

นายฐานพงศ์ จุ้ยประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ (คนกลาง) นายชุมพล ผิวผ่อง (ที่หนึ่งขวามือ) นางสาวพรพิศ อินธิราช (ที่สองซ้ายมือ) และนางนภาภรณ์ จุ้ยประเสริฐ (คนแรกซ้ายมือ) ผู้บริหารบริษัทฯ พร้อมด้วยนายธนพล เลิศสุวานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด (ที่สองขวามือ) บริษัท แม็คซ์ฟู๊ด กรุ๊ป จำกัด ร่วมกันแถลงข่าวความสำเร็จในการรุกตลาดต่างประเทศของไอศกรีมซอร์เบในลูกผลไม้ไทย จนก้าวขึ้นเป็นไอศกรีมผลไม้อันดับหนึ่งของประเทศเกาหลีและเป็นที่นิยมในอีกหลายประเทศ พร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ โมจิ ไอศกรีม ที่ล่าสุดสามารถบุกตลาดยุโรปและออสเตรเลียได้สำเร็จ ทำให้คาดว่าเป้ารายได้ปีนี้จะเติบโตถึง 500 ล้านบาท เมื่อเร็วๆ นี้
สำหรับผู้ประกอบการ SMEs ไม่ว่าคุณจะประกอบธุรกิจอะไร ก็มาร่วมจอยกันได้ NocNoc ร่วมกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ หรือ DBD จัด “NocNoc for Business Sharing to Inspire LIVE” InspiRealtion Talk for SMEs แรงบันดาลจริง สู่ธุรกิจคุณ ในหัวข้อ “SUSTAINABLE BUSINESS”
ส่งต่อแนวคิด เพื่อธุรกิจที่ยั่งยืน งานนี้ฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย ในวันพฤหัสบดีที่ 29 มิถุนายน 2566 นี้ เวลา 13.00-17.00 น. ที่ ชั้น 1 CentralwOrld หรือรับชมผ่าน LIVE พร้อมกันที่ช่องทาง FB : NocNoc โดยเปิดให้ลงทะเบียนแล้วตั้งแต่วันนี้ ภายในงานพบกับ 3 กูรูนักการตลาดชื่อดัง
คุณแท็บ-รวิศ หาญอุตสาหะ CEO of Srichand & Mission to the moon ที่จะมาเล่าการสร้าง “Customer Experience อยู่ร่วมประสบการณ์ลูกค้าอย่างเป็นมิตร เพื่อธุรกิจไม่มีวันหมดอายุ” คุณท็อป-พิพัฒน์ อภิรักษ์ธนากร Founder of KIDKID ที่จะพาทุกคนมารู้จัก Ecology Design การออกแบบความรักษ์ สร้างผลลัพธ์สู่แบรนด์เลิฟ และคุณต่อ-ธนพงศ์ วงศ์ชินศรี CEO of Penguin Eat Shabu ที่จะพามาทำความเข้าใจใน Business Content Strategy วางเกมการสื่อสารให้ธุรกิจ เปลี่ยนความคิดลูกค้าได้ดั่งใจ ลงทะเบียนสำรองที่นั่งล่วงหน้าได้ทาง https://bit.ly/45pLQyf หรือดูรายละเอียดข่าวสารกิจกรรมเพิ่มเติมได้ที่ FB : NocNoc / Line : @NocNocth
เอสซีบี เท็นเอกซ์ (SCB 10X) บริษัทภายใต้กลุ่มเอสซีบี เอกซ์ (SCBX Group) จับมือ สถาบันวิทยสิริเมธี (VISTEC) ร่วมกันศึกษาและพัฒนา WangChanGLM (วังช้างแอลเอ็ม) โมเดลภาษาที่เชี่ยวชาญด้านภาษาไทยและสามารถรองรับภาษาอื่นๆ ได้ในรูปแบบ Generative AI และ Large Language Model ภายใต้ใบอนุญาตเชิงพาณิชย์ ด้วยจุดเด่นในการสรุปเนื้อหา คิดไอเดีย และเขียนบทความภาษาไทย ช่วยเพิ่มโอกาสให้คนไทยสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี AI ได้อย่างเท่าเทียมและมีประสิทธิภาพ WangChanGLM เปิดให้ทดลองใช้และเสนอแนะความคิดเห็นเพื่อพัฒนาประสบการณ์ใช้งานโมเดลแล้ววันนี้ที่ https://www.wangchanglm.in.th โดยได้รับเกียรติจาก ดร. ไพรินทร์ ชูโชติถาวร (กลาง) นายกสภาสถาบันวิทยสิริเมธี พร้อมด้วย รศ.ดร.สรณะ นุชอนงค์ (ขวา) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วิสัย เอไอ จำกัด และคณบดีสำนักวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ สถาบันวิทยสิริเมธี (VISTEC) และนายกสิมะ ธารพิพิธชัย (ซ้าย) Entrepreneur in Residence บริษัท เอสซีบี เท็นเอกซ์ จำกัด (SCB 10X) ร่วมงานเปิดตัวเมื่อเร็วๆ นี
รศ.ดร.สรณะ นุชอนงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วิสัย เอไอ จำกัด และ และคณบดีสำนักวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ สถาบันวิทยสิริเมธี (VISTEC) กล่าวว่า “สถาบันวิทยสิริเมธี หรือ VISTEC เป็นมหาวิทยาลัยวิจัย (Research University) มุ่งเน้นงานวิจัยระดับแนวหน้าด้านวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยีและนวัตกรรมระดับชั้นนำของโลก เปรียบเสมือนเมืองแห่งเทคโนโลยีและนวัตกรรม เราให้ความสำคัญในการผลิตงานวิจัยด้านเทคโนโลยีระบบปัญญาประดิษฐ์ เพื่อส่งเสริมให้ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมของประเทศไทยสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์คุณภาพสูง เพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาธุรกิจได้ เราจึงได้สร้างและพัฒนา WangChanGLM (วังช้างแอลเอ็ม) AI ด้านโมเดลภาษาที่เชี่ยวชาญด้านภาษาไทยและสามารถรองรับภาษาอื่นๆ ได้ในรูปแบบ Generative AI และ Large Language Model ภายใต้ใบอนุญาตเชิงพาณิชย์ขึ้นมา โดยเรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ SCB 10X เข้ามาช่วยในการศึกษาและพัฒนา Demo Interface WangChanGLM ให้สามารถเข้าถึงภาคธุรกิจได้ง่ายขึ้น และกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์โดยคนไทยอีกด้วย”
