

เหล่า PIECES ต้องร้องว้าว! เมื่อ 5 หนุ่มสุดฮอต “PERSES” จากค่าย G’NEST นำโดย จั๋ง วิกร, เน ณรัณ ,กฤติน กฤติน, ปาล์ม พีรวิชญ์ และน้องเล็ก ปลั๊กกี้ ธรากร บินลัดฟ้าถึงฮ่องกง ถ่ายทำโชว์สุดพิเศษ “ห้ามขยับจับนะ (FREEZE)” ที่เตรียมออนแอร์ให้รับชมพร้อมกัน ในวันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน 2568 ในรายการ “Thailand Music Countdown” เวลา 16.45 น. ทางช่อง 3HD (กด 33)
โชว์พิเศษ “ห้ามขยับจับนะ (FREEZE)” ที่ถ่ายทำในฮ่องกงนี้ นับเป็นครั้งแรกของรายการ “Thailand Music Countdown” ที่มีการถ่ายทำนอกประเทศไทย โดยร่วมกับ การท่องเที่ยวฮ่องกง (Hong Kong Tourism Board) เพื่อนำเสนอฮ่องกงในแง่มุมใหม่ๆ ในสไตล์ของ PERSES ที่มั่นใจว่าหลายคนไม่เคยเห็นมาก่อน ผ่านศักยภาพและเสน่ห์รอบด้านของ PERSES ที่จะสร้างความประทับใจให้กับแฟน T-Pop ทั่วโลกอย่างแน่นอน

ด้าน PERSES เผยความรู้สึกที่ได้มาร่วมโปรเจคพิเศษครั้งนี้ว่า “เป็นการฉีกกรอบการทำงานสำหรับพวกเราเลยครับ เพราะเป็นครั้งแรกที่เราได้มาออกกองถ่ายที่ฮ่องกง เราเดินทางไปถ่ายทำกันหลายที่มาก ไม่ว่าจะเป็นจุดชมวิวอ่าววิคตอเรีย ย่านสตรีทอาร์ต ร้านอาหาร และย่านตลาด ทำให้พวกเราได้เห็นเสน่ห์แบบผสมผสานและความหลากหลายของฮ่องกง ซึ่งหวังว่าการถ่ายทำโปรเจคพิเศษในครั้งนี้จะทำให้แฟนๆ รู้จักฮ่องกงผ่านมุมมองของพวกเรา และหวังว่า PERSES จะได้รับความรักจากแฟน ๆ และได้กลับมาที่ฮ่องกงอีกครั้งครับ”
นอกจากโชว์สุดพิเศษที่หนุ่มๆ PERSES นำเพลงดังอย่าง “ห้ามขยับจับนะ (FREEZE)” พร้อมกับท่าเต้นที่ไวรัลกันทั่วบ้านทั่วเมืองไปอวดโฉมถึงฮ่องกงแล้ว ทางรายการ “Thailand Music Countdown” ยังเตรียมเซอร์ไพรส์ให้กับแฟนๆ อย่างต่อเนื่องกับวิดีโอบรรยากาศเบื้องหลังการถ่ายทำโชว์พิเศษที่ฮ่องกง รวมถึงบทสัมภาษณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟจากหนุ่ม ๆ “PERSES” ที่มาเล่าถึงประสบการณ์ใหม่ที่ได้รับจากการทำงานครั้งนี้ พร้อมแชร์ความประทับใจในเสน่ห์ของฮ่องกง บอกเลยว่างานนี้เหล่า PIECES ห้ามพลาด!

