December 20, 2025

กรุงเทพฯ – 26 พฤศจิกายน 2567 - กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย (Dow) รับรางวัล “องค์กรที่มีผลงานด้านความรับผิดชอบต่อสังคมดีเด่นประจำปี 2567 ระดับแพลตินัม” เป็นครั้งที่ 5 นับเป็นปีที่ 14 ติดต่อกัน จากการทำกิจกรรมเพื่อสังคมในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยมีนายฉัตรชัย เลื่อนผลเจริญชัย ประธานบริหาร กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย และนายวิชาญ ตั้งเคียงศิริสิน ผู้อำนวยการฝ่ายขายภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย เป็นผู้รับมอบรางวัลจาก มร. โรเบิร์ต โกเดค เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย และมี มร. ไซมอน เดนนี่ กรรมการบริหารหอการค้าอเมริกันในประเทศไทย และผู้ประสานงานคณะกรรมการ Corporate Social Impact ร่วมแสดงความยินดี ณ โรงแรมอวานี พลัส ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพ

รางวัล AMCHAM Corporate Social Impact Awards จัดขึ้นทุกปีเพื่อยกย่องบริษัทสมาชิกหอการค้าอเมริกันในประเทศไทยที่เป็นแบบอย่างในการดำเนินงานด้านธุรกิจควบคู่กับการดูแลสังคม โดย Dow เน้นการส่งเสริมให้พนักงานมีส่วนร่วมในกิจกรรมเพื่อสังคม ผลักดันการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ใส่ใจดูแลชุมชนรอบข้าง และส่งเสริมการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้กับเยาวชนรุ่นใหม่ จึงได้รับการยกย่องให้เป็นองค์กรที่มีความ

รับผิดชอบต่อสังคมดีเด่นเป็นปีที่ 14 ติดต่อกัน และได้รับรางวัล “ระดับแพลตินัม” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ Dow ในการสร้างผลกระทบที่ดีต่อสังคมผ่านการทำธุรกิจและกิจกรรมที่มีคุณค่าและต่อเนื่องในประเทศไทย

รศ.ดร.เฉลียว วิทูรปกรณ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EPG ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์โพลีเมอร์และพลาสติกแปรรูปชั้นนำของโลก เปิดเผยว่า ในปีบัญชี 67/68 (เม.ย.67 – มี.ค.68) บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายเติบโตประมาณ 8-10% และอัตรากำไรขั้นต้นที่ 30 - 33% โดย ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือน ปีบัญชี 67/68 (เม.ย. - ก.ย.67) บริษัทมียอดขาย 7,182 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มียอดขาย 6,285 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 34% เป็นไปตามเป้าหมาย แม้ว่ามีกำไรสุทธิ 391 ล้านบาท ลดลง 47% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากบริษัทมีการตั้งสำรองผลขาดทุนทางเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) และความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงครึ่งหลังของปีบัญชีนี้ธุรกิจจะสามารถเติบโตได้ดีตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

ธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น ภายใต้แบรนด์ Aeroflex ตั้งเป้าหมายยอดขายเติบโต 6 - 8% มาจาก การเติบโตของธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยในสหรัฐอเมริกามีความต้องการใช้ฉนวนกันความร้อน/เย็น เกรดพรีเมี่ยมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มลูกค้าโครงการในสหรัฐอเมริกา ได้แก่ กลุ่ม Semi-Conductor/ Data center และ โรงงานผลิตยานยนต์ไฟฟ้า เป็นต้น สำหรับตลาดญี่ปุ่น และในประเทศ ยังคงเติบโตได้ดี Aeroflex เริ่มได้รับประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิตเข้ามาในประเทศและสร้างโรงงานผลิตใหม่ เช่น โรงงานผลิตยานยนต์ EV และ Data Center

ธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ ภายใต้แบรนด์ Aeroklas ตั้งเป้าหมายยอดขายเติบโต 10 - 12%

แม้ว่าภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ในปีนี้ชะลอการเติบโตจากยอดการผลิตที่ปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตามสินค้าประเภทหลังคาครอบกระบะ (Canopy) และบันไดข้างรถกระบะ (Slide Step) มีคำสั่งซื้อจากค่ายยานยนต์อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งในปีบัญชีนี้ Aeroklas จะรับรู้รายได้เต็มปีจากคำสั่งซื้อสินค้าใหม่ของค่ายยานยนต์ญี่ปุ่น ซึ่งได้ปรับปรุงกระบวนการผลิตเพิ่มความเร็วในการผลิตสินค้าใหม่นี้เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงขึ้นรองรับคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ Aeroklas จะทยอยส่งชิ้นส่วนยานยนต์รุ่นใหม่ ๆ แก่ค่ายยานยนต์ในปีบัญชีนี้

สำหรับธุรกิจในออสเตรเลีย Aeroklas Asia Pacific Group Pty. Ltd. (AAPG) ออสเตรเลีย อยู่ระหว่างดำเนินการตามแผนเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร โดยยุติการดำเนินงานใน TJM Off-Road Products Inc. สหรัฐอเมริกา เนื่องจากมีต้นทุนในการดำเนินการสูงโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ค่าใช้จ่ายในการขนส่งในสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ตาม Aeroklas Asia Pacific Group Pty Ltd ออสเตรเลีย จะเป็นผู้ดูแลลูกค้าในสหรัฐอเมริกาต่อไป

 

ธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติกภายใต้แบรนด์ EPP ตั้งเป้าหมายยอดขายเติบโต 3 - 5% แม้ว่าความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกในประเทศลดลง EPP จะใช้จุดแข็งจากเทคโนโลยีและนวัตกรรมในการผลิต และมาตรฐานต่าง ๆ เช่น มอก./ GMP/ HACCP/ BRC และ FSC (Forest Stewardship Council) เพื่อขยายฐานลูกค้าให้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม อีกทั้ง อยู่ระหว่างเตรียมตัวขยายตลาดต่างประเทศ รวมถึงเพิ่มความหลากหลายของบรรจุภัณฑ์เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า เช่น บรรจุภัณฑ์กระดาษและบรรจุภัณฑ์ ไบโอพลาสติก