ด้าน นายกสิมะ ธารพิพิธชัย Entrepreneur in Residence บริษัท เอสซีบี เท็นเอกซ์ จำกัด (SCB 10X) กล่าวว่า “SCB 10X เล็งเห็นถึงศักยภาพมหาศาลของเทคโนโลยี AI ในการรับมือกับความท้าทายทางการเงินทั่วโลก นอกเหนือจากภาคธุรกิจการเงินและธนาคาร เรายังให้ความสำคัญกับภาษา วัฒนธรรม และมรดกของไทย เป็นลำดับแรกๆ การร่วมมือกับ สถาบันวิทยสิริเมธี (VISTEC) ในการเปิดตัว Public Demo ของ WangChanGLM (วังช้างแอลเอ็ม) โดย SCB 10X ได้เข้าส่วนร่วมในการสร้างและพัฒนา Web Application ที่ง่ายต่อการใช้งานและมีเทคโนโลยี AI ที่มีประสิทธิภาพสูง ด้วยจุดเด่นในการสรุปเนื้อหา คิดไอเดีย และเขียนบทความภาษาไทยเป็นอย่างดี ซึ่งเป็นการปิดช่องว่างทางภาษาที่ส่วนใหญ่การวิจัย AI จะใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก ช่วยเพิ่มโอกาสให้คนไทยสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี AI ได้อย่างเท่าเทียมและมีประสิทธิภาพ โดยความร่วมมือครั้งนี้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของ SCB 10X ที่มุ่งเน้นสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดด ผ่านการลงทุน และร่วมสร้างสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพสูง ในกลุ่มเทคโนโลยีดิจิทัลแห่งโลกอนาคต ที่จะนำมาซึ่งการพัฒนาเทคโนโลยีการเงินและการธนาคาร ในมีประสิทธิภาพที่ดีต่อไป”
![]()
นอกจากนี้ SCB 10X ยังได้ลงทุนรอบ Pre-Series A ใน วิสัย (VISAI) ผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ครบวงจรสำหรับภาคธุรกิจ โดยในรอบนี้ได้ลงทุนร่วมกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) เพื่อส่งเสริมให้ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมของประเทศไทยสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์คุณภาพสูง และกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์โดยคนไทย ผ่าน 3 บริการหลัก คือ AI Cloud Platform บริการโมเดลปัญญาประดิษฐ์คุณภาพสูงบนระบบคลาวด์ AI Solutions บริการให้คำปรึกษาและออกแบบปัญญาประดิษฐ์ไปใช้ในธุรกิจ และ AI Training บริการจัดอบรมความรู้ด้านปัญญาประดิษฐ์และวิทยาศาสตร์ข้อมูลให้ธุรกิจและองค์กร
WangChanGLM (วังช้างแอลเอ็ม) โมเดลภาษาที่เชี่ยวชาญด้านภาษาไทยและสามารถรองรับภาษาอื่นๆ ได้ในรูปแบบ Generative AI และ Large Language Model ภายใต้ใบอนุญาตเชิงพาณิชย์ ใช้โมเดล XGLM ขนาด 7.5 พันล้านพารามิเตอร์จาก Meta โดยเปิดชุดข้อมูลและโมเดลแบบสาธารณะ (open source) ที่สามารถเข้าถึงได้ทั้งหมดบน GitHub และ Google Colab เพื่อให้นักพัฒนาสามารถนำไปใช้ต่อยอดและเทรนโมเดลได้ด้วยตนเอง พร้อมเปิดให้ผู้ที่สนใจทดลองใช้งานและเสนอแนะความคิดเห็นเพื่อพัฒนาโมเดลแล้ววันนี้ที่ https://www.wangchanglm.in.th
อันตรายของการนอนไม่หลับนั้นอันตรายกว่าที่คุณคิด การนอนไม่หลับเป็นเวลานานอาจทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจและกลุ่มอาการเมตาบอลิซึม นอกจากนี้ยังสามารถทำให้เกิดความวิตกกังวล หงุดหงิด ซึมเศร้า และเมื่อเวลาผ่านไปอาจนำไปสู่ความผิดปกติทางจิต การนอนไม่หลับอาจทำให้ความจำและสมาธิลดลง เหนื่อยล้า ประสิทธิภาพในการทำงานและการเรียนต่ำ
ข้อมูลการวิจัยแสดงให้เห็นว่ามีมากกว่า 300 ล้านคนในประเทศจีนที่มีปัญหาการนอนหลับ1 อย่างไรก็ตาม เนื่องจากข้อจำกัดของอุปกรณ์ทางการแพทย์และสถานที่ตรวจ การตรวจสอบคุณภาพการนอนหลับและการตรวจคัดกรองโรคที่เกี่ยวข้องจึงเป็นเรื่องยากที่จะแพร่หลายในหมู่ผู้ใช้ทั่วไป อุปกรณ์สวมใส่อัจฉริยะของหัวเว่ยอย่าง HUAWEI Band 8 สามารถใช้เทคโนโลยีเพื่อตรวจสอบสถานะการนอนหลับได้สะดวกยิ่งขึ้น จึงช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจสภาพการนอนหลับของตนเองได้อย่างแม่นยำ ตรวจพบปัญหา และพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ทันท่วงที
![]()
ตัวช่วยที่ดูแลทุกการนอน
HUAWEI Band 8 มาพร้อมกับเทคโนโลยีติดตามการนอนหลับ HUAWEI TruSleep™ 3.02 ซึ่งได้พัฒนารูปแบบอัลกอริธึมฟิวชันหลายรูปแบบโดยการสำรวจความสัมพันธ์เชิงลึกระหว่างการเคลื่อนไหวของร่างกาย อัตราการเต้นของหัวใจ ความแปรปรวนของอัตราการเต้นของหัวใจ และการนอนหลับ3 ความแม่นยำของอัลกอริธึมของ Huawei Band 8 ได้รับการปรับปรุงอย่างครอบคลุมถึง 10% เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์รุ่นก่อนหน้า และสามารถบันทึกข้อมูลการนอนหลับได้อย่างแม่นยำ เช่น การหลับ การตื่น และระยะเวลาการนอนหลับ นอกจากนี้ยังสามารถบันทึกการงีบได้อย่างแม่นยำ ก่อนเข้านอน HUAWEI Band 8 จะแจ้งเตือนผู้ใช้ก่อนนอนเพื่อช่วยกำหนดกิจวัตรประจำวัน นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติโหมดสลีปใหม่รองรับการตั้งค่าระยะเวลาสลีปเพื่อลดการรบกวนการแจ้งเตือนก่อนและระหว่างนอนหลับ และมีหน้าปัดนาฬิกาเฉพาะสำหรับการนอนเพื่อติดตามการนอนหลับสบายตลอดคืน
ดูแลตลอดทุกการเคลื่อนไหว
ตัวเครื่องที่บางและน้ำหนักเบาเหมาะสำหรับการสวมใส่ระหว่างการนอนหลับตัวเครื่อง HUAWEI Band 8 น้ำหนักเพียง 14 กรัม (ไม่รวมสาย) และหนาเพียง 8.99 มม. ทำให้สวมใส่ได้ง่ายและนอนสบาย สามารถใส่ติดตัวดูแลตลอดทุกการเคลื่อนไหวเมื่อคุณต้องเข้าห้องน้ำในตอนกลางคืน เพียงปัดหน้าจอของ HUAWEI Band 8 ลง เปิดไฟฉายผ่านแผงควบคุม และสมาร์ทแบนด์บนข้อมือจะเปลี่ยนเป็นไฟฉายอ่อน ๆ เพื่อส่องทางของคุณทันที สิ่งนี้จะไม่รบกวนคนรอบข้างและช่วยให้
