

ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี สร้างวัฒนธรรมสนับสนุนให้พนักงานพัฒนาศักยภาพรอบด้าน ทั้งอาชีพ ชีวิตส่วนตัว และสุขภาพทางการเงิน ผ่านการให้ความรู้ ควบคู่การบริหารจัดการทางการเงิน จัดกิจกรรม fintalk “กันเสี่ยงไว้ ไม่เจ็บซ้ำ” ชวนที่ปรึกษาทางการเงินส่วนบุคคล และเจ้าของเพจการเงินชื่อดัง NamFinance “คุณน้ำ-ธนธร กาญจนิศากร” และเจ้าของสถาบัน MoneyStudio.co “คุณแก๊ปเปอร์-ทัตพล เมธีวิริยาภรณ์” มาร่วมเปิดมุมมองการเลือกประกันที่ใช่ พร้อมเสริมความคุ้มครองให้ครบและครอบคลุม รวมถึงวิเคราะห์ความเสี่ยงและผลกระทบ โดยใช้แผนที่ความเสี่ยงชีวิต (My Risk Map) เพื่อให้พนักงานรู้ทันความเสี่ยง และมีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้น

คุณน้ำ-ธนธร กาญจนิศากร เจ้าของเพจการเงินชื่อดัง NamFinance กล่าวว่า “สิ่งแรกที่ต้องทำในการวางแผนทางการเงิน คือ ทำให้กระแสเงินสดเป็นบวก และซื้อประกันเพื่อโอนย้ายความเสี่ยงก่อนคิดลงทุน ซึ่งการเลือกซื้อประกันควรดูความเสี่ยงของตัวเองเป็นหลัก โดยวิเคราะห์ความเสี่ยงชีวิตก่อน เพื่อเลือกประกันให้เหมาะสม และไม่จำเป็นต้องซื้อประกันแค่เล่มเดียว เพื่อปิดความเสี่ยงให้ครบควรมีประกันเสริมที่ตอบโจทย์กับเป้าหมาย”
เข้าใจความเสี่ยง ใช้ My Risk Map ช่วยส่อง “จุดบอด”
แผนที่ความเสี่ยงชีวิต (My Risk Map) จะเป็นตัวช่วยส่องจุดบอด ปิดความเสี่ยงให้ครบ โดยวิธีใช้เป็นดังนี้

โอนย้ายความเสี่ยง เลือกประกันแบบไหนให้เหมาะสม
“ประกัน” เป็นเครื่องมือสำคัญ ที่โอนย้ายความเสี่ยงไม่ให้ตัวเราและคนรอบข้างรับภาระหนักเกินไป พร้อมทั้งช่วยให้รับมือกับเหตุไม่คาดคิดได้อย่างมั่นคง ซึ่งประกันมี 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1. ประกันหลัก ที่ให้ความคุ้มครองพื้นฐานเหมือนเป็น “หลังคาบ้าน” เช่น ประกันตลอดชีพ คุ้มครองถึง 99 ปี เบี้ยถูกกว่าแบบอื่น 2. ประกันสะสมทรัพย์ เน้นออมเงินและได้รับเงินคืน ได้แก่ ประกันบำนาญ รับเบี้ยประกันสูง ความคุ้มครองต่ำ การันตีกระแสเงินสด ลดหย่อนภาษีได้ และยูนิตลิงค์ ที่ผสมประกันกับการลงทุน มีความยืดหยุ่นสูง ส่วนประกันเสริม จะใช้เสริมความคุ้มครองตามความจำเป็น อาทิ ค่ารักษาพยาบาล โรคร้ายแรง อุบัติเหตุ หรือการชดเชยรายได้
การเลือกซื้อประกันเปรียบเสมือนการสร้างบ้าน ที่ต้องมีประกันหลักเป็นหลังคาก่อนจะเพิ่มประกันเสริม ซึ่งต้องรู้จักตัวเองและวิเคราะห์ความเสี่ยงของตัวเอง โดยพิจารณาปัจจัยหลัก ๆ เช่น พฤติกรรมการใช้ชีวิต อาชีพ ภาระหน้าที่ในครอบครัว ขนาดของผลกระทบ สถานะทางการเงิน และเป้าหมายในชีวิต เป็นต้น สำหรับมนุษย์เงินเดือนที่มีสวัสดิการขององค์กร ควรมีประกันติดตัวที่จ่ายเงินซื้อเอง เพื่อเสริมความคุ้มครองบางส่วนที่ยังขาดหายไป

เสริมประกันให้ครบ ปิดจบความเสี่ยงแบบฉลาด
ดังนั้น ต้องสำรวจว่าประกันสังคมและสวัสดิการขององค์กรมีอะไรบ้าง และขาดส่วนไหน ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ผ่านแอปพลิเคชันของบริษัทประกันที่ซื้อ และดูภาพรวมประกันแบบคร่าว ๆ จากแอปฯ OIC ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) โดยคนที่มีรายได้น้อย จุดเริ่มต้นที่ดีคือ ประกันตลอดชีพและอาจใส่การรักษาสุขภาพไว้ในเล่มด้วย ส่วนประกันโรคร้ายแรงหรือสุขภาพแนะนำให้ซื้อคู่กับประกันบำนาญ เพื่อจะได้นำกระแสเงินสดที่ได้รับตอนเกษียณมาจ่ายเบี้ยประกันสุขภาพที่แพงขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งนี้ ทุกคนควรมีประกันสุขภาพของตัวเอง
“นอกจากนี้ ต้องหมั่นตรวจสอบกรมธรรม์ว่าค่าใช้จ่ายที่คุ้มครองของเราเพียงพอหรือไม่ เพราะสถานการณ์เงินเฟ้อทำให้การแพทย์ รวมถึงค่ารักษาพยาบาล ราคาพุ่งแรงกว่าสินค้าและบริการอื่น ๆ อยู่ที่ 8 - 10% ต่อปี ในขณะที่พฤติกรรมของผู้คนเปลี่ยนไป จากในอดีตที่ไม่ชอบไปโรงพยาบาล แต่ปัจจุบันแม้ว่าไม่ได้ป่วยหนักก็ไปหาหมอเคลมประกัน บวกกับความเสี่ยงที่บริษัทประกันแบกรับมีขนาดใหญ่ขึ้น ทำให้ต้องใช้ระบบ Co-payment คือ การร่วมจ่ายค่ารักษาพยาบาลระหว่างผู้ทำประกันและบริษัทประกัน โดยเริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคม 2568 ซึ่งระบบนี้ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด มีคนที่เข้าเงื่อนไขไม่ถึง 1% และมีสวิตซ์ปิด-เปิดได้ ไม่ได้ติดตัวตลอดไป” คุณน้ำ-ธนธร กล่าวสรุป
บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการสร้างนวัตกรรมเพื่อยกระดับ “ประสบการณ์ลูกค้า” อย่างรอบด้าน จับมือ LINE ประเทศไทย เปิดตัวบริการ แจ้งเตือนผ่าน LINE Official Notification (LON) เสริมความสะดวก มั่นใจ และปลอดภัยสูงสุดในการสื่อสารกับลูกค้า ผ่านช่องทางดิจิทัลที่น่าเชื่อถือ ภายใต้ LINE Official Account: @DhipayaInsurance ซึ่งเป็นบัญชีพรีเมียมที่ได้รับการรับรอง (โล่สีเงิน) จาก LINE
การเปิดตัวครั้งนี้นำโดย คุณสุภาพ ประดับการ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ด้านการขายและการตลาด 1 คุณณัฐญา ธนะรัชต์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจภาครัฐและการตลาดตรง และ คุณธรรมรดี ไพรพิรุณโรจน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานกลยุทธ์ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ คุณศรีสุภาคย์ อารีวณิชกุล ผู้อำนวยการธุรกิจองค์กร LINE ประเทศไทย