สำหรับธุรกิจร่วมทุนกลุ่มธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น และ ธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์ตกแต่งยานยนต์ ทั้งในไทย อินเดีย และ จีน เติบโตได้ดีตามกลุ่มอุตสาหกรรม ส่วนธุรกิจร่วมทุนในแอฟริกาใต้ อยู่ระหว่างการแก้ไขปัญหา โดยสามารถแก้ไขปัญหาในกระบวนการผลิตจาก Red flag ให้เป็น Green flag เรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่าง การเจรจากับ Supply chain ทั้งหมด ซึ่งเริ่มเห็นการปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ

โดยผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 ปีบัญชี 67/68 (ก.ค.-ก.ย.67) บริษัทมียอดขาย 3,606 ล้านบาท ซึ่งเป็นนิวไฮ ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มียอดขาย 3,299 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 9.3% มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 34.6% และ มีกำไรสุทธิที่ 135 ล้านบาท ลดลง 68.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

รศ.ดร.เฉลียว กล่าวต่อว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เมื่อ 12 พ.ย.67 มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลการดำเนินงานสิ้นสุด 30 ก.ย. 67 ในอัตรา หุ้นละ 0.06 บาท (หกสตางค์) รวมเป็นจำนวนเงิน ทั้งสิ้น 168 ล้านบาท โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่จะมีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) วันที่ 28 พ.ย.67 และ กำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 9 ธ.ค.67

· 35% ของผู้ใช้สมาร์ทโฟน 5G ยินดีจ่ายค่าบริการกับการเชื่อมต่อที่มีคุณภาพแตกต่างกัน

· ผลวิจัยฉบับนี้เป็นตัวแทนผู้บริโภค 1.1 พันล้านราย ซึ่งในจำนวนนี้มีผู้ใช้สมาร์ทโฟน 5G อยู่ 750 ล้านราย

· รายงานนี้ยังชี้ให้เห็นโอกาสในการสร้างรายได้ให้กับผู้ให้บริการด้านการสื่อสาร (CSP)

ผลวิจัยล่าสุดจาก Ericsson (NASDAQ: ERIC) ConsumerLab เผยการใช้แอปพลิเคชัน Generative AI กำลังกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นความสนใจกับการเชื่อมต่อที่แตกต่างตามการใช้งานที่จำเป็นของผู้ใช้สมาร์ทโฟน 5G ทั่วโลก พร้อมรับประกันว่าการเชื่อมต่อจะมีคุณภาพอยู่ในระดับไฮเอนด์และไม่สะดุดในเวลาที่ต้องการใช้งานมากที่สุด

จากจำนวนเจ้าของสมาร์ทโฟนที่ใช้แอป Generative AI อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.5 เท่าในอีก 5 ปีข้างหน้า โดยการเติบโตอย่างรวดเร็วนี้สอดคล้องกับยูสเคสการใช้งานเครือข่ายที่มีความแตกต่างกันเช่นวิดีโอคอล สตรีมมิ่ง และการชำระเงินออนไลน์ ที่ผู้ใช้ระบุว่าพวกเขาเต็มใจจ่ายเพิ่มกับบริการในระดับพรีเมียม

บริการเชื่อมต่อที่มีความแตกต่างและผู้บริโภคที่เต็มใจจ่ายค่าบริการให้กับผู้ให้บริการด้านการสื่อสาร (CSP) เพื่อรับประกันว่าจะได้รับการเชื่อมต่อประสิทธิภาพสูงในการใช้งานแอปที่จำเป็น เป็นหัวข้อในรายงานระดับโลกล่าสุดจาก Ericsson ConsumerLab ในชื่อว่า Elevating 5G with Differentiated Connectivity ซึ่งเผยแพร่เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา

เกือบ 1 ใน 4 ของผู้ใช้ Gen AI ระบุว่ายินดีจ่ายค่าบริการเพิ่ม 35% กับบริการที่รับประกันว่าจะได้รับประสบการณ์การเชื่อมต่อที่รวดเร็วและปลอดภัยระหว่างที่ใช้แอปพลิเคชันที่มีความจุสูง

ผลการวิจัยยังชี้ให้เห็นว่า 35% ของผู้ใช้สมาร์ทโฟน 5G สนใจที่จะจ่ายค่าบริการเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพการเชื่อมต่อที่แตกต่างกันสำหรับใช้งานแอปพลิเคชันที่จำเป็นต่าง ๆ

รายงานฉบับนี้ ยังระบุถึงโอกาสต่าง ๆ ในการสร้างรายได้สำหรับผู้ให้บริการด้านการสื่อสารอีกด้วย

แจสมีต เซธิ หัวหน้าฝ่ายวิจัย ConsumerLab ของอีริคสัน กล่าวว่า “ผลการวิจัยล่าสุดในรายงาน Ericsson ConsumerLab เผยว่า เมื่อแอปพลิเคชันที่ขับเคลื่อนด้วย AI ได้รับความนิยมแพร่หลายมากขึ้น ความคาดหวังของผู้ใช้ต่อประสบการณ์การเชื่อมต่อที่ดีก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย สะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคคาดหวังความสามารถในอนาคตของแอปพลิเคชัน AI ที่อาจเกี่ยวข้องกับ การสร้างภาพ เสียง หรือวิดีโอ และพวกเขาเต็มใจที่จะจ่ายค่าบริการเพื่อให้ได้ความสามารถเหล่านั้นมาใช้ทำงานที่ได้ความรวดเร็วและมีคุณภาพสูง

นี่เป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงโอกาสของผู้ให้บริการทั่วโลกที่จะสามารถตอบสนองความต้องการนี้ได้ด้วยการมอบประสบการณ์การเชื่อมต่อที่ปรับแต่งได้”

เซธิ กล่าวเพิ่มเติมว่า “เมื่อผู้ให้บริการปรับใช้โมเดลธุรกิจที่เน้นประสิทธิภาพ จะมีโอกาสสร้างรายได้เพิ่มขึ้นจากบริการเชื่อมต่อที่แตกต่าง รวมถึงการนำเสนอแพ็กเกจบริการที่สามารถปรับแต่งและการรับประกันคุณภาพการเชื่อมต่อที่เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่มในตลาด”