คุณหลีกเลี่ยงความลำบากใจจากการสะดุดในความมืด หลังจากตื่นจากการนอนหลับ สมาร์ทแบนด์จะปลุกคุณอย่างนุ่มนวล โดยไม่ต้องกังวลว่าเสียงนาฬิกาปลุกโทรศัพท์จะดังรบกวนเพื่อนร่วมห้อง นาฬิกาปลุกยังมีตัวเลือกการงีบหลับที่ช่วยให้คุณนอนหลับต่อได้อีก 10 นาที ด้วยการสัมผัส ตอบสนองความต้องการของคุณในการนอนนานขึ้น ทุกเช้าเมื่อคุณตื่นขึ้น รายงานการนอนหลับทางวิทยาศาสตร์จากคืนก่อนหน้าจะพร้อมใช้งานโดยการยกข้อมือขึ้น หรือเข้าไปที่แอป HUAWEI Health ซึ่งคุณจะสามารถตรวจสอบคุณภาพการนอนได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น
![]()
HUAWEI Band 8 ราคาเพียงแค่ 1,299 จากราคาปกติ 1,899 บาท เมื่อออเดอร์ตั้งแต่วันที่ 6 มิถุนายน 2566 ถึง 8 มิถุนายน 2566 ที่ช่องทางออนไลน์ HUAWEI Online Store และร้านค้าออนไลน์อย่างเป็นทางการของหัวเว่ยบนช่องทาง Shopee และ Lazada พิเศษ! โปร 6.6 กับราคาต่ำสุดเพียง 1,099 บาท เมื่อสั่งซื้อตามเงื่อนไขที่กำหนดเฉพาะวันที่ 6 มิถุนายน 2566 นี้เท่านั้น
หากจะเอ่ยชื่อทีมนักกีฬาอีสปอร์ตที่แฟนชาวไทยรู้จัก ‘BACON TIME’ น่าจะเป็น Top of Mind ของคนที่ติดตามการแข่งขัน RoV ซึ่งล่าสุดความสำเร็จของทีม BACON TIME ได้สร้างประวัติศาสตร์ที่ยังไม่มีทีมใดทำได้ ด้วยสถิติเป็นทีมแรกที่ได้แชมป์ RoV Pro League 4 สมัย คว้าแชมป์รายการใหญ่ 8 รายการ (ในประเทศ 6 รายการและนานาชาติ 2 รายการ)
และผลงานแข่งขันครั้งล่าสุด RPL SUMMER 2023 (แข่งขันระดับประเทศ) ได้สิทธิ์เข้าร่วม APL 2023 ด้วยสถิติชนะต่อเนื่อง 22 แมตช์ติดต่อกัน เรียกว่าจังหวะเวลาปี 2565 ที่ผ่านมา คือปีทองของเจ้าหมู BACON TIME, STAY HUNGRY - HUNGRY FOR VICTORY โดยแท้!

ปี 2566 เมล็ดพันธุ์แห่งความสำเร็จและความพยายามที่หว่านลงไป เริ่มผลิดอกออกผลให้เก็บเกี่ยว เบคอนไทม์กลายเป็นตัวอย่าง Soft Power ให้กับเยาวชน ขึ้นรับรางวัลเยาวชนต้นแบบแห่งปี 2022-2023 สาขากีฬาและนันทนาการ จัดโดยชมรมสร้างสรรค์พัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศ และล่าสุดกับรางวัลที่คนรักกีฬาอีสปอร์ตเทใจให้ กับรางวัล The Most Popular Esports Club หรือ รางวัลทีมนักกีฬาอีสปอร์ตที่ป็อปปูลาร์ที่สุดในประเทศไทย จากงาน Thailand Social AIS Gaming Awards เป็นการประกาศรางวัลเพื่อยกย่องกลุ่มนักกีฬาที่ทำผลงานได้ดีและเป็นที่ยอมรับจากนักกีฬาในวงการเดียวกันรวมถึงชาวโซเชียล โดยมีเกณฑ์การตัดสินยึดหลัก 2 ด้านคือ
1.Brand Metric วัดความนิยมบนโซเชียลมีเดีย โดยเก็บข้อมูลจาก 4 ช่องทาง ได้แก่ Facebook, Instagram, Twitter และ YouTube
2. Influencer Metric วัดความสามารถของเหล่า Game Creator, Game Caster และ นักกีฬา E-Sport โดยเก็บข้อมูลจาก 5 ช่องทางหลัก ได้แก่ Facebook, Instagram, Twitter และ YouTube และ Twitch
โดยเกณฑ์การวัดคะแนนนั้นไม่ได้มาจากผลโหวตของแฟนๆ แต่นับผลจาก 7 ด้านได้แก่ กลุ่มผู้ติดตาม (Fan Base) การโน้มน้าว (Intertion) การแนะนำเนื้อหาให้เพื่อน (Recommendation) การวัดประสิทธิภาพของเนื้อหา (Interaction) ความสนใจการรับชมต่อเนื้อหา (View) การะกระจายเนื้อหาผ่านปริมาณการแชร์บนโซเชียลมีเดีย (Share) และ วัดปริมาณการพูดถึงผลงาน จากโซเชียลมีเดีย (Social Voice)
BACON TIME กว่าจะถึงจุดนี้เคยทีมแตก ตกรอบ ไม่ชนะการแข่งขันหลายครั้ง!
เบคอนไทม์ ถือกำเนิดในวันที่ 13 ม.ค. พ.ศ. 2560 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการสมัคร Garena โดยทั้งทีมไม่มีใครเสนอชื่อว่าจะตั้งชื่อทีมว่าอะไร มุก หรือฉายา Miffy หนึ่งในสมาชิกของทีมที่ชอบกินเบคอน จึงตั้งชื่อว่า ‘BACON TIME’ เพื่อลงสมัครทัวร์นาเม้นต์ โดยการชนะครั้งแรกของพวกเขาไม่มีเงินรางวัล แต่เป็นการได้คูปองในเกมส์คนละ 1,000 คูปอง
Bacon Time จึงเป็นการรวมตัวกันของสมาชิกที่ชอบเล่นเกมส์ RoV (Arena of Valor) จำนวน 6 คนซึ่งทีมในยุคแรกๆนั้น ได้แก่ ภัทร ภัทรภิรมย์ (Cherie) ภาพิมล อิทธิเกษม (Miffy) ชยุตม์ สืบค้า (007X) เด่นชัย เอี่ยมเผ่าจีน (JameCo) กวี วชิราพัศ (MeMarkz) และ ศิริชัย สุขพันธ์ (Remix) เริ่มมีชื่อเสียงจากการลงแข่ง และคว้าแชมป์ทัวนาเมนต์ภายในประเทศเมื่อปี 2560 ไต่ขึ้นสู่แชมป์ระดับเอเชีย รายการ Throne of Glory ที่ประเทศเวียดนามในปีเดียวกัน ล้มทีมมหาอำนาจอย่างไต้หวันและเวียดนามลง ทำให้ฐานแฟนคลับ Bacon Time เริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ สร้างปรากฏการณ์ RoV ฟีเวอร์ทั่วประเทศ นับเป็นจุดเริ่มต้นของตำนาน RoV อีสปอร์ต ไทย
![]()
เบคอนไทม์ เพลี่ยงพล้ำสู่ยุคตกต่ำในช่วงปี พ.ศ. 2561 จากทีมไร้พ่ายกลายเป็นทีมแตก สมาชิกแยกย้ายไปตามเส้นทาง มีช่วงที่สมาชิกเดิมกลับมาฟอร์มทีม เริ่มนับหนึ่งใหม่ด้วยการไต่อันดับตั้งแต่ดิวิชั่น 1 เพื่อหวังเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุด “RoV Pro League” แต่ก็ไปไม่ถึงฝัน ทำได้เพียงจบอันดับที่ 6 เรียกว่าแทบจะหมดไฟหมดใจทั้งนักกีฬาและแฟนคลับ ซึ่งนับตั้งแต่ได้แชมป์ RoV Pro League SS1 ต้นปี 2561 เบคอนไทม์ไม่เคยได้แชมป์ใดๆ อีกเลยเป็นระยะเวลานานกว่า 1 ปี 6 เดือน
จนในปี 2563 แอมป์เวิร์ส (Ampverse) บริษัทให้บริการด้านธุรกิจเกมมิงและอีสปอร์ตครบวงจร ได้เข้ามา เทคโอเวอร์ดูแลทีมเบคอนไทม์อย่างเต็มตัว ด้วยพันธกิจหลักของบริษัทฯ คือ เพื่อสนับสนุน พัฒนานักกีฬาและ เอเจนซีด้านอีสปอร์ตในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ระบบการสร้างทีมนักกีฬาอีสปอร์ต ไม่ต่างกับการปั้นนักกีฬาประเภทอื่น
