December 21, 2025

กลุ่มธุรกิจ TCP ผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายเครื่องดื่มภายใต้แบรนด์กระทิงแดง (Red Bull), เรดดี้, โสมพลัส, สปอนเซอร์, แมนซั่ม, ไฮ่!, เพียวริคุ, ซันสแนค และ วอริเออร์ เดินหน้าส่งเสริมศักยภาพเยาวชนไทย ตอกย้ำเป้าหมาย "ปลุกพลัง เพื่อวันที่ดีกว่า" ด้วยการมอบลูกฟุตบอลจำนวน 2,000 ลูก เพื่อกระจายโอกาสทางกีฬาให้แก่เยาวชนในพื้นที่ชุมชนทั่วประเทศ ให้ใช้ฝึกซ้อม พัฒนาทักษะ และสร้างรากฐานสู่การเป็นนักเตะมืออาชีพในอนาคต

ความพิเศษของลูกฟุตบอลนั้นจะมีสัญลักษณ์ของกลุ่มธุรกิจ TCP ซึ่งเป็นตัวแทนของพลังบวก พร้อมด้วยโลโก้กระทิงแดงคู่ (Red Bull) ที่เป็นตัวแทนของพลังความมุ่งมั่นให้คนรุ่นใหม่มีเอเนอร์จี้ในการทำกิจกรรมหลากหลาย สุดทุกแพสชั่น

กลุ่มธุรกิจ TCP ส่งมอบลูกฟุตบอลให้กับโรงเรียนและศูนย์กีฬา 150 แห่งทั่วประเทศที่บริษัทดำเนินธุรกิจอยู่ เพื่อให้เด็กและเยาวชนได้ใช้อุปกรณ์กีฬาอย่างเต็มประสิทธิภาพ สร้างแรงบันดาลใจ และต่อยอดความฝันสู่การเป็นนักกีฬามืออาชีพ ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมาย "ปลุกพลัง เพื่อวันที่ดีกว่า" ที่มุ่งสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมอย่างยั่งยืน

 

ในโอกาสนี้ นางสาวอาจรีย์ สุวรรณกูล ผู้อำนวยการฝ่ายองค์กรสัมพันธ์และการสื่อสาร กลุ่มธุรกิจ TCP เป็นตัวแทนในการส่งมอบลูกฟุตบอล กล่าวว่า “กีฬาเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาเยาวชน เราหวังว่าลูกฟุตบอลเหล่านี้จะช่วยเปิดโอกาสให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้ ฝึกฝน และเติบโตทั้งร่างกายและจิตใจ พร้อมก้าวไปสู่อนาคตที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น”

กลุ่มธุรกิจ TCP ยังคงมุ่งมั่นสนับสนุนกิจกรรมเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง ผ่านโครงการต่าง ๆ ที่ส่งเสริมคุณภาพชีวิตและโอกาสที่ดีให้กับเยาวชนไทย เพราะเชื่อว่า การปลุกพลังที่ดีในวันนี้ จะนำไปสู่อนาคตที่ดียิ่งขึ้นของประเทศในวันข้างหน้า

องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร : JETRO) สำนักงานกรุงเทพฯ ได้ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) และ สำนักงานคณะกรรมการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EECO) เพื่อจัดงาน Thailand-Japan Sustainable Business Forum 2025 โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมข้อริเริ่มสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน หรือ Carbon Neutrality (CN)  ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือเืพ่อความยั่งยืนไทย-ญี่ปุ่น โดย กำหนดจัดงานในวันที่ 4 มีนาคม 2568 เวลา 15.00-17.00 ฯ ณ ห้องบอลรูม 1 ชั้น 4 โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ 

 

ทั้งนี้ ภายในงานได้รับเกียรติ กล่าวเปิดงานโดย นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) พร้อมด้วย ดร. จุฬา สุขมานพ. เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EECO) และ นายคุโรดะ จุน ประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร กรุงเทพฯ) ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนไทย-ญี่ปุ่น ด้านการลงทุนและการขับเคลื่อนด้านความยั่งยืน

นอกจากนั้นภายในงานยังมีพิธีลงนามโครงการนำร่องการส่งเสริมเทคโนโลยีดักจับและใช้ประโยชน์จากคาร์บอน (CCUS) โดยอาศัยจุลสาหร่ายเพื่อสนับสนุนแนวทางลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Microalgae CCUS) ระหว่าง โรงไฟฟ้าบีแอลซีพี (BLCP Power Limited) และ บริษัท Algal Bio พร้อมด้วยการเสวนาโดยผู้นำธุรกิจจากไทยและญี่ปุ่น ที่จะนำเสนอนวัตกรรมและการประยุกต์ใช้เพื่อผลลัพธ์ด้านความยั่งยืนและเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (CN)

อาทิ เครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP Group) และ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) (CPF) ที่ได้ร่วมกับ บริษัท Thermalytica ในการนำเสนอแนวทางความยั่งยืนและโครงการนำร่องด้านเทคโนโลยีการลดอุณหภูมิในโรงเรือนเพื่อทดสอบแนวคิด กระบวนการ หรือขั้นตอน (Proof of Concept (PoC)) ในการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียวอย่างเต็มรูปแบบ พร้อมด้วยบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (PTTGC) และ บริษัท CBT/Toray ที่จะนำเสนอการพัฒนาเศษวัสดุทางการเกษตร เช่น น้ำตาลชีวภาพจากชีวมวลที่ไม่ใช้เป็นอาหารไปสู่การผลิตเรซินชีวภาพและเส้นใยชีวภาพเพื่อการพาณิชย์ ซึ่งสามารถตอบโจทย์เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และการผลิตที่ปล่อยคาร์บอนต่ำได้

สำหรับผู้สนใจเข้าร่วมงานฯ สามารถลงทะเบียนได้แล้วที่  https://forums.office.com/r/HtArTSsbP3 และหาข้อมูลเพิ่มเติมที่ https://www.jetro.go.jp/thailand/topics/_534311.htm

“บางกอกเคเบิ้ล” ยกทัพนวัตกรรมสายไฟฟ้า ร่วมงาน FTI Expo 2025 ในวันที่ 12-15 ก.พ.68 ที่ศูนย์สิริกิติ์เป็นครั้งแรก โชว์เทคโนโลยีสายไฟฟ้าที่ทันสมัย โซลูชันพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สายไฟฟ้าแรงดันสูงพิเศษ-สายโซลาร์-สายทนไฟ ตอกย้ำสถานะผู้นำเทคโนโลยีกระดูกสันหลังโครงสร้างพื้นฐานไฟฟ้าของไทย อวดโฉมระบบใน Smart Factory พร้อมหลากผลงานสายไฟเพื่อความปลอดภัย เซฟคน-เซฟเมือง-เซฟสิ่งแวดล้อม ครอบคลุมทั้งภาคครัวเรือน-ภาคอุตสาหกรรม-โครงสร้างพื้นฐาน

 

นายพงศภัค นครศรี ประธานเจ้าหน้าที่สายงานขายและการตลาด บริษัท สายไฟฟ้าบางกอกเคเบิ้ล จำกัด หรือ Bangkok Cable (BCC) ผู้นำด้านการผลิตและพัฒนาสายไฟฟ้าและสายเคเบิลชั้นนำของประเทศไทย กล่าวว่า บริษัทได้เข้าร่วมงาน FTI Expo 2025 จัดโดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ระหว่างวันที่ 12-15 ก.พ.นี้ ณ บูธ C1 Hall 5-8 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พร้อมทั้งนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีสายไฟฟ้าที่ทันสมัย ตลอดจนโซลูชันพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของบริษัท เข้าร่วมจัดแสดงในงาน โดยการเข้าร่วมครั้งนี้ถือเป็นการเข้าร่วมงาน FTI Expo ของบริษัทเป็นครั้งแรก

