

15 สิงหาคม 2568 - กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ชวนร่วมสัมผัสนวัตกรรม วิจัยใกล้ตัวกับแนวคิด ‘Universe of SRI’ และ โซน ‘Thai Tam Tueng (Thai Technologies & Automatic Machinery Trade) ไทยทำถึง’ นำเสนอผลงานที่จับต้องได้ และประยุกต์ใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน ภายในงานยังมีเทคโนโลยีที่จะช่วยให้ชีวิตและความเป็นอยู่ของคนไทยดีขึ้น พบกับนวัตกรรม เทคโนโลยีเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตในอนาคตที่โซนกิจกรรม ZONE E: LIVING DISTRICT พื้นที่แห่งอนาคต เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า ชูไฮไลต์ “ThaiWater Application” แอปพลิเคชันที่เปลี่ยนข้อมูลน้ำและอากาศที่ซับซ้อนให้เข้าใจง่าย ใช้งานได้จริง เข้าถึงได้ทุกคน ทำให้ผู้เข้าชมรู้สึกว่า “น้ำ” เป็นส่วนสำคัญของชีวิต นำเสนอการเดินทางของหยดน้ำตั้งแต่ “นภา–ภูผา–มหานที” พร้อมแล้วให้คนไทยได้สัมผัสวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีสมัยใหม่ในงาน อว.แฟร์ 2025 ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ – 17 สิงหาคม 2568 เวลา 09.00 – 20.00 น. ณ ฮอลล์ 1–4 ชั้น G ศูนย์ฯ สิริกิติ์
การจัดงาน อว.แฟร์ 2025 ในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของการนำเสนองานวิจัย และนวัตกรรมที่สามารถใช้งานได้จริง เป็นไปตามนโยบายของกระทรวง อว. ที่ต้องการส่งเสริมการวิจัย มุ่งเน้นการพัฒนาคน สร้างองค์ความรู้ และสร้างนวัตกรรมเพื่อขับเคลื่อนประเทศ โดยมีเป้าหมายหลักคือการสร้างความเข้มแข็งทางนวัตกรรมระดับแนวหน้าในสากล และนำพาประเทศไปสู่ประเทศที่พัฒนาแล้ว โดยในวันนี้ (15 สิงหาคม 2568) เริ่มต้นกับการเปิดพื้นที่สำหรับการโชว์ผลงานวิจัยที่สามารถนำไปใช้งานได้จริง บริเวณโซน D: VALLEY OF GROWTH ผลงานจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ภายใต้แนวคิด Universe of SRI: จักรวาลของวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม เป็นพื้นที่การนำเสนอผลงานวิจัยที่จับต้องได้ และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในเชิงธุรกิจ ภาครัฐ และสังคมอย่างเป็นรูปธรรม สามารถใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน ภายใต้แนวคิดอันล้ำสมัย เน้นงานวิจัยที่โดดเด่น และมีความสำคัญต่อสังคม ไม่ว่าจะเป็น ด้านการแพทย์และส่งเสริมสุขภาพ, Frontier and Deep Technology, สิ่งแวดล้อมและการเกษตร, Soft Power และเทคโนโลยีที่เหมาะสม พร้อมใช้งานจริงเพื่อสร้างประสบการณ์ร่วมให้แก่ผู้เข้าชม นอกจากนี้ทุกคนยังจะได้ร่วมสนุกกับ SRI Playground ที่มีกิจกรรมผสมผสาน Art & Science รองรับกลุ่มเป้าหมายทุกช่วงวัย พบเทคโนโลยีล้ำสมัยและกิจกรรมด้านศิลปวัฒนธรรม และลุ้นรับของรางวัลมากมาย

อีกทั้งยังมีโซน Thai Tam Tueng (Thai Technologies & Automatic Machinery Trade) ไทยทำถึง จากสำนักงานปลัดกระทรวง อว. (สป.อว.) ซึ่งมีการนำเสนอผลงานที่ได้รับรางวัลเทคโนโลยียอดเยี่ยม ด้านเครื่องจักรกลและอุปกรณ์ 2568 การแสดงผลงานสิ่งประดิษฐ์ที่ได้รับรางวัลจากเวทีการประกวดสิ่งประดิษฐ์คิดค้นทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีระดับอาชีวศึกษา และอุดมศึกษา (STI Inventions Contest 2025) รอบแชมป์ชิงแชมป์ พร้อมชมการสาธิตเครื่องจักรกลและสิ่งประดิษฐ์ฝีมือคนไทยที่น่าสนใจ "Smart Pick and Place Robot" และหุ่นยนต์น้องหมาแสนฉลาด และอื่นๆ อีกมากมายต่อด้วย ZONE E: LIVING DISTRICT พื้นที่สร้างสรรค์สำหรับคนรุ่นใหม่ ที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้สัมผัสนวัตกรรมเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตในอนาคตอย่างรอบด้าน ครอบคลุมตั้งแต่นวัตกรรมด้านสุขภาพที่มุ่งเน้นการป้องกันและฟื้นฟู เทคโนโลยีพลังงานสะอาดและยั่งยืนเพื่อโลกอนาคต ไปจนถึงนวัตกรรมที่อยู่อาศัยที่สะท้อนวิถีการใช้ชีวิตแบบสมาร์ท โดยมุ่งสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดการออกแบบวิถีชีวิตใหม่ที่เอื้อต่อทั้งผู้คนและสิ่งแวดล้อม
หนึ่งในไฮไลต์สำคัญ คือ นิทรรศการ “จากนภา ผ่านภูผา สู่มหานที: เทคโนโลยีและนวัตกรรมจัดการน้ำเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน” ซึ่งถ่ายทอดเรื่องราวการเดินทางของน้ำตั้งแต่กำเนิดบนท้องฟ้า ผ่านภูเขา ป่าต้นน้ำ สู่ชุมชน เมือง และทะเล โดยเชื่อมโยงแนวคิดการจัดการน้ำทั้งระบบตามพระราชดำริในหลวงรัชกาลที่ 9 พร้อมแนะนำ “ThaiWater Application” เครื่องมืออัจฉริยะที่แปลงข้อมูลน้ำและอากาศที่ซับซ้อนให้เข้าใจง่าย ใช้งานได้จริง และเข้าถึงได้ทุกคน จัดแสดงโดย สถาบันสารสนเทศทรัพยากรณ์น้ำ (องค์การมหาชน)
ภายใน ZONE E ยังมีผลงานจากศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) หรือ ศลช. ภายใต้หัวข้อ “AI เพื่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี” (AI for Health and Wellness) ที่นำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์มาประยุกต์ใช้ในด้านการดูแลสุขภาพอย่างครบวงจร โดยมี Telehealth อุปกรณ์ตรวจคัดกรองสุขภาพเบื้องต้นที่ทำงานร่วมกับระบบ IoT ช่วยให้ประชาชนสามารถประเมินภาวะสุขภาพได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ภายในโซนยังนำเสนอนวัตกรรมส่งเสริมคุณภาพชีวิตโดยหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) ซึ่งร้อยเรียงเรื่องราวจากงานวิจัยที่ขับเคลื่อนการพัฒนาเชิงพื้นที่และวิถีชีวิตท้องถิ่น ผ่านนวัตกรรมชุมชนและการพัฒนาภาคธุรกิจชุมชน (SIE) โดยมีนิทรรศการผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมที่ผสมผสานทุนวัฒนธรรมทั้ง 4 ภาค ผ่านการนำเสนออัตลักษณ์ งานศิลปะดั้งเดิมและศิลปะร่วมสมัยเข้าด้วยกันอย่างลงตัว
สำหรับวันที่ 16 สิงหาคม 2568 อว.แฟร์ 2025 ยังคงอัดแน่นด้วยกิจกรรมดีๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมสำหรับนักเรียน นักศึกษา โดยเปิดโลกการเรียนสู่เวทีสากลผ่านการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและการสร้างเครือข่ายพันธมิตร, กิจกรรมการประกวด MHESI Music Variety Awards 2025 คือการแข่งขันประกวดวงดนตรีผสมผสานประกอบการแสดงวัฒนธรรมพื้นถิ่นไทย ในระดับอุดมศึกษา ชิงถ้วยรางวัลเกียรติยศ และเงินรางวัลมูลค่า 640,000 บาท
ห้ามพลาด! งาน "อว.แฟร์ 2025" และงาน "NST Fair 2025" เปิดให้เข้างานวันนี้ – 16 สิงหาคม 2568 เวลา 09.00 - 20.00 น. และวันที่ 17 สิงหาคม 2568 เปิดให้เข้างาน เวลา 09.00-18.00 น. ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพฯ โดยงาน อว.แฟร์ 2025 จัดขึ้นที่ฮอลล์ 1 - 4 ชั้น G และงาน NST Fair 2025 จัดขึ้นที่ฮอลล์ 5 - 6 ชั้น LG ผู้ที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์ www.mhesifair.com
กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดงาน Thailand E-Commerce Expo 2025 งานอีคอมเมิร์ซใหญ่ที่สุดของไทย จัดระหว่างวันที่ 15–16 สิงหาคม 2568 ณ ทรูไอคอนฮอลล์ ชั้น 7 ไอคอนสยาม เพื่อเสริมศักยภาพผู้ประกอบการไทยในยุคดิจิทัล เชื่อมโยงความรู้ เทคโนโลยี และเครื่องมือใหม่ๆ พบอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังกว่า 50 ชีวิต พร้อม 50 แพลตฟอร์มชั้นนำ และไฮไลท์การมอบรางวัล Thailand e-Commerce Genius 2025 เพื่อเชิดชูผู้ประกอบการ อีคอมเมิร์ซรุ่นใหม่ที่เติบโตจากการใช้เทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์ คาดสร้างมูลค่าการค้าได้กว่า 200 ล้านบาท
นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดงาน Thailand E-Commerce Expo 2025 ณ ทรูไอคอนฮอลล์ ชั้น 7 ศูนย์การค้าไอคอนสยาม ว่า ในวันนี้ (15 สิงหาคม 2568) กระทรวงพาณิชย์ได้มอบหมายให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าจัดงานดังกล่าวขึ้นระหว่างวันที่ 15–16 สิงหาคม 2568 เพื่อส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการไทยในยุคดิจิทัลให้สามารถแข่งขันในตลาดออนไลน์อย่างยั่งยืน เพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้า และขยายโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับธุรกิจรายย่อยทั่วประเทศ
รมว.พณ. กล่าวเพิ่มเติมว่า “งานนี้ถือเป็นงาน E-Commerce ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ จัดต่อเนื่องขึ้นเป็นปีที่ 6 โดยปีนี้จะเน้นการเชื่อมต่อองค์ความรู้ด้านการค้าออนไลน์ เทคโนโลยี และเครื่องมือดิจิทัล ผ่านเวทีสัมมนาและกิจกรรมเชิงปฏิบัติการจากอินฟลูเอนเซอร์และ Creator ชื่อดังกว่า 50 ราย รวมถึงแพลตฟอร์มด้านอีคอมเมิร์ซชั้นนำกว่า 50 ราย ที่มาถ่ายทอดประสบการณ์ตรง แชร์เทคนิคสร้างยอดขายผ่านตลาดออนไลน์ แนะนำการใช้ AI และเครื่องมือใหม่ๆ ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทางธุรกิจ ตลอดจนเปิดพื้นที่ทดลองใช้งานจริงจากแพลตฟอร์มชั้นนำ อาทิ Shopee, Lazada, TikTok Shop, LINE, Meta และอีกมากมาย
ภายในงานประกอบไปด้วย 6 กิจกรรมได้แก่ 1) Guru Talk เวทีถ่ายทอดความรู้จากอินฟลูเอนเซอร์และ Content Creator ชั้นนำกว่า 50 ราย ที่จะเล่าถึงวิธีการสร้างแบรนด์ สร้างไวรัลคอนเทนต์ การใช้ AI เสริมยอดขาย และการทำ Affiliate Marketing อาทิ โอม ค็อกเทล (นักร้องและนักธุรกิจชื่อดัง) ซีเค เจิง (เจ้าของแพลตฟอร์ม Fastwork), หยกทอง แม่ค้าออนไลน์ที่ประสบความสำเร็จ, ทีม The Driver (โอ๊ต ปราโมทย์/พิชญ์ กาไชย/พลอย หอวัง) เจ้าของรายการที่สร้างคอนเทนต์ได้น่าสนใจ, นัทนิสา (จากอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังจนกลายเป็นเจ้าของแบรนด์ Lip It), iHaveCPU (จากแบรนด์เล็กๆ สู่ยอดขายร้อยล้าน), จือปาก (อินฟลูเอนเซอร์ที่ครองใจชาวเน็ตสู่การเป็นเจ้าของธุรกิจ) , RAD Cosmetics (พิม พิมประภา นักแสดงและเจ้าของแบรนด์ ที่มียอดขายอันดับ 1 ใน Tiktok), ฝ้าย ใช้เท้าแต่งหน้า (บิวตี้ครีเอเตอร์ที่มีผู้ติดตามกว่า 6 ล้านราย) และแบงค์กิ (อินฟลูเอนเซอร์ที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์เปลี่ยนอาหารให้เป็นรายได้ จนมีผู้ติดตามกว่า 9 ล้านคน) 2) Pain-Point Fixer โซนที่รวมแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซทั่วไทยกว่า 50 แห่ง อาทิ Lazada, Meta, NocNoc, NextGenCommerce, Shopee และ TikTok Shop พร้อมโซลูชันแก้ปัญหาเฉพาะทาง ทั้งเรื่องโลจิสติกส์ การวิเคราะห์ข้อมูล การปิดการขาย และการชำระเงิน
3) Business Consult โซนให้คำปรึกษาแบบตัวต่อตัวจากผู้เชี่ยวชาญด้านอีคอมเมิร์ซกว่า 20 ราย ครอบคลุมทุกขั้นตอนการทำตลาดออนไลน์ 4) Review and Reward โซนจัดแสดงสินค้าออนไลน์แบรนด์ไทยจากผู้ประกอบการที่ผ่านหลักสูตร Online Marketing Genius รุ่นที่ 5 พร้อมโค้ดส่วนลดและโอกาสเข้าร่วม Affiliate กับครีเอเตอร์ 5) E-Commerce Lab พื้นที่ทดลองและ Workshop การขายออนไลน์จริง เสริมสร้างทักษะผู้ประกอบการผ่านการจำลองสถานการณ์ และ6) DBD Online Mega Sale โปรโมชันพิเศษบน Shopee ผ่านหน้าแลนดิ้งเพจ “สุขใจซื้อของไทย” พร้อมคูปองส่วนลดภายใต้โค้ด “DBD50” รวมมูลค่ากว่า 205,000 บาท ทั้งนี้ คาดว่าจะมีผู้
ประกอบการเข้าร่วมงานทั้งออฟไลน์และออนไลน์รวมกว่า 10,000 ราย สร้างมูลค่าการค้ากว่า 200 ล้านบาท โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายย่อยจะได้รับแรงบันดาลใจในการขยายตลาดและพัฒนาธุรกิจออนไลน์ พร้อมทั้งได้เชื่อมโยงกับพันธมิตรใหม่ๆ และเทคโนโลยีที่จะช่วยให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน
ในวันนี้ยังมีกิจกรรมไฮไลท์อีกหนึ่งกิจกรรมคือ การมอบรางวัล Thailand e-Commerce Genius 2025 ซึ่งเป็นกิจกรรมต่อเนื่องจากโครงการ Online Marketing Genius รุ่นที่ 5 (OMG#5) หลักสูตรเข้มข้นที่จัดต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 5 โดยผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้การใช้เทคโนโลยี AI การทำคลิปวิดีโอ การปักตะกร้า และกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ ก่อนจะผ่านกระบวนการคัดกรองอย่างเข้มข้น จนได้ผู้เข้าร่วมกิจกรรม One-on-One Coaching ระยะเวลา 1 เดือนเต็มกับผู้เชี่ยวชาญด้านดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง จำนวน 50 ราย และคัดเหลือ 10 รายสุดท้าย สู่รอบชิงชนะเลิศครั้งนี้
การมอบรางวัลในวันนี้ประกอบไปด้วย 3 ประเภทรางวัลคือ 1) รางวัลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า มูลค่ารวม 100,000 บาท พร้อมโล่ ใบประกาศนียบัตร และรางวัลสนับสนุนจากหน่วยงานพันธมิตร ได้แก่ AIS, Flash Express, LINE และ Shopee มูลค่ารวม 579,476 บาท โดยแบ่งเป็น รางวัลชนะเลิศ คือ คุณอิทธิกร เทพมณี แบรนด์ JAIKLA ได้รับเงินรางวัลมูลค่า 50,000 บาท โล่ พร้อมประกาศนียบัตร สิทธิพิเศษจาก Flash Express แพคเกจส่งเสริมธุรกิจ (ส่งสินค้าในราคาพิเศษ) กับช่องทางประชาสัมพันธ์ธุรกิจผ่าน Flash Express และสิทธิพิเศษจาก AIS ซิมเป็นหนึ่งพร้อมแพกเกจมูลค่า 749 บาท จำนวน 6 เดือน รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 คือ คุณซูลกิฟลี มะเต๊ะ แบรนด์ Hobee ได้รับเงินรางวัลมูลค่า 30,000 บาท โล่ พร้อมใบประกาศนียบัตร และสิทธิพิเศษจาก AIS ซิมเป็นหนึ่งพร้อมแพกเกจมูลค่า 499 บาท จำนวน 6 เดือน รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 คือ คุณอนุวัช อินปลัด แบรนด์ไทยทิชชู ได้รับเงินรางวัลมูลค่า 20,000 บาท โล่ พร้อมใบประกาศนียบัตร และสิทธิพิเศษจาก AIS ซิมเป็น
หนึ่งพร้อมแพกเกจมูลค่า 499 บาท จำนวน 6 เดือน และรางวัลชมเชย คือ คุณดวงสมร ผุดผ่อง แบรนด์ Fur a Friend ได้รับโล่ พร้อมใบประกาศนียบัตร และสิทธิพิเศษจาก AIS ซิมเป็นหนึ่งพร้อมแพกเกจมูลค่า 499 บาท จำนวน 6 เดือน
2) รางวัลพิเศษจาก LINE ร่วมสนับสนุนให้เป็น Success Case ซึ่งจะได้รับการโปรโมทผ่านช่องทางของ LINE พร้อมของที่ระลึกผ้าห่มลิขสิทธิ์ LINE Friends จำนวน 3 รางวัล ได้แก่ คุณดวงสมร ผุดผ่อง แบรนด์ Fur a Friend, คุณณัฐพร กิตติพงษ์ถาวร แบรนด์ Mami Cover และคุณจิณณ์ณณัช ธนะพิทักษ์ แบรนด์ Grase และ 3) รางวัล Shopee Awards for Thailand E-commerce Genius จำนวน 3 รางวัล ได้แก่ คุณอิทธิกร เทพมณี แบรนด์ JAIKLA ได้รับพื้นที่ในการโปรโมทร้านค้าบนแลนดิ้งเพจ “สุขใจซื้อของไทย” ตั้งแต่วันที่ 1-31 ตุลาคม 2568 พร้อม Shopee Voucher มูลค่า 3,000 บาท, คุณธนวชร หนูแสง แบรนด์ Muscle Chef ได้รับ Shopee Voucher มูลค่า 2,000 บาท และคุณดวงสมร ผุดผ่อง แบรนด์ Fur a Friend ได้รับ Shopee Voucher มูลค่า 1,000 บาท