“การเปลี่ยนแปลงนี้อาจส่งผลให้รายได้เฉลี่ยต่อผู้ใช้ (ARPU) ของบริการ 5G เพิ่มขึ้น 5-12% เนื่องจากผู้ใช้งานต้องการประสิทธิภาพที่เชื่อถือได้และมีการรับประกันสำหรับแอปพลิเคชันเฉพาะด้าน นอกจากนี้ ยังมีโอกาสปลดล็อกช่องทางสร้างรายได้ใหม่ ๆ จากความต้องการอย่างมีนัยสำคัญของกลุ่มผู้ใช้บริการ 5G ที่ต้องการใช้แอปประสิทธิภาพสูง โดย 1 ใน 3 ของผู้ใช้สมาร์ทโฟน 5G ยินดีจัดสรรงบประมาณ 10% จากค่าใช้จ่ายแอปมือถือในปัจจุบัน เพื่อมาซื้อแอปที่มีคุณภาพการเชื่อมต่อสูงอยู่ในตัว ด้วยการเปิดให้นักพัฒนาเข้าถึง Network APIs แบบ Quality on Demand (QoD) ทำให้ผู้ให้บริการฯ สามารถตอบสนองความต้องการนี้ได้ และช่วยให้นักพัฒนาสามารถนำเสนอประสบการณ์ระดับพรีเมียมที่มีประสิทธิภาพสูง พร้อมปลดล็อกช่องทางรายได้ใหม่ ๆ ในกระบวนการนี้ได้” เซธิ กล่าวเพิ่ม

ประเด็นสำคัญ:

· พร้อมจ่ายค่าบริการเพิ่ม: 35% ของผู้ใช้ 5G ทั่วโลก ยินดีจ่ายเพิ่มเพื่อรับบริการเชื่อมต่อที่มีคุณภาพแตกต่างกัน เพื่อรับประกันประสิทธิภาพที่ดีขึ้นกับงานที่มีความสำคัญ

· กลุ่มผู้ใช้ที่ต้องการความมั่นใจ หรือ Assurance Seekers: แม้จะมีความเชื่อว่าผู้ใช้จะไม่ยอมจ่ายค่าบริการเครือข่ายเพิ่ม แต่ผลสำรวจพบว่า 20% ของผู้ใช้งาน ซึ่งเรียกว่า 'Assurance Seekers' กำลังมองหาการเชื่อมต่อคุณภาพสูงเพื่อใช้แอปพลิเคชันสำคัญและพวกเขาเต็มใจจะจ่ายเพิ่ม

· ความต้องการใช้แอป Gen AI: คาดว่าจำนวนผู้ใช้สมาร์ทโฟนที่ใช้แอป Gen AI รายสัปดาห์จะเพิ่มขึ้น 2.5 เท่าในอีก 5 ปีข้างหน้า โดย 1 ใน 4 ของผู้ใช้ AI ในปัจจุบัน เต็มใจจ่ายค่าบริการเพิ่มถึง 35% เพื่อแลกกับบริการเชื่อมต่อที่มีคุณภาพแตกต่าง เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้รับประสิทธิภาพที่รวดเร็วและตอบสนองเป็นอย่างดีเมื่อใช้แอป AI

· ความสนใจระดับภูมิภาค: ตลาดอินเดีย ประเทศไทยและซาอุดีอาระเบีย มีสัดส่วนผู้ใช้สมาร์ทโฟนที่สนใจบริการเชื่อมต่อที่แตกต่างหรือ Differentiated Connectivity มากกว่าฝรั่งเศสและสเปนถึง 2 เท่า

· 5 ขั้นตอนสำหรับผู้ให้บริการ: รายงานฉบับนี้ยังได้นำเสนอการวางแนวทางสำหรับผู้ให้บริการด้านการสื่อสาร เพื่อเปลี่ยนจากการให้บริการอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์มือถือทั่วไป ไปสู่โมเดลที่ขับเคลื่อนด้วยประสิทธิภาพและแพลตฟอร์ม ซึ่ง Network APIs จะช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้างประสบการณ์การใช้แอปที่ปรับแต่งเฉพาะได้

การสำรวจนี้เป็นการสำรวจทางออนไลน์กับผู้ใช้สมาร์ทโฟนจำนวนมากกว่า 23,000 ราย และมากกว่า 17,000 รายเป็นผู้ใช้สมาร์ทโฟน 5G โดยมีอายุระหว่าง 15-69 ปี ครอบคลุมใน 16 ตลาดสำคัญทั่วโลก นักวิจัยของอีริคสันยังระบุว่าการสำรวจนี้เสมือนเป็นตัวแทนผู้ใช้บริการมือถือ 1.1 พันล้านคนโดยในจำนวนนี้เป็นผู้ใช้สมาร์ทโฟน 5G 750 ล้านราย

ผู้ใช้บริการ 5G ที่ร่วมการสำรวจมาจาก: ออสเตรเลีย, บราซิล, แคนาดา, จีน, ฝรั่งเศส, ฮ่องกง, อินเดีย, ซาอุดีอาระเบีย, สิงคโปร์, เกาหลีใต้, สเปน, ไต้หวัน, ไทย, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา

เคทีซีเล็งเห็นศักยภาพคนรุ่นใหม่ ผลักดันโครงการ “เตรียมน้องให้พร้อม ก่อนได้งาน” เผยเทคนิคในการทำเรซูเม่ (Resume) สมัครงาน การเตรียมตัวในการสัมภาษณ์งาน รวมถึงการสร้างสัมพันธภาพในการทำงาน เพื่อสร้างความมั่นใจก่อนก้าวเข้าสู่ชีวิตการทำงาน ผ่านประสบการณ์การเรียนรู้เสมือนจริง

นางสาวปิยะสุดา แคว้นนนทรีย์ ผู้บริหารสูงสุด สายงานทรัพยากรบุคคล “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ปี 2567 เคทีซีได้มีโอกาสเข้าไปถ่ายทอดความรู้ภายใต้โครงการ “เตรียมน้องให้พร้อม ก่อนได้งาน” ให้กับนิสิต/นักศึกษา มหาวิทยาลัยต่างๆ ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยกรุงเทพ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต มหาวิทยาลัยรังสิต และมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง โดยมีนิสิต/นักศึกษาที่เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 400 คน และในปี 2568 เคทีซีมีแผนจะส่งต่อความรู้ไปยังสถาบันการศึกษาอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งมีการเพิ่มเนื้อหาความรู้ด้านการเงิน และเทคโนโลยี ซึ่งนิสิต/นักศึกษาจะสามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ ทั้งในด้านการเรียนและการใช้ชีวิตในยุคปัจจุบัน”

นอกจากนี้ เคทีซียังคงเปิดรับนิสิต/นักศึกษาที่มีความสนใจฝึกงานกับบริษัท ผ่านความร่วมมือระหว่างเคทีซีและมหาวิทยาลัยทั่วประเทศไทย ภายใต้โครงการสหกิจศึกษา หรือ KTC COOP (KTC Co-operative Program) โดยมีวัตถุประสงค์จะสร้างโอกาสทางการศึกษา และมุ่งพัฒนาคนรุ่นใหม่ให้พร้อม ก้าวสู่โลกการทำงาน โดยนิสิต/นักศึกษาจะได้แสดงศักยภาพและเก็บเกี่ยวประสบการณ์ทำงานเป็นระยะเวลา 1 ภาคการศึกษา โครงการ KTC COOP เปิดให้ฝึกปฏิบัติงานทั้งหมดสามช่วง คือ ภาคต้น ภาคปลาย และภาคฤดูร้อน ซึ่งปัจจุบันกำลังเข้าสู่รุ่นที่ 7 หากนิสิต/นักศึกษาและสถาบันการศึกษาใดที่มีความสนใจ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02-828-5099 หรือคลิกดูรายละเอียดที่เว็บไซต์ www.ktc.co.th/careers หรือเฟซบุ๊ค “KTC Career” หรือส่งประวัติมาที่อีเมล This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

INTERFEL (องค์กรส่งเสริมสินค้าผักสดและผลไม้จากฝรั่งเศส) ได้กลับมาที่ประเทศไทยอีกครั้ง เพื่อแนะนำแอปเปิลจากการผลิตแบบยั่งยืนหลากหลายสายพันธุ์ในฝรั่งเศส ให้เหล่าคนรักผลไม้ในไทยได้ลิ้มลอง

ฝรั่งเศสมีแอปเปิลมากกว่า 100 สายพันธุ์ อันเป็นผลมาจากสภาพภูมิอากาศที่มีลักษณะเฉพาะและดินที่อุดมสมบูรณ์

เมื่อไม่นานมานี้ การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศได้ส่งผลกระทบต่อการเกษตรทั่วโลก โดยเฉพาะการปลูกผลไม้ แม้ว่าจะเผชิญกับสภาวะอากาศที่ท้าทายในปี 2566 การผลิตแอปเปิลของยุโรปคาดว่าจะลดลงเหลือเพียง 10.2

ล้านตัน ซึ่งลดลงจากปีก่อนถึง 1.3 ล้านตัน เนื่องจากสภาวะน้ำค้างแข็งในยุโรปตะวันออก แต่สำหรับฝรั่งเศส การผลิตแอปเปิลในปี 2567 ยังคงมีเสถียรภาพ โดยคาดว่าจะผลิตได้ 1.463 ล้านตัน ลดลงเล็กน้อยจากปี 2566 แต่เพิ่มขึ้น 2.5% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย 3 ปีที่ผ่านมา สะท้อนถึงการฟื้นตัวของการปลูกแอปเปิลในฝรั่งเศส

แนวโน้มของการผลิตแอปเปิลแต่ละสายพันธุ์มีความแตกต่างกัน โดยสายพันธุ์จากประเทศอื่น ๆ เช่น Granny Smith และ Fuji คาดว่าจะลดลง 26-27% แต่สายพันธุ์แบบคลับและสายพันธุ์ท้องถิ่นยังคงมีเสถียรภาพ ตัวอย่างเช่น Pink Lady ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ใหญ่เป็นอันดับสามของฝรั่งเศส คาดว่าจะมีผลผลิต 164,000 ตัน ลดลงเพียง 5% ในขณะที่ผลผลิตของสายพันธุ์ Jazz คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 16% และ Chantecler รวมถึงสายพันธุ์ใหม่ๆ ก็ยังคงเติบโตเช่นกัน

ส่องแนวทางการปลูกแอปเปิลแบบยั่งยืนของฝรั่งเศส

นับเป็นเวลากว่า 25 ปีแล้วที่เกษตรกรผู้ปลูกแอปเปิลในฝรั่งเศสได้นำนวัตกรรมและมาตรการต่าง ๆ มาปรับใช้เพื่อส่งเสริมการปลูกพืชแบบยั่งยืน เช่น ระบบวิเคราะห์น้ำในดิน (Precision Irrigation) การจัดการดิน และการควบคุมศัตรูพืชด้วยวิธีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ต้นไม้เติบโตอย่างแข็งแรงและทนทานต่อสภาพแวดล้อม ซึ่งวิธีเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม แต่ยังช่วยสร้างความยั่งยืนให้กับการผลิตแอปเปิลคุณภาพสูงอีกด้วย แอปเปิลแต่ละลูกจึงไม่เพียงแต่อร่อยเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงความมุ่งมั่นนี้

เพื่อนำเสนอความเป็นเอกลักษณ์และกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม INTERFEL ได้จัดงานอีเว้นท์เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน ที่ Lenôtre Culinary Arts School Thailand โดยมีเชฟชื่อดังจากฝรั่งเศส David BONET: Pâtisserie Chef และ Pierre SAUCÈS: Boulangerie Chef ร่วมกันรังสรรค์เมนูแสนอร่อยจากแอปเปิลฝรั่งเศส

ภายในงานแขกผู้มีเกียรติยังได้สัมผัสประสบการณ์อันน่าประทับใจผ่านการเวิร์คช็อปและสาธิตการทำเมนูสุดพิเศษด้วยแอปเปิลจากฝรั่งเศส อันได้แก่ เมนู The Red Ballerina รสชาติเปรี้ยวอมหวานสุดอร่อยและ เมนู Apple

Puff อบสดๆ ร้อนๆ จากเตาส่งกลิ่นหอมน่ารับประทานอีกด้วย

แอปเปิลฝรั่งเศสจะออกสู่ตลาดในไม่ช้านี้ และสามารถหาซื้อได้ที่ซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำในประเทศไทย โดย INTERFEL จะจัดกิจกรรมสนุก ๆ ให้กับผู้บริโภคในร้านค้าปลีก เช่น การชิมแอปเปิล การเล่นเกมอินเตอร์แอคทีฟ และกิจกรรมโรดโชว์ต่างๆ เพื่อเชิญชวนทุกคนมาสัมผัสกับเสน่ห์ของแอปเปิลฝรั่งเศส

วันนี้เกษตรกรชาวฝรั่งเศสมากกว่า 1,300 ราย มุ่งมั่นที่จะผลิตแอปเปิลที่มีคุณภาพสูงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หากท่านใดที่ต้องการค้นหาเมนูอร่อย ๆ และข่าวสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับแอปเปิลฝรั่งเศส สามารถติดตามได้ทาง

โซเชียลมีเดีย @FruitVegFromFR เพื่อรับทราบข้อมูลและกิจกรรมต่าง ๆ ที่น่าสนใจ ตลอดจนได้ลิ้มลองกับของอร่อยและมีประโยชน์ ส่งตรงจากประเทศฝรั่งเศสมาให้คุณถึงที่!

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมด้วย องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) และ Shanghai Taihuixuan Technology Co., Ltd. ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) จัดตั้งร้านค้า “THAI MALL” ในแพลตฟอร์ม E-commerce ประเทศจีน เชื่อมต่อห่วงโซ่อุปทานโลก ดันสินค้าเกษตรและผลไม้ไทยสู่เมืองเศรษฐกิจ เซี่ยงไฮ้ เซินเจิ้น และ เขตบริหารพิเศษฮ่องกง ยกระดับภาคการเกษตรไทยในระดับนานาชาติ

นางสาวอนงค์นาถ จ่าแก้ว เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ประเทศไทยให้ความสำคัญกับการพัฒนาสินค้าเกษตรเพื่อการส่งออกเป็นอย่างมาก สะท้อนได้จากมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ภาคเกษตรที่มีสัดส่วนจำนวนราวร้อยละ 10 ของมูลค่ารวม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งออกผลไม้ไทยถือเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรไทยมาจนถึงปัจจุบัน

แม้ในช่วงที่ผ่านมาผลผลิตทางการเกษตร อาจชะลอตัวจากความเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการเพาะปลูกและปริมาณผลผลิต อย่างไรก็ตามด้วยคุณภาพที่ได้รับการยกย่องให้ผลไม้ไทยเป็นหนึ่งในผลไม้ที่ดีที่สุดในโลก ได้รับการยืนยันจากมาตรฐานสากล ทำให้ผลไม้ไทยยังคงมีความต้องการในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในตลาดประเทศจีน ที่มีปริมาณการส่งออกทุเรียน มังคุด ลำไย ในช่วง มกราคม - ตุลาคม 2567 คิดเป็นปริมาณ 1,253,208.1 ตัน หรือมีมูลค่ากว่า 130,372.7 ล้านบาท

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ตระหนักถึงศักยภาพและความสำคัญของภาคการเกษตรไทยในการส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศ จึงมุ่งมั่นพัฒนามาตรฐานของผลผลิตทางการเกษตรให้มีคุณภาพสูง มีคุณภาพและมีความปลอดภัย ตอบสนองความต้องการของตลาดโลก โดยให้การสนับสนุนเกษตรกรในด้านการเข้าถึงข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการเพาะปลูก การปรับใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน และ รักษาคุณภาพของผลผลิตให้ได้มาตรฐานสากล

นายปณิธาน มีไชยโย ผู้อำนวยการ องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) เปิดเผยว่า อ.ต.ก. พร้อมด้วยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ Shanghai Taihuixuan Technology Co., Ltd. ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่อจัดตั้งร้านค้า “THAI MALL” ในแพลตฟอร์ม E-commerce ของประเทศจีน ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นตลาดกลางในการซื้อขายสินค้าเกษตรและอาหารของไทยให้ถึงมือผู้บริโภคโดยตรง โดย อ.ต.ก. มีหน้าที่ในการจัดหา คัดเลือกผลไม้ที่มีคุณภาพ พร้อมทั้งจัดส่งไปยังเมืองเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศจีน ได้แก่ มหานครเซี่ยงไฮ้ เซินเจิ้น และเขตบริหารพิเศษฮ่องกง

สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ ถือเป็นการยกระดับอีกขั้นของภาคเกษตรไทย เพื่อขยายตลาดสินค้าเกษตร เชื่อมต่อห่วงโซ่อุปทานให้มีความสมบูรณ์ โดยมีเป้าหมายในการเปิดแบรนด์สินค้าในร้านค้าดังกล่าว ไม่น้อยกว่า 10 ร้าน ภายในเดือนกันยายน ปี 2568

อีกทั้งนับเป็นการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อให้ภาคการเกษตรของประเทศไทย ได้มีส่วนร่วมในแพลตฟอร์มห่วงโซ่อุปทานของโลก (Global E-commerce Platform) ผ่านการขยายสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์ชุมชน ในระบบ E-commerce ต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดประเทศจีน ซึ่งมีความต้องการสินค้าเกษตรของไทยในปริมาณสูง และ เป็นการเชื่อมโยงระบบการค้าไทยไปสู่ประเทศอื่นๆ ที่มีศักยภาพในอนาคต

ด้าน Mr.Chen Zhifa ประธานกรรมการบริษัท Shanghai Taihuixuan Technology Co., Ltd. กล่าวว่า ประเทศจีนให้การยอมรับในสินค้าทางการเกษตร รวมถึงผลไม้ของไทยมาอย่างยาวนาน โดยบริษัทมีความยินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในความร่วมมือในครั้งนี้ โดยเป็นตัวกลางเชื่อมต่อสินค้าคุณภาพของไทยไปยังแพลตฟอร์มที่ได้มาตรฐาน และไปสู่เมืองที่มีความต้องการสินค้าสูง

โดยบริษัทมีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ด้านการค้าสินค้าออนไลน์ มีความพร้อมด้านขนส่ง โกดังเก็บสินค้า รวมถึงสามารถเข้าถึง และ ประชาสัมพันธ์ข้อมูลบนแพลตฟอร์ม E-commerce ของจีนได้เป็นอย่างดี ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้จะเป็นการขับเคลื่อนนโยบายการพัฒนาภาคการเกษตรของประเทศไทย รวมถึงเป็นกำลังในการส่งเสริมความแข็งแกร่งของสินค้าไทยในระดับนานาชาติ

14 พฤศจิกายน 2567 - แกร็บฟู้ด ผู้นำแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรียอดนิยม ตอกย้ำความเป็นเทรนด์เซ็ตเตอร์ สานต่อกลยุทธ์ Collaborative Marketing คว้าศิลปินป๊อปอาร์ตดาวรุ่ง NEWYEAR - ปภากร ศรีกัลยกร เจ้าของคาแรคเตอร์ดัชชุนสุดน่ารักอย่าง “Wednesday” พร้อม 5 ร้านดังที่การันตีความอร่อยโดย #GrabThumsUp อย่าง SOURI, เผ็ดเผ็ด, โอ้กะจู๋, ROOTS และ Shake Shack ผุดแคมเปญพิเศษในช่วงปลายปีเพื่อสร้างปรากฏการณ์เชื่อมความอร่อยเข้ากับงานอาร์ตอย่างลงตัวผ่านงาน #GrabThumbsUp x NEWYEAR presents Quality Food Quality Time in the Park ครั้งแรก! กับการเปิดตัวเมนูพิเศษสุดเอ็กซ์คลูซีฟ จากทั้ง 5 ร้านที่สั่งได้เฉพาะที่ Grab พร้อมถ่ายทอดประสบการณ์ความอร่อยผ่านผลงานศิลปะ ของที่ระลึก และกิจกรรมเพื่อสร้างเอนเกจเมนต์กับผู้บริโภค ยกระดับความเป็นไลฟ์สไตล์แบรนด์ของ #GrabThumsUp เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าคุณภาพ

 

นายพนมกร จิระเสถียรพงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า “เพื่อต้อนรับเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองในช่วงปลายปี แกร็บฟู้ดได้ส่งแคมเปญพิเศษเพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำเทรนด์ พร้อมชูแฟลกชิปแบรนด์อย่าง #GrabThumbsUp โดยเราได้ร่วมมือกับศิลปินป๊อปอาร์ตดาวรุ่งอย่าง NEWYEAR เพื่อสร้างสรรค์งานศิลปะที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากอาหารจานอร่อย พร้อมด้วย 5 ร้านดังที่โดดเด่นในด้านต่าง ๆ และการันตีความอร่อยโดย #GrabThumbsUp ที่มาร่วมสร้างสรรค์เมนูพิเศษเอาใจสายกิน ไม่ว่าจะเป็น เมนู Macaron Cream Cheese Strawberry Rose จากร้าน SOURI เมนูยำบะหมี่หน้าโรงเรียนจากร้านเผ็ดเผ็ด เมนู Fizzy Apple Cold Brew จากร้าน ROOTS เมนูซี่โครงเลดี้ สโมคบาร์บีคิวทรัฟเฟิลชีสจากร้านโอ้กะจู๋ และ เมนู Blackberry Lemonade จากร้าน Shake Shack โดยเราเปิดตัวครั้งแรกในงาน Pop-Up event ที่ชื่อ #GrabThumbsUp x NEWYEAR presents Quality Food Quality Time in the Park ซึ่งจัดขึ้นที่เซ็นทรัลเวิร์ลตลอด 4 วันเต็มเพื่อสร้างเอนเกจเมนต์กับผู้บริโภค โดยแคมเปญนี้ถือเป็นอีกหนึ่งโชว์เคสสำคัญที่แกร็บฟู้ด มุ่งสร้างสรรค์ผ่านกลยุทธ์ Collaborative Marketing ซึ่งนอกจากจะสร้างสีสันและความแปลกใหม่ให้กับผู้บริโภคแล้ว ยังช่วยยกระดับความเป็นไลฟ์สไตล์แบรนด์ให้กับแฟลกชิปแบรนด์อย่าง #GrabThumbsUp ด้วย”

 

ภายในงานยังมีกิจกรรมพิเศษให้ผู้เข้าร่วมงานสามารถสั่งซื้อเมนูพิเศษได้ผ่านแอปฯ Grab และเลือกรับอาหารได้สะดวกที่งานผ่านฟีเจอร์ Pickup ทัังยังสามารถนำใบเสร็จรับเงินไปแลกรับของที่ระลึกลวดลายสุดลิมิเต็ดที่ออกแบบโดย NEWYEAR ได้ภายในงาน อาทิ กล่องข้าว กระเป๋าผ้า และ Griptok นอกจากนี้ แกร็บฟู้ดยังชวนผู้ใช้บริการเข้าถึงความอร่อยและเพลิดเพลินไปกับงานอาร์ตได้ โดยเลือกสั่งเมนูพิเศษจาก 5 ร้านแบรนด์ดังจาก #GrabThumbsUp ได้ผ่านแอปฯ Grab จนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้ พร้อมสัมผัสความน่ารักจากดีไซน์พิเศษของศิลปิน NEWYEAR ที่บริเวณหน้าร้านของทั้ง 5 แบรนด์ดังได้อีกด้วย

กรุงเทพฯ 22 พฤศจิกายน 2567 – แจกเยอะ จัดเต็ม...ทรู คอร์ปอเรชั่น โดย นางสุกัณณี เลิศสุขวิบูลย์ หัวหน้าสายงานธุรกิจต่างประเทศและบริการดิจิทัล บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น ร่วมกับ 8 พาร์ทเนอร์ชั้นนำ จัดกิจกรรมมอบโชคใหญ่ “รวยคูณสอง แจกทอง แจกรถ” และรางวัลอื่นๆอีกมากมาย รวมมูลค่าทั้งสิ้น 5,084,260 บาท ลุ้นรับโชคใหญ่ง่ายๆ เพียงสมัคร SMS รับบริการเสริมบริการดูดวง และลงทะเบียนร่วมสนุกกับกิจกรรมที่ชื่นชอบ ได้แก่ จัดหนักลุ้นโชคทองแสน ซีซั่น 11 กด *256# จากบริษัท ครีเอทีฟ ดิจิพลัส จำกัด , ดวงเศรษฐี ลุ้นรวยทอง กด *439# จากบริษัท ไอเอ็นเอ็น เน็กซ์ จำกัด , ลุ้นรวยทรัพย์รับทองเเสน ซีซั่น 6 กด *187# จากบริษัท ธิงค์สมาร์ท จำกัด , ดวงมหาโชค แจกหนักจัดใหญ่ ลุ้นทองแสน กด *433# จากบริษัท จีสองร้อยเอ็ม จำกัด , เฮงติดล้อ กด *487# จากบริษัท สมาร์ท เทเลบิช จำกัด , ดวงดีมีทรัพย์ ลุ้นรับรีโว่ กด *236# จากบริษัท ซัมวัน จำกัด, ดวงเฮง เปย์แหลก แจกรถ กด *301# จากบริษัท แมคโคร คีออสค์ จำกัด , โชคหล่นทับ มีรถขับ กด *451# จากบริษัท มิตซุย ไอซีที จำกัด ร่วมสนุก ร่วมลุ้นโชคใหญ่ได้ ตั้งแต่วันนี้ – 31 พฤษภาคม 2568

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง https://www.facebook.com/TrueMoveH/ หรือ https://www.facebook.com/dtac

กรุงเทพฯ, 22 พฤศจิกายน 2567 – ปังยิ่งขึ้น!! เมื่อทรู ดีแทค เอาใจสายมูสุดสุด คอลแลปส์ระหว่าง 2 อาจารย์ดังผู้เชี่ยวชาญด้านศาสตร์เลขเบอร์มงคล และศิลปินนักวาดภาพชื่อดัง ร่วมออกแบบวอลเปเปอร์มงคล เสริมดวงปัง หนุนดวงดี ทั้ง วอลเปเปอร์สำหรับเบอร์ตระกูลฟันธง ที่ออกแบบโดยอ.ลักษณ์ โหราธิบดี x Titans Studio คุณเอเอ จักรี นักวาดมืออาชีพ ที่สนใจในเรื่องของเทพที่เป็นที่เคารพบูชาในหมู่คนไทย และวอลเปเปอร์สำหรับเบอร์มังกรยุค 9 จากหมอช้าง ทศพร x Pomme Chan คุณปอม ธัชมาพรรณ จันทร์จำรัสแสง ศิลปินชื่อดังที่มีผลงานโดดเด่นสไตล์วิจิตรศิลป์ เคยร่วมงานกับแบรนด์ดังมากมาย ลูกค้าทรู ดีแทค สายมูที่ต้องการเสริมดวงสามารถรับวอลเปเปอร์มงคลมูลค่า 299 บาท ได้ฟรี เพียงเปิดเบอร์มงคลใหม่แบบรายเดือน แพ็กเกจ 499 บาทขึ้นไป

 

นายสกลพร หาญชาญเลิศ หัวหน้าสายงานโพสต์เพย์ คอนเวอร์เจนซ์ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “ตลาดเบอร์มงคลยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันเทรนด์ที่กำลังมาแรงสำหรับชีวิตประจำวันคนรุ่นใหม่ก็คือวอลเปเปอร์มงคล ที่นิยมนำไปใช้เสริมดวงในชีวิตประจำวัน ทรู คอร์ปอเรชั่น จึงได้สร้างสรรค์ของขวัญเสริมมงคลให้กับลูกค้าคนพิเศษของเรา ชูความเป็นผู้นำเรื่องศาสตร์เบอร์มงคลของทรูและดีแทค ที่ครบทุกบริการที่สุด มามอบให้ทั้งความปัง ความเฮงกับ วอลเปเปอร์เบอร์มงคลที่ผสานทั้งศาสตร์ของ 2 อาจารย์ดัง กูรูตัวเลขเบอร์มงคลระดับแนวหน้าของเมืองไทย ร่วมกับศิลปินชื่อดัง แนะนำสิ่งศักดิ์สิทธิ์เสริมมงคล และออกแบบวอลเปเปอร์มงคล แบบ exclusive design โดย อาจารย์ลักษณ์ โหราธิบดี x Titans studio คุณเอเอ จักรี นักวาดมืออาชีพ สไตล์ลายเส้นจะมีความจริงจัง แนว traditional เหมาะกับการถ่ายถอดเอกลักษณ์ของเบอร์ฟันธงที่เน้นในเรื่องเทพและโหราศาสตร์ไทย ออกแบบ วอลเปเปอร์สำหรับเบอร์ตระกูลฟันธง

และอาจารย์ช้าง ทศพร ร่วมกับ Pomme Chan คุณปอม ธัชมาพรรณ จันทร์จำรัสแสง ศิลปินที่รู้จักกันดีกับผลงานสไตล์วิจิตรศิลป์ มีผลงาน collab กับแบรนด์ดังมากมาย เหมาะกับการถ่ายทอดเอกลักษณ์ของฮวงจุ้ยมังกร สร้างสรรค์เป็นวอลเปเปอร์สำหรับเบอร์มังกรยุค 9 ซึ่งมั่นใจว่าการสร้างสรรค์วอลเปเปอร์ของทรู ดีแทค ครั้งนี้ เป็นการนำความเชื่อผสมความมูที่จะถูกใจชีวิตคนยุคใหม่ ที่จะมอบให้ทั้งความปัง ความเฮง และเพิ่มสิริมงคลให้ในทุกเรื่องที่ต้องการ”

วอลเปเปอร์จะมีทั้งหมด 9 แบบให้เลือกเสริมดวงปังได้ตรงใจ สนใจเปิดเบอร์เลย! ที่เว็บไซต์มหาจักรวาลเบอร์มงคล หรือทรูช็อป และดีแทคช็อปทุกสาขา รายละเอียดเพิ่มเติม https://lucky-number.true.th/postpaid/

ยืดเปล่า (YUEDPAO) แบรนด์เสื้อผ้าที่ขับเคลื่อนโดยคนรุ่นใหม่ ตอกย้ำความเป็นแบรนด์ขวัญใจมหาชนด้วยการออกภาพยนตร์สารคดีสั้น “รักเรา…ยืดแต่ไม่ย้วย” นำเสนอเรื่องจริงของความรักแห่งยุคสมัย Diversity & Inclusion จากคู่รัก 7 คู่ที่เต็มไปด้วยความแตกต่างหลากหลายและการข้ามผ่านอุปสรรค จนสะท้อนความสัมพันธ์ที่ “ยิ่งยืด ยิ่งพอดี” เพื่อเฉลิมฉลองให้กับยุคสมัยแห่งความเท่าเทียมของความรักที่กำลังเกิดขึ้นจากกฎหมายสมรสเท่าเทียมที่กำลังจะมีผลบังคับใช้ และสะท้อนถึงคุณสมบัติของ TAILOR COOL POLO INNOVATION ที่เป็นเสื้อโปโลแห่งยุคความหลากหลายที่ตอบโจทย์การสวมใส่ของทุกเพศ ทุกวัย ทุกไซซ์ ทุกสีผิว พร้อมตั้งเป้าผลักดันเป็นเบอร์ 1 ของตลาดเสื้อโปโล

คุณทนงค์ศักดิ์ แซ่เอี้ยว ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เริ่มใหม่ จำกัด กล่าวว่า “ยืดเปล่าเติบโตจากแบรนด์ที่ใช้การชูจุดแข็งด้าน Functional หรือนวัตกรรมเนื้อผ้าที่ใส่สบายและมีความยืดหยุ่นคงทนของเสื้อยืดตามสโลแกน ‘ยืดแต่ไม่ย้วย’ จนกลายเป็นแบรนด์ขวัญใจของมหาชนด้วยการพัฒนานวัตกรรมเสื้อผ้าที่ตอบโจทย์รองรับทุกความหลากหลายผู้บริโภคในปัจจุบัน ซึ่งในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เราได้มีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่เป็นเสื้อโปโล TAILOR COOL POLO INNOVATION” ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับความหลากหลายของผู้บริโภคทุกเพศ ทุกวัย ทุกไซซ์ ทุกสีผิว ด้วยนวัตกรรม Tailor Size ที่ทำให้คอลเล็คชั่นดังกล่าวสามารถมีไซซ์รองรับผู้บริโภคได้ถึง 20 ไซซ์ 18 สี และทำให้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเป็นเสื้อโปโลแห่งยุคความหลากหลายที่แท้จริง จนได้รับการตอบรับอย่างดีตั้งแต่เปิดตัว

ยืดเปล่าจึงต่อยอดด้วยการออกแคมเปญ #YourTrueColors นำเสนอภาพยนตร์สารคดีสั้นชื่อ ‘รักเรายืดแต่ไม่ย้วย’ ซึ่งนำเสนอบทสัมภาษณ์จากชีวิตจริงของ 7 คู่รักเป็นตัวแทนของความสัมพันธ์แห่งยุคสมัย Diversity & Inclusion ในหลากหลายเฉดสีของเพศสภาพ ซึ่งแต่ละคู่มาพร้อมกับเรื่องราวความสัมพันธ์ที่ต่างต้องปรับตัวจากความแตกต่างจนหาจุดลงตัวที่พอดีกันและกัน และทำให้ผ่านอุปสรรคที่เกิดขึ้นจากบริบทสังคมรอบข้างได้ เป็นความรักที่ ‘ยิ่งยืด ยิ่งพอดี’ และแต่ละคนสามารถนิยามสีที่สะท้อนถึงความรักของตัวเองที่ไม่เหมือนใครได้ สะท้อนให้เห็นว่า นิยามความรักในยุคสมัยนี้มีความหลากหลายสีสัน และเป็นการเฉลิมฉลองให้กับยุคสมัยแห่งความเท่าเทียมของความรักที่กำลังจะเกิดขึ้นในประเทศไทย

แคมเปญ #YourTrueColors เป็นการตอกย้ำว่า แนวทางในการดำเนินธุรกิจของยืดเปล่าคือการผสานทั้งการสร้างสรรค์นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ พร้อมไปกับการสร้าง Social impact ในการผลักดันสังคมไปสู่ทางที่ดี ซึ่งเป็นเจตนารมณ์ที่ยืดเปล่าทำมาอย่างต่อเนื่อง ยืดเปล่าหวังว่า ภาพยนตร์สารคดีสั้น ‘รักเรา…ยืดแต่ไม่ย้วย’ จะสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนมีความสัมพันธ์ที่ยืดยาว

เป็นบทบันทึกของยุคสมัยแห่งความหลากหลาย และมีเป้าหมายที่จะผลักดันให้ TAILOR COOL POLO INNOVATION ก้าวขึ้นเป็นเบอร์ 1 ของตลาดเสื้อโปโล”

ภาพยนตร์สารคดีสั้น “รักเรา…ยืดแต่ไม่ย้วย” เป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ #YourTrueColors เป็นบทสัมภาษณ์เรื่องราวความรักจากชีวิตจริงของคู่รักแห่งยุค Diversity & Inclusion ซึ่งมีหลากเฉดสีของเพศสภาพ ที่ต้องเผชิญอุปสรรคในความสัมพันธ์ที่ต้องอาศัยการยืดหยุ่น ปรับตัว ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการช่วยให้ความรักยืนยาวที่ทำให้เรียนรู้ว่า “ยิ่งยืด ยิ่งพอดี” โดยมีรายละเอียดของคู่รักแต่ละคู่ดังนี้ 1. ‘ปู่กัญจน์–ย่าตุ๊ก’ ความสัมพันธ์ของหญิงรักหญิงกับชีวิตคู่ที่มั่นคงมากว่า 30 ปี กับนิยามรักสีเขียว สะท้อนความรักที่หนักแน่น มั่นคง เหมือนดังผืนป่า

2. ‘คุณเควิน–คุณเมเปิ้ล’ ความพยายามพิสูจน์ตัวเองของทรานส์แมนกับคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว กับนิยามรักสีเหลือง ที่เปรียบความรักกับความพยายามหันหน้าท้าดวงอาทิตย์เหมือนดอกทานตะวัน 3. ‘คุณอั๋น–คุณปาย’ ชายรักชาย กับความจริงใจที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง และนิยามรักสีขาว ที่สะท้อนความรักที่บริสุทธิ์ และ จริงใจ ไม่เปลี่ยนแปลง

4. ‘Jessica Hush–Lucy Bull’ คู่รัก Drag Artist กับการปลดล็อกนิยามความสัมพันธ์ และนิยามรักสีชมพู ที่สะท้อนความอ่อนโยน นุ่มนวล แต่ สดใส สนุกสนาน และแสดงถึงความเป็นตัวเอง

5. ‘คุณเบิร์ด–คุณน้ำมนต์’ การปรับตัวของคู่รักต่างเฉดสี กับนิยามรักสีฟ้า ที่สะท้อนผลลัพธ์จากการปรับตัวเข้าหากันของทั้งคู่แล้วสามารถทำสิ่งต่างๆ ร่วมกันอย่างเป็นธรรมชาติ จนทำให้พบกับความสดใสในชีวิต

6. ‘คุณลี–คุณจีน่า’ หนุ่มต่างชาติกับทรานส์วูแมนและความแตกต่างที่ขาดกันไม่ได้ และนิยามรักสีม่วง ที่สะท้อนความแตกต่าง เพราะเป็นสีที่มีทั้งวรรณะร้อนและเย็นอยู่ในสีเดียวกันแต่รวมกันแล้วเกิดเป็นสีที่ลงตัวอย่างพอดี

7. ‘คุณภัทร–คุณโอ’ คู่รักที่มีคำมั่นสัญญาว่าจับมือกันผ่านทุกอุปสรรค กับนิยามรักสีแดง ที่สะท้อนความหนักแน่น ร้อนแรง ทำให้มีแรงฮึดในการก้าวผ่านวินาทีแห่งชีวิตได้ ติดตามรับชมภาพยนตร์สารคดีสั้น “รักเรา…ยืดแต่ไม่ย้วย” ของยืดเปล่าได้ที่ https://www.facebook.com/share/v/154po7Eq82/ และติดตามเนื้อหาและกิจกรรมอื่นๆ ภายใต้แคมเปญ #YourTrueColors ได้ที่ https://www.facebook.com/Yuedpao

X

Right Click

No right click