

จากสถานการณ์ความไม่สงบบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ทรู คอร์ปอเรชั่น ตระหนักถึงความห่วงใยและผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชนในพื้นที่ชายแดน เร่งเดินหน้าให้ความช่วยเหลือแก่ลูกค้าทรูและดีแทคในพื้นที่ประสบภัยอย่างเต็มที่ ทั้งการมอบอินเทอร์เน็ตฟรี โทรฟรี ขยายเวลาชำระค่าบริการ พร้อมทั้งร่วมดูแลประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ส่งรถโมบายล์สถานีฐานเคลื่อนที่เร็ว (Cell-On-Wheel: COW) เสริมสัญญาณในพื้นที่ศูนย์อพยพต่างๆ เช่น สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ บริการ Free Wi-Fi และบริการดูทีวีทรูวิชั่นส์ เพื่อประชาชนในช่วงเวลาวิกฤตนี้
ความช่วยเหลือสำหรับลูกค้าแบบรายเดือนและแบบเติมเงิน ทรูมูฟ เอช และดีแทค ประกอบไปด้วย สิทธิพิเศษเพื่อลูกค้า:
· เน็ตฟรี 10 GB ใช้ได้ 7 วัน : กด *900*7162# โทรออก
· โทรฟรี 100 นาที ใช้ได้ 7 วัน : กด *900*7161# โทรออก
· กดรับสิทธิภายในวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 (เฉพาะผู้ที่ได้รับผลกระทบ รอรับ SMS ยืนยัน)
นอกจากนั้นยังจัดสิทธิเพิ่มเติม
· ลูกค้าเติมเงิน: ขยายวันใช้งานเพิ่มอีก 7 วัน
· ลูกค้ารายเดือน: ขยายเวลาชำระค่าบริการถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2568 เพื่อให้ใช้งานได้ต่อเนื่อง
โดยพื้นที่ที่ได้รับสิทธิคือ 13 อำเภอใน 4 จังหวัดได้แก่ บุรีรัมย์: อำเภอบ้านกรวดใ,สุรินทร์: อำเภอกาบเชิง พนมดงรัก สังขะ ปราสาท บัวเชด ,ศรีสะเกษ: อำเภอกันทรลักษ์ ขุนหาญ ภูสิงห์ และ อุบลราชธานี: อำเภอน้ำยืน นาจะหลวย น้ำขุ่น ทุ่งศรีอุดม
ทั้งนี้ ทรู คอร์ปอเรชั่นยังส่งรถสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Cell-On-Wheel: COW) ไปเสริมสัญญาณในพื้นที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ เป็นที่เรียบร้อย เพิ่มสัญญาณอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง 5G และ 4G พร้อมทั้งติดตั้งบริการ Free Wi-Fi ในสนามช้างที่เปลี่ยนมาเป็นศูนย์พักพิงผู้อพยพ เพื่อให้เป็นที่อยู่ชั่วคราวสำหรับประชาชนมากกว่า 10,000 คน จาก 4 ตำบล ที่ต้องหลบภัยออกจากบ้านเรือนมาหาที่ปลอดภัย นอกจากนี้ อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงยังช่วยสนับสนุนการทำงานของแพทย์ พยาบาล ทหาร ตำรวจ ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ทุกหน่วย ที่เข้ามาช่วยเหลือผู้ประสบภัย
26 กรกฎาคม 2568 - บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น นำโดยนายวรวัฒน์ ปรีดาภัทรากุล หัวหน้าภาคเหนือ พร้อมทีมงาน ลงพื้นที่ช่วยเหลือชาวบ้าน และชุมชนที่ประสบอุทกภัยจากพายุและฝนตกหนักในจังหวัดแพร่ โดยลงพื้นที่ ต.ป่าแมต อ.เมือง พร้อมเยี่ยมลูกค้าทรูมูฟ เอช ดีแทค และทรูออนไลน์ อีกทั้งได้มอบถุงยังชีพที่ประกอบด้วยข้าวสาร อาหารแห้ง ยากันยุง น้ำดื่ม และนมสำหรับเด็ก ให้กับชุมชนมหาโพธิ์ ซึ่งส่วนใหญ่พบว่ามีชาวบ้านอาศัยเป็นจำนวนมาก และมีผู้สูงอายุที่ยังอาศัยอยู่ในบ้านที่น้ำท่วมขังอีกด้วย
ทั้งนี้ ทรู คอร์ปอเรชั่น ยังร่วมกับ อบจ.แพร่ มอบข้าวสาร อาหารแห้ง และน้ำดื่ม เพื่อใช้ประกอบอาหารช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ต่อไป