หลังจากที่แอมป์เวิร์สเข้ามาดูแลทีมในปี 2563 มีการวางระบบ วางตัวผู้เล่นทีมนักแข่ง ได้แก่ ผู้จัดการทีม สุกิจ นนท์ตา (SVBU) , นักกีฬา ชานน วัฒนาพร (Hamz) , นักกีฬา สรชัช เจนชัยจิตรวานิช (Getsrch) , ศิริชัย สุขพันธ์ (ReMiX) , สรวัชร์ บุญพรม (Moss) , กวี วชิราพัศ (Memarkz) , ประเมธ เจริญดี (CarryKong) และปรับผู้เล่นชุดแรก ภัทร ภัทรภิรมย์ (Cherie) เด่นชัย เอี่ยมเผ่าจีน (JameCo) ภาพิมล อิทธิเกษม (Miffy) สู่บทบาทเกมมิ่งอินฟลูเอนเซอร์
เบคอนไทม์ได้กลับเข้าสู่สังเวียน RoV Pro League อีกครั้งในปีเดียวกัน และช่วงต้นปี 2564 เบคอนไทม์กลับมาคว้าแชมป์อีกครั้งในรอบ 3 ปี ในรายการ RoV Pro League 2021 Summer พร้อมคว้าสิทธิไปชิงแชมป์ระดับโลกในรายการ Arena of Valor World Cup (AWC) 2021 ซึ่งการตะลุยระดับโลกครั้งแรกในรอบ 3 ปี พวกเขาพากันไปได้เพียงรอบ 8 ทีมสุดท้าย และต้องยุติเส้นทางไว้แต่เพียงเท่านั้น
เบคอนไทม์ก้าวสู่จุดสูงสุดของโลก RoV ด้วยการผงาดคว้าแชมป์โลก APL2022 ด้วยสถิติชนะทุกแมตช์ตลอดการแข่งขัน และในช่วงต้นปี 2566 นี้เองด้วยการนำทีมของโค้ช อติชาต ตรีโภคา (Lycan) และนักวิเคราะห์เกม ศุภกร พิจารณ์วณิช (Buffet) ก็สานต่อความสำเร็จ ด้วยการคว้าแชมป์ RoV Pro League 2023 Summer เป็นสมัยที่ 4 โดยสมาชิกผู้เล่นเบคอนไทม์ ชุดแชมป์ลีกสูงสุด 3 สมัยซ้อน ได้แก่ เมธาสิทธิ์ ลีลาพิพัฒนกุล (Moowan) ศิชฌนะ แจะจันทร์ (Kimsensei) เจษฏาพันธ์ ศิริพัฒนาตน (MarkKy) วรสิทธิ์ กนกเทศ (TaoX) ภูเบศ กุลพักตรพงษ์ (AlmondP)
6 ปีที่พิสูจน์ตัวเอง
ผลงานตลอดปี 2565 กับรางวัล The Most Popular Esports Club คือผลลัพธ์เชิงประจักษ์ของการทำงานร่วมกันอย่างมีระบบระหว่างผู้เล่นและทีมงานอย่างมืออาชีพ อีกทั้งการได้แรงสนับสนุนจากฐานแฟนคลับกว่า 1.55 ล้านคนทั่วโลก และการสนับสนุนในฐานะสปอนเซอร์ของภาคเอกชนที่เล็งเห็นถึงการเป็นเยาวชนต้นแบบของคนรุ่นใหม่ แสดงถึงศักยภาพของนักกีฬาอีสปอร์ตไทยที่ยืนหยัดได้อย่างมั่นใจบนเวทีโลก
หากมองให้ลึก เราจะเห็นว่าทีมเบคอนไทม์ไม่ได้เป็นแค่สโมสรกีฬาอีสปอร์ต แต่พวกเขาคือการรวมตัวกันของคนรุ่นใหม่ ที่รู้ความต้องการของตนเองและมุ่งมั่นกับสิ่งที่ตนเองรัก มีกลยุทธ์ มีวินัย และความสม่ำเสมอ กลายเป็น Soft Power ให้แก่คนรักกีฬาอีสปอร์ตอีกหลายคนที่มุ่งมั่นจะเติบโตบนเส้นทางนี้ เปลี่ยน Mindset เชิงลบเกี่ยวกับคนเล่นเกมส์ในอดีต ด้วยการคว้าแชมป์ระดับโลก สร้างการยอมรับในระดับนานานชาติ ดังนั้นการเล่นเกมส์หากเล่นโดยได้รับการแนะนำที่ถูกต้อง อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี มีผู้ใหญ่ที่เข้าใจและให้การสนับสนุน ทุกคนก็สามารถประสบความสำเร็จและสร้าง Social Movement ใหม่ๆ ดังเช่นที่เบคอนไทม์เคยทำได้มาแล้ว ชมคลิปสารคดี Behind The Scene Bacon Time กับการสร้างประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ ? แชมป์ประเทศต่อเนื่อง 3 สมัย! - YouTube ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวของเบคอนไทม์ได้ทาง Facebook : www.facebook.com/bacontimes , IG และ Youtube : @bacontimes
อโกด้า แพลตฟอร์มดิจิทัลสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวร่วมมือกับกรุงเทพมหานคร (กทม.) และมูลนิธิโรงเรียนวันเสาร์ (Saturday School) จัดทำโครงการ Agoda Tech Day Camp กิจกรรมเวิร์คช็อปด้านเทคโนโลยีสำหรับนักเรียนมัธยมปลายและนักศึกษามหาวิทยาลัยในปี 2566 โดยมีนักเรียนจากโรงเรียนนาหลวง จำนวน 60 คนได้เข้าร่วมเวิร์คช็อปครั้งแรกในเดือนพฤษภาคม 2566 
ในงานดังกล่าว มีบุคคลสำคัญจากหน่วยงานหลักที่ร่วมดำเนินโครงการเข้าร่วม ไม่ว่าจะเป็นนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นางสาวเพ็ญลักษณ์ บุญความดี ผู้อำนวยการโรงเรียนนาหลวง และนายออมรี มอร์เกนสเติร์น ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ อโกด้า โดยมีพนักงานชาวไทยของอโกด้าซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีเป็นผู้ดำเนินการอบรมและพัฒนาหลักสูตรขึ้นใหม่โดยเฉพาะ เพื่อให้เหมาะสมกับการสอนสร้างเว็บไซต์ให้กับนักเรียนโดยใช้โปรแกรมต่าง ๆ เช่น React-Bootstrap

โดยมูลนิธิโรงเรียนวันเสาร์ซึ่งเป็นที่ปรึกษาด้านการศึกษา ได้ร่วมพัฒนาเนื้อหาการอบรมในครั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของนักเรียนมากที่สุด ในฐานะบริษัทด้านเทคโนโลยี อโกด้ามีความหลงใหลเกี่ยวกับกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี เช่น การศึกษาด้านเทคโนโลยี Hackathon และ โครงการ Codegoda กิจกรรมแข่งขันเขียนโค้ดซึ่งอโกด้าจัดขึ้นเป็นประจำในทุก ๆ ปี
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แสดงความพร้อมที่จะร่วมงานกับอโกด้าในการพัฒนาการศึกษาด้านเทคโนโลยี โดยกล่าวว่า “การปลูกฝังให้คนรุ่นต่อไปได้เรียนรู้และปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีนั้นเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของเราที่จะพัฒนาเมืองอันเต็มไปด้วยชีวิตอย่างกรุงเทพฯ โดยโครงการ 'Agoda Tech Day Camp' จะช่วยส่งเสริมและปลูกฝังแนวคิดด้านดิจิทัลสำหรับนักเรียนไทยตั้งแต่ระยะเริ่มต้น" ผู้ว่าฯ ยังหวังที่จะขยายความร่วมมือนี้ไปสู่การร่วมกับองค์กรภาครัฐหรือเอกชนอื่น ๆ ในอนาคตเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับบุคลากรให้พร้อมรับมือกับสังคมที่กำลังขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีในวันข้างหน้า

