December 21, 2025

ไมโครซอฟท์ จัดงาน SMEs AI Skills Summit เพื่อสนับสนุนธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SMEs เพื่อยกระดับการดำเนินงานและสร้างแต้มต่อทางธุรกิจด้วยศักยภาพของ AI อย่าง Microsoft 365 Copilot ที่เข้ามาเป็นผู้ช่วยสำคัญให้กับ SMEs ยุคใหม่ พร้อมกันนี้ยังนำเสนอแนวทางและมุมมองที่เป็นประโยชน์ ผ่านการเสวนาโดยผู้นำองค์กรภาครัฐและเอกชน ผ่านการถอดรหัสความสำเร็จในการประยุกต์ใช้ของธุรกิจ รวมถึงการสอนทักษะ AI โดยผู้เชี่ยวชาญ  พร้อมเปิดให้ SMEs และผู้ที่สนใจสามารถเรียนรู้ทักษะ AI เป็นภาษาไทยได้ฟรี ที่แพลตฟอร์ม AI Skills Navigator: https://aiskillsnavigator.microsoft.com/th-th

จากข้อมูลของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขยาดย่อม (สสว.) ประเทศไทยมี SMEs จำนวนมากกว่า 3.2 ล้านราย ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนถึง 99.5% ของวิสาหกิจทั้งประเทศ ดังนั้นการพัฒนาทักษะ AI ที่มีการพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดดในระดับโลก จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเสริมสร้างรากฐานเศรษฐกิจของไทยให้แข็งแกร่งในยุคดิจิทัล งาน Microsoft SMEs AI Skills Summit มุ่งติดอาวุธให้ธุรกิจด้วยศักยภาพของ AI จัดขึ้นด้วยความร่วมมือกับ สภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ตลาดหลักทรัพย์ ไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย โดยมีไฮไลท์สำคัญคือการเสวนาจากผู้นำองค์กรและหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องร่วมพูดคุยเจาะลึกแนวโน้มและโอกาสด้าน AI สำหรับการทำงานในธุรกิจ SMEs รวมถึงการนำมาช่วยรับมือความท้าทายต่างๆ ในปัจจุบัน และความจำเป็นในการพัฒนาทักษะ AI ให้กับบุคลากร สามารถนำ AI เข้ามาเป็นผู้ช่วยในการทำงานได้อย่างเชี่ยวชาญ และะไปสู่เป้าหมายได้ดีขึ้นและรวดเร็วขึ้น

นายธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย กล่าวว่า “AI จะเป็นโอกาสในการเติบโต และเปิดตลาดใหม่ๆ ให้กับ SMEs ไทยไม่ใช่แค่ในประเทศ แต่ยังสามารถขยายไปถึงระดับเวทีโลกได้ ปัจจุบัน ขนาดขององค์กรไม่ใช่สิ่งสำคัญอีกต่อไป แต่การมีวิสัยทัศน์ และกลยุทธ์ในการนำ AI เข้าไปใช้สร้างความแตกต่างเป็นสิ่งที่จำเป็นมากกว่า ไมโครซอฟท์ เชื่อว่า การเสริมสร้างทักษะการใช้งาน AI ให้กับทุกคนจะเป็นพื้นฐานที่สำคัญช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และปลดล็อกให้ธุรกิจเข้าถึงโอกาสที่ยังมีอยู่อีกมากมาย เพื่อสนับสนุนการเรียนรู้และการพัฒนาทักษะ AI เราได้จัดทำหลักสูตรสอนทักษะ AI ที่เปิดให้เรียนฟรีเป็นภาษาไทย โดยมีคอร์สอบรมให้เลือกหลากหลายตั้งแต่ผู้ใช้งานทั่วไป จนถึงนักพัฒนามืออาชีพ”

ผู้เข้าร่วมงานได้รับฟังการเสวนาจากผู้นำธุรกิจชั้นนำที่มาร่วมแบ่งปันความสำเร็จในการนำศักยภาพของ AI มาประยุกต์ใช้ อาทิ ทริสเรทติ้ง องค์กรจัดอันดับเครดิตชั้นนำของไทย ที่นำ Microsoft 365 Copilot มาช่วยสร้างเนื้อหาที่ถูกต้องและเหมาะสมสำหรับการจัดอันดับเครดิต ช่วยลดเวลาในการทำงานและเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสาร และ เค-เฟรช ผู้ส่งออกน้ำมะพร้าวชั้นนำของไทย ที่นำ Copilot มาใช้เป็นที่ปรึกษาส่วนตัวให้คำแนะนำต่างๆ กฎระเบียบมาตรฐานทางการค้าของประเทศต่างๆ ให้ไอเดียในการจัดการผลกระทบมะพร้าวล้นตลาด บริหารจัดการน้ำบาดาล รวมถึงการสื่อสารกับพนักงานที่ใช้ภาษาที่แตกต่างกันได้อย่างราบรื่น

นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมงานยังได้เรียนรู้ทักษะ AI เบื้องต้นจากผู้เชี่ยวชาญ อาทิ การเริ่มต้นใช้งาน Microsoft 365 Copilot และการสร้างเอเจนต์ใน Microsoft Copilot Studio รวมถึงความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับ Microsoft Azure AI ซึ่งเป็นบริการและโซลูชัน AI ที่ไมโครซอฟท์พัฒนาขึ้นเพื่อองค์กรโดยเฉพาะ จากการเรียนรู้และสังเกตการใช้งานจริงของลูกค้าองค์กรทั่วโลก ผู้ที่สนใจ สามารถเรียนรู้ทักษะ AI ซึ่งสอนเป็นภาษาไทย เพิ่มเติมต่อได้ฟรี ที่แพลตฟอร์ม AI Skills Navigator: https://aiskillsnavigator.microsoft.com/th-th

สำหรับธุรกิจ SMEs ที่สนใจสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุณสมบัติการทำงานใน Microsoft 365 Copilot สำหรับองค์กรได้ที่นี่ ส่วนผู้ใช้ทั่วไปสามารถสัมผัสกับประสบการณ์ Copilot เพื่อการค้นหาข้อมูลและตอบคำถามต่างๆ ได้ฟรีที่ https://copilot.microsoft.com/

ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่นชำระค่าคลื่นความถี่ย่าน 2600 MHz งวดที่ 2 จำนวน 2,868,598,666.52 บาท และ ค่าคลื่นความถี่ย่าน 900 MHz (ช่วง 905-915 MHz คู่กับ 950-960 MHz) งวดสุดท้าย จำนวน 8,163,886,000 บาท พร้อมนำส่งหนังสือค้ำประกันการชำระเงินประมูลคลื่นความถี่ที่เหลือแก่สำนักงาน กสทช. โดยมีนายนฤพนธ์ รัตนสมาหาร (ที่ 3 จากซ้าย) หัวหน้าสายงานรัฐกิจสัมพันธ์และกำกับดูแล และนางสาวกนกพร คุณชัยเจริญกุล (ที่ 2 จากซ้าย) หัวหน้าสายงานกลยุทธ์กฎระเบียบการกำกับดูแลกิจการ และ นางสาววีณา จ่างเจริญ (ซ้ายสุด) ผู้เชี่ยวชาญสายงานกลยุทธ์กฎระเบียบการกำกับดูแลกิจการ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นผู้แทนบริษัทฯ ในการชำระค่าคลื่นความถี่ โดยมีนายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล (ที่ 4 จากซ้าย) รองเลขาธิการ กสทช. และรักษาการเลขาธิการ กสทช. พร้อมด้วยนายสุทธิศักดิ์ ตันตะโยธิน (ที่ 5 จากซ้าย) รองเลขาธิการ กสทช.สายงานกิจการโทรคมนาคม และนายวีรพนธ์ ศรีนวล (ขวาสุด) ผู้อำนวยการส่วนจัดให้มีบริการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์ทางสังคม ร่วมรับมอบ ณ สำนักงาน กสทช.

