มูลนิธิ EDF (มูลนิธิกองทุนการศึกษาเพื่อการพัฒนา) เร่งระดมทุนการศึกษาปีการศึกษา 2566 ที่กำลังจะเปิดภาคเรียนในกลางเดือนพฤษภาคมนี้ให้นักเรียนไทยที่ยากไร้และพิการหรือมีพัฒนาการช้าในโครงการการศึกษาของมูลนิธิผ่านเทใจดอทคอม (www.taejai.com) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มระดมทุนออนไลน์เพื่อสังคมกับโครงการทุนการศึกษา “Save Dropout Students ต่อลมหายใจให้น้องได้เรียนจบ (อีกครั้ง)” ปีที่ 2 และโครงการ “I’m ABLE โอกาสจากพี่ ช่วยหนูได้เรียนร่วม” สามารถร่วมบริจาคได้จนถึง 30 มิถุนายน 2566 นี้
“Save Dropout Students ต่อลมหายใจให้น้องได้เรียนจบ (อีกครั้ง)” ปีที่ 2 เป็นโครงการระดมทุนการศึกษาระยะเวลา 1 ปี เพื่อนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 หรือชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 150 คน ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ที่เคยสมัครขอรับการศึกษาจากมูลนิธิในปีการศึกษาที่ผ่านมาแต่ไม่ได้รับทุนเนื่องจากเงินบริจาคที่มูลนิธิได้รับไม่เพียงพอ ให้ได้รับทุนการศึกษาทุนละ 2,000 บาท ร่วมส่งเสริมโอกาสทางการศึกษาได้ที่ https://taejai.com/th/d/save-drop-out-students2/
ส่วน “I’m ABLE โอกาสจากพี่ ช่วยหนูได้เรียนร่วม” เป็นโครงการมอบทุนการศึกษาระยะเวลา 1 ปี ให้นักเรียนพิการหรือมีพัฒนาการช้าที่กำลังศึกษาระดับชั้นประถมศึกษาถึงมัธยมศึกษาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้ และภาคตะวันตกของประเทศไทย 150 คน ทุนละ 4,000 บาท ได้มีโอกาสเรียนร่วมในโรงเรียนปรกติ รวมถึงเป็นการช่วยส่งเสริมกำลังใจ ส่งเสริมการเรียนรู้ สร้างเสริมพัฒนาการทางร่างกายและสติปัญญา รู้จักช่วยเหลือตนเองในสถานการณ์ต่าง ๆ และการอยู่ร่วมกันในสังคมแห่งการแบ่งปัน โดยไม่รู้สึกว่าตนเองเป็นภาระของครูและเพื่อน ๆ หรือบุคคลอื่นใด สามารถร่วมส่งเสริมโอกาสทางการศึกษาให้นักเรียนพิการหรือมีพัฒนาการช้าได้ที่ https://taejai.com/th/d/imable/
สำหรับมูลนิธิ EDF ได้ร่วมกับแพลตฟอร์มระดมทุนออนไลน์เพื่อสังคมเทใจดอทคอมส่งเสริมและมอบโอกาสทางการศึกษาให้นักเรียนไทยที่ขาดแคลนมาตั้งแต่ปีการศึกษา 2565 โดยโครงการที่สำเร็จไปแล้วได้แก่โครงการ “เก่าไม่ไหว ขอคู่ใหม่ให้หนูที” และโครงการ “Save Dropout Students ต่อลมหายใจให้น้องได้เรียนจบ ทั้งนี้มูลนิธิ EDF เป็นองค์กรสาธารณกุศลลำดับที่ 255 ของประเทศไทย ที่ดำเนินงานช่วยเหลือนักเรียนที่ด้อยโอกาสให้ได้รับการศึกษารวมถึงจัดกิจกรรมซีเอสอาร์ในโรงเรียนและชุมชนมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2530 ได้รับการยอมรับจากองค์กรทั้งในและต่างประเทศและได้รับรางวัล เช่น รางวัลยอดเยี่ยมองค์กรพัฒนาเอกชนแห่งประเทศไทย ประเภทองค์กรขนาดใหญ่จากมูลนิธิร็อคกี้เฟลเลอร์ สถาบัน คีนันแห่งเอเชีย และ เดอะ รีซอร์ส อัลลิอันซ์ รางวัลประกาศนียบัตรองค์กรสาธารณกุศลระดับ 5 ดาว จากการดำเนินงานและบริหารงานด้วยหลักธรรมาภิบาล มีประสิทธิภาพทางการเงิน และมีความโปร่งใสจากสมาคมกิฟวิ่ง แบค ประกาศนียบัตรรับรอง CAF International Vetted Organization จาก CAF International