

หากเอ่ยถึง “โอเอซิส” คนส่วนใหญ่คงมีภาพจำของแหล่งน้ำที่มอบชีวิตและความหวังท่ามกลางความร้อนระอุในทะเลทราย แม้ดูเป็นเรื่องที่ไกลตัว แต่ในห้วงเวลาที่โลกกำลังเผชิญกับวิกฤตสภาพอากาศ หลายคนอาจจะกำลังมองหา "โอเอซิส" ที่เป็นเหมือนความหวังใหม่ในชีวิตก็เป็นได้ เพราะเมื่อหันมาดูสภาพอากาศบ้านเราที่ช่วงนี้เป็นฤดูฝนที่ควรจะชุ่มฉ่ำ แต่ในหลายพื้นที่ของประเทศไทยกลับต้องเผชิญกับภาวะฝนทิ้งช่วง บางพื้นที่เผชิญกับน้ำหลาก สถานการณ์นี้เป็นผลพวงจากความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศที่ทวีความรุนแรงขึ้นทุกปี และผู้ที่ได้รับผลกระทบมากก็หนีไม่พ้น “ภาคเกษตร” ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญที่ค้ำจุนความมั่นคงทางอาหารของโลก
ในวิกฤตภัยแล้งและน้ำท่วมที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า การบริหารจัดการน้ำจึงเป็นหัวใจสำคัญที่ไม่อาจมองข้ามได้ และต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเพื่อหาทางออกที่ยั่งยืน กลุ่มมิตรผล ในฐานะผู้นำในอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล จึงได้ริเริ่มโครงการ “Mitr Phol Oasis” หรือ “โอเอซิสเพื่อการเกษตร” ที่เป็นแหล่งกักเก็บน้ำขนาดใหญ่สำหรับบรรเทาปัญหาภัยแล้งและอุทกภัยจากน้ำท่วมให้แก่เกษตรกรชาวไร่อ้อยในพื้นที่อย่างยั่งยืน

นายบรรเทิง ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการ กลุ่มมิตรผล กล่าวว่า "กลุ่มมิตรผลในฐานะองค์กรที่ช่วยขับเคลื่อนภาคเกษตรไทย เราไม่ได้มองบทบาทของตัวเองแค่การทำธุรกิจ แต่ในฐานะพลเมืองคนหนึ่งของประเทศที่เชื่อว่าน้ำคือรากฐานความมั่นคงของชีวิตผู้คน เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม ความเชื่อนี้ผลักดันให้เราพัฒนาแนวทางการบริหารจัดการน้ำที่ยั่งยืน และแบ่งปันประโยชน์นั้นคืนสู่ชุมชนและสังคมไทย โดยทุกวันนี้ปัญหาโลกร้อนที่ทำให้สภาพอากาศแปรปรวน นับเป็นความท้าทายใหญ่ของภาคเกษตร และหนึ่งในแนวทางที่สามารถรับมือกับปัญหานี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพคือ การจัดหาแหล่งน้ำสำรอง (Resource) เราจึงริเริ่มโครงการ 'Mitr Phol Oasis' ขึ้นมา เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรจากวิกฤตภัยแล้งและน้ำท่วม โครงการฯ นี้ไม่เพียงแต่เป็นแหล่งน้ำไว้ใช้ทำการเกษตรและดำรงชีวิต แต่ยังเป็นเหมือนโอเอซิสที่สร้างความหวังให้กับเกษตรกรในพื้นที่ นอกจากนี้ เรายังมุ่งมั่นที่จะส่งมอบความรู้วิธีการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบแนวทาง 'มิตรผล โมเดิร์นฟาร์ม' เพื่อให้เกิดการวางแผนในการใช้น้ำ แบ่งปันกันอย่างเท่าเทียม และใช้ทรัพยากรน้ำอย่างรู้คุณค่าและยั่งยืน”
โครงการ “Mitr Phol Oasis” ได้พัฒนาขึ้นในพื้นที่ลุ่มต่ำที่เกิดน้ำท่วมบ่อยครั้ง และสร้างเป็นอ่างกักเก็บน้ำขนาดใหญ่ มีความจุมากกว่า 1 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยจะเปิดประตูรับน้ำจากธรรมชาติในช่วงฤดูน้ำหลากเพื่อบรรเทาปัญหาน้ำท่วม มากักเก็บไว้ใช้ในฤดูแล้งเพื่อบรรเทาปัญหาขาดแคลนน้ำ และวางระบบกระจายน้ำไปยังไร่อ้อยของเกษตรกรอย่างทั่วถึง ปัจจุบันมีโครงการฯ ทั้งหมด 4 แห่งในจังหวัดขอนแก่น ชัยภูมิ สุพรรณบุรี และกาฬสินธุ์ ครอบคลุมพื้นที่รับประโยชน์กว่า 22,000 ไร่ โครงการฯ นี้ไม่เพียงช่วยให้เกษตรกรสามารถบรรเทาปัญหาช่วงน้ำหลากและรับมือกับภัยแล้งได้ดีขึ้นแล้ว แต่ยังช่วยเพิ่มผลผลิต เพิ่มรายได้ และลดต้นทุนค่าน้ำได้มากถึง 3,500 บาทต่อไร่ต่อปี นอกจากนี้ยังสร้างรายได้จากการจ้างงานในชุมชนอีกด้วย