“สายไฟฟ้า มีบทบาทสำคัญอย่างมากในการพัฒนาเมือง การขับเคลื่อนอุตสาหกรรม ความเป็นอยู่ที่ดีของผู้คน และเปรียบเสมือนกระดูกสันหลังของโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภคด้านพลังงานไฟฟ้า เราในฐานะผู้นำในอุตสาหกรรมไฟฟ้ามากว่า 60 ปี จึงได้นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ได้รับการพัฒนามาตลอด 6 ทศวรรษ มาสะท้อนถึงภาพความพร้อมการก้าวเข้าสู่อนาคตของอุตสาหกรรมสายไฟฟ้า ตลอดจนการเปลี่ยนผ่านเมืองและอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน” นายพงศภัค กล่าว

สำหรับไฮไลต์ภายในบูธ ประกอบด้วย การนำสินค้าสายไฟฟ้าที่ครอบคลุมทุกประเภทการใช้งานทั้ง 7 กลุ่ม มาจัดแสดง ได้แก่ 1.ระบบผลิตและส่งพลังงานไฟฟ้า (Transmission) 2.ระบบจำหน่ายพลังงานไฟฟ้า (Distribution) 3.ระบบไฟฟ้าภายในบ้านพักและอาคาร (Residential and commercial) 4.ระบบขนส่งและคมนาคม (Transportation and Mobility) 5.ระบบไฟฟ้าในโรงงาน และภาคอุตสาหกรรม (Industrial) 6.พลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) 7.ระบบไฟฟ้าในรถยนต์ (Automotive) ครอบคลุมตั้งแต่สายไฟฟ้าแรงดันต่ำ (Low Voltage Cables) ไปจนถึงสายไฟฟ้าแรงดันสูงพิเศษ (Extra-High Voltage Cables) สายโซลาร์เซลล์ (Photovoltaic Cables) สายคอนโทรลและสายสัญญาณ (Control and Instrumental Cables)

 

นายพงศภัค กล่าวอีกว่า ภายในงาน ยังได้จัดแสดงผลงานและความมุ่งมั่นของบริษัทภายใต้แนวคิด “เซฟคน เซฟเมือง เซฟสิ่งแวดล้อม” โดยแบ่งกลุ่มจัดแสดงเป็น 1.เซฟคน สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการผลิตสายไฟฟ้าที่ปลอดภัยต่อการใช้งานของผู้คน การเลือกใช้วัสดุคุณภาพสูงสุดที่ทนต่อความร้อน แรงดัน และสภาพแวดล้อม ลดความเสี่ยงจากกระแสไฟฟ้าลัดวงจร 2.

เซฟเมือง แสดงคุณภาพมาตรฐานที่ผ่านการวิจัยและพัฒนาจนได้รับการรับรองระดับโลก ตลอดจนเทคโนโลยีการนำสายไฟฟ้าลงดินอย่างปลอดภัย เพื่อทัศนียภาพที่สวยงามของเมือง และ 3.เซฟสิ่งแวดล้อม โชว์นวัตกรรมและผลงานการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด ตลอดจนความมุ่งมั่น ความใส่ใจชุมชนและสิ่งแวดล้อมผ่านการร่วมปลูกป่า

“ทิศทางของงาน FTI Expo ในปีนี้ ต้องการให้ภาคอุตสาหกรรมมุ่งไปใน 4 ทิศทาง คือ 1.Go Digital & AI 2.Go Innovation 3.Go Green และ 4.Go Global เราเองมีวิสัยทัศน์ที่สอดคล้องกัน และมุ่งขับเคลื่อนองค์กรและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องไปในทิศทางเดียวกัน เรามีเทคโนโลยี Smart Factory ที่นำปัญญาประดิษฐ์หรือ AI เข้ามาช่วยในโรงงาน เรามุ่งมั่นด้านนวัตกรรม ใส่ใจเรื่อง R&D อย่างต่อเนื่อง เรามีสายไฟที่พร้อมรองรับการเติบโตของพลังงานสะอาด และเรายังมุ่งมั่นนำนวัตกรรมสายไฟฟ้าของไทยไปจำหน่ายและให้บริการระดับอาเซียน โดยเฉพาะในโครงการ ASEAN Power Grid” นายพงศภัค กล่าว

สำหรับ บริษัท สายไฟฟ้าบางกอกเคเบิ้ล จำกัด หรือ Bangkok Cable (BCC) เป็นผู้นำด้านการผลิตและพัฒนาสายไฟฟ้าและสายเคเบิลชั้นนำของประเทศไทย ก่อตั้งในปี พ.ศ.2507 ให้บริการครอบคลุม 7 กลุ่มการใช้งาน ได้แก่ 1.ระบบผลิตและส่งพลังงานไฟฟ้า (Transmission) 2.ระบบจำหน่ายพลังงานไฟฟ้า (Distribution) 3.ระบบไฟฟ้าภายในบ้านพักและอาคาร (Construction and Building) 4.ระบบขนส่งและคมนาคม (Transportation and Mobility) 5.ระบบไฟฟ้าในโรงงาน และภาคอุตสาหกรรม (Industrial) 6.พลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) และ 7.ระบบไฟฟ้าในรถยนต์ (Automotive) เพื่อสร้างความปลอดภัยและขับเคลื่อนเมืองสู่อนาคต ปัจจุบัน มีลูกค้าโครงการขนาดใหญ่ของทั้งภาครัฐและเอกชนจำนวนมากที่ใช้สายไฟฟ้าของบางกอกเคเบิ้ล อาทิ โครงการวัน แบงค็อก (One Bangkok) สนามบินสุวรรณภูมิ เฟส 2 โครงการสายไฟฟ้าใต้ดิน รถไฟฟ้าสายสีชมพู โครงการรถไฟทางคู่สายตะวันออก และโครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบลอยน้ำ เขื่อนอุบลรัตน์ นอกจากนี้ บริษัท มีส่วนสนับสนุนโครงการ ASEAN Power Grid โดยเฉพาะโครงการไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนหลวงพระบาง (Luang Prabang Hydropower Project) ในประเทศลาว

เมื่อเร็วๆ นี้ ฟิลิปส์ ประเทศไทย ผู้นำด้านเทคโนโลยีเพื่อการดูแลสุขภาพระดับโลกได้จัดการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ “Philips Ambition Cup 2024” ณ โรงแรมอีสติน พญาไท กรุงเทพฯ โดย Philips Ambition Cup 2024 เป็นการประกวดผลงานเทคนิคการใช้เครื่อง MRI (Magnetic Resonance Imaging) ของนักรังสีเทคนิคจากทั่วประเทศ เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาและใช้เครื่องมือทางการแพทย์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด สามารถให้บุคลากรทางการแพทย์นำไปต่อยอดและพัฒนาการทำงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยผู้ชนะคว้าเงินรางวัลสูงสุด 30,000 บาท

 