รมว.พณ. กล่าวปิดท้ายว่า “โอกาสนี้ผมขอแสดงความยินดีกับผู้ที่ได้รับรางวัลในครั้งนี้ และเป็นกำลังใจกับผู้ประกอบการไทย ขอให้มีพลังสร้างสรรค์ธุรกิจสู่อนาคต และภูมิใจในตัวเองว่าท่านคือแรงสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยประกอบกับขอให้ความสำคัญกับการค้าออนไลน์ที่จะไม่ใช่แค่ทางเลือกอีกต่อไป แต่คือโอกาสในการเติบโตอย่างไร้ขีดจำกัด ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะเป็นผู้ผลักดันและเสริมปัจจัยต่างๆ ให้ผู้ประกอบการมีความรู้ที่ทันสมัย และมีเครื่องมือทางการตลาดที่ดี โดยงานนี้แสดงให้เห็นชัดเจนแล้วว่าผู้ประกอบการไทยมีศักยภาพสูงมาก พร้อมที่จะพัฒนาไปสู่แบรนด์ระดับประเทศ และเติบโตอย่างมั่นคงในตลาดโลก”
บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) โดย ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น ประกาศความสำเร็จครั้งสำคัญเพื่อยกระดับการบริการให้ลูกค้าทรูและดีแทคอย่างเป็นทางการ ในการรับมอบใบอนุญาตคลื่นความถี่ใหม่ คือ คลื่น 2300 MHz จำนวน 70 MHz และคลื่น 1500 MHz จำนวน 20 MHz จากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคม 2568 เป็นระยะเวลา 15 ปี
ความสำเร็จนี้ส่งผลให้ บริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ให้บริการที่มีชุดคลื่นความถี่ครอบคลุมและครบที่สุดในประเทศไทย รวมทั้งหมด 8 คลื่นความถี่ ทั้งคลื่นความถี่ต่ำ กลาง และสูง ได้แก่ 700 MHz, 900 MHz, 1500 MHz, 1800 MHz, 2100 MHz, 2300 MHz, 2600 MHz และ 26 GHz ซึ่งสามารถนำมาบริหารจัดการเครือข่ายอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดสู่อนาคต เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งาน 5G และ 4G เหนือระดับให้กับคนไทย การลงทุนเชิงกลยุทธ์ครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ ทรู คอร์ปอเรชั่น ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้ใช้งาน และเตรียมพร้อมรับมือกับการเติบโตของเทคโนโลยีแห่งอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง AI (ปัญญาประดิษฐ์), IoT (อินเทอร์เน็ตในทุกสิ่ง) และเทคโนโลยีดิจิทัลอื่นๆ ที่จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันและการพัฒนาประเทศ
การมอบใบอนุญาตคลื่นอย่างเป็นทางการได้จัดขึ้นที่สำนักงาน กสทช. โดยศาสตราจารย์คลินิก นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ (กลาง) ประธาน กสทช. เป็นผู้มอบ พร้อมด้วยนายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล (ที่ 6 จากซ้าย) รองเลขาธิการ กสทช. และรักษาการเลขาธิการ กสทช. และนายสุทธิศักดิ์ ตันตะโยธิน (ที่ 7 จากซ้าย) รองเลขาธิการ กสทช.สายงานกิจการโทรคมนาคม โดยมี นายจักรกฤษณ์ อุไรรัตน์ (ที่ 4 จากซ้าย) หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกิจการองค์กร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นผู้รับมอบใบอนุญาต พร้อมด้วย นายนฤพนธ์ รัตนสมาหาร (ที่ 3 จากซ้าย) หัวหน้าสายงานรัฐกิจสัมพันธ์และกำกับดูแล นางสาวกนกพร คุณชัยเจริญกุล (ที่ 2 จากซ้าย) หัวหน้าสายงานกลยุทธ์กฎระเบียบการกำกับดูแลกิจการ
การเพิ่มคลื่นความถี่ใหม่นี้จะเปิดประสบการณ์ใหม่โดยตรงต่อการยกระดับคุณภาพชีวิตดิจิทัลของลูกค้าทรูและดีแทคในทุกมิติ ดังนี้ :
· ความเร็วและความเสถียรที่เหนือกว่า: คลื่น 2300 MHz ที่มีความกว้างถึง 70 MHz สามารถนำมาให้บริการ 4G ได้อย่างต่อเนื่องด้วยการใช้โครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่แล้ว รวมทั้งสามารถพัฒนาสู่การ
ให้บริการ 5G ต่อไป ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเร็วในการดาวน์โหลดและอัปโหลดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม ทำให้เพิ่มศักยภาพการใช้งานอินเทอร์เน็ตบนมือถือ อาทิ ดูวิดีโอความละเอียดสูง ติดตามข่าวสาร เล่นเกมออนไลน์ ทำการค้าและประชุมออนไลน์ เป็นต้น
· รองรับการใช้งานดาต้าสู่อนาคต: คลื่น 1500 MHz เป็นคลื่นความถี่ใหม่ที่เหมาะสำหรับการพัฒนาเครือข่ายสู่อนาคต สามารถนำมาเพิ่มความจุของเครือข่ายในช่วงดาวน์โหลดร่วมกับคลื่นความถี่ต่ำและคลื่นความถี่กลางแบนด์อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ รองรับการใช้งานดาต้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และช่วยขยายเครือข่ายให้สามารถรองรับการใช้งานมือถือในทุกพื้นที่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น
· ครอบคลุมทั่วถึงทุกพื้นที่: คลื่นความถี่ใหม่ทั้ง 2300 MHz และ 1500 MHz จะถูกนำมาช่วยเสริมศักยภาพให้เครือข่าย 5G และ 4G ของทรูมีความครอบคลุมพื้นที่ใช้งานมากยิ่งขึ้น ทั้งในพื้นที่ชุมชนเมืองที่มีผู้ใช้งานหนาแน่นและพื้นที่ห่างไกลในต่างจังหวัด ทำให้ประชาชนทุกคนสามารถเข้าถึงสัญญาณอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม
ทรู คอร์ปอเรชั่น มุ่งมั่นที่จะใช้คลื่นความถี่ทั้งหมดที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อสนับสนุนภารกิจการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลขององค์กรธุรกิจ และส่งเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศด้วยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่แข็งแกร่งและยั่งยืน
“ชัยวัฒน์ นันทิรุจ” ซีอีโอหนุ่ม บริษัท เอกา โกลบอล จำกัด (EKA GLOBAL) ที่เพิ่งควักกระเป๋าตัวเองและครอบครัวมอบทุนกว่า 40,000 บาท เพื่อสนับสนุนการติดตั้งโซลาร์เซลล์และแบตเตอรี่ลิเธียมให้แก่ตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) กลุ่มอนุรักษ์สัตว์ป่าและสิ่งแวดล้อม เขาใหญ่ งานนี้ ตชด. จะได้มีไฟฟ้าไว้ชาร์จอุปกรณ์สื่อสารกันแบบสบาย ๆ แถมยังเป็นประโยชน์กับหน่วยงานใกล้เคียง... บอกเลยว่าบอสหนุ่มคนนี้ทั้งเก่ง ทั้งใจบุญ แถมยังตอกย้ำวิสัยทัศน์รักษ์โลกของเอกา โกลบอล ได้อย่างสมบูรณ์แบบ สมกับเป็นผู้นำที่น่าชื่นชมจริง ๆ
บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เผยว่ากระแสตอบรับหลังจัด Roadshow เพื่อนำเสนอข้อมูลหุ้นกู้ให้แก่นักลงทุนสถาบันและสหกรณ์ออมทรัพย์ ได้รับความสนใจอย่างมาก นักลงทุนเชื่อมั่นในพื้นฐานทางธุรกิจของบริษัทฯ ที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นภายหลังการควบรวมกับ INTUCH ส่งผลให้ GULF มีธุรกิจที่มีความหลากหลาย ครอบคลุมธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ ได้เเก่ ธุรกิจพลังงาน ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์ ธุรกิจโทรคมนาคมและดาวเทียม และธุรกิจดิจิทัล ซึ่งเป็นธุรกิจที่สอดรับกับเมกะเทรนด์และตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงของโลกในอนาคต โดยอันดับเครดิตของหุ้นกู้และองค์กรอยู่ที่ระดับ “AA-” แนวโน้ม “Stable” คาดเสนอขายผ่าน 10 สถาบันการเงิน วันที่ 30 กันยายน และ 1 - 2 ตุลาคม 2568
นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เปิดเผยว่า จากที่บริษัทฯ ได้จัด Roadshow เพื่อนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับภาพรวมธุรกิจ และผลประกอบการของบริษัทฯ รวมถึงข้อมูลหุ้นกู้ชุดใหม่ที่จะออกเสนอขายเป็นครั้งแรกภายใต้บริษัทใหม่หลังการควบรวมกิจการกับ INTUCH ให้กับนักลงทุนสถาบันและสหกรณ์ออมทรัพย์ นั้นได้รับความสนใจและการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนในการเข้าร่วมรับฟังข้อมูล