นายออมรี มอร์เกนสเติร์น ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของอโกด้า แสดงความยินดีที่ได้ร่วมมือกับ กทม. เพื่อเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่มีความคุ้นเคยกับเทคโนโลยีและฐานข้อมูลขนาดใหญ่ โดยคุณออมรีกล่าวว่า "ในฐานะบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำและแพลตฟอร์มการท่องเที่ยวออนไลน์ที่เติบโตเร็วที่สุดแห่งหนึ่งในโลก อโกด้ามองว่าหน้าที่หลักของเรา คือการลงทุนและถ่ายทอดทั้งองค์ความรู้และ know-how แก่เหล่าผู้นำในอนาคตเพื่อให้พวกเขาเหล่านั้นมีทักษะที่เหมาะสมซึ่งจะเป็นรากฐานสู่ความสำเร็จได้"
โครงการ 'Agoda Tech Day Camp' ที่ผ่านมา เป็นส่วนหนึ่งในความร่วมมือระหว่างอโกด้าและกทม. โดยทั้งสองฝ่ายยังมีโครงการอื่น ๆ ที่ได้มีโอกาสดำเนินการร่วมกัน อาทิ โครงการปลูกต้นไม้กลางกรุง กิจกรรม Action Day PM 2.5 BKK และโครงการสนับสนุนการท่องเที่ยวชุมชนที่ตลาดน้อย
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แสดงความพร้อมที่จะร่วมงานกับอโกด้าในการพัฒนาการศึกษาด้านเทคโนโลยี โดยกล่าวว่า “การปลูกฝังให้คนรุ่นต่อไปได้เรียนรู้และปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีนั้นเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของเราที่จะพัฒนาเมืองอันเต็มไปด้วยชีวิตอย่างกรุงเทพฯ โดยโครงการ 'Agoda Tech Day Camp' จะช่วยส่งเสริมและปลูกฝังแนวคิดด้านดิจิทัลสำหรับนักเรียนไทยตั้งแต่ระยะเริ่มต้น" ผู้ว่าฯ ยังหวังที่จะขยายความร่วมมือนี้ไปสู่การร่วมกับองค์กรภาครัฐหรือเอกชนอื่น ๆ ในอนาคตเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับบุคลากรให้พร้อมรับมือกับสังคมที่กำลังขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีในวันข้างหน้า
นายออมรี มอร์เกนสเติร์น ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของอโกด้า แสดงความยินดีที่ได้ร่วมมือกับ กทม. เพื่อเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่มีความคุ้นเคยกับเทคโนโลยีและฐานข้อมูลขนาดใหญ่ โดยคุณออมรีกล่าวว่า "ในฐานะบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำและแพลตฟอร์มการท่องเที่ยวออนไลน์ที่เติบโตเร็วที่สุดแห่งหนึ่งในโลก อโกด้ามองว่าหน้าที่หลักของเรา คือการลงทุนและถ่ายทอดทั้งองค์ความรู้และ know-how แก่เหล่าผู้นำในอนาคตเพื่อให้พวกเขาเหล่านั้นมีทักษะที่เหมาะสมซึ่งจะเป็นรากฐานสู่ความสำเร็จได้"
โครงการ 'Agoda Tech Day Camp' ที่ผ่านมา เป็นส่วนหนึ่งในความร่วมมือระหว่างอโกด้าและกทม. โดยทั้งสองฝ่ายยังมีโครงการอื่น ๆ ที่ได้มีโอกาสดำเนินการร่วมกัน อาทิ โครงการปลูกต้นไม้กลางกรุง กิจกรรม Action Day PM 2.5 BKK และโครงการสนับสนุนการท่องเที่ยวชุมชนที่ตลาดน้อย
ธนาคารยูโอบี ประเทศไทยเดินหน้าสนับสนุนสินเชื่อทางการเงิน เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตสีเขียวให้แก่ภูมิภาคอาเซียน ธนาคารพร้อมสนับสนุนสินเชื่อทางการเงินภายใต้กรอบแนวคิดเพื่อความยั่งยืนให้แก่ธุรกิจในทุกภาคอุตสาหกรรมในการบรรลุเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Greenhouse Gas Emission)
โดยเมื่อเร็วๆ นี้ ธนาคารยูโอบี ได้เข้าร่วมงาน ฟิวเจอร์ โมบิลิตี้ เอเชีย (Future Mobility Asia) และ “ฟิวเจอร์ เอนเนอร์จี เอเชีย” (Future Energy Asia) ประจำปี 2566 เพื่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นและนำเสนอโซลูชันทางการเงินของธนาคาร ที่ช่วยสร้างความเปลี่ยนแปลงด้านความยั่งยืนให้แก่ภูมิภาค ร่วมกับผู้บริหารระดับสูงในอุตสาหกรรม ผู้เชี่ยวชาญ ตลอดจนผู้กำหนดนโยบายที่เข้าร่วมงานในปีนี้
นายตัน ชุน ฮิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย กล่าวว่า “ ธนาคารยูโอบียึดมั่นในแนวทางการดำเนินธุรกิจที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม พร้อมผนึกความร่วมมือกับทุกภาคส่วนผ่านโครงการเพื่อความยั่งยืนที่หลากหลายเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงไปสู่อนาคตที่ดีขึ้น ยูโอบีในฐานะธนาคารที่ตอบโจทย์ครบในหนึ่งเดียวเพื่อเข้าถึงโอกาสเติบโตทางธุรกิจทั่วอาเซียน ยืนยันจะทำหน้าที่เป็นตัวกลางทางการเงินที่พร้อมสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านที่เป็นธรรม ยั่งยืน และเพื่อสิ่งแวดล้อมให้แก่สังคม ปัจจุบันสภาวะโลกร้อนเป็นเรื่องเร่งด่วนสำหรับพวกเราทุกคน ธนาคารพร้อมนำเสนอกรอบแนวคิดและโซลูชันทางการเงินเพื่อความยั่งยืนที่ช่วยส่งเสริมและสร้างโอกาสให้แก่บริษัทในทุกภาคอุตสาหกรรมในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนร่วมกัน”
รายงานการศึกษาขององค์การสหประชาชาติพบว่าภาคธุรกิจพลังงานเป็นอุตสาหกรรมที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากถึง 3 ใน 4 ของปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่มีการปล่อยทั่วโลก1 ธุรกิจพลังงานจำเป็นต้องหันมาให้ความสำคัญกับการลงทุนในแหล่งพลังงานหมุนเวียนทดแทนเพิ่มขึ้น แทนที่การใช้พลังงานจากก๊าซ ถ่านหิน และน้ำมัน เพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนเข้าสู่ชั้นบรรยากาศได้อย่างมีนัยยะสำคัญ