นายวิโรจน์ วิทยาเวโรจน์ ประธานและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟิลิปส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “Philips Ambition Cup เป็นการจัดการแข่งขันที่ริเริ่มตั้งแต่ปี 2022 โดยรอยัล ฟิลิปส์ โดยมีการจัดการแข่งขันในหลายประเทศ อาทิ ประเทศเนเธอร์แลนด์, อินเดีย, ญี่ปุ่น และประเทศไทย สำหรับการแข่งขัน Philips Ambition Cup 2024 ในประเทศไทยได้จัดเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน เราได้เปิดโอกาสให้นักรังสีเทคนิคทั่วประเทศเข้าร่วมส่งผลงานตั้งแต่เดือนกันยายน 2024 ที่ผ่านมา และได้คัดเลือกผู้ผ่านเข้ารอบ 5 ทีมสุดท้ายมาชิงชนะเลิศกันในวันนี้ โดยเราได้รับเกียรติจากรังสีแพทย์ นักรังสีเทคนิคและคณาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิจากโรงเรียนแพทย์ ไม่ว่าจะเป็น โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มาร่วมเป็นคณะกรรมการตัดสิน เราเล็งเห็นว่าการแข่งขัน Philips Ambition Cup จะเปิดโอกาสให้นักรังสีเทคนิคทั่วประเทศได้แสดงศักยภาพการทำงานและใช้เครื่อง MRI อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมทั้งยังสามารถนำผลงานหรือเทคนิคของแต่ละโรงพยาบาลมาร่วมแชร์ข้อมูลเพื่อเป็นประโยชน์ให้แก่โรงพยาบาลอื่นๆ ได้นำไปปรับปรุงและต่อยอดการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากเครื่อง MRI เป็นเครื่องตรวจวินิจฉัยทางรังสีวิทยาที่สามารถตรวจได้เกือบทุกส่วนของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น โรคหัวใจ โรคทางระบบประสาทและสมอง โรคตับและอวัยวะภายในช่องท้อง หรือโรคเกี่ยวกับกระดูก และมีประโยชน์ในการเป็นเครื่องมือที่ช่วยแพทย์ในการวินิจฉัยโรคได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น”

 

สำหรับการแข่งขัน Philips Ambition Cup 2024 ในประเทศไทย มีผู้ผ่านการคัดเลือกเข้ารอบสุดท้ายทั้งหมด 5 ผลงาน ได้แก่

1. The effect of 4D-PCA compared with CE-MRA on patients with congenital heart disease โดยนายจิณณวัตร รัตนัง และ นายปธานิน จินดารุ่งเรืองกุล นักรังสีการแพทย์ ศูนย์โรคหัวใจภาคเหนือ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

2. Enhancing clarity: Optimizing inversion time selection for grey-blood LGE cardiac imaging โดยนางสาววัชรี ประเสริฐกุลชัย นักรังสีทางการแพทย์ ภาควิชาอายุรศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี

3. Image quality assessment of compressed sense accelerated MRI of the brain โดยนางสาวจันทราพร นกจันทร์ และ นางสาวภิรมณ คงเจริญ นักรังสีทางการแพทย์ ศูนย์รังสีวินิจฉัยก้าวหน้า โรงพยาบาลรามาธิบดี

4. Changed workflow to improve image quality of technique CE MRA & MRV โดยนางสาวธนัชชา สกุลศักดิ์ นักรังสีเทคนิค โรงพยาบาลกรุงเทพ

5. Tip and Trick: Use MRI only for brachytherapy with a carbon fiber couch โดยนายชลคินทร์ ครรชิตชลกุล และ นางสาวชณิดา สถิตวัฒนวิโรจน์ นักรังสีเทคนิคและนักฟิสิกส์ สาขารังสีรังษา ภาควิชารังสีวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อุเทน ยะราช อาจารย์ภาควิชารังสีเทคนิค คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ตัวแทนคณะกรรมการตัดสินของ ‘Philips Ambition Cup 2024’ กล่าวว่า “ผู้เข้าแข่งขันทุกทีมมีความสามารถโดดเด่นและนำเสนอเทคนิคการใช้เครื่อง MRI ที่แตกต่างกัน โดยเกณฑ์การตัดสินพิจารณาจาก 4 องค์ประกอบหลัก ได้แก่ (1)เนื้อหาการวิจัยและเทคนิคการประยุกต์ใช้เครื่อง MRI ซึ่งมีสัดส่วนคะแนนสูงสุด, (2)รูปแบบการนำเสนอ (3)ความคิดสร้างสรรค์ และ (4)ความเป็นไปได้ในการนำไปต่อยอดใช้จริง โดยทีมที่ชนะเลิศในปีนี้ถือเป็นทีมของน้องใหม่ที่มีความโดดเด่นด้วยการนำเสนอสถิติที่ครบถ้วนและจำนวนเคสที่ร่วมวิจัยที่มากพอ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความน่าเชื่อถือของเทคนิคที่นำเสนอ และสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับศูนย์MRI อื่นๆ เพื่อดูแลผู้ป่วยได้จริงในอนาคต ผมมองว่าโครงการ ‘Philips Ambition Cup’ เป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อวงการรังสีวิทยาไทย เพราะมีการรับฟังความคิดเห็นจากนักรังสีเทคนิคที่ใช้งานจริง เพื่อนำข้อมูลไปปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของเครื่อง และพัฒนาเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ตอบโจทย์การทำงานได้มากขึ้น”

สำหรับผู้ชนะในปีนี้เป็นของทีมศูนย์โรคหัวใจภาคเหนือ คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เจ้าของผลงาน “The effect of 4D-PCA compared with CE-MRA on patients with congenital heart disease” ที่นำเสนอผลงานเกี่ยวกับการตรวจหัวใจด้วยเครื่อง MRI โดยไม่ต้องสารเพิ่มความเปรียบต่างในเนื้อเยื่อ (Contrast Media)

 

นายปธานิน จินดารุ่งเรืองกุล (ซ้าย) และนายจิณณวัตร รัตนัง (ขวา) นักรังสีการแพทย์ ศูนย์โรคหัวใจภาคเหนือ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า “ที่เราเลือกหัวข้อวิจัยนี้ในการส่งเข้าประกวด เป็นเพราะว่าเราพบความท้าทายในการตรวจหัวใจด้วยเครื่อง MRI ในเด็ก ผู้ป่วยโรคไต และผู้ป่วยที่มีความอ่อนไหวต่อสารเพิ่มความเปรียบต่างในเนื้อเยื่อจำนวนมาก การตรวจด้วยเครื่อง MRI จำเป็นต้องฉีดสารนี้เพื่อให้มองเห็นลักษณะทางกายวิภาคของหัวใจ แต่หากเราใช้เทคนิค 4D-PCA เราก็ไม่จำเป็นต้องฉีดสารดังกล่าว แต่ยังคงมองเห็นลักษณะของหัวใจได้อย่างถูกต้องแม่นยำและสามารถวิเคราะห์รอยโรคได้ อีกทั้งยังลดเวลาในสแกนลงได้ถึง 30% โดยเคสที่นำมาเก็บข้อมูลงานชิ้นนี้คือผู้ป่วยเด็กซึ่งให้ความร่วมมือในการตรวจได้เป็นอย่างดี และสามารถฝึกกลั้นหายใจได้ก่อนเข้ารับการตรวจ ทั้งนี้ผู้ป่วยเด็กเป็นวัยที่มีความเสี่ยงสูงต่อการแพ้สารดังกล่าว และหากต้องตรวจติดตามอาการเป็นประจำ อาจเกิดการสะสมในร่างกายซึ่งจะส่งผลต่อ

