จากวิกฤตมหาอุทกภัยครั้งใหญ่ในเชียงใหม่เมื่อเดือนตุลาคม 2567 ที่สร้างความเสียหายรุนแรงต่อปางช้างและชุมชนคนเลี้ยงช้าง มูลนิธิพิทักษ์สัตว์แห่งโลก (ประเทศไทย) ได้ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องแก่ชุมชนช้างที่ได้รับผลกระทบ โดยล่าสุด ระหว่างวันที่ 19 - 21 พฤศจิกายนที่ผ่านมา มูลนิธิฯ ได้ลงพื้นที่
ที่ผ่านมา มูลนิธิฯ ได้ประสานงานกับองค์การบริหารส่วนตำบลกึ๊ดช้างและแม่วิน เพื่อส่งต่อสิ่งบรรเทาทุกข์ ซึ่งประกอบด้วยปัจจัยพื้นฐานที่จำเป็นเร่งด่วน เช่น อาหารเม็ดสำหรับช้าง ข้าวสาร อาหารแห้ง ของใช้ และอุปกรณ์ทำความสะอาด ฯลฯ โดยดำเนินการแล้วเสร็จในช่วงวันที่ 9-10 ตุลาคม และ 27-28 ตุลาคม ความช่วยเหลือดังกล่าวครอบคลุมช้างกว่า 200 ตัว ในปางช้าง 17 แห่ง
"ความช่วยเหลือของมูลนิธิฯ ไม่ได้เป็นการทำงานเฉพาะหน้าบรรเทาทุกข์ฉุกเฉิน แต่มุ่งเน้นสวัสดิภาพของช้างที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมเป็นที่ตั้ง เราตระหนักดีว่าช้างเป็นหัวใจของชุมชนที่ดูแลช้างเหล่านี้ เราจึงมุ่งมั่นให้ความช่วยเหลือทั้งด้านอาหาร ยา และเวชภัณฑ์ เราหวังว่าการทำงานลงพื้นที่ของมูลนิธิฯ และการสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะมีส่วนช่วยการฟื้นฟูสวัสดิภาพของช้างและเสริมสร้างขีดความสามารถในการฟื้นฟูของชุมชนผู้ดูแลช้างให้สามารถกลับมาฟื้นตัวได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน" โรจนา สังข์ทอง มูลนิธิพิทักษ์สัตว์แห่งโลก (ประเทศไทย) กล่าวปิดท้าย
กีฬาวอลเลย์บอลระดับเยาวชนไทยอย่างต่อเนื่อง เดินหน้าสานต่อโครงการ "ทิพย วอลเลย์บอล คลินิก ครั้งที่ 3" โดยจับมือร่วมกับสโมสรวอลเลย์บอลสุพรีม ทิพย ชลบุรี-อี.เทค มุ่งเน้นการส่งเสริมทักษะกีฬาวอลเลย์บอลให้กับเยาวชนทั่วประเทศ ภายใต้การเรียนรู้ที่ถูกต้องจากนักกีฬาระดับอาชีพ
หลังจากความสำเร็จของโครงการทิพย วอลเลย์บอล คลินิก ครั้งที่ 1 ที่จัดขึ้นในจังหวัดนครราชสีมา และครั้งที่ 2 จัดในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากเยาวชนทั่วประเทศ ในปีนี้ ทิพยประกันภัยได้ขยายโอกาสไปยังเยาวชนในจังหวัดสมุทรปราการ ด้วยการจัดโครงการ "ทิพย วอลเลย์บอล คลินิก ครั้งที่ 3" ณ ศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬา เทศบาลตำบลบางปู เพื่อให้เยาวชนในพื้นที่ได้เรียนรู้และพัฒนาทักษะจากนักกีฬาวอลเลย์บอลมืออาชีพอย่างใกล้ชิด