“ภายหลังการควบรวมกับ INTUCH นอกจากจะเป็นการสร้างศักยภาพร่วมกันระหว่างธุรกิจพลังงานและธุรกิจดิจิทัลแล้ว ยังเพิ่มความแข็งแกร่งในด้านฐานะทางการเงินและกระแสเงินสดที่มั่นคงมากขึ้น อีกทั้งยังขยายฐาน Asset, Equity และ EBITDA ให้แข็งแกร่งขึ้น ส่งผลให้ leverage ratio ต่ำลง ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการขยายธุรกิจของบริษัทฯ ในอนาคตด้วย” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงินกล่าว
หุ้นกู้ที่ GULF เสนอขายในครั้งนี้ เป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ จำนวน 4 ชุด ประกอบด้วย หุ้นกู้อายุ 3 ปี เสนอขายผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ ที่มิใช่บุคคลธรรมดา และหุ้นกู้อายุ 5 ปี อายุ 7 ปี และอายุ 10 ปี เสนอขายประชาชนเป็นการทั่วไป โดยหุ้นกู้ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2568 ที่ระดับ “AA-” แนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่”
![]()
ทั้งนี้ GULF ดำเนินธุรกิจในลักษณะ Holding Company ประกอบด้วย ธุรกิจพลังงาน ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์ ธุรกิจโทรคมนาคมและดาวเทียม และธุรกิจดิจิทัล
ในส่วนของธุรกิจพลังงาน GULF เป็นหนึ่งในผู้ผลิตไฟฟ้าภาคเอกชนชั้นนำของประเทศ ที่ดำเนินธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติและจากพลังงานหมุนเวียน รวมไปถึงธุรกิจก๊าซ ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงหลักที่มีความสำคัญต่อการผลิตไฟฟ้า ช่วยเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้แก่ประเทศไทย
ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์ GULF มีโครงการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (Public-Private Partnership: PPP) หลายโครงการ โดยมุ่งเน้นส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ผ่านการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศ อาทิ โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 โครงการมอเตอร์เวย์สายบางปะอิน – นครราชสีมา (M6) และสายบางใหญ่ – กาญจนบุรี (M81) ในส่วนการดำเนินงานและการบำรุงรักษา (Operation & Maintenance : O&M) และโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดระยะที่ 3 (ช่วงที่ 1)
ธุรกิจโทรคมนาคมและดาวเทียม GULF ถือหุ้น 40.4% ในบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (ADVANC) ซึ่งรู้จักกันดีภายใต้แบรนด์ AIS ผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยี และยังถือหุ้นทั้งทางตรงและทางอ้อมกว่า 40% ในบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) (THCOM) ผู้นำในการให้บริการด้านโทรคมนาคมผ่านดาวเทียมของประเทศไทย
ธุรกิจดิจิทัล GULF ร่วมกับ Singtel และ ADVANC ลงทุนในธุรกิจศูนย์ข้อมูล (Data Center) ซึ่งเป็นผู้พัฒนาศูนย์ข้อมูลในประเทศไทย สำหรับธุรกิจ Cloud นั้น ปัจจุบัน GULF ร่วมกับ AIS พัฒนาธุรกิจการให้บริการทั้ง public cloud และ private cloud โดยร่วมกับพันธมิตรระดับโลกอย่าง Oracle และ Google โดย Oracle Alloy เป็นระบบ public cloud ในขณะที่ Google Distributed Cloud air-gapped เป็นระบบคลาวด์ที่มีความปลอดภัยสูง ซึ่งมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นทางภาครัฐ เอกชน และกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม นอกจากนี้ GULF ยังให้บริการโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลผ่านสินทรัพย์ดิจิทัล โดยร่วมมือกับ Binance ลงทุนใน GULF Binance เพื่อให้บริการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งสอดคล้องกับกระแส Blockchain Technology ในปัจจุบัน
ทั้งนี้ GULF มุ่งมั่นสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน พร้อมที่จะขับเคลื่อนธุรกิจด้วยนวัตกรรมที่ไม่มีข้อจำกัด ด้วยการขยายการลงทุนไม่เพียงแค่ในประเทศไทย แต่ยังสามารถก้าวไปได้ไกลในต่างประเทศ โดยความแข็งแกร่งของภาคธุรกิจไทยจะเป็นแรงสนับสนุนสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ เพิ่มศักยภาพการแข่งขันทางธุรกิจสู่ระดับสากล
การเติบโตของ GULF ได้สะท้อนผ่านผลการดำเนินงานไตรมาสแรกของปี 2568 (ข้อมูลทางการเงินเสมือน) โดยบริษัทฯ มีรายได้รวม 32,344 ล้านบาท โดยมีกำไรจากการดำเนินงาน (core profit) 6,506 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.91% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2567 ซึ่งมีกำไรจากการดำเนินงานที่ 4,932 ล้านบาท
สำหรับวันที่คาดว่าจะเสนอขายหุ้นกู้ GULF คือวันที่ 30 กันยายน และวันที่ 1-2 ตุลาคม 2568 โดยผู้ที่สนใจจองซื้อสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมจากหนังสือชี้ชวนการเสนอขายหุ้นกู้ได้ที่ www.sec.or.th หรือสอบถามผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ ดังต่อไปนี้
- ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (ยกเว้นสาขาไมโคร) โทร. 1333 หรือจองซื้อผ่านแอปฯ Bangkok Bank Mobile Banking สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดา
- ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-111-1111 หรือจองซื้อออนไลน์บนแอปฯ Krungthai Next ผ่านระบบ Money Connect by Krungthai สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดา
- ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) โทร. 1572 หรือจองซื้อผ่านแอปฯ krungsri app สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดา
- ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-888-8888 กด 869 หรือจองซื้อผ่านเว็บไซต์ K-My Invest (www.kasikornbank.com/kmyinvest) สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดาสัญชาติไทย
(ซึ่งรวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย ในฐานะหน่วยงานขายของธนาคารกสิกรไทย)
- ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) โทร. 02-777-6784 หรือจองซื้อผ่านแอปฯ SCB EASY สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดาสัญชาติไทย (ซึ่งรวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ ในฐานะหน่วยงานขายของธนาคารไทยพาณิชย์)
- ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-626-7777 หรือจองซื้อผ่านแอปฯ CIMB Thai สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดา
- ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) โทร. 1428 กด #4 (ซึ่งรวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ธนชาต ในฐานะหน่วยงานขายของธนาคารทหารไทยธนชาต)
- ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) โทร. 02-285-1555
- บริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) โทร. 02-165-5555 หรือจองซื้อผ่านแอปฯ Dime! สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดา (ซึ่งรวมถึงธนาคารเกียรตินาคินภัทร ในฐานะหน่วยงานขายของบริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคินภัทร)