เตรียมรับชมโชว์สุดปัง และเบื้องหลังที่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน ของหนุ่มๆ PERSES ในฮ่องกง ที่รายการ Thailand Music Countdown ในวันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน 2568 เวลา 16.45 น. ทางช่อง 3HD (กด 33) และชมโชว์ย้อนหลังได้ทาง YouTube: Thailand Music Countdown และติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ Website: tmccountdown.com Facebook / Instagram / TikTok / X (Twitter): @tmccountdown
เนื่องในโอกาสครบรอบ 29 ปีของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย วัตสัน ผู้นำร้านเพื่อสุขภาพและความงามอันดับหนึ่งที่คนไทยไว้วางใจ จัดงานเฉลิมฉลองสุดยิ่งใหญ่ ผสานความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์สิ่งดีๆ เพื่อสังคมอย่างยั่งยืน ตอกย้ำจุดยืนในการเป็น "เพื่อนคู่ซี้" ที่อยู่เคียงข้างทุกคน สะท้อนวิสัยทัศน์ขององค์กรที่ให้ความสำคัญกับการเติบโตทางธุรกิจควบคู่ไปกับการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม
โดยงานฉลองครบรอบ 29 ปี ได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่นจากผู้เข้าร่วมงาน โดยมีศิลปิน ดารา เซเลบริตี้ชื่อดัง และคู่ค้าพันธมิตรเข้าร่วมงานกันคับคั่ง อาทิ วอร์ วนรัตน์, คิมเบอร์ลี่, ณิชา ณัฏฐณิชา, อแมนด้า ออบดัม, ต้าห์อู๋ พิทยา, ปราง กัญญ์ณรัณ, ก้อย อรัชพร, น้องแดน (ช่อง Cullen Hateberry), เชียร์ ฑิฆัมพร, แจ๊คกี้ จักริน วง TRINITY, ญดา นริลญา, วง Bamm, วง Empress และอีกมากมาย โดยบรรยากาศงานเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ความสุข และความประทับใจ ที่ผสมผสานความบันเทิงเข้ากับตัวตนของวัตสันอย่างลงตัว ทั้งแฟชั่นโชว์สุดพิเศษจากเหล่าดาราและเซเลบริตี้แถวหน้าของเมืองไทย การเปิดตัวยูนิฟอร์มใหม่ของพนักงาน ชูแนวคิด “WEAR YOUR STATEMENT” ให้ยูนิฟอร์มเป็นมากกว่าแค่ชุดทำงาน แต่คือการ “ใส่เพื่อเป็นตัวเอง” และมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินที่มาสร้างความสนุกสนาน

ความสำเร็จของการจัดงานในครั้งนี้ สะท้อนถึงการเติบโตที่แข็งแกร่งตลอด 29 ปีที่ผ่านมาของวัตสัน ประเทศไทย ทั้งในแง่ของการขยายสาขาที่ครอบคลุมทั่วประเทศกว่า 750 แห่ง และการเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้วัตสันสามารถยืนหยัดได้อย่างมั่นคง คือความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับลูกค้าที่เปรียบเสมือน “เพื่อนคู่ซี้” ที่เข้าใจทุกความต้องการ คอยให้คำปรึกษา แนะนำ และแบ่งปันสิ่งดีๆ เสมอมา