นอกจากนี้ ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้ดูแลระบบสื่อสารทั้งมือถือและเน็ตบ้านตามแผนรับมือภัยพิบัติฉุกเฉินจากเหตุฝนตกหนักน้ำท่วมฉับพลัน เฝ้าเกาะติดสถานการณ์ฝนถล่มภาคเหนืออย่างใกล้ชิด ทั้ง น่าน เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา ลำปาง อุตรดิตถ์ ตาก หนองคาย บึงกาฬ รวมถึง แพร่ พร้อมกับจัดตั้ง War room ประจำศูนย์ปฏิบัติการเครือข่ายอัจฉริยะ หรือ BNIC ซึ่งทำงานร่วมกับระบบ AI เพื่อดูแลเครือข่ายตลอด 24 ชั่วโมง
บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เดินหน้าสานต่อภารกิจแห่งความใส่ใจต่อสังคม ลงพื้นที่มอบถุงยังชีพเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชนในพื้นที่ประสบภัยน้ำป่าไหลหลาก ณ อำเภอพญาเม็งราย จังหวัดเชียงราย พร้อมส่งต่อกำลังใจและความห่วงใย ถึงพี่น้องชาวเหนือที่กำลังเผชิญกับสถานการณ์อุทกภัยจากเหตุฝนตกหนักต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ ตระหนักถึงความสำคัญของการเฝ้าระวังและการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง จึงได้เตรียมความพร้อมร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ในการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อให้สามารถให้ความช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงทีและครอบคลุม ซึ่งการดำเนินงานดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายด้านความรับผิดชอบต่อสังคมของบริษัท ที่มุ่งมั่นสู่การเป็น “บริษัทประกันชีวิตอันดับหนึ่งในด้านความใส่ใจ” โดยยึดมั่นในการใส่ใจเพื่อความสุขที่ยั่งยืนของสังคมไทย
กรุงเทพประกันภัยจับมือโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ร่วมส่งเสริมสุขภาวะที่ดีของผู้สูงอายุ โดยสนับสนุนงบประมาณในการปรับปรุงซ่อมแซมบ้านพักคนชรา พร้อมออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ให้บริการตรวจสุขภาพ มอบเวชภัณฑ์และสิ่งของจำเป็น จัดกิจกรรมสันทนาการและเลี้ยงอาหารกลางวันให้แก่ผู้สูงอายุ ตลอดจนมอบเงินบริจาค ณ ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุบ้านบางแค

บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ร่วมกับบริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) จัดกิจกรรม BKI อาสาพัฒนาบ้านพักคนชรา และหน่วยแพทย์เคลื่อนที่โดย “อาสาบำรุงราษฎร์ ณ ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุบ้านบางแค เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2568 เพื่อส่งเสริมให้ผู้สูงอายุมีสุขภาวะที่ดีทั้งทางร่างกาย จิตใจ ในสภาพแวดล้อมความเป็นอยู่ที่ดีและสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข โดยสนับสนุนงบประมาณในการปรับปรุงซ่อมแซมอาคารชาย อาคารหญิง และอาคารโภชนาการ มูลค่ากว่า 360,000 บาท พร้อมมอบยา เวชภัณฑ์ สิ่งของอุปโภคและบริโภคที่จำเป็น เช่น ผ้าอ้อม ผู้ใหญ่ แผ่นกันเปื้อน ผ้าขนหนู อาหารเสริมทางการแพทย์สำหรับผู้ป่วย ข้าวสาร อาหารแห้งและเครื่องปรุงรส นอกจากนี้นายชัย โสภณพนิช ประธานมูลนิธิชัย-นุชนารถ โสภณพนิช ร่วมสนับสนุนเงินบริจาคจำนวน 100,000 บาท เพื่อใช้ในภารกิจต่างๆ ของศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุบ้านบางแค

โดยมีนายชวาล โสภณพนิช ประธานคณะผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย รศ.นพ.ทวีสิน ตันประยูร ประธานปฏิบัติการด้านการแพทย์ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เป็นประธานในการมอบสิ่งของให้แก่นางสาวสุทธิรัตน์ โทชนบท ผู้อำนวยการ ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุบ้านบางแค เป็นผู้แทนรับมอบและกล่าวขอบคุณผู้บริหารและจิตอาสาจากทั้ง 2 องค์กร

