SCB WEALTH จัดกิจกรรมพิเศษสุดเอกซ์คลูซีฟ ปิดรอบพิเศษละครเวที “ฟ้าจรดทราย เดอะมิวสิคัล” โดยมี นายกฤษณ์ จันทโนทก (กลาง) กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ พร้อมด้วย ดร.ยรรยง ไทยเจริญ (ที่3ขวา) รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ Wealth และรักษาการผู้บริหารสายงาน Private Banking ธนาคารไทยพาณิชย์ นายศรชัย สุเนต์ตา (ที่3ซ้าย) , CFA รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Investment Office and Product กลุ่มธุรกิจ Wealth นางสาวรัฐยา ทองรัตน์ (ที่2ขวา) ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Wealth Strategy and Enablement และผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Private Banking Strategy and Enablement ธนาคารไทยพาณิชย์ และทีมผู้บริหาร SCB WEALTH ให้การต้อนรับกลุ่มลูกค้า SCB WEALTH เพื่อมอบความสุขและความบันเทิงให้กับกลุ่มลูกค้าเวลล์ นอกเหนือจากความมุ่งมั่นในการบริหารความมั่งคั่งให้ลูกค้าได้รับประโยชน์สูงสุดในทุกช่วงจังหวะของการลงทุน ณ เมืองไทยรัชดาลัย เธียเตอร์ ศูนย์การค้าเอสพละนาด รัชดาภิเษก เมื่อเร็วๆนี้
การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ SCB WEALTH ที่ตั้งใจมอบประสบการณ์ที่ดี และการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีอย่างใกล้ชิดกับลูกค้า เพื่อสร้างความเชื่อมั่น และความไว้วางใจในการให้ธนาคารดูแลบริหารความมั่งคั่งต่อไปอย่างยาวนาน โดย SCB WEALTH มีความใส่ใจในทุกรายละเอียดและเข้าใจทุกความต้องการของลูกค้า จึงได้มีการจัดกิจกรรมพิเศษในครั้งนี้ รวมทั้งการให้ข้อมูลความรู้ทางด้านการลงทุนอย่างต่อเนื่องเสมือนเป็น Thought Partner ที่ใส่ใจดูแลความมั่งคั่ง ด้วยความรู้ ความเชี่ยวชาญ และโซลูชั่นการลงทุนที่หลากหลาย ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในทุกๆด้านของการลงทุน และตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง
ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี จัดกิจกรรมระดมผู้เชี่ยวชาญและพันธมิตร ร่วมเปิดมุมมองเศรษฐกิจและแบ่งปันองค์ความรู้ เพื่อเสริมแกร่งให้กับองค์กรธุรกิจ ผ่านงานสัมมนาให้ความรู้พร้อมกิจกรรม ttb I Sustainable Success Together “ต่อยอด เติบโต ยั่งยืน” แก่ผู้ประกอบการใน 4 ภูมิภาค ตอกย้ำการเป็นธนาคารพันธมิตรที่พร้อมช่วยให้ลูกค้าธุรกิจและเอสเอ็มอี สามารถวางแผนการเติบโตได้อย่างยั่งยืน
นายศรัณย์ ภู่พัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้าธุรกิจ ทีเอ็มบีธนชาต กล่าวว่า ทีทีบีเป็นธนาคารพันธมิตรที่พร้อมให้คำปรึกษาและสนับสนุนธุรกิจ ด้วยผลิตภัณฑ์ บริการ และดิจิทัลโซลูชันทางการเงินแบบครบวงจร พร้อมกับเสริมด้วยองค์ความรู้ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ลูกค้าธุรกิจและเอสเอ็มอี สามารถวางแผนให้ธุรกิจเติบโตได้ต่อเนื่อง จึงได้จัดกิจกรรมเดินสายแชร์ความรู้ทางเศรษฐกิจแก่ผู้ประกอบการ ให้รู้ทันเศรษฐกิจ พร้อมเปิดมุมมองเศรษฐกิจระดับภูมิภาค ใน 4 ภาค ได้แก่ ภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดนครราชสีมา ภาคใต้ จังหวัดสุราษฎร์ธานี และภาคกลาง กรุงเทพมหานคร