คุณสุภาพ ประดับการ กล่าวว่า “บริการ LINE Official Notification (LON) ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของทิพยประกันภัยในการพัฒนา Ecosystem การให้บริการลูกค้าอย่างไร้รอยต่อ (Seamless) รองรับไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัลอย่างแท้จริง โดย LON จะเข้ามาแทนการแจ้งเตือนผ่าน SMS ที่เสี่ยงต่อการถูกปลอมแปลง ลูกค้าจึงมั่นใจได้ว่าทุกข้อความที่ได้รับมาจากทิพยประกันภัยโดยตรง 100% อีกทั้งยังสามารถดาวน์โหลดกรมธรรม์ ติดตามสถานะการให้บริการ
ต่ออายุประกันภัย และใช้บริการต่าง ๆ ได้ครบจบในที่เดียวผ่าน LINE Official Account ของเรา”
ขั้นตอนการใช้บริการสะดวก ปลอดภัย และรวดเร็ว

ทุกข้อความถูกส่งจากระบบที่ได้รับการตรวจสอบและรับรอง ช่วยลดปัญหาข้อความสแปม และป้องกันการแอบอ้างจากมิจฉาชีพได้อย่างสิ้นเชิง
คุณศรีสุภาคย์ อารีวณิชกุล ผู้อำนวยการธุรกิจองค์กร LINE ประเทศไทย กล่าวว่า “LINE มีผู้ใช้งานกว่า 56 ล้านคนทั่วประเทศ ทำให้เป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารของผู้บริโภคยุคดิจิทัล ระบบ LON มีมาตรฐานความปลอดภัยสูง ถูกออกแบบเพื่อให้แบรนด์สามารถแจ้งเตือนลูกค้าได้โดยตรง และลดปัญหาข้อความหลอกลวงได้อย่างมีประสิทธิภาพ เรามั่นใจว่าความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสารของทิพยประกันภัยและสร้างความเชื่อมั่นสูงสุดแก่ลูกค้า”
นอกจากความปลอดภัยแล้ว LON ยังช่วยอำนวยความสะดวกยิ่งขึ้นสำหรับลูกค้าทิพยประกันภัยที่ได้รับ กรมธรรม์อิเล็กทรอนิกส์ (E-policy) ไม่จำเป็นต้องดาวน์โหลดเก็บไว้ในโทรศัพท์ หากต้องการดูย้อนหลังสามารถเข้าไปที่ LINE Official Account @DhipayaInsurance เพื่อดาวน์โหลดได้ตลอด 24 ชั่วโมง หมดกังวลเรื่องเอกสารสูญหาย และยังสามารถใช้แทนกรมธรรม์กระดาษเมื่อต้องแจ้งเคลมได้ทันที
ความร่วมมือครั้งนี้สะท้อนวิสัยทัศน์ของทิพยประกันภัยในการก้าวสู่การเป็น “Next Generation Insurance Leader” ที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม ความเข้าใจเชิงลึกในพฤติกรรมลูกค้า และการมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าทั้งวันนี้และอนาคตอย่างยั่งยืน
บริษัท อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ตอกย้ำกลยุทธ์สร้างความแข่งแกร่งช่องทางตัวแทน จัดกิจกรรมการแข่งขัน “FCB Challenge 2025” กระตุ้นการสร้างผลงาน ผลักดันความสำเร็จ ถือเป็นทริปเชิดชูและสร้างแรงบันดาลใจแก่ตัวแทนที่ทำผลงานโดดเด่น พร้อมมอบประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟที่สะท้อนถึงศักยภาพ ความแข็งแกร่ง และบทบาทความเป็นผู้นำของตัวแทนอลิอันซ์ สู่ระดับสากล
นายอามัน คาพัว รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานบริหารตัวแทน ประกันชีวิตและสุขภาพ บริษัท อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า อลิอันซ์ อยุธยา มีนโยบายชัดเจนในการสนับสนุนเครือข่ายตัวแทนอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านการฝึกอบรม การยกระดับศักยภาพ และการจัดกิจกรรมการแข่งขันต่าง ๆ เพื่อเป็นแรงผลักดันและสร้างแรงบันดาลใจให้ตัวแทนเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน ภายใต้นโยบายนี้ เราจึงได้จัดการแข่งขัน FCB Challenge ขึ้น ไม่ใช่เพียงเพื่อกระตุ้นยอดขาย แต่เพื่อเชิดชูความทุ่มเทของตัวแทนที่ทำผลงานได้อย่างโดดเด่น พร้อมมอบโอกาสการเข้าร่วมทริปสุดเอ็กซ์คลูซีฟการเดินทางสู่อลิอันซ์ อารีน่า สนามเหย้าของทีมฟุตบอลบาเยิร์น มิวนิค กระทบไหล่กับซูเปอร์สตาร์ระดับโลกอย่าง แฮร์รี่ เคน ถือเป็นประสบการณ์ระดับโลกที่เงินไม่สามารถซื้อได้ และมีเพียง อลิอันซ์ อยุธยา เท่านั้นที่มอบให้ได้ รางวัลการร่วมทริปครั้งนี้ จึงเป็นสัญลักษณ์ของความสำเร็จที่สะท้อนถึงคุณค่า ความภาคภูมิใจ ความเป็นมืออาชีพที่บริษัทมอบให้ และการพัฒนาศักยภาพตัวแทนของเราอย่างแท้จริง”