- บริษัทหลักทรัพย์เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โทร. 02-658-5050
เพราะความสนุก ไม่ควรรอ... “The NEW is NOW...ทรูวิชั่นส์ นาว (TrueVisions NOW) สตรีมมิ่งแพลตฟอร์มที่รวมทั้งกีฬา และความบันเทิงไว้ได้อย่างครบถ้วนในแอปเดียว จัดงานเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ภายใต้แนวคิด “NOWtainment – ครบ จบ ทุกความบันเทิง” รวมคอนเทนต์เด็ดจากพันธมิตรระดับโลก ชูแพลตฟอร์มเดียวที่ตอบโจทย์ครบทั้งสายบันเทิง กีฬา และข่าวสาร พร้อมเปิดตัวแพ็กเกจใหม่ทั้งหมดที่ออกแบบให้ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ เข้าถึงง่ายทุกเจน สตรีมรับความบันเทิงได้ที่ https://tvs-now.onelink.me/fKef/vxd8mhn0
ยกระดับประสบการณ์การรับชมสุดพรีเมียม
องอาจ ประภากมล หัวหน้าสายงานทรูวิชั่นส์ และมีเดีย บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “ทรูวิชั่นส์ นาว (TrueVisions NOW) พร้อมเปิดประสบการณ์ที่สุดของคอนเทนต์ใหม่เต็มรูปแบบ “The NEW is NOW” ที่จะตอกย้ำความเป็น “NOWtainment – ครบ จบ ทุกความบันเทิง” เต็มอิ่มไปกับประสบการณ์การรับชมแบบไม่มีขีดจำกัด สตรีมมิ่งแพลตฟอร์มอันดับหนึ่งของไทย ที่จะเดินหน้าสู่ความเป็น Home of Entertainment ตอบโจทย์ทุกเจเนอเรชันในยุคดิจิทัล ที่มาพร้อมโฉมใหม่ของทุกแพ็กเก็จที่เข้าถึงง่าย และลูกค้ายังสามารถเลือกจำนวนของอุปกรณ์ จำนวนของจอที่จะรับชมได้ตามความต้องการ ชูไฮไลท์คอนเทนต์ที่เหมาะสำหรับทุกไลฟ์สไตล์ หนัง ซีรีส์ เด็ดจากทุกมุมโลก เอาใจคนสายบันเทิงกว่า 2,000 รายการ มากกว่า 30,000 ชั่วโมง ทั้งTrueVisions NOW Original หนังไทยจากโรงภาพยนตร์ที่ส่งตรงมาทุกเดือน เต็มอิ่มไปกับ ซีรีส์ฟอร์มยักษ์คุณภาพระดับพรีเมียมจากโซนเอเซีย ทั้งจีน เกาหลี ญี่ปุ่นกว่า 200 เรื่อง เพลิดเพลินไปกับคอนเทนต์จากฝั่งอเมริกา และยุโรป ไม่ว่าจะเป็นหนัง ซีรีส์ ที่คัดสรรมาให้แล้วกว่า 400 เรื่องพร้อมพากย์ไทย และซับไทย รวมถึงสารคดีอาหารยอดนิยม ความบันเทิงสำหรับครอบครัว ที่มีมากกว่า 200 รายการ อีกทั้ง ยังมีอนิเมะให้ติดตามชมกันกว่า 120 เรื่อง ตลอดจนคอนเทนท์พรีเมียมข่าวธุรกิจระดับโลก นอกจากนี้ ยังมีการเสริมทัพด้วยแอปชั้นนำระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น iQIYI, WeTV, VIU และอีกมากมายที่กำลังตามมา ให้ผู้ชมสามารถเพลิดเพลินไปกับคอนเทนต์ที่หลากหลาย ในระดับคุณภาพได้อย่างสะดวกสบายในแอปเดียว ยิ่งไปกว่านั้น จากพฤติกรรมของผู้ชมในปัจจุบันที่ต้องการความรวดเร็ว เราจึงได้พัฒนา Shorts Vertical ละครสั้น ภายในแอปพลิเคชัน ซึ่งกำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในตอนนี้ และพิเศษสุด !!! กับการลากกระเป๋าเข้าบ้านครั้งสำคัญของเหล่านักล่าฝัน ที่แฟนคลับต่างเฝ้ารอการกลับมากับรายการเรียลลิตี้อันดับหนึ่งในไทย ที่อยู่ในใจของหลาย ๆ คน อย่าง “อะคาเดมี แฟนเทเชีย”
ทั้งนี้ “ทรูวิชั่นส์ นาว” (TrueVisions NOW) ยังตอกย้ำความเป็น “King of Sports” ด้วยคอนเทนต์สายกีฬา ที่คัดสรร จัดเต็มมาให้รับชมกันแบบมากที่สุดในประเทศไทย มากกว่า 11,000 แมตช์ ทั้งจากช่องกีฬาระดับโลกที่คอกีฬาต้องรู้จักอย่าง beIN Sports และ SPOTV รวมถึงคอนเทนต์ที่จัดมาให้ชมกันแบบเอ็กซ์คลูซีฟที่ “ทรูวิชั่นส์ นาว”(TrueVisions NOW) ที่เดียว เติมเต็มความเต็มอิ่มให้คอบอลชาวไทย 9 ลีก 15 ถ้วย ชมสดได้กว่า 2,000 แมตช์ตลอดฤดูกาล อาทิ ฟุตบอล UEFA Champions League, UEFA Europa League, UEFA Conference League, La Liga และ Calcio Serie A เป็นต้น
สำหรับแฟนเทนนิสครบทั้ง 4 แกรนด์สแลม และ103 ทัวร์นาเมนต์ ทั้ง Australian Open, French Open, Wimbledon และ US Open รวมถึง ATP Tour, WTA Tour อีกทั้งการแข่งขันกอล์ฟระดับเมเจอร์ของทั้งชาย และหญิงที่ครบทั้ง 9 รายการ อาทิเช่น The Masters, The Open, LPGA Tour และ PGA Tour รวมถึงรายการอื่น ๆ
ตื่นเต้น! เร้าใจ ร่วมเชียร์ 2 นักแข่งไทยร่วมสร้างประวัติศาสตร์ไปกับ “อเล็กซ์ อัลบอน” และ “สมเกียรติ จันทรา” บนสนามระดับโลก อย่าง Formula 1 และ Moto GP สดครบทุกสนาม พร้อมการแข่งขันความเร็วมากที่สุดในไทย 6 รายการ กว่า 81 สนาม และยังสามารถติดตามเชียร์นักแบดชาวไทยในการแข่งขันแบดมินตัน BWF World Tour ที่มีกว่า 1,700 แมตช์ รวมไปถึงการแข่งขัน World Snooker Tournament กว่า 700 รายการ

เชียร์มันส์! ไปกับคอกีฬาศิลปะการต่อสู้ต้องไม่พลาดกับการแข่งขัน Mixed Martial Arts อันดับหนึ่งของโลกอย่าง UFC มีมากถึง 56 แมตช์ และสำหรับแฟนลูกยางพลาดไม่ได้กับ FIVB U-21 World Championship , Volleyball Thailand League, CEV Champions League และ KOVO League
เชียร์ไทย! ให้เป็นเจ้าเหรียญทองในมหกรรมกีฬา SEA Games ครั้งที่ 33 และ ASEAN Para Games ครั้งที่ 13 ที่ “ทรูวิชั่นส์ นาว” (TrueVisions NOW) OTT เพียงรายเดียวในไทยที่ได้รับสิทธิ์ในการถ่ายทอดสด และรับชมย้อนหลังได้ทุกที่ ทุกเวลา
เต็มอิ่มกับความสนุก และความบันเทิง ได้แบบไม่มีสะดุด ทุกที่ ทุกเวลา ทุกอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต สมาร์ททีวี หรือ กล่องทรูไอดี ผ่านแอปพลิเคชัน TrueVisions NOW ซึ่งออกแบบมาให้ใช้งานง่าย ตอบโจทย์ทุกเจเนอเรชันในยุคดิจิทัล ในราคาแพ็กเก็จที่เข้าถึงง่าย ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกจำนวนของอุปกรณ์ และจำนวนของจอที่จะรับชมได้ตามความต้องการ ที่มาพร้อมแพ็กเกจใหม่ทั้งหมด

● NOW ENT บันเทิงครบ แอปตัวท็อป ฟินจบในแพ็กเดียว เริ่มต้นที่ 99 บาท (1 จอบนมือถือ) หรือเลือกตามความต้องการ 199 บาท (1 จอบนทุกอุปกรณ์ พร้อมแอป IQIYI) หรือฟินพร้อมกัน 2 จอบนทุกอุปกรณ์พร้อมแอปเอเซียสุดฮิต IQIYI, WeTV และ VIU ในราคา 299 บาท
● NOW FOOTBALL ดูฟุตบอลสด 9 ลีก 15 ถ้วย มากที่สุดในไทย พร้อมพากย์สดด้วยนักพากย์ระดับแถวหน้าของประเทศ ราคา 199 สำหรับลูกค้าทรู และราคา 259 บาท สำหรับลูกค้าทั่วไป (เชียร์มันพร้อมกันสูงสุด 1 จอบนทุกอุปกรณ์)
● NOW SPORTS แพ็กเดียวจบ สด ครบ กีฬามันส์มากกว่า 11,000 แมตช์ ราคา 699 บาท จากทั่วทุกมุมโลก (เต็มอิ่มทุกความมัน พร้อมกันสูงสุด 1 จอบนทุกอุปกรณ์)
● NOW MAX ครบ จบ ทุกความบันเทิง และกีฬาสดมากที่สุดในไทย รวม NOW ENT, NOW SPORTS พร้อมสารคดี ข่าวต่างประเทศทั่วโลก อาทิ CNN BBC CNBC และอื่นๆ รวม 58 ช่อง เสริมทัพด้วยแอปสุดฮิต IQIYI, WeTV, และ VIU ไว้ในแพ็กเดียวราคาเพียง 1,599 บาท (สนุกพร้อมกันยกก๊วน สูงสุด 4 จอบนทุกอุปกรณ์)
สำหรับสมาชิกทรูวิชั่นส์ระบบจานดาวเทียม และเคเบิล ร่วมสัมผัสความบันเทิงในมิติใหม่ ด้วยสิทธิใช้ TrueVisions NOW โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เพื่อให้ได้เต็มอิ่มกับความบันเทิงจากทั่วโลกอย่างแท้จริง ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันทรูวิชั่นส์ นาว (TrueVisions NOW) วันนี้ สามารถรับชมความสนุก ความบันเทิงผ่าน สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต สมาร์ททีวี และกล่องทรูไอดี เพียงค้นหาคำว่า TrueVisions NOW ทาง App Store (IOS), Google Play (Android) และทาง Apple TV, Android TV, Samsung TV, LG TV, HISENSE TV