ทั้งนี้ ทรู คอร์ปอเรชั่น ยังคงเดินหน้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง ด้วยการนำคลื่นความถี่ที่ได้จากการประมูลมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งการขยายพื้นที่ให้บริการ เพิ่มประสิทธิภาพความเร็วและความเสถียรของเครือข่าย ตลอดจนการเสริมศักยภาพในการรองรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น 5G, IoT และ AI เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้ใช้งาน และยกระดับประสบการณ์การใช้งานให้ทัดเทียมมาตรฐานระดับโลก

สำหรับคลื่นความถี่ย่าน 2600 MHz และ 900 MHz เป็นคลื่นสำคัญในการพัฒนาเครือข่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยรองรับการใช้งานดิจิทัลที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงบนมือถือ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต รวมถึงนำไปใช้เชื่อมต่อโซลูชันอัจฉริยะในภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรม และบริการภาครัฐ ทั้งยังมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทย

ทรูให้ความสำคัญกับความปลอดภัย และความพึงพอใจของลูกค้า พร้อมอยู่เคียงข้างเสมอในทุกสถานการณ์ มอบสิทธิพิเศษและบริการช่วยเหลือให้ลูกค้าทรูและดีแทคที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว ลูกค้าสามารถรับส่วนลดพิเศษจาก HomePro, MegaHome และ DOHOME เมื่อซื้ออุปกรณ์สำหรับซ่อมแซมหรือของใช้จำเป็น ผ่านการแลกรับสิทธิ์ทางแอปทรูไอดี และดีแทคแอป

นอกจากนี้ ลูกค้า TrueBlack และ dtac PLATINUM BLUE MEMBER ยังได้รับบริการ Home Assistant บริการช่วยเหลือฉุกเฉินภายในบ้าน* พร้อมช่วยเหลือทันที โดยให้คำปรึกษาเบื้องต้น และจัดหาบุคลากรที่มีความชำนาญไปยัง ที่พักอาศัย ครอบคลุมการดูแลภายในวงเงิน 1,500 บาท ต่อกรณีฉุกเฉิน ครอบคลุมทั้งค่าแรงและค่าอะไหล่สำหรับงานซ่อมแซมที่จำเป็น ดังต่อไปนี้

· Emergency Electrical Service : บริการซ่อมไฟฟ้าฉุกเฉิน ในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน หรือเหตุการณ์ที่เป็นผลมาจากความเสียหายหรือผลกระทบต่อไฟฟ้า เช่น ไฟฟ้าดับหรือไฟฟ้าลัดวงจรในที่อยู่อาศัย

· Emergency Air Conditioning Service : บริการซ่อมเครื่องปรับอากาศฉุกเฉิน ในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน ที่เกิดจากปัญหาของระบบเครื่องปรับอากาศไม่ทำงาน หรือความเสียหายของระบบเครื่องปรับอากาศที่เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรในที่อยู่อาศัย

· Emergency Plumbing Service : บริการช่างซ่อมประปาฉุกเฉิน ในกรณีที่เกิดเหตุอันเนื่องมาจากระบบท่อประปารั่วหรือขัดข้องในที่อยู่อาศัย

· Emergency Home-Locksmith Service : บริการช่างกุญแจบ้านฉุกเฉิน ในกรณีที่ไม่สามารถเข้าไปในบ้านหรือห้องได้เนื่องจากอุบัติเหตุที่กุญแจล็อคในที่อยู่อาศัย

· Emergency Roof or Ceiling Service : บริการช่างซ่อมหลังคาและเพดานฉุกเฉิน ในกรณีเช่น หลังคาหรือเพดานรั่วซึมในที่อยู่อาศัย

· Emergency Pest Control Service : บริการกำจัดสัตว์ดุร้ายรบกวน ในกรณีที่เกิดจากการรบกวนของสัตว์ดุร้ายเข้าที่พักอาศัย เช่น ผึ้ง แมงมุมที่เป็นพิษ แตน งู ตัวต่อ และแมงป่อง

ลูกค้า TrueBlack และ dtac PLATINUM BLUE MEMBER สามารถใช้งานบริการ Home Assistant – บริการช่วยเหลือฉุกเฉินภายในบ้าน ได้แล้ววันนี้! สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม สำหรับลูกค้า TrueBlack โทร TrueBlack Call Center 1236 สำหรับลูกค้า dtac PLATINUM BLUE MEMBER รับสิทธิ์ผ่าน PLATINUM BLUE MEMBER SERVICE โทร *1806 *1 สิทธิ์ ต่อปี

ทรู คอร์ปอเรชั่น ทุ่มกำลังสนับสนุนภารกิจช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุแผ่นดินไหวและอาคารกำลังก่อสร้างย่านจตุจักรถล่ม ด้วยการวางโซลูชันเสริมสัญญาณมือถือเพื่อให้เจ้าหน้าที่และหน่วยงานกู้ภัยสามารถสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมเสริมรถโมบายล์สถานีฐานเคลื่อนที่เร็ว เพิ่มประสิทธิภาพสัญญาณมือถือให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ปฏิบัติการใช้งานด้วยประสิทธิภาพสูง

นายจักรกฤษณ์ อุไรรัตน์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกิจการองค์กร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า "บริษัทฯ ห่วงใยและขอแสดงความเสียใจต่อผู้ประสบภัยแผ่นดินไหว เราเร่งระดมกำลังเพื่อสนับสนุนการค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเต็มที่ โดยร่วมมือกับภาครัฐในการใช้ข้อมูลภาพรวมของการใช้งานเครือข่ายที่ไม่สามารถระบุตัวตน (non-identifiable network insights) ของผู้ใช้งานในช่วงก่อนและหลังเกิดเหตุ การวิเคราะห์ข้อมูลดังกล่าวช่วยให้สามารถประเมินแนวโน้มได้ว่า ผู้ใช้บริการรายใดอาจยังติดอยู่ในซากอาคารหรือได้รับความปลอดภัยแล้ว โดยบริษัทฯ ได้จัดทีมศูนย์บริการลูกค้า (Call Center) ติดต่อสอบถามผู้ใช้บริการ หากพบว่าไม่สามารถติดต่อได้ จะนำข้อมูลส่งต่อให้หน่วยกู้ภัยเพื่อเร่งค้นหาผู้ที่คาดว่ายังติดอยู่ในพื้นที่ประสบเหตุ”

ทั้งนี้ บริษัทฯ ให้ความร่วมมือกับหน่วยงานรัฐในกรณีจำเป็นตามอำนาจตามกฎหมาย โดยยังคงรักษามาตรฐานความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้บริการเพื่อเป็นข้อมูลสนับสนุนการปฏิบัติงานและเร่งค้นหาผู้สูญหายให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดอีกด้วย

บริษัทฯ สนับสนุนภารกิจช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้วยการใช้ข้อมูล ลักษณะการส่งสัญญาณในระบบเครือข่าย (network-level signaling patterns) เพื่อนำไปใช้ในการประเมินสภาพพื้นที่ การเข้าถึงของอุปกรณ์สื่อสาร และการวางแผนเชิงพื้นที่โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การปฏิบัติงานในภาวะฉุกเฉินมีประสิทธิภาพสูงสุดจากการส่งสัญญาณมือถือที่เคยมีอยู่ในพื้นที่เสี่ยงก่อนเกิดเหตุ และเปรียบเทียบกับข้อมูลหลังเกิดเหตุ เพื่อใช้เป็นดาต้าสนับสนุนการคาดการณ์เป็นผู้ที่ติดค้างอยู่ภายในอาคาร หรือออกนอกอาคารถล่ม และประเมินจำนวนผู้ประสบเหตุ เพื่อช่วยให้เจ้าหน้าที่ภาครัฐสามารถวางแผนค้นหาและเข้าถึงจุดเกิดเหตุได้อย่างแม่นยำ