ชีวิตที่เปลี่ยนไปเมื่อ "โอเอซิส" มาถึง
เมื่อเดินทางลงพื้นที่สำรวจโครงการโอเอซิส ณ บ้านถนนกลาง ตำบลสระพัง อำเภอบ้านแท่น จังหวัดชัยภูมิ สิ่งที่ได้เห็นคือไร่อ้อยที่เขียวขจี ตัดกับสภาพอากาศที่ร้อนระอุและแห้งแล้ง แม่เอี้ยง-บุษกร ขันแข็ง เกษตรกรในพื้นที่ เล่าถึงชีวิตก่อนที่จะมีโครงการฯ นี้ให้ฟังว่า "แถวนี้ห่างไกลจากแหล่งน้ำและพอฝนตกน้ำก็ท่วมสูงทุกปี เลยลองปลูกอ้อยเพราะทนต่อสภาพภูมิอากาศได้ดีกว่า เวลาโดนน้ำท่วมอย่างน้อยก็ยังได้ผลผลิตบ้าง ตอนทำไร่อ้อยแรกๆ แม่ต้องอาศัยฟ้าฝนอย่างเดียว ต้องขุดสระเล็กๆ ในไร่ไว้กักน้ำตอนน้ำหลากมาใช้ หรือไม่ก็ต้องซื้อน้ำจากที่อื่นมาใส่สระ รอบละ 3,600-4,000 บาท เวลาใช้น้ำก็ต้องคอยดูว่าน้ำในสระลดลงไปกี่เซนฯ แล้ว กังวลตลอดว่าน้ำจะพอไหม"
แม่ภาพ-สุภาพ จันทร์ที เกษตรกรชาวไร่อ้อย กล่าวเสริมว่า "สมัยก่อนเวลาจะใช้น้ำมารดอ้อย แม่ต้องจ้างคนมาช่วยแบกท่อแป๊บทั้งยาวทั้งหนัก ขนรอบนึงเป็นสิบๆ ท่อน มาเสียบต่อกันรวมแล้วร้อยกว่าท่อน ระยะทางเป็นกิโลฯ เพื่อไปเอาน้ำจากแหล่งธรรมชาติมาใช้ พอได้น้ำแล้วก็ต้องมาเก็บท่อ ช่วยกันแบกกลับ ลำบากมากจริงๆ"

แต่เมื่อกลุ่มมิตรผลเข้ามาพัฒนาและสร้างโครงการ “Mitr Phol Oasis” ชีวิตของเหล่าเกษตรกรที่อยู่ในพื้นที่ก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เพราะนอกจากจะช่วยบรรเทาน้ำหลากในฤดูฝนชุกและหล่อเลี้ยงพืชผลในหน้าแล้งด้วยน้ำที่เพียงพอแล้ว ยังส่งต่อองค์ความรู้จากแนวทาง “มิตรผล โมเดิร์นฟาร์ม” สู่เกษตรกรอีกด้วย โดย แม่ภาพ เล่าให้ฟังต่อว่า "ตอนที่ตัดสินใจมาปลูกอ้อย แม่ไม่มีความรู้เลยเพราะไม่เคยปลูกมาก่อน ทางมิตรผลก็เข้ามาแนะนำพันธุ์อ้อย วิธีการปลูกอ้อย การบำรุง และสอนการให้น้ำด้วยระบบน้ำหยด แม่ก็ตั้งใจเรียนรู้และเอาไปใช้ในไร่ วางท่อปล่อยน้ำให้หยดตามโคนต้นช่วยประหยัดน้ำมากกว่าวิธีอื่น เวลาให้ปุ๋ยก็สามารถใส่ไปพร้อมน้ำหยดได้เลย ช่วยประหยัดเวลาและแรงงาน ที่สำคัญคือผลผลิตดีขึ้นมากเพราะอ้อยได้รับน้ำสม่ำเสมอ และเก็บรักษาความชื้นในดินได้ดีขึ้น"
แม่เอี้ยง เล่าพร้อมรอยยิ้มว่า "เมื่อมีน้ำ เราก็มีชีวิต พอมีแหล่งน้ำตรงนี้ ชีวิตเปลี่ยนเลยค่ะ ไม่ต้องรอฟ้าฝนแล้ว ทุกวันนี้สามารถควบคุมและวางแผนได้ว่าต้องการใช้น้ำวันไหน ก็จองคิวกันในกลุ่มไลน์ที่มีสมาชิก 111 ราย ทุกคนในกลุ่มได้ประโยชน์จากโครงการฯ นี้กันหมด วันไหนถึงคิวที่จองไว้แค่เปิดวาล์วรับน้ำลงสระในไร่ ก็ได้น้ำมาใช้ไม่มีขาด ไม่ต้องเครียด ไม่ต้องลำบากอีกต่อไปแล้ว พออ้อยมีน้ำเพียงพอและสม่ำเสมอ ไม่ต้องรอลุ้นฟ้าฝน จากที่ทั้งปีปลูกได้อ้อยแค่ 7-8 ตันต่อไร่ ตอนนี้ได้ปีละ 20 กว่าตันต่อไร่ เพิ่มขึ้น 2-3 เท่า ทุกวันนี้นอกจากแม่จะใช้น้ำจากโครงการฯ มาปลูกอ้อยแล้ว ยังเอามาดูแลพืชผักสวนครัวอื่นๆ ที่ปลูกแบบเกษตรผสมผสานในบริเวณรอบสระพักน้ำด้วย เหมือนเป็นซุปเปอร์มาร์เก็ตประจำบ้าน"
"มีทั้งแตงกวา พริก ถั่วฝักยาว กล้วย มะละกอ มะเขือ พวกนี้เป็นอาหารพื้นฐานของเราอยู่แล้ว กินได้ทั้งปี เหลือก็ขายได้อีก มีรายได้เสริมเพิ่มขึ้นอีกด้วย" แม่ภาพ กล่าวปิดท้าย

