภัยภาคเหนือที่ถึงแม้น้ำจะลดแล้วในหลายพื้นที่ ก็ยังต้องการได้รับความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง ด้วยการเปิดช่องทางให้ผู้บริจาคผ่านแอปพลิเคชัน ทรูมันนี่ เพื่อสมทบทุนการร่วมบริจาคเข้า 5 มูลนิธิและหน่วยงานที่กำลังดำเนินการบรรเทาสาธารณภัย ได้แก่ มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก, สภากาชาดไทย, มูลนิธิปอเต๊กตึ้ง, มูลนิธิกระจกเงา และ มูลนิธิ Soi Dog เพื่อบรรเทาทุกข์และช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ ให้ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือวิกฤติภัยในครั้งนี้ได้ง่าย ๆ เพียงปลายนิ้ว ใน 5 ขั้นตอน 1. กดเลือกไอคอน ‘บริจาคให้มูลนิธิ’ บนแอปทรูมันนี่ 2. เลือกมูลนิธิฯ ที่ท่านต้องการบริจาค 3. กรอกยอดเงินบริจาค 4. เลือกช่องทางการชำระเงิน และ 5. กดยืนยันการชำระเงิน
สำหรับผู้สนใจบริจาคฯ สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ https://www.truemoney.com/donatioin/
เมื่อเร็วๆนี้นักศึกษาทุนโครงการ “คมส่งฝัน” โครงการทุนการศึกษาให้เปล่าสำหรับเยาวชนไทยที่ขาดโอกาสทางการศึกษา โดยนายคมสันต์ ลี เจ้าของธุรกิจ แฟลช เอ็กซ์เพรส ที่ก่อตั้งขึ้น เมื่อปี 2565 พร้อมด้วยคณะทำงานโครงการ นำโดย นางสาวปรินทร์ทิพย์ อิสริยเมธา ผู้ช่วยรองกรรมการผู้อำนวยการสื่อสารองค์กร และรัฐกิจสัมพันธ์ บริษัท แฟลช เอ็กซ์เพรส จำกัด ได้นำหนังสือเสียงระบบเดซี่ และหนังสือเบรลล์ ที่จัดทำขึ้นจากการนำเอาเนื้อหาของพ๊อคเก็ตบุ๊ค “คมเขี้ยว Startup” เรื่องราวชีวิต และเส้นทางการดำเนินธุรกิจของคุณคมสันต์ ลี มาถ่ายทอดในรูปแบบหนังสือสำหรับผู้บกพร่องทางสายตา
นางสาวปรินทร์ทิพย์ เปิดเผยว่า ผู้ก่อตั้งโครงการฯ เล็งเห็นถึงความสำคัญด้านการศึกษามาโดยตลอด เพราะมีความเชื่อว่าโอกาสทางการศึกษาจะสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตคน นายคมสันต์ ลี จึงได้มีโอกาสช่วยเหลือสังคมในด้านการศึกษามาตลอดระยะเวลา 6 ปี ที่ทำธุรกิจจนกระทั่งปี 2565 จึงได้ก่อตั้งโครงการคมส่งฝันขึ้น และเปิดโอกาสให้เยาวชนที่เรียนดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์จำนวน 11 คน ได้เข้ามาเป็นนักศึกษาทุนของโครงการฯ
“คุณคมสันต์ มีความตั้งใจมาโดยตลอดว่าอยากเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสังคมไทยให้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ และมีการศึกษาที่เท่าเทียม ไม่ว่าบุคคลนั้นจะมาจากไหน หรือมีต้นทุนทางชีวิตมากน้อยแค่ไหน แต่หากมีความใฝ่ดีในการเรียนก็ไม่ยากที่จะสร้างชีวิตให้ประสบความสำเร็จได้ ซึ่งนอกจากการศึกษาจะเป็นเรื่องที่สำคัญอันดับแรก การที่เยาวชนกลุ่มนี้ได้รับโอกาสจากโครงการฯ ก็ควรมีส่วนร่วมส่งต่อโอกาสเหล่านี้ให้แก่ผู้ด้อยโอกาสกลุ่มอื่นของสังคมเช่นกัน หลังจากวันนั้นน้องๆ ในโครงการจึงได้มีการร่วมทำกิจกรรมเพื่อสังคมมาโดยตลอด