ในงานสัมมนา ttb I Sustainable Success Together “ต่อยอด เติบโต ยั่งยืน” ดร.จิรเมธ มโนศิรินุกูล ผู้เชี่ยวชาญ ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบีธนชาต ได้กล่าวถึงแรงกดดันทางเศรษฐกิจในปัจจัยต่าง ๆ ทั้งภาคอสังหาริมทรัพย์ของไทยชะลอตัวจากโครงสร้างและพฤติกรรมของประชากรที่เปลี่ยนไป อุตสาหกรรมยานยนต์ที่กำลังอยู่ในขาลง และเจาะลึกปัจจัยที่เป็นแรงหนุนสำคัญของเศรษฐกิจในแต่ละภูมิภาค รวมทั้งยังมีแรงกดดันจากสงครามการค้ารอบใหม่หลังผลการเลือกตั้งสหรัฐอเมริกาที่ประเทศไทยจะต้องจับตาและเตรียมพร้อมในการรับมือ นอกจากนี้ ยังมีการเสวนาแลกเปลี่ยนประสบการณ์จากตัวแทนผู้บริหาร 2 องค์กร ภายใต้หัวข้อ “ก้าวข้ามขีดจำกัด... สู่การเป็นธุรกิจที่เติบโตอย่างมืออาชีพ” โดย รศ.ดร.เอกชัย อภิศักดิ์กุล คณบดีคณะวิทยพัฒน์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย, กรรมการ บมจ. ไทยเพรซิเด้นท์ฟูดส์ และผู้ร่วมก่อตั้ง บจก. แฟมซ์ ได้แนะนำ 3 Magic Tools เครื่องมือที่จะช่วยให้ธุรกิจครอบครัวเติบโตได้อย่างยั่งยืน ได้แก่ 1) การจัดสมดุลระหว่างการควบคุม (Control) การเติบโต (Growth) และสภาพคล่อง (Liquidity) 2) การมีธรรมนูญครอบครัวเป็นกรอบการทำงาน 3) การดูแลความสัมพันธ์ของบุคลากรในกลุ่มธุรกิจครอบครัวให้ราบรื่น
ขณะที่นางกนกพร จูฑา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หัวหน้าบริหารผลิตภัณฑ์ธุรกิจ ทีเอ็มบีธนชาต ให้ข้อมูลเจาะลึกถึงพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปตามเทคโนโลยีดิจิทัลที่เข้ามามีบทบาท และธุรกิจยังต้องมีความใส่ใจในด้านของสังคมร่วมด้วย ผู้ประกอบการต้องก้าวให้ทัน ด้วยเครื่องมือดิจิทัลที่สามารถตอบสนองการทำธุรกรรมทางการเงิน บริหารการรับชำระเงิน และการจ่ายเงิน ได้ทันยุคสมัย ตรงต่อความคาดหวังของผู้บริโภค ซึ่งธนาคารมีเครื่องมือและบริการทางการเงินที่สามารถรองรับความต้องการของลูกค้าธุรกิจ ได้แก่ ทีทีบี สมาร์ทช็อป (ttb smart shop) แอปจัดการร้านค้าครบวงจร ที่มาพร้อมฟีเจอร์ครบครัน ที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการบริหารจัดการธุรกิจให้ “รับไว รู้ลึก ธุรกิจปังปัง”, ทีทีบี เพย์ โรลพลัส (ttb payroll plus) บริการโอนจ่ายเงินเดือนและดูแลสวัสดิการพนักงานแบบครบวงจร รวมถึง my work by ttb ระบบบริหารงานบุคคลแบบมืออาชีพ ปิดท้ายด้วยการพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างผู้บริหารของธนาคารและลูกค้า เพื่อร่วมสนับสนุนให้ลูกค้าสามารถต่อยอด เติบโตอย่างยั่งยืน
ไม่ใช่แค่สร้างบ้านคุณภาพเพียงอย่างเดียวแต่ต้องสร้างเสริมชุมชนที่ปลอดภัยน่าอยู่ด้วย นี่คือความเชื่อของ วรยุทธ กิตติอุดม ซีอีโอ บมจ.ซีเนกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ มาโดยตลอด ซึ่งได้จัดกิจกรรมพิเศษเพื่อลูกบ้านและชาวบ้านโดยรอบได้มาแจมกันอยู่เสมอ เช่น กิจกรรมมินิคอนเสิร์ต Zenex Limitless Party ที่สร้างความบันเทิงให้กับลูกบ้าน พนักงาน และชุมชน ทั้งยังมีไอเดียจะเพิ่มกิจกรรมเพื่อผู้สูงอายุโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นโยคะ เวิร์คช็อป หรือการแสดง เพื่อช่วยลดความเหงาและส่งเสริมสุขภาพจิตที่ดีในกลุ่มญาติผู้ใหญ่ ทั้งยังเป็นการตอกย้ำถึงจุดยืนของบริษัทฯ ที่สนับสนุนในเรื่องการพัฒนาที่ยั่งยืน และใส่ใจต่อสังคมผู้สูงวัยอีกด้วย
กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย (Dow) รับรางวัล “องค์กรที่มีผลงานด้านความรับผิดชอบต่อสังคมดีเด่นประจำปี 2567 ระดับแพลตินัม” เป็นครั้งที่ 5 นับเป็นปีที่ 14 ติดต่อกัน จากการทำกิจกรรมเพื่อสังคมในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยมีนายฉัตรชัย เลื่อนผลเจริญชัย ประธานบริหาร กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย และนายวิชาญ ตั้งเคียงศิริสิน ผู้อำนวยการฝ่ายขายภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย เป็นผู้รับมอบรางวัลจาก มร. โรเบิร์ต โกเดค เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย และมี มร. ไซมอน เดนนี่ กรรมการบริหารหอการค้าอเมริกันในประเทศไทย และผู้ประสานงานคณะกรรมการ Corporate Social Impact ร่วมแสดงความยินดี ณ โรงแรมอวานี พลัส ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพ
รางวัล AMCHAM Corporate Social Impact Awards จัดขึ้นทุกปีเพื่อยกย่องบริษัทสมาชิกหอการค้าอเมริกันในประเทศไทยที่เป็นแบบอย่างในการดำเนินงานด้านธุรกิจควบคู่กับการดูแลสังคม โดย Dow เน้นการส่งเสริมให้พนักงานมีส่วนร่วมในกิจกรรมเพื่อสังคม ผลักดันการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ใส่ใจดูแลชุมชนรอบข้าง และส่งเสริมการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้กับเยาวชนรุ่นใหม่ จึงได้รับการยกย่องให้เป็นองค์กรที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมดีเด่นเป็นปีที่ 14 ติดต่อกัน และได้รับรางวัล “ระดับแพลตินัม” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ Dow ในการสร้างผลกระทบที่ดีต่อสังคมผ่านการทำธุรกิจและกิจกรรมที่มีคุณค่าและต่อเนื่องในประเทศไทย
ดร.ธีระชัย พรสินศิริรักษ์ Head of Digital and Innovation - บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) คว้ารางวัล CIO100 Awards ประจำปี 2567 ซึ่งเป็นรางวัลที่จัดขึ้นโดย IDC (International Data Corporation) และ Foundry ผู้ให้บริการและที่ปรึกษาข้อมูลการตลาดด้านเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก ที่มอบให้กับผู้บริหารระดับสูงด้านเทคโนโลยีจากประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จำนวน 100 คน ที่ขับเคลื่อนด้านนวัตกรรมและสร้างการเปลี่ยนแปลงในองค์กร โดยพิจารณาจากหลักสำคัญด้านการนำเทคโนโลยีมาใช้ทำงานเพื่อสร้างคุณค่าให้กับองค์กร เป็นผู้นำที่สร้างแรงบันดาลใจ และสร้างผลกระทบเชิงบวกที่ยั่งยืน
ทั้งนี้ บ้านปูได้เดินหน้าขับเคลื่อนองค์กรด้วยกระบวนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล (Digital Transformation) โดยจัดตั้งหน่วยงาน Digital and Innovation (D&I) ซึ่งรวมผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีดิจิทัลสาขาต่างๆ ได้แก่ ทีมบ่มเพาะนวัตกรสู่การสร้างนวัตกรรม (Incubation) ทีมวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) ทีมปัญญาประดิษฐ์ (AI/Machine Learning) ทีมอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (Internet of Things: IoT) และทีมดูแลความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity) เพื่อผลักดันการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ทั่วทั้งองค์กร นอกจากนี้ บ้านปูได้นำเทคโนโลยี AI มาใช้เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน เช่น ช่วยในการซื้อขายพลังงาน (Energy Trading) ในประเทศญี่ปุ่น บริหารซัพพลายเชนธุรกิจเหมืองในออสเตรเลีย และใช้ในการเฟ้นหา และพัฒนาบุคลากรที่มีทักษะหรือความถนัดเฉพาะตัวในงานด้านทรัพยากรมนุษย์ เป็นต้น
“การผลักดันภารกิจยิ่งใหญ่แห่งสร้างสรรค์ความเป็นประเทศที่แข็งแกร่ง และการฟื้นฟูความรุ่งโรจน์ของประชาชาติด้วยการสร้างสรรค์ความทันสมัยแบบจีน ไม่เพียงแต่เป็นหนทางที่สว่างสดใสสู่ความผาสุกของประชาชนจีน หากยังเป็นหนทางที่ชอบธรรมในการส่งเสริมการพัฒนาสันติภาพของโลกด้วย” ดั่งที่ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงกล่าวไว้ว่า นับตั้งแต่สาธารณรัฐประชาชนจีนสถาปนาขึ้น ประชาชนจีนใช้ความพยายามอย่างไม่หยุดยั้งในการวาดภาพที่สง่างามแห่งยุคสมัยใหม่ และร่วมอัดฉีดพลังใหม่ให้กับการผดุงสันติภาพโลก และส่งเสริมการพัฒนาร่วมกัน