นวลพรรณ ชัยนาม กรรมการผู้จัดการ วัตสัน ประเทศไทย กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลา 29 ปีที่ผ่านมา วัตสันมุ่งมั่นที่จะเป็นเพื่อนคู่คิดในชีวิตประจำวันของทุกคนในเรื่องสุขภาพและความงาม เราภาคภูมิใจที่ได้เติบโตจากจุดเริ่มต้นเล็กๆ จนวันนี้เรามีกว่า 750 สาขาครอบคลุมทุกจังหวัด ด้วยความมุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า ทั้งการชอปปิงหน้าร้านและออนไลน์ และในโอกาสพิเศษนี้ เราเปิดตัวยูนิฟอร์มใหม่ที่พนักงานทุกคนมีส่วนร่วมในการออกแบบ เพื่อให้พวกเขารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งและเป็นตัวเองอย่างแท้จริง สอดคล้องกับความเชื่อของเราที่ว่าการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนจะต้องควบคู่ไปกับการสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดีในทุกมิติ ทั้งผู้คน โลก และผลิตภัณฑ์ของเรา โดยวัตสันจะยังคงมุ่งมั่นส่งมอบประสบการณ์ที่เหนือความคาดหมายเพื่อเติมรอยยิ้มให้กับลูกค้าและขอขอบคุณทุกท่านที่ให้ความไว้วางใจและสนับสนุนวัตสันมาตลอด 29 ปี”

ทั้งนี้ วัตสันยังใช้โอกาสพิเศษนี้ในการเดินหน้าพันธกิจเพื่อสังคม ผ่านความร่วมมือกับสมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ บ้านพักฉุกเฉิน ที่ทำต่อเนื่องทุกปีมานานกว่า 19 ปี ในกิจกรรมจำหน่ายตุ๊กตางู และการประมูลตุ๊กตางูขนาดใหญ่เพื่อการกุศลที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า แฟนคลับ และเหล่าพันธมิตร โดยรายได้จากกิจกรรมกว่า 500,000 บาท จะนำไปสมทบทุนช่วยเหลือและพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กและสตรีที่เปราะบางในสังคมต่อไป
การฉลองครบรอบ 29 ปี ในครั้งนี้ จึงเป็นเสมือนเครื่องยืนยันว่าวัตสัน พร้อมเติบโตไปกับลูกค้าและสังคม เพื่อสร้างสรรค์อนาคตที่ดีกว่าไปด้วยกันอย่างยั่งยืน
ติดตามไฮไลต์สุดพิเศษของงานได้ทางช่องทางโซเชียลมีเดียของวัตสัน ประเทศไทย ทั้ง Facebook: Watsons Thailand, X: @WatsonsThailand, Line Official @WatsonsTH หรือเว็บไซต์ Watsons.co.th รวมถึงแอป WatsonsTH ดาวน์โหลดได้ที่ Google Play Store และ App Store
เพียงได้ยินคำว่า “มะเร็ง” ไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับคนใกล้ชิด คนรู้จัก หรือกับคนมีชื่อเสียง อาจจะทำให้เกิดความรู้สึกได้หลากหลาย ทั้งตกใจ หวาดหวั่น หรือวิตกกังวล ทำให้หลายๆ คนต้องหันมาทบทวนแนวทางการดำเนินชีวิตของตนเองที่ผ่านมาว่ามีพฤติกรรมใดที่ก่อให้เกิดมะเร็งหรือไม่ หรืออีกเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน คือแนวทางการรักษาใหม่ๆ
องค์การอนามัยโลก (WHO) คาดการณ์ว่า จำนวนผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่ทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นจากปี พ.ศ. 2565 ประมาณร้อยละ 76 ภายใน 25 ปีข้างหน้า สำหรับประเทศไทย ข้อมูลในปี พ.ศ. 2562-2564 จากสถาบันมะเร็งแห่งชาติระบุว่าพบผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่เฉลี่ยประมาณ 140,000 ต่อปี และจากรายงานสถิติสาธารณสุขพบว่ามีผู้เสียชีวิตจากมะเร็งและเนื้องอกทุกชนิดเฉลี่ยประมาณ 84,000 คน ซึ่งโรคมะเร็งไม่ได้มีผลกระทบต่อผู้ป่วยเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังส่งกระทบถึงครอบครัวและสังคมรอบข้าง ทั้งในแง่ของร่างกาย จิตใจ ความสัมพันธ์ ไปจนถึงส่งผลกระทบด้านเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิต
“ภูมิคุ้มกันบำบัด” ทางเลือกใหม่ในการต่อสู้กับมะเร็ง
ในโลกของการแพทย์ที่เต็มไปด้วยความท้าทาย การรักษาโรคมะเร็งยังคงเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญที่นักวิจัยและบุคลากรทางการแพทย์ทั่วโลกมุ่งมั่นที่จะพัฒนา ด้วยความตั้งใจที่จะลดอัตราการเสียชีวิต ลดผลข้างเคียง และป้องกันการแพร่กระจายของมะเร็งหลายชนิดได้ หนึ่งในนวัตกรรมที่กำลังเป็นทางเลือกใหม่ คือ “ภูมิคุ้มกันบำบัด” หรือ Immunotherapy ซึ่งได้กลายมาเป็นแนวทางการรักษาที่พลิกโฉมการรักษามะเร็งในยุคปัจจุบัน
มาทำความรู้จักกับ “ระบบภูมิคุ้มกัน” ในร่างกายกันก่อน เพื่อที่จะเข้าใจวิธีการรักษาตามแนวทาง “ภูมิคุ้มกันบำบัด” ให้ดียิ่งขึ้น ระบบภูมิคุ้มกัน เกิดจากการทำงานร่วมกันของเซลล์ เนื้อเยื่อ อวัยวะ รวมถึงต่อมน้ำเหลือง ม้าม ต่อมไทมัส ต่อมทอนซิล ไขกระดูก และเซลล์เม็ดเลือดขาว ช่วยป้องกันร่างกายจากการติดเชื้อและต่อสู้กับเซลล์ที่ผิดปกติ เช่น เซลล์มะเร็ง โดยเมื่อมีเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายหรือมีเซลล์มะเร็งเกิดขึ้นในร่างกาย ระบบภูมิคุ้มกันจะทำหน้าที่ทำลายเชื้อโรคหรือเซลล์ที่ผิดปกติเหล่านั้น
“ภูมิคุ้มกันบำบัด” ใช้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายสู้กับมะเร็ง
ผศ.ดร.นพ.ลักษมันต์ ธรรมลิขิตกุลจากคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล อธิบายว่า “ภูมิคุ้มกันบำบัด เป็นหนึ่งในวิธีการรักษามะเร็ง โดยใช้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายมาเป็น “อาวุธ” ในการต่อสู้กับเซลล์มะเร็ง โดยธรรมชาติแล้ว ร่างกายของเรามีเซลล์เม็ดเลือดขาวทำหน้าที่หลักในการป้องกันสิ่งแปลกปลอม เซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญในกระบวนการนี้คือ ทีเซลล์ (T-cells) ซึ่งสามารถตรวจจับและทำลายเซลล์ที่ผิดปกติได้ รวมถึงเซลล์มะเร็งที่เกิดจากการกลายพันธุ์ของเซลล์ แต่เซลล์มะเร็งมีความซับซ้อนและชาญฉลาด เพราะมันสามารถหลบเลี่ยงการโจมตีของระบบภูมิคุ้มกันได้ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้มะเร็งสามารถเติบโตและแพร่กระจายในร่างกาย แต่ด้วยการค้นพบกลไกที่เซลล์มะเร็งใช้เพื่อหลบหลีกภูมิคุ้มกัน นักวิจัยจึงสามารถพัฒนาวิธีการรักษาแบบใหม่ที่ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้กลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกครั้ง”
ภูมิคุ้มกันบำบัดแตกต่างจากการรักษาอื่นอย่างไร