ยูโอบีย้ำถึงบทบาทของธนาคารในการจัดสรรเงินในการลงทุนเพื่อสนับสนุนให้เกิดการเปลี่ยนผ่านไปใช้พลังงานสะอาดให้มากขึ้น ซึ่งรายงานการศึกษาของสำนักงานพลังงานทดแทนระหว่างประเทศ (International Renewable Energy Agency: IRENA) พบว่าต้องมีการจัดสรรเงินลงทุนรวมกว่า 57 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐให้แก่ธุรกิจพลังงานไปจนถึงปี 2573 เพื่อจำกัดอุณหภูมิของโลกไม่ให้สูงขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียสตามความตกลงปารีส (Paris Agreement)2 โดยเงินลงทุนประมาณร้อยละ 57 มาจากการปล่อยกู้และการระดมทุนโดยสถาบันการเงิน อีกร้อยละ 25 มาจากเงินลงทุนในบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ (private equity markets) และส่วนที่เหลือมาจากเงินลงทุนของธนาคารเพื่อการพัฒนาต่างๆ และเงินลงทุนในบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (public equity markets)
สำหรับภาคขนส่งที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากถึงร้อยละ 20 ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลก การพัฒนาอุตสาหกรรมรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเพื่อส่งเสริมยานยนต์พลังงานสะอาดในอนาคตเป็นหนึ่งในสิ่งที่ทุกภาคส่วนต้องให้ความสำคัญ ยูโอบีมองว่าแนวโน้มการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าทั่วโลกจะเติบโตถึงร้อยละ 18 ภายในปี 2566 และจะมากถึงร้อยละ 35 ภายในปี 2573 โดยเฉพาะในอาเซียนที่ยอดจำหน่ายรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในหลายประเทศมีแนวโน้มจะเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วง 2-3 จากนโยบายของรัฐบาลที่เกื้อหนุนต่ออุตสาหกรรมและโมเดลรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่ออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือในประเทศไทย และประเทศอินโดนิเซียที่รัฐบาลกำหนดให้การพัฒนาอุตสาหกรรมพลังงานรถยนต์ไฟฟ้าเป็นหนึ่งในวาระแห่งชาติเพื่อบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และเป็นนโยบายเศรษฐกิจหลักเพื่อส่งเสริมให้ค่ายผู้ผลิตให้ย้ายฐานการผลิต
ธนาคารยูโอบีพร้อมสนับสนุนโซลูชันทางเงินแบบครบวงจรภายใต้โครงการยู-ไดรฟ์ (U-drive) เพื่อเชื่อมต่อไปยังทุกภาคส่วนตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่าของระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า ตั้งแต่ บริษัทผลิตรถยนต์ บริษัทผู้รับจ้างผลิตชิ้นส่วนรถยนต์(OEMs) ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ ผู้ประกอบการสถานีชาร์จแบตเตอรี่ ไปจนถึงผู้บริโภค ให้สามารถนำระบบขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาใช้ตลอดจนขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในอาเซียน
นอกจากนี้ธนาคารได้ร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งในภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนาโซลูชันทางการเงินที่ล้ำสมัยให้ตอบสนองต่อความต้องการเปลี่ยนผ่านสู่การใช้พลังงานหมุนเวียนและพลังงานสะอาดของภูมิภาค เช่น สินเชื่อทางการเงินเพื่ออนุรักษ์พลังงานสำหรับอาคารและที่อยู่อาศัยภายใต้โครงการยู-เอนเนอร์จี (U-Energy) ควบคู่ไปกับการดำเนินกิจกรรมและโครงการต่างๆที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากร หรือส่งเสริมความยั่งยืนทางด้านสิ่งแวดล้อม
โครงการยู-โซลาร์ (U-Solar) โซลูชันทางการเงินแบบครบวงจรที่สนับสนุนทุกภาคส่วน ตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่าของอุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์ เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างสำคัญที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ธุรกิจและผู้บริโภคทั่วไปให้เปลี่ยนมาใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์มากขึ้น ความสำเร็จของโครงการในประเทศไทย สิงค์โปร์ อินโดนิเซีย และมาเลเซียช่วยให้ธุรกิจบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนและเร่งให้การพัฒนาด้านพลังงานแสงอาทิตย์ในอาเซียนเป็นไปอย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ปัจจุบัน โครงการยู-โซลาร์ของสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 186,000 ตันคาร์บอนไดออกไซต์เทียบเท่า (tCO2e) ทั่วภูมิภาคอาเซียน
นายณัฐสิทธิ์ สุนทราณู ผู้บริหารสูงสุด ฝ่ายการตลาดบัตรเครดิต “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) จับมือ True Shop (ทรู ช็อป) มอบสิทธิพิเศษสำหรับสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี 2 ต่อ เมื่อซื้อสินค้าสมาร์ทโฟน ภายในร้าน True Shop ที่ร่วมรายการทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม 2566 – 31 กรกฎาคม 2566
· รับเครดิตเงินคืน 2% เมื่อชำระเต็มจำนวนตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไป พร้อมรับคะแนน KTC FOREVER ตามปกติ
· แลกรับเครดิตเงินคืนเพิ่มสูงสุด 13% เมื่อใช้คะแนนสะสม KTC FOREVER ตั้งแต่ 1,000 คะแนนขึ้นไป (สูงสุดไม่เกินราคาสินค้า)