ที่มอบให้องค์กรสาธารณกุศลทั่วโลกที่ผ่านการตรวจสอบมาตรฐานการดำเนินงานครอบคลุมหลักธรรมาภิบาล เป็นองค์กรสาธารณกุศลที่จดทะเบียนถูกต้อง รายงานการเงินประจำปีมีความโปร่งใสตรวจสอบได้ และเงินบริจาคและเงินสนับสนุนที่ส่งมอบให้มูลนิธินำไปใช้อย่างถูกต้องตรงตามวัตถุประสงค์เพื่อสาธารณกุศลอย่างแท้จริง รางวัลคนดีต้นแบบคุณธรรมไทยจากสมาคมสหพันธ์คนพิการในประเทศไทย และรางวัลกัลปพฤกษ์ทองคำจากมหาวิทยาลัยขอนแก่นในฐานะหน่วยงานที่ทำความดีอันเป็นประโยชน์ต่อสังคม
ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการระดมทุนของมูลนิธิ EDF ที่ทำร่วมกับเทใจดอทคอมได้ที่นายอนุชาติ คงมา ฝ่ายรณรงค์ทุนการศึกษามูลนิธิ EDF โทรศัพท์ 02 579 9209-11 ระหว่างวันจันทร์-วันศุกร์ (09.00-16.30 น.) LINE @edfthai หรืออีเมล This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต นำโดย คุณชัยณรงค์ เอื้อสิทธิชัย ประธานเจ้าที่บริหาร ฝ่ายจัดจำหน่าย คุณสุกัญญา เที่ยงธีระธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายจัดจำหน่ายผ่านธนาคาร พร้อมอาสาสมัครจิตอาสาทั้งพนักงาน และฝ่ายขาย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร่วมจัดกิจกรรม “BANC’s Hearts in Action Day” หรือกิจกรรมจิตอาสาจากใจของทีมฝ่ายจัดจำหน่ายผ่านธนาคาร โดยผู้บริหาร และพนักงานจิตอาสา ร่วมปรับปรุงสร้างฝายชะลอน้ำ ปล่อยไก่ป่าจำนวน 300 ตัว พร้อมทำแนวป้องกันไฟ ณ เขตพื้นที่ห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำผาน้ำทิพย์ อ.หนองพอก จ.ร้อยเอ็ด
กิจกรรมดังกล่าวเป็นการตอกย้ำจุดยืนของบริษัทฯ ในฐานะบริษัทประกันที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม หรือ Green Insurer ในการสนับสนุนให้ทุกคนร่วมกันเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการใส่ใจสิ่งแวดล้อม และเป็นส่วนหนึ่งของการช่วยฟื้นฟูระบบนิเวศน์ พร้อมอยู่เคียงข้างทุกความเชื่อมั่น ดูแลกันตลอดไป
เพื่อร่วมฉลองวันคุ้มครองโลก Earth Day ในปีนี้ นิสสัน ประเทศไทย ตอกย้ำความสำคัญของความตระหนักรู้เรื่องการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของนิสสัน ควบคู่ไปกับความรับผิดชอบต่อสังคมทั้งภายในและภายนอกองค์กร เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนและก้าวสู่เป้าหมายการสร้างสังคมคาร์บอนเป็นกลาง (Carbon Neutral)
นิสสัน ประเทศไทย ในฐานะศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ของนิสสันในอาเซียน เชื่อมั่นในพลังของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลง โดยการสรรค์สร้างนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และลงมือสร้างการเปลี่ยนแปลงที่จะช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ในการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน ขณะดียวกันก็ส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืน นิสสันได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าและระบบขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า เช่น เทคโนโลยี อี-พาวเวอร์ รวมทั้งการส่งเสริมให้พนักงานและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเกิดความตระหนักรู้ในด้านการรักษาสิ่งแวดล้อม โดยที่นิสสันได้ทำงานร่วมกับพันธมิตรทั้งในประเทศและทั่วโลก เพื่อพัฒนากระบวนการผลิต และเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งทำให้นิสสันได้รับรางวัลอุตสาหกรรมสีเขียว ระดับที่ 4 วัฒนธรรมสีเขียว (Green Culture) จากกระทรวงอุตสาหกรรมในปี 2565 ที่ผ่านมา