ทรู คอร์ปอเรชั่นนำทีมจัดเพิ่มสัญญาณมือถือในพื้นที่ประสบภัยอาคารถล่ม

· เพิ่มรถโมบายล์สถานีฐานเคลื่อนที่เร็ว (COW) จำนวน 2 คัน

· พารามิเตอร์สัญญาณ (Event Parameter) ปรับแต่งค่าสัญญาณตามพฤติกรรมการใช้งาน

· จัดทีมวิศวกรเน็ตเวิร์กประจำพื้นที่อาคารถล่ม

· BNIC ศูนย์ปฏิบัติการเครือข่ายอัจฉริยะ พร้อม AI พร้อมดูแลและบริหารเครือข่ายตลอด 24 ชั่วโมง

นอกจากนี้ ทรูได้ยกระดับมาตรการรับมือสถานการณ์แผ่นดินด้วยการจัดตั้ง "วอร์รูม ที่ BNIC ศูนย์ปฏิบัติการเครือข่ายอัจฉริยะ พร้อม AI พร้อมดูแลและบริหารเครือข่ายตลอด 24 ชั่วโมง ทีมงานได้เตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่สำหรับเหตุการณ์ After shock ที่อาจเกิดขึ้นในระยะต่อไป ทั้งนี้เพื่อสร้างความมั่นใจว่าประชาชนและหน่วยงานกู้ภัยจะยังคงสามารถใช้บริการการสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดแม้ในยามวิกฤติ

เคทีซีเดินหน้าสร้างโอกาสทางการเงินให้กับคนไม่ท้อ ผนึกความร่วมมือกับไปรษณีย์ไทยเปิดโครงการนำร่อง ขยายช่องทางให้คนไทยเข้าถึงแหล่งสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ “เคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน” ได้สะดวก รวดเร็ว ครบจบ ณ ที่ทำการไปรษณีย์ไทย 45 แห่ง ในพื้นที่ 5 จังหวัด ผ่านเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ เพียงลูกค้าเตรียมเอกสารสมัครให้พร้อม อนุมัติไวภายใน 1 ชั่วโมง รับเงินทันที วงเงินใหญ่สูงสุด 1 ล้านบาท ไม่ต้องมีคนค้ำประกัน

 

นางสาวเรือนแก้ว เกษมสวัสดิ์ศรี ผู้บริหารสูงสุด สายงานสินเชื่อรถยนต์ “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในปี 2568 นี้ สภาพเศรษฐกิจโดยรวมยังมีการชะลอตัวต่อเนื่องจากปีก่อนหน้า ซึ่งอาจส่งผลให้การปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินต่างๆ ต้องพิจารณาจากหลายปัจจัย อย่างไรก็ดี พอร์ตสินเชื่อธุรกิจ “เคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน” ในปีที่ผ่านมาถึงปัจจุบันยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ด้วยการใช้กลยุทธ์ที่เน้นการเติบโตในเชิงคุณภาพตั้งแต่การคัดกรองสมาชิกเข้าพอร์ต และการบริหารจัดการพอร์ตลูกหนี้ตลอดวงจรของการเป็นสมาชิกกับเคทีซี สำหรับกลยุทธ์การทำธุรกิจ "เคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน" ในปี 2568 นี้ ตั้งเป้าหมายยอดสินเชื่อใหม่ที่ 3,000 ล้านบาท โดยมุ่งขยายพอร์ตสินเชื่อผ่านช่องทางธุรกิจต่างๆ เพื่อรุกเข้าถึงพนักงานประจำและเจ้าของกิจการขนาดเล็กที่มีรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ และต้องการเงินทุนเพื่อต่อยอดธุรกิจ ทำอาชีพเสริมและเพิ่มสภาพคล่อง ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่าย สะดวกและปลอดภัยด้วยระบบการรักษาข้อมูลลูกค้าที่ได้มาตรฐานการจัดการความปลอดภัยของข้อมูล ISO/IEC 27001: 2013 และมาตรฐานการจัดการข้อมูลส่วนบุคคล ISO/IEC 27701: 201 โดยลูกค้าเคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงินจะได้รับวงเงินใหญ่สูงสุด 100% ของราคาประเมิน อนุมัติไวภายใน 1 ชั่วโมง รับเงินทันที โดยไม่ต้องมีคนค้ำประกัน”

"การร่วมมือกับไปรษณีย์ไทยในครั้งนี้ เป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญในการเข้าหากลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เพราะไปรษณีย์ไทยมีเครือข่ายที่ครอบคลุม และเป็นสถานที่ที่ประชาชนคุ้นเคยและใช้บริการอยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ บริการรับสมัครสินเชื่อ “เคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน” ณ จุดบริการในที่ทำการไปรษณีย์ไทย ถูกออกแบบมาให้ง่าย เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าที่เข้ารับบริการที่ไปรษณีย์ไทย ที่มีความต้องการเงินทุนเพื่อนำไปลงทุนต่อยอดธุรกิจ โดยสามารถเข้ารับคำปรึกษาเกี่ยวกับสินเชื่อรถแลกเงินได้จากเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ที่ผ่านการอบรม ซึ่งสามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์สินเชื่อ รวมไปถึงทำรายการรับสมัครสินเชื่อเคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน ให้กับผู้มาใช้บริการได้ทันที โดยในช่วงแรก จะเริ่มให้บริการที่จุดบริการไปรษณีย์ไทย 45 แห่ง”

 

ดร.วราภรณ์ ข้องเกี่ยวพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานกลยุทธ์และขับเคลื่อนองค์กร บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า “ไปรษณีย์ไทยทำงานร่วมกับเคทีซีมาอย่างต่อเนื่อง โดยพี่ไปรฯ หรือบุรุษไปรษณีย์ทำหน้าที่ส่งจดหมายใบแจ้งหนี้ บริการจัดเก็บเอกสารชุดสัญญา และบริการพิสูจน์ยืนยันตัวตน (e-KYC) วันนี้ไปรษณีย์ไทยและเคทีซีได้พัฒนาความร่วมมือทางธุรกิจใหม่ร่วมกัน ในการแนะนำลูกค้าที่ประสงค์จะใช้บริการสินเชื่อทะเบียนรถยนต์ ภายใต้ผลิตภัณฑ์ “เคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน” ในรูปแบบการสรรหากลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่เป็นเจ้าของรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ และถือกรรมสิทธิ์ในเล่มทะเบียนรถ โดยมี 2 รูปแบบการให้บริการ คือ 1. ลูกค้าสนใจสมัครสินเชื่อและฝากข้อมูลที่ช่องทางของไปรษณีย์ไทยและทางเคทีซีติดต่อกลับเพื่อให้บริการรับสมัครสินเชื่อ และ 2. ให้บริการรับสมัครและอนุมัติสินเชื่อโดยเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ไทยแบบเรียลไทม์”

“ไปรษณีย์ไทย เป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจด้านสื่อสารและขนส่งหลักของชาติ ซึ่งมีเครือข่ายที่ทำการไปรษณีย์ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ จึงเป็นช่องทางสำคัญในการเข้าถึงประชาชนที่มีความสนใจในการสมัครสินเชื่อฯ ที่ยังไม่เคยเข้าถึงบริการทางการเงิน (Underserved) และกลุ่มที่อาจไม่ได้รับการดูแลทางการเงินอย่างเพียงพอ (Unserved) และด้วยศักยภาพของพนักงานไปรษณีย์ที่สามารถเรียนรู้และพัฒนาเพื่อยกระดับทักษะใหม่ๆ รวมทั้งไปรษณีย์ไทยยังเล็งเห็นถึงความสำคัญในการสนับสนุนให้ผู้ใช้บริการไปรษณีย์ได้ต่อยอดธุรกิจและการใช้ชีวิต จากการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบที่น่าเชื่อถือ ไปรษณีย์ไทยจึงได้ร่วมกับ เคทีซีเปิดช่องทางให้พนักงานไปรษณีย์ไทยสามารถแนะนำผลิตภัณฑ์สินเชื่อ “เคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน” ให้กับประชาชนที่สนใจ”