สิ่งที่ทำให้ภูมิคุ้มกันบำบัดแตกต่างจากการรักษามะเร็งแบบดั้งเดิม เช่น เคมีบำบัด หรือการฉายรังสี คือ ภูมิคุ้มกันบำบัดไม่ได้มุ่งทำลายเซลล์มะเร็งโดยตรง แต่จะกระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำหน้าที่นั้นแทน หนึ่งในรูปแบบของภูมิคุ้มกันบำบัดที่ได้รับความสนใจในขณะนี้คือ ยายับยั้งการทำงานของอิมมูนเช็คพอยต์ (Immune Checkpoint Inhibitors) ซึ่งเป็นกลุ่มยาที่ช่วยเปิดทางและเพิ่มศักยภาพให้เซลล์เม็ดเลือดขาวสามารถโจมตีเซลล์มะเร็งได้
ไขความลับของอิมมูนเช็คพอยต์ กุญแจสำคัญของการรักษา
โดยปกติ ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายมีอิมมูนเช็คพอยต์ (Immune Checkpoint) เป็นกลไกของร่างกายที่มีหน้าที่ควบคุมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน เพื่อป้องกันไม่ให้ภูมิคุ้มกันทำงานเกินความจำเป็น เช็คพอยต์ตัวสำคัญตัวหนึ่งชื่อ PD-1 อยู่บนผิวเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดทีเซลล์ (T-cells) ซึ่งสามารถจับกับ PD-L1 ที่อยู่บนเซลล์มะเร็ง เมื่อ PD-1 และ PD-L1 จับกันแล้วจะส่งสัญญาณยับยั้งทำให้เม็ดเลือดขาวชนิดนี้หยุดกำจัดเซลล์มะเร็ง เปรียบเสมือนการเหยียบเบรกทำให้ระบบภูมิคุ้มกันหยุดทำงาน
ดังนั้นนักวิทยาศาสตร์จึงคิดค้นยายับยั้งการทำงานของอิมมูนเช็คพอยต์ ซึ่งทำหน้าที่ขัดขวางไม่ให้ PD-1 และ PD-L1 จับกันได้ ทำให้เป็นการตัดสัญญาณยับยั้งการทำงานของเม็ดเลือดขาวชนิดทีเซลล์ จึงส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันทำหน้าที่กำจัดเซลล์มะเร็งได้
มีการศึกษาวิจัยทางการแพทย์จำนวนมากที่แสดงให้เห็นว่ายายับยั้งการทำงานของอิมมูนเช็คพอยต์นี้สามารถใช้เป็นยาเดี่ยว หรือใช้ร่วมกับการรักษามะเร็งรูปแบบอื่น ๆ เช่น ยาเคมีบำบัด ยามุ่งเป้า หรือการฉายรังสี ในการรักษามะเร็งหลากหลายชนิด เช่น มะเร็งปอด มะเร็งผิวหนังชนิดเมลาโนมา มะเร็งเต้านมที่ไม่มีตัวรับฮอร์โมนและไม่มีตัวรับเฮอร์ทู (ทริปเปิลเนกาทีฟ, triple negative) มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งตับ มะเร็งไต มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งปากมดลูก เป็นต้น ทั้งนี้ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคมะเร็งจะเป็นผู้พิจารณาเลือกชนิดและรูปแบบการของการใช้ยาให้เหมาะสมกับชนิดของมะเร็ง ระยะโรค และสภาพร่างกายของผู้ป่วย
ผลข้างเคียง สิ่งที่ควรรู้ก่อนเริ่มการรักษา
แม้ว่าภูมิคุ้มกันบำบัดจะเป็นทางเลือกใหม่ในการรักษามะเร็ง แต่ยานี้อาจมีผลข้างเคียงที่ผู้ป่วยควรทราบ ผลข้างเคียงเหล่านี้ส่วนใหญ่เกิดจากการที่ระบบภูมิคุ้มกันถูกกระตุ้นมากจนเกินไป ทำให้เกิดการอักเสบของอวัยวะต่าง ๆ เช่น ผิวหนังอักเสบทำให้มีผื่น ลำไส้อักเสบทำให้มีอาการท้องเสียหรือปวดท้อง ปอดอักเสบทำให้มีอาการไอหรือเหนื่อย ตับอักเสบทำให้มีค่าเอนไซม์ตับผิดปกติ ตัวเหลือง ตาเหลือง อ่อนเพลีย หรือระบบต่อมไร้ท่อทำงานผิดปกติ ทำให้ระดับฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง จนเกิดภาวะไทรอยด์เป็นพิษ ภาวะพร่องฮอร์โมนไทรอยด์ หรือภาวะพร่องฮอร์โมนจากต่อมหมวกไต เป็นต้น ซึ่งผลข้างเคียงเหล่านี้มีระดับความรุนแรงได้หลากหลาย ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการเพียงเล็กน้อย แต่ในบางราย อาจมีอาการรุนแรงทำให้แพทย์ต้องพิจารณาหยุดการรักษาชั่วคราว และให้การรักษาด้วยยากลุ่มสเตียรอยด์หรือยากดภูมิคุ้มกันเพื่อบรรเทาอาการ