โอกาสนี้โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์นำทีมบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ ทั้งแพทย์อายุรกรรม แพทย์กระดูกและข้อ จักษุแพทย์ พยาบาล นักกายภาพบำบัด และเภสัชกร จำนวนรวมกว่า 60 คนร่วมออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ภายใต้ชื่อ “อาสาบำรุงราษฎร์” ให้บริการตรวจสุขภาพแก่ผู้สูงอายุโดยไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อส่งเสริมให้ผู้สูงอายุมีโอกาสเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่มีคุณภาพและมีมาตรฐาน
ภายในงานทีมจิตอาสาของกรุงเทพประกันภัย ยังได้จัดกิจกรรมสันทนาการให้ผู้สูงอายุได้ร่วมเกมสนุกสนานอย่างสนุกสนานเพลิดเพลิน พร้อมจัดเลี้ยงอาหารกลางวันให้แก่ผู้สูงอายุได้อิ่มอร่อยกันอีกด้วย

ทั้งนี้ กรุงเทพประกันภัยยังคงให้การสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้แก่คนในสังคมผ่านโครงการต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ภายใต้นโยบายด้านการพัฒนาองค์กรเพื่อความยั่งยืนของบริษัทฯ ที่ให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างมีธรรมาภิบาลพร้อมส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่คนในสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม เพื่อพัฒนาองค์กร เศรษฐกิจ และสังคมให้เติบโตอย่างยั่งยืนไปพร้อมกัน
ชับบ์ ไลฟ์ ประกันชีวิต ชวนผู้บริหาร พนักงาน และตัวแทนประกันชีวิต ร่วมผนึกพลังบริจาคโลหิตเนื่องในโอกาสวันประกันชีวิตแห่งชาติ ครั้งที่ 24 ประจำปี 2568 จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) สมาคมประกันชีวิตไทย สมาคมตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาการเงิน และกองทุนประกันชีวิต

คุณอลิสา อารีพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ชับบ์ ไลฟ์ ประกันชีวิต ได้กล่าวว่า “ที่ ชับบ์ ไลฟ์ ประกันชีวิต พนักงานและตัวแทนฯของเรามุ่งมั่นที่จะสนับสนุนความเป็นอยู่ที่ดีของคนไทยให้ครอบคลุมครบทุกมิติ การบริจาคโลหิตในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่จะช่วยด้านสุขภาพเท่านั้น แต่ยังเป็นการส่งเสริมให้ทุกคนได้ตระหนักถึงความสำคัญของการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ในสังคมที่เราอาศัยอยู่ร่วมกัน และกระตุ้นให้คนไทยมีส่วนร่วมในการบริจาคโลหิตมากขึ้น”
บริษัท อุตสาหกรรมทำเครื่องแก้วไทย จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจด้านบรรจุภัณฑ์แก้ว หรือ BJC Glass ภายใต้ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) นำโดย คุณสมพร ณ สุพรรณ รองผู้จัดการใหญ่ฝ่ายปฏิบัติการ และรองประธานกลุ่มอุตสาหกรรมแก้วและกระจก ร่วมเป็นสักขีพยานในการทำข้อตกลงความเข้าใจ ในการลดใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง (โฟมและหลอดพลาสติก) ร่วมกับเครือข่ายเกาะยั่งยืนประเทศไทยกว่า 33 เกาะ, สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย, กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และองค์กรภาคีเครือข่ายอีกกว่า 30 องค์กร ในงาน “วันมหาสมุทรโลก (World Oceans Day)”