ตลอดระยะเวลา 4 วัน 3 คืน ตัวแทนผู้ชนะจะได้สัมผัสประสบการณ์เหนือระดับที่ผสมผสานทั้งการเรียนรู้และแรงบันดาลใจ เริ่มตั้งแต่การเยือนสำนักงานใหญ่ อลิอันซ์ ณ เมืองมิวนิค เพื่อเปิดมุมมองสู่การดำเนินธุรกิจในระดับโลก และเข้าร่วมพบปะกับตัวแทนจากประเทศต่าง ๆ เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และสร้างเครือข่ายระดับนานาชาติ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟในการ ทัวร์สนามอลิอันซ์ อารีน่า พร้อมรับประทานอาหารค่ำที่ The Allianz Club ก่อนเข้าชมบรรยากาศการแข่งขันฟุตบอลนัดสำคัญของสโมสรบาเยิร์น มิวนิค และไฮไลท์ที่ทุกคนรอคอยคือการได้พบปะใกล้ชิดกับแฮร์รี่ เคน ซูเปอร์สตาร์กองหน้าระดับโลกแบบ Meet & Greet ปิดท้ายด้วยโปรแกรมเสริมอย่างการท่องเที่ยวเมืองมิวนิคและการเยี่ยมชมสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม เพื่อมอบประสบการณ์ที่ครบถ้วนทั้งด้านธุรกิจ กีฬา และวัฒนธรรมในทริปเดียว

“อลิอันซ์ อยุธยา ให้ความสำคัญกับช่องทางตัวแทนเป็นอย่างมาก เพราะคือกำลังสำคัญในการส่งมอบความคุ้มครองและความมั่นคงให้แก่ลูกค้า เราจะเดินหน้าสนับสนุนและพัฒนาศักยภาพของตัวแทนไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความภาคภูมิใจร่วมกันทั้งในระดับประเทศและระดับสากล” นายอามัน กล่าวทิ้งท้าย
FWD ประกันชีวิต พร้อมสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าด้วยการทำงานโดยให้ความสำคัญกับความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก (customer-led) เพิ่มทางเลือกใหม่ในบริการ FWD Telemedicine ผ่านแอปพลิเคชัน MorDee (หมอดี) บริการพบแพทย์ออนไลน์ที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์ “สะดวกทุกที่ พร้อมดูแลคุณทุกวัน” ให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงการปรึกษาแพทย์ได้จากทุกที่ พร้อมความสะดวกสบายเสมือนอยู่ในโรงพยาบาล โดยไม่ต้องเดินทางหรือรอคิวนาน ไม่ต้องสำรองจ่าย พร้อมจัดส่งยาถึงบ้าน เพื่อให้การดูแลสุขภาพเป็นเรื่องง่ายและประหยัดเวลา
นายเดวิด โครูนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ประจำประเทศไทยและกัมพูชา บริษัท เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ FWD ประกันชีวิต กล่าวว่า “เรามองว่าการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ ควรเป็นเรื่องที่ง่ายและสะดวก จากข้อมูลมาตรฐานของกองการพยาบาล กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า ระยะเวลาเฉลี่ยในการให้บริการผู้ป่วยนอกควรอยู่ที่ไม่เกิน 90 นาที[1] อย่างไรก็ตาม ด้วยจำนวนผู้รับบริการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ระยะเวลาการให้บริการอาจขยายออกไป ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการของผู้คนยุคใหม่ที่มุ่งเน้นการบริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ FWD ประกันชีวิต จึงเพิ่มทางเลือกใหม่ในการพบแพทย์ออนไลน์ ผ่านความร่วมมือกับ แอปพลิเคชัน MorDee (หมอดี) แพลตฟอร์ม Telemedicine โดยบริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการเข้าถึงแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้จากทุกที่ทุกเวลา ช่วยให้ลูกค้าได้รับการดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่อง บริหารเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้น”
บริการ FWD Telemedicine มาพร้อมคุณสมบัติเด่น อาทิ

FWD Telemedicine ได้รับการพัฒนาจากความเข้าใจเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปหลังสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการบริการสุขภาพที่ง่าย สะดวก รวดเร็ว และเป็นทางเลือกที่ช่วยลดข้อจำกัดด้านเวลาและสถานที่ เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงการปรึกษาทางการแพทย์ได้อย่างสะดวกสบายจากทุกที่ที่ต้องการ
การเพิ่มทางเลือกใหม่ผ่านแอปพลิเคชัน MorDee (หมอดี) จึงเป็นอีกหนึ่งช่องทาง ที่ช่วยให้ลูกค้า FWD สามารถพบแพทย์ออนไลน์ได้อย่างสะดวกสบายจากทุกที่ ซึ่งใช้เวลาในทุกขั้นตอนตั้งแต่ลงทะเบียนจนถึงรับคำปรึกษาในเวลาไม่เกิน 30 นาที (ไม่รวมระยะเวลาจัดส่งยา)
ลูกค้า FWD ประกันชีวิต ที่ถือกรมธรรม์ประกันสุขภาพที่มีความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลกรณีผู้ป่วยนอก (OPD) สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแอปพลิเคชัน หรือใช้บริการ FWD Telemedicine ผ่านแอปพลิเคชัน MorDee (หมอดี) โดยสามารถ
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันดังกล่าวได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ผ่าน App Store หรือ Google Play
*หมายเหตุ: บริการ FWD Telemedicine ผ่านแอปพลิเคชัน MorDee (หมอดี) ไม่รวมถึงกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน อุบัติเหตุฉุกเฉิน และการทำกายภาพบำบัด
[1] https://skko.moph.go.th/dward/document_file/oa/research_file_name/20230718103157_1705937529.pdf
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยกำลังเจริญรุดหน้าอย่างรวดเร็ว เนื่องด้วยภูมิภาคนี้กลายเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่แสวงหาวิถีชีวิตที่เงียบสงบแต่ยังเปี่ยมไปด้วยสีสัน ด้วยความรุ่มรวยมรดกทางวัฒนธรรม ภูมิประเทศที่แสนสงบ และความสนใจที่เพิ่มขึ้นในเรื่องการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน ภูมิภาคนี้จึงดึงดูดความสนใจของประชากรสองกลุ่มหลัก ได้แก่ คนในพื้นที่ที่มองหาบ้านในสภาพแวดล้อมที่มีคุณภาพ และคนวัยเกษียณอายุที่มองหาบ้านที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพ ความเป็นอยู่ที่ดี และพื้นที่ใช้สอย
ดีเวลลอปเปอร์ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือจึงออกแบบบ้านพักอาศัยให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้คนที่นี่ โดยออกแบบบ้านที่ผสมผสานระหว่างความทันสมัยให้เข้ากันกับธรรมชาติ เน้นย้ำความสำคัญเรื่องความสะดวกสบาย ตลอดจนดึงการออกแบบที่ใส่ใจในรายละเอียดเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตประจำวันของผู้อยู่อาศัย
ไลฟ์สไตล์และแนวโน้มการออกแบบบ้านในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
เจ้าของบ้านยุคใหม่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมองหามากกว่าคำว่าสิ่งปลูกสร้าง พวกเขามองหาบ้านที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตด้วยขนาดของพื้นที่ที่กว้างขวางและสามารถใช้งานได้หลากหลาย พร้อมส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีด้วยการออกแบบบ้านให้เปิดรับแสงธรรมชาติ การถ่ายเทอากาศที่ดี และมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่มุ่งเน้นเรื่องสุขภาพเป็นสำคัญ ตลอดจนส่งเสริมความยั่งยืนผ่านการออกแบบที่ช่วยประหยัดพลังงานและเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
คุณลักษณะการออกแบบที่เป็นที่ต้องการ
บ้านที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตอย่างแท้จริงจะต้องเป็นบ้านที่มีพื้นที่สำหรับอยู่อาศัยแบบเปิดโล่งเพื่อความยืดหยุ่นในการใช้งาน อีกทั้งมาพร้อมห้องน้ำที่มุ่งส่งเสริมสุขอนามัยของผู้ใช้งานด้วยโซลูชันที่ทันสมัย และเลือกใช้วัสดุที่ยั่งยืนและติดตั้งเทคโนโลยีบ้านอัจฉริยะเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
อเมริกันสแตนดาร์ด: โซลูชันห้องน้ำที่ออกแบบมาอย่างใส่ใจสำหรับบ้านในฝัน
ขณะที่ดีเวลลอปเปอร์ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมุ่งเน้นการออกแบบบ้านที่ตอบสนองความต้องการดังกล่าว อเมริกันสแตนดาร์ดก็มีโซลูชันห้องน้ำที่ผสานเข้ากับวิถีชีวิตสมัยใหม่ได้อย่างเหมาะสมและลงตัว
การออกแบบสมัยใหม่ที่สอดรับกับทุกพื้นที่
อเมริกันสแตนดาร์ดนำเสนอคอลเลกชันที่เติมเต็มสุนทรียภาพด้านความสวยงามให้แก่บ้านในหลากหลายสไตล์ ตั้งแต่ร่วมสมัยไปจนถึงมินิมอลด้วยผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ได้แก่



สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี: บทบาทของ Shower Toilets
สุขภาพและสุขอนามัยเป็นสิ่งสำคัญสูงสุดสำหรับทั้งกลุ่มผู้เกษียณอายุและครอบครัว สุขภัณฑ์อัจฉริยะที่อัดแน่นด้วยนวัตกรรมอันทันสมัยของอเมริกันสแตนดาร์ด เช่น รุ่น e-Lite มาพร้อมกับอีกระดับของการดูแลเรื่องสุขอนามัยส่วนบุคคล

คุณลักษณะสำคัญ:
นอกจากนี้ เรายังมีสุขภัณฑ์อาบน้ำในหลากหลายเฉดสี ช่วยให้เจ้าของบ้านตกแต่งห้องน้ำในสไตล์ที่เป็นตัวเองได้อย่างเต็มที่
การสร้างบ้านในฝัน: มุมมองจากเจ้าของโครงการ
ดีเวลลอปเปอร์ในภาคอีสานกำลังก่อสร้างโครงการให้สอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายหลัก ได้แก่ กลุ่มครอบครัวที่เป็นคนในพื้นที่ที่ต้องการบ้านที่ออกแบบโดยคำนึงถึงการอยู่อาศัยร่วมกันของคนหลากหลายช่วงวัย มีห้องน้ำขนาดใหญ่และพื้นที่อยู่อาศัยแบบเปิดโล่ง และกลุ่มผู้เกษียณอายุที่มองหาที่พักอาศัยที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่เอื้อต่อการมีสุขภาพดี การออกแบบที่ง่ายต่อการใช้งาน และพื้นที่ทำกิจกรรมกลางแจ้งที่สงบร่มรื่น
อเมริกันสแตนดาร์ดร่วมมือกับดีเวลลอปเปอร์ต่าง ๆ เพื่อผสานโซลูชันสำหรับห้องน้ำของเราให้เข้ากันกับบ้านเหล่านี้อย่างลงตัวในทุกแง่มุมไม่ว่าจะเป็นความสวยงามไปจนถึงประโยชน์ใช้สอยเพื่อช่วยทำให้เจ้าของบ้านมีบ้านในฝันอย่างสมบูรณ์

บริษัท อาณาสรา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ผู้นำในวงการธุกิจบ้านจัดสรร ด้วยประสบการณ์กว่า 25 ปี ในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในจังหวัดนครราชสีมา บ้านที่สร้างจากแรงบันดาลใจแห่งสายน้ำกับแนวคิด “The Superlative Life @Aqua Living” “อาณาสรา อควา” ต้องการให้ลูกบ้านได้ใช้ชีวิตเชื่อมโยงกับธรรมชาติด้วยการดีไซน์สวนภายใต้คอนเซปต์ “การออกแบบสวนสวยที่จำลองบรรยากาศของลำธารและสายน้ำ” นอกจากนี้ยังมี Green Area สวนสาธารณะบนพื้นที่กว่า 1 ไร่ และพื้นที่รอบโครงการยังรายล้อมด้วยต้นไม้ใหญ่ ท้องนา สวนผลไม้ ร่องสวน พื้นที่เพื่อการพักผ่อนและสร้างเสริมสุขภาวะที่ดีเพื่อให้ลูกบ้านได้สัมผัสความรื่นรมย์จากธรรมชาติอย่างแท้จริง
อาณาสรา อควา เข้าใจความต้องการที่หลากหลายของแต่ละครอบครัว จึงออกแบบบ้านที่มีห้องอเนกประสงค์ ที่ปรับเปลี่ยนได้ตามไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็นห้องทำงาน, ห้องพระ, ห้องเลี้ยงเด็กเล็ก หรือห้องนอนผู้สูงอายุ นอกจากนี้ ยังมีมุมเตรียมอาหาร และห้องแต่งตัวแบบวอล์คอินสำหรับคุณผู้ชายและคุณผู้หญิง
เพื่อความเป็นส่วนตัวและพื้นที่สำหรับทำกิจกรรมร่วมกัน อาณาสรา อควา ให้ความสำคัญกับดีไซน์ Modern Contemporary ที่ผสมผสานความทันสมัยเข้ากับความเรียบง่าย ด้วยเส้นสายสะอาดตาและโทนสีกลมกลืน โครงการฯ คัดสรรวัสดุธรรมชาติอย่างไม้ หิน และวัสดุคล้ายเหล็ก มาใช้ในงาน Façade อย่างสวยงาม โดยไม่เพียงเน้นความสวยงามแต่ยังคำนึงถึงคุณภาพ การใช้งานสูงสุด และการรับประกัน โดยเฉพาะในส่วนของห้องน้ำ ซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญ โดยโครงการฯ ได้เลือกใช้สุขภัณฑ์อเมริกันสแตนดาร์ด แบรนด์ระดับโลกที่เชื่อถือได้เพื่อสุขอนามัยที่ดีของลูกบ้าน ข้อมูลโดย บริษัท อาณาสรา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด https://anasara.com/

