December 06, 2025

UR และ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แลกเปลี่ยนบันทึกความเข้าใจ (MOU)

องค์การพัฒนาเมืองแห่งประเทศญี่ปุ่น (Urban Renaissance Agency, UR) ได้ทำข้อตกลงแลกเปลี่ยนบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อร่วมมือกันในการส่งเสริมการพัฒนาเมืองในประเทศไทย ณ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

มุ่งสู่การแก้ไขปัญหาเมืองและการส่งเสริมการพัฒนาเมืองรูปแบบใหม่

องค์การพัฒนาเมืองแห่งประเทศญี่ปุ่น (Urban Renaissance Agency หรือ UR) เป็นองค์กรสาธารณะของญี่ปุ่นที่สนับสนุนด้านการพัฒนาเมือง เช่น การพัฒนาพื้นที่รอบสถานีขนส่งทางราง (TOD*) ในประเทศต่าง ๆ อาทิ ออสเตรเลีย ไทย และประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยการดำเนินงานของ UR เป็นไปตาม ‘กฎหมายว่าด้วยการขยายโครงสร้างพื้นฐานในต่างประเทศ’ ซึ่งประกาศใช้ในปี 2561 โดยมีจุดประสงค์เพื่อสนับสนุนให้ภาครัฐและภาคเอกชนของประเทศญี่ปุ่นมีส่วนร่วมในการพัฒนาเมืองและโครงสร้างพื้นฐานในต่างประเทศมากยิ่งขึ้น

โดยในครั้งนี้ UR ได้แลกเปลี่ยน MOU กับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สถาบันการศึกษาชั้นแนวหน้าแห่งแรกของประเทศไทยที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นสถาบันการศึกษาและวิจัยติดอันดับท็อปของเอเชีย ซึ่งการแลกเปลี่ยน MOU ในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อสร้างความร่วมมือในโครงการวิจัยและพัฒนาเมืองร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัด ลดการขยายตัวของเมืองอย่างไม่เป็นระบบ และผลักดันการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน รวมถึงส่งเสริมการพัฒนาเมืองรูปแบบใหม่ โดย UR จะใช้ ‘ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญที่ดำเนินโครงการพัฒนาเมืองมามากกว่า 500** โครงการในประเทศญี่ปุ่น’ ร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งมี ‘ความสามารถในการศึกษาวิจัย และมีความเชี่ยวชาญในด้านการพัฒนาเมืองและการบริหารจัดการเชิงพื้นที่ในประเทศไทย’ นอกจากนี้ทั้งสองฝ่ายยังมีแผนในการร่วมมือกันจัดฟอรั่มในอนาคตอันใกล้ เพื่อเป็นก้าวแรกของความร่วมมืออีกด้วย

‘บาร์เทอร์คาร์ด (Bartercard)’ ผู้นำแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการแบบไร้เงินสด ได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ในวงการธุรกิจด้วยเครือข่ายพันธมิตรที่แข็งแกร่งกว่า 3,000 ธุรกิจใน 6 สาขาในประเทศไทย ทำให้บาร์เทอร์คาร์ดเป็นเครื่องมือทางการตลาดที่สำคัญที่ช่วยเป็นตัวกลางให้ธุรกิจของคุณเป็นที่รู้จัก และช่วยขยายกลุ่มลูกค้าใหม่และลดค่าใช้จ่ายให้กับธุรกิจเพิ่มมากขึ้น

นายวฤธ ดุรงค์เดช รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท มาซูม่า (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ทางบริษัท มาซูม่า เป็นบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องกรองน้ำ เครื่องทำน้ำอุ่น เครื่องฟอกอากาศ และปั๊มน้ำ เป็นสมาชิกบาร์เทอร์คาร์ดมาแล้วกว่า 16 ปี ซึ่งการเป็นสมาชิกกับบาร์เทอร์คาร์ด ทำให้เราสามารถใช้จ่ายในหลายๆ อย่างเกี่ยวกับโรงงาน เช่น การติดฟิล์ม ทำผ้าม่าน รวมถึงทำสื่อสิ่งพิมพ์ การติดสติ๊กเกอร์ให้กับรถบริการของทางมาซูม่า เป็นต้น ซึ่งการใช้บริการบาร์เทอร์คาร์ด มีข้อดีกับทางโรงงานของเราเป็นอย่างมาก ที่เราไม่ต้องใช้เงินสดในการซื้อสินค้าและบริการ ทำให้สามารถรักษากระแสเงินสดไว้ในบริษัทฯ ได้ และยังสามารถเข้าถึงลูกค้า B2B และ B2C ได้มากขึ้นด้วยเช่นกัน”