นางสาวปนัดดา ชุติโกมล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานกิจการองค์กรฯ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "โครงการทิพย วอลเลย์บอล คลินิก ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของทิพยประกันภัยในการเติมเต็มและสร้างแรงบันดาลใจให้แก่เยาวชนไทยผู้มีใจรักในกีฬาวอลเลย์บอล ด้วยการมอบโอกาสให้แก่เด็ก ๆ ที่มีความฝันและพรสวรรค์ แต่ยังขาดโอกาส ได้พัฒนาทักษะและความรู้ พร้อมก้าวสู่เส้นทางนักกีฬามืออาชีพ ทิพยประกันภัยจึงร่วมมือกับสโมสรวอลเลย์บอลสุพรีม ทิพย ชลบุรี-อี.เทค จัดโครงการทิพย วอลเลย์บอล คลินิก ติดต่อกันเป็นครั้งที่ 3 เพื่อถ่ายทอดทักษะพื้นฐานในการเล่นวอลเลย์บอลอย่างถูกต้อง พร้อมปลูกฝังคุณค่าน้ำใจนักกีฬาและความร่วมมือในทีมอย่างสร้างสรรค์ ซึ่งโครงการนี้เป็นอีกหนึ่งความตั้งใจในการขับเคลื่อนองค์กรตามแนวทาง ESG ในมิติด้านสังคม (Social) รวมถึงมอบโอกาสให้กับเด็กๆ ได้พัฒนาทักษะฝีมืออย่างยั่งยืน”
ในโอกาสนี้ บริษัทฯ ยังได้นำนักกีฬาวอลเลย์บอลชั้นนำของประเทศไทย อาทิ วิลาวัณย์ อภิญญาพงศ์ ปลื้มจิตร์ ถินขาว และมลิกา กันทอง มาเป็นผู้ร่วมฝึกสอน ถ่ายทอดประสบการณ์และทักษะกีฬาที่จำเป็น ไม่ว่าจะเป็นพื้นฐานการเตรียมตัวสู่การเป็นนักกีฬามืออาชีพ การอบรมด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา การดูแลด้านโภชนาการ และการยืดกล้ามเนื้อเพื่อป้องกันการบาดเจ็บ นอกจากนี้ยังมีการสอดแทรกความรู้เรื่องกติกาการแข่งขันที่ถูกต้องอีกด้วย
นอกจากการฝึกสอนแล้ว ทิพยประกันภัยยังได้มอบอุปกรณ์กีฬา เช่น ลูกวอลเลย์บอลจำนวนกว่า 100 ลูก และอุปกรณ์ป้องกันการบาดเจ็บให้กับ 10 โรงเรียนในจังหวัดสมุทรปราการ ได้แก่ โรงเรียนณัฏฐเวศม์ โรงเรียนชุมชนวัดราษฎร์บำรุง (ตาเจี่ย) โรงเรียนบางพลีใหญ่ใน และโรงเรียนอื่น ๆ เพื่อใช้ในการฝึกซ้อมและพัฒนาทักษะของเยาวชนในพื้นที่
สำหรับโครงการ “ทิพย วอลเลย์บอล คลินิก” เป็นส่วนหนึ่งของพันธกิจหลักของทิพยประกันภัย ที่มุ่งเน้นการขับเคลื่อนองค์กรด้วยหลักการ ESG เพื่อความเติบโตอย่างยั่งยืน สร้างความสมดุลระหว่างสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล เพื่อส่งเสริมการพัฒนาของเยาวชนและชุมชนอย่างยั่งยืนในอนาคต
เครือข่ายเยาวชน YSDN (Youth Strong & Development Network) ภายใต้ สำนักงานเครือข่ายงดเหล้า (สคล.) โดยการสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดการแข่งขันกีฬา E-Sport ภายใต้ชื่อ YSDN วังทอง FREE FIRE E-sport 2024 ครั้งที่ 3 ตั้งเป้าดันกีฬา E-Sport หนุนเด็กไทยใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ห่างไกลปัจจัยเสี่ยง เหล้า บุหรี่ การพนัน และยาเสพติด มีเยาวชนจากโรงเรียนในอำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก เข้าร่วมการแข่งขันกว่า 12 ทีม รวม 48 คน ณ ห้องประชุม สํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 2 อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก
นายจักรินทร์ กลิ่นอาจ เจ้าหน้าที่เครือข่ายเยาวชน YSDN (Youth Strong & Development Network) ภายใต้ สำนักงานเครือข่ายงดเหล้า (สคล.) กล่าวว่า กิจกรรมจัดการแข่งขันครั้งนี้ นับเป็นครั้งที่ 3 จุดเริ่มต้นเกิดจากผลสำรวจความคิดเห็นเยาวชน ภายใต้โครงการต้นแบบอำเภอป้องกันเยาวชนนักดื่มหน้าใหม่ อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก ในปี 2564 กว่า 800 ชุด สำรวจครอบคลุม 12 ตำบลของอำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก พบว่า E-sport คือกิจกรรมที่เยาวชนต้องการมากที่สุด โดยใช้โมเดลขนมปัง 5 ชั้น ของ สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า(สคล.) เป็นกรอบในการทำงาน โดยเริ่มจากการเก็บข้อมูลเชิงลึก สร้างเครือข่ายทั้งกลุ่มเยาวชนและผู้ใหญ่ใจดี มุ่งเน้นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในระดับครอบครัวและชุมชน จนนำไปสู่การผลักดันเป็นนโยบายสาธารณะระดับอำเภอ
ผลการดำเนินงาน 3 ปี ที่ผ่านมา เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกอย่างชัดเจน จากการสำรวจล่าสุดปี 2567 พบว่าเยาวชนอายุระหว่าง 12-15 ปี ไม่ยุ่งเกี่ยวกับเหล้าและบุหรี่เพิ่มขึ้น 1.3% เมื่อเปรียบเทียบจากปี 2564 แสดงว่ามีแนวโน้มและทิศทางที่ดีขึ้นในการดำเนินงานลดและป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ รวมไปถึงเยาวชนจากปัจจัยเสี่ยงต่างๆ อีกด้วย
การจัดการแข่งขัน E-Sport ถือเป็นจุดเริ่ม สำคัญของอำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก ในการสร้างนักกีฬา E-Sport รุ่นแรก สะท้องให้เห็นถึงกระแสความนิยมในกลุ่มเยาวชนรุ่นใหม่ และแนวโน้มการเติบโตของวงการกีฬาอีสปอร์ตในระดับท้องถิ่น โดยคาดว่าจะสามารถคัดเลือกตัวแทน 2-3 ทีม เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันในระดับอำเภอ จังหวัด และพัฒนาสู่การเป็นตัวแทนระดับประเทศต่อไป โดยได้รับการสนับสนุนการจัดการแข่งขัน จากองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สํานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) สํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) สาธารณสุขอำเภอ ทีมบรรเทาสาธารณภัย และเครือข่ายภาคประชาสังคมต่าง ๆ
ด้านนายบุณยภู ชูวัฒนา ปลัดอำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก กล่าวว่า การสนับสนุนการทำงานของ เครือข่ายเยาวชน YSDN ด้วยมองเห็นความสำคัญของการจัดพื้นที่สร้างสรรค์ให้เยาวชนได้มีเวทีการแสดงออกในด้านต่าง ๆ ทั้งด้านกีฬา ดนตรี และศิลปะการแสดง และ YSDN มีการนำเสนอโครงการที่มีเป้าหมายชัดเจนในการป้องกันเยาวชนจากปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น เหล้า บุหรี่ การพนันและยาเสพติด สำหรับกีฬา E-Sport เป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นจากความต้องการของเยาวชนในพื้นที่เอง ดังนั้น การจัดกิจกรรมจากความสนใจของเด็กๆ เป็นหลัก จะทำให้การเด็กเข้าร่วมกิจกรรมได้โดยง่าย อย่างไรก็ดี รากฐานของสังคมไทยเริ่มต้นจากครอบครัว ต่อมาก็เป็นโรงเรียน ดังนั้น การหล่อหลอมให้เด็กเป็นคนดีในสังคมได้นั้น ครอบครัวและโรงเรียน ต้องบูรณาการร่วมกัน เพื่อให้เยาวชนเติบโตขึ้นอย่างมีคุณภาพ