“การนำร่องความร่วมมือกับเคทีซี จะดำเนินการในลักษณะการแนะนำผลิตภัณฑ์ และการให้บริการรับสมัครสินเชื่อจนลูกค้าได้รับอนุมัติและเงินโอนเข้าบัญชี โดยการปรับใช้ศักยภาพของเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ ที่ผ่านการอบรมจากเคทีซี (Employee Program) เพื่อทำความเข้าใจในกระบวนการและเงื่อนไขในการขอสินเชื่อฯ เพื่อให้ผู้ขอสินเชื่อฯ เลือกวงเงินสินเชื่อให้เหมาะสมตรงตามความต้องการ และได้รับอนุมัติสินเชื่อตามที่ยื่นขอ ซึ่งจะเป็นการพัฒนาทักษะและส่งเสริมให้พนักงานไปรษณีย์สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในพื้นที่จังหวัดนำร่องต่างๆ โดยนอกจากการสมัครสินเชื่อ ณ ที่ทำการไปรษณีย์ไทย 45 แห่ง นำร่องใน 5 จังหวัด ได้แก่ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร และนครปฐม แล้ว ยังสามารถสมัครออนไลน์ผ่านเว็บไซต์และ โซเชียล มีเดียของไปรษณีย์ไทย หรือผ่านแอปพลิเคชัน Wallet@Post ได้อีกด้วย ทั้งนี้ หากผลการตอบรับจากประชาชนผู้ใช้บริการเป็นไปในทิศทางที่ดี อาจมีการขยายพื้นที่ไปยังจังหวัดอื่นๆ ที่มีความต้องการเข้าถึงบริการทางด้านสินเชื่อต่อไป”

 

นางสาวเรือนแก้วกล่าวเพิ่มเติมว่า "ในอนาคต “เคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน” ยังมีแผนจะขยายเครือข่ายพันธมิตรเพื่อเพิ่มช่องทางเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายให้ครอบคลุมมากขึ้น เช่นเดียวกับที่ได้ผสานความร่วมมือกับไปรษณีย์ไทยในวันนี้ รวมถึงพัฒนาสิทธิประโยชน์ต่างๆ สำหรับสมาชิกสินเชื่อ “เคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน” เพื่อให้สามารถใช้บริการได้อย่างคุ้มค่ามากขึ้น โดยทั้งหมดนี้เป็นไปตามเป้าหมายของเคทีซีในการทำให้การเข้าถึงแหล่งเงินทุนเป็นเรื่องง่าย สะดวกรวดเร็ว เพื่อเป็นทางเลือกให้กับคนไม่ท้อได้ต่อยอดความสำเร็จและสร้างรายได้จากการทำธุรกิจต่อไป"

นอกจากนี้ ผู้ประสงค์จะสมัครสมาชิกสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ รถจักรยานยนต์และบิ๊กไบค์ ยัง สามารถสมัครผ่านเว็บไซต์ www.ktc.co.th/loan/ktc-p-berm หรือติดต่อโทร. 02 123 5300 ธนาคารกรุงไทยทุกสาขา หรือผู้แนะนำผลิตภัณฑ์เคทีซีทั่วประเทศ

หมายเหตุ กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว อัตราดอกเบี้ย 21% - 24% ต่อปี

เคทีซีเสริมประสบการณ์การท่องเที่ยวให้สมาชิกตั้งแต่เริ่มแรกที่สนามบิน ด้วยการมอบสิทธิพิเศษด้านการเดินทางแบบครบวงจร ส่วนลดการใช้บริการห้องพักรับรองที่สนามบินสูงสุด 70% หรือใช้คะแนน KTC FOREVER แลกรับสิทธิ์สำหรับการเข้ารับบริการห้องรับรองสนามบิน “เดอะ คอรัล เอ็กเซ็กคิวทีฟ เลาจน์” (The Coral Executive Lounge) พร้อมรับเครดิตเงินคืน 14% เมื่อมียอดการใช้จ่ายที่คิง เพาเวอร์ และบริการรถลีมูซีนรับ-ส่งสนามบินฟรีตลอดปี 2568

นางสาววริษฐา พัฒนรัชต์ ผู้บริหารสูงสุดฝ่ายการตลาดบัตรเครดิต “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เคทีซีให้ความสำคัญกับการสร้างประสบการณ์การเดินทางที่ครบวงจร และคุ้มค่าพร้อมพัฒนาผลิตภัณฑ์ จับมือพันธมิตรมอบสิทธิประโยชน์ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการตั้งแต่เริ่มแรกที่สนามบิน เพื่อให้สมาชิกสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้อย่างคุ้มค่า และได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดตลอดการเดินทาง

สิทธิพิเศษห้องรับรองสนามบิน ลดสูงสุด 70%

สมาชิกชำระค่าบริการผ่านบัตรเครดิตเคทีซีทุกประเภท สำหรับการเข้าใช้บริการห้องรับรองสนามบิน “เดอะ คอรัล เอ็กเซ็กคิวทีฟ เลาจน์” (The Coral Executive Lounge) หรือใช้คะแนน KTC FOREVER ตามที่กำหนด แลกรับสิทธิ์เข้าใช้บริการ 1 ท่าน ผ่านช่องทาง KTC WORLD Travel Service

เดินทางภายในประเทศ

· ห้องรับรองสนามบินดอนเมือง / สนามบินภูเก็ต และสนามบินเชียงใหม่ราคาพิเศษ 700 บาท (ปกติ 1,200 บาท) หรือใช้ 6,000 คะแนน KTC FOREVER

· ห้องรับรองสนามบินเชียงราย / สนามบินอุดรธานี และสนามบินหาดใหญ่ราคาพิเศษ 550 บาท (ปกติ 1,200 บาท) หรือใช้ 5,000 คะแนน KTC FOREVER

· ห้องรับรองสนามบินสุวรรณภูมิราคาพิเศษ 800 บาท (ปกติ 1,400 บาท) หรือใช้ 7,000 คะแนน KTC FOREVER

เดินทางระหว่างประเทศ

· ห้องรับรองสนามบินดอนเมือง / สนามบินภูเก็ต และสนามบินเชียงใหม่ราคาพิเศษ 750 บาท (ปกติ 1,400 บาท) หรือใช้ 7,000 คะแนน KTC FOREVER

· ห้องรับรองสนามบินสุวรรณภูมิ Cosmo Lounge / Cocoon Lounge Gate C1 & C2 ราคาพิเศษ 800 บาท (ปกติ 3,500 บาท) หรือใช้ 7,000 คะแนน KTC FOREVER

· ห้องรับรองสนามบินสุวรรณภูมิ Finest Business Class Lounge Gaye D1 ราคาพิเศษ 1,500 บาท (ปกติ 3,500 บาท) หรือใช้ 13,000 คะแนน KTC FOREVER

· ห้องรับรองสนามบินสุวรรณภูมิ First Business Class Lounge ราคาพิเศษ 2,750 บาท (ปกติ 5,500 บาท) หรือใช้ 24,000 คะแนน KTC FOREVER สมาชิกสามารถใช้สิทธิ์ได้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 – วันที่ 31 ธันวาคม 2568 สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ktc.co.th/promotion/travel/air-ticket/the-coral-executive-lounge สำหรับสมาชิกที่ต้องการแลกคะแนน KTC FOREVER เพื่อเข้าใช้บริการ เดอะ คอรัล เอ็กเซ็กคิวทีฟ เลาจน์ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มได้ที่https://www.ktc.co.th/ktcworld/promotion/air-ticket/coral-lounge-ktc-world