นายณัฐสิทธิ์ กล่าวว่า “จากการวิเคราะห์การใช้จ่ายของสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีในหมวดสินค้าสมาร์ทโฟน ระหว่างเดือนมกราคม – เมษายน 2566 พบว่าการชำระเงินผ่านบัตรฯ เคทีซีแบบเต็มจำนวนที่ร้าน True Shop เติบโตเฉลี่ย 15% เราจึงเน้นออกแคมเปญที่ตอบโจทย์สมาชิกเคทีซีที่ชื่นชอบสินค้ากลุ่มสมาร์ทโฟนและใช้บริการที่ True Shop ให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น โดยคาดว่าสิ้นปี 2566 จะสามารถขยายอัตราเติบโตได้เพิ่มขึ้น 30%
ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ KTC PHONE 02 123 5000 หรือเว็บไซต์ www.ktc.co.th สมัครบัตรเครดิตได้ที่ศูนย์บริการสมาชิก “เคทีซี ทัช” ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือคลิกลิงค์ https://ktc.today/apply-card
SCB WEALTH เดินหน้ารุกด้าน Financial Privilege มุ่งเน้นการมอบเอกสิทธิ์ทางการเงินและการลงทุน เพื่อนำไปต่อยอดความมั่งคั่งและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง ผ่านกิจกรรมสัมมนา
ในครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก ดร.อาร์ม ตั้งนิรันดร ผู้อำนวยการศูนย์จีนศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา และอาจารย์ด้านกฎหมายและเศรษฐกิจระหว่างประเทศคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พร้อมด้วย นางสาวเกษรี อายุตตะกะ CFP® ผู้อำนวยการกลยุทธ์การลงทุน SCB Chief Investment Office ธนาคารไทยพาณิชย์ ภายใต้หัวข้อ “ China Reopening: Challenges and Prospects ” ณ SCB Investment Center ชั้น 4 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี
โดยดร.อาร์ม กล่าวในงานสัมมนาว่า คนจีนยังคงเชื่อมั่นในศักยภาพเศรษฐกิจระยะยาวของประเทศตนเอง แม้ในระยะสั้น จะเป็นแบบเศรษฐกิจ Square Root Shape กล่าวคือ ดีดตัวขึ้นหลังเปิดเมืองระยะหนึ่งแล้วทรงตัว โดยในไตรมาสแรก GDP Growth อยู่ที่ 4.5% จากคาดการณ์ไว้ที่ 4% การค้าปลีกเติบโต 10% จากการฟื้นตัวการบริโภคภายในประเทศ แต่อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยังไม่มีการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังค้างอยู่ และ ผล
ประกอบการบริษัทจีนยังไม่ดีอย่างที่คาดหวัง ทำให้ประชาชนไม่แน่ใจกับสถานการณ์เศรษฐกิจ ยังระมัดระวังการใช้จ่าย สิ่งที่นักลงทุนในตลาดหุ้นคาดหวัง คือ การกระตุ้นเศรษฐกิจ และอัดฉีดเม็ดเงิน
ส่วนในระยะกลางเศรษฐกิจจีนจะโตแบบขั้นบันได มีทั้งช่วงที่เศรษฐกิจนิ่งๆ และเติบโตสลับกัน ซึ่งมี 3 ปัจจัยหลักที่เกี่ยวข้อง คือ 1)รัฐบาลจำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยจีนกำลังเจอปัญหาเงินฝืด สวนทางกับชาติอื่นที่มีปัญหาเงินเฟ้อ ประชาชนคาดหวังว่าจะมีการปรับลดดอกเบี้ย อัดฉีดเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ 2)ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจเริ่มกลับมา หลังรัฐบาลจีน ให้ความเชื่อมั่นในการสนับสนุนภาคธุรกิจ โดยย้ำว่าภาคเอกชนมีความสำคัญกับเศรษฐกิจจีน และ3)ยังมีความท้าทายจากปัญหาอสังหาริมทรัพย์ และปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ แม้ภาคอสังหาริมทรัพย์จะเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น แต่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ ส่วนปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ ทำให้ต่างชาติยังลังเลในการเข้ามาลงทุน เพราะไม่มั่นใจว่าความขัดแย้งระหว่างจีนกับสหรัฐฯ จะลุกลามมากกว่านี้หรือไม่
สำหรับเศรษฐกิจจีนในระยะยาว มีอัตราการเติบโตที่ดีกว่าประเทศอื่นๆในโลก ซึ่งสหรัฐฯ เจอปัญหาเงินเฟ้อ ดอกเบี้ยในอัตราที่สูง ปัญหาภาคธนาคารขาดเสถียรภาพ และปัญหาอสังหาริมทรัพย์ ด้านยุโรป ได้รับผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ส่วนจีน ได้รับผลกระทบจากนโยบาย zero covid การปราบปรามภาคเอกชน ภาคอสังหาริมทรัพย์ และเทคโนโลยี ที่แรงเกินไป รวมทั้ง ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ แต่พบว่า จีนได้เลิกนโยบายโควิดและเริ่มกลับมาเน้นภาคเอกชนอีกครั้ง ทำให้นักลงทุนสนใจ และหาจังหวะเข้าลงทุน
ทั้งนี้ หุ้นที่น่าสนใจ ได้แก่ หุ้นกลุ่มดั้งเดิม ที่เกี่ยวข้องกับการบริโภค สนับสนุนการฟื้นตัวในช่วงหลังโควิด ส่วนในระยะยาว แนะนำกลุ่ม Soft Tech ที่ราคามีการปรับลดลงไปมาก จากผลกระทบเรื่องการออกกฎระเบียบจัดการ จึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้ แม้ราคาจะปรับขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ถือว่ายังอยู่ในระดับที่ลงทุนได้ นอกจากนี้ กลุ่มพลังงานสะอาด ซึ่งรัฐบาลยังสนับสนุนเต็มที่ อาจหาจังหวะเข้าลงทุน เมื่อราคาปรับลดลง
รายงานฉบับใหม่จาก Stripe ผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินสำหรับธุรกิจ พบว่าธุรกิจมีความมั่นใจในการเติบโตของตนเองมากกว่าภาวะเเศรษฐกิจในวงกว้าง ในรายงานยังแสดงข้อมูลเชิงลึกถึงแนวทางที่ทำให้ธุรกิจไทยสามารถขยายและได้ประโยชน์จากโอกาสการเติบโตในระดับโลกเพื่อที่จะรับมือกับความท้าทายในอนาคตระหว่างปี 2566 และปีต่อๆ ไป