ด้วยจำนวนประชากรที่มากที่สุดเป็นอันดับที่ 5 ของประเทศ อีกทั้งยังเป็นจังหวัดศูนย์กลางทางการศึกษาและเทคโนโลยีของภูมิภาคทำให้ตลาดที่อยู่อาศัยของ “ขอนแก่น” เป็นตลาดที่กำลังเติบโตและน่าจับตามองไม่แพ้จังหวัดอื่น ๆ ในอีสาน
หากพูดถึงดีเวลลอปเปอร์ในขอนแก่นที่มีชื่อเสียงด้านคุณภาพและมาตรฐานมาอย่างยาวนานกว่า 20 ปี หนึ่งในนั้นจะต้องเป็น ห้างหุ้นส่วนจำกัด เกรียงศักดิ์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ 2003 กับโครงการใหม่ “ฉัตรเพชร ปาร์ค คอนโด” ด้วยแรงบันดาลใจที่จะยกระดับคุณภาพที่อยู่อาศัยให้กับชาวขอนแก่น ภายใต้คอนเซปต์ “Completeness of the New Life ชีวิตใหม่ในแบบคุณ”
ฉัตรเพชร ปาร์ค คอนโด ความสุขเหนือระดับกับทุกฟังก์ชันการใช้ชีวิตที่ลงตัว คุณพิชชา ฉัตรชัยพลรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์ กล่าว “เราเน้นการออกแบบที่ใส่ใจเรื่อง Health & Well-Being ของลูกบ้านด้วยสระว่ายน้ำระบบเกลือขนาดใหญ่ และยังสร้างบรรยากาศแห่งความผ่อนคลายกับลู่วิ่งชมธรรมชาติรอบโครงการ รวมถึง Co-Working Space ที่ดึงบรรยากาศสวนเข้ามาไว้ในอาคาร นอกจากนี้ ทางโครงการฯ ยังเลือกใช้สุขภัณฑ์อเมริกันสแตนดาร์ดซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงในราคาสมเหตุสมผลมาติดตั้งให้กับลูกบ้านในโครงการฯ เพื่อสร้างสังคมแห่งสุขอนามัยที่ดีให้กับผู้ใช้งาน” ข้อมูลเพิ่มเติม https://chatpetch.co.th/chatpetchparkcondo/

สำหรับผู้ที่ต้องการประสบการณ์การอยู่อาศัยระดับ Ultra Luxury ใจกลางเมืองขอนแก่น โครงการ “ดีวานี แกรนด์ เรสซิเดนท์” จากบริษัท ธนนที จำกัด บ้านเดี่ยวสุดหรูสไตล์ Modern Contemporary ที่มาพร้อมแนวคิด “The Essence of Iconic Living: แก่นแท้ของชีวิตที่สมบูรณ์แบบ” เอกสิทธิ์เฉพาะ 50 ครอบครัวเท่านั้น
“ดีวานี แกรนด์ เรสซิเดนท์ เกิดจากความใส่ใจในทุกรายละเอียดอย่างพิถีพิถัน บ้านทุกหลังสะท้อนนิยามแห่งการอยู่อาศัยที่มุ่งส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดี ตั้งแต่สถาปัตยกรรมที่เปี่ยมด้วยศิลปะในสไตล์การออกแบบไปจนถึงการคัดสรรวัสดุคุณภาพสูงเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และสิ่งอํานวยความสะดวกระดับสากล รวมถึงการเลือกใช้แบรนด์สุขภัณฑ์มาตรฐานสากลอย่างอเมริกันสแตนดาร์ดที่มีเทคโนโลยีเอกสิทธิ์เฉพาะด้านสุขอนามัยและความสะอาดเพื่อความสบายใจของผู้ใช้งาน และยังช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์แบรนด์ผู้นำตลาดบ้านเดี่ยวสุดหรูให้แก่โครงการอีกด้วย” คุณอัสนี ศรีทองคำ ผู้บริหารโครงการ Divanie Grand Residence กล่าวเสริม ข้อมูลเพิ่มเติม https://divaniegrandresidence.com