สุขภาพได้ในอนาคตโดยปกติแล้วการทำงานกับผู้ป่วยเด็กจะมีความท้าทายมากกว่าผู้ป่วยที่เป็นผู้ใหญ่อยู่แล้วด้วยปัจจัยของวัย การควบคุมสมาธิและภาวะอารมณ์ที่น้อยกว่าผู้ใหญ่ ทำให้ทั้งทีมนักรังสีเทคนิคและผู้ปกครองเองต้องมีวิธีการดึงดูดความสนใจของผู้ป่วยเด็กเพื่อให้ร่วมมือในระหว่างการตรวจจนสิ้นสุดกระบวนการ”

“สำหรับการเข้าร่วมแข่งขัน Philips Ambition Cup ของเราได้เข้าร่วมส่งผลงานปีนี้เป็นปีแรก ซึ่งเราสองคนรู้สึกดีใจมากที่ได้รับรางวัลชนะเลิศในปีนี้ ยอมรับว่ารู้สึกกดดันมากในช่วงแรกแต่เพราะต้องการมาหาประสบการณ์และอยากนำข้อมูลดีๆ ที่เราคิดว่าเป็นประโยชน์ในวงการมาแชร์ ประกอบกับเราได้อาจารย์แพทย์ที่ปรึกษาคอย

ให้คำแนะนำทำให้มีความมั่นใจมากขึ้น เรารู้สึกว่าโครงการฯนี้ เป็นโครงการที่ดีต่อวงการรังสีเทคนิคอย่างแท้จริง เพราะเป็นเวทีในการแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ และปัญหาที่พบในการทำงานจริง รวมถึงการหาแนวทางแก้ไข ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยโดยตรง เราก็หวังว่าผลงานวิจัยของเราจะเป็นประโยชน์ต่อนักรังสีท่านอื่นๆ ในการนำเครื่อง MRI ไปใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด” นายจิณณวัตร รัตนัง และนายปธานิน จินดารุ่งเรืองกุล กล่าวสรุป

สำหรับเทรนด์ด้านรังสีวิทยาและการใช้เครื่อง MRI ในอนาคต ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อุเทน ยะราช อาจารย์ภาควิชารังสีเทคนิค คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มีการกล่าวถึงว่า “จากการเก็บข้อมูลล่าสุดพบว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีเครื่อง MRI ประมาณ 200 กว่าเครื่อง โดยเทรนด์ในปัจจุบันมองว่านวัตกรรม MRI High Field เป็นเทรนด์ที่น่าจับตามอง ด้วยคุณสมบัติที่สามารถใช้งานตรวจอวัยวะได้หลากหลาย ให้ภาพที่มีรายละเอียดและความคมชัดสูง ใช้เวลาการตรวจที่สั้นลงจึงส่งผลดีทั้งต่อผู้ป่วยเองและบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึง AI และ Big Data ก็เข้ามาช่วยยกระดับมาตรฐานข้อมูลการประยุกต์ใช้เครื่อง MRI ให้เป็นฐานข้อมูลเดียวกันได้มากขึ้นจึงเกิดประโยชน์ที่ช่วยต่อยอดความรู้ทางการแพทย์ให้กับนักรังสีเทคนิคได้ในอนาคต”

บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศความสำเร็จอีกครั้งด้วยการได้รับรางวัล Top Employer 2025 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน รางวัลนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของ แอสตร้าเซนเนก้า ในการมุ่งสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานที่เปี่ยมไปด้วยนวัตกรรม การเปิดกว้าง และการให้ความสำคัญกับพนักงาน เพื่อให้ทุกคนในองค์กรสามารถเติบโตได้ทั้งในด้านการทำงาน และชีวิตส่วนตัวอย่างเต็มประสิทธิภาพ

แอสตร้าเซนเนก้ามุ่งมั่นในการสร้างสิ่งแวดล้อมการทำงานที่ส่งเสริมให้พนักงานสามารถเป็นตัวของตัวเองได้อย่างแท้จริง โดยสนับสนุนความหลากหลายและการมีส่วนร่วม บริษัทฯ เปิดกว้างในการรับฟังมุมมองที่แตกต่าง เพื่อให้บุคคลทุกเพศ ทุกวัย ไม่ว่าจะมีแนวคิดที่แตกต่างกันเช่นไรก็ตามได้รับแรงบันดาลใจและการสนับสนุนในการทำงานร่วมกัน ความมุ่งมั่นนี้ยังรวมถึงการส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ และวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน ผ่านโปรแกรมที่ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของพนักงานอย่างต่อเนื่อง และการสร้างภาวะผู้นำที่เน้นการสร้างโอกาสทางอาชีพอย่างเท่าเทียมสำหรับทุกคน

 

องค์ประกอบที่สำคัญในการสร้างสถานที่ทำงานที่ดีเยี่ยมของแอสตร้าเซนเนก้า คือ การผสานนวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ากับการดำเนินงานของบริษัท โดยยึดถือแนวปฏิบัติการใช้งาน AI อย่างมีจริยธรรมเพื่อช่วยสนับสนุนกระบวนการทำงาน เพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน และช่วยขับเคลื่อนนวัตกรรมด้านการดูแลสุขภาพ โดยถือเป็นการพัฒนาวิธีการทำงานขององค์กรอย่างมีนัยยะสำคัญ

อีกหนึ่งจุดเด่นของแอสตร้าเซนเนก้าในการดูแลพนักงานและให้ความสำคัญกับการดูแลครอบครัวอย่างเปิดกว้าง และยืดหยุ่นมากขึ้นก็คือ นโยบายการให้พนักงานสามารถลาหยุดเพื่อดูแลครอบครัว โดยมอบสิทธิ์การลาที่ขยายระยะเวลา รวมถึงการกำหนดรูปแบบการทำงานที่มีความยืดหยุ่นช่วยให้พนักงานสามารถสร้างความสมดุลระหว่างความรับผิดชอบที่มีต่อครอบครัว และเป้าหมายทางสายอาชีพได้ ตอกย้ำถึงความสำคัญของสวัสดิการ และความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงานซึ่งทางบริษัทฯ ให้ความสำคัญมาโดยตลอด

นายโรมัน รามอส ประธานบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า ประเทศไทย และ Frontier Markets ได้กล่าวถึงความสำเร็จในครั้งนี้ว่า “แอสตร้าเซนเนก้ารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับรางวัล Top Employer ติดต่อกันเป็นปีที่ 5 สำหรับแอสตร้าเซนเนก้า นวัตกรรมไม่ได้หมายถึงเพียงการพัฒนาวิธีรักษาที่เปลี่ยนแปลงชีวิต แต่ยังหมายถึงการสร้างสรรค์พื้นที่ในการทำงานให้เป็นพื้นที่แห่งการเติบโตอย่างแท้จริง โดยการให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วม ของพนักงาน ความยืดหยุ่นในการทำงาน และการสร้างแรงบันดาลใจ เราพยายามสร้างองค์กรที่เอื้อให้ทุกคนมีเครื่องมือ และสภาพแวดล้อมที่จำเป็นในการเติมเต็มศักยภาพของตนได้อย่างเต็มที่”