การเข้าร่วมเป็นสมาชิกบาร์เทอร์คาร์ด เปรียบเสมือนการมีพันธมิตรทางการตลาดที่ทรงพลัง คอยส่งเสริมธุรกิจของสมาชิกไปยังกลุ่มลูกค้าเป้าหมายโดยตรง พร้อมทั้งการประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางดิจิทัลที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ อีเมล และแอปพลิเคชัน ซึ่งช่วยขยายฐานลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ บาร์เทอร์คาร์ดยังจัดกิจกรรมเน็ตเวิร์คกิ้งและเทรดโชว์อย่างสม่ำเสมอ เปิดโอกาสให้สมาชิกได้พบปะแลกเปลี่ยนกับผู้ประกอบการจากหลากหลายธุรกิจ สร้างคอนเนคชันที่แข็งแกร่งและเครือข่ายความร่วมมือที่กว้างขวาง อันเป็นกุญแจสำคัญสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน และเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัล บาร์เทอร์คาร์ดได้พัฒนาแอปพลิเคชัน "บาร์เทอร์คาร์ด โมบาย แอป" ที่ช่วยให้การแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการเป็นไปอย่างสะดวกรวดเร็ว ทุกที่ ทุกเวลา เพื่อให้ผู้ประกอบการไม่พลาดโอกาสในการขยายธุรกิจและสร้างการเติบโตอย่างไม่มีขีดจำกัด

สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจอยากให้บาร์เทอร์คาร์ด เป็นตัวช่วยในการต่อยอดธุรกิจ สามารถสมัครสมาชิกกับ Bartercard หรือติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02-024-1000 และ Facebook: Bartercard Thailand หรือ เว็บไซต์ https://www.bartercard.co.th 

คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี มหาวิทยาลัยขอนแก่น ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) ร่วมกับ บริษัท พัทยา เอวิเอชั่น จำกัด ณ ลาน Pattaya Connect Space อาคารคอสโม ออฟฟิศพาร์ค ชั้น 8 โดยภายในพิธีได้รับเกียรติจากผู้บริหารทั้งสองหน่วยงาน ประกอบด้วย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พงษ์สุทธิ พื้นแสน คณบดีคณะบริหารธุรกิจและการบัญชี พร้อมด้วย ดร.พงศ์พันธุ์ ศรัทธาทิพย์ รองคณบดีฝ่ายอุตสาหกรรมสัมพันธ์และความยั่งยืน ดร.ชิชาญา เล่ห์รักษา ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายวิเทศสัมพันธ์ และนายรชรินทร์ เปี่ยมชาโต รองประธานกรรมการ บริษัท พัทยา เอวิเอชั่น จำกัด พร้อมด้วย นางไปรยา ณ รังสี ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคล นางจุฑารัตน์ จุฑามาศ ผู้จัดการแผนกสนับสนุนปฏิบัติการทรัพยากรบุคคล และบุคลากรจากทั้งสองหน่วยงานเข้าร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการในครั้งนี้

ภายใต้ข้อตกลงความร่วมมือนี้ เป็นการส่งเสริมการศึกษาและการฝึกปฏิบัติงานที่ช่วยให้นักศึกษาได้รับประสบการณ์ตรง และสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์จริง อีกทั้งยังเป็นการเสริมสร้างทักษะวิชาชีพให้นักศึกษาเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่ตลาดแรงงาน นอกจากนี้ บริษัท พัทยา เอวิเอชั่น จำกัด จะให้การสนับสนุนการฝึกปฏิบัติงานแก่นักศึกษาเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 2 เดือน พร้อมออกหนังสือรับรองการฝึกงาน และเปิดโอกาสการจ้างงานให้แก่นักศึกษาที่มีผลการฝึกปฏิบัติงานในระดับที่ดี มีความรู้ความสามารถ และมีคุณสมบัติตรงกับตำแหน่งงานที่เหมาะสม ในขณะที่คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี มหาวิทยาลัยขอนแก่น จะดำเนินการจัดส่งนักศึกษาเข้าฝึกงานและติดตามผลอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ เพื่อเป็นการพัฒนาศักยภาพนักศึกษาให้สามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีได้อย่างมีประสิทธิภาพ

บริษัท พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ พรูเด็นเชียล ประเทศไทย มุ่งเสริมสร้างความรู้ทางการเงินให้เด็กไทย โดยเข้าร่วมกิจกรรมในโครงการ “Buriram Reform: Smart Camp, Smart Classroom Demonstration” ทั้งยังเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโรงเรียนต้นแบบในการสร้างความรอบรู้ทางด้านการเงินแก่เด็ก ช่วงอายุ 7-12 ปี โดยมี พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้เกียรติเป็นประธานในวาระการพัฒนาโครงการต้นแบบการศึกษา และได้ร่วมเยี่ยมชมและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ณ ห้องเรียนการสร้างความรอบรู้ทางด้านการเงินแก่เด็กชะ-ชิ้ง (Cha-Ching) โดยเน้นย้ำการพัฒนาและต่อยอดองค์ความรู้ดังกล่าวให้แก่เด็กและเยาวชนไทยทั่วประเทศ