รวมถึงโครงการล่าสุด โครงการจัดทำหนังสือ2 รูปแบบ คือ หนังสือเสียงระบบเดซี่ผ่านแอปพลิเคชัน Read for the Blind สำหรับผู้บกพร่องทางสายตาที่ไม่สามารถอ่านอักษรเบรลล์ได้ และหนังสือเบรลล์ สำหรับผู้บกพร่องทางสายตาที่สามารถอ่านอักษรเบรลล์ได้ทซึ่งทีมงานได้ร่วมบันทึกเสียง และจัดทำเพื่อส่งมอบแก่ มูลนิธิคนตาบอด เพื่อกระจายไปยังโรงเรียนสอนคนตาบอด 15 แห่ง ทั่วประเทศ โดยความตั้งใจส่วนหนึ่งของการจัดทำ คืออยากสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้อ่านได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข แม้จะต้องเจออุปสรรคหรือปัญหามากแค่ไหน ซึ่งอีกมุมของหนังสือคมเขี้ยวสตาร์ทอัพที่ถูกจัดทำ จะสะท้อนให้ผู้อ่านมองเห็นคุณค่าของชีวิตมากขึ้นด้วย” นางสาวปรินทร์ทิพย์ กล่าว
ด้าน นายกิติพงศ์ สุทธิ ผู้อำนวยการห้องสมุดคนตาบอดและผู้พิการทางสื่อสิ่งพิมพ์แห่งชาติ กล่าวว่า ทางมูลนิธิขอขอบคุณ โครงการคมส่งฝัน และคุณคมสันต์ ลี ที่เล็งเห็นความสำคัญของกลุ่มผู้พิการทางสายตา และให้นักศึกษาทุนฯ มาร่วมทำโปรเจกต์นี้กับมูลนิธิคนตาบอด
ปัจจุบันมีจำนวนผู้พิการทางสายตาที่อยู่ในสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทยประมาณ 15,000 คนทั่วประเทศ แต่มีกลุ่มผู้พิการทางสายตาที่ลงทะเบียนกับรัฐมากถึง 200,000 คน ในขณะที่จำนวนหนังสือเสียง และหนังสือเบรลล์ที่มีอยู่ในระบบสำหรับคนกลุ่มนี้มีสัดส่วนไม่ถึง 5% และกว่า 95% ของหนังสือเสียงผลิตขึ้นได้ด้วยอาสาสมัครที่เข้ามาช่วยสนับสนุน เนื่องจากเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิมีจำนวนไม่เพียงพอที่จะสนับสนุนงานในส่วนนี้อีกทั้งข้อจำกัดในส่วนห้องอ่านหนังสือเสียงทั้งส่วนของพื้นที่ และอุปกรณ์ ทางมูลนิธิจึงต้องอาศัยอาสาสมัครเข้ามาช่วยอ่านหนังสือเสียงผ่านช่องทางแอปพลิเคชัน ซึ่งทางมูลนิธิคนตาบอดจะส่งมอบหนังสือที่ทางโครงการคมส่งฝันได้จัดทำ กระจายต่อไปยังโรงเรียนสอนคนตาบอดทั่วประเทศทั้ง 15 แห่งต่อไป
บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต นำโดย คุณแซลลี่ โอฮาร่า ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอกซ่า ในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ และประเทศเกาหลีใต้ คุณบุปผาวดี โอวรารินท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายทรัพยากรมนุษย์และภาพลักษณ์องค์กรและการสื่อสารองค์กร (คนกลาง) นำทีมคณะผู้บริหาร พนักงานจิตอาสา ร่วมบรรจุถุงยังชีพเพื่อส่งมอบให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วมในหลายพื้นที่ของประเทศทั้งภาคเหนือ และภาคอีสาน จำนวน 1,000 ชุด โดยถุงยังชีพดังกล่าวประกอบด้วย สิ่งของจำเป็นในการยังชีพ อาทิ อาหารแห้ง ยารักษาโรค น้ำดื่ม รวมถึงผ้าอนามัย ชุดชั้นใน นมผงสำหรับเด็กแรกเกิด นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังได้รับเงินบริจาคจากพนักงาน และบริษัทฯ ร่วมสมทบ 100% เพื่อนำไปสนับสนุนช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยใหญ่ในครั้งนี้