ภูมิคุ้มกันบำบัด อีกทางเลือกที่น่าสนใจ
ภูมิคุ้มกันบำบัดเป็นการรักษามะเร็งรูปแบบหนึ่งที่ใช้การทำงานของร่างกายในการจัดการกับเซลล์มะเร็ง แม้ว่าจะยังไม่สามารถใช้ในการรักษามะเร็งได้ทุกชนิด และยังมีข้อจำกัดบางประการ แต่ความก้าวหน้าทางการแพทย์ในด้านนี้กำลังสร้างทางเลือกใหม่สำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็ง
ท้ายที่สุดแล้ว การรักษาโรคมะเร็งไม่ใช่เรื่องของการใช้เทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว แต่ยังเกี่ยวข้องกับการดูแลที่เหมาะสมและการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อเลือกใช้แนวทางที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยแต่ละราย เพราะทุกคนมีเส้นทางการรักษาที่แตกต่างกัน และการร่วมมือกันระหว่างผู้ป่วย ครอบครัว และทีมแพทย์คือกุญแจสำคัญในการเอาชนะโรคร้ายนี้
ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านไลฟ์สไตล์และแฟชั่นระดับโลก โดยร่วมกับ สถานเอกอัครราชทูตอิตาลีประจำประเทศไทย และ สำนักงานพาณิชย์อิตาเลียนประจำประเทศไทย (ITA) จัดงานยิ่งใหญ่แห่งปี "Central Dolce Italia" มหกรรมที่ร่วมเฉลิมฉลองวัฒนธรรมของอิตาลี รวมที่สุดของแบรนด์และสินค้ากว่า 72 แบรนด์ ที่คัดสรรมาแล้วอย่างพิถีพิถัน นำเสนอสุดยอดแห่งแฟชั่น เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า เครื่องประดับ เครื่องสำอาง น้ำหอม และของตกแต่งบ้านสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ส่งตรงมาให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์ช้อปสินค้า 'Made in Italy' คุณภาพเยี่ยมที่โดดเด่นด้านดีไซน์และรสนิยมอันเป็นเอกลักษณ์ เสมือนช้อปอยู่ที่ประเทศอิตาลี
มหกรรม Central Dolce Italia ตกแต่งในคอนเซ็ปต์ "A Celebration of Italian Excellence" ถ่ายทอดมนต์เสน่ห์เมืองริมทะเล พร้อมบูธในดีไซน์เรืออิตาเลียนที่บรรทุกสินค้าคุณภาพส่งตรงมาที่งาน ให้เหล่านักช้อปได้อัปเดตเทรนด์ล่าสุด และดื่มด่ำกับประสบการณ์ช้อปปิ้งสไตล์อิตาเลียนแท้ พร้อมกิจกรรมสุดพิเศษ โปรโมชั่นเหนือระดับและของขวัญพรีเมียมที่รังสรรค์ขึ้นเพื่อเติมเต็มประสบการณ์แห่งความอิตาเลียนให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น อาทิ การขับร้องเพลงโอเปร่าและดนตรีสดสไตล์อิตาเลียน การสาธิตทำอาหาร และเวิร์กช็อป รวมถึงโปรโมชั่นจากแบรนด์ชั้นนำเฉพาะงานนี้ และในปีนี้ยังเป็นครั้งแรกที่ Dolce Italia ขยายการจัดงานไปยังภูมิภาค ทั้งภาคเหนือและภาคใต้ มุ่งเน้นให้กลุ่มเป้าหมายทั้งลูกค้าท้องถิ่น และชาวต่างชาติได้สัมผัสเสน่ห์สินค้าและแบรนด์อิตาลีอย่างใกล้ชิดไปจนถึงเดือนตุลาคม ณ ห้างเซ็นทรัล เชียงใหม่ และห้างเซ็นทรัล ภูเก็ต