กิจกรรมในโครงการประกอบไปด้วย 1. โปรแกรม ชะ-ชิ้ง (Cha-Ching) ฉลาดรู้ทางการเงิน: สาธิตการส่งเสริมความรู้ทางการเงินเพื่อสร้างค่านิยมการบริหารจัดการด้านการเงินอย่างฉลาด 2. English Summer Camp: ค่ายภาษาอังกฤษ สร้างการเรียนรู้และเพิ่มโอกาส 3. STEM: Play Facto ฉลาดคิด ฉลาดทำ กับสะเต็ม 4. การเรียนรู้ภาษาจีน ผ่านปัญญาประดิษฐ์อัจฉริยะ 5. Health Literacy: สมุนไพรเพื่อการเรียนรู้และสุขภาพ 6. การเรียนรู้ภาษาจีนแบบ Anywhere Anytime ผ่าน Digital Platform: E-Learning และ 7. Spark your English โดยมีวัตถุประสงค์ของโครงการคือการสร้างความฉลาดรู้ ฉลาดคิด และฉลาดทำ ผ่านการลงมือปฏิบัติที่กระตุ้นให้กล้าคิด กล้าทำ จุดประกายความฝัน และสร้างแรงบันดาลใจในการเรียน

 

สำหรับโปรแกรมการสร้างความรอบรู้ทางด้านการเงินชะ-ชิ้ง (Cha-Ching) ถือเป็นโปรแกรมที่ พรูเด็นเชียล ประเทศไทย ร่วมมือกับ พรูเด็นซ์ ฟาวน์เดชัน และ จูเนียร์ อะชีฟเม้นท์ ประเทศไทย จัดขึ้น โดยมีเป้าหมายในการพัฒนาองค์ความรู้และการสร้างการตระหนักรู้ทางด้านการเงิน ผ่าน 4 แนวคิดหลัก ได้แก่ การหารายได้, การเก็บออม, การใช้จ่าย และการบริจาค ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.prudential.co.th/corp/prudential-th/th/sustainability/cha-ching/ 

ชิงชัยในตลาดชาพร้อมดื่มที่โตไม่หยุด เตรียมสร้างปรากฎการณ์ Sold-Out ทั่วประเทศผลักดันเป้าหมายรายได้ประจำปี 9,500 ล้านบาท

นับเป็นเวลากว่า 7 ทศวรรษที่กรุงเทพประกันภัยยืนหยัดเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมประกันวินาศภัยท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของเทรนด์ผู้บริโภค การพัฒนาของเทคโนโลยี และการแข่งขันที่เข้มข้นบริษัทฯ ได้มีการปรับทิศทางกลยุทธ์ ยกระดับพัฒนาบุคลากร และปรับโครงสร้างการบริหารอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างการเติบโตที่มั่นคงและแข็งแกร่ง 

นายชัย โสภณพนิช ประธานกรรมการ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) เตรียมพร้อมให้ 2 ทายาท นายชวาล โสภณพนิช และนางสาวลสา  โสภณพนิช สืบทอดธุรกิจในการบริหารกรุงเทพประกันภัย ด้วยการส่งเสริมให้เรียนรู้และการสั่งสมประสบการณ์ในทุกมิติขององค์กรอย่างต่อเนื่อง พร้อมสานต่อภารกิจพัฒนาบริษัทฯ ให้เติบโตไปข้างหน้า เป็นหนึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญเพื่อก้าวเข้าสู่ “กรุงเทพประกันภัยยุคใหม่” โดยยังคงยึดมั่นในวิสัยทัศน์ “มุ่งเป็นที่สุดในใจลูกค้า” ท่ามกลางความท้าทายในธุรกิจประกันภัย

เมื่อช่วงต้นปี 2568 ที่ผ่านมา กรุงเทพประกันภัยมีการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ เพื่อเสริมความแข็งแกร่ง ด้วยการแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูง นายชวาล โสภณพนิช ดำรงตำแหน่งประธานคณะผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการ (Chief Operating Officer: COO) ดูแลและพัฒนากลยุทธ์การดำเนินงานภายในองค์กรให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ครอบคลุมการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม การบริหารแบรนด์องค์กร งานบริการลูกค้า การบริหารสินไหมทดแทนยานยนต์ รวมถึงการส่งเสริมพัฒนาบุคลากรให้มีศักยภาพตลอดจนได้รับความไว้วางใจกับอีกหนึ่งบทบาทที่สำคัญคือการดูแลมูลนิธิกรุงเทพประกันภัยที่นายชัยโสภณพนิช ให้ความใส่ใจอย่างยิ่งในการให้การสนับสนุนช่วยเหลือผู้ที่ขาดโอกาสทางสังคมให้มีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น  