ทั้งนี้ในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ส่งมอบน้ำดื่ม จำนวน 2,000 ขวด ไปยังฝ่ายขายในจังหวัดเชียงราย น่าน รวมถึงธนาคารกรุงไทย สาขาแม่จัน จังหวัดเชียงราย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยได้อย่างรวดเร็วและทันถ่วงที เพื่อนำความห่วงใยดังกล่าวส่งต่อให้กับชาวบ้านที่ประสบภัยต่อไป
บริษัทฯ ขอร่วมเป็นกำลังใจให้ผู้ประสบภัยผ่านพ้นวิกฤตินี้ได้โดยเร็ว โดยบริษัทฯ พร้อมอยู่เคียงข้างความเชื่อมั่น ดูแลกันตลอดไป สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดตามกิจกรรมเพื่อสังคมดีๆ จาก กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต เพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/Hearts.in.action.volunteers หรือ โทร 1159 ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี มุ่งมั่นเดินหน้าเปลี่ยน...ชุมชนเพื่อความยั่งยืน เชิญชวนผู้ที่สนใจเป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรม fai-fah for Communities ที่ดำเนินการโดย มูลนิธิทีทีบี ภายใต้แคมเปญ “ขอ 1 วัน ใน 1 ปี มาทำอะไรดี ๆ ด้วยกัน” ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือสังคม เพื่อจุดประกายและสร้างการเปลี่ยนแปลงให้ชุมชนดีขึ้นอย่างยั่งยืน
นางประภาศิริ โฆษิตธนากร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านทรัพยากรบุคคล ทีเอ็มบีธนชาต กล่าวว่า จุดเริ่มต้นของการรวมตัวกันของอาสาสมัครทีทีบี (ttb volunteer) เพราะเชื่อว่า นอกเหนือจากการมาทำงานที่ธนาคารแห่งนี้ พวกเราชาวทีทีบีไม่ได้มุ่งเน้นเรื่องธุรกิจเพียงอย่างเดียว แต่ยังทำกิจกรรมอาสาสมัครเพื่อสร้างสรรค์สิ่งดี ๆ ให้ชุมชนด้วยเช่นกัน จึงเกิดโครงการที่เปิดโอกาสให้พนักงานได้ใช้ความรู้ความสามารถในการสร้างการเปลี่ยนแปลงให้ชุมชนดีขึ้นอย่างยั่งยืน ซึ่งนอกจากจะช่วยจุดประกายโอกาสให้กับสังคมแล้ว ยังเป็นโอกาสดี ๆ ที่อาสาสมัครจะได้ทำความรู้จัก พบปะเพื่อนใหม่ต่างแผนก พัฒนาโครงการเพื่อสังคมที่ตนเองสนใจ วางแผนงานร่วมกับชุมชน และสุดท้าย ส่งต่อให้ชุมชนสามารถดำเนินงานต่อได้ด้วยตนเองอย่างยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับปรัชญา Make REAL Change ที่พนักงานทุกคนยึดถือมาโดยตลอด
โดยตลอด 10 ปีที่ผ่านมา อาสาสมัครทีทีบีกว่า 20,000 คน ได้นำความรู้ความสามารถ เข้าช่วยเหลือชุมชนแล้วกว่า 260 ชุมชน เป็นจำนวน 262 โครงการทั่วประเทศ ซึ่งส่งเสริมให้ชุมชนมีรายได้ มีช่องทางในการประกอบอาชีพที่เพิ่มขึ้น รวมถึงเพิ่มทักษะการบริหารจัดการทางการเงิน การทำบัญชี เพื่อให้วิสาหกิจชุมชน หรือองค์กรเหล่านั้นเติบโตได้อย่างยั่งยืน