ทรู ดีแทค จัดโมเมนต์สุดพิเศษ ให้แฟนคลับใจบางไม่ไหวรับเครื่อง Samsung Galaxy Z Fold7 | Z Flip7 เอ็กคลูซีฟเหนือใครในงาน “Lucky Galaxy Fans with Phuwin by True dtac 5G” เสิร์ฟความฟินให้ลูกค้าที่จองเครื่องกับทรู ดีแทค ระหว่างวันที่ 9 – 23 ก.ค. 68 พร้อมสิทธิ์รับเครื่องใหม่จากมือพรีเซนเตอร์หนุ่มขวัญใจ “ภูวินทร์ ตั้งศักดิ์ยืน” แบบใกล้ชิด บรรยากาศในงาน เต็มไปด้วยรอยยิ้มและอินเนอร์น่ารักเกินต้าน! งานนี้บอกเลยว่าแฟน ๆ ทั้งเขิน ทั้งปลื้ม ทั้งได้เครื่องใหม่สุดล้ำกลับไปครอบครองอย่างภาคภูมิใจ โดยมี คุณปิยะพันธุ์ นาคะโยธิน หัวหน้าสายงานบริหารธุรกิจค้าปลีก บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น ร่วมแสดงความยินดีกับลูกค้าผู้โชคดี ณ ทรูแบรนดิ้ง ช็อป สยามพารากอน
ลูกค้าทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า…นี่คือประสบการณ์ที่ไม่อาจลืม ทั้งได้พบศิลปินที่ชื่นชอบอย่างใกล้ชิด และได้เป็นเจ้าของสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่ล้ำที่สุดจาก Samsung บนเครือข่ายทรู ดีแทค 5G ที่ดีที่สุด
สำหรับลูกค้าทั่วไป สามารถเป็นเจ้าของ Samsung Galaxy Z Fold7 | Z Flip7 ได้แล้วที่ทรู ดีแทค พร้อมรับสิทธิพิเศษสุดคุ้ม ตั้งแต่วันที่ 1 – 31 ส.ค. 68
· เครื่องพร้อมแพ็กเกจ
- เก่าแลกใหม่ ลดเพิ่มสูงสุด 8,000 บาท
- ยิ่งงอยู่นาน ยิ่งลดเพิ่ม นำอายุการใช้งานแลกส่วนลดเพิ่มสูงสุด 2,000 บาท
- เน็ตไม่อั้น อันลิมิเต็ด บนเลนพิเศษ กับแพ็กเกจ 5G SUPER GAMER
- คุ้มครองจอนาน 2 ปี (ไม่รวมอุบัติเหตุ)
- เลือกผ่อน 0% นาน 36 เดือน กับบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ หรือรับเครดิตเงินคืน 55% หรือเลือกผ่อนสบายไม่ง้อบัตร นาน 48 เดือน กับ PAY NEXT EXTRA พร้อมรับเครดิตเงินคืน รวมสูงสุด 5,000 บาท
· เครื่องเปล่าไม่ติดสัญญา
- เก่าแลกใหม่ ลดเพิ่มสูงสุด 7,000 บาท
- ยิ่งอยู่นาน ยิ่งลดเพิ่ม นำอายุการใช้งานแลกส่วนลดเพิ่มสูงสุด 2,000 บาท
- รับคุ้มครองจอนาน 2 ปี (ไม่รวมอุบัติเหตุ)
- เลือกผ่อน 0% นาน 10 เดือน กับบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ หรือรับเครดิตเงินคืน 55% หรือเลือกผ่อนสบายไม่ง้อบัตร นาน 48 เดือน กับ PAY NEXT EXTRA พร้อมรับเครดิตเงินคืน รวมสูงสุด 5,000 บาท
สนใจเปิดประสบการณ์ใหม่ให้ทุกไลฟ์สไตล์เหนือกว่าที่เคยพับ บนเครือข่ายที่เร็วแรง และปลอดภัยที่สุด ได้ที่ https://www.true.th/store/online-store/shop/samsunggalaxy-z-series-flip7-fold7
บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มภายใต้แบรนด์สินค้าของซันโทรี่และเป๊ปซี่โคในประเทศไทย ประกาศแต่งตั้งนายยุทธนา จิตจรุงพร ดำรงตำแหน่งรองประธานบริหารอาวุโสฝ่ายการตลาด (ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด) มีผลตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป
การเข้ารับตำแหน่งในครั้งนี้ นายยุทธนา จิตจรุงพร จะเข้ามาบริหารงานด้านการตลาด โดยดูแลทั้งการวางแผนเชิงกลยุทธ์และขับเคลื่อนการดำเนินงานทางการตลาดต่าง ๆ ของซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย ครอบคลุมทุกผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม ได้แก่ เป๊ปซี่ มิรินด้า เซเว่นอัพ สติงค์ เกเตอเรด ลิปตัน ทีพลัส บอส คอฟฟี่ และอควาฟิน่า พร้อมปลดล็อกข้อจำกัดและเพิ่มศักยภาพของแบรนด์ ด้วยการใช้นวัตกรรมเพื่อช่วยตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค การตลาดที่มีความฉับไว คล่องตัว (Agile Marketing) รวมถึงการถ่ายทอดเรื่องราวของแบรนด์อย่างสร้างสรรค์ เพื่อให้สอดรับกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนการเติบโตและเป้าหมายที่ชัดเจน นายยุทธนา จะเป็นผู้นำในการดำเนินแคมเปญการตลาดแบบบูรณาการ เพื่อสร้างความผูกพันให้แบรนด์ต่าง ๆ ของบริษัทฯ เป็นที่รักของผู้บริโภค ควบคู่ไปกับการเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด และตอกย้ำภาพลักษณ์แบรนด์เครื่องดื่มภายใต้ ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย ในฐานะแบรนด์ยอดนิยมของคนไทย การแต่งตั้งครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการเป็นผู้นำตลาดเครื่องดื่ม ด้วยผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมใหม่ที่ตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค ภายใต้แบรนด์ที่แข็งแกร่ง พร้อมสร้างคุณค่าให้กับสังคมไทย
นายยุทธนา จิตจรุงพร รองประธานบริหารอาวุโสฝ่ายการตลาด บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เข้ามาร่วมงานกับ ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ ค่านิยมองค์กร ‘การเติบโตอย่างยั่งยืน (Growing for Good) ของบริษัทฯ นั้น สะท้อนถึงสิ่งที่ผมเชื่อมั่นและยึดถือในการทำงานได้เป็นอย่างดีทั้งในด้านการกำหนดเป้าหมาย การให้ความสำคัญกับนวัตกรรม และการทำงานในวัฒนธรรมองค์กรที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว นอกจากนี้ ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย ยังโดดเด่นด้วยพอร์ตโฟลิโอแบรนด์เครื่องดื่มที่แข็งแกร่ง และขับเคลื่อนด้วยพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญในการก้าวสู่ความเป็นผู้นำในตลาดที่มีการแข่งขันสูงและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ในยุคที่ผู้บริโภคมองหาผลิตภัณฑ์ที่มีทั้งความคุ้มค่า ดีต่อสุขภาพ และใส่ใจเรื่องความยั่งยืนมากขึ้น ผมมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางการตลาด (Marketing Transformation) ด้วยกลยุทธ์ที่มาจากข้อมูลเชิงลึก ซึ่งมีความยืดหยุ่นและสามารถปรับเปลี่ยนได้เร็ว เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและเข้าถึงผู้บริโภคอย่างแท้จริง ผมตั้งใจทำงานร่วมกับทีมงานทุกฝ่ายอย่างใกล้ชิด เพื่อร่วมกันสร้างการเติบโตครั้งใหม่ เสริมสร้างความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อแบรนด์ รวมถึงส่งมอบผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มรสชาติดีคุณภาพเยี่ยม ควบคู่ไปกับการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน”
นายยุทธนา มีประสบการณ์การทำงานในแวดวงอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคและธุรกิจค้าปลีกในองค์กรระดับโลก มายาวนานกว่า 20 ปี โดยมีความเชี่ยวชาญในด้านการสร้างแบรนด์ การพัฒนานวัตกรรม การขยายหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์ และการพลิกโฉมธุรกิจสู่ดิจิทัลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งก่อนที่จะร่วมงานกับซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย นายยุทธนา เคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด (กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มให้พลังงาน) ประจำภูมิภาคเอเชีย และตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ในเมียนมาร์ ลาว และกัมพูชา ที่เป๊ปซี่โค โดยประสบความสำเร็จในการนำทีมปรับภาพลักษณ์แบรนด์และพอร์ตโฟลิโอผลิตภัณฑ์ในตลาดเกิดใหม่ที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ นายยุทธนา ยังเคยดำรงตำแหน่งสำคัญด้านการตลาดและการพัฒนาธุรกิจในองค์กรชั้นนำหลากหลาย อาทิ เซ็นทรัล กรุ๊ป เทสโก้ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน และดานอน อีกด้วย ทั้งนี้ ด้านการศึกษา นายยุทธนา สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท หลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการตลาด (Master of Science in Marketing) จาก University of Bath สหราชอาณาจักร และ ปริญญาตรี หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาบริหารธุรกิจและการตลาด (Bachelor of Science in Business, Marketing) จาก Indiana University Bloomington สหรัฐอเมริกา