สมบัติที่ประเทศจีนมีในช่วงที่สาธารณรัฐประชาชนจีนก่อตั้งขึ้นมา คือ ความเป็นประเทศเกษตรกรรมที่ยากจนล้าหลัง และมีประชากรเป็น 1 ใน 4 ของประชากรโลก อุตสาหกรรมหนักเกือบเป็นศูนย์ ยอดการผลิตเหล็กกล้าเฉลี่ยต่อคน เท่ากับทำเป็นเคียวได้เล่มเดียวเท่านั้น ไม่สามารถผลิตรถถัง รถแทรกเตอร์ หรือแม้กระทั่งรถยนต์ได้แม้แต่คันเดียว จะเครื่องบินสักลำก็ไม่ได้ ในสายตาชาวโลก จีนเป็นประเทศใหญ่ที่เท้าจมอยู่ในโคลน พอผลักก็จะล้มลง
โครงการก่อสร้างทางรถไฟความเร็วสูงจีน-ไทย งานสัญญาที่ 4-3 ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
เริ่มจากสภาพที่อุตสาหกรรมต่าง ๆ ซบเซามาก และธุรกิจทุกประการรอการฟื้นฟู แต่ประชาชนจีนก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่ลดละ ใช้ความเพียรบากบั่นอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย เป็นการอรรถาธิบายคำว่า หมั่นเพียรอย่างต่อเนื่องสู่ก้าวกระโดดที่ยิ่งใหญ่ จากการลุกขึ้นยืนสู่ความร่ำรวยขึ้น
จีนในทุกวันนี้พัฒนาเป็นองค์เศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2 ของโลก อุตสาหกรรมการผลิตจัดอยู่อันดับ 1 ของโลก การค้าสินค้ารายใหญ่ที่สุดของโลก และมีทุนสำรองเงินตราต่างประเทศมากที่สุดของโลก พร้อมไปกับการพัฒนาศักยภาพโดยรวมของประเทศแล้ว จีนได้เข้าร่วมการสร้างสรรค์และสร้างคุณูปการเพื่อระบบสากลด้วย
จีนในทุกวันนี้ ไม่หยุดฝีเท้าแห่งการพัฒนานวัตกรรม วันที่ 1 กันยายน 2024 เครื่องบินโดยสารรุ่น C919 ของจีน ได้ต้อนรับผู้โดยสารคนที่ 5 แสนแล้ว และตั้งแต่เริ่มให้บริการเป็นต้นมา ได้ให้บริการการบินทางพาณิชย์แล้วกว่า 3,700 เที่ยว รวมเวลากว่า 10,000 ชั่วโมง การบินอวกาศพร้อมมนุษย์ การเดินทางไปสำรวจดวงจันทร์ ดาวอังคาร การสำรวจใต้ทะเลลึกด้วยยานดำน้ำพร้อมมนุษย์ และการผลิตเรือสำราญขนาดใหญ่ ล้วนประสบผลสำเร็จเรื่อย ๆ
จีนในทุกวันนี้ พัฒนาระบบอุตสาหกรรมทันสมัยที่มีความครบสมบูรณ์ และเป็นตัวของตัวเอง ยอดการเพาะปลูกธัญญาหารเฉลี่ยต่อคนก็สูงกว่าระดับเฉลี่ยของโลกต่อเนื่องกันหลายปี ระยะทางรถไฟความเร็วสูงกับทางด่วนล้วนจัดอยู่อันดับแรกของโลก สะพานเชื่อมฮ่องกง-จู่ไห่-มาเก๊าสร้างสถิติโลกหลายรายการ สินค้าประเภทรถยนต์ EV แบตเตอรี่ลิเทียม และผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ได้รับความนิยมอย่างสูงในตลาดสากล ชาวจีนผู้สร้างสรรค์ประเทศกำลังสร้างแบรนด์เนมชื่อดังให้กับประเทศตน นวัตกรรมเป็นแรงขับเคลื่อนการพัฒนาสำคัญที่สุด ดัชนีการจัดอันดับนวัตกรรมโลกพบว่า จีนได้เลื่อนจากอันดับที่ 34 ในปี 2012 มาเป็นอันดับที่ 12 ในปี 2023
จีนในทุกวันนี้ ได้เอาชนะสงครามแห่งการต่อสู้กับความยากจนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษย์ ประชากรที่มีรายได้ระดับปานกลางมีกว่า 400 ล้านคน ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนได้รับการปรับปรุงชนิดพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ เรื่องที่เกี่ยวข้องกับความผาสุกของประชาชน เช่น การสร้างสรรค์จีนให้เป็นประเทศที่มีความมั่นคง ประชาชนมีสุขภาพแข็งแรง และประเทศสวยงาม การปฏิวัติห้องน้ำ การคัดแยกขยะ การรวมกลุ่มกันจัดซื้อยาและวัสดุสิ้นเปลืองทางการแพทย์ การสร้างระบบที่อยู่อาศัยที่สนับสนุนทั้งการเช่าบ้านกับซื้อบ้าน ล้วนจัดอยู่ในแผนงานของรัฐบาลจีน เพื่อตอบสนองต่อการมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชนจีน
จีนในทุกวันนี้ การพัฒนาการศึกษาได้ปูพื้นฐานที่แน่นหนา ย้อนทบทวน 75 ปีตั้งแต่สาธารณรัฐประชาชนจีนสถาปนาขึ้น จากการลดจำนวนคนที่ไม่รู้จักตัวอักษร การประกาศใช้นโยบายการศึกษาภาคบังคับ 9 ปี ไปจนถึงการสร้างระบบการศึกษาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโลก ประชาชนจีนได้รับประโยชน์จากผลแห่งการปฏิรูปและการพัฒนาการศึกษาอย่างทั่วถึง อัตราการเข้าโรงเรียนอนุบาลสูงถึง 91.1% อัตราการเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาสูงถึง 60.2% การศึกษาภาคบังคับในอำเภอ 2,895 แห่งทั่วประเทศจีนมีการปรับให้มีความสมดุล ระบบทุนการศึกษาครอบคลุมการศึกษาทุกระดับอย่างครบสมบูรณ์ โดยให้ทุนการศึกษาแก่นักเรียนนักศึกษารวม 1,400 ล้านคนครั้ง โครงการปรับปรุงภาวะโภชนาการอำนวยประโยชน์แก่นักเรียนนักศึกษา 420 ล้านคนครั้ง ภารกิจการศึกษาของจีนยกระดับคุณภาพให้สูงขึ้นเรื่อย ๆ
จีนในทุกวันนี้ ไม่เพียงแต่ให้ความสำคัญกับการสร้างสรรค์ทางวัตถุ หากให้ความสำคัญกับการสร้างสรรค์ทางจิตใจด้วย ในอดีต เวลาผู้คนพบปะกัน มักจะทักทายว่า กินข้าวหรือยัง ทุกวันนี้ เมื่อพบกัน มักจะคุยกันว่า ช่วงนี้มีภาพยนตร์ที่น่าสนใจอะไร ได้อ่านหนังสืออะไรบ้าง การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวสะท้องถึงการเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่หลวงของชีวิตชาวจีน คือ เปลี่ยนจากสภาพที่แสวงหาการกินอิ่มนอนอุ่น มาเป็นให้ความสำคัญกับการพัฒนาทางจิตใจ ปลายปี 1949 จีนมีสถานีวิทยุเพียง 49 สถานีเท่านั้น ปี 1952 จีนผลิตภาพยนตร์ได้แค่ 9 เรื่อง ทุกวันนี้ เฉพาะปี 2023 ยอดการผลิตภาพยนตร์ของจีนมีเกือบ 1,000 เรื่อง ละครโทรทัศน์ 156 เรื่อง รวม 4,632 ตอน ออกอากาศละครโทรทัศน์รวม 210,000 เรื่อง ปลายปี 2023 กลุ่มนักแสดงมีถึง 17,781 กลุ่ม สถาบันวัฒนธรรมมวลชน 43,752 แห่ง ห้องสมุดสาธารณะ 3,246 แห่ง กิจการและอุตสาหกรรมวัฒนธรรมพัฒนาอย่างรุ่งเรือง ผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมมีความหลากหลายสมบูรณ์ การชมพิพิธภัณฑ์ ความนิยมในผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์ ตลอดจนการดูภาพยนตร์กลายเป็นกระแสที่ได้รับความสนใจ ความฝันจีนกับความฝันโลกประสานเข้าด้วยกัน ประชาชนจีนให้ความสำคัญกับการแสวงหาจุดร่วมไปพร้อมกับสงวนจุดต่าง ใฝ่หาการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน เพื่อสร้างคุณูปการในกิจการยิ่งใหญ่แห่งการพัฒนาอย่างสันติของจีนและมนุษยชาติ
จีนเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมฟอรั่มเอเชียโป๋อ๋าว ฟอรั่มความร่วมมือจีน-แอฟริกา และการประชุมเสวนาอารยธรรมเอเชีย ซึ่งเป็นกิจกรรมทางการทูตที่จัดขึ้นในจีน แสดงถึงการเปิดกว้างของจีน จับมือกันสร้างสรรค์ตามข้อริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางที่มีคุณภาพสูง สร้างเวทีใหม่ ๆ เช่น งานมหกรรมสินค้านำเข้านานาชาติจีน(CIIE) งานมหกรรมภาคบริการนานาชาติจีน งานมหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคนานาชาติ เป็นการนำเสนอโอกาสใหม่ของจีนแก่โลก ส่วนงานโอลิมปิกฤดูหนาวปักกิ่ง งานเอเชียนเกมส์หางโจว งานกีฬามหาวิทยาลัยโลกเฉิงตูแสดงถึงความมีชีวิตชีวาของจีน