ช้อปคุ้มที่คิง เพาเวอร์ แลกคะแนนรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 14%

สมาชิกใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีทุกประเภทที่ คิง เพาเวอร์ ดาวน์ทาวน์ คอมเพล็กซ์ (รางน้ำ / พัทยา / ภูเก็ต / ศรีวารี / ซิตี บูทีก และมหานคร) คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ ฟรี (ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ / ท่าอากาศยานดอนเมือง และสนามบินภูเก็ต) ช่องทาง King Power to Shop / King Power Call to Shop / www.kingpower.com และแอปพลิเคชัน King Power และใช้คะแนน KTC FOREVER เท่ายอดใช้จ่ายต่อเซลส์สลิป แลกรับเครดิตเงินคืน 14% เมื่อมียอดใช้จ่าย 30,000 บาทขึ้นไป และแลกรับเครดิตเงินคืน 12% เมื่อมียอดใช้จ่าย 1 – 29,999 บาท โดยสมาชิกสามารถใช้สิทธิ์ได้ตั้งแต่ วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 – วันที่ 31 ธันวาคม 2568 สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ktc.co.th/promotion/shopping/duty-free/kingpower

บริการฟรี! รถลีมูซีนรับ-ส่งสนามบิน

สมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี มาสเตอร์การ์ด รับบริการรถลีมูซีน รับ หรือ ส่งสนามบินฟรี 1 เที่ยว เมื่อมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป / เซลส์สลิป ที่ KTC WORLD Travel Service โดย

มีระยะเวลาจองใช้บริการตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568 - วันที่ 31 มีนาคม 2568 และระยะเวลาเดินทางตั้งแต่วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2568 - วันที่ 31 ธันวาคม 2568 สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ktc.co.th/promotion/travel/ktc-world-travel-service/ktc-world-mastercard-limousine

สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ KTC PHONE 02 123 5000 หรือติดตามโปรโมชันของเคทีซีได้ที่ https://www.ktc.co.th

สมัครสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี สามารถคลิกดูรายละเอียดได้ที่ลิงค์ https://ktc.today/apply-card หรือติดต่อศูนย์บริการสมาชิก “เคทีซี ทัช” ทุกสาขาทั่วประเทศ 

บริทาเนีย ชูทิศทางการดำเนินงาน ปี 68 ด้วย “Craft & Love is BRI” เปิดตัว 6 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 7,500 ล้านบาท ตั้งเป้ารายได้รวม 4,000 ล้านบาท ดึง “ณเดชน์ คูกิมิยะ” พรีเซนเตอร์คนใหม่ตอกย้ำแบรนด์สะท้อน DNA ของ BRITANIA พร้อมขยายสู่ตลาดใหม่ - New Business เพิ่มโอกาสสร้างรายได้

ดร.ศุภลักษณ์ จันทร์พิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI เปิดเผยว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ยังคงเผชิญปัจจัยเสี่ยงรอบด้านเหมือนกับปี 2567 จากภาวะเศรษฐกิจซบเซาทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ตัวเลข GDP ที่เติบโตต่ำกว่าคาด รวมทั้งปัญหาหนี้ครัวเรือนต่าง ๆ กระทบถึงกำลังซื้อที่ยังไม่ฟื้นตัว และความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ ภายใต้วิกฤตินี้ทำให้ในปีนี้ BRITANIA ต้องกลับมายืนหยัดที่ความสามารถในการแข่งขันของตัวเอง ทั้งในด้านสินค้าและบริการที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์และความต้องการของผู้บริโภคในทุกช่วงอายุ เสริมด้วยการตอกย้ำคุณค่าของแบรนด์ ภายใต้คอนเซ็ปต์ Craft a live you love ที่สะท้อนตัวตนของ BRITANIA

แผน 3 กลยุทธ์หลัก และเป้าหมายปี 2568

ดร.ศุภลักษณ์ กล่าวว่า ในปี 2568 นี้ บริทาเนียจะดำเนินธุรกิจผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก ประกอบด้วย “Authentic Growth” ดำเนินงานต่อเนื่องอย่างรอบคอบ ยกระดับคุณภาพสินค้าและบริการ ส่งมอบบ้านให้กับลูกค้าตามสัญญา โดยในปีนี้เปิดโครงการใหม่ทั้งหมด จำนวน 6 โครงการ คิดเป็นมูลค่า 7,500 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดรับรู้รายได้จากการ Transfer จำนวน 5,000 ล้านบาท (รวมโครงการร่วมทุน) และตั้งเป้ารายได้รวม 4,000 ล้านบาท ตามแผนครึ่งปีแรกเปิด 4 โครงการ ประกอบด้วย 1.โครงการ BELGRAVIA exclusive ปิ่นเกล้า-บรมราชชนนี มูลค่าโครงการ 1,600 ล้านบาท, 2.โครงการ BRITANIA สุขสวัสดิ์-ประชาอุทิศ มูลค่าโครงการ 1,100 ล้านบาท, 3.โครงการ GRAND BRITANIA กรุงเทพกรีฑา-สุวรรณภูมิ (JV) มูลค่าโครงการ 1,550 ล้านบาท และโครงการที่ 4 คือโครงการ BRITANIA บางแสน (JV) มูลค่าโครงการ 1,250 ล้านบาท และอีก 2 โครงการจะเปิดในช่วงครึ่งหลังของปีประกอบด้วย 1.โครงการ BRISTOL BANGKOK (JV) มูลค่ารวม 1,050 ล้านบาท, และ 2.โครงการ BALCO LAGOON เชิงทะเล ภูเก็ต มูลค่าโครงการ 950 ล้านบาท เป็นโครงการต่อยอดความสำเร็จจากโครงการ BALCO BANGTAO BEACH เป็นบ้านเดี่ยว/วิลล่า ใกล้หาดบางเทา เป็นส่วนตัวเพียง 35 ยูนิต

 

“กลยุทธ์ต่อมาคือ “Crafted Branding” เน้นที่การรับรู้ของผู้บริโภค ถึงตัวตนของ BRITANIA ที่เป็นเอกลักษณ์ผ่านความ Craft ความประณีตในการสรรหา การออกแบบ การก่อสร้าง สถาปัตยกรรม และ Love ความรัก ความใส่ใจในการบริการ” ดร.ศุภลักษณ์กล่าว รวมถึงการเปิดตัวพรีเซนเตอร์คนใหม่ “ณเดชน์ คูกิมิยะ” สะท้อนภาพลักษณ์ และไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของณเดชณ์ ซึ่งเป็นคนถ่อมตน สบาย ๆ เข้าถึงง่าย รักสัตว์ ขยัน มีความจริงจังในการใช้ชีวิต มีรสนิยม มีความโรแมนติก และรักครอบครัว ซึ่งเป็น DNA ของ BRITANIA สะท้อนภาพการใช้ชีวิตในแบบที่รักได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าชีวิตที่ต้องการจะเป็นแบบไหน บ้านบริทาเนียก็ตอบโจทย์ทุกความต้องการในทุกย่างก้าวของชีวิต และเติมเต็มในทุกเซกเมนต์ ผ่านโปรดักส์แบรนด์ เช่น แบรนด์ BRIGHTON เติมสีสันให้ชีวิตอิสระ, แบรนด์ BRITANIA วัยเริ่มสร้างครอบครัว ต้องการสมดุลชีวิตที่สมบูรณ์, แบรนด์ GRAND BRITANIA เติมเต็มความภาคภูมิใจให้ชีวิต, แบรนด์ BELGRAVIA ชีวิตที่สง่างามมีได้ทุกวัน ผ่านคำว่า ‘บ้าน’ ที่พร้อมให้สัมผัสชีวิตในแบบที่รักไปพร้อมกับณเดชณ์ที่บริทาเนีย