ความสำเร็จนี้ตอกย้ำให้เห็นถึงบทบาทผู้นำของแอสตร้าเซนเนก้าในด้านสถานที่ทำงานที่ดีเยี่ยม ผ่านโครงการที่ส่งเสริมความหลากหลาย การขับเคลื่อนนวัตกรรม และการสนับสนุนพนักงานในด้านต่างๆ แอสตร้าเซนเนก้ายังคงมุ่งมั่นที่จะเป็นต้นแบบในการสร้างสถานที่ทำงานที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณค่าและสร้างแรงบันดาลใจให้กับบุคลากรของบริษัทฯ ทุกคน

บริษัท มุ่งพัฒนา อินเตอร์แนชชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ มุ่งพัฒนา ผู้ผลิตสินค้าสำหรับแม่และเด็ก เช่น “พีเจ้น” (Pigeon) แบรนด์ผลิตภัณฑ์สำหรับแม่และเด็กอันดับหนึ่งจากประเทศญี่ปุ่น รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่อยู่เคียงข้างทุกช่วงวัย ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงสูงวัย ตอกย้ำแนวคิดการดำเนินธุรกิจแบบ “HEART-MADE WELL-BEING COMPANY” ผ่าน “The Book for All Moms” คลังความรู้เพื่อแม่และเด็กที่เกิดจากประสบการณ์ความเชี่ยวชาญทางธุรกิจด้านแม่และเด็กที่สั่งสมมากว่า 40 ปี ในการแนะนำแนวทางเสริมสร้างความเข้าใจระหว่างแม่และลูกด้วยประสบการณ์ใหม่ๆ ที่มุ่งใช้ความรู้และความรักไปพร้อมกัน เพื่อสร้างการเข้าถึงความรู้อย่างเท่าเทียมในยุค Diversity & Inclusion

 

นายเมธิน เลอสุมิตรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มุ่งพัฒนา อินเตอร์แนชชั่นแนล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “บริษัท มุ่งพัฒนา อินเตอร์แนชชั่นแนล จำกัด (มหาชน) อยู่ในอุตสาหกรรมธุรกิจผลิตภัณฑ์สำหรับแม่และเด็กมากว่า 40 ปี มีผลิตภัณฑ์ที่อยู่เคียงข้างชีวิตคนในทุกช่วงวัย ทำให้มุ่งพัฒนาฯ ยึดมั่นในแนวทางการดำเนินธุรกิจด้วยหัวใจแบบ HEART-MADE WELL-BEING COMPANY ที่ให้ความสำคัญกับนวัตกรรม คุณภาพของสินค้า พร้อมไปกับการสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีให้เกิดกับสังคม ทำให้เราเข้าใจผู้บริโภคที่เป็นแม่เป็นอย่างดี ในยุคปัจจุบัน ความเป็นแม่มีการเปลี่ยนแปลงไปตามบริบทของสังคม อีกทั้งการที่ประเทศไทยเพิ่งประกาศ พ.ร.บ. สมรสเท่าเทียม ชี้ให้เห็นว่าคนรุ่นใหม่ ให้ความสำคัญกับ Diversity & Inclusion มากขึ้น แต่หัวใจของแม่ยังคงอยู่ที่การเลี้ยงลูกให้ดีที่สุด ซึ่งการเข้าถึงความรู้เป็นการสร้างความเท่าเทียมให้กับแม่ มุ่งพัฒนาฯ จึงใช้กลยุทธ์การบูรณาการคอนเทนต์ “Integrated Content Marketing” สร้างความรู้ และประสบการณ์ให้แม่ผ่าน The Book for All Moms คลังความรู้เพื่อแม่ทุกคน โดยเริ่มต้นคอนเทนต์ในรูปแบบของหนังสือเป็นอย่างแรก ก่อนต่อยอดไปสู่คอนเทนต์ที่มีรูปแบบและภาษาที่หลากหลาย และขยายการเข้าถึงคอนเทนต์ไปถึงแม่ที่มีความต้องการต่อไปในอนาคต”

“The Book for All Moms” คลังความรู้เพื่อเสริมสร้างความรักความเข้าใจสำหรับคุณแม่ทุกคน ได้รับการออกแบบมาให้เหมาะกับแม่ในยุค Diversity & Inclusion คือ

· เนื้อหาที่ออกแบบมาแม่ยุคปัจจุบันเมื่อ “คุณแม่มุ่งซ้าย คุณลูกมุ่งขวา” แบ่งเนื้อหาเป็น 3 หมวด ครอบคลุม 14 หัวข้อที่มาจากปัญหาที่แม่ต้องเผชิญตามพัฒนาการของลูก ตั้งแต่ 0 - 6 เดือน 7 - 12 เดือน และ 1 - 3 ปี ทำให้เห็นมุมมองที่แตกต่างกันระหว่างแม่และลูกน้อย ซึ่งสามารถหาทางแก้ปัญหาได้ง่ายขึ้น เช่น แม่เตรียมนมให้ลูกพออิ่ม/ลูกอิ่มนมแม่แบบพอดี, อาหารที่แม่เริ่มเตรียม/อาหารที่ลูกเริ่มกิน, แม่ดูแลฟัน/ลูกฝึกแปรงฟัน เป็นต้น

· ความรู้ที่เข้าถึงแม่อย่างเท่าเทียม เริ่มต้นรูปแบบแรกด้วยหนังสือเล่ม เนื้อหาอ่านง่าย ตัวอักษรขนาดใหญ่ ภาพวาดประกอบสีสันสดใส พร้อมการใส่อักษรเบรลล์เพื่อช่วยให้คุณแม่ที่พิการทางสายตาสามารถอ่านได้ และขยายเนื้อหาไปสู่รูปแบบอื่นๆ ในอนาคต ได้แก่ หนังสือเสียง หนังสือออนไลน์ (E-Book) เพิ่มการเข้าถึงได้ง่ายผ่าน QR CODE

“The Book for All Moms สะท้อนถึงการเป็นผู้นำตลาดผลิตภัณฑ์แม่และเด็กของมุ่งพัฒนาฯ ที่ไม่เพียงแต่ก้าวเข้าสู่บริษัทระดับมหาชนที่มีการเติบโตทางธุรกิจผ่านกลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กแรกเกิดไปจนถึงผู้สูงวัยแบบครบวงจร แต่ยังเป็นผู้นำในการดำเนินธุรกิจแบบ HEART-MADE WELL-BEING COMPANY ที่มุ่งขับเคลื่อนเจตนาที่ดีผ่านธุรกิจของเรา มุ่งจะเป็นผู้นำที่ขับเคลื่อนคุณภาพชีวิตที่ดีของทุกครอบครัว” นายเมธิน เลอสุมิตรกุล กล่าว

CH พร้อมก้าวสู่ 100 ปี อย่างยั่งยืน กางแผนธุรกิจปี 2568 มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้ แบรนด์ Bangkok Tasty ประเภทกลุ่มขนมเพื่อสุขภาพ ผลไม้อบแห้งปรุงรส ผลไม้อบกรอบ อัดกลยุทธ์ออนไลน์เจาะกลุ่มนักท่องเที่ยว ตอบโจทย์เทรนด์รักสุขภาพ ขณะที่กลุ่มผลิตภัณฑ์ปลากระป๋อง กลุ่มผลิตภัณฑ์ผลไม้อบแห้ง เน้นรักษาฐานลูกค้าเดิม ชูมาตรฐานคุณภาพผลิตภัณฑ์ เดินหน้าขยายฐานลูกค้าใหม่ ออกงาน Expo ทั้งใน และต่างประเทศ พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจภายใต้นโยบาย ESG วางเป้ายอดขาย 2,000 ล้านบาท รักษาอัตรากำไรขั้นต้นระดับ 16%