ในปี 2567 นี้ เหล่าอาสาสมัครทีทีบี ยังคงมุ่งมั่นค้นหาชุมชนที่ต้องการความช่วยเหลือและพัฒนาสังคมต่อไป และเพื่อต่อยอดพร้อมทั้งส่งต่อความรู้สึกแห่งการให้แก่ผู้มีจิตอาสาภายนอกองค์กร เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงโลกให้น่าอยู่มากขึ้น จึงขอเชิญชวนมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการแบ่งปัน ในกิจกรรม fai-fah for Communities ภายใต้แคมเปญ “ขอ 1 วัน ใน 1 ปี มาทำอะไรดี ๆ ด้วยกัน” กับ “ฝาขวด...รักษ์โลก” โดยร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเปลี่ยน...ขยะพลาสติกเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อลดขยะพลาสติก ลดมลพิษ และสร้างคุณค่าให้แก่ฝาขวดพลาสติกสามารถนำไปเป็นทรัพยากรหมุนเวียนใช้ประโยชน์ต่อได้ โดยฝาขวดน้ำพลาสติกที่ได้รับจะนำไปรีไซเคิลเปลี่ยนเป็นโต๊ะ เก้าอี้เพื่ออุปกรณ์การเรียน เครื่องดนตรี บล็อกปูพื้นถนน ฯลฯ โดยผู้เชี่ยวชาญอย่างมหาวิทยาลัยศิลปากร คณะวิทยาศาสตร์ และโครงการกรีนโรด จังหวัดลำพูน ก่อนนำไปมอบให้น้องนักเรียนที่ขาดแคลนต่อไป” นางประภาศิริ กล่าว
ผู้ที่สนใจร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับอาสาสมัครทีทีบี สามารถส่งฝาขวดมาได้ที่ โครงการอาสาช่วยกันทำ ที่อยู่ 1/31 ซ.เพิ่มสิน 39 แขวงออเงิน เขตสายไหม กทม. 10220
อลิอันซ์ อยุธยา ในฐานะบริษัทประกันชีวิตและประกันภัยชั้นนำในประเทศไทย พร้อมอยู่เคียงข้างช่วยเหลือลูกค้าเสมอในทุกเงื่อนไขชีวิต ร่วมกับมูลนิธิกระจกเงาและมูลนิธิ SOS เดินหน้าส่งต่อความช่วยเหลือสู่ผู้ประสบภัยน้ำท่วมในภาคเหนือ พร้อมเชิญชวนคนไทยร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือครั้งนี้ผ่าน 2 ช่องทางหลัก ได้แก่
อลิอันซ์ อยุธยา จะอยู่เคียงข้างคนไทย และพร้อมจะเป็นอีกแรงขับเคลื่อนบรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้ที่ประสบภัยในภาวะวิกฤตในครั้งนี้ สำหรับลูกค้าอลิอันซ์ อยุยา สามารถติดต่อศูนย์ดูแลลูกค้า ตลอด 24 ชั่วโมง ลูกค้าประกันชีวิต โทร 1373 ลูกค้าประกันภัย โทร 1292
นายทะกุมิ คะซะริโมะโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท วันไทยอุตสาหกรรมการอาหาร จำกัด (ขวามือ) มอบผลิตภัณฑ์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ตรา ยำยำ จำนวน 300 ลัง มูลค่ารวม 201,600 บาท แก่มูลนิธิกระจกเงา โดยนายอุเทน นึกถึง เจ้าหน้าที่โครงการแบ่งปันเพื่อการเปลี่ยนแปลง มูลนิธิกระจกเงา (ซ้ายมือ) เป็นตัวแทนในการรับมอบ เพื่อนำไปช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยน้ำท่วมในภาคเหนือ พร้อมเตรียมบริจาคเพิ่มเติมให้กับหลายหน่วยงาน องค์กร และมูลนิธิ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนจากเหตุอุทกภัยที่เกิดขึ้นขณะนี้
ทรู คอร์ปอเรชั่นเร่งดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่แม่สาย จ. เชียงราย จัดทีมทรูร่วมลงพื้นที่ช่วยอพยพผู้ที่ติดค้างตามบ้าน มอบความช่วยเหลืออาหาร-น้ำดื่ม-เสื้อ พร้อมทั้งยกระดับมาตรการรับมือภัยพิบัติฉุกเฉินดูแลการสื่อสารในพื้นที่ให้บริการได้ต่อเนื่อง