เปาลา กีดา ข้าหลวงพาณิชย์ ประจำสำนักงานพาณิชย์อิตาเลียนประจำประเทศไทย (ฝ่ายส่งเสริมการค้าแห่งสถานทูตอิตาลีประจำประเทศไทย) กล่าวถึงบทบาทสำคัญของ ITA ในการส่งเสริมภาพลักษณ์ของ "Made in Italy" ว่า "สำนักงานพาณิชย์อิตาเลียนมุ่งมั่นที่จะสร้างการรับรู้ถึงคุณภาพ ความคิดสร้างสรรค์ และเอกลักษณ์ของสินค้าอิตาลีในกลุ่มผู้บริโภคไทย การจัดงาน Central Dolce Italia ร่วมกับห้างเซ็นทรัลในปีนี้ จึงสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเราในการผลักดันสินค้าอิตาลีให้เป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง หลังจากความสำเร็จอย่างสูงในปี 2566 เราตั้งเป้าที่จะเชื่อมโยงลูกค้าไทยกับแบรนด์อิตาลีระดับโลก กระตุ้นการจับจ่ายและสร้างประสบการณ์ที่เข้าถึงวัฒนธรรมอิตาลีอย่างแท้จริง งานในปีนี้ได้ขยายขอบเขตการนำเสนอสินค้าอิตาลีให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ทั้งในกลุ่มแฟชั่น แว่นตา เครื่องสำอาง ของตกแต่งบ้าน และไลฟ์สไตล์ที่สะท้อนถึงความงดงามของงานฝีมือและนวัตกรรมอิตาเลียน ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มการเติบโตของนักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางไปอิตาลีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงและนิยมเลือกซื้อสินค้าคุณภาพจากอิตาลี"

ธาพิดา นรพัลลภ กรรมการผู้จัดการฝ่ายบริหารสินค้าออมนิชาแนล กลุ่มห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ในเครือเซ็นทรัลรีเทล เผยถึงความยินดีในการสานต่อความร่วมมือครั้งสำคัญนี้ว่า "เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้สานต่อความร่วมมือกับสำนักงานพาณิชย์อิตาเลียน ด้วยการจัดงาน Central Dolce Italia ขึ้นอีกครั้งในปีนี้ ซึ่งเป็นปีที่ 3 และได้รับผลตอบรับที่ดีมาตลอดจากลูกค้า สะท้อนวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ของเราในการขับเคลื่อนห้างเซ็นทรัล สู่การเป็นแฟชั่นเดสติเนชั่นระดับโลก งานนี้ไม่เพียงแต่รวบรวมที่สุดของแบรนด์อิตาลีและประสบการณ์ช้อปปิ้งสุดเอ็กซ์คลูซีฟ แต่ยังตอกย้ำบทบาทของเราในฐานะผู้นำตลาดค้าปลีก ที่มีส่วนผลักดันประเทศไทยสู่การเป็น Global Shopping Destination ผ่านการสร้างสรรค์ประสบการณ์ช้อปปิ้งรูปแบบใหม่ ที่ผสานศิลปะ นวัตกรรม และวัฒนธรรมเข้าด้วยกันอย่างลงตัว โดยเฉพาะพลังของ 'แบรนด์อิตาเลียน' ที่ขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพ ความหรูหรา งานฝีมือ และการใส่ใจในรายละเอียด มาเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญในการสร้างความแตกต่างให้กับห้างเซ็นทรัล"