ปลัดอำเภอวังทอง กล่าวอีกว่า สำหรับแนวทางการดำเนินงาน มุ่งเน้นการเปิดโอกาสและพื้นที่ให้เยาวชนอำเภอวังทองได้แสดงออก ไม่ว่าจะเป็น เวทีการประกวดร้องเพลง การแสดงศิลปวัฒนธรรม การแข่งขันกีฬาและเร็วๆนี้จะมีการแข่งขัน กีฬาฟุตซอลเยาวชน ประเภท ชาย-หญิง โดยตั้งเป้าผลักดันให้มีการจัดกิจกรรมของเยาวชนในทุกเทศกาลประจำปีของอำเภอ อาทิ งานผัดไทยวังทอง เป็นต้น เพื่อป้องกันเยาวชนจากปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ โดยแนวทางนี้จะดำเนินการคู่ขนานกันไประหว่างการป้องกันและแก้ไขปัญหาในกลุ่มเยาวชน
นายศิริวัฒน์ มีเคน ครูผู้ดูแลทีม นักแข่งจากโรงเรียนเนินสะอาดวิทยาคม อ.วังทอง จ.พิษณุโลก กล่าวว่า ทางโรงเรียนได้จัดตั้งชุมนุม E-sport ขึ้น โดยได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากผู้อำนวยการโรงเรียน ด้วยเล็งเห็นว่าเป็นกิจกรรมที่สามารถต่อยอดสู่อาชีพได้ในอนาคต และยังช่วยปลูกฝังระเบียบวินัยให้แก่นักเรียน นักเรียนของเราประสบความสำเร็จจากการแข่งขัน E-sport ที่จัดโดย กลุ่มเยาวชน YSDN วังทองเมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นผลงานที่น่าภาคภูมิใจสำหรับทีมที่เพิ่งเริ่มต้น
ทั้งนี้ ทางโรงเรียนมุ่งเน้นการสร้างความเข้าใจระหว่างการเล่นเกมเพื่อความบันเทิงและการเล่นเกมในเชิงกีฬา โดยเน้นย้ำเรื่องการแบ่งเวลา การรู้จักหน้าที่ และการทำงานเป็นทีม นอกจากนี้ยังได้บูรณาการ E-sport เข้ากับกิจกรรมต่าง ๆ ของโรงเรียน เช่น การแข่งขันกีฬาสีและงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์ พร้อมทั้งสร้างความเข้าใจกับผู้ปกครอง และการวางกรอบที่เหมาะสมในการเล่นเกม โดยมองว่าการส่งเสริม E-sport อย่างถูกวิธีสามารถช่วยลดปัจจัยเสี่ยงด้านยาเสพติดและอบายมุขได้
สำหรับผลการแข่งขันรายการ “YSDN วังทอง FREE FIRE E-sport 2024 ครั้งที่ 3 ทีม TRM Academy โรงเรียนวัดท่าหมื่นราม คว้าชนะเลิศ ส่วนทีม PPR.Sniper โรงเรียนพิณพลราษฎร์ ตั้งตรงจิตร คว้าที่ 2 และ ที่ 3 รับรางวัลร่วมระหว่างทีมจากโรงเรียนเนินสะอาดวิทยาคมและทีมโรงเรียนวัดสุพรรณพนมทอง โดยรับเป็นถ้วยรางวัลและทุนการศึกษารวมกว่า 6,000 บาท
กระทรวงเศรษฐกิจไต้หวัน (MOEA) นำเสนอ “TAIWAN SELECT LOUNGE” ภายในงาน Taiwan Expo 2024 เพื่อถ่ายทอดมรดกทางวัฒนธรรมด้านอาหารและ รสชาติท้องถิ่นของไต้หวัน ณ บูธหมายเลข 547 ฮอลล์ 5 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยจะมีการจัดแสดงอาหาร สุดพิเศษจากหลายภูมิภาคของไต้หวัน รวมทั้งเปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่นผ่านอาหารยอดนิยม เช่น พายสับปะรด ชาอู่หลง โมจิ และอื่นๆ