ทีมงานจากทรู คอร์ปอเรชั่น ได้ลงพื้นที่น้ำท่วมเกาะติดสถานการณ์อย่างใกล้ชิดในจังหวัดเชียงราย ส่งรถโมบายล์ชุมสายเคลื่อนที่เร็ว (COW) ประจำจุดฉุกเฉิน และศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม เพื่อรองรับการสื่อสารในภาวะภัยพิบัติ พร้อมทีมภาคเข้าพื้นที่น้ำท่วมบางแห่งเพื่อร่วมช่วยเหลือและลำเลียงผู้ประสบภัยออกจากบ้านเรือนที่ถูกน้ำท่วม เพื่อนำไปยังพื้นที่ปลอดภัย
นายประเทศ ตันกุรานันท์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านเทคโนโลยี บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "ทีมเน็ตเวิร์กของทรูได้นำเครื่องปั่นไฟและน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าไปในพื้นที่น้ำท่วม จังหวัดเชียงราย ตามจุดที่สถานการณ์เริ่มอำนวยจากมวลน้ำป่าไหลแรง เพื่อให้เสาสัญญาณในจุดที่การไฟฟ้าจำเป็นต้องตัดกระแสไฟเพื่อความปลอดภัย ให้ทำงานต่อได้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ยังสามารถติดต่อสื่อสารได้แม้ในภาวะวิกฤต พร้อมกันนี้ เราก็เร่งให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเต็มที่ด้วย”
ทางด้านการเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ฉุกเฉิน ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้จัดตั้งทีมปฏิบัติการพิเศษประจำศูนย์ปฏิบัติการเครือข่ายอัจฉริยะ หรือ BNIC ซึ่งทำงานร่วมกับระบบ AI เพื่อดูแลเครือข่ายตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งเตรียมความพร้อมด้านเครื่องมือ อุปกรณ์สำรอง และทีมเจ้าหน้าที่เพื่อดูแลเสาสัญญาณ รวมถึงการเตรียมรถขับเคลื่อน 4 ล้อ และเรือท้องแบน สำหรับนำเครื่องปั่นไฟฉุกเฉินเข้าพื้นที่เสาสัญญาณที่ได้รับผลกระทบ
ทรู คอร์ปอเรชั่น ยังได้ออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้าในพื้นที่ประสบภัย โดยขยายวันใช้งานให้ลูกค้าเติมเงินเพิ่มอีก 7 วัน พร้อมระงับการตัดสัญญาณ และขยายเวลาชำระค่าบริการแก่ลูกค้ารายเดือนของทรูมูฟ เอช ดีแทค ทรูออนไลน์ และทรูวิชั่นส์ เพิ่มอีก 7 วันเช่นกัน
ทั้งนี้ ทีมปฏิบัติการพิเศษประจำ War Room ของทรู คอร์ปอเรชั่น ได้ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง ในทุกจังหวัดที่ประสบอุทกภัยและระวังเส้นทางมวลน้ำไหลผ่าน เพื่อเตรียมรับมือตามแผนปฏิบัติการฉุกเฉินเพื่อดูแลระบบสื่อสารในช่วงวิกฤต และช่วยเหลือชุมชนที่ประสบภัย