ตั้งแต่บัญญัติ “การยึดเส้นทางการพัฒนาอย่างสันติ” ไว้ในรัฐธรรมนูญ จนถึงการนำเสนอให้สร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศรูปแบบใหม่ที่ถือชัยชนะร่วมกันเป็นแกนหลัก ตั้งแต่ประกาศจัดตั้งกองทุนเพื่อสันติภาพและการพัฒนาจีน-สหประชาชาติ จนถึงการตัดสินใจจัดตั้งหน่วยผดุงสันติภาพถาวร จีนไม่ยอมเดินตามหนทางเก่าแห่งการล่าอาณานิคม และไม่ยอมเดินตามหนทางผิดเพี้ยนที่ประเทศแข็งแกร่งถือตัวเป็นเจ้าโลก แต่จะเดินบนหนทางใหม่ที่ต่างจากการผงาดขึ้นของมหาประเทศอื่น ๆ
จีนได้ก่อตั้งเขตการค้าเสรี 22 เขต สร้างท่าเรือการค้าเสรีไหหลำ ผลักดันให้ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) มีผลบังคับใช้ พยายามลดรายชื่อสินค้าต้องห้ามสำหรับทุนต่างชาติ และขจัดข้อจำกัดต่าง ๆ ในการประกอบการผลิตสำหรับทุนต่างชาติ จีนเปิดประตูประเทศกว้างขึ้นเพื่อเข้าสู่ตลาดสากล
วันที่ 13 พฤศจิกายน 2024 ผู้เข้าชมกำลังพิจารณาและถ่ายรูปตัวอย่างดินจากด้านไกลของดวงจันทร์ ซึ่งนำกลับมายังโลกด้วยยานฉางเอ๋อ 6 ของจีน
จีนยึดมั่นในการเปิดกว้างและการปรับความเข้าใจกัน ส่งเสริมการประสานงานและการปฏิสัมพันธ์ที่ดีระหว่างมหาประเทศ ยืนหยัดสร้างความสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศรอบข้างตามหลักเป็นมิตรกัน มีความจริงใจต่อกัน อำนวยประโยชน์แก่กัน และยอมรับกัน กระชับความร่วมมือ เสริมสร้างความสามัคคีกับประเทศกำลังพัฒนา ประเทศที่สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับจีนเพิ่มเป็น 183 ประเทศ
จีนมองเห็นถึงผลประโยชน์ร่วมและสันติสุขร่วมของมวลมนุษยชาติ ขจัดความคิดเก่า ๆ ของการปะทะระหว่างอารยธรรมและรูปแบบเกมผลรวมเป็นศูนย์ โดยนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ได้นำเสนอแนวคิดการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกัน
ประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันของมนุษยชาติ มีความหมายว่า อนาคตของทุกประชาชาติ ทุกประเทศล้วนเกี่ยวข้องกัน ลงเรือลำเดียวกัน ต้องร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกัน พยายามสร้างโลกที่มนุษย์เราถือกำเนิดและเติบโตขึ้นมาใบนี้ ให้เป็นครอบครัวที่มีความสมานฉันท์ และทำให้ความปรารถนาที่จะมีชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชนประเทศต่าง ๆ ปรากฏเป็นจริงขึ้น
จีนได้ลงนามความตกลงว่าด้วยการร่วมกันสร้างสรรค์ตามข้อเริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางกับกว่า 150 ประเทศ และกว่า 30 องค์กรระหว่างประเทศ ช่วง 7 เดือนแรกของปี 2024 ขบวนรถไฟจีน-ยุโรปเดินรถไฟเป็น 11,403 ขบวน เพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปี 2023 เพื่อสนับสนุนความร่วมมือของกลุ่มประเทศโลกใต้ จีนจะจัดตั้งศูนย์การวิจัยกลุ่มประเทศโลกใต้
สิ่งที่จีนแสวงหานั้น ไม่ใช่ความทันสมัยที่เห็นแก่ตัวเพียงเพื่อการพัฒนาของประเทศตน แต่จีนยินดีร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ เพื่อบรรลุความทันสมัยที่ทั่วโลกมีการพัฒนาด้วยกันอย่างสันติ มีความร่วมมือแบบอำนวยประโยชน์แก่กัน และรุ่งเรืองร่วมกัน จีนในอนาคต ย่อมจะใช้ท่าทีที่เปิดกว้างขึ้นเพื่อเข้ากับโลก และสร้างคุณูปการเพื่อโลกด้วยอารยธรรมที่มีชีวิตชีวามากขึ้น
-------------------------------------------------
เขียนโดย หวังอวี๋ซินหง และ จางเฝ่ยเยี่ย
ภาพถ่ายในโรงงานบริษัทไมเดีย รีฟริจเจอเรชั่น อีควิปเมนท์ (ไทยแลนด์) ที่จังหวัดชลบุรี