การบริหารจัดการน้ำในชุมชนที่เข้มแข็ง แบ่งปันน้ำอย่างมีประสิทธิภาพและเท่าเทียม
การมีแหล่งน้ำสำรองอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ หากปราศจากระบบการบริหารจัดการที่ดี เพราะนอกจากการติดตั้งปั๊มน้ำแรงดันสูงที่ช่วยส่งน้ำไปยังพื้นที่ที่ทั้งอยู่ใกล้และอยู่ห่างจากโครงการฯ เพื่อให้ได้น้ำอย่างทั่วถึงและในปริมาณเท่าเทียมกันมากขึ้นแล้ว สมาชิกในชุมชนยังรวมกลุ่มกันจัดตั้งทีมดูแลน้ำอย่างเป็นระบบ โดยมี พ่อเทิด-เทิดศักดิ์ ผามณี หรือ "นายสถานี" ของโครงการโอเอซิส บ้านถนนกลาง เล่าถึงวิธีการกระจายน้ำของโครงการฯ ในพื้นที่นี้ ที่ครอบคลุมพื้นที่รับประโยชน์ถึง 4,000 ไร่ ให้ฟังว่า "กลุ่มมิตรผลเข้ามาช่วยวางระบบน้ำให้ทั้งหมด ทั้งวิธีการใช้น้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด และวางแผนการใช้น้ำให้เกษตรกร ที่สำคัญคือมีการจัดรอบเวรและแบ่งโซนพื้นที่การส่งน้ำ โดยในแต่ละวันผมจะมีหน้าที่ตรวจสอบรายชื่อผู้จองน้ำที่เข้ามาแจ้งในกลุ่มไลน์สมาชิก ตรวจเช็กแรงดันน้ำเพื่อให้มั่นใจว่าพื้นที่ในโซนที่กำหนดตามรอบเวรจะได้รับน้ำในปริมาณที่ใกล้เคียงกัน และดูแลการเปิด-ปิดวาล์วน้ำของโครงการฯ ซึ่งการเปิดท่อส่งน้ำแต่ละครั้งจะเปิดครั้งละ 10 วาล์ว เพื่อส่งน้ำไปยังไร่เกษตรกรโดยตรงหรือพักไว้ในสระพักน้ำของแต่ละไร่ ทั้งหมดนี้ช่วยให้ผมมั่นใจได้ว่าน้ำจะถูกใช้อย่างคุ้มค่าและทั่วถึงทุกครัวเรือน”
จะเห็นได้ว่า “น้ำ” เป็นหัวใจสำคัญในภาคเกษตรอย่างแท้จริง โครงการ Mitr Phol Oasis จึงเป็นมากกว่าแค่แหล่งกักเก็บน้ำ แต่เป็นต้นแบบของการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนที่สร้างความมั่นคงในอาชีพและวิถีชีวิตของเกษตรกรในหลายด้าน ทำให้มีความหวังที่จะยืนหยัดต่อสู้กับความไม่แน่นอนของสภาพภูมิอากาศได้ และเป็นรากฐานที่สำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมให้กับชุมชนอย่างยั่งยืนต่อไป
เมื่อพูดถึงยูนิฟอร์ม หลายคนอาจนึกถึงชุดทำงานแบบเดิมๆ ที่ดูเป็นทางการ แต่สำหรับ วัตสัน ประเทศไทย ผู้นำร้านเพื่อสุขภาพและความงามอันดับหนึ่งของประเทศไทย ชุดพนักงานถือเป็นภาพจำของแบรนด์, องค์กร และเป็นส่วนหนึ่งที่แสดงถึงตัวตนของพนักงานทุกคน โดยล่าสุดวัตสันพลิกโฉมยูนิฟอร์มพนักงานครั้งใหญ่ ฉลองครบรอบ 29 ปีแบบไม่ธรรมดา ชูแนวคิด “WEAR YOUR STATEMENT” สวมใส่ความเป็นตัวเอง ให้ยูนิฟอร์มเป็นมากกว่าแค่ชุดทำงาน โดยพนักงานทุกคนมีส่วนร่วมออกแบบ เน้นความคล่องตัว ใส่สบาย และไร้ข้อจำกัดทางเพศ สะท้อนจุดยืนด้านความเท่าเทียม ความหลากหลาย และความเป็นตัวของตัวเองอย่างชัดเจน
จากเสียงพนักงานสู่ยูนิฟอร์มที่ทุกคนใส่ได้อย่างมั่นใจ
ความพิเศษของยูนิฟอร์มใหม่นี้อยู่ที่กระบวนการออกแบบ เพราะวัตสันเปิดรับฟังความคิดเห็นจากพนักงานทุกระดับ ตั้งแต่การเสนอไอเดีย โหวตดีไซน์ที่ชอบ ไปจนถึงการทดลองสวมใส่จริง ซึ่งเป็นไปตามแนวทาง Diversity, Equity, and Inclusion (DEI) ที่มุ่งเน้นความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการมีส่วนร่วมของทุกคนอย่างแท้จริง ผลลัพธ์ที่ได้จึงเป็นยูนิฟอร์มที่ตอบโจทย์การทำงานในแต่ละวันอย่างลงตัว ทั้งความคล่องตัว สวมใส่สบาย และที่สำคัญคือไร้ข้อจำกัดทางเพศ (gender-neutral) เพื่อให้พนักงานทุกคนสามารถเลือกใส่ได้อย่างสบายใจ