ทั้งนี้ TAIWAN SELECT ริเริ่มโดย MOEA เป็นโครงการทำการตลาดร่วม (Joint Marketing Brand) ที่มุ่ง ช่วยเหลือธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (SMEs) ในอุตสาหกรรมอาหารเพื่อขยายตลาดสู่ระดับโลก ผู้บริโภคจะได้ รู้จักความหลากหลายและความประณีตของวัฒนธรรมอาหารไต้หวันจากงานนี้ โดยผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นที่จัดแสดงในงาน ได้รับการคัดสรรมาอย่างพิถีพิถันเพื่อสร้างความประทับใจให้กับผู้บริโภคในระดับสากลในขณะที่ยังคงรักษารสชาติ ดั้งเดิมของความเป็นไต้หวันเอาไว้
ผู้เข้าชมจะได้พบกับอาหารพิเศษของไต้หวัน ซึ่งเป็นของดีจากทุกภูมิภาคตั้งแต่ขนมที่ห้ามพลาดเมื่อไป ไต้หวันอย่าง “พายสับปะรด” “ชาอู่หลง” และ “โมจิ” และเมนูพิเศษประจำภูมิภาค รับรองได้ว่างานในครั้งนี้จะช่วยให้ ผู้เข้าชมได้สัมผัสถึงเอกลักษณ์ของอาหารที่แตกต่างกันของแต่ละพื้นที่ ตั้งแต่รสชาติดั้งเดิมทางภาคเหนือไปจนถึง อิทธิพลแบบเขตร้อนทางภาคใต้ ทำให้ผู้เข้าร่วมได้รับประสบการณ์ทางด้านวัฒนธรรมของไต้หวันแบบครบถ้วน สมบูรณ์
ไฮไลท์ของปีนี้อยู่ที่ขนมสุดคลาสสิคของไต้หวันอย่างพายสับปะรดและชาอู่หลง โดยพายสับปะรดเป็น สัญลักษณ์แห่งการต้อนรับและความโชคดี สะท้อนถึงประเพณีการทำขนมอบที่โดดเด่นของไต้หวัน ในขณะที่ชาอู่หลง เป็นภาพแทนของความชำนาญและฝีมือของผู้ผลิตชาชาวไต้หวัน นอกจากนี้ยังมีสินค้าอื่นๆ เช่น นูกัต ผลไม้อบแห้ง ชา และเส้นก๋วยเตี๋ยวจากข้าว ซึ่งสะท้อนความหลากหลายทางด้านอาหารและความมุ่งมั่นในการส่งมอบสินค้าคุณภาพสูง ให้แก่ผู้เข้าร่วมงาน
รัฐบาลไต้หวันมีนโยบายส่งเสริมการมีส่วนร่วมของธุรกิจไต้หวันในอุตสาหกรรมอาหารระดับโลก โดยใช้ TAIWAN SELECT LOUNGE เป็นตัวแทน ในการนำเสนอเอกลักษณ์ของไต้หวันทั้งในด้านรสชาติอาหาร คุณภาพ และประเพณี ผ่านการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม รวมไปถึงแต่ละเมนูที่รังสรรค์ขึ้นมา โดยคณะผู้จัดงานมั่นใจว่า ผลิตภัณฑ์จาก TAIWAN SELECT จะมีส่วนร่วมกับอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มระดับนานาชาติได้ นอกจากนี้ ยังมอบความสุขให้แก่ผู้บริโภคทั่วโลก ตามคำขวัญ “ลิ้มรสความสุขจากไต้หวัน”
สำหรับผู้ที่สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อาหาร TAIWAN SELECT สามารถเยี่ยมชมบูธหมายเลข 547 พบกับเมนูจากไต้หวันหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น นูกัต ผลไม้อบแห้ง ขนมอบ และเส้นก๋วยเตี๋ยวจากข้าว ทั้งหมด นับเป็นภาพแทนของความหลากหลายและความอุดมสมบูรณ์ของอาหารจากไต้หวัน
บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ iFlight Technology บริษัทผู้ผลิตโดรนภายใต้ชื่อ DJI จากประเทศจีน และ Peak3 บริษัทอินชัวร์เทคจากประเทศสิงคโปร์ มอบความคุ้มครองประกันภัยโดรนการเกษตรให้แก่ลูกค้า เพื่อส่งเสริมการนำเทคโนโลยีอัจฉริยะมาใช้ในการเกษตร และสร้างความยั่งยืนให้แก่เกษตรกรไทย