โรงพยาบาลรามคำแหง จัดงานแถลงข่าวเตรียมความพร้อมจัดกิจกรรมวิ่งเพื่อการกุศล “Ram Hero Run 2024” วิ่งปลอดภัย เพื่อทุกหัวใจแข็งแรงโดยมีกำหนดจัดในวันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคม 2567 ณ หน้าลานอินดอร์ สเตเดียม หัวหมาก เพื่อส่งเสริมให้ทุกคนหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพ และมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือสังคม โดยรายได้ส่วนหนึ่งมอบให้ มูลนิธิขาเทียมในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ภายในงานได้รับเกียรติจาก ดร.ฤกขจี กาญจนพิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท โรงพยาบาลรามคำแหง และบริษัทในเครือ, มร.ทีโบลท์ สพิธากิส Chief Marketing Officer และกรรมการบริหาร โรงพยาบาลรามคำแหง และนางสาวทัศน์วรรณ ศิริวงศ์ กรรมการบริหาร โรงพยาบาลรามคำแหง ในฐานะประธานการจัดงาน พร้อมด้วย ตัวแทนจากมูลนิธิขาเทียม ในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี, คณะแพทย์ผู้ชำนาญการ, ดารานักแสดง อาทิ ฮาย - ชุติมา สิงห์ใจชื่น, โอ๊ต - รัฐธีร์ วรโรจน์โยธิน, พาขวัญ - พาขวัญ น้อยใจบุญ, จ๊ะจ๋า - จินต์จุฑา ศิริเพ็ง และเหล่าอินฟูลเอนเซอร์นักวิ่ง เข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง ณ โรงพยาบาลรามคำแหง
ดร.ฤกขจี กาญจนพิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท โรงพยาบาลรามคำแหง และบริษัทในเครือ เปิดเผยว่า “โรงพยาบาลรามคำแหงของเราไม่เพียงแต่รักษาผู้ป่วย แต่เรามุ่งมั่นที่จะร่วมสร้างสรรค์สังคม ผ่านบริการและกิจกรรมที่จะร่วมสร้างอนาคตที่ทำให้ทุกชีวิตมีสุขภาพที่แข็งแรง และมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น ดังความมุ่งมั่นของโรงพยาบาลที่จะ “ตอบทุกความต้องการ เชี่ยวชาญทุกการดูแล” จึงริเริ่มจัดกิจกรรมวิ่งการกุศล “Ram Hero Run 2024” วิ่งปลอดภัย เพื่อทุกหัวใจแข็งแรง ขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ย้ำภาพการเป็นโรงพยาบาลที่ร่วมสร้างสังคมสุขภาพดี”
มร.ทีโบลท์ สพิธากิส Chief Marketing Officer และกรรมการบริหาร กล่าวถึงการจัดงานครั้งนี้ว่า “เรามีความมุ่งหวังในการส่งเสริมสุขภาพของผู้คนให้มีสุขภาพที่ดี เพื่อเป็นสิ่งตอบแทนความไว้วางใจที่มอบให้กับทางโรงพยาบาลตลอดมา เพราะกิจกรรมวิ่งการกุศล “Ram Hero Run 2024” วิ่งปลอดภัย เพื่อทุกหัวใจแข็งแรง ในครั้งนี้ไม่ใช่แค่เป็นเรื่องของการทำลายสถิติ หรือการแข่งขัน แต่เป็นเรื่องของการมีสุขภาพที่ดี การเสริมสร้างความมั่นใจให้แก่ตนเอง และเป็นการสร้างพลังให้กับชุมชนอีกด้วย โดยตั้งเป้าเชิญชวนผู้ชื่นชอบในการวิ่ง และประชาชนทั่วไปเข้าร่วมงาน 5000 คน โดยรายได้ส่วนหนึ่งมอบให้ มูลนิธิขาเทียม ในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เพื่อใช้ในกิจกรรมของมูลนิธิต่อไป”
ด้าน นางสาวทัศน์วรรณ ศิริวงศ์ กรรมการบริหาร โรงพยาบาลรามคำแหง กล่าวเสริมว่า “การแข่งขันวิ่ง “Ram Hero Run 2024” วิ่งปลอดภัย เพื่อทุกหัวใจแข็งแรง แบ่งการแข่งขันออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ แฟมิลี่ รัน ระยะทาง 3 กิโลเมตร, ฟันรัน ระยะทาง 5 กิโลเมตร, มินิ มาราธอน ระยะทาง 10 กิโลเมตร และฮาล์ฟ มาราธอน ระยะทาง 21 กิโลเมตร