ภายใต้หัวข้อ “Wonder: Sustaining What Sustains Us – ดูแลทะเลที่หล่อเลี้ยงเรา” โดยได้รับเกียรติจาก คุณณัฐพงษ์ สงวนจิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด เป็นประธานเปิดงาน เพื่อร่วมมอบความรู้ สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม นำไปสู่การบริหารจัดการขยะทางทะเล ฟื้นฟูระบบนิเวศทางทะเล และสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนชายฝั่งอย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ BJC Glass ได้ร่วมกับชาวเกาะอีกกว่า 30 แห่ง เก็บขยะขนาดใหญ่ “30+ Islands Clean-Up: So Cool Mission” เพื่อรักษามหาสมุทร ในวันมหาสมุทรโลก รวมถึงร่วมแสดงนิทรรศการเพื่อสร้างความเข้าใจถึงความยั่งยืนของบรรจุภัณฑ์แก้ว ที่ไม่เป็นมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม เพียงคัดแยกขยะให้ถูกต้อง ณ เกาะช้าง จ.ตราด
การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.). กระทรวงคมนาคม นางกุลกัญญา ทุมเสน รองผู้ว่าการ (กฎหมาย) เป็นประธาน ในพิธีมอบทุนการศึกษาในโครงการทุนการศึกษา “EXAT Smart Youth” ประจำปีงบประมาณ 2568 ให้แก่เยาวชนในชุมชนและโรงเรียนตามรอบเขตทางพิเศษ โดยมีผู้บริหาร กทพ. ผู้บริหารโรงเรียนและพนักงาน กทพ. เข้าร่วมกิจกรรม

นางกุลกัญญา ทุมเสน รองผู้ว่าการฯ กล่าวว่า กทพ. ตระหนักและให้ความสำคัญด้านการศึกษาของเยาวชนที่จะเติบโตเป็นกำลังสำคัญของชาติในอนาคต จึงได้จัดโครงการทุนการศึกษา “EXAT Smart Youth” ประจำปีงบประมาณ 2568 เพื่อมอบทุนการศึกษาต่อเนื่องจนจบการศึกษาชั้นสูงสุดของสถานศึกษาตลอดจนสร้างความสัมพันธ์อันดีกับมวลชน โดย กทพ. ได้พิจารณาคัดเลือกโรงเรียนที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินงานของ กทพ. ให้ครอบคลุมกับโรงเรียนรอบเขตทางพิเศษทั้ง 8 สายทาง จำนวนทั้งสิ้น 41 โรงเรียน โดยทุนการศึกษาแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ ทุนการศึกษาประเภท ก. คือ ทุนการศึกษาต่อเนื่องจนสำเร็จการศึกษาชั้นสูงสุดของสถานศึกษาสำหรับนักเรียนที่เรียนดี มีความประพฤติดี , ทุนการศึกษาประเภท ข. คือทุนการศึกษาต่อเนื่องจนสำเร็จการศึกษาชั้นสูงสุดของสถานศึกษาสำหรับนักเรียนขาดแคลนทุนทรัพย์ ทุนการศึกษาประเภท ก. และ ข. จำนวน 13 โรงเรียน และ ทุนการศึกษาประเภท ค. คือทุนการศึกษารายปีสำหรับนักเรียนที่ศึกษา อยู่ในโรงเรียนรอบเขตทางพิเศษ จำนวน 28 โรงเรียน

โดยเงินทุนการศึกษาที่มอบให้เยาวชนในโรงเรียนรอบเขตทางพิเศษทุกสายทางจำนวนทั้งสิ้น 41 โรงเรียน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 892,500 บาท ประกอบด้วย
ทุนการศึกษาประเภท ก.,ข. ทุนละ 3,000 บาท จำนวน 13 โรงเรียน รวมเป็นเงิน 612,000 บาท แบ่งเป็น
- โรงเรียนละ 15 ทุน จำนวน 12 โรงเรียน เป็นเงิน 540,000 บาท (ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 2-6 และระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2-6)
- โรงเรียนละ 24 ทุน จำนวน 1 โรงเรียน เป็นเงิน 72,000 บาท (ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 2-6 และระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-3) รวมเป็นเงิน 612,000 บาท
ทุนการศึกษาประเภท ค. ทุนละ 1,000 บาท โรงเรียนละ 10 ทุน จำนวน 28 โรงเรียน รวมเป็นเงิน 280,000 บาท