 

นายศักดา ศรีแสงนาม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจริญอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ CH ผู้ผลิตและจำหน่ายผลไม้และอาหารแปรรูป ได้แก่ ผลไม้อบแห้ง ปลากระป๋อง และขนมเพื่อสุขภาพ เปิดเผยว่า แผนธุรกิจปี 2568 บริษัทวางเป้าหมายยอดขายรวมที่ประมาณ 2,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% พร้อมรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้ในระดับ 16% มุ่งเน้นกลยุทธ์รักษาฐานลูกค้าเดิม เดินหน้าขยายฐานลูกค้าใหม่ทั้งในและต่างประเทศ พร้อมพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อสร้างความหลากหลาย เพิ่มตัวเลือกให้แก่ผู้บริโภค เสริมศักยภาพการแข่งขัน โดยมีสัดส่วนรายได้แบ่งตามกลุ่มผลิตภัณฑ์ขนมเพื่อสุขภาพ 1% ผลิตภัณฑ์ผลไม้อบแห้ง 90% และผลิตภัณฑ์ปลากระป๋อง และอื่นๆ อีก 9% โดยเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ กลุ่มผลิตภัณฑ์ขนมเพื่อสุขภาพ ผลไม้อบแห้งปรุงรส ผลไม้อบกรอบ ภายใต้แบรนด์ Bangkok Tasty ที่มีรสชาติหลากหลายตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่รักสุขภาพและความสะดวกสบาย ควบคู่ไปกับการขยายช่องทางการจำหน่ายในประเทศเพิ่มขึ้น เข้าร่วมงานแสดงสินค้าต่างๆ ควบคู่กลยุทธ์การตลาดออนไลน์ เพื่อสร้างการรับรู้สู่กลุ่มนักท่องเที่ยวในวงกว้างมากขึ้น

ธุรกิจกลุ่มผลิตภัณฑ์ผลไม้อบแห้ง มุ่งเน้นการรักษาความสัมพันธ์กับฐานลูกค้าเดิมทั้งรายใหญ่ และรายย่อย ยึดมั่นมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ การส่งมอบสินค้าได้ตามกำหนดเวลา ในกรอบราคาที่เหมาะสม พร้อมเดินหน้าขยายฐานลูกค้าใหม่ ในกลุ่มประเทศ อเมริกาและยุโรป เพิ่มขึ้น

สำหรับธุรกิจกลุ่มผลิตภัณฑ์ปลากระป๋อง ให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ด้วยขั้นตอนกระบวนการผลิตที่มีมาตรฐาน เลือกใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ นำเสนอรสชาติหลากหลาย เป็นที่ยอมรับระดับสากล อีกทั้ง ขยายตัวแทนจำหน่ายมากขึ้น เพื่อขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ ในประเทศต่างๆ ทั่วโลก

ทั้งนี้ มุ่งมั่นดำเนินงานภายใต้นโยบาย ESG ผนวกกับการนำเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของโลก (SDGs) ผ่านแผนพัฒนาที่ครอบคลุมทั้ง 3 มิติ อาทิ ด้านสิ่งแวดล้อม ดำเนินการปรับเปลี่ยนวิธีการผลิตซึ่งจะใช้น้ำในการผลิตน้อยลง และเตรียมพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรภายในบริษัท เช่น ให้สวัสดิการพิเศษนอกเหนือจากกฎข้อบังคับของกระทรวงแรงงานไทย เพื่อการลดมลภาวะอย่างมีประสิทธิภาพ สร้างความยั่งยืนให้แก่สังคมในระยะยาว และเพื่อก้าวเข้าสู่ปีที่ 100 ของ CH อย่างยั่งยืน

“ภาพรวมตลาดผลไม้อบแห้งและอาหารแปรรูปมีการขยายตัวต่อเนื่อง โดยผู้บริโภคให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ แม้การแข่งขันในประเทศจะทรงตัว แต่การแข่งขันด้านราคากับประเทศเพื่อนบ้านรุนแรงขึ้น CH มั่นใจในคุณภาพและประสบการณ์ที่มีมายาวนาน 100 ปี โดยปีนี้จะมุ่งเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ ทำการตลาดเชิงรุกทั้งออนไลน์และออฟไลน์ รวมถึงบุกตลาดใหม่เพื่อสร้างการรับรู้และเพิ่มยอดขายสร้างเติบโตได้ในอนาคต” นายศักดา กล่าว

สมาคมนิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (สนจ.) และ องค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาฯ (อบจ.) ผนึกกำลังปิดสยามสแควร์ Block K และ สยามสแควร์ Walking Street ย้อมเป็นสีชมพู เพื่อประกาศความพร้อมงานฟุตบอลประเพณีธรรมศาสตร์-จุฬาฯ ครั้งที่ 75 ในงาน CHULA BAKA BEGINS หลังจากหายไปนาน 5 ปี ที่จะกลับมาในวันเสาร์ที่ 15 กุมภาพันธ์นี้ ณ สนามศุภชลาศัย ลั่นปีนี้กลับมายิ่งใหญ่กว่าเดิม นำทัพโดย ผู้นำเชียร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (Chulalongkorn University Cheerleader-CUCL) จุฬาฯ คทากร (The Drum Major of Chulalongkorn University) และ ประธานเชียร์ (The Cheer Master) ส่วนแปรอักษรปีนี้ ประธานโครงแย้มสแตนด์ฝั่งจุฬาสนุกมาก ขึ้นฟรี ดูบอลฟรี มีของแจก

ในงานเปิดตัวเทศกาลฟุตบอลประเพณีธรรมศาสตร์ - จุฬาฯ ครั้งที่ 75 “CHULA BAKA BEGINS” (จุฬา บาก้า บีกิน) ปิดสยามแบบจัดเต็ม โดยมี ศาสตราจารย์ วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้เกียรติเปิดงาน ร่วมด้วย นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ นายกสมาคมนิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ นายอัครุตม์ สนธยานนท์ ประธานคณะทำงานฝ่าย ประชาสัมพันธ์การแข่งขันฟุตบอลประเพณีธรรมศาสตร์ - จุฬา ครั้งที่ 75 (ฝ่ายจุฬาฯ) ,ดร.นิตยา โสรีกุล รองประธานคณะทำงานฝ่ายประชาสัมพันธ์ฯ ร่วมงานพร้อมแถลง 4 ไฮไลท์ ได้แก่

 

1. Pink carpet เปลี่ยนสยามสแควร์ Walking Street เป็นสีชมพู โดยเริ่มต้นขึ้นด้วยการเดินพรมชมพูโดยแขกผู้มีเกียรติจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตามด้วยศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันที่มีชื่อเสียงมากมายเช่น ลีซอ - ธีรเทพ วิโนทัย แทน - แทนคุณ ดาราศีศักดิ์ บาร์โค้ด - ตฤณสิษฐ์ อิสระพงศ์พร เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีองค์กรต่าง ๆ จากฝั่งจุฬาและธรรมศาสตร์แบบเต็มระบบ