โฉมใหม่ที่สะท้อน "ตัวตน" ในทุกมิติ
ยูนิฟอร์มดีไซน์ใหม่ มาในโทนสีสดใสอย่างเขียว ฟ้า ชมพู และดำ พร้อมลูกเล่นโลโก้ตัวอักษร 'W' ที่บริเวณแขนเสื้อและหน้าอก ซึ่งช่วยสร้างบรรยากาศที่สดใส มีพลัง และเป็นมืออาชีพ สะท้อนแนวคิด “Wear Your Statement” ใน 3 มิติหลัก ได้แก่
นายจิระวัฒน์ แต่งเจนกิจ People Director วัตสัน ประเทศไทย กล่าวว่า “ยูนิฟอร์มใหม่ของวัตสันในครั้งนี้เกิดขึ้นจากการรับฟังเสียงของพนักงานอย่างแท้จริง โดยนำความคิดเห็นและข้อเสนอแนะมาพัฒนาเป็นชุดที่โดดเด่นทั้งในด้านรูปแบบ สีสัน และดีไซน์ที่ตอบสนองความต้องการอย่างครบถ้วน
ยูนิฟอร์มชุดใหม่นี้จึงไม่เพียงแค่เป็นเครื่องแต่งกาย แต่ยังเป็นสัญลักษณ์แห่งความภาคภูมิใจที่วัตสันมอบให้กับพนักงาน สะท้อนถึงค่านิยมขององค์กรที่เปิดกว้างและให้ความสำคัญกับเสียงของทุกคนอย่างมีความหมาย”
การเปิดตัวยูนิฟอร์มใหม่ นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของวัตสันในการส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กรที่ให้คุณค่ากับความหลากหลายและความเท่าเทียม เพราะวัตสันเชื่อมั่นว่า “พนักงานทุกคนคือหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรสู่การเติบโตและความสำเร็จร่วมกัน”
คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้รับมอบรถรับบริจาคเลือดนอกสถานที่ (Mobile Blood Bank) จาก นายสัตวแพทย์ ธนันต์ ลีละยูวะ กรรมการกลุ่มบริษัทอินเทลโนเวชั่น และครอบครัว เพื่อใช้ต่อยอดงานวิชาการด้านโลหิตวิทยาทางสัตวแพทย์ และเพิ่มประสิทธิภาพการช่วยเหลือสัตว์เลี้ยงที่เจ็บป่วย

พิธีมอบจัดขึ้น ณ ตึกสัตววิจักษ์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ ถนนอังรีดูนังค์ โดยมี ศ.สพ.ญ.ดร.สันนิภา สุรทัตต์ คณบดีคณะสัตวแพทยศาสตร์ อ.น.สพ. ชัยยศ ธารรัตนะ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสัตว์เล็ก สัตวแพทย์หญิง สุวรัตน์ วดีรัตน์ หัวหน้าแผนกธนาคารเลือดและคลินิกโลหิตวิทยา พร้อมด้วยคณะผู้บริหารร่วมเป็นผู้รับมอบ นอกจากนี้ยังได้รับเกียรติจากคุณบอย โกสิยพงษ์ คุณอรรณนพ จิรกิติ คุณกิตติ์รวี เลิศสุริยภักดิ์ คุณโกมล เจียรวนนท์ และคุณเจนจิรา พรประภา มาร่วมงาน และเสวนาเล่าถึงความเป็นมาของโครงการ CU Blood Bank

สัตวแพทย์หญิง สุวรัตน์ วดีรัตน์ หัวหน้าแผนกธนาคารเลือดและคลินิกโลหิตวิทยา เปิดเผยว่า ธนาคารเลือดสัตว์เลี้ยงของคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ก่อตั้งมากว่า 14 ปี มีเป้าหมายเพื่อศึกษาวิจัยทางโลหิตวิทยาสัตวแพทย์ ผลิตและพัฒนาผลิตภัณฑ์เลือดจำเพาะสำหรับการรักษา ถ่ายทอดองค์ความรู้ให้สัตวแพทย์ และสร้างเครือข่ายเจ้าของสัตว์ที่สมัครใจบริจาคโลหิตอย่างต่อเนื่อง
เลือดที่ได้รับบริจาคจะผ่านกระบวนการแยกส่วนออกเป็นหลายชนิด ได้แก่ Red Whole Blood, Packed Red Cells, Platelet Concentration, Frozen Plasma, Fresh Frozen Plasma และ Plasma Rich Platelet การแยกส่วนเลือดช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ประโยชน์จากเลือดที่มีอยู่อย่างจำกัด และในอนาคตจะมีการนำผลการวิจัยและพัฒนา Albumin สกัดจากสุนัข มาทำ Canine Albumin ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมใหม่ในระดับโลกมาใช้เพื่อการรักษาเพิ่มเติม

ทั้งนี้ ขั้นตอนการใช้เลือดยังต้องอาศัยการตรวจสอบความเข้ากันได้ โดยเจ้าของสามารถส่งตัวอย่างเลือด หรือพาสัตว์เลี้ยงเข้ามาที่คณะสัตวแพทยศาสตร์เพื่อตรวจสอบ ซึ่งในสุนัขมีหมู่เลือดที่ซับซ้อนถึง 8 กลุ่มหรือมากกว่า จึงจำเป็นต้องมีการตรวจอย่างถูกต้องก่อนนำเลือดหรือส่วนประกอบของเลือดไปใช้ในการรักษา เพื่อให้เกิดความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุด
นอกจากการวิจัยด้านผลิตภัณฑ์เลือดแล้ว ธนาคารเลือดสัตว์เลี้ยงยังมีเป้าหมายพัฒนาห้องปฏิบัติการมาตรฐานที่สามารถรองรับการวิเคราะห์และตรวจสอบเลือดอย่างครบวงจร รวมถึงการศึกษาวิจัยด้านเซลล์ต้นกำเนิด (stem cell) แบบจำเพาะในทางสัตวแพทย์ เพื่อสร้างองค์ความรู้ใหม่ในการรักษาและเพิ่มทางเลือกในการดูแลสุขภาพสัตว์ในอนาคต รถรับบริจาคเลือดเคลื่อนที่ที่ได้รับมอบครั้งนี้ถูกออกแบบและดัดแปลงเป็นห้องปฏิบัติการเคลื่อนที่ สามารถออกไปรับบริจาคเลือดจากสัตว์เลี้ยงได้ถึงพื้นที่กรุงเทพมหานครและจังหวัดใกล้เคียง โดยมีการตรวจสุขภาพสัตว์ผู้บริจาคเบื้องต้นก่อนทุกครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าเลือดที่ได้รับมีคุณภาพและปลอดภัย คาดว่าธนาคารเลือดสามารถรวบรวมเลือดได้มากกว่าหนึ่งพันถุงต่อปี และเมื่อนำมาแยกส่วนแล้วจะสามารถช่วยเหลือสัตว์เลี้ยงได้เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว

นายสัตวแพทย์ ธนันต์ ลีละยูวะ กล่าวถึงการสนับสนุนครั้งนี้ว่า เป็นความภาคภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมในการต่อยอดองค์ความรู้ทางวิชาการและการวิจัย ตลอดจนช่วยชีวิตสัตว์เลี้ยงที่ต้องการเลือด ผ่านโครงการ Mission4P ซึ่งเป็นกิจกรรมตอบแทนสังคมที่ครอบครัว และกลุ่มบริษัท อินเทลโนเวชั่นได้ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมาได้สนับสนุนโครงการเพื่อสังคมหลากหลายด้าน ทั้งการแพทย์และการศึกษา เช่น การผลิตแอลกอฮอล์ชนิดน้ำสำหรับล้างมือ ในช่วงโรคระบาดโควิด-19 ให้โรงพยาบาลและผู้ที่จำเป็นต้องใช้ รวมถึงการสนับสนุนอุปกรณ์การแพทย์ต่างๆให้โรงพยาบาล ตลอดจนโรงงานต้นแบบการทำกาแฟเพื่อใช้ในงานวิจัยของมหาวิทยาลัย

การมอบรถรับบริจาคเลือดสัตว์เลี้ยงเคลื่อนที่ในครั้งนี้นับเป็นอีกก้าวสำคัญของความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนและสถาบันการศึกษา ที่มุ่งยกระดับคุณภาพการรักษาสัตว์เลี้ยง ต่อยอดองค์ความรู้เชิงวิชาการ และสร้างความยั่งยืนให้กับการดูแลสุขภาพสัตว์ในประเทศไทย
หากมีสัตว์ป่วย เจ้าของสามารถติดต่อขอรับผลิตภัณฑ์เลือด ได้ที่คลินิกฉุกเฉิน คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 02-2189810 ตลอด 24 ชม.
ออเนอร์ (HONOR) เอาใจผู้ที่กำลังมองหามือถือใหม่และนักช้อปออนไลน์ จัดแคมเปญใหญ่ต้อนรับมหกรรมช้อปแห่งปี HONOR 9.9 ดีลเด็ด สุดคุ้ม ขนสมาร์ตโฟนและแท็บเล็ตรุ่นยอดนิยมมาลดแรงแบบจัดเต็ม อาทิ HONOR Magic V5 5G, HONOR 400 Series, HONOR X6c, HONOR Pad X9a LTE, HONOR Pad X8a WiFi, HONOR X9c, HONOR 200 Smart, HONOR X7c และ HONOR X8c มาพร้อมโค้ดส่วนลดพิเศษสูงสุดถึง 2,000 บาท และข้อเสนอผ่อนสบาย ๆ 0% นานสูงสุด 5 เดือน* นักช้อปสามารถเลือกซื้อและรับสิทธิพิเศษได้แล้ววันนี้ – 11 กันยายน 2568 ผ่าน HONOR Official Store บนแพลตฟอร์มออนไลน์ชั้นนำ Shopee, Lazada และ TikTok Shop เท่านั้น
HONOR มอบโปรโมชันสุดพิเศษให้ทุกคนเป็นเจ้าของสมาร์ตโฟนและแท็บเล็ตรุ่นฮิตได้ง่ายยิ่งกว่าเดิม กับราคาสุดคุ้มและของแถมจัดเต็ม โดยมีรุ่นแนะนำที่ไม่ควรพลาดในแคมเปญ HONOR 9.9 ดีลเด็ด สุดคุ้ม ดังนี้
ในมหกรรม HONOR 9.9 ดีลเด็ด สุดคุ้ม ตั้งแต่วันนี้ – 11 กันยายน 2568 สามารถเลือกช้อปอย่างคุ้มค่าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ชั้นนำ ไม่ว่าจะเป็น Shopee, Lazada และ TikTok Shop ที่มาพร้อมส่วนลดและสิทธิพิเศษมากมาย อาทิ เมื่อซื้อผ่าน Shopee รับส่วนลดสูงสุด 2,000 บาท พร้อมผ่อน 0% ผ่าน SpayLater นานสูงสุด 5 เดือน* ส่วนบน Lazada มอบส่วนลดสูงสุด 2,000 บาท ผ่อน 0% นานสูงสุด 5 เดือน* และ TikTok Shop จัดให้กับส่วนลดสูงสุด 1,000 บาท และดีลพิเศษเฉพาะในไลฟ์ พร้อมสิทธิ์ผ่อนสบาย ๆ นานสูงสุด 10 เดือน* บอกเลยว่าคุ้มค่าทุกช่องทาง ช้อปได้ง่าย ๆ บน Shopee: https://cutt.ly/1rZzXguw , Lazada: https://cutt.ly/arZzCI8i และ TikTok Shop: https://cutt.ly/9rZzZKhS ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://www.honor.com/th/ หรือติดตามข่าวสารและกิจกรรมได้ที่เฟซบุ๊ก HONOR Thailand
นางสมพรรษ เพ็งจันทร์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการธนาคารออมสิน สายงานกำกับและควบคุม พร้อมด้วยผู้บริหาร และพนักงาน ร่วมแสดงพลังวันต่อต้านคอร์รัปชัน ประจำปี 2568 ซึ่งองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) จัดขึ้น ภายใต้แนวคิด “ไม่โกง ไม่เกิด...จริงหรือ?” โดยมี นายมานะ นิมิตรมงคล ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) เป็นประธานเปิดงาน