โครงการดังกล่าวเป็นการผสานความร่วมมือระหว่าง 3 บริษัทที่มีความเชี่ยวชาญด้านการผลิตโดรน ด้านอินชัวร์เทค และด้านการรับประกันภัย ที่จะช่วยยกระดับภาคการเกษตรของไทยให้ก้าวล้ำไปอีกขึ้น ด้วยการนำเทคโนโลยีอัจฉริยะของโดรนการเกษตรมาช่วยการทำงานของเกษตรกรให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน ช่วยลดต้นทุน และเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร อีกทั้งยังลดปัญหาเรื่องการขาดแคลนแรงงาน และเนื่องจากโดรนการเกษตร DJI เป็นอุปกรณ์ที่มีคุณภาพสูง กรุงเทพประกันภัยจึงได้จัดทำแผนประกันภัยที่เหมาะสมสำหรับโดรนการเกษตร เพื่อช่วยแบ่งเบาความเสี่ยง บรรเทาความเดือนร้อนทางการเงิน เป็นการสร้างความอุ่นใจให้เกษตรกร โดยมี Peak3 เป็นผู้ให้บริการแอปพลิเคชันด้วยเทคโนโลยี SaaS ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าในการทำประกันภัยและการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน
สำหรับแผนประกันภัยดังกล่าวให้ความคุ้มครองความเสียหายจากอุบัติเหตุต่อตัวโดรนการเกษตร DJI รุ่น T25 ทุนประกันภัย 263,500 บาท และรุ่น T50 ทุนประกันภัย 347,000 บาท ระยะเวลาคุ้มครอง 1 ปี โดยลูกค้าที่ซื้อโดรน DJI รุ่นดังกล่าวสามารถลงทะเบียนรับสิทธิประกันภัยโดรนการเกษตรได้ฟรี ณ ตัวแทนจำหน่าย DJI ทั่วประเทศ
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานประธานในพิธี และเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือ ระหว่างกระทรวงสาธารณสุข การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน เรื่อง การบูรณาการเพื่อการคุ้มครองผู้ใช้พลังงานที่เป็นผู้ป่วย ซึ่งมีความจําเป็นที่จะต้องใช้ไฟฟ้าในการเดินเครื่องมือทางการแพทย์เพื่อการรักษาพยาบาล เพื่อวางกรอบความร่วมมือในการบูรณาการทำงานคุ้มครองสิทธิผู้ใช้พลังงานเชิงรุก ให้ผู้ใช้พลังงานที่มีผู้ป่วยที่อยู่ในความดูแลได้รับการยกเว้นการงดจ่ายไฟฟ้าในทุกกรณี โดยมี นายพูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน นายแพทย์วีรวุฒิ อิ่มสำราญ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายวิลาศ เฉลยสัตย์ ผู้ว่าการ MEA หรือการไฟฟ้านครหลวง นายศุภชัย เอกอุ่น ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) ร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจความร่วมมือดังกล่าว ณ ห้องประชุม 9 ชั้น 15 กระทรวงพลังงาน อาคาร บี ศูนย์เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์