2. BAKA Exhibition นิทรรศการที่จัดแสดงงานศิลปะที่สื่อถึงงานฟุตบอลประเพณี การจัดแสดงเสื้อบอลจากปีต่าง ๆ อันเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงออกถึงประวัติศาสตร์อันยาวนาน รวมไปถึงกิจกรรมแปรอักษร ที่จะให้ผู้เข้าร่วมงานได้ลองแปรอักษรเพื่อสัมผัสกิจกรรมที่เป็นดั่งเครื่องหมายการค้าที่สำคัญของงานฟุตบอลประเพณี

3. CU BAKA BLOOD กิจกรรมที่ชาวจุฬาฯร่วมมือกับสภากาชาดไทยปิดสยามสแควร์ Block I ร่วมบริจาคโลหิตเพื่อสังคม

4. Baka Stage ซึ่งประกอบไปด้วยการแสดงจากองค์กรต่าง ๆ ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้แก่ ผู้นำเชียร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย การเปิดตัวทีมฟุตบอลจุฬาฯ อย่างยิ่งใหญ่ที่มี ธีรเทพ วิโนทัย พี่ ๆ ศิษย์เก่าที่นำทัพน้อง

ๆ เข้าร่วมแข่งขัน จุฬาฯ คทากร CU Colorguard CU POM POM และ ปิดท้ายลงด้วยการแสดงพิเศษจากศิลปิน PROXIE

รองศาสตราจารย์ ดร.สุกัญญา สมไพบูลย์ รองอธิการบดีด้านกิจการนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า งานเปิดตัวเทศกาลฟุตบอลประเพณีธรรมศาสตร์ - จุฬาฯ ครั้งที่ 75 CHULA BAKA BEGINS มีเป้าหมายสำคัญในการสร้างความตื่นตัวและปลุกจิตวิญญาณแห่งการแข่งขัน รวมถึงส่งเสริมความสามัคคีในหมู่นิสิตชาวจุฬาฯ นอกจากนี้งานยังเป็นเวทีที่ช่วยประชาสัมพันธ์การกลับมาของการแข่งขันฟุตบอลประเพณีฯ ซึ่งห่างหายไปนานพร้อมกับการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่

สำหรับงานที่จะเกิดในปีนี้สำหรับฝั่งจุฬาฯ นั้นประกาศความมั่นใจถึงชัยชนะ ว่าจะเกิดขึ้นตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้าสู่สนามโดยนายวรชิต สุนิวัชรานุพงษ์ นิสิตชั้นปีที่ 4 คณะวิทยาศาสตร์ ประธานโครงการงานฟุตบอลประเพณีธรรมศาสตร์ - จุฬาฯ ครั้งที่ 75 กล่าวว่า “สำหรับการแปรอักษรในปีนี้ สแตนด์จุฬาฯ สนุกมาก ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร อยากให้ทุกคนมาขึ้นสแตนด์ด้วยกัน เพราะไม่ต้องซ้อม แถมยัง ขึ้นฟรี ดูบอลฟรี มีของแจกอีกด้วย ดังนั้นไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง สำหรับใครที่สนใจ เสาร์ 15 กุมภา ทีมจุฬาเจอกันสนามจุ๊บ 9 โมง 9 นาที รับรองสนุกแน่”

การกลับมาของฟุตบอลประเพณีธรรมศาสตร์-จุฬาฯ ครั้งที่ 75 นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการสานต่อประเพณีที่มีมาอย่างยาวนาน ทั้งนี้ งานฟุตบอลประเพณีฯ จะจัดขึ้นอย่างเป็นทางการในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2568 ณ สนามศุภชลาศัย ผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านช่องทาง Facebook: Chula BAKA Instagram: chulabaka TikTok: @chulabaka X: chulabakaofficial

Booking.com  หนึ่งในแพลตฟอร์มด้านการเชื่อมต่อผู้เดินทางกับตัวเลือกด้านการเดินทางต่าง ๆ ระดับโลกเดินหน้าจัดทำการประกาศผลรางวัล Traveller Review Awards เป็นที่ 13 อย่างต่อเนื่อง โดยได้รวบรวมคะแนนรีวิวของผู้ใช้บริการจริงกว่า 360 ล้านรีวิวบนแพลตฟอร์ม ทำให้ในปี 2568 นี้มีพาร์ทเนอร์ผู้ให้บริการด้านการเดินทางจากทั่วโลกรวมกว่า 1.71 ล้านรายได้รับรางวัล Traveller Review Awards 2025 ทั้งผู้ให้บริการที่พัก (1,711,539 ราย) ผู้ให้บริการรถเช่า (1,329 ราย) รวมถึงผู้ให้บริการแท็กซี่ (124 ราย) ซึ่งเพิ่มขึ้น 16% จากปีที่ผ่านมา

ในปีนี้ มีพาร์ทเนอร์ผู้ให้บริการด้านที่พักและด้านการเดินทางอื่น ๆ จากประเทศไทยจำนวน 14,710 ราย (เพิ่มขึ้นมากกว่า 20% จากปี 2567) ที่ได้รับรางวัล Traveller Review Awards สำหรับการมอบบริการอันยอดเยี่ยมและการต้อนรับอันอบอุ่น โดยมีคะแนนรีวิวเฉลี่ย 8.8 คะแนน อ้างอิงจากการรีวิวของผู้เดินทางกว่า 3.2 ล้านรีวิวทั่วโลก

เมื่อพูดถึงรายชื่อ ‘เมืองต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ดีที่สุด แน่นอนว่าจุดหมายปลายทางที่รายล้อมไปด้วยน้ำทะเลสีใส หาดทรายระยิบระยับ และเนินเขาสูงตระหง่านยังคงติดอันดับอย่างไร้ข้อสงสัย อย่างไรก็ตามผู้เดินทางก็ให้ความสนใจกับเมืองรองอย่างต่อเนื่องจนทำให้จังหวัดน่านได้รับความนิยมเป็นที่ปีสองติดต่อกัน ไม่เพียงเท่านั้น จังหวัดสุโขทัยซึ่งเลื่องลือด้านโบราณสถานและเต็มไปด้วยกลิ่นอายของประวัติศาสตร์ก็ติดอันดับเป็นปีแรกเช่นเดียวกัน

เครดิตภาพ: สุโขทัย การ์เด้น

เมืองต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ดีที่สุดในประเทศไทยประจำปี 2568 · จังหวัดกระบี่ · จังหวัดพังงา · จังหวัดน่าน · จังหวัดสุราษฎร์ธานี · จังหวัดสุโขทัย

โรงแรมยังเป็นประเภทที่พักที่ผู้เดินทางชาวไทยชื่นชอบ แม้ว่าอพาร์ตเมนต์จะเป็นประเภทที่พักที่ได้รับรางวัลมากที่สุดมาเป็นอันดับหนึ่ง (847,627 แห่ง) จากการจัดอันดับของ Traveller Review Awards 2025 และครองตำแหน่งติดต่อกันเป็นปีที่ 8 แต่ในปีนี้ที่พักประเภทโรงแรมยังเป็นที่พักที่นิยมมากที่สุดในประเทศไทยด้วยจำนวนโรงแรมที่ได้รางวัลทั้งสิ้น 3,833 แห่ง อย่างไรก็ตามอพาร์ตเมนต์ได้ขึ้นมาเป็นที่พักยอดนิยมอันดับที่สอง (2,457 แห่ง) จากอันดับที่สามในปีก่อน ตามด้วยรีสอร์ท (2,228 แห่ง) วิลลา (1,624 แห่ง) และเกตส์เฮ้าส์ (1,150 แห่ง)