ปี 2025 เป็นการครบรอบ 50 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีนกับไทย เมื่อมองสู่อนาคต การสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันจะได้รับโอกาสมากมาย จีนยังคงเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของไทยมานานกว่า 10 ปีติดต่อกัน ในปี 2023 ยอดมูลค่าการค้าจีน-ไทย ทะลุ 126 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ผลไม้ต่าง ๆ ของไทย เช่น ทุเรียน มังคุด ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคชาวจีน จีนกลายเป็นแหล่งลงทุนจากต่างประเทศรายใหญ่ที่สุดของไทย ปี 2023 ยอดการลงทุนในไทยของจีนเกิน 4.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 109% เมื่อเทียบกับปี 2022 คิดเป็น 25% ของยอดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศของไทย หลังจากที่ทั้งสองประเทศใช้มาตรการ "วีซ่าฟรีไทย-จีน" นักท่องเที่ยวทั้งสองประเทศเที่ยวอีกประเทศกันมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยกล่าวว่า จีนและไทยสนับสนุนให้กันและกันยึดมั่นในแนวทางการพัฒนาที่สอดคล้องกับสภาพที่เป็นจริงของประเทศตน และให้การสนับสนุนซึ่งกันและกันในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์หลักของอีกฝ่าย ตลอดจนปัญหาที่แต่ละฝ่ายให้ความสนใจ นับเป็นแบบฉบับแห่งความร่วมมือฉันมิตรระหว่างประเทศที่มีระบอบสังคมต่างกัน ความร่วมมืออย่างจริงจังระหว่างสองประเทศถือเป็นความร่วมมือระดับแนวหน้าระหว่างจีนกับบรรดาประเทศอาเซียนทั้งหลาย
วันที่ 17 พฤษภาคม 2024 ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ทีมงานจีน-ไทย
กำลังทดสอบการให้บริการของสถานีเชื่อมโยงสัญญาณโทรคมนาคมดาวเทียมวงโคจรต่ำ
ดร.วิรุฬห์ พิชัยวงศ์ภักดี ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางไทย-จีนเห็นว่า จากคำแถลงนโยบายของรัฐบาลนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ซึ่งเพิ่งตั้งขึ้นใหม่พบว่า ทิศทางนโยบายหลายด้านระบุถึงภาคส่วนความร่วมมือที่สำคัญระหว่างจีนกับไทย ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างพื้นฐานความร่วมมือระหว่างสองประเทศให้แนบแน่นขึ้น และพยายามบุกเบิกภาคส่วนความร่วมมือใหม่ ๆ เช่น รถยนต์ EV เศรษฐกิจสีเขียว และเศรษฐกิจดิจิทัล
จีนเป็นตลาดส่งออกผลิตผลการเกษตรที่สำคัญที่สุดของจีนด้วย หลายปีมานี้ ตลาดจีนได้นำเข้าผลิตผลการเกษตรของไทยกว่า 40% เฉพาะทุเรียนอย่างเดียว ยอดมูลค่าส่งออกสู่จีนก็สูงกว่า 4,566 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ในฐานะแหล่งทุนต่างประเทศที่สำคัญของไทย ตามสถิติเบื้องต้น วิสาหกิจจีนที่เข้าไปลงทุนมีกว่า 1,000 แห่ง ช่วงสองปีที่ผ่านมา โครงการที่จีนขอลงทุนนั้นมี 588 โครงการ ยอดเงินลงทุนเกือบ 7,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยภาคส่วนที่วิสาหกิจจีนเข้าไปลงทุนเป็นหลักคือ รถยนต์ EV เศรษฐกิจดิจิทัล พลังงานใหม่ และอุตสาหกรรมการผลิตที่ทันสมัยต่าง ๆ ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาของไทยในระดับสูง ได้สร้างคุณูปการสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรม การส่งออก การเพิ่มตำแหน่งงาน และเพิ่มรายได้ภาษีของไทย อีกทั้งช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมที่รุ่งเรืองใหม่ ตลอดจนศักยภาพการแข่งขันของไทยด้วย