นิสสัน ประเทศไทย ได้นำข้อปฏิบัติในการทำงาน และปลูกฝังจิตสำนึกของพนักงานในด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทั้งในส่วนของสำนักงานและโรงงานผลิต เพื่อช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการดำเนินงานใน 4 ด้าน และพัฒนาองค์กรไปสู่ความยั่งยืนอย่างแท้จริง ได้แก่
สร้างค่านิยมในการคัดแยกขยะ (Waste Separation)
การคัดแยกขยะถือเป็นก้าวแรกในการรักษาสิ่งแวดล้อม เนื่องจากขยะแต่ละประเภทมีวิธีจัดการที่แตกต่างกันออกไป นิสสันจึงได้ส่งเสริมให้มีการคัดแยกขยะอย่างถูกต้องทั้งในสำนักงานและโรงงานผลิต โดยคัดแยกออกเป็นขยะรีไซเคิล ขยะทั่วไป ขยะเปียก และขยะอันตราย มีการนำขยะที่สามารถรีไซเคิลได้ไปผ่านกระบวนการรีไซเคิลเพื่อให้นำกลับมาสร้างประโยชน์ได้อีก และนำขยะที่แท้จริงไปกำจัด วิธีนี้สามารถช่วยลดปริมาณการเผาไหม้และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศ
การรีไซเคิลน้ำเพื่อให้การปล่อยน้ำเสียเป็นศูนย์ (Water Recycling and Zero Water Discharge)
ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557 นิสสันประเทศไทยริเริ่มใช้ระบบบำบัดน้ำเสียและการหมุนเวียนน้ำกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ ณ โรงงาน 2 ซึ่งเป็นสายการผลิตรถเพื่อการพาณิชย์ขนาดเล็ก เพื่อจัดการมลพิษทางน้ำ เริ่มจากการนำเทคโนโลยีบำบัดน้ำเสียแบบ Recycle Reverse Osmosis System มาใช้ในโรงงาน ซึ่งช่วยให้นำน้ำเสียจากกระบวนการผลิตที่บำบัดแล้วกลับมาใช้ใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งได้รับประโยชน์จากการนำน้ำที่รีไซเคิลแล้ววันละกว่า 300 ลูกบาศก์เมตรมาใช้ในโรงงาน 2 ทำให้ไม่ต้องมีการปล่อยน้ำเสียสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ
เพิ่มพื้นที่สีเขียวผ่าน Tree Planting Project
นิสสัน ได้จัดกิจกรรมการปลูกต้นไม้ในพื้นที่โรงงานบนถนนบางนา-ตราด ก.ม. 21 และ 22 จ.สมุทรปราการ เพื่อเพิ่มอากาศบริสุทธิ์และพื้นที่สีเขียวให้กับสังคม ปัจจุบันพนักงานของนิสสันได้ร่วมกันปลูกต้นไม้ไปแล้วมากกว่า 900 ต้นในโครงการนี้ ช่วยเพิ่มปริมาณออกซิเจน ลดปริมาณฝุ่น pm 2.5 และช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศ และยังคงสามารถบรรลุเป้าหมายการเพิ่มพื้นที่สีเขียวได้อย่างต่อเนื่อง
การใช้พลังงานสะอาดในการผลิตไฟฟ้าผ่านโครงการระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar rooftop project)
ระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา คือ อีกหนึ่งนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนให้โรงงานผลิตรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ของนิสสันเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนมากขึ้น ด้วยการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาซึ่งมีพื้นที่มากกว่า 60,000 ตารางเมตร มีกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้าสูงถึง 5.5 เมกะวัตต์เพื่อใช้ในการผลิต ซึ่งนอกจากจะช่วยประหยัดพลังงานแล้ว ยังช่วยลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 5,100 ตันต่อปี ทำให้นิสสันเป็นหนึ่งในโรงงานในประเทศไทยที่มีฐานการผลิตพลังงานทดแทนจากแสงอาทิตย์ที่ใหญ่ที่สุดและสามารถนำพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้อย่างเป็นรูปธรรมมากที่สุดในอุตสาหกรรมยานยนต์
“สำหรับนิสสันแล้ว ทุกๆ วัน คือวันคุ้มครองโลก คือวัน Earth Day นิสสันในประเทศไทยมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนธุรกิจของเราไปข้างหน้าพร้อมกับเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันสังคมที่คาร์บอนเป็นกลาง นิสสันจึงส่งเสริมให้พนักงานทุกคนได้ตระหนักถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทุกๆ วัน เราทำงานอย่างครบวงจร ทั้งในด้านการสร้างสรรค์นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม กระบวนการผลิตที่ยั่งยืนและหลีกเลี่ยงการเกิดมลภาวะโดยไม่จำเป็น และที่สำคัญ คือ การปลูกฝังให้พนักงานของเราตระหนักรู้และร่วมมือกันลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสิ่งแวดล้อมจนกลายเป็นวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่ง ทุกสิ่งที่เราทำในวันนี้ จะนำนิสสันก้าวไปสู่อนาคตของการปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ได้อย่างแท้จริง” อิซาโอะ เซคิกุจิ ประธาน นิสสัน ประเทศไทย และ ประธาน นิสสัน ภูมิภาคอาเซียน กล่าว
บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต ร่วมกับรายการThe First Ultimate เอาใจลูกค้าพาเที่ยวอิ่มบุญกับกิจกรรม “1 Day Trip in นครนายก” นำโดย คุณภาสิกา นาเมืองรักษ์ ผู้ช่วยรองประธาน หัวหน้าส่วนงานการสื่อสารสื่อดิจิทัล บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต (แถวหลัง คนที่ 7 จากซ้าย) ให้เกียรติกล่าวต้อนรับลูกค้าและเปิดงาน โดยกิจกรรมในครั้งนี้ เป็นกิจกรรมต่อยอดจาก“แคมเปญโฆษณา Make Time for me-time 2.0 ให้เวลาที่ควรให้กับตัวคุณเอง” ซึ่งเป็นการมอบประสบการณ์สุดพิเศษต่างๆ และช่วงเวลาดีๆ ให้กับลูกค้าคนสำคัญ อาทิ ไหว้พระขอพรเพิ่มความเป็นสิริมงคลตลอดปี ที่พุทธสถานจีเต็กลิ้ม และวัดมณีวงศ์ พร้อมทั้งอิ่มอร่อยกับร้านก๋วยเตี๋ยว และคาเฟ่ชื่อดังของจังหวัดนครนายก
กิจกรรมดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายของบริษัทฯ ที่มีลูกค้ามาเป็นที่หนึ่ง และพร้อมอยู่เคียงข้างทุกความเชื่อมั่น ดูแลกันตลอดไป สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกิจกรรม การบริการ และผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ได้ที่ โทร 1159 ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง หรือ https://www.krungthai-axa.co.th/
ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย มุ่งสร้างอนาคตเด็กไทยด้วยทักษะความรู้และภูมิคุ้มกันด้านการเงินให้กับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษา ผ่านหลักสูตรการเงินออนไลน์ “UOB Money 101: Teen Edition วัยรุ่นเก่งการเงิน” โดยร่วมกับโครงการร้อยพลังการศึกษา ดำเนินงานมาแล้ว 2 ปีนับตั้งแต่ปี 2564 มีนักเรียนมากกว่า 2,300 คน จาก 39 โรงเรียน ได้เข้าเรียนและรับความรู้เรื่องการเงินจากหลักสูตรการเงินทั้งจากห้องเรียนออนไลน์และห้องเรียนในโรงเรียนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และพร้อมเดินหน้าสานต่อในปี 2566
โดยเมื่อเร็วๆ นี้ ได้มีพิธีมอบเกียรติบัตรให้กับตัวแทนคุณครูและนักเรียนที่จบหลักสูตร UOB Money 101: Teen Edition วัยรุ่นเก่งการเงิน ปีการศึกษา 2565 ทั้งสิ้น 1,223 คน ณ อาคารยูโอบี พลาซา กรุงเทพ สำนักงานใหญ่ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย โดยมีผู้บริหารจากธนาคารยูโอบี ประเทศไทยและพันธมิตรโครงการเข้าร่วมในงาน
หลักสูตรการเงินออนไลน์ UOB Money 101: Teen Edition วัยรุ่นเก่งการเงิน ได้รับการออกแบบและพัฒนาขึ้นสำหรับเยาวชนโดยเฉพาะจากสถาบันความรู้การเงินมันนี่คลาส เพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้วิธีจัดการเงินให้มีประสิทธิภาพ และเข้าใจถึงการเตรียมความพร้อมเพื่อให้สามารถเริ่มต้นวางแผนและตั้งเป้าหมายการเงินได้ตั้งแต่วัยรุ่น โดยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ UOB My Digital Space ซึ่งมีแผนดำเนินโครงการในระยะยาวเพื่อลดช่องว่างทางการศึกษาของเด็กที่ด้อยโอกาสทั่วทั้งภูมิภาคให้เข้าถึงโอกาสในการเรียนรู้ผ่านช่องทางดิจิทัล และเชื่อมโยงพวกเขาสู่โลกแห่งโอกาสการเรียนรู้ดิจิทัล
เอสซีจี เคมิคอลส์ หรือ เอสซีจีซี (SCGC) ผู้นำธุรกิจเคมีภัณฑ์ครบวงจรเพื่อความยั่งยืน
บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ เดินหน้าปลูกป่าใหม่เพิ่มเติม
ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร มอบเงินบริจาคสมทบทุนมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อใช้ในการสงเคราะห์ช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยทั่วประเทศ สนับสนุนการศึกษาแก่ผู้ยากไร้ และช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนทุกข์ยากเพื่อสาธารณประโยชน์ โดยมีพลเรือเอกพงษ์เทพ หนูเทพ องคมนตรีและประธานกรรมการบริหารมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ เป็นผู้รับมอบ ณ มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2566
ทั้งนี้ ผู้บริหาร พนักงาน และลูกจ้าง EXIM BANK รวมทั้งลูกค้าธนาคารได้บริจาคเงินสมทบทุนมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ อย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2554 จนถึงปัจจุบัน โดยตระหนักถึงปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่ประสบภัยพิบัติและจำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน สอดคล้องกับนโยบายด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนนโยบายด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนของ EXIM BANK
บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ นำโดย นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (คนที่ 4 จากซ้าย) พร้อมด้วยนายฤทธิรงค์ บุญมีโชติ ประธานกรรมการบริหารกลุ่มธุรกิจอาหารแช่แข็งและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง และนายชู ชง ชาน ผู้อำนวยการกลุ่มด้านกิจกรรมกลุ่มบริษัท มอบเงินสมทบทุนในการสร้างศูนย์วิทยาการเวชศาสตร์ผู้สูงอายุศิริราช จังหวัดสมุทรสาคร จำนวน 10 ล้านบาท โดยมี ศาสตราจารย์นายแพทย์อภิชาติ อัศวมงคลกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล (คนที่ 5 จากซ้าย) และ ศ.คลินิก นพ.วิศิษฎ์ วามวาณิชย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช พร้อมด้วยคณะแพทย์ศิริราช เป็นผู้รับมอบ
“โตโยต้า” สานฝันสร้างแรงบันดาลใจให้เด็กไทยที่ชื่นชอบและรักกีฬาฟุตบอล
บริษัท ทาเคดา (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทชีวเภสัชภัณฑ์ระดับโลก และ บริษัท คาโอ อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทผู้ผลิตสินค้าอุปโภคและธุรกิจเคมีภัณฑ์ชั้นนำ สานต่อพลังความร่วมมือเพื่อสังคมกับกิจกรรม ‘CSR Day: Taking Action for a Brighter Future’ มอบถุงยังชีพจำนวน 2,000 ถุง ให้แก่กลุ่มเปราะบางในพื้นที่กรุงเทพฯ ทั้ง 50 เขต ผ่านโครงการ BKK Food Bank โดยมี นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และตัวแทนจากทั้ง 50 เขต มารับมอบ
ทั้งนี้ พนักงานอาสาสมัครของ ทาเคดา และ คาโอ กว่า 60 คน พร้อมด้วย นางสาวกาญจนา ภูมิพัฒน์ผล ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาสังคม กรุงเทพมหานคร ได้ร่วมกันบรรจุสิ่งของในถุงยังชีพซึ่งประกอบไปด้วยอาหารและของใช้ที่จำเป็นเพื่อส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของกลุ่มเปราะบางในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร
นายปีเตอร์ สไตรเบิล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทาเคดา (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ขอขอบคุณ คาโอ พันธมิตรอันแข็งแกร่งของเรา ในการทำงานร่วมกันเพื่อส่งเสริมให้คนไทยมีสุขภาพที่ดีและสร้างชุมชนปลอดไข้เลือดออก ซึ่งการบริจาคถุงยังชีพให้กับโครงการ BKK Food Bank ไม่เพียงแต่จะช่วยเหลือครัวเรือนได้กว่า 2,000 แห่งทั่วกรุงเทพฯ แต่ยังสะท้อนถึงการมีส่วนร่วมกับชุมชนที่จะสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมของเราอีกด้วย”
นายยูจิ ชิมิซึ ประธานกรรมการ บริษัท คาโอ อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “หัวใจของการดำเนินธุรกิจของคาโอ คือการเสริมสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้กับชุมชน และนี่คือเหตุผลที่เรามุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนผ่านกิจกรรมที่ช่วยให้ชุมชนแข็งแรงและมีสุขภาพที่ดี”
ในปีที่ผ่านมา ทาเคดาและคาโอ ได้ลงนามความร่วมมือเพื่อสร้างความตระหนักรู้และการป้องกันโรคไข้เลือดออกในประเทศไทย ผ่านกิจกรรมให้ความรู้และการปฏิบัติจริงตามพื้นที่ชุมชนต่าง ๆ ในเขตกรุงเทพฯ โดยมีแผนที่จะขยายไปยังพื้นที่อื่น ๆ ทั่วประเทศ
พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ร่วมกับ เอสซีจี ขับเคลื่อนนวัตกรรมที่อยู่อาศัยเพื่อสิ่งแวดล้อม สานต่อแนวคิด Green Neighbor