ทั้งนี้ เพื่อสร้างการรับรู้และปลุกพลังสังคมและคนรุ่นใหม่ ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง นักธุรกิจ ข้าราชการ และประชาชน ให้ตื่นรู้ว่าการคอร์รัปชันไม่ใช่ปัญหาของบุคคลหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่เป็นปัญหาที่หยั่งรากลึกอยู่ในโครงสร้างและระบบที่ส่งผลกระทบต่อคนทั้งประเทศ โดยธนาคารออมสินร่วมเป็นพลังสำคัญและประกาศเจตนารมณ์ชัดเจนในการต่อต้านการทุจริตทุกรูปแบบ พร้อมเดินหน้าสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่โปร่งใส เป็นธรรม และตรวจสอบได้ ตามหลักธรรมาภิบาลของธนาคาร มุ่งมั่นสู่การเป็นธนาคารเพื่อสังคมที่ยั่งยืน ณ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2568
นายวีระชัย อมรถกลสุเวช รองผู้อำนวยการธนาคารออมสินอาวุโส รักษาการผู้อำนวยการธนาคารออมสิน รับรางวัลโล่เกียรติคุณองค์กรดีเด่น ประจำปี 2568 จากรองศาสตราจารย์ ดร.อิสระ เสรีวัฒนวุฒิ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า ภายในงาน 5 กันยา วันสถาบันพระปกเกล้า โดยมีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เป็นประธานในพิธี เพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติให้กับองค์กรที่ประกอบคุณงามความดีต่อประเทศชาติและมีผลงานโดดเด่นเป็นที่ประจักษ์

โดยรางวัลดังกล่าวสะท้อนถึงความมุ่งมั่นและความสำเร็จในการขับเคลื่อนภารกิจธนาคารเพื่อสังคมของธนาคารออมสิน ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะการลดปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการเงิน และสร้างโอกาสการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่เป็นธรรม ผ่าน 4 ภารกิจหลัก ได้แก่ Financial Inclusion หรือ การส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบ การแก้ปัญหาหนี้สิน การพัฒนาสังคมและชุมชน และการสนับสนุนภาครัฐในการกระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมนำแนวคิดการสร้างคุณค่าร่วม (CSV) เดินหน้าขยาย Social Impact ให้กับผู้คนและสังคมในวงกว้าง ควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) อันเป็นพื้นฐานสำคัญในการดำเนินงานตามเป้าหมายการพัฒนาสู่การเป็นธนาคารเพื่อสังคมอย่างเต็มรูปแบบและเป็นรูปธรรม ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี
สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) จัดงานพิธีมอบรางวัลประกันภัยดีเด่นครบวงจร (Prime Minister’s Insurance Awards 2025) ภายใต้แนวคิด “INSURENEXT Driving the Future of Insurance with Digital Innovation & Sustainability - ขับเคลื่อนอนาคตประกันภัย ด้วยนวัตกรรมดิจิทัลและความยั่งยืน” ซึ่งพิธีมอบรางวัลจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ณ ห้องบางกอกคอนเวนชัน เซ็นเตอร์ เอวัน โรงแรม เซ็นทาราแกรนด์ และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ โดยได้รับเกียรติจาก นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานในการมอบรางวัล

นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการ คปภ. เปิดเผยว่า การจัดพิธีมอบรางวัลครั้งนี้ถือเป็นเวทีสำคัญที่สุดของอุตสาหกรรมประกันภัยไทย เพื่อเชิดชูเกียรติและยกย่ององค์กร บุคลากร และสถาบันที่มีผลงานโดดเด่น ทั้งในด้านการบริหารจัดการ การบริการลูกค้า การสร้างสรรค์นวัตกรรม และการทำงานด้วยความโปร่งใสเป็นธรรม โดยในปีนี้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ได้อนุญาตให้ใช้ลายมือชื่อสลักลงบนโล่เกียรติยศ เพื่อเป็นเกียรติสูงสุดแก่ผู้ได้รับรางวัล ซึ่งการพิจารณารางวัลดำเนินไปอย่างเข้มข้นและรอบคอบภายใต้หลักเกณฑ์ ที่กำหนดไว้อย่างโปร่งใส และได้มีการเพิ่มเติม “รางวัลผู้ประเมินวินาศภัยคุณภาพดีเด่น” เพื่อสะท้อนความสำคัญของบุคลากรในทุกภาคส่วนของวงการประกันภัย รวมรางวัลทั้งสิ้น 12 ประเภท จำนวน 61 รางวัล ประกอบด้วย
1. รางวัลบริษัทประกันภัยเกียรติยศสูงสุด (Hall of Fame) ได้แก่ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)
2. รางวัลเกียรติยศบริษัทประกันภัยที่มีการบริหารงานดีเด่น ได้แก่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน)
3. รางวัลบริษัทประกันภัยที่มีการบริหารงานดีเด่น ประกอบด้วย
- บริษัทประกันชีวิตที่มีการบริหารงานดีเด่น จำนวน 3 รางวัล ได้แก่ อันดับที่ 1 บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) อันดับที่ 2 บริษัท ไทยสมุทรประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) และอันดับที่ 3 บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)
- รางวัลบริษัทประกันวินาศภัยที่มีการบริหารงานดีเด่น จำนวน 4 รางวัล ได้แก่ อันดับที่ 1 บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) อันดับที่ 2 บริษัท มิตซุย สุมิโตโม อินชัวรันซ์ จำกัด สาขาประเทศไทย และบริษัท ธนชาตประกันภัย จำกัด (มหาชน) อันดับที่ 3 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน)
4. รางวัลบริษัทประกันภัยที่มีการพัฒนาดีเด่น ประกอบด้วย
- รางวัลบริษัทประกันชีวิตที่มีการพัฒนาดีเด่น จำนวน 1 รางวัล ได้แก่ บริษัท เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)
- รางวัลบริษัทประกันวินาศภัยที่มีการพัฒนาดีเด่น จำนวน 2 รางวัล ได้แก่ บริษัท มิตรแท้ประกันภัย จำกัด (มหาชน) และบริษัท เอ็ม เอส ไอ จี ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
5. รางวัลบริษัทประกันภัยและรางวัลนายหน้าประกันภัยนิติบุคคลที่มีการส่งเสริมกรมธรรม์ประกันภัยเพื่อประชาชนดีเด่น รวมจำนวน 4 รางวัล ประกอบด้วย
- รางวัลบริษัทประกันชีวิต ได้แก่ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)
- รางวัลบริษัทประกันวินาศภัย ได้แก่ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน)
- รางวัลบริษัทนายหน้าประกันชีวิต นิติบุคคล ได้แก่ บริษัท เคาน์เตอร์เซอร์วิส จำกัด
- รางวัลบริษัทนายหน้าประกันวินาศภัยนิติบุคคล ได้แก่ บริษัท ทีคิวเอ็ม อินชัวร์รันส์ โบรคเกอร์ จำกัด
6. รางวัลบริษัทประกันภัยที่สร้างสรรค์นวัตกรรมเทคโนโลยีประกันภัยดีเด่น ประกอบด้วย
- รางวัลบริษัทประกันชีวิต ได้แก่ บริษัท เอไอเอ จำกัด
- รางวัลบริษัทประกันวินาศภัย ได้แก่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน)
7. รางวัลบริษัทประกันภัยที่มีการพัฒนาด้านความยั่งยืนในธุรกิจประกันภัยดีเด่น ประกอบด้วย
- รางวัลบริษัทประกันชีวิต ได้แก่ บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)
- รางวัลบริษัทประกันวินาศภัย ได้แก่ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน)
8. รางวัลตัวแทนประกันภัยคุณภาพดีเด่น ประกอบด้วย
- รางวัลตัวแทนประกันชีวิตคุณภาพดีเด่น จำนวน 20 ราย
- รางวัลตัวแทนประกันวินาศภัยคุณภาพดีเด่น จำนวน 3 ราย
9. รางวัลนายหน้าประกันภัยนิติบุคคลคุณภาพดีเด่น ประกอบด้วย
- รางวัลนายหน้าประกันชีวิตนิติบุคคลคุณภาพดีเด่น จำนวน 2 รางวัล ได้แก่ 1. บริษัท ไทยพาณิชย์โพรเทค จำกัด และ 2. บริษัท ทีคิวเอ็ม ไลฟ์ อินชัวร์รันส์ โบรคเกอร์ จำกัด
- รางวัลนายหน้าประกันวินาศภัยนิติบุคคลคุณภาพดีเด่น จำนวน 4 รางวัล ได้แก่ 1. บริษัท ที คิว อาร์ จำกัด (มหาชน) 2. บริษัท โฟร์ อินชัวร์รันส์ โบรคเกอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด 3. บริษัท เอ เอ็น ซี โบรกเกอร์เรจ จำกัด และ 4.บริษัท ฮาวเด้น แมกซี่ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด
10. รางวัลผู้ประเมินวินาศภัยคุณภาพดีเด่น จำนวน 3 รางวัล ได้แก่ 1. บริษัท โกลบอล แอดจัสติ้ง เทคนิคอล เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด 2. บริษัท ครอฟอร์ด แอนด์ คัมพะนี (ประเทศไทย) จำกัด และ 3. บริษัท เทคนิคัล อินดิเพนเด้นท์ เซอร์เวย์ จำกัด
11. รางวัลผู้ทำคุณประโยชน์ต่อสำนักงาน คปภ. และระบบประกันภัย จำนวน 6 รางวัล ได้แก่
1) นายไชย ไชยวรรณ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)
2) นางนวลพรรณ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน)
3) พล.ต.ต ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญกรรมทางเศรษฐกิจสังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง
4) นายวีระพันธ์ ดีอ่อน ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี
5) นายชาญณรงค์ บุริสตระกูล ประธานหอการค้ากลุ่มภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง และที่ปรึกษาอาวุโส หอการค้าจังหวัดขอนแก่น
6) นายมนัส ตันสุภายน อาสาสมัครประกันภัย
12. รางวัลการประกวดยุวชนนักสื่อสารประกันภัยรุ่นใหม่ ปี 2568 (Insurefluencer the new GEN 2025) รางวัลระดับประเทศ จำนวน 3 รางวัล ได้แก่
- รางวัลชนะเลิศ โรงเรียนวชิรปราการวิทยาคม จังหวัดกำแพงเพชร
- รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 โรงเรียนวังวิเศษ จังหวัดตรัง
- รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์

เลขาธิการ คปภ. กล่าวเพิ่มเติมว่า รางวัลประกันภัยดีเด่นครบวงจร หรือ Prime Minister’s Insurance Awards ไม่เพียงเป็นการยกย่องเกียรติคุณ แต่ยังตอกย้ำถึงมาตรฐาน ธรรมาภิบาล และคุณค่าของธุรกิจประกันภัยไทย รางวัลนี้คือสัญลักษณ์แห่งความภาคภูมิใจ และแรงบันดาลใจในการก้าวสู่เวทีสากล พร้อมยืนยันศักยภาพของอุตสาหกรรมประกันภัยไทยในการเป็นกลไกสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน และเป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันให้อุตสาหกรรมประกันภัยเกิดการพัฒนาและเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งในด้านเบี้ยประกันภัยรับโดยตรง และสินทรัพย์ลงทุนรวม

ในโอกาสนี้ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้แสดงความยินดีต่อผู้ได้รับรางวัล โดยกล่าวชื่นชมผู้ได้รับรางวัลได้แสดงศักยภาพ ความคิดสร้างสรรค์ และความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างเป็นรูปธรรม รางวัลนี้ไม่เพียงเป็นเครื่องหมายแห่งความสำเร็จขององค์กร แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้ทุกภาคส่วนมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศ ความสำเร็จในวันนี้มิใช่จุดหมายปลายทาง หากแต่คือพลังขับเคลื่อนที่นำพาประเทศไปสู่อนาคต ทั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่า การพัฒนาอุตสาหกรรมประกันภัยจะช่วยสนับสนุนความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ และมีส่วนสำคัญในการผลักดันให้มูลค่าเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงของอุตสาหกรรมสูงเกินกว่า 1 ล้านล้านบาท ในอนาคตอันใกล้ต่อไป
บริษัท เจ.บี.พี. อินเตอร์เนชั่นแนล เพ็นท์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์สีทาอาคารชั้นนำของไทย คว้า 2 รางวัลอันทรงเกียรติจากเวที Asia Pacific Enterprise Awards (APEA) 2025 ได้แก่ Master Entrepreneur Award และ Inspirational Brand Award ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการยกระดับอุตสาหกรรมสีไทยสู่มาตรฐานความยั่งยืนระดับสากล พร้อมทั้งสะท้อนพลังความร่วมมือผ่านโครงการ “One World: One Future Together”
โดยมี นายศราวุฒิ รัชนกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ.บี.พี. อินเตอร์เนชั่นแนล เพ็นท์ จำกัด เข้ารับมอบรางวัล ท่ามกลางแขกผู้มีเกียรติจากทั่วภูมิภาค พร้อมได้รับเกียรติจาก คุณสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการอาวุโสหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ จำกัด (มหาชน), คุณกิตติ ชีวะเกตุ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ยูเอซี โกลบอล จำกัด (มหาชน), คุณธนวัฒน์ จิรังคพัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ซึ่งเป็นพันธมิตรในโครงการ One World: One Future Together มาร่วมแสดงความยินดีในครั้งนี้

สำหรับโครงการ One World: One Future Together เกิดขึ้นจากการร่วมมือผนึกกำลังของ เจบีพีฯ กับพันธมิตร ที่มีวัตถุประสงค์ร่วมกันเยียวยาภาวะโลกรวน ลดการใช้พลังงาน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและประกาศจุดยืนพร้อมเป็นส่วนหนึ่งของภาคธุรกิจในการรับผิดชอบปัญหาสิ่งแวดล้อม และประคับประคองเศรษฐกิจของประเทศไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต
งานประกาศรางวัล Asia Pacific Enterprise Awards (APEA) 2025 จัดโดย Enterprise Asia เป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรชั้นนำของเอเชียแปซิฟิก ที่มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมความเป็นเลิศของผู้ประกอบการธุรกิจ (Entrepreneurship) และการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างผู้นำองค์กรและผู้ประกอบการธุรกิจทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เพื่อผลักดันนวัตกรรม ความรับผิดชอบต่อสังคม และธรรมาภิบาลในภาคธุรกิจอย่างกว้างขวาง โดยในครั้งนี้ เจบีพีฯ เข้ารับ 2 รางวัล ได้แก่

รางวัล Master Entrepreneur Award มอบให้แก่ผู้นำองค์กรที่มีวิสัยทัศน์ และมีศักยภาพในการขับเคลื่อนธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยนายศราวุฒิ รัชนกูล ได้รับการยกย่องในฐานะผู้นำองค์กรที่เป็นแบบอย่างให้กับผู้ประกอบการและผู้นำรุ่นใหม่ มีความสามารถในการสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง เสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจ ให้สามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน และเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมสีไทยสู่เวทีสากล

รางวัล Inspirational Brand Award มอบให้แก่องค์กรที่สร้างแบรนด์ที่มีคุณภาพ ได้รับการยอมรับในธุรกิจที่มีการเติบโตที่ยั่งยืน เป็นแรงบันดาลใจและเป็นแบบอย่างในการสร้างสรรค์สังคมที่ดี โดยเจบีพีฯ ได้พัฒนานวัตกรรมและยกระดับมาตรฐานการผลิตอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนดำเนินธุรกิจบนรากฐานของความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ชุมชน และสังคม พร้อมส่งมอบโซลูชันที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่ยั่งยืน และขับเคลื่อนองค์กรไปสู่เป้าหมาย Net Zero Emissions

นายศราวุฒิ รัชนกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ.บี.พี. อินเตอร์เนชั่นแนล เพ็นท์ จำกัด กล่าวด้วยความภาคภูมิใจว่า “การได้รับรางวัล Master Entrepreneur Award และ Inspirational Brand Award จากเวที Asia Pacific Enterprise Awards 2025 ในปีเดียวกัน ถือเป็นความภาคภูมิใจและเกียรติสูงสุดที่เจบีพีฯ ได้รับ ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงความสำเร็จของเจบีพีฯ ในการเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมสีทาอาคารเพื่อความยั่งยืน ที่ไม่เพียงแต่สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์คุณภาพ แต่ยังบุกเบิกแนวทางในการลดผลกระทบของอุตสาหกรรมสีทาอาคารต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านโครงการ One World: One Future Together โครงการความร่วมมือข้ามอุตสาหกรรมที่มุ่งเน้นการสร้างผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนขยะให้กลับมาเป็นทรัพยากรที่ใช้ได้จริง และยังคงเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ขณะเดียวกันก็สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยและภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกสู่อนาคตที่ยั่งยืนร่วมกัน”
นอกจากการพัฒนากลุ่มผลิตภัณฑ์สีทาอาคารเพื่อความยั่งยืน ที่สอดรับกับความต้องการของตลาดที่ให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อมและเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องแล้ว ในปีนี้ เจบีพีฯ ยังได้วางกลยุทธ์การตลาดเชิงรุก เดินหน้าขยายเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายให้ครอบคลุมทั่วประเทศ พร้อมต่อยอดสู่ตลาดภูมิภาค เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์สีเพื่อความยั่งยืนของเจบีพีฯ ได้ง่าย สะดวก และทั่วถึงมากยิ่งขึ้น
สามารถติดตามความเคลื่อนไหว ข่าวสารและกิจกรรมของเจบีพี ได้ทางเว็บไซต์ www.jbp.co.th และ www.facebook.com/JBPPaintThailand