เข้าสู่ตลาดใหม่ - New Business เพิ่มโอกาสสร้างรายได้

กลยุทธ์สุดท้าย คือ “Crafted Expansion” จากเทรนด์ของผู้บริโภคในปัจจุบัน บริทาเนียจะมีการขยายเข้าสู่ตลาดและธุรกิจใหม่ ๆ ได้แก่

- Wellness Service at Home บริการให้คำปรึกษาด้านสุขภาพและการใช้ชีวิต

- Pet Care Service บริการดูแลสัตว์เลี้ยง

- Interior & Landscape บริการรับออกแบบตกแต่งทั้งภายในและจัดสวน

- Renovation & Construction บริการการรับสร้างบ้านและปรับปรุงบ้านเก่า รวมถึงบริการต่าง ๆ แบบครบวงจรในอนาคต เช่น การดูแลผู้สูงอายุ เด็กเล็ก และการทำความสะอาด

จากทิศทางและกลยุทธ์ทั้งหมดนี้ บริทาเนียยังคงยืนหยัดประกอบธุรกิจที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าด้วยคุณค่าของสินค้าและบริการที่ดี เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของบริษัทฯ และสร้างการรับรู้ในตัวตนของ BRI เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า บริทาเนียจะเป็นหนึ่งในแบรนด์พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ทุกคนนึกถึง เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา บริทาเนียยังคงมุ่งพัฒนาสิ่งใหม่ ๆ ที่ดีที่สุดเพื่อให้ลูกค้าได้ดีไซน์ชีวิตในแบบที่รัก สมดัง brand promise ของบริทาเนีย นั่นคือ “CRAFT a life you love” ดีที่สุดคือใช้ชีวิตในแบบที่รัก

ซลส์ฟอร์ซ (Salesforce) หนึ่งในผู้นำด้านระบบบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า (CRM) ที่ขับเคลื่อนด้วย AI  ล่าสุดจัดงาน Agentforce World Tour in Bangkok ณ กรุงเทพมหานคร เพื่อนำเสนอ Agentforce ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มพนักงานดิจิทัลที่ช่วยให้องค์กรสามารถนำพนักงาน AI อัจฉริยะที่มีความน่าเชื่อถือและสามารถทำงานได้ด้วยตนเอง (Autonomous AI Agent) มาใช้ในกระบวนการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โดยในงานครั้งนี้มีลูกค้าและพาร์ทเนอร์ของ Salesforce ลงทะเบียนเข้าร่วมงานมากกว่า 500 ราย พร้อมด้วยกิจกรรมที่น่าสนใจมากมายทั้งการบรรยายนำเสนอแนวคิดต่าง ๆ ที่น่าสนใจ และโซนจัดแสดงนวัตกรรมล่าสุดของ Salesforce หรือที่เรียกว่า Campground ซึ่งมีการสาธิตการใช้งานผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ พร้อมทั้งกิจกรรมเวิร์กช็อปที่เปิดโอกาสให้ผู้ร่วมงานได้ทดลองสร้าง AI Agent ด้วยตนเอง และการให้ความรู้เฉพาะทางสำหรับแต่ละอุตสาหกรรม เพื่อช่วยให้องค์กรสามารถพัฒนาและประสบสำเร็จในยุคของ Agentic AI

ก้าวสู่พรมแดนใหม่ในการพัฒนาองค์กรด้วย Agentforce

ปัจจุบันการเติบโตของเทคโนโลยีพนักงานในรูปแบบดิจิทัล (Digital Labor) ได้ทำให้ Agentforce กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่เปิดโอกาสให้องค์กรสามารถเพิ่มประสิทธิภาพ ขับเคลื่อนนวัตกรรม และสร้างการเติบโตในรูปแบบใหม่ ๆ ผ่านการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์และ AI Agent ที่มีความน่าเชื่อถือและสามารถทำงานได้ด้วยตนเอง ด้วยการผสานรวมของ Agentforce เข้ากับแอปพลิเคชัน Customer 360 และ Data Cloud ของ Salesforce ซึ่งทำให้องค์กรสามารถสร้างทีมงานที่มีศักยภาพแบบไร้ขีดจำกัด และได้กำหนดนิยามใหม่ให้กับทุกบทบาทในการทำงานและกระบวนการดำเนินงานขององค์กร

 

ธิติรัตน์ ทองถาวร ผู้จัดการประจำ Salesforce ประเทศไทย กล่าวว่า "องค์กรในประเทศไทยสามารถยกระดับการเปลี่ยนแปลงองค์กรด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลให้ก้าวไปอีกขั้น ด้วยการพัฒนาและใช้งาน AI Agent ที่สามารถวิเคราะห์ ตัดสินใจ ลงมือทำงาน และสร้างผลลัพธ์ที่มีความสำคัญให้กับองค์กร" และเสริมว่า "Agentforce เป็นแพลตฟอร์มพนักงานดิจิทัลแบบครบวงจร ที่ช่วยให้ลูกค้าและพาร์ทเนอร์ของเราสามารถใช้เทคโนโลยี Agentic AI เพื่อเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมที่สำคัญต่าง ๆ ของประเทศไทย เช่น การค้าปลีก การผลิต และการบริการทางการเงิน"

ผู้นำนวัตกรรมการเปลี่ยนแปลงองค์กรด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลในประเทศไทย

การที่ภาครัฐได้มุ่งส่งเสริมให้ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางทางเทคโนโลยีในระดับภูมิภาคนั้น ได้ส่งผลให้องค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนต่างเร่งนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้เพื่อปรับปรุงองค์กรอย่างต่อเนื่อง โดยคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจดิจิทัลจะช่วยผลักดันให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของประเทศไทยเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 11% ภายในปี 2570 ภายใต้การพัฒนาที่กำลังเกิดขึ้นเหล่านี้ Salesforce ได้ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีดิจิทัลที่น่าเชื่อถือให้กับองค์กรชั้นนำซึ่งเป็นผู้นำในการสร้างความเปลี่ยนแปลงในประเทศไทย พร้อมช่วยองค์กรผสานรวมข้อมูลจากระบบ CRM และทุกช่องทางที่ติดต่อสัมพันธ์กับลูกค้าเข้าด้วยกัน เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่สะดวก ราบรื่น และมีความโดดเด่นแตกต่างให้กับองค์กรลูกค้าในประเทศไทย เช่น บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) (Dohome) ผู้นำธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งวัสดุก่อสร้าง เฟอร์นิเจอร์ และอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน และ บริษัท แปซิฟิค ครอส ประกันสุขภาพ จำกัด (มหาชน) (Pacific Cross Health Insurance) บริษัทประกันสุขภาพชั้นนำของไทย ได้ร่วมแบ่งปันมุมมองและแนวทางในการปรับเปลี่ยนองค์กรด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลผ่านโซลูชันของ Salesforce ภายในงานนี้

Dohome ได้ยกระดับการให้บริการให้มีความเฉพาะบุคคลและตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันของลูกค้าแต่ละรายได้ดียิ่งขึ้น พร้อมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจด้วยโซลูชันของ Salesforce โดย Sales Cloud ช่วยให้ทีมขายของ Dohome มีมุมมองข้อมูลลูกค้าที่ครบถ้วนรอบด้าน ซึ่งช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าและสนับสนุนให้บริษัทปิดการขายได้รวดเร็วขึ้นด้วยข้อมูลแบบเรียลไทม์ นอกจากนี้ Service Cloud ยังช่วยให้เจ้าหน้าที่บริการลูกค้าสามารถแก้ไขปัญหาและตอบสนองต่อคำร้องขอรับบริการได้เร็วยิ่งขึ้น ส่งผลให้ระดับความพึงพอใจของลูกค้าเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ Marketing Cloud ได้ช่วยปรับปรุงขั้นตอนสำคัญในกระบวนการด้านการตลาด เช่น การดูแลลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่มีแนวโน้มจะซื้อสินค้า (Lead Nurturing) ทำให้บริษัทสามารถสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าได้อย่างลึกซึ้ง มีประสิทธิภาพและยาวนานมากยิ่งขึ้น