“การทางพิเศษฯ ให้ความสำคัญกับการอยู่ร่วมกันอย่างเกื้อกูลกับโรงเรียน ชุมชนและสังคม โดยเฉพาะ การส่งเสริมโอกาสทางการศึกษาให้แก่เยาวชนซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของสังคมไทยในอนาคต โครงการมอบทุนการศึกษา EXAT Smart Youth จึงเป็นอีกหนึ่งพันธกิจที่สะท้อนความตั้งใจของ กทพ. ในการตอบแทนและสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนโดยรอบทางพิเศษทุกสายทางอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านการศึกษา การพัฒนาคุณภาพชีวิตและการช่วยเหลือสังคมในมิติต่าง ๆ ซึ่ง กทพ. จะยังคงเดินหน้าและขยายผลการดำเนินงานด้านความรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อร่วมสร้างสรรค์อนาคตที่ยั่งยืนต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง” นางกุลกัญญา กล่าวในท้ายที่สุด

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ส่งมอบหนังสือการ์ตูนขายหัวเราะส่งเสริมการออมรูปแบบอักษรเบรลล์ จำนวน 2,000 เล่ม ให้แก่ นายอนุพนธ์ เซ็นสาส์น ประธานศูนย์เทคโนโลยีการศึกษาเพื่อคนตาบอด เพื่อนำไปส่งต่อให้แก่โรงเรียนสอนคนตาบอด 16 แห่ง และหน่วยงานผู้พิการทางการเห็น 651 แห่งทั่วประเทศ

โดยจัดทำหนังสือการ์ตูนขายหัวเราะรูปแบบอักษรเบรลล์ และการ์ตูนแอนิเมชันพร้อมเสียงบรรยายภาพ ผ่านช่องทาง YouTube ของ GSB Society เรื่อง “ภารกิจพิชิตเงินออม กับ ปังปอนด์” จำนวน 2 ตอน ได้แก่ ปังปอนด์ทำเงินหาย และรองเท้ากีฬาคู่ใหม่ของปังปอนด์ โดยถ่ายทอดเรื่องราวความรู้ทางการเงิน (Financial Literacy) ผ่านปังปอนด์ และครอบครัว ตัวการ์ตูนชื่อดังของไทย ในรูปแบบที่เข้าใจง่าย สนุกสนาน และสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ อาทิ การจัดทำบันทึกรายรับ-รายจ่าย การออมก่อนใช้ เป็นต้น ซึ่งจะช่วยเปิดโลกกว้าง พร้อมพัฒนาศักยภาพทางความคิดให้ผู้พิการทางการมองเห็นตระหนักถึงความสำคัญของการออมอย่างมีประสิทธิภาพ

โดยมีนางสาววชิรา การสุทธิ์ รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน และนางสาวจารุพร กำธรนพคุณ ผู้ช่วยผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ร่วมส่งมอบ ณ ธนาคารออมสินสำนักงานใหญ่ เมื่อเร็ว ๆ นี้
นายบัณฑิต เจียมอนุกูลกิจ (ขวาสุด) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ พรูเด็นเชียล ประเทศไทย พร้อมด้วยนายอิฎฐ์ อภิรักษ์ติวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานพัฒนาองค์กร และนางสาวดารบุษป์ ปภาพจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จำกัด มอบทุนการศึกษาจำนวน 200,000 บาท ให้แก่ “มูลนิธิศาสตราจารย์บุญชนะ – ท่านผู้หญิงแส อัตถากร เพื่อการศึกษาและวิจัย” โดยมี นางโชติกา สวนานนท์ (ที่สองจากขวา) ประธานกรรมการมูลนิธิฯ เป็นผู้แทนรับมอบ โดยการสนับสนุนทุนการศึกษาในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดโอกาสทางการศึกษาให้แก่นักเรียนและนักศึกษาที่ด้อยโอกาส หรือขาดแคลนทุนทรัพย์ เพื่อส่งเสริมให้สามารถพัฒนาศักยภาพของตนเอง และก้าวสู่ความสำเร็จในอนาคตได้อย่างมั่นคง ตามเจตนารมณ์ “ชีวิตมีกัน...ทุกวันดีกว่า” For Every Life, For Every Future เพื่อร่วมสร้างอนาคตที่ดีกว่าให้แก่ทุกคน
บริษัท ซิมเพิ้ล ฟู้ดส์ จำกัด ร่วมบริจาคเงินสมทบทุนแก่ “มูลนิธิเพื่อสนับสนุนการผ่าตัดหัวใจเด็ก” จำนวน 100,000 บาท เพื่อช่วยให้เด็ก ๆ ได้รับการรักษาผ่าตัดหัวใจ และบริจาคนมพิสตาชิโอ สูตรดั้งเดิม แบรนด์ 137 ดีกรี® จำนวน 1,080 กล่อง ณ สถาบันโรคหัวใจ ตึกสอาด ศิริพัฒน์ โรงพยาบาลราชวิถี เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร เมื่อเร็ว ๆ นี้
บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่าย เครื่องดื่มภายใต้แบรนด์สินค้าของซันโทรี่และเป๊ปซี่โคในประเทศไทย ร่วมกับ บริษัท ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำตลาดอาหารเสริมสุขภาพภายใต้ตราผลิตภัณฑ์แบรนด์ในประเทศไทยและอินโดไชน่า จัดกิจกรรม “ค่าย มิซุอิกุ ผู้พิทักษ์รักษ์น้ำ” รุ่น 2 (Mizuiku Water Hero Camp: Year 2) ภายใต้โครงการ “วัน ซันโทรี่ มิซุอิกุ: เรารักษ์น้ำ” ประจำปี 2568 (One Suntory Mizuiku Program 2025) เชิญชวนแกนนำเยาวชนอายุ 10-12 ปี และคุณครู จาก 30 โรงเรียนในจังหวัดชลบุรีและระยอง รวมกว่า 500 คน เข้าร่วมกิจกรรมเรียนรู้การอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน จากคณะผู้เชี่ยวชาญภาครัฐและเอกชน ผ่านห้องเรียนธรรมชาติ ระหว่างวันที่ 9-11 มิถุนายน 2568 ณ จังหวัดชลบุรี
![]()
นายโอเมอร์ มาลิค ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ประเทศไทยและอินโดไชน่า บริษัท ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “สถานการณ์ด้านทรัพยากรน้ำในประเทศไทยทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาภัยแล้ง น้ำท่วม และมลพิษทางน้ำ จึงเป็นช่วงเวลาสำคัญที่พวกเราทุกคนต้องลุกขึ้นมาปกป้อง ‘น้ำ’ ซึ่งเป็นทรัพยากรที่สำคัญต่อทุกชีวิตบนโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่จะก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญในอนาคต ด้วยแนวคิดนี้ บริษัท ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมการสนับสนุนจาก บริษัท ซันโทรี่ โฮลดิ้งส์ จำกัด จึงได้ร่วมมือกันจัดทำโครงการ ‘วัน ซันโทรี่ มิซุอิกุ: เรารักษ์น้ำ’ เพื่อปลูกฝังจิตสำนึกและมอบองค์ความรู้ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำให้แก่เยาวชน โดยในปี 2567 ที่ผ่านมา โครงการฯ ของเราได้ส่งมอบองค์ความรู้ให้แก่เยาวชน 8,115 คน และคุณครู 270 คน จาก 30 โรงเรียนในจังหวัดชลบุรีและระยอง อีกทั้งสนับสนุนให้เยาวชนนำความรู้ไปบูรณาการโครงการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำในมิติต่าง ๆ ของโรงเรียนเพื่อขับเคลื่อน การเปลี่ยนแปลงเชิงบวกต่อทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน”
![]()
นายทานุจ ชาดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “กลุ่มบริษัท ซันโทรี่ มุ่งมั่นนำค่านิยมองค์กร 'การเติบโตอย่างยั่งยืน' (Growing for Good) และ 'การตอบแทนกลับคืนสู่สังคม' (Giving Back to Society) มาปฏิบัติให้เกิดเป็นรูปธรรมผ่านการดำเนินโครงการ ‘วัน ซันโทรี่ มิซุอิกุ: เรารักษ์น้ำ’ ซึ่งจากความสำเร็จในปีที่ผ่านมา ทำให้เราเดินหน้าสานต่อโครงการฯ ชักชวนเหล่าแกนนำเยาวชนคนรุ่นใหม่ รวมถึงคุณครู จำนวนทั้งสิ้นกว่า 500 คน จากจังหวัดชลบุรีและระยอง ร่วมเรียนรู้ผ่านการลงมือทำภายใต้ห้องเรียนธรรมชาติ ใน ‘ค่าย มิซุอิกุ ผู้พิทักษ์รักษ์น้ำ’ รุ่น 2 ก่อนนำความรู้ที่ได้รับกลับไปจัดทำแผนงานและดำเนินโครงการอนุรักษ์น้ำในโรงเรียน พร้อมจัดตั้ง ‘มิซุอิกุ คลับ’ เพื่อขับเคลื่อนและขยายผลโครงการ โดยแกนนำนักเรียนจากโรงเรียนที่ชนะการประกวด ‘โรงเรียนต้นแบบรักษ์น้ำ มิซุอิกุ’ ในแต่ละจังหวัดจะได้เดินทางไปทัศนศึกษาเพื่อเรียนรู้ต้นกำเนิดของโครงการ ‘มิซุอิกุ’ ณ ประเทศญี่ปุ่น ทั้งนี้ เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่ากิจกรรมนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่สร้างแรงบันดาลใจและจุดประกายให้ทุกคนกลายเป็น ‘ผู้พิทักษ์รักษ์น้ำ’ รวมถึงนำ องค์ความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับไปเผยแพร่ให้กับเพื่อน ๆ ในโรงเรียน ครอบครัว และชุมชนต่อไป”