“ระหว่างปี 2021–2024 การนำเข้าสินค้าแฟชั่นและเครื่องหนังจากอิตาลีเติบโตเฉลี่ยสูงถึง 45.7% ต่อปี สะท้อนให้เห็นว่าลูกค้ามองหาสินค้าที่มีเอกลักษณ์และรสนิยม ไม่เพียงชื่อเสียงของแบรนด์ แต่รวมถึงเรื่องราว ความเป็นมา คุณภาพวัสดุ และงานฝีมือที่สะท้อนตัวตน ห้างเซ็นทรัลจึงพิถีพิถันคัดสรรแบรนด์อิตาลีที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และความต้องการสินค้าพรีเมียมของลูกค้าอย่างรอบด้าน ในปีที่ผ่านมา (2024) เราได้ต่อยอดความแข็งแกร่งของพอร์ตแบรนด์อิตาเลียนให้เติบโตมากถึง 79% ด้วยการเสริมทัพแบรนด์ไฮเอนด์ระดับโลก อาทิ Miu Miu, Gucci, Bvlgari, Prada และ Fendi ให้ครอบคลุมความต้องการของลูกค้ามากขึ้น พร้อมยกระดับความร่วมมือกับสำนักงานพาณิชย์อิตาเลียนประจำประเทศไทย (ITA) ด้วยการเปิดตัว 5 แบรนด์ใหม่วางขายในประเทศไทยเป็นครั้งแรก ได้แก่ Manebi, Mauna-Kea, Prosperine, Arcadia และ Iuri ซึ่งสะท้อนพลังของพันธมิตรและความมุ่งมั่นร่วมกันในการมอบประสบการณ์อิตาเลียนแท้ให้กับลูกค้าชาวไทย การเสริมทัพครั้งนี้ไม่เพียงเพิ่มความหลากหลายของสินค้า แต่ยังเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการผลักดันยอดขายกลุ่มสินค้าอิตาลีให้เติบโต ตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มลักซ์ชัวรีโดยตรง เราเชื่อมั่นว่า Central Dolce Italia ซึ่งรวบรวมทั้งแบรนด์ระดับโลกและบูทีคแบรนด์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน Made in Italy ไว้ในที่เดียว จะมอบโอกาสให้ลูกค้าชาวไทยได้สัมผัสเสน่ห์และความประทับใจของประสบการณ์อิตาลีอย่างแท้จริง” ธาพิดา กล่าวเสริม
ภายในงาน พบกับการรวมตัวของแบรนด์อิตาเลียนครอบคลุมทุกหมวดหมู่ ตั้งแต่แฟชั่น บิวตี้ และของตกแต่งบ้าน โดยแบ่งออกเป็นประเภทต่าง ๆ ดังนี้
พลาดไม่ได้ในวันที่ 3 ก.ย. กับแฟชั่นโชว์จากแบรนด์ Barrow, C.P. Company, Diesel, Emilio Pucci, Emporio Armani, Emporio Armani Junior, Missoni, Moschino Kids, Pierre-Louis Mascia, Versace Kids, Weekend MaxMara และเมคอัพจากแบรนด์ Armani Beauty และ Gucci Beauty สัมผัสประสบการณ์ภายในงานด้วยไวน์รสเลิศจาก Tops Wine Cellar, Malfy Gin จากอิตาลี และกาแฟสกัดเย็นเสิร์ฟโดย De’Longhi
เพลิดเพลินกับกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งเวิร์กช็อป งานคราฟท์ อาหาร ไลฟ์สไตล์ และกิจกรรมสุดพิเศษ A TASTE OF LA DOLCE VITA ที่จะจัดขึ้นเป็นครั้งแรก! ณ Luxe Galerie ห้างเซ็นทรัลชิดลม ชั้น 1 ระหว่างวันที่ 3 ถึง 7 กันยายน 2025 มาร่วมเปิดประสบการณ์แห่งรสชาติอิตาเลียนในบรรยากาศสุดหรูใจกลางกรุงเทพฯ ให้เหล่านักช้อปร่วมดื่มด่ำรสชาติแห่งอิตาลีในบรรยากาศสุดหรู และเพลิดเพลินกับการชิมไวน์และเครื่องดื่มชั้นเลิศจากอิตาลี โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายตลอดงาน และพลาดไม่ได้กับ Mozza Aperitivo Happy Hour ที่พร้อมเสิร์ฟความสดชื่นและรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของอิตาลