ไซโก้ เอปสัน คอร์ปอเรชั่น ประกาศความร่วมมือกับองค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล หรือ WWF องค์กรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมระดับโลก ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือระยะเวลา 3 ปี ในการฟื้นฟูและอนุรักษ์พื้นที่ป่าไม้ทั่วโลก
ไซโก้ เอปสัน คอร์ปอเรชั่น และ WWF มีจุดยืนร่วมกันในด้านการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม และเคยทำงานร่วมกันในโครงการอนุรักษ์ทางทะเลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เมื่อมีนาคม 2565 ก่อนจะจับมือกันเป็นพันธมิตร เพื่อดำเนินงานภายใต้วัตถุประสงค์ 3 ประการ ประกอบด้วย 1) จัดการกับรอยเท้านิเวศของเอปสัน 2) สนับสนุนโครง การฟื้นฟูและอนุรักษ์ป่าของ WWF ใน 7 ประเทศทั่ว 4 ภูมิภาค และ 3) สร้างการรับรู้และความเข้าใจต่อประเด็นสิ่งแวดล้อม
เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าว เอปสันจะทำการสนับสนุนเงิน 240 ล้านเยน หรือประมาณ 59 ล้านบาท ในระยะ เวลา 3 ปี เริ่มตั้งแต่มีนาคม 2566 สำหรับใช้ในโครงการด้านป่าไม้ของ WWF โดยตลอดระยะเวลาความร่วมมือ
เอปสันในฐานะองค์กรสมาชิกในโครงการ Forests Forward ของ WWF จะร่วมสนับสนุนกิจกรรมด้านการอนุรักษ์ป่าไม้และฟื้นฟูธรรมชาติในผืนป่าที่เสียหายจากการถูกตัดไม้ในพื้นที่ต่างๆ ที่ WWF เข้าดำเนินงาน และจะช่วยปรับปรุงด้านความยั่งยืนในห่วงโซอุปทานให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ ความร่วมมือนี้ยังจะมุ่งสร้างโลกที่มีธรรมชาติที่ดีขึ้นกว่าเดิม (nature-positive) ผ่านการผลักดันการใช้ทรัพยากรป่าไม้ (กระดาษ) ในภาคธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ รวมถึงการอนุรักษ์ระบบนิเวศน้ำสะอาดและกิจกรรมที่จะนำไปสู่เศรษฐกิจหมุนเวียนซึ่งจะมีตามมาในอนาคต
นายยาสึโนริ โอกาว่า ประธานบริษัท ไซโก้ เอปสัน คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “เอปสันรู้สึกยินดีที่ได้ลงนามในข้อ ตกลงความร่วมมือกับ WWF โลกกำลังเผชิญกับความหายนะทางสิ่งแวดล้อม จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่เราจะต้องลงมือทันที เพื่อรักษาความหลากหลายทางชีวภาพของโลกใบนี้เอาไว้ก่อนที่มันจะสายเกินไป การร่วมเป็นพันธมิตรครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเอปสันในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ลดปริมาณของเสีย และทำให้แน่ใจว่าการใช้ทรัพยากรธรรมชาตินั้นเป็นไปอย่างยั่งยืน ด้วยเป้าหมายที่จะสร้างอนาคตที่ผู้คนสามารถใช้ชีวิตร่วมกับธรรมชาติได้อย่างกลมกลืน องค์กร WWF จึงเหมาะสมที่สุดสำหรับเอปสัน”
ในปี 2564 เอปสันได้ประกาศวิสัยทัศน์ด้านสิ่งแวดล้อม โดยตั้งเป้าที่จะก้าวไปเป็นองค์กรที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ เป็นลบรวมถึงไม่มีการใช้ทรัพยากรใต้ดินให้ได้ภายในปี 2593 และเพื่อทำให้เป้าหมายนี้เป็นจริงขึ้นมาได้ บริษัทฯ ได้ริเริ่มกระบวนการใหม่ๆ ที่รวมถึงการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ การใช้ทรัพยากรแบบวงปิด การสร้างผลิตภัณฑ์และบริการที่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อม เอปสันตระหนักดีว่าการมีส่วนร่วมของชุมชนมีความจำเป็นต่อการบรรลุเป้าหมายในการสร้างสังคมที่ยั่งยืน เช่นเดียวกับความร่วมมือจากพันธมิตรที่มีแนวคิดเดียวกัน อย่าง WWF ที่จะร่วมกันสร้างความตระหนักรู้และดำเนินการอย่างกล้าหาญ เพื่อแก้ ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่โลกกำลังเผชิญอยู่
นายโตอาบิ ซาดาโยสิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร WWF ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า “WWF มีความยินดีที่ได้ร่วม มือกับเอปสัน เพื่ออนาคตของป่าไม้ และไม่ใช่แค่เพียงความมุ่งมั่นของบริษัทเพียงบริษัทเดียว แต่นี่ยังสะท้อนให้เห็นถึงย่างก้าวที่สำคัญของความพยายามอย่างเร่งรีบจากภาคเอกชน เพื่อป้องกันความเสื่อมโทรมของธรรมชาติ โดย เฉพาะป่าไม้ที่เราทุกคนต้องพึ่งพา”
การคุ้มครองและการจัดการต่อระบบนิเวศในผืนป่าด้วยความรับผิดชอบเป็นวาระสำคัญในการประชุมระดับโลกเมื่อเร็วๆ นี้ อย่าง การประชุม UN COP27 ว่าด้วยเรื่องสภาพภูมิอากาศ และ UN COP15 ว่าด้วยเรื่องความหลาก หลายทางชีวภาพ แสดงให้เห็นว่าประเด็นดังกล่าวเป็นเรื่องวิกฤตที่ทุกองค์กรจะต้องช่วยกันขับเคลื่อน ด้วยการให้คำมั่นที่แน่วแน่และสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างเร่งด่วน เพราะนี่คือสิ่งจำเป็นต่อการฟื้นคืนความสูญเสียของความหลากหลายทางชีวภาพ และการสร้างสังคมที่มีความยั่งยืนมากยิ่งขึ้น ด้วยการเป็นพันธมิตรและการมีส่วนร่วมในโครงการ Forests Forward เอปสัน และ WWF จะมุ่งมั่นรักษาผืนป่าที่ถูกคุกคาม ทั้งภายในและนอกเหนือประเทศที่เอปสันมีห่วงโซ่อุปทานไปถึง ผ่านการบริหารจัดการป่าไม้และฟื้นฟูธรรมชาติให้ดียิ่งขึ้น
ด้านนายยรรยง มุนีมงคลทร ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เอปสันและ WWF ได้มีการร่วมงานกันตั้งแต่ปี 2565 ในโครงการอนุรักษ์ทางทะเล เพื่อฟื้นฟูความสมบูรณ์ของระบบนิเวศทางทะเลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เริ่มจากการฟื้นฟูปะการังที่สิงคโปร์ ก่อนจะขยายไปยังอินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย รวมถึงการฟื้นฟูป่าชายเลนในฟิลิปปินส์ โดยให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกับชุมชนและหน่วยงานท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง และพันธมิตรทางด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นคู่ค้าและสื่อมวลชน สำหรับประเทศไทย เอปสันจะยังสานต่อกิจกรรมอนุรักษ์ทางทะเล ทั้งยังขยายขอบเขตการทำงานร่วมกับ WWF ประเทศไทยในการฟื้นฟูและอนุรักษ์ป่าไม้ เพื่อปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพทั้งบนบกและใต้น้ำ”
นายไพโรจน์ ชื่นครุฑ (ที่ 2 จากซ้าย) ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านกลยุทธ์และวางแผนธุรกิจองค์กร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้แทนมูลนิธิกรุงศรี มอบเงินสนับสนุนแก่มูลนิธิสร้างรอยยิ้ม จำนวน 200,000 บาท เพื่อสนับสนุนโครงการผ่าตัดแบบต่อเนื่อง สำหรับเด็กด้อยโอกาสที่มีภาวะปากแหว่งเพดานโหว่ ณ โรงพยาบาลชลบุรี จังหวัดชลบุรี โดยมี ทันตแพทย์หญิงยุพเรศ นิมกาญจน์ (ที่ 2 จากขวา) ประธานกรรมการมูลนิธิสร้างรอยยิ้ม เป็นผู้รับมอบ โดยตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา มูลนิธิกรุงศรีได้ให้การช่วยเหลือแก่เยาวชนที่มีภาวะปากแหว่งเพดานโหว่ รวมจำนวนทั้งสิ้น 20 คน
ทรู คอร์ปอเรชั่น กำหนดเป้าหมายเป็นองค์กรจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ด้วยวิธีฝังกลบเป็นศูนย์ (Zero e-Waste to Landfill) ภายในปี พ.ศ. 2573 เปิดตัวโครงการ “e-Waste ทิ้งถูกที่ ดีต่อใจ” อำนวยความสะดวกให้ประชาชนสามารถนำสมาร์ทโฟนเก่า โทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์เสริม และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็กที่เลิกใช้งาน มาทิ้งได้ที่กล่องจุดรับขยะ e-Waste ทั้งที่ ทรูช้อป ทรูสเฟียร์ และศูนย์บริการดีแทค รวม 154 สาขาทั่วประเทศ พร้อมผนึกพันธมิตรชั้นนำจากหลากหลายกลุ่มธุรกิจ ทั้ง ออลล์ นาว โลจิสติกส์, โทเทิล เอนไวโรเมนทอล โซลูชั่นส์ในการขนส่งและรีไซเคิล รวมถึงทรูคอฟฟี่, PAUL, เต่าบิน, Sukishi Korean Charcoal Grill, NARS, Ultima II และเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ มอบสิทธิพิเศษให้ลูกค้าเลือก “Drop for Rewards” เพื่อร่วมกันสร้างโลกที่ยั่งยืนเพื่อชีวิตที่ดีกว่าไปด้วยกันได้แล้ววันนี้ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/TinkTookTee-DTorJai
นายมนัสส์ มานะวุฒิเวช ประธานคณะผู้บริหาร บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “หนึ่งในพันธกิจเร่งสร้าง ทรู คอร์ป สู่การเป็น Telecom-Tech Company อย่างเต็มรูปแบบ คือการบริหารจัดการผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง ทั้งแบรนด์ทรูและดีแทคต่างเป็นช่องทางจัดจำหน่ายโทรศัพท์มือถือและดีไวซ์รวมมากกว่าล้านเครื่องต่อปี บริษัทฯ จึงตระหนักในหน้าที่ความรับผิดชอบต่อการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างถูกวิธีแบบครบวงจรและเป็นไปตามมาตรฐานสากล เพื่อร่วมลดปริมาณขยะฝังกลบให้เป็นศูนย์ ภายในปี พ.ศ. 2573 ทั้งนี้ โครงการ e-Waste ทิ้งถูกที่ ดีต่อใจ เป็นผลจากการนำจุดแข็งของเราสององค์กรมาสานต่อและยกระดับให้เกิดการจัดการ e-Waste ที่ขยายจุดรับทิ้งขยะให้ครอบคลุมทั่วประเทศ มีการจัดการขนส่งขยะไปสู่ระบบการรีไซเคิลที่ถูกวิธีอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ รวมทั้ง การมอบสิทธิพิเศษที่หลากหลายจากองค์กรพันธมิตรของทั้งทรูและดีแทค นี่คือ พันธกิจสำคัญของเรา ทรู คอร์ปอเรชั่น ในฐานะองค์กรที่ได้รับการจัดอันดับเป็นที่ 1 ดัชนีความยั่งยืนระดับโลก Dow Jones Sustainability Indices ในตลาดเกิดใหม่กลุ่มสื่อสารโทรคมนาคมต่อเนื่อง 5 ปีซ้อน”
ดร.ปิยาภรณ์ ภาสกานนท์ หัวหน้าสายงานด้านการพัฒนาความยั่งยืนองค์กร บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่นกล่าวว่า “โครงการ “e-Waste ทิ้งถูกที่ ดีต่อใจ” ที่เริ่มดำเนินการในเดือนมิถุนายนซึ่งเป็นเดือนแห่งวันสิ่งแวดล้อมโลกนี้ สอดคล้องกับเป้าหมายด้านความยั่งยืนของทรู คอร์ปอเรชั่น ที่มุ่งสู่การเป็นองค์กรที่ปล่อยก๊าชคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ (Carbon Neutral) และการเป็นองค์กรที่จัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ด้วยวิธีฝังกลบเป็นศูนย์ (Zero e-Waste to Landfill) ภายในปี 2573 รวมถึงเป้าหมายที่ 12 ของการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ หรือ SDGs ในการสร้างหลักประกันให้มีรูปแบบการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน ซึ่งโครงการดังกล่าวต้องการปลูกจิตสำนึกและสร้างการมีส่วนร่วมของคนในสังคม รวมทั้งเพิ่มความมั่นใจแก่ลูกค้าว่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ไม่ต้องการใช้แล้วทุกชิ้น จะถูกนำไปคัดแยกและรีไซเคิลอย่างถูกวิธีแน่นอน และครั้งนี้ เป็นที่น่ายินดีที่ได้รับความร่วมมือจากพันธมิตร ทั้ง TES ผู้นำด้านรีไซเคิลขยะอิเล็กทรอนิกส์ตามมาตรฐานสากล ออลล์ นาว โลจิสติกส์ ที่ให้การสนับสนุนการขนส่ง e-Waste จากจุดรับทั่วประเทศ รวมถึงอีกหลากหลายแบรนด์ชั้นนำที่จะมามอบสิทธิพิเศษต่างๆ ให้แก่ลูกค้าที่ร่วมโครงการอีกด้วย”
สำหรับลูกค้าทรู-ดีแทค ที่ทิ้ง e-Waste ถูกที่ ดีต่อใจ สามารถเลือก “Drop for Rewards” กับสิทธิพิเศษต่างๆ ได้แก่ ทรูคอฟฟี่ – อัปไซส์เครื่องดื่มที่ร่วมรายการ PAUL – รับส่วนลด 50% เมนูที่ร่วมรายการ เต่าบิน – รับฟรีเมนูโอริโอ้ปั่น มูลค่า 55 บาท Sukishi Korean Charcoal Grill – รับฟรีคอร์นด็อกซอสชีส มูลค่า 100 บาท เมื่อรับประทานบุฟเฟ่ต์ Sukishi Overload ขั้นต่ำ Gold tier Gold 699+ บาท หรือ A la carte ขั้นต่ำ 500 บาทขึ้นไป NARS – รับฟรีบริการ Touch Up มูลค่า 800 บาท Ultima II – รับฟรี ULTIMA II Delicate Translucent Powder With Moisturizer 5g NETRAL TT มูลค่า 199 บาท และ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ – ฟรีค่าสมัครสมาชิก M Gen มูลค่า 100 บาท ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/TinkTookTee-DTorJai
โรงเรียนบ้านแก้วเพชรพลอย อ.ตาพระยา จ. สระแก้ว วันนี้คึกคักเป็นพิเศษ
นายสยาม ประสิทธิศิริกุล (ที่ 2 จากซ้าย) ประธานกลุ่มสนับสนุนธุรกิจด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและดิจิทัล ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) สนับสนุนคอมพิวเตอร์พร้อมอุปกรณ์จำนวน 200 เครื่อง ให้กับโรงเรียนภายใต้สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ เพื่อต่อยอดการเรียนรู้ด้วยทักษะเทคโนโลยีดิจิทัลแก่เยาวชน สะท้อนถึงความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการส่งเสริมโอกาสทางการศึกษาที่ทั่วถึงและเท่าเทียม โดยมี ดร.พัฒนะ พัฒนทวีดล (ที่ 2 จากขวา) รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เป็นผู้แทนรับมอบ
เอปสัน เปิดตัวแคมเปญ “Make The Switch” เพื่อสื่อสารไปยังพนักงานรวมถึงบุคคลทั่วไปในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
หนึ่งในภารกิจหลักหลังการควบรวมทรู-ดีแทค คือ การส่งมอบเครือข่ายสัญญาณที่ดียิ่งกว่า ครอบคลุมยิ่งขึ้นทั่วไทย โดยที่ผ่านมา การติดตั้งเสาสัญญาณ นอกเหนือจากจะต้องเป็นไปตามกฎระเบียบที่กสทช.กำหนดไว้แล้ว ทุกพื้นที่ที่ทรูและดีแทคติดตั้งเสาสัญญาณจะมีการนำปัจจัยเรื่อง ความหลากหลายทางชีวภาพ หรือ Biodiversity มาใช้ในการวางแผน โดยทีมปฏิบัติการจะทำการสำรวจสิ่งมีชีวิตนานาพันธุ์ในระบบนิเวศรอบพื้นที่เสาสัญญาณ ควบคู่กับการปลูกต้นไม้เพื่อให้เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยสมบูรณ์ของสัตว์และพันธุ์พืช เพื่อบรรลุเป้าหมายที่จะไม่ก่อให้เกิดความสูญเสียคุณค่าด้านความหลากหลายทางชีวภาพสุทธิ และไม่ก่อให้เกิดการสูญเสียพื้นที่ป่าไม้สุทธิ ภายในปี 2573 สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ หรือ SDGs “เป้าหมายที่ 15 ปกป้อง ฟื้นฟู และส่งเสริมการใช้ระบบนิเวศบนบกอย่างยั่งยืน” โดยมีกระบวนการที่ชัดเจน ตั้งแต่
จากผลการศึกษาในปี 2564 พบว่ามีพื้นที่เสาสัญญาณที่อาจอยู่ในระดับเสี่ยงด้านความหลากหลายทางชีวภาพ คิดเป็นสัดส่วนที่ 0.38% ซึ่งจะต้องนำไปประเมินเพิ่มเติม พร้อมหารือผู้เชี่ยวชาญเพื่อวางแผนดำเนินการแก้ไข ป้องกัน และลดผลกระทบอย่างเคร่งครัด
บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ
5 มิถุนายนของทุกปีคือวันสิ่งแวดล้อมโลก (World Environment Day)
ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เดินหน้าตอกย้ำ การเป็น “ศูนย์ฯ ประชุม สีเขียว” จับมือเอไอเอส (AIS) สนับสนุนการจัดการขยะ E-Waste อย่างถูกวิธี ตั้งจุดรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ภายในศูนย์ฯ สิริกิติ์ พร้อมชวนคนไทยยุคดิจิทัล กำจัดขยะอย่างถูกวิธี เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีของชุมชน และรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
ศูนย์ฯ สิริกิติ์ เป็นศูนย์การประชุมแห่งแรกในประเทศไทยที่เข้าร่วมโครงการ ‘คนไทย ไร้ E-Waste’ กับ AIS เพื่อแยกขยะอิเล็กทรอนิกส์ออกจากขยะประเภทอื่นๆ และส่งต่อไปยังหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญในการกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างถูกวิธี โดยเปิดจุดรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-Waste บริเวณเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ชั้น LG
สุทธิชัย บัณฑิตวรภูมิ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กล่าวว่า “ทางศูนย์ฯ สิริกิติ์ มีความยินดีที่ได้เข้าร่วมโครงการ ‘คนไทยไร้ E-Waste’ กับ AIS ซึ่งเป็นโครงการ ที่ให้ความสำคัญกับการกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างถูกวิธี สอดรับกับพันธกิจหลัก ของศูนย์ฯ สิริกิติ์ ที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนในการรักษาสิ่งแวดล้อม และพัฒนาชุมชน ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยผู้เข้ามาใช้บริการที่ศูนย์ฯ สิริกิติ์ หรือชุมชนใกล้เคียง สามารถนำขยะอิเล็กทรอนิกส์ ไม่ว่าจะเป็น โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต สายชาร์จ หูฟัง แบตเตอรี่มือถือ มาทิ้ง ได้ที่จุดรับขยะภายในศูนย์ฯ สิริกิติ์ นอกจากนั้นเรายังได้จัดวางถังแยกขยะประเภทต่างๆ เพื่อให้ผู้มาใช้บริการภายในศูนย์ฯ สิริกิติ์ ได้รับความสะดวก และง่ายต่อการทิ้งขยะอย่างถูกวิธี ซึ่งขยะที่ผ่านการคัดแยกจะเข้าสู่กระบวนการ Recycle และ Upcycle เพื่อส่งเสริมการปฏิบัติ ตามระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนโดยจัดสรรให้ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และเกิดประโยชน์ มากที่สุด”