ไทยเป็นประเทศอาเซียนประเทศแรกในการประยุกต์ใช้ระบบ 5G เชิงพาณิชย์ การปรับเปลี่ยนสู่เศรษฐกิจดิจิทัลจึงจัดอยู่อันดับแนวหน้าในบรรดาประเทศอาเซียน ซึ่งบริษัทสื่อสารโทรคมนาคม และเทคโนโลยีดิจิทัลต่าง ๆ ของจีน เช่น หัวเว่ย จงซิง และไชน่าโมบาย ล้วนมีส่วนช่วยไม่น้อย ดร.ชวพล จริยาวิโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัดกล่าวว่า นโยบาย Cloud First Policy ของบริษัทกำลังช่วยให้สังคมไทยปรับเข้าสู่สังคมดิจิทัล นอกจากนี้ หัวเว่ยยังพยายามมีส่วนช่วยในการพัฒนาประเทศไทย ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนระหว่างจีนกับไทย บุกเบิกเครือข่ายอินเทอร์เน็ตในพื้นที่ห่างไกล สนับสนุนโครงการวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีที่มีผู้พิการและสตรีเข้าร่วม อบรมบุคลากรสื่อสารสารสนเทศและโทรคมนาคม ตลอดจนวิศวกรพลังงานสีเขียวให้สังคมไทยด้วย
ไทยมีความกระตือรือร้นในการพัฒนาอุตสาหกรรมพลังงานใหม่ และขับเคลื่อนเศรษฐกิจสีเขียว วิสาหกิจรถยนต์ EV แผงโซลาร์เซลล์ และการผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ของจีนล้วนได้เข้าร่วมกระบวนการนี้ ยอดมูลค่าการผลิตของนิคมอุตสาหกรรมระยองรวมแล้วสูงเกิน 30 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในจำนวนดังกล่าว มี 80% ส่งออกไปยังตลาดสากล วิสาหกิจรถยนต์พลังงานใหม่ของจีน เช่น BYD ได้มาก่อตั้งโรงงานและนำไปสู่การสร้างงานในไทย วิสาหกิจเหล่านี้ได้นำมาซึ่งเทคโนโลยีและประสบการณ์การบริหารที่ทันสมัย ได้เพิ่มขีดความสามารถของแรงงานไทย และเป็นการผลักดันการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมการผลิตของไทยด้วย
วันที่ 3 ตุลาคม 2024 นักท่องเที่ยวจีนเที่ยวชมพระบรมมหาราชวัง กรุงเทพมหานคร
วิสาหกิจจีนในไทยที่ดำเนินงานในท้องที่ต่าง ๆ ได้พยายามพัฒนาไปร่วมกับวิสาหกิจไทย ทำการตั้งห่วงโซ่อุตสาหกรรมในไทย ซึ่งมีส่วนช่วยลดต้นทุนการผลิตของวิสาหกิจ และกระตุ้นการพัฒนาอุตสาหกรรมในท้องที่ต่าง ๆ อันสอดคล้องกับทัศนคติและเป้าหมายประกอบการของวิสาหกิจจีน นอกจากนี้ วิสาหกิจจีนในไทยไม่เพียงแต่ได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า โดยสร้างสัดส่วนมูลค่าสินค้าการผลิตภายในประเทศไทยไม่น้อยกว่า 40% เท่านั้น หากยังเพิ่มสัดส่วนยอดมูลค่าจัดซื้อในไทยด้วย บริษัท ซินหยวน เฮ้าส์โฮลด์ (ไทยแลนด์) ของจีนมีผู้จัดหาในไทย 459 แห่ง บริษัท China Resources (ไทยแลนด์) มีผู้จัดหาในไทยกว่า 700 แห่ง ส่วนบริษัทเอส เอ ไอ ซี มอเตอร์-ซีพี มีผู้จัดหาในไทยกว่า 100 แห่ง
รศ.ดร.วิทยา วัณณสุโภประสิทธิ์ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ช่วง 50 ปีมานี้ มิตรภาพไทย-จีนสนิทแน่นแฟ้นขึ้นทุกวัน ความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ระหว่างสองประเทศประสบผลสำเร็จมากมาย ความคืบหน้าทุกครั้งด้านการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยี และนวัตกรรมด้านวิศวกรรม ล้วนเป็นความก้าวหน้าสำคัญของความร่วมมือระหว่างสองประเทศ วิสาหกิจจีนเพิ่มแรงขับเคลื่อนให้กับการศึกษาวิจัยทางวิชาการ และนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีของไทย หวังว่า ไทย-จีนสองประเทศจะจับมือกันปฏิบัติความร่วมมืออย่างจรังจัง เผชิญกับความท้าทายในอนาคตร่วมกัน และมุ่งหน้าสู่อนาคตที่มั่นคงและยั่งยืน
พร้อมไปกับการสร้างความทันสมัยของจีนประสบความคืบหน้าใหม่ ๆ โดยเฉพาะจีนในฐานะตลาดสำคัญของโลก พยายามเพิ่มการเปิดกว้างมากขึ้น การเชื่อมต่อกันระหว่างสองประเทศกำลังเพิ่มความเร็วมากขึ้น การเชื่อมโยงด้านการคมนาคมและการสอดประสานกันด้านนโยบายกำลังยกระดับขึ้นเรื่อย ๆ อนาคตความร่วมมือด้านเศรษฐกิจการค้าระหว่างสองประเทศมีความสดใสยิ่ง จะนำมาซึ่งประโยชน์สุขให้กับประชาชนสองประเทศมากขึ้น
---------------------------
เขียนโดย หวังซือเฉิง