เส้นทางการทำงานของนายชวาลกับกรุงเทพประกันภัย เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ปี 2547 โดยตลอดระยะเวลากว่าสองทศวรรษที่ผ่านมาได้สั่งสมประสบการณ์ในด้านการบริหารงานธุรกิจลูกค้ารายย่อย การบริหารทรัพยากรบุคคล การสื่อสารองค์กร และการบริการลูกค้า หลังจบการศึกษาด้านเศรษฐศาสตร์จาก University of Rochester และได้รับประกาศนียบัตรด้านบริหารความเสี่ยงและการประกันภัยจาก St. John’s University ประเทศสหรัฐอเมริกา   

โดยในบทบาทใหม่นี้จะมุ่งเน้นไปที่การให้ความสำคัญกับการสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งให้องค์กร วางระบบการบริหารจัดการภายในบริษัทฯ ให้มีประสิทธิภาพ พัฒนาสวัสดิการและคุณภาพชีวิตที่ดีของพนักงาน สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ส่งเสริมความก้าวหน้า ควบคู่ไปกับการยกระดับภาพลักษณ์แบรนด์กรุงเทพประกันภัยให้ครองใจผู้บริโภคและเข้าถึงได้ง่ายยิ่งขึ้น พร้อมนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ มาประยุกต์ใช้ในการบริหารองค์กรและการให้บริการลูกค้า เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีและความพึงพอใจสูงสุด ตอบโจทย์ความต้องการที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว   

อีกหนึ่งแรงขับเคลื่อนสำคัญของกรุงเทพประกันภัยในยุคใหม่ คือ นางสาวลสา โสภณพนิช ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่ (President) ดูแลและสนับสนุนการดำเนินธุรกิจให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ขององค์กรที่มุ่งขยายการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน พร้อมส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าและคู่ค้า ซึ่งจะมุ่งเน้นดูแลในส่วนธุรกิจนายหน้า ธุรกิจสถาบันการเงิน ธุรกิจลูกค้ารายย่อย ฝ่ายบริหารสัญญาประกันภัยต่อ รวมถึงสำนักการลงทุน ซึ่งล้วนเป็นหน่วยงานสำคัญในการขับเคลื่อนกรุงเทพประกันภัยให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง  

นางสาวลสาเริ่มงานกับกรุงเทพประกันภัยตั้งแต่ปี 2554 และสั่งสมประสบการณ์การบริหารงานในหลากหลายด้าน ซึ่งมีความเชี่ยวชาญโดดเด่นในด้านการบริหารธุรกิจนายหน้าและการบริหารสัญญาประกันภัยต่อ โดยสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทด้านรัฐศาสตร์ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจาก Columbia University และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีด้าน International Relations & Chinese จาก Wellesley College ประเทศสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ ยังได้รับประกาศนียบัตรด้านการประกันภัยจาก The Chartered Insurance Institute (CII) ซึ่งช่วยเสริมรากฐานความรู้และความเข้าใจเชิงลึกในธุรกิจประกันภัยมากยิ่งขึ้น   

ด้วยความเข้าใจในโครงสร้างธุรกิจและแนวโน้มตลาดประกันภัย นางสาวลสาให้ความสำคัญกับการขยายเครือข่ายพันธมิตร การพัฒนาทีมงานให้แข็งแกร่ง และสร้างกลยุทธ์ใหม่ๆ ที่ช่วยให้หน่วยงานธุรกิจต่างๆ สามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แม้ต้องเผชิญกับการแข่งขันที่ดุเดือดในตลาด แต่โอกาสขยายตัวของธุรกิจประกันภัยยังมีอีกมาก และกรุงเทพประกันภัยพร้อมที่จะก้าวสู่อนาคตอย่างมั่นคงเช่นกัน   

นับเป็นก้าวย่างที่สำคัญของกรุงเทพประกันภัย ภายใต้การบริหารงานของผู้บริหารรุ่นใหม่ที่พร้อมนำพาองค์กรให้เติบโตอย่างมั่นคง ควบคู่ไปกับการสร้างคุณค่าให้แก่สังคมและส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า โดยยังคงตอกย้ำความแข็งแกร่งด้วยการมีเงินทุน เงินกองทุน และสินทรัพย์ที่มั่นคง มีผลประกอบการที่ดีอย่างต่อเนื่อง พร้อมขยายโอกาสทางธุรกิจให้ก้าวทันโลกปัจจุบัน ยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาล การบริหารงานอย่างมีจริยธรรม คำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของลูกค้า คู่ค้า และผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม เพื่อสานต่อความสำเร็จและส่งต่อความมั่นคงให้กรุงเทพประกันภัยเติบโตอย่างยั่งยืน

ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ได้รับผลการประเมินและการประกาศยกย่ององค์กรคุณธรรมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ระดับ “คุณธรรมต้นแบบ” ในระดับกรมเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน และได้รับรางวัล “ระดับคุณธรรมต้นแบบ” ในระดับสำนัก/กอง อีก 27 หน่วยงาน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของการประเมินชุมชน องค์กร อำเภอ และจังหวัดคุณธรรม จากคณะกรรมการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ กรมการศาสนา เป็นผลลัพธ์จากการขับเคลื่อนองค์กรด้วยคุณธรรม 5 ประการ “พอเพียง วินัย สุจริต จิตอาสา และกตัญญู” ภายใต้หลัก 3 มิติ ได้แก่ หลักธรรมทางศาสนา หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และวิถีวัฒนธรรมไทยที่ดีงามตามแผนปฏิบัติการด้านการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2566-2570) โดยผู้บริหารและบุคลากรทุกระดับของ EXIM BANK มุ่งมั่นปฏิบัติงานด้วยจิตสำนึกที่ดีด้านคุณธรรมและจริยธรรม ซึ่งเป็นคุณค่าพื้นฐานและปัจจัยสำคัญในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีความสมบูรณ์ในทุกมิติ เป็นคนดี คนเก่ง และคนมีคุณภาพพร้อมเป็นพลังขับเคลื่อนให้องค์กรและประเทศชาติเป็นสังคมที่ปลอดการทุจริตและประพฤติมิชอบ เป็นองค์กรแห่งคุณธรรมที่ยั่งยืนสืบไป

เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ ย้ำความสำเร็จกลยุทธ์แบรนด์แคมเปญตอกย้ำการรับรู้ เดินหน้าสานต่อซีซั่นสองผนึกกำลัง Salmon House บริษัทผู้ผลิตภาพยนตร์โฆษณาชั้นนำของไทย ส่งภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ทุ่มเท The Series” ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ทุ่มเทเพื่อประกันความรักคุณ” ถ่ายทอดสู่ความทุ่มเทของทีมงานเจนเนอราลี่ เพื่อย้ำความเป็นแบรนด์ประกันระดับสากลที่ยืนหนึ่งด้านบริการ พร้อมลุยสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์และสื่อนอกบ้าน(OOH) ทั่วประเทศ

นางสาวช่อฟ้า ยุกตะนันท์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดและบริหารลูกค้า กลุ่มบริษัท เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ กล่าวว่า “จากความสำเร็จในการดำเนินงานด้านการตลาดภายใต้กลยุทธ์แบรนด์แคมเปญ (Brand Campaign) ในปีที่ผ่านมา กับภาพยนตร์โฆษณาชุด “Compliment Gossip” ที่เล่าถึงอัตลักษณ์ของแบรนด์ ประกันระดับโลกจากประเทศอิตาลี ที่ดำเนินธุรกิจบนเส้นทางสู่ 200 ปี มีความมั่นคงทางการเงินสูง และได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าทั่วโลก ด้วยการนำเสนอรูปแบบและคอนเทนต์ที่เข้าถึงง่าย ซึ่งได้รับการตอบรับ การรับรู้ และการพูดถึงแบรนด์ ‘เจนเนอราลี่’ (Generali) เป็นอย่างดีจากผู้บริโภค

ดังนั้นเพื่อเป็นการตอกย้ำความสำเร็จกลยุทธ์ เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ จึงได้ร่วมมือกับ Salmon House  จัดทำภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ ทุ่มเท The Series” ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ทุ่มเทเพื่อประกันความรักคุณ” ที่จะมาสะท้อนเรื่องราวหลังบ้านบริษัทประกันแบบเสมือนจริง ด้วยหลักปรัชญาการทำงาน และแนวคิด Customer FIRST เพราะลูกค้าต้องมาก่อนของเจนเนอราลี่ เล่าถึงความตั้งใจจริง และความทุ่มเทของแบรนด์เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีที่สุดไปยังลูกค้าของเจนเนอราลี่โดยมี นักแสดงนำอย่างคุณนัท ณัฏฐ์ กิจจริต พร้อมก๊วนเพื่อนมาช่วยถ่ายทอด                     