สายชล ทรัพย์มากอุดม รักษาการหัวหน้าหน่วยธุรกิจประชาสัมพันธ์ และธุรกิจสัมพันธ์ เอไอเอส กล่าวว่า “AIS ในฐานะผู้ให้บริการดิจิทัล นอกเหนือจากความมุ่งมั่นในการพัฒนาเครือข่ายสื่อสารอัจฉริยะให้เป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีหลักของประเทศแล้ว เรายังวางนโยบายในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนในทุกมิติ โดยเฉพาะในด้านสิ่งแวดล้อม ที่วันนี้ AIS เดินหน้าสร้าง Ecosystem ในการบริหารจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ ภายใต้โครงการ ‘คนไทยไร้ E-Waste’ ตั้งแต่การสร้างองค์ความรู้ให้คนไทยตระหนักถึงปัญหา สร้างกระบวนการจัดเก็บเพื่อให้ขยะอิเล็กทรอนิกส์เข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลแบบ Zero Landfill ตามมาตรฐานสากล ผ่านการสร้างการมีส่วนร่วมกับพาร์ทเนอร์ที่หลากหลาย โดยครั้งนี้เราได้ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เข้ามาเป็นหนึ่งในเครือข่าย ด้าน Green Partnerships โดยมีเป้าหมายเดียวกันที่ต้องการแก้ไขปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างยั่งยืน โดยผู้ที่เข้ามาใช้บริการที่ศูนย์ฯ สิริกิติ์ หรือมาเข้าร่วมงานประชุม งานแสดงสินค้า หรืองานแฟร์ต่างๆ สามารถนำขยะอิเล็กทรอนิกส์ มาทิ้งได้ที่จุดรับขยะภายในศูนย์ฯ สิริกิติ์ เพื่อจะได้รวบรวมขยะอิเล็กทรอนิกส์ไปกำจัดอย่างถูกต้องต่อไป”
เพราะความยั่งยืนคือพันธกิจหลัก ศูนย์ฯ สิริกิติ์ จึงให้ความสำคัญตั้งแต่การออกแบบอาคาร ให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นำนวัตกรรมเทคโนโลยีมาใช้เพื่อประหยัดพลังงาน การควบคุมมลพิษ การใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการจัดภูมิทัศน์ที่ช่วยเชื่อมโยงอาคารเข้ากับพื้นที่สีเขียวของสวนเบญจกิติ และการจัดพื้นที่ส่วนกลางเพื่อจัดกิจกรรมสันทนาการ การร่วมมือ ในโครงการ ‘คนไทยไร้ E-Waste’ กับ AIS ในครั้งนี้ จึงเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนของศูนย์ฯ สิริกิติ์ อย่างแท้จริง”
นายสุทธิชัย บัณฑิตวรภูมิ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (ซ้าย) เดินหน้าตอกย้ำ การเป็น “ศูนย์ฯ ประชุม สีเขียว” จับมือ นางสายชล ทรัพย์มากอุดม รักษาการหัวหน้าหน่วยธุรกิจประชาสัมพันธ์ และธุรกิจสัมพันธ์ เอไอเอส (ขวา) เข้าร่วมโครงการ ‘คนไทยไร้ E-Waste’ ตั้งจุดรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ภายในศูนย์ฯ สิริกิติ์ พร้อมชวนคนไทยยุคดิจิทัล กำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างถูกวิธี เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีของชุมชน และรักษาสิ่งแวดล้อม อย่างยั่งยืน