ซึ่งเส้นทางการวิ่งได้รับการวัดระยะและรับรองจากสมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทย นอกจากนี้ยังใช้ระบบ Chip Time มาตรฐานระดับสากลในการตัดสิน เพื่อความเป็นธรรมแก่นักวิ่งทุกคน และสำหรับผู้เข้าร่วมงานจะได้รับเสื้อที่ระลึก, เหรียญรางวัล, BIB หมายเลขการแข่งขัน และบัตรสมาชิกโรงพยาบาลรามคำแหง ทั้งนี้ โรงพยาบาลรามคำแหง พร้อมดูแลความปลอดภัยให้แก่ผู้ร่วมงานตลอดเส้นทาง โดยมีหน่วยแพทย์เคลื่อนที่และจุดบริการรถพยาบาลฉุกเฉิน (Ambulance) พร้อมทีมปฐมพยาบาล อีกทั้งยังมีทีมนักวิ่งฮีโร่ที่ผ่านการอบรม BASIC LIFE SUPPORT (CPR) และการใช้เครื่อง AED ซึ่งเป็นผู้ที่มีทักษะสามารถช่วยเหลือชีวิตเบื้องต้น วิ่งกระจายตัวอยู่ในทุกระยะ เพื่อให้นักวิ่งอุ่นใจตลอดการวิ่ง นอกจากนี้โรงพยาบาลยังมีบูธ RAM HEALTH & FIT FAIR จัดกิจกรรมให้ความรู้และตรวจสุขภาพเบื้องต้นไว้คอยให้บริการแก่นักวิ่ง พร้อมกิจกรรมเล่นเกมรับของที่ระลึกไว้ให้ร่วมสนุกกันอีกด้วย”
กิจกรรมวิ่งเพื่อการกุศล “Ram Hero Run 2024” วิ่งปลอดภัย เพื่อทุกหัวใจแข็งแรง จัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคม 2567 ณ หน้าลานอินดอร์ สเตเดียม หัวหมาก บุคคลทั่วไปสามารถร่วมสนุกในบูธกิจกรรมได้ตั้งแต่เวลา 08.15 – 11.00 น. สำหรับในวันเสาร์ที่ 21 ธันวาคม 2567 เตรียมรับความสนุกสุดฟินในวันรับ BIB จากนักแสดงชื่อดังของเมืองไทยที่มาร่วมสร้างสีสัน และนำโชว์สุดพิเศษมาให้แฟน ๆ ได้ร่วมฟินตลอดทั้งงาน ณ เดอะมอลล์ ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ และสามารถร่วมบริจาคเพื่อสมทบทุนกิจกรรมผ่านบัญชี โครงการ “อุ่นรักไอราม” ธนาคารทหารไทยธนชาติ เลขบัญชี 666-2-07194-0
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสมัครร่วมงานได้ที่ www.runlah.com เปิดรับสมัครรอบ Early Bird ตั้งแต่ 10 – 30 กันยายน 2567 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทาง www.facebook.com/RamHeroRun
บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) โดยนายธีรยุทธ กิจวรพัฒน์ ผู้อำนวยการ ธุรกิจสาขาและการร่วมทุน นำพนักงานจิตอาสาของบริษัทฯ กว่า 30 คน ที่ร่วมโครงการ BKI อาสาพัฒนาโรงเรียน ทำกิจกรรมพัฒนาโรงเรียนวัดเขาพระ โดยการสร้างแปลงผักและปลูกพืชผักสวนครัวเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบประกอบอาหารเช้าและอาหารกลางวันให้กับเด็กนักเรียน พร้อมการติดตั้งสปริงเกอร์สำหรับรดน้ำและตาข่ายกรองแสงสำหรับคลุมแปลงผักเพื่อการเติบโตที่ดี อีกทั้งจัดเลี้ยงอาหารกลางวันน้องๆ นักเรียน โดยมีนางสาววิจิตรา อินทรมณี ผู้อำนวยการโรงเรียน พร้อมด้วยคณะครูและนักเรียนให้การต้อนรับและร่วมทำกิจกรรม ณ โรงเรียนวัดเขาพระ อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2567