โดยเนื้อหาของภาพยนตร์โฆษณาชุดนี้จะมีทั้งหมด 3 episode ผสมผสานกับอารมณ์ขันและความจริงใจ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายขึ้น episode 1 “ทุ่มเท” ถ่ายทอดเสียงในหัวของพนักงานเจนเนอราลี่ ที่ทุ่มเทค้นหาวิธีใหม่ ๆ ในการให้บริการลูกค้า episode 2 “Best in Class Claim Service” ถ่ายทอดเรื่องราวสุดอบอุ่นของลูกค้าเจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ ในการเคลมที่สะดวกและรวดเร็ว และ episode 3 “Customer FIRST ที่ตอกย้ำการรับฟังเสียงของลูกค้าทุกๆ ฟีดแบ็กจะถูกนำไปพัฒนาการให้บริการเพื่อดูแลลูกค้าให้ดีที่สุด

 

นางสาวช่อฟ้า กล่าวต่อว่า “หัวใจหลักของแบรนด์เจนเนอราลี่คือ “Protect Your Love” หรือ ประกันความรักคุณ” ซึ่งภาพยนตร์ชุดนี้จึงถูกถ่ายทอดออกมาเพื่อสะท้อนถึงทุกความมุ่งมั่นทุ่มเทของเจนเนอราลี่ โดยมีจุดหมายสำคัญคือ ทำเพื่อลูกค้าเสมอ และความทุ่มเทในการพัฒนาและส่งมอบบริการที่ดีที่สุดให้ลูกค้า ภาพยนตร์โฆษณาภาคต่อชุดนี้ จึงถูกถ่ายทอดออกมาในรูปแบบซีรีส์ที่เต็มไปด้วยความสนุก อบอุ่น และสะท้อนถึงความตั้งใจของเจนเนอราลี่ ที่จะดูแลลูกค้าด้วยหัวใจ

“พร้อมกันนี้ เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ ยังได้เตรียมปล่อยภาพยนตร์โฆษณาชุดดังกล่าวในช่วงปลายไตรมาส 1 ปี 2025 ผ่านช่องทาง Online ที่สอดรับกับการรับชมของกลุ่มลูกค้าเจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ ที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ ไม่ว่าจะเป็น TikTok, Facebook, YouTube รวมถึงการเผยแพร่ผ่านสื่อนอกบ้าน หรือ Out of Home เพื่อเป็นการตอกย้ำการรับรู้ เช่น ดิจิทัลบิลบอร์ดสื่อบนรถไฟฟ้า และอื่นๆ ปูพรมทั้งในกรุงเทพมหานครและอีก 13 จังหวัดทั่วประเทศ  เพื่อส่งมอบเรื่องราวของแบรนด์เจนเนอราลี่ “ประกันที่ทุ่มเท เพื่อประกันความรักคุณ” ให้เป็นที่รู้จักและเข้าใจมากยิ่งขึ้น”

 

ขอเชิญทุกท่านติดตามชมภาพยนตร์โฆษณาชุด “ทุ่มเท The Series” และร่วมสัมผัสเบื้องลึกเบื้องหลังการทำงานของเจนเนอราลี่ ได้ทางช่อง YouTube 

โตชิบา ไทยแลนด์ ประกาศเดินหน้ารับซัมเมอร์ พร้อมลุยตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ส่งแคมเปญใหม่ “Toshiba Japan Origin คราฟต์ที่ดีไซน์...ใส่ใจทุกดีเทล” ตอกย้ำแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าสัญชาติญี่ปุ่นที่ให้ความสำคัญกับทุกดีเทลของสินค้า ทั้งในเรื่องการพัฒนาคุณภาพ ดีไซน์ รายละเอียด และนวัตกรรม มาผสานรวมเข้าด้วยกัน เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้ครบสมบูรณ์แบบ 

นอกจากทุ่มงบเพื่อพัฒนาสินค้าแล้ว โตชิบายังทุ่มงบการตลาดครั้งใหญ่ เปิดตัวแบรนด์แอมบาสเดอร์นักแสดงชั้นนำสัญชาติญี่ปุ่น ทาคาชิ โซริมาจิ  พร้อมปูพรมสื่อโฆษณาแคมเปญผ่านสื่อต่าง ๆ แบบ 360 องศาทั่วประเทศ ทั้งโฆษณาในโทรทัศน์  ออนไลน์  โซเชียล อินฟลูเอนเซอร์ มาร์เก็ตติ้ง  รวมไปถึงโปรโมทผ่านสื่อนอกบ้าน อาทิ บิลบอร์ด ดิจิทัลบิลบอร์ด แอลอีดีสกรีน ทั้งในสนามบิน ทางด่วน ตึกบนถนนหลัก ตึกสำนักงานออฟฟิศ และคอนโดที่อยู่อาศัย รวมกว่า 3,700 จอ ทั่วทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด นอกจากนี้ยังโปรโมทผ่านรถไฟฟ้าทั้งสายสีเขียว สีเหลือง และสีชมพู รวมไปถึงจัดโรดโชว์ใน 15 จังหวัดหลักทั่วประเทศ ตลอดระยะเวลา 4 เดือน ตั้งแต่มีนาคม ถึง มิถุนายน 2568 เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสและทดลองใช้งานผลิตภัณฑ์ของโตชิบาอย่างใกล้ชิด

มากไปกว่านั้น โตชิบาให้ลูกค้าช้อปผ่อนคลาย สบายกระเป๋า ด้วยโปรโมชันสุดพิเศษ ทั้งลดราคา ผ่อน 0%  รับของแถม (สินค้ามีจำนวนจำกัด) และลุ้นรับโชค เพียงซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าโตชิบาที่ร่วมรายการ ระหว่างวันที่ 10 มีนาคม – 15 พฤษภาคม 2568 นี้ ครบทุก 5,000 บาท รับสิทธิ์ลุ้นรับรางวัลมากถึง 100 รางวัล มูลค่ากว่า 1 ล้านบาท โดยรางวัลที่ 1 ได้แก่ แพคเกจทัวร์ท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น 2 ที่นั่ง มูลค่า 130,000 บาท  จำนวน 1 รางวัล รางวัลที่ 2 ตู้เย็นโตชิบา รุ่น GR-RF611WI-PMTH(60) มูลค่า 24,990 บาท จำนวน 10 รางวัล รางวัลที่ 3 เครื่องซักผ้าโตชิบา รุ่น TW-T25BU115MWT (MG) มูลค่า 18,990 บาท จำนวน  30 รางวัล และรางวัลที่ 4 บัตรเติมน้ำมันปตท. มูลค่า 1,500 บาท จำนวน 59 รางวัล โตชิบามุ่งมั่นที่จะเป็นแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ด้วยคุณภาพ ความใส่ใจ และความล้ำสมัยแบบฉบับญี่ปุ่น สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับแคมเปญได้ที่  02-511-7777, Line: @toshibaservice หรือ Facebook.com/ToshibaLifestyleThailand

เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ ประกาศความสำเร็จภายหลังการปรับองค์กร กางแผนกลยุทธ์ปี 2025-2027 มุ่งขยายช่องทางจำหน่าย ลุยลงทุนด้านเทคโนโลยี ขับเคลื่อนความเป็นเลิศเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ลูกค้าที่เปลี่ยนไป พร้อมยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน สอดรับแนวคิดเจนเนอราลี่ กรุ๊ป LIFTTIME PARTNER 27 : DRIVING EXCELLENCE ตั้งเป้าสู่ความเป็นเลิศในทุกมิติงานประกัน

นาย อาร์ช คอลมิ (Mr. Arsh Kaumi) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ กล่าวว่า “ในปีที่ผ่านมาถือเป็นก้าวสำคัญของเจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ จากการวางรากฐานที่แข็งแกร่งใน 3 เสาหลัก ได้แก่ Distribution focused มุ่งเน้นการเสริมความแข็งแกร่งของช่องทางการขาย เพื่อให้ครอบคลุมความต้องการของลูกค้า ผ่านช่องทางและแพลตฟอร์มทั้งหมด ด้วยรูปแบบการให้คำปรึกษาที่ได้รับการฝึกอบรมพร้อมเครื่องมือที่ครบครัน Customer FIRST เพิ่มศักยภาพด้านงานบริการลูกค้าให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ลูกค้าได้รับความรวดเร็ว เข้าถึงง่าย และสะดวกสบายกว่าเดิม ผ่านเครื่องมือดิจิทัลและกระบวนการที่คล่องตัว และสุดท้ายคือ People Empowerment สร้างรากฐานการขับเคลื่อนธุรกิจและองค์กรด้วยบุคลากรคุณภาพ มุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรภายในองค์กรเพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์

การวางรากฐานที่สำคัญเหล่านี้ ส่งผลให้ในปี 2024 เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง มีเบี้ยประกันภัยรับรวมเติบโตสูงสุดในกลุ่มบริษัทประกันชีวิตชั้นนำของไทย ด้วยอัตราการเติบโตสูงถึง 24.6% โดยเฉพาะการเติบโตจากกลุ่มธุรกิจเป้าหมายที่เรามุ่งเน้น ซึ่งจะเห็นได้ว่าปัจจัยการเติบโตนี้ มาจากการมีพันธมิตรที่แข็งแกร่ง รวมถึงการเพิ่มศักยภาพของช่องทางการจำหน่าย ทำให้สามารถขยายและเข้าถึงฐานลูกค้าหลากหลายกลุ่มอย่างทั่วถึง นอกจากนี้เรายังมุ่งมั่นพัฒนาการให้บริการ จนได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากกลุ่มลูกค้า ส่งผลให้คะแนนสำรวจความพึงพอใจผู้บริโภคที่มีต่อแบรนด์ (Relational Net Promoter Score- RNPS)   คงครองอันดับ 1 อย่างต่อเนื่อง   

“เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ เชื่อมั่นในศักยภาพของเศรษฐกิจประเทศไทยในระยะยาว และให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยในปี 2025 เราได้กำหนดทิศทางการสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของลูกค้าและพันธมิตร ดังนี้ 1. เสริมสร้างพันธมิตรเพื่อการเติบโตที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพื่อให้สามารถขยายตลาด และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างทั่วถึง โดยตั้งเป้าการเติบโตแบบดับเบิลดิจิ (Double Digits) ในปี 2025-2027 2.มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ ที่ไม่เพียงตอบโจทย์ตามความต้องการที่หลากหลาย แต่ต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถดูแลลูกค้าได้ในระยะยาว รองรับเทรนด์สังคมสูงวัยและ แนวคิดด้าน ESG ในประเทศไทยที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง 3. เพิ่มศักยภาพด้านงานบริการลูกค้าให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในทุกช่องทาง พร้อมขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี เห็นได้ว่าปัจจุบันกลุ่มผู้บริโภคทุกเจนเนอเรชัน มีความรู้ความเข้าใจในการใช้เทคโนโลยีและเข้าถึงข้อมูลได้มากขึ้น เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ จึงได้ลงทุนพัฒนา แอปพลิเคชันสำหรับลูกค้าโดยเฉพาะ อย่าง GEN 365 เพื่อตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้าและการให้บริการของทีมขายเพื่อมอบประสบการณ์การด้านบริการที่ดีกว่า รวมไปถึงการพัฒนาฝ่ายปฏิบัติการด้านบริการด้วยการใช้ RPA (Robotic Process Automation) และ AI ปัญญาประดิษฐ์ที่มาช่วยให้การบริการด้านสินไหม รวดเร็วครอบคลุมพื้นที่ ที่ลูกค้าต้องการใช้บริการ  เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการได้อย่างสะดวก มีประสิทธิภาพ ทำให้กระบวนการทำงานมีความคล่องตัว ลดขั้นตอนที่ซับซ้อน และเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการ เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด ทั้งนี้ เจนเนอราลี่ ยังคงเดินหน้าลงทุนในการพัฒนาบุคลากรและตัวแทนจำหน่ายอย่างต่อเนื่องเพื่อเร่งสร้างการเติบโตและเพื่อให้มีความพร้อมที่จะให้บริการลูกค้า

ในความมุ่งมั่นของเราในการตอบแทนสังคม เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ ได้ดำเนินโครงการเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุดได้ร่วมมือกับ The Human Safety Net (THSN) องค์กรโครงข่ายความร่วมมือเพื่อมวลมนุษยชาติ สนับสนุนพ่อแม่ Gen Y และ Gen Z ที่อาจขาดความพร้อมและโอกาสในสังคมไทย  ได้พัฒนาเสริมศักยภาพการเลี้ยงดูบุตรอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการร่วมมือกับโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) สนับสนุนการเติบโตและความยั่งยืนของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย (MSME) ในประเทศไทย

นายอาร์ช กล่าวต่อว่า “สำหรับกลยุทธ์การดำเนินงานในประเทศไทยดังกล่าว สอดรับกับกลยุทธ์ใหม่ของ เจนเนอราลี่ กรุ๊ป ปี 2025-2027 LIFTTIME PARTNER 27 : DRIVING EXCELLENCE ขับเคลื่อนความเป็นเลิศในทุกมิติเสมือนเพื่อนผู้เคียงข้างทุกช่วงเวลาของชีวิตลูกค้า

“สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับ เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ คือ Deliver on Promise หรือการส่งมอบบริการตามคำมั่นสัญญากับลูกค้า พันธมิตร และสังคม ด้วยความมุ่งมั่นและความซื่อสัตย์ เพื่อสร้างความไว้วางใจสูงสุด ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะขับเคลื่อนให้เกิดการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน ส่วนสำคัญที่สุดคือการเป็น Life time partner อยู่เคียงข้างกับลูกค้า และพันธมิตรผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ทั้งหมดของเรา” นายอาร์ช กล่าวทิ้งท้าย

X

Right Click

No right click