รายงานนี้อ้างอิงจากการสำรวจผู้นำธุรกิจจำนวน 2,500 รายจาก 9 ประเทศ พบว่าธุรกิจจำนวน 65% มีความมั่นใจในธุรกิจตัวเองว่าสามารถเติบโตได้ในปี 2566 แม้ว่า 80% จะมีทัศนคติเชิงลบต่อเศรษฐกิจ ธุรกิจต่าง ๆ จัดอันดับให้เงินเฟ้อเป็นความกังวลสูงสุด และ 72% ชี้ว่าต้นทุนการดำเนินงานสูงกว่าปีที่แล้ว จากเหตุการณ์นี้ รายงานพบว่าธุรกิจส่วนใหญ่เริ่มรุกด้วยการทดลองใช้โซลูชัน และแหล่งรายได้ใหม่ๆ หลายๆ ธุรกิจเริ่มหันมาใช้เครื่องมือการรับชำระเงินเพื่อช่วยทำให้รายได้เพิ่มขึ้น ในขณะเดียวกันก็มองหาวิธีทำให้งานด้านการเงินให้เป็นอัตโนมัติมากขึ้นเพื่อที่จะควบคุมต้นทุน
คุณธีร์ ฉายากุล ผู้อำนวยการประจำประเทศไทย บริษัท Stripe ประเทศไทย กล่าวว่า “คุณไม่สามารถพยายามตัดต้นทุนอย่างเดียวให้รอดพ้นจากวิกฤตได้ จากเหตุการณ์ชะลอตัวที่ผ่านมา ธุรกิจต่างๆที่ประสบความสำเร็จมีการเสี่ยงขยายธุรกิจ พร้อมไปกับการลดค่าใช้จ่ายสิ้นเปลืองที่ไม่จำเป็น ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำในช่วงที่สภาพการเงินตึงตัว แต่โลกออนไลน์นั้นมีธุรกิจอีกมากมายที่สามารถใช้กลยุทธ์นี้ได้ในครั้งนี้"
ธุรกิจไทยสามารถทำการประเมินและนำประเด็นสำคัญที่พบเจอในรายงานไปใช้เพื่อเพิ่มรายรับทางออนไลน์ได้ ดังนี้
การรับชำระเงินออนไลน์ยังไม่ได้ถูกใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ในการขับเคลื่อนการเติบโตของรายได้
ธุรกิจเกือบสองในสามเห็นพ้องตรงกันว่าการรับชำระเงินออนไลน์ได้สร้างวิธีใหม่ๆ ในการหารายได้ และ 71% ยอมรับว่าความคาดหวังของลูกค้าที่มีต่อประสบการณ์การชำระเงินที่ราบรื่นนั้นเพิ่มสูงขึ้น ด้วยเหตุนี้ธุรกิจจำนวนมากจึงให้ความสำคัญกับเครื่องมือรับชำระเงินที่จะเข้ามาช่วยเพิ่มยอดขาย
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจอื่นๆ จำนวนมากกำลังเสียโอกาสโดยไม่ได้ใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมเทคโนโลยีการรับชำระเงินอย่างเต็มที่ ผลการวิจัยของ Stripe ก่อนนี้ เปิดเผยว่าลูกค้า 3 ใน 4 มีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้าเมื่อมีการให้บริการชำระเงินด้วยคลิกเดียว ขณะเดียวกันตามรายงานข้อมูลเชิงลึกปี 2566 พบว่า ครึ่งหนึ่งของธุรกิจทั้งหมดกล่าวว่าพวกเขายังไม่ได้ศึกษาการชำระเงินออนไลน์เพื่อเพิ่มยอดขายอย่างเต็มที่
ถึงเวลาแล้วที่ธุรกิจไทยต้องหาวิธีขยายโอกาส
![]()
ธุรกิจกว่า 60% กำลังใช้ประโยชน์จากการชะลอตัวในปัจจุบันเพื่อทดลองวิธีใหม่ๆ ในการเพิ่มรายได้ทางออนไลน์ หลายคนกำลังใช้เครื่องมือที่เปิดแหล่งรายได้ใหม่โดยไม่ต้องลงทุนล่วงหน้าที่มีนัยสำคัญ รูปแบบกระแสรายได้ใหม่บางรูปแบบที่ธุรกิจต่างๆ ติดตาม ได้แก่ การเปิดใช้งานโปรแกรมสมาชิก (loyalty program)ประสบการณ์การขายที่เชื่อมโยงช่องทางการขายทั้งหมดไว้ที่เดียว (unified commerce experience) และระบบรับการจ่ายเงินแบบตามรอบ (subscription) เพื่อให้ธุรกิจได้รับรายได้ประจำ ตัวอย่างเช่นความร่วมมือล่าสุดระหว่างStripe และ ซาร่า (Zara) แบรนด์แฟชั่นชื่อดังที่เปิดให้บริการแพลตฟอร์ม Zara Pre-Owned สำหรับซื้อ-ขายเสื้อผ้ามือสองระหว่างลูกค้าด้วยกันโดยใช้ Stripe Connect ซึ่งเป็นโซลูชันการชำระเงินสำหรับแพลตฟอร์มและมาร์เก็ตเพลส แสดงให้เห็นถึงนวัตกรรมในการเพิ่มรายได้ โดยให้ความสำคัญกับความยั่งยืน
หลายธุรกิจมุ่งที่จะลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน แต่ไม่ลดการลงทุนไปกับสินทรัพย์ถาวรของบริษัท นั่นเพราะต้องการที่จะรักษาแผนสำหรับการเติบโตเอาไว้
![]()
2 ใน 3 ของธุรกิจกล่าวว่า พวกเขามีวิธีรับมือกับภาวะเงินเฟ้อโดยการใช้วิธีการลดต้นทุนลง ในขณะที่ธุรกิจต่างๆ กำลังเลือกว่าจะตัดค่าใช้จ่ายส่วนไหน น้อยกว่า 20% ของผู้ตอบแบบสำรวจมีแผนจะลดการใช้จ่ายในส่วนของผลิตภัณฑ์หรือบริการหลัก และมีเพียง 1 ใน 3 เท่านั้นที่ให้ความสำคัญกับการลดอัตราการจ้างงาน ยิ่งไปกว่านั้น ข้อมูลยังแสดงให้เห็นว่าธุรกิจกำลังลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลง โดย 51% กำลังให้ความสำคัญกับการเจรจาต่อรองกับคู่ค้าเพื่อให้ได้ราคาที่ดีที่สุด และ 70% มีผู้ตอบแบบสอบถามกำลังวางแผนที่จะลดจำนวนบริษัทผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ที่พวกเขาใช้ลง
หลายคนมองว่าการตัดสินใจดังกล่าวเป็นการเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์ และเมื่อบริษัทเหล่านั้นถูกขอให้ระบุเหตุผลว่าอะไรคือปัจจัยหลักที่ทำพวกเขาให้ตัดสินใจรวมผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ลง พวกเขาอาจจะหยิบยกประเด็นเรื่องการเข้าถึงข้อมูลที่รวดเร็วขึ้นมาเป็นเหตุผลหลัก เช่นเดียวกันกับที่พวกเขาให้เหตุผลว่าต้องการลดต้นทุนของบริษัทลง
โจนาธาน กาน (Jonathan Gan) หัวหน้างานฝ่ายบัญชีรายรับของ Slack กล่าวว่า “ทีมของผมต้องทำธุรกรรมการเงินหลายล้านรายการซึ่งเกี่ยวโยงกับการชำระเงินด้วยบัตร การโอนเงินผ่านธนาคาร ใบแจ้งหนี้ และอื่นๆ" พร้อมทั้งเพิ่มเติมอีกว่า “แต่ด้วยเครื่องมือต่างๆ เช่น เครื่องมือของ Stripe เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวก ทำให้เรา
ประหยัดเวลาในส่วนนี้ เพื่อมีเวลามากขึ้นในการวางกลยุทธ์ และมองภาพรวมของธุรกิจ เราจึงสามารถดำเนินงานแบบอัตโนมัติและเร่งทำรายงานทางการเงินที่ Slack ได้สะดวกรวดเร็วขึ้น” สามารถดูรายงานข้อมูลเชิงลึกของ Stripe ปี 2566 ทั้งหมดได้ที่ https://stripe.com/lp/stripe-insights-2023