ทั้งนี้ โครงการ BKI อาสาพัฒนาโรงเรียน เป็นหนึ่งในโครงการที่บริษัทฯ จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยนำพนักงานจิตอาสาร่วมทำกิจกรรมเพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตในด้านต่างๆ ทั้งด้านการศึกษาและความเป็นอยู่ของนักเรียนในโรงเรียนให้มีสุขอนามัยที่ดี และพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน
นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตามที่ธนาคารประกาศแผนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero Emissions Roadmap ภายในปี 2050 เพื่อมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาวิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยตั้งเป้า Net Zero ทั้ง 3 Scope รวมถึงกำหนดมาตรการสนับสนุนเพื่อชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอื่น ๆ เช่น การปลูกป่าทดแทนพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม และการอนุรักษ์ป่า รวม 50,000 ไร่ ภายใน 10 ปี เพื่อเพิ่มอาณาเขตป่าที่เป็นแหล่งดูดซับคาร์บอน ภายใต้ชื่อโครงการ “ปลูกป้องโลก” ซึ่งธนาคารได้คิกออฟการปลูกป่าออมสิน แปลงที่ 1 ขนาด 1,600 ไร่ ในพื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติ อำเภอด่านซ้าย และอำเภอภูเรือ จังหวัดเลย โดยได้รับเกียรติจากนายอนุพงศ์ คำภูแก้ว รองผู้ว่าราชการจังหวัดเลย นายสราวุฒิ บุญเกื้อ ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 6 พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและพนักงานธนาคารออมสิน นำโดย นางสาววชิรา การสุทธิ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการธนาคารออมสิน สายงานความยั่งยืน นายสุชาติ เจริญธรรม ผู้อำนวยการธนาคารออมสินภาค 10 และทีมงานทั้งจากธนาคารออมสิน ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และกลุ่มชาวบ้านที่เข้าร่วมโครงการกว่า 100 ชีวิต ได้ร่วมกันปลูกต้นกล้าพันธุ์ไม้ รวม 11 ชนิด เช่น ไม้สัก ไม้แดง ยางนา มะค่าโมง ประดู่ป่า ตะเคียนทอง ตะแบก ฯลฯ
“โครงการปลูกป้องโลก” เป็นมาตรการสนับสนุนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผน Net Zero 2050 ตามมติคณะกรรมการธนาคารออมสิน ตั้งเป้าปลูกป่าทดแทนป่าเสื่อมโทรมขนาดพื้นที่ 30,000 ไร่ และการอนุรักษ์ป่าขนาดพื้นที่ 20,000 ไร่ รวมจำนวนพื้นที่ป่าโดยธนาคารออมสินตลอดระยะเวลา 10 ปี (ปี 2567 – 2576) รวม 50,000 ไร่ คิดเป็นปริมาณคาร์บอนที่ดูดซับสะสมกว่า 35,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ (tCO2) โดยโครงการดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากกรมป่าไม้ในการจัดสรรพื้นที่ปลูกป่าทดแทนให้ได้ตามเป้าหมาย (ไม่รวมพื้นที่ป่าอนุรักษ์) นอกจากนี้ ยังสามารถสร้างรายได้จากการดำเนินการปลูกและบำรุงรักษาป่าให้กับชาวบ้านของชุมชนที่เข้าร่วมโครงการ และเป็นการปลูกฝังสร้างจิตสำนึกรักษ์สิ่งแวดล้อม และกระตุ้นการใส่ใจปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแก่ชุมชนต้นน้ำอีกด้วย