 

มารวย ตั้งมิตรประชา รองกรรมการผู้จัดการสายงานเทคโนโลยีสารสนเทศ และการตลาดออนไลน์ บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "ในฐานะธุรกิจที่ให้บริการทั้งกลุ่มลูกค้าองค์กรธุรกิจในประเทศไทย และกับผู้บริโภคโดยตรง เราจำเป็นต้องรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ เข้าด้วยกัน เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่เหมาะสมมากที่สุดให้กับลูกค้า" และเสริมว่า "Salesforce เป็นพันธมิตรที่มีบทบาทสำคัญในการช่วยให้เราสามารถตอบสนองความต้องการให้กับฐานลูกค้าของเรา ที่มีขนาดใหญ่และมีความต้องการที่หลากหลาย พร้อมทั้งสร้างประสบการณ์การใช้งานที่เชื่อมโยงถึงกันได้ในทุกช่องทางการเลือกซื้อสินค้าและการสื่อสาร"

ขณะที่ Pacific Cross Health Insurance ได้นำระบบ Financial Services Cloud ของ Salesforce มาใช้เพื่อปรับปรุงกระบวนการพิจารณาและออกกรมธรรม์ประกันให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น พร้อมเสริมศักยภาพให้ทีมพนักงานขายทำงานกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายซึ่งมีแนวโน้มซื้อประกันได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น เพื่อสร้างการเติบโตทางรายได้ให้กับองค์กร โดยในระยะถัดไปของกระบวนการเปลี่ยนแปลงองค์กรด้วยระบบดิจิทัล บริษัทฯ มีแผนที่จะนำโซลูชันเทคโนโลยี AI ของ Salesforce มาใช้งาน เพื่อยกระดับการให้บริการลูกค้า การบริหารกรมธรรม์ และระบบจัดการเคลมประกันให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นต่อไป

ยสวันต์รังษิกร ศักยดิ์สิงหนาท ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท แปซิฟิค ครอส ประกันสุขภาพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "การเปลี่ยนแปลงองค์กรด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลและการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน เป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจของเรา สอดคล้องกับความมุ่งมั่นในการมอบความพึงพอใจสูงสุดและยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น" พร้อมเสริมว่า "เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับ Salesforce เพื่อการขยายธุรกิจของเราอย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านระบบแบบอัตโนมัติในการพิจารณาและออกกรมธรรม์ การขาย และการสมัครประกัน นอกจากนี้แล้วเรายังยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะขยายความร่วมมือเพื่อยกระดับการดำเนินงานด้านอื่น ๆ ในธุรกิจของเราต่อไปในอนาคต

ยูนิโคล่ แบรนด์เครื่องแต่งกายระดับโลก จัดกิจกรรมเวิร์คชอปงานศิลปะในชื่อ ‘Bouquet of Peace’ ใน 25 เมื่องทั่วโลก อาทิ ปารีส, นิวยอร์ก, โตเกียว รวมถึงกรุงเทพฯ ด้วย โดยกิจกรรมเพื่อสันติภาพในครั้งนี้จะจัดขึ้นตั้งแต่เดือนมีนาคม 2568 เป็นต้นไป สำหรับประเทศไทย จะจัดกิจกรรมระหว่างวันที่ 20 – 28 มีนาคม 2568

ซึ่งเวิร์คชอปในครั้งนี้ถือเป็นกิจกรรมสำคัญสำหรับการเปิดตัวเสื้อยืดลายล่าสุดจากผลงานของปาโบล ปิกัสโซ (Pable Picasso) ทั่วโลก ผลงานศิลปะทั้งหมดที่สร้างสรรค์โดยผู้เข้าร่วมกิจกรรมจาก 25 เมืองทั่วโลก จะถูกนำไปประกอบที่ Musée National Picasso กรุงปารีส เพื่อสร้างผลงานศิลปะชิ้นใหญ่ที่เต็มไปด้วยความปรารถนาเพื่อสันติภาพ พร้อมร่วมกิจกรรมเวิร์คชอปส่งต่อสันติภาพผ่านศิลปะด้วยเด็กๆ จากโรงเรียนสาธิตจุฬาฯ ฝ่ายประถม ที่ร้านยูนิโคล่ เซ็นทรัลเวิลด์ เมื่อวันที่ 20 มีนาคม ที่ผ่านมา

เสื้อยืดคอลเลคชันผลงานของปาโบล ปิกัสโซ (Pable Picasso) ศิลปินผู้ปฏิวัติวงการงานศิลป์ในศตวรรษที่ 20 ประกอบไปด้วย เสื้อยืดคอลเลคชันผลงานของปาโบล ปิกัสโซ มีทั้งหมด 4 ลาย และ อีก 1 ลายพิเศษสำหรับโปรเจคเสื้อยืดการกุศล PEACE FOR ALL ของยูนิโคล่ คอลเลคชันเสื้อยืดนี้เป็นครั้งแรกของยูนิโคล่ที่นำผลงานของปิกัสโซมาสร้างสรรค์เป็นผลงานล่าสุดในคอลเลคชัน ความร่วมมืออันหายากนี้เกิดขึ้นได้จากความร่วมมือของ The Estate of Pablo Picasso ผู้ซึ่งสนับสนุนวิสัยทัศน์อันยาวนานของยูนิโคล่ในการมีส่วนสนับสนุนสังคมเพื่อให้โลกนี้เป็นสถานที่ที่ดีขึ้น

งานศิลปะที่จัดแสดงบนเสื้อยืด PEACE FOR ALL (ซ้าย) ของคอลเลคชันนี้คือ Bouquet of Friendship (1958) ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อการเดินขบวนเพื่อสันติภาพที่จัดขึ้นที่สตอกโฮล์มในปี 1958 กำไรทั้งหมดจากการจำหน่ายเสื้อยืด PEACE FOR ALL จะบริจาคให้กับองค์กรด้านมนุษยธรรมระหว่างประเทศ

คอลเลคชัน UT จะจัดแสดงผลงานสี่ชิ้นที่วาดโดยปิกัสโซจากช่วงปี 1920 ถึง 1940 ซึ่งเป็นช่วงที่เขามีความหลากหลายและสร้างสรรค์ผลงานมากที่สุด ผลงานศิลปะที่จัดแสดง ได้แก่ Dove of Peace (1949) ซึ่งวาดภาพนกพิราบสีขาวเป็นสัญลักษณ์แห่งสันติภาพ ซึ่งได้รับการเลือกเป็นสัญลักษณ์ในการประชุมสันติภาพนานาชาติครั้งแรกที่กรุงปารีสในปี 1949 เสื้อยืด PEACE FOR ALL และ UT รุ่นใหม่นี้แสดงถึงการสนับสนุนข้อความสันติภาพโลกตลอดชีวิตของปิกัสโซผ่านผลงานที่ก้าวข้ามขนบธรรมเนียมของศิลปะ และยังคงครองใจผู้คนมากมายในปัจจุบัน

บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัทโทรคมนาคมเทคโนโลยีชั้นนำของไทย และอันดับโลกด้านความยั่งยืน ด้วยคะแนน DJSI 2024 สูงสุดในกลุ่มอุตสาหกรรมโทรคมนาคมเป็นปีที่ 7 ติดต่อกัน เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป จำนวน 5 ชุด อายุตั้งแต่ 3 ปี ถึง 10 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ระหว่าง [3.00 – 3.95]% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 6 เดือน ด้วยอันดับความน่าเชื่อถือ “A+” แนวโน้ม “คงที่” (Stable) จากทริสเรทติ้ง สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของ ทรู คอร์ปอเรชั่น ในธุรกิจโทรคมนาคมและธุรกิจเทคโนโลยีดิจิทัล คาดเปิดให้จองซื้อระหว่าง วันที่ 2 และวันที่ 6-7 พฤษภาคม 2568 ผ่าน 7 สถาบันการเงินชั้นนำได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ กสิกรไทย ไทยพาณิชย์ ซีไอเอ็มบี ยูโอบี บริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคินภัทร และบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส รวมถึงการขายผ่านแอปพลิเคชัน TrueMoney Wallet โดยมีธนาคารกรุงศรีอยุธยา เป็นนายทะเบียนหุ้นกู้และผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้

นางสาวยุภา ลีวงศ์เจริญ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน (ร่วม) บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)กล่าวว่า “ทรู คอร์ปอเรชั่น ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีของไทย สำหรับการควบรวมกิจการระหว่างทรูและดีแทคซึ่งดำเนินมาครบ 2 ปีในขณะนี้ ได้เสริมสร้างศักยภาพและความแข็งแกร่งของบริษัทฯ ส่งผลให้บริษัทฯ เติบโตอย่างยั่งยืน โดยในปี 2567 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีรายได้จากการให้บริการ (ไม่รวมรายได้ค่าเชื่อมต่อโครงข่าย หรือ IC) 1.66 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 4.6% มี EBITDA 9.81 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน และมีกำไรสุทธิ (ภายหลังการปรับปรุง) 9.9 พันล้านบาท โดย EBITDA เติบโตต่อเนื่อง 8 ไตรมาสติดต่อกัน สำหรับปี 2568 คาดว่าจะเป็นปีที่บริษัทเริ่มมีผลกำไรสุทธิหลังหักภาษี”

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้ประกาศปรับโครงสร้างผู้บริหารเพื่อเสริม ความแข็งแกร่งของทีมผู้นำและร่วมขับเคลื่อนบริษัทให้เติบโตทัดเทียมบริษัทชั้นนำระดับโลก โดยแต่งตั้งตำแหน่งสำคัญ 3 ตำแหน่ง ได้แก่ Group CEO ดูแลบริหารงานขับเคลื่อนด้านยุทธศาสตร์ภาพรวมของบริษัท President/CEO – Enterprise & Data Business ดูแลสายงานในกลุ่มธุรกิจดิจิทัล ออนไลน์ ทรูวิชั่นส์ ดาต้าและ กลุ่มลูกค้าองค์กร เพื่อปรับโฉมด้านดิจิทัลของทรูให้พร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคต ส่วน President/CEO – Consumer Business รับผิดชอบกลุ่มธุรกิจโมบายล์และงานบริการลูกค้า การปรับโครงสร้างครั้งนี้สะท้อนวิสัยทัศน์ในการเตรียมพร้อมรับความท้าทายในอนาคตและเสริมสร้างสถานะทางการเงินให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

บริษัทฯ และหุ้นกู้ที่จะเสนอขายในครั้งนี้ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ “A+” แนวโน้ม “คงที่” (Stable) จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2568 สะท้อนถึงสถานะความเป็นผู้นำในตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่และอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ เสริมทัพด้วยโครงข่ายทั่วประเทศ ชุดคลื่นความถี่ที่ครอบคลุม และชื่อแบรนด์ที่ผู้บริโภคคุ้นเคย อีกทั้งปัจจัยบวกจากประโยชน์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการควบรวม รวมถึงประสิทธิภาพในการดำเนินงานของบริษัทฯ ที่คาดว่าน่าจะปรับตัวดีขึ้นในอนาคตอีกด้วย

ทางด้านผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้กล่าวเพิ่มเติมว่า “หลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา และมีการคาดการณ์ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในการประชุมวันที่ 25 มิถุนายน 2568 ทำให้ช่วงเวลานี้เป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักลงทุนในการสะสมหุ้นกู้ เพื่อล็อคผลตอบแทนไว้ก่อนที่จะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยลงอีก โดยเฉพาะนักลงทุนที่นิยมลงทุนในหุ้นกู้ที่มีคุณภาพสูง และด้วยอันดับความน่าเชื่อถือสูงที่ระดับ “A+” แนวโน้ม “คงที่” ของทรู หุ้นกู้ทรูจึงเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนในช่วงนี้”

หุ้นกู้ครั้งนี้จะเสนอขายแก่ผู้ลงทุนทั่วไป (Public Offering) จำนวน 5 ชุด โดยมีอายุหุ้นกู้ให้เลือกตั้งแต่ 3 ปี ถึง 10 ปี ครอบคลุมผู้ลงทุนทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ต้องการลงทุนระยะสั้น ระยะกลาง หรือระยะยาว วัตถุประสงค์ในการ ออกหุ้นกู้ครั้งนี้เพื่อชำระคืนหนี้จากการออกตราสารหนี้ โดยเป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ จ่ายดอกเบี้ยทุกๆ 6 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ และคาดว่าจะเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 2 และ วันที่ 6-7 พฤษภาคม 2568 สำหรับผู้ลงทุนทั่วไป มูลค่าจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท

บริษัทฯ เชื่อว่าหุ้นกู้ที่เสนอขายในครั้งนี้จะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดีเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา โดยหุ้นกู้ทั้ง 5 ชุดที่เสนอขาย มีรายละเอียดดังนี้

1. หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ [3.00 - 3.15]% ต่อปี

2. หุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 4 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ [3.30 - 3.45]% ต่อปี

3. หุ้นกู้ชุดที่ 3 อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ [3.45 - 3.60]% ต่อปี

4. หุ้นกู้ชุดที่ 4 อายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ [3.65 - 3.80]% ต่อปี

5. หุ้นกู้ชุดที่ 5 อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ [3.80 - 3.95]% ต่อปี และผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนวันครบกำหนดได้ตั้งแต่หุ้นกู้ครบปีที่ 5 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยที่แน่นอนจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง โดยบริษัทฯ อยู่ระหว่างการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้ และร่างหนังสือชี้ชวนซึ่งยังไม่มีผลบังคับใช้ เนื่องจากอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงาน ก.ล.ต. ผู้ลงทุนสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จากแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้ และร่างหนังสือชี้ชวนที่ www.sec.or.th หรือ สอบถามรายละเอียดที่ผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ทั้ง 7 แห่ง ได้แก่

• ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา (ยกเว้นสาขาไมโคร) หรือ โทร. 1333 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน Bangkok Bank Mobile Banking

• ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา โทร. 02 888 8888 กด 869 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน https://www.kasikornbank.com/kmyinvest (ยกเว้นบุคคลสัญชาติต่างด้าว และนิติบุคคล สามารถจองซื้อผ่านสำนักงานใหญ่และสาขา) และรวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะหน่วยงานขายของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)

• ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา หรือ โทร. 02 777 6784 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่านแอป SCB EASY และรวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ในฐานะหน่วยงานขายของธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)

• ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา หรือ โทร. 02 626 7777 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน แอป CIMB Thai

• ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา หรือ โทร. 02 285 1555

• บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด โทร. 02 680 4004

• บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) โทร. 02 165 5555 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่านแอปฯ Dime! และรวมถึง ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) ในฐานะหน่วยงานขายของบริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน)

สำหรับผู้สนใจจองซื้อหุ้นกู้ผ่านแอปพลิเคชัน TrueMoney Wallet สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.truemoney.com หรือติดต่อขอคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ของ บริษัท ทรู มันนี่ จำกัด โทร. 1240 กด 6

X

Right Click

No right click