ด้วยวิสัยทัศน์ที่ต้องการยกระดับโครงการจัดสรรของอุบลราชธานีให้มีมาตรฐานและบริการเทียบเท่ากับบริษัทมหาชน บริษัท บ้านสาริน จำกัด ชื่อนี้ที่ครองใจคนอุบลมานานกว่า 28 ปี วันนี้พร้อมแล้วกับการเจาะตลาดพรีเมียม เปิดตัวโครงการ “สาริน วิสต้า นาเมือง อุบล” โครงการบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ในสไตล์ Contemporary Luxury ความสวยสมบูรณ์แบบในทุกรายละเอียด ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากเหลี่ยมของกะรัตเพชร ที่ดูเรียบหรู งดงาม ไร้กาลเวลา สร้างสมดุลแห่งการใช้ชีวิตและการพักผ่อนด้วยสวนสาธารณะร่มรื่นกว่า 2 ไร่ พร้อม Jogging Track และพื้นที่ Green space ศูนย์รวมกิจกรรมสร้างสรรค์เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีสำหรับลูกบ้าน
“สาริน วิสต้า นาเมือง อุบล ชูคอนเซปต์ “Finely Crafted Family Moments, Family-Centric Design” เน้นฟังก์ชันการใช้งานที่คำนึงถึงสมาชิกทุกคนในบ้าน และเรายังตอบโจทย์เทรนด์ Sustainability ในกลุ่มครอบครัวยุคใหม่ด้วยการให้ความสำคัญเป็นอย่างมากในการเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน เราจึงมั่นใจเลือกใช้สุขภัณฑ์อเมริกันสแตนดาร์ด ด้วยคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานระดับโลก การออกแบบที่สวยงามทันสมัย มีฟีเจอร์ที่ช่วยประหยัดน้ำและพลังงาน นอกจากนี้การบริการหลังการขายที่ดีและการรับประกันสินค้าที่ยาวนานทำให้เราเลือกใช้อเมริกันสแตนดาร์ดเป็นพันธมิตรหลักในการพัฒนาโครงการของเรา” คุณสิรินทร์นา ภาติยะศิขัณฑ์ กรรมการบริษัท บ้านสาริน จำกัด กล่าว ข้อมูลเพิ่มเติม https://baansarin.com/สารินวิสต้านาเมือง
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยกำลังจะกลายเป็นศูนย์กลางของการอยู่อาศัยที่มีคุณภาพ ด้วยการออกแบบที่ทันสมัยเข้ากันได้อย่างลงตัวกับมนต์เสน่ห์แห่งวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม ทั้งนี้ โซลูชันสำหรับห้องน้ำที่อัดแน่นด้วยนวัตกรรมของอเมริกันสแตนดาร์ด ไม่เพียงช่วยให้ดีเวลลอปเปอร์สร้างบ้านได้ตรงตามความต้องการของลูกค้าเท่านั้นแต่ยังสร้างความประทับใจให้เจ้าของบ้านมากขึ้นเมื่อพวกเขาได้รับในสิ่งที่เกินความคาดหวัง
ยกระดับบ้านในฝันของคุณกับอเมริกันสแตนดาร์ด ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการออกแบบอย่างใส่ใจเข้ากันได้อย่างลงตัวกับการใช้ชีวิตยุคปัจจุบัน
บริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์โฟมล้างมือ คิเรอิคิเรอิ (Kirei Kirei) ร่วมสร้างสังคมสุขภาพดี และส่งเสริมความตระหนักรู้เรื่องการล้างมือ เพื่อเป้าหมายให้การล้างมือกลายเป็นพฤติกรรมประจำใหม่ของคนไทย พร้อมตอกย้ำพันธกิจด้าน CSR ด้วยเจตนารมณ์ในการดำเนินธุรกิจควบคู่คุณธรรม กับกิจกรรม “คิเรอิคิเรอิ Global Hand Washing Day Run วิ่งด้วยใจให้น้องมือสะอาด ครั้งที่ 2” ชวนคนไทยร่วมวิ่งการกุศลเพื่อสุขภาพ พร้อมปลูกฝังพฤติกรรมล้างมือที่ถูกวิธี อันเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการสร้างสังคมและครอบครัวสุขภาพดีอย่างยั่งยืน

กิจกรรม “วิ่งด้วยใจให้น้องมือสะอาด” จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ ที่ 5 ตุลาคม 2568 ณ สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ และสวนจตุจักร ซึ่งในปีนี้แบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ 1.แฟมิลี่รัน 3 กิโลเมตร (สำหรับผู้ใหญ่และเด็กอายุไม่เกิน 12 ปี) 2.แฟมิลี่รัน 3 กิโลเมตร (ชาย–หญิง ไม่จำกัดอายุ) 3.ฟันรัน 5.5 กิโลเมตร (ชาย–หญิง ไม่จำกัดอายุ พร้อมระบบจับเวลา Timing Chip) และ 4.มินิมาราธอน 10 กิโลเมตร (ชาย–หญิง ไม่จำกัดอายุ พร้อมระบบจับเวลา Timing Chip)

นอกจากการวิ่งเพื่อสุขภาพแล้ว ภายในงานยังมีกิจกรรมสร้างสีสัน เช่น การประกวดแฟนซีรัน ลุ้นรางวัลจากคณะกรรมการ กิจกรรมส่งเสริมสุขภาพ เกมสนุก ๆ สำหรับเด็ก รวมถึงอาหารว่างและบูธกิจกรรมจากพันธมิตร
สิทธิพิเศษ ผู้สมัครทุกระยะจะได้รับ Race Pack ประกอบด้วย เสื้อวิ่ง หมายเลข BIB เหรียญรางวัล และของที่ระลึกพิเศษจากคิเรอิคิเรอิ พร้อมสิทธิ์เข้าร่วมทุกกิจกรรมในงานโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
เปิดรับสมัครตั้งแต่วันนี้ – 25 กันยายน 2568 ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนและติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.runlah.com/th/ghwr2025