ผู้ว่าการ MEA กล่าวว่า MEA ในฐานะหน่วยงานรับผิดชอบด้านระบบจำหน่ายไฟฟ้าในพื้นที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ พร้อมตอบสนองต่อนโยบายรัฐบาล ในการยกเว้นการงดจ่ายไฟฟ้าได้ในกรณีที่ผู้ใช้ไฟฟ้า หรือผู้ใช้ไฟฟ้าที่มีบุคคลอยู่ในความดูแล หรือมีผู้ป่วยที่มีความจำเป็นต้องใช้ไฟฟ้า ในการเดินเครื่องมือทางการแพทย์เพื่อการรักษาพยาบาล ซึ่งนโยบายดังกล่าว MEA ดำเนินการตามประกาศของ สำนักงาน กกพ. มาอย่างต่อเนื่อง โดยการลงนามบันทึกความเข้าใจในครั้งนี้ถือเป็นก้าวที่สำคัญในการดูแลผู้ป่วยที่มีความจำเป็นต้องใช้ไฟฟ้าเพื่อเดินเครื่องมือทางการแพทย์ โดยเปลี่ยนเป็นการทำงานเชิงรุกผ่านการบูรณาการข้อมูลร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ซึ่งจะช่วยให้ MEA สามารถเข้าถึง และดูแลผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนดูแลระบบจำหน่ายไฟฟ้า เพื่อให้กลุ่มผู้ป่วยที่จำเป็นต้องใช้ไฟฟ้าในการเดินเครื่องมือทางการแพทย์ได้รับพลังงานไฟฟ้าอย่างเพียงพอ และต่อเนื่อง ไม่เป็นอันตรายต่อต่อสุขภาพผู้ป่วย
นอกจากนี้ การบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานดังกล่าว ยังครอบคลุมถึงการร่วมกันพัฒนาฐานข้อมูล หรือแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองผู้ใช้พลังงานที่เป็นผู้ป่วย ซึ่งมีความจำเป็นที่จะต้องใช้ไฟฟ้าในการเดินเครื่องมือทางการแพทย์เพื่อการรักษาพยาบาล เพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานในแต่ละหน่วยงานสามารถเข้าถึงข้อมูลได้โดยสะดวก เป็นปัจจุบัน และสามารถนำไปใช้ตามอำนาจหน้าที่ของแต่ละหน่วยงานได้ ตลอดจนสนับสนุน เผยแพร่ข้อมูล และเสริมสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้แก่ประชาชนผู้ใช้พลังงานที่หน่วยงานภาครัฐได้ให้ความคุ้มครอง เกี่ยวกับการได้รับสิทธิการยกเว้นการงดจ่ายไฟฟ้าสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้า หรือผู้ใช้ไฟฟ้าที่มีบุคคลอยู่ในความดูแล หรือ มีผู้ป่วยที่ต้องใช้ไฟฟ้าในการเดินเครื่องมือทางการแพทย์เพื่อการรักษาพยาบาล มิให้ได้รับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพ ที่อาจจะเกิดขึ้นจากการงดจ่ายไฟฟ้า
อย่างไรก็ตาม การร่วมมือครั้งนี้ยังแสดงถึงความมุ่งมั่นของ MEA และหน่วยงานพันธมิตรในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างยั่งยืน โดยมุ่งหวังให้การคุ้มครองผู้ใช้พลังงานที่เป็นผู้ป่วยติดเตียงหรือผู้ป่วยที่ต้องพึ่งพาเครื่องมือทางการแพทย์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและครอบคลุมทั่วทุกพื้นที่ ตลอดจนสร้างความเชื่อมั่นในระบบบริการด้านพลังงานที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ MEA พร้อมเดินหน้าทำงานร่วมกับทุกภาคส่วน เพื่อให้การจัดการด้านพลังงานเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิต และสร้างความมั่นคงให้แก่ประชาชนในทุกมิติ อันสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาประเทศที่ยั่งยืนในอนาคต