ด้วยความเชี่ยวชาญในระดับภูมิภาคและผลงานที่โดดเด่นในการสร้างการเติบโตให้กับแบรนด์และธุรกิจ นายยุทธนา จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการเสริมศักยภาพทางธุรกิจของ ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย และตอกย้ำความแข็งแกร่งของบริษัทฯ ในฐานะผู้นำตลาดเครื่องดื่มในประเทศไทย โดยภายใต้การบริหารของเขา ซึ่งให้ความสำคัญกับผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง พร้อมขับเคลื่อนการเติบโตทางธุรกิจควบคู่ไปกับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน จะส่งผลให้ ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย เดินหน้าสู่การบรรลุวิสัยทัศน์ขององค์กร โดยก้าวสู่การเป็น “บริษัทเครื่องดื่มที่ผู้บริโภครักมากที่สุดในประเทศไทย โดยมุ่งเน้นความต้องการของผู้บริโภคอย่างแท้จริง” (The Most Beloved Beverage Company in Thailand with True Gemba Centricity)
“กรุงศรี ออโต้” ผู้นำธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ครบวงจร เครือธนาคารกรุงศรีอยุธยา (จำกัด) เชิญชวนเคนที่กำลังมองหารถป้ายแดงมาร่วมสัมผัสประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟก่อนตัดสินใจซื้อรถ ในงาน “Krungsri Auto Ultimate Test Drive & Ride 2025” งานทดลองขับขี่รถสุดยิ่งใหญ่ที่รวบรวมรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ทั้งสันดาปและอีวี กว่า 29 แบรนด์ 70 รุ่น ไว้ในที่เดียว พร้อมจัดเต็มโปรโมชันสุดคุ้มสำหรับลูกค้าที่สมัครสินเชื่อรถยนต์ภายในงาน ลุ้นรับสิทธิ์ถึง 3 ต่อ และโปรโมชันพิเศษสำหรับลูกค้าสินเชื่อรถจักรยานยนต์ รับบัตรกำนัลมูลค่าสูงสุด 500 บาท และรับกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย เฉพาะภายในงานระหว่างวันที่ 16–17 สิงหาคม 2568 เวลา 09:00 – 17:00 น. ณ บราโว บีเคเค (Bravo BKK)
กรุงศรี ออโต้ ตอกย้ำการเป็นผู้นำในบริการสินเชื่อยานยนต์ ด้วยบริการทดลองขับขี่แบบครบวงจร เจ้าแรกและเจ้าเดียวในตลาด ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง ด้วยการให้ลูกค้าได้ทดลองขับขี่จริงก่อน เพื่อเพิ่มความมั่นใจก่อนตัดสินใจซื้อ ผ่านการจัดงาน “Krungsri Auto Ultimate Test Drive & Ride 2025” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 โดยในครั้งนี้ กรุงศรี ออโต้ กลับมาในรูปแบบที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม ด้วยการเตรียมพร้อมเปิดพื้นที่ผ่าน 4 โซนหลัก เพื่อเชื่อมต่อผู้บริโภคกว่า 3,000 คน และพันธมิตรยานยนต์กว่า 29 แบรนด์ให้ผู้ร่วมงานได้ทดลองขับขี่กันอย่างจุใจ โดยกิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วย
· Test Drive & Ride Zone ที่เปิดโอกาสให้ผู้สนใจซื้อรถได้สัมผัสประสบการณ์ทดลองขับขี่ทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์มากกว่า 70 รุ่น จากกว่า 29 แบรนด์ชั้นนำ บนเส้นทางทดสอบที่ออกแบบมาให้สามารถสัมผัสสมรรถนะจริงของรถ เพื่อให้ผู้ทดลองสามารถพิจารณาก่อนตัดสินใจ โดยผู้ลงทะเบียนสามารถเลือกทดลองได้สูงสุดถึง 3 คันต่อคน
· Krungsri Auto Advisory Zone พบกับทีมที่ปรึกษาด้านการเงินจาก กรุงศรี ออโต้ ที่พร้อมให้คำแนะนำ และช่วยวางแผนการผ่อนชำระให้เหมาะกับอาชีพ รายได้ และไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคล
· Market Zone รวบรวมสินค้าไลฟ์สไตล์สำหรับคนรักรถและการเดินทาง อาทิ หมวกกันน็อคที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี Glancing Off ที่ช่วยเบี่ยงเบนแรงกระแทกเมื่อเกิดอุบัติเหตุ MUFU กล้องติดหมวกกันน็อค อันดับ 1 จากประเทศไต้หวัน ที่มีความสามารถในการบันทึกภาพอัตโนมัติ PT Maxnitron น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ 100% คุณภาพสูง เกรดพรีเมียม พร้อมด้วยสินค้าและอุปกรณ์เสริมอื่นอีกมากมาย
· Fill the Tank Zone อิ่มอร่อยกับเมนูเด็ดจากร้านดัง ที่ขนทัพมาเสิร์ฟถึงหน้างานให้ลิ้มลองอย่าง ร้านสุกี้พรศิริ ร้านคั่วไก่ไอ้เครา ร้านกาแฟพันธุ์ไทย และร้านอาหารชื่อดังอื่น ๆ ที่น่าลิ้มลอง
ทั้งนี้ พลาดไม่ได้กับหลากหลายข้อเสนอสุดพิเศษ! กรุงศรี ออโต้ ยังได้ขนทัพผลิตภัณฑ์และบริการด้านสินเชื่อ รวมถึงรางวัลมากมายสำหรับลูกค้าที่สมัครสินเชื่อภายในงาน Krungsri Auto Ultimate Test Drive & Ride 2025 ไม่ว่าจะเป็น แคมเปญสำหรับผู้ขอสินเชื่อรถใหม่ ‘กรุงศรี นิว คาร์’ รับสิทธิ์ 2 ต่อ
· ต่อที่ 1: ลูกค้าที่ร่วมงานและสมัครสินเชื่อรถยนต์ภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2568 พร้อมได้รับอนุมัติเป็นเลขที่สัญญา และรับรถภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2568 ได้สิทธิ์ลุ้นรับรางวัลเครื่องใช้ไฟฟ้าจำนวน 70 รางวัล มูลค่าสูงสุด 10,990 บาทต่อสัญญา รวมมูลค่ากว่า 180,000 บาท
· ต่อที่ 2: ลูกค้าที่สมัครสินเชื่อภายในงาน พร้อมได้รับอนุมัติเป็นเลขที่สัญญา และรับรถภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2568 รับเพิ่มบัตรของขวัญกรุงศรี (Krungsri Gift Card) มูลค่าสูงสุด 3,000 บาท
· ต่อที่ 3: ลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าเก่าที่ปิดบัญชีไม่เกิน 5 ปี (ยกเว้นผลิตภัณฑ์ประกันภัย) รับสิทธิ์ลุ้นทองคำ 1 สิทธิ์ ต่อ 1 สัญญาเช่าซื้อ จากแคมเปญ ‘Welcome Back กรุงศรี นิว คาร์ รวมมูลค่า 1 ล้านบาท
แคมเปญสำหรับผู้ขอสินเชื่อ ‘กรุงศรี มอเตอร์ไซค์’ และ ‘กรุงศรี บิ๊ก ไบค์’
· ลูกค้าที่สมัครสินเชื่อภายในงาน พร้อมได้รับอนุมัติเป็นเลขที่สัญญา และรับรถภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2568 จะได้รับของสมนาคุณตามประเภทรถ ได้แก่
o Big Bike ขนาด 250 ซีซี. ขึ้นไป รับบัตรเติมน้ำมัน มูลค่า 500 บาท
o Normal Bike และ Junior Bike ขนาดไม่เกิน 250 ซีซี. รับบัตรเติมน้ำมัน มูลค่า 200 บาท
o EV Bike รับบัตรกำนัล Lotus’s มูลค่า 200 บาท
· รับเพิ่ม! กรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย สำหรับลูกค้าที่จองและทำสัญญาภายในงาน และได้รับอนุมัติภายใน 90 วัน
ลูกค้าปัจจุบัน กรุงศรี ออโต้ และผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมงาน “Krungsri Auto Ultimate Test Drive & Ride 2025” ได้ระหว่างวันที่ 16 - 17 สิงหาคม 2568 เวลา 09:00 – 17:00 น. ณ บราโว บีเคเค (Bravo BKK) โดยสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ ตั้งแต่วันที่ 30 กรกฎาคม - 13 สิงหาคม 2568 ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.krungsriauto.com/auto/Promotion/ultimate_testdrive.html