ตั้งแต่ปี 2553 Booking.com ได้ให้บริการและอำนวยความสะดวกแก่ผู้เข้าพักกว่า 4.5 พันล้านคน ซึ่งมากกว่า 1 พันล้านคนเลือกที่จะเข้าพักในที่พักแปลกใหม่หรือที่พักที่ไม่ใช่โรงแรม และวันนี้ผู้เดินทางสามารถค้นหาที่พักบน Booking.com ได้มากกว่า 30 ประเภท ไม่ว่าจะเป็นบ้านพักตากอากาศชานเมือง อพาร์ตเมนต์สไตล์ฟังกี้ใจกลางเมือง วิลลาสุดหรู เบดแอนด์เบรกฟาสต์ ที่พักในฟาร์ม บังกะโล รวมถึงที่พักบนเรือ กระท่อมน้ำแข็ง และบ้านต้นไม้สำหรับผู้เดินทางที่ชื่นชอบการผจญภัย

ผู้ให้บริการด้านการขนส่งโดยสารมีส่วนช่วยทำให้ทริปเต็มไปด้วยความประทับใจ Booking.com ยกย่องผู้ให้บริการด้านการขนส่งโดยสารทั้งผู้ให้บริการรถเช่าและแท็กซี่สนามบินที่มอบบริการอันยอดเยี่ยมให้กับผู้เดินทางอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้เดินทางสามารถออกไปสัมผัสโลกกว้างได้อย่างง่ายดายและไร้รอยต่อยิ่งขึ้น โดยในปี 2568 มีบริษัทผู้ให้บริการรถเช่า 1,329 รายจาก 100 ประเทศทั่วโลกได้รับรางวัล Traveller Review Awards 2025 ซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 196% ไม่เพียงเท่านี้ยังมีบริษัทผู้ให้บริการแท็กซี่สนามบิน 124 รายจากทั่วโลกที่ได้รับรางวัลนี้ด้วยเช่นกัน

“ไม่ว่าจะเป็นการแชร์เคล็ดลับการเลือกร้านและเมนูอาหารถิ่นที่ห้ามพลาดจากคนขับแท็กซี่ หรือการเซอร์ไพรส์คู่รักด้วยแชมเปญและดอกไม้จากเจ้าของที่พักและเหล่าพนักงานเพื่อช่วยให้พวกเขาได้เฉลิมฉลองในวันครบรอบ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่พาร์ทเนอร์ของเราทำให้การท่องเที่ยวในแต่ละวันเป็นที่น่าจดจำและประทับใจสำหรับผู้เดินทางมากยิ่งขึ้น” นางสาวมิเชล เกา ผู้จัดการประจำภูมิภาคประจำกลุ่มลุ่มแม่น้ำโขงและจีนของ Booking.com กล่าวและเสริมว่า “ดังนั้นรางวัล Traveller Review Awards นี้ไม่เพียงเป็นคำขอบคุณจาก Booking.com แต่ในนามของผู้เดินทางหลายร้อยล้านคนจากทั่วโลกที่ต้องการมอบให้พาร์ทเนอร์ด้านการเดินทางสำหรับความมุ่งมั่นและความตั้งใจในการมอบบริการอันอบอุ่นและร่วมสร้างประสบการณ์การเดินทางอันยอดเยี่ยมให้กับผู้เดินทางได้อย่างไร้ที่ติ”

แฟนซัมซุงอย่าช้า! เพราะกำลังเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายแล้ว สำหรับการเปิดให้สั่งจอง Galaxy S25 Series ล่วงหน้า เพื่อรับสิทธิพิเศษมากมายก่อนจะเปิดวางขายอย่างเป็นทางการ ไม่ว่าจะสั่งจองล่วงหน้าช่องทางไหนก็คุ้ม! จองเลย! สั่งจองล่วงหน้าถึง 6 ก.พ. 68 นี้เท่านั้น!

หลังจากซัมซุงได้เปิดตัว Galaxy S25 Series เป็น AI Phone รุ่นใหม่ล่าสุด ที่ผสานพลังเทคโนโลยี AI สุดล้ำมาอยู่ในเครื่อง เสมือนมีผู้ช่วยส่วนตัว เปลี่ยนให้ทุกการใช้งานง่าย สะดวก ช่วยจัดการสิ่งต่าง ๆ ให้แบบทันใจ มอบประสบการณ์การใช้เทคโนโลยีที่ปรับให้เหมาะกับแต่ละบุคคลได้อย่างรู้ใจ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ยุคใหม่

พิเศษ! เมื่อจองผ่าน Samsung Experience store และร้านค้าที่เข้าร่วมรายการ รับโปรฯ แรง 3 ต่อ

· ฟรี เพิ่มความจุเป็น 2 เท่า มูลค่าสูงสุด 10,000.-

· ลดเพิ่ม 5,000.- เมื่อนำเครื่องเก่ามาแลกใหม่

· รับส่วนลด 30% เพื่อแลกซื้อ Galaxy Watch l Buds เมื่อซื้อในคำสั่งซื้อเดียวกัน

เอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะการสั่งจองทางออนไลน์ผ่าน samsung.com และ แอป Samsung Shop ที่ https://bit.ly/S25Ultra สามารถสั่งจองสีพิเศษสำหรับการเปิดตัวในรอบนี้ พร้อมรับสิทธิพิเศษหลายต่อ

· ฟรี เพิ่มความจุเป็น 2 เท่า มูลค่าสูงสุด 10,000.-

· เฉพาะ 72 ชั่วโมงแรกเท่านั้น ฟรี Power Adapter 45W มูลค่า 1,090.- · สั่งซื้อครั้งแรก บน samsung.com และ แอป Samsung Shop (ไม่ต้องกรอกโค้ด) รับส่วนลดสูงสุด 3,500.-

· เก่าแลกใหม่ ส่วนลดตามราคาเครื่องเก่า

สิทธิพิเศษอื่น ๆ

· รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 12% ผ่อน 0% 10 เดือน

· คะแนน Samsung Rewards แลกเป็นส่วนลดX2 สูงสุด 1,000.-

· สำหรับลูกค้าที่ซื้อ e-Voucher Samsung Reservation กรอกโค้ดที่ได้รับทางอีเมลเพื่อรับส่วนลดและเงินคืนรวม 4,000.- ภายในวันที่ 23 ม.ค. 68 - 6 ก.พ. 68

· สำหรับลูกค้าที่ไม่ได้ซื้อ e-Voucher Samsung Reservation รับฟรี Samsung Rewards 3,000 พอยท์ (1 พอยท์ = 1.-)

สำหรับใครที่ลงทะเบียนรับโค้ดสิทธิพิเศษล่วงหน้า รับส่วนลดอีกต่อ เพียงนำโค้ดมาจองรับฟรี Samsung Care+ 1 ปี มูลค่า 4,590.-

นอกจากนี้ซัมซุงยังได้เข้าร่วมโครงการ Easy E-Receipt 2.0 ลดหย่อนภาษีปี 2568 มอบส่วนลดช้อปสินค้าซัมซุงหลายรายการ รับสิทธิ์ลดหย่อนภาษีสูงสุดถึง 10,500 บาท เมื่อช้อปสินค้าซัมซุงมูลค่าสูงสุด 30,000 บาท เริ่ม 16 ม.ค. ถึง 28 ก.พ. 68

X

Right Click

No right click