"ค่าย มิซุอิกุ ผู้พิทักษ์รักษ์น้ำ" (Mizuiku Water Hero Camp) ในปีนี้ จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 โดยมีเป้าหมายเพื่อ ตอกย้ำให้เยาวชน ตระหนักถึงความสำคัญของทรัพยากรน้ำ ผ่านแนวคิด "ไม่มีน้ำ ไม่มีเรา" โดยร่วมมือกับศูนย์สิ่งแวดล้อมศึกษา (Environmental Education Centre หรือ EEC) และภาคีหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งกิจกรรมภายในค่ายมุ่งเน้นให้เยาวชนเข้าใจถึงความสำคัญของทรัพยากรน้ำ วัฏจักรน้ำ และปัญหาน้ำในแต่ละพื้นที่ ผ่านการเรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ ที่ผสมผสานความรู้และความสนุกสนาน (Edutainment) เข้าไว้ด้วยกัน ภายใต้ห้องเรียนธรรมชาติ ของจังหวัดชลบุรี โดยครอบคลุมแหล่งน้ำตั้งแต่ ต้นน้ำ-กลางน้ำ-ปลายน้ำ และทะเล ได้แก่
· การเรียนรู้บทบาทและความสำคัญของป่าต้นน้ำในฐานะพื้นที่กักเก็บน้ำ และประโยชน์ของการชะลอนํ้าเพื่อให้มี นํ้าใช้เพียงพอตลอดปี รวมถึงศึกษาหลักการตรวจวัดคุณภาพน้ำเบื้องต้น และเข้าใจลักษณะการพัดพาตะกอนจากต้นน้ำสู่ปลายน้ำ ณ เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาเขียว-เขาชมภู่
· การสำรวจระบบนิเวศพื้นที่กลางน้ำ เช่น อ่างเก็บน้ำ และพื้นที่ชุ่มน้ำ ที่มีความสำคัญต่อความหลากหลาย ทางธรรมชาติ และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อสิ่งมีชีวิตและมนุษย์หากไม่มีพื้นที่กลางน้ำ ณ ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและสัตว์ป่าเขาเขียว
· การศึกษาระบบนิเวศของป่าชายเลนซึ่งเป็นพื้นที่ปลายน้ำที่ทำหน้าที่ดักจับสิ่งปนเปื้อนที่มากับน้ำด้วยพรรณพืชและสัตว์ต่าง ๆ โดยเยาวชนจะได้เรียนรู้ถึงการอยู่ร่วมกันระหว่างชุมชนและป่าชายเลน พร้อมทั้งเข้าใจความเชื่อมโยงของคุณภาพน้ำ ตั้งแต่แหล่งต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ณ ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและอนุรักษ์ป่าชายเลนเพื่อการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ
· การตระหนักถึงความสำคัญของทะเลซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางของสายน้ำโดยเยาวชนจะได้เรียนรู้ว่าทุกพฤติกรรมที่เกิดขึ้นบนโลกล้วนส่งผลต่อระบบนิเวศทางทะเล ทั้งในแง่ของความอุดมสมบูรณ์และความเปราะบางของสิ่งมีชีวิตในทะเล กิจกรรมจึงออกแบบมาให้เยาวชนเห็นถึงความเชื่อมโยงของสายน้ำทั้งระบบพร้อมปลูกจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทะเลในฐานะทรัพยากรธรรมชาติอันมีค่า
โดยกิจกรรมดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐ ได้แก่ กรมทรัพยากรน้ำ กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมมลพิษ ภายใต้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะที่ปรึกษาโครงการและร่วมเป็นคณะกรรมการตัดสินผลงานการประกวดโครงการอนุรักษ์น้ำในโรงเรียนของนักเรียน อีกทั้งยังได้รับเกียรติ จากผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อมและการศึกษาชั้นนำมาร่วมถ่ายทอดความรู้ ได้แก่ คุณอเล็กซานเดอร์ ไซมอน เรนเดลล์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารศูนย์การศึกษาด้านสิ่งแวดล้อม ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สิตางศุ์ พิลัยหล้า ผู้เชี่ยวชาญด้านทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อม และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปนัดดา ธนเศรษฐกร ผู้สร้างแรงบันดาลใจและให้คำแนะนำการจัดทำโครงการอนุรักษ์น้ำในโรงเรียน ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้จะช่วยวางรากฐาน เพื่อนำองค์ความรู้และทักษะที่ได้รับมาปรับใช้ ส่งเสริมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม และขยายผลด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อมไปสู่บุคลากรในโรงเรียนและชุมชนโดยรอบต่อไป
บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) โดย นางสาว ศริฐณี ศิริสมบูรณ์ ผู้จัดการอาวุโส ส่วนงานประชาสัมพันธ์และกิจกรรมเพื่อสังคม เดินหน้าสานต่อโครงการ “BLA ใส่ใจชุมชน” จัดฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์ (Vaxigrip Tetra) ให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน. เตาปูน บางโพ และบางซื่อ รวมถึงประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและลดความเสี่ยงของการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าว

ซึ่งการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ ถือเป็นความ “ใส่ใจ” ตามหลักปฏิบัติในการดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) ในระยะยาวของกรุงเทพประกันชีวิต โดยให้ความสำคัญกับการสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน โดยเฉพาะการส่งเสริมให้ประชาชนมีสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดี และสอดคล้องตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อป้องกันการระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ และลดการสูญเสียกำลังพล โดยภายในงานยังมีบูท แจกยาดม และน้ำดื่ม ณ ห้องประชุมสถานีตำรวจเตาปูน กรุงเทพมหานคร เมื่อเร็ว ๆ นี้
บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) เดินหน้าส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีเพื่อสังคม จัดกิจกรรมบริจาคโลหิต เพื่อมอบให้แก่สภากาชาดไทยอย่างต่อเนื่อง โดยนางสาวปวีณา จูชวน (ที่ 2 จากซ้าย) ผู้อำนวยการใหญ่ ให้กำลังใจและกล่าวขอบคุณพนักงาน ลูกค้า คู่ค้า รวมถึงประชาชนทั่วไปที่ร่วมบริจาคโลหิต ณ อาคารกรุงเทพประกันภัย ถนนสาทรใต้ เมื่อเร็วๆ นี้
กิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมให้มีโลหิตสำรองเพียงพอสำหรับใช้ในการรักษาผู้ป่วยในโรงพยาบาลทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มโอกาสในการรักษาแก่ผู้ป่วยที่รอความช่วยเหลือ โดยกรุงเทพประกันภัยได้ดำเนินกิจกรรมบริจาคโลหิตเป็นประจำทุก 3 เดือนต่อเนื่องตลอดทุกปี ภายใต้นโยบายด้านการพัฒนาองค์กรเพื่อความยั่งยืนของบริษัทฯ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้บริหาร พนักงาน ลูกค้า และประชาชนทั่วไปได้ร่วมกันสร้างสังคมแห่งการแบ่งปัน และส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่คนในสังคม