กิจกรรมวิ่งในครั้งนี้ไม่เพียงเป็นการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพเท่านั้น แต่ยังเป็นเวทีในการรวมพลังสร้างสังคมและครอบครัวที่แข็งแรงและยั่งยืน ผ่านการรณรงค์ให้เห็นความสำคัญของสุขอนามัยในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะการล้างมืออย่างถูกวิธี ซึ่งหลังจากจัดกิจกรรมแล้ว จะนำรายได้มอบให้แก่กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข และกรุงเทพมหานคร เพื่อเป็นประโยชน์ต่อสังคมต่อไป
บริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) มอบสิทธิพิเศษให้การชอปตลอดปีนี้ มีแต่คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม ด้วยโปรโมชัน “อิออน ให้ทุกวันเป็นวันของคุณ” สำหรับผู้ถือบัตรเครดิตอิออน ที่จัดมาเต็มแมกซ์ ชอปปั๊บรับคุ้ม เพื่อเหล่านักชอป รับเครดิตเงินคืนรวมสูงสุด 3,200 บาท เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตอิออนโกลด์หรือคลาสสิค เริ่มแล้ววันนี้ ถึงวันที่ 10 ธันวาคม 2568
โปรโมชัน “อิออน ให้ทุกวันเป็นวันของคุณ” สิทธิพิเศษเฉพาะผู้ถือบัตรเครดิตอิออนโกลด์ และบัตรเครดิตอิออนคลาสสิค เติมเต็มการใช้ชีวิตได้แบบลงตัว ได้เพลิดเพลินกับการเที่ยว ชิม ชอป แบบสุดคุ้มตลอดแคมเปญ เพียงมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตอิออนโกลด์หรือคลาสสิค ในช่วงเวลาที่กำหนดในแต่ละรอบบิลตามเงื่อนไขที่กำหนด รับเครดิตเงินคืนรวมสูงสุด 3,200 บาท/ หมายเลขบัตรประชาชนตลอดระยะเวลารายการส่งเสริมการขาย เพียงใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตอิออนโกลด์หรือคลาสสิค รับเครดิตเงินคืน 30 บาท/เซลล์สลิป เมื่อมียอดใช้จ่ายที่ร้านอาหารทั่วประเทศตั้งแต่ 1,000 บาท/เซลล์สลิป (ไม่รวมบริการเดลิเวอรี่) รับเครดิตเงินคืน 25 บาท/ เซลล์สลิป เมื่อมียอดใช้จ่ายตั้งแต่ 500 บาท/ เซลล์สลิป จากการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่ Big C, 7-11 และ CJ More หรือรับเครดิตเงินคืน 20 บาท/ เซลล์สลิป เมื่อมียอดใช้จ่ายตั้งแต่ 1,000 บาท/ เซลล์สลิป กับการชอปไอเทมเติมสวยที่ Beatrium, Boots, EVEANDBOY, Sephora และ Watsons หรือจองทริปเดินทางครั้งต่อไปผ่าน Agoda, Booking.com, Expedia, Hotel.com, Traveloka และ Trip.com รับเครดิตเงินคืน 100 บาท/ เซลล์สลิป เมื่อมียอดใช้จ่ายตั้งแต่ 5,000 บาท/ เซลล์สลิป*
งานนี้ ยิ่งชอปยิ่งคุ้ม จะพลาดได้ไง! ลงทะเบียนเข้าร่วมรายการส่งเสริมการขายที่แอปพลิเคชัน AEON THAI MOBILE หรือ aeon.co.th และได้รับข้อความยืนยันการลงทะเบียน ก่อนทำรายการ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สนใจสมัครบัตรเครดิตอิออน หรือรายละเอียดเพิ่มเติม หรือติดตามข่าวสารและโปรโมชันจากอิออนได้ที่ aeon.co.th, แอปพลิเคชัน AEON THAI MOBILE, AEON LINE Official Account, Facebook AEON Thana Sinsap และ Tiktok AEON Thana Sinsap
* เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด
* ใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี
วัตสัน ผู้นำร้านเพื่อสุขภาพและความงามอันดับหนึ่งของประเทศไทย เดินหน้าตอกย้ำเจตนารมณ์ในการเป็นเพื่อนคู่ซี้ ที่อยู่เคียงข้างและดูแลทุกคนในทุกช่วงเวลาของชีวิตไปพร้อมกับสังคมอย่างยั่งยืน โดยร่วมมือกับสมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ (บ้านพักฉุกเฉิน) และพันธมิตร จัดกิจกรรมการกุศลด้วยการระดมทุนช่วยเหลือผู้หญิงและเด็กที่อยู่ในการดูแลของสมาคมฯ เนื่องในโอกาสครบรอบ 29 ปี วัตสัน ประเทศไทยอย่างยิ่งใหญ่ เพื่อสนับสนุนและยกระดับคุณภาพชีวิตของเด็กและสตรีที่ให้กลับสู่สังคมอย่างมีความสุขได้อีกครั้ง
นวลพรรณ ชัยนาม กรรมการผู้จัดการ วัตสัน ประเทศไทย กล่าวว่า “วัตสันเชื่อมั่นในการทำธุรกิจที่ยั่งยืนควบคู่ไปกับการดูแลสังคมและคนไทย โดยเฉพาะการให้โอกาสกับเด็กและสตรี ผ่านกิจกรรมการกุศลที่ร่วมกับสมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ โดยปีนี้วัตสันขอสานต่อเจตนารมณ์ดังกล่าว ด้วยการจัดกิจกรรมระดมทุนเข้าสมาคมฯ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนสตรีและเด็กที่ต้องการความช่วยเหลือต่อไป”

ดร.เมทินี พงษ์เวช เลขาธิการฯและกรรมการ สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ บ้านพักฉุกเฉิน กล่าวว่า “ทางสมาคมฯ ขอขอบคุณวัตสันเป็นอย่างสูง ที่เล็งเห็นถึงความสำคัญและให้การสนับสนุนการดำเนินงานของเราอย่างต่อเนื่อง ความช่วยเหลือในครั้งนี้จะช่วยสร้างพื้นที่พักพิงที่ปลอดภัย เติมเต็มความหวังและรอยยิ้มให้พวกเขาสามารถก้าวต่อไปในสังคมได้อย่างเข้มแข็งและยั่งยืน”

ตลอดเส้นทางของการเติบโต วัตสันยืนหยัดเคียงข้างสังคมไทย ต่อยอดการสร้างสรรค์สิ่งดีๆ คืนสู่สังคม ผ่านการสนับสนุนสมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ (บ้านพักฉุกเฉิน) ที่ดำเนินการต่อเนื่องมานานกว่า 19 ปี ซึ่งไฮไลท์ในงานครบรอบ 29 ปีในครั้งนี้ วัตสันสานต่อพันธกิจเพื่อสังคม โดยจัดการประมูลและจำหน่ายตุ๊กตางูลิมิเต็ดเอดิชันการกุศล เพื่อระดมทุนเข้าสมาคมฯ โดยรายได้ทั้งหมดจากการประมูลตุ๊กตา จากแบรนด์ยูเซอริน (Eucerin) ซึ่งเป็นผู้ชนะการประมูล จะถูกนำไปสมทบทุนร่วมกับรายได้จากการจำหน่ายตุ๊กตาและเงินสนับสนุนจากวัตสัน ประเทศไทย รวมกว่า 500,000 บาท มอบให้กับสมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ บ้านพักฉุกเฉิน เพื่อใช้ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กและสตรีที่อยู่ภายใต้การดูแลของสมาคมฯ ต่อไป

ความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นเครื่องยืนยันเจตนารมณ์และความมุ่งมั่นของวัตสันในการก้าวสู่การเป็นแบรนด์ที่สร้างความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมมุ่งสร้างผลกระทบเชิงบวกผ่านการดำเนินงานในทุกภาคส่วน ทั้งด้านผลิตภัณฑ์ สิ่งแวดล้อม ชุมชน โลก และคุณภาพชีวิต ควบคู่ไปกับการสนับสนุนความเท่าเทียมสำหรับคนทุกกลุ่ม ไปพร้อมกัน ในฐานะเพื่อนคู่ซี้ด้านสุขภาพและความงามที่พร้อมสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคน
สถาบันไทยพัฒน์ ตั้งหน่วยงาน Carbon Ratings พัฒนาข้อมูลบัญชีคาร์บอนของภาคธุรกิจ เพื่อการจัดระดับบริษัทจดทะเบียนด้านความสามารถทางภูมิอากาศ สำหรับผู้ลงทุนใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุน ควบคู่กับข้อมูลทางการเงิน ให้สามารถสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน และผลักดันการกำกับดูแลกิจการด้านภูมิอากาศไปพร้อมกัน
สถาบันไทยพัฒน์ ในฐานะผู้บุกเบิกการพัฒนาฐานข้อมูลความยั่งยืนของธุรกิจ และเป็นผู้ริเริ่มการจัดระดับ ESG Rating ขึ้นในประเทศไทย นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 เห็นว่า ปัจจุบัน ผู้ลงทุนประเภทสถาบัน นอกจากที่จะให้ความสำคัญกับการใช้ข้อมูลด้าน ESG ของกิจการในกระบวนการพิจารณาตัดสินใจลงทุนแล้ว ยังมีความต้องการใช้ข้อมูลด้านภูมิอากาศที่กิจการมีการดำเนินการ อาทิ ข้อมูลปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เป้าหมายการลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกในระดับกิจการ ฯลฯ สำหรับประกอบการตัดสินใจลงทุนด้วย
โดยจากรายงานผลสำรวจ EY 2024 Institutional Investor Survey ซึ่งจัดทำขึ้นเป็นปีที่ 11 ได้รวบรวมมุมมองของผู้ลงทุนสถาบันทั่วโลก ชี้ให้เห็นว่า ผู้ลงทุนกว่า 55% เชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะส่งผลกระทบต่อกลยุทธ์การลงทุนในช่วง 2 ปีข้างหน้า และ 62% ระบุว่า ได้เตรียมความพร้อมในการประเมินข้อมูลเกี่ยวกับภูมิอากาศของบริษัทที่เข้าลงทุนไว้แล้ว
ด้วยประสบการณ์กว่า 11 ปี ของสถาบันไทยพัฒน์ในการประเมินข้อมูลด้าน ESG ของกิจการ จึงได้ขยายผลมาสู่การประเมินข้อมูลบัญชีคาร์บอนของภาคธุรกิจ เพื่อการจัดระดับบริษัทจดทะเบียนด้านความสามารถทางภูมิอากาศ ในรูปแบบของ Carbon Ratings เป็นครั้งแรกในประเทศไทย
การจัดระดับคาร์บอน (Carbon Ratings) ที่สถาบันไทยพัฒน์พัฒนาขึ้น เป็นการประเมินโดยใช้ข้อมูลเกี่ยวกับก๊าซเรือนกระจกที่กิจการเปิดเผย (Corporate Emission Profile) แสดงผลด้วยตัวอักษรแทนระดับของผลการประเมิน โดยแบ่งเป็น 3 ระดับ
ระดับแรก แสดงด้วยตัวอักษร Q หมายถึง กิจการมีการรายงานข้อมูลปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในขอบข่าย (Scope) ที่ 1, 2 และ 3 ครบถ้วนตามขอบเขตดำเนินงาน (Operational Boundary) เป็นระดับที่แสดงถึง การเปิดเผยข้อมูลปริมาณก๊าซเรือนกระจก (Emissions Quantity)
ระดับที่สอง แสดงด้วยตัวอักษร QQ หมายถึง กิจการมีการรายงานข้อมูลปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และเกณฑ์คุณภาพข้อมูลก๊าซเรือนกระจกที่รายงาน เป็นระดับที่แสดงถึง การเปิดเผยข้อมูลปริมาณก๊าซเรือนกระจกในระดับแรก และคุณภาพข้อมูลก๊าซเรือนกระจก (Data Quality)
ระดับที่สาม แสดงด้วยตัวอักษร QQQ หมายถึง กิจการมีการรายงานข้อมูลปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เกณฑ์คุณภาพข้อมูลก๊าซเรือนกระจกที่รายงาน และความก้าวหน้าในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในขอบข่ายที่ 1, 2 และ 3 ที่สอดคล้องกับกรอบเพดานอุณหภูมิไม่เกิน 1.5 °C เป็นระดับที่แสดงถึง การเปิดเผยข้อมูลปริมาณก๊าซเรือนกระจกในระดับแรก คุณภาพข้อมูลก๊าซเรือนกระจกในระดับที่สอง และความก้าวหน้าดำเนินงานบนขีดความสามารถทางภูมิอากาศ (Climate Quotient)

นายวรณัฐ เพียรธรรม ผู้อำนวยการสถาบันไทยพัฒน์ กล่าวว่า “การประเมิน Carbon Ratings ที่สถาบันไทยพัฒน์ริเริ่มขึ้นนี้ ถือเป็นมิติใหม่ของการเผยแพร่ข้อมูลประเมินด้านภูมิอากาศ ที่นอกจากจะช่วยสนับสนุนการพัฒนาระดับการเปิดเผยข้อมูลบัญชีคาร์บอนของบริษัทจดทะเบียนแล้ว ยังจะเป็นการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับภูมิอากาศของบริษัทจดทะเบียนให้แก่ผู้ลงทุนทั้งในและต่างประเทศ เพิ่มโอกาสการลงทุนในบริษัทจดทะเบียนจากกลุ่มผู้ลงทุนที่ใช้ข้อมูลดังกล่าว เพื่อสร้างผลตอบแทนการลงทุน พร้อมกับการสร้างผลกระทบทางภูมิอากาศในเชิงบวก”

นางสาววีรญา ปรียาพันธ์ ในฐานะหัวหน้าทีม Carbon Ratings สถาบันไทยพัฒน์ กล่าวเสริมว่า “ไทยพัฒน์ ได้เข้าเป็นสมาชิก Climate Reference Group[1] ภายใต้ UN PRI[2] เพื่อแลกเปลี่ยนแนวคิดและแนวปฏิบัติที่ดีต่อการพัฒนากลยุทธ์การลงทุนที่ผนวกทั้งโอกาสและความเสี่ยงด้านภูมิอากาศผ่านเครื่องมือทางการเงินที่เหมาะสม ร่วมกับอีก 63 องค์กรสมาชิกที่ส่วนใหญ่เป็นผู้ลงทุนสถาบันชั้นนำระดับโลก ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาข้อมูลด้านภูมิอากาศสำหรับการลงทุนของบริษัทจดทะเบียนไทย”
บริษัทจดทะเบียนและกิจการที่ต้องการพัฒนาระดับการเปิดเผยข้อมูลบัญชีคาร์บอน หรือต้องการจัดทำข้อมูลเกี่ยวกับภูมิอากาศเพื่อการเผยแพร่ให้แก่ผู้ลงทุนทั้งในและต่างประเทศ โดยใช้เครื่องมือ Carbon Ratings สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ CarbonRatings.org ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
[1] https://www.unpri.org/signatory-resources/advisory-committees-and-working-groups/320.article#Climate_reference_group
[2] เป็นโครงการที่เกิดขึ้นภายใต้การสนับสนุนของสหประชาชาติ ที่ให้คำแนะนำเรื่องการนำหลักการลงทุนที่รับผิดชอบมาใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุน และมีภาคีผู้ร่วมลงนามกว่า 5,200 รายทั่วโลก