10 สิงหาคม 2568 - กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ชวนทุกคนมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของมหกรรมสุดยิ่งใหญ่แห่งปี “อว.แฟร์ 2025” เข้าชมฟรี! เพลิดเพลินกับกิจกรรมและนิทรรศการ 7 โซนไฮไลต์ เริ่มต้นด้วย ZONE A: INSPIRED ARENA พื้นที่จุดประกายความคิดสร้างสรรค์ให้เด็กและเยาวชน พบกับ นิทรรศการเรือตัดน้ำแข็ง “Xue Long II” เรือตัดน้ำแข็งสัญชาติจีนรุ่นใหม่ ที่นักวิจัยไทยใช้สำรวจขั้วโลก และ ZONE B: LEARNING ARCADE สนุกกับการเรียนรู้ผ่านเกมอินเทอร์แอคทีฟ พร้อมสัมผัสประสบการณ์TCAS สนามสอบเสมือนจริงทุกวัน
โดยมี 3 วิชาหลัก ได้แก่ คณิตศาสตร์, ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย จัดสอบวันละ 3 รอบต่อวัน เวลา 11.00- 12.30 น.,14.00 - 15.30 น. และ 17.00 - 18.30 น. รู้ผลทันทีหลังสอบเสร็จ พร้อมเคล็ดลับทำข้อสอบจากผู้เชี่ยวชาญ ทั้งยังมีอีก 5 โซนไฮไลต์ ที่รอให้ทุกคนมาสำรวจ ตั้งแต่นวัตกรรมเพื่อธุรกิจและการใช้ชีวิตในอนาคต ไปจนถึงการผสานวิทยาศาสตร์กับศิลปะ พร้อมCRAFT MARKET รวมไอเดียสร้างสรรค์จากทั่วประเทศกว่า 350 ร้านค้า จัดเต็มทั้งความรู้ ความสนุก และ
แรงบันดาลใจทุกวัน ตั้งแต่วันนี้ – 17 สิงหาคม 2568 เวลา 09.00 – 20.00 น. ณ ฮอลล์ 1–4 ชั้น G ณ ศูนย์ฯ สิริกิติ์

เริ่มต้นการผจญภัยแห่งการเรียนรู้ที่ ZONE A: INSPIRED ARENA โซนที่จะเปลี่ยนทุกจินตนาการให้กลายเป็นแรงบันดาลใจ พื้นที่ที่เปิดโอกาสให้เด็ก ๆ และเยาวชนได้ คิด–ทำ–สร้าง ผ่านการเล่นอย่างมีความหมาย ร่วมเวิร์กช็อปสุดสร้างสรรค์ และเรียนรู้ความเชื่อมโยงของหลากหลายศาสตร์แบบบูรณาการ เพราะที่นี่การเรียนรู้ไม่มีกรอบจำกัด พร้อมพาเด็ก ๆ ก้าวสู่อนาคตอย่างมั่นใจ โดยไฮไลต์สำคัญของโซนนี้คือ นิทรรศการ “Xue Long 2 and See the Unseen in Polar Region” เรือตัดน้ำแข็งสัญชาติจีนรุ่นใหม่ ที่ถือเป็นหนึ่งในเรือสำรวจทางวิทยาศาสตร์ที่ทันสมัยที่สุดของโลก ออกแบบมาเพื่อทำภารกิจสำรวจทั้งขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้ ฝ่าแผ่นน้ำแข็งหนาหลายเมตรเพื่อเก็บข้อมูลจากใต้ทะเลลึกหลายพันเมตร และสนับสนุนการทำงานของสถานีวิจัย อีกทั้งพบเรื่องราวการทำงานของนักวิจัยไทยในดินแดนสุดขั้วที่อุณหภูมิอาจต่ำถึง -89°C และไม่มีแสงกลางคืนยาวนานถึง 6 เดือน พร้อมชม “ชุดที่ทีมวิจัยไทยใช้งานจริงจากขั้วโลก” และทำความรู้จัก “สรรพสัตว์ที่ปรับตัวอาศัยในดินแดนขั้วโลก”
พบอีกหนึ่งไฮไลต์สุดล้ำของโซนนี้กับ “Tech-Topia: โลกวิทย์ในฝัน เปิดโลกแห่งจินตนาการ” ที่พาทุกคนก้าวสู่อนาคต ผ่านเรื่องราวของ AI , EV (ยานยนต์ไฟฟ้าแห่งอนาคต) และ Semiconductor (หัวใจของเทคโนโลยีสมัยใหม่) ถ่ายทอดด้วยการนำเสนอที่ทั้งสนุก เข้าใจง่าย และเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ จุดไฟความฝันให้กับนักวิทย์รุ่นใหม่ให้พร้อมก้าวสู่โลกไร้ขีดจำกัด อาทิ ยานยนต์แห่งการเรียนรู้ทะลุมิติ ชวนสัมผัสประสบการณ์เสมือนจริงราวกับโบยบินเหนือโลกแห่งจินตนาการ และ Hi-Tech Game ที่ผสานเทคโนโลยีล้ำสมัยเข้ากับความบันเทิงและการเรียนรู้อย่างลงตัว
ต่อด้วย ZONE B: LEARNING ARCADE โซนแห่งการเรียนรู้ในรูปแบบเกมสุดสนุก ที่รวบรวมเกมและกิจกรรมอินเทอร์แอคทีฟหลากหลาย ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ทุกเพศทุกวัย เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้สนุกไปกับการเรียนรู้ผ่านเกมพัฒนาทักษะ การจำลองสถานการณ์ และด่านท้าทายที่ต้องใช้ทั้งไหวพริบและความคิดสร้างสรรค์ โดยอีกหนึ่งในไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาด คือ TCAS Zone สำหรับน้อง ๆ ระดับมัธยมปลายที่กำลังเตรียมตัวก้าวสู่รั้วมหาวิทยาลัย พบกับประสบการณ์ สนามสอบ TCAS เสมือนจริง ด้วยข้อสอบ A-Level ของจริง ภายใต้เงื่อนไขเวลาเสมือนจริง ผ่านระบบคอมพิวเตอร์ (CBT) ซึ่งในงานนี้ น้อง ๆ จะได้ฝึกทำข้อสอบเสมือนจริง รู้ผลทันทีหลังสอบเสร็จ พร้อมคำแนะนำและเทคนิคการทำข้อสอบแบบตรงจุดจากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเตรียมพร้อมสู่การสอบเข้ามหาวิทยาลัยอย่างมั่นใจ

ตลอดวันยังมีการจัดงาน มหกรรมทุนวัฒนธรรม National Cultural Symposium ภายใต้หัวข้อ “สืบสาน สร้างสรรค์พลังทุนวัฒนธรรมสู่เศรษฐกิจยั่งยืน” (The Power of Culture: Driving to Economic Sustainability) เพื่อส่งเสริมและขับเคลื่อนทุนทางวัฒนธรรมให้เกิดคุณค่าและต่อยอดสู่การพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ประกอบด้วย 1) การบรรยายพิเศษเรื่อง “นโยบายทิศทางการขับเคลื่อนทุนทางวัฒนธรรมเพื่อสร้างเศรษฐกิจและสังคมด้วยอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม” โดยผู้ทรงคุณวุฒิและผู้บริหารจากกระทรวงอว. ที่จะเผยแนวทางและนโยบายสำคัญในการพัฒนาวัฒนธรรมสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ 2) การแสดงศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นและภูมิปัญญาไทยหลากหลายรูปแบบ อาทิ โนรา, มวยไทยเมืองลุง, มวยโคราช, รำตังหวาย, ลื้อลายคำ, ปุยซีรีมิกซ์, การขับกลอนมลายูอคาเปลลา, เพลงอนาชีด, และปัญจักสีลัต ซึ่งถ่ายทอดเรื่องราวและความงดงามของทุนวัฒนธรรมไทยอย่างเข้มข้นและสร้างสรรค์ 3)การบรรยายพิเศษในหัวข้อ “ยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนทุนทางวัฒนธรรมด้านการวิจัยในระยะถัดไป” ที่จะนำเสนอแนวทางการวิจัยและพัฒนาวัฒนธรรมเพื่อสร้างนวัตกรรมและขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอนาคต พร้อมกันนี้ ยังมีกิจกรรมมากมายจาก Main Stage และ Mini Stage ที่เต็มไปด้วยความหลากหลาย ทั้งการแสดงศิลปะและการแลกเปลี่ยนความรู้ทางวัฒนธรรม และปิดท้ายงานด้วย มินิคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดัง “LANDOKMAI (ลานดอกไม้)” ที่มามอบความสุขและสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นให้แก่ผู้ร่วมงานทุกคน
ที่สำคัญ วันที่ 11 สิงหาคม 2568 เตรียมพบกับไฮไลต์พิเศษที่พลาดไม่ได้! กับการจัดแสดง ชิ้นส่วนดาวเคราะห์น้อย “ริวกู” (Ryugu) จากภารกิจยานสำรวจฮายาบูสะ 2 ของประเทศญี่ปุ่น ที่ถูกนำออกมาจัดแสดงนอกประเทศเป็นครั้งแรก ให้คนไทยได้เห็นใกล้ ๆ ด้วยตาตัวเอง และพบกับ อุกกาบาตแคมโป เดล เซียโล (Campo del Cielo) อุกกาบาตเหล็กแท้จากอวกาศ น้ำหนักกว่า 97 กิโลกรัม ที่จะมาโชว์ให้เห็นกันเต็มตา ตลอดทั้งวันยังมีกิจกรรมหลากหลายที่อัดแน่นด้วยสาระและความสนุก ไม่ว่าจะเป็น เวทีเสวนาเชิงวิชาการ, กิจกรรมเวิร์กช็อปสร้างสรรค์ และ เวที Alpha Skills x The Standard ที่พร้อมมอบความรู้และไอเดียการเลี้ยงลูกอย่างเข้าใจ พร้อมเท่าทันโลกยุคดิจิทัล
อว.แฟร์ 2025 และ งาน NST Fair 2025 งานเดียวที่รวมที่สุดของนวัตกรรม ความรู้ แรงบันดาลใจ และความบันเทิง ครบจบในที่เดียว เข้าชมฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย ตั้งแต่วันนี้ - 17 สิงหาคม 2568 เวลา 09.00 - 20.00 น. (เฉพาะวันที่ 17 สิงหาคม 2568 เปิดให้เข้าร่วมงาน เวลา 09.00 - 18.00 น.) ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยงาน อว.แฟร์ 2025 จัดขึ้นที่ฮอลล์ 1-4 ชั้น G และงาน NST Fair 2025 จัดขึ้นที่ฮอลล์ 5-6 ชั้น LG สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์ www.mhesifair.com และเฟซบุ๊ก www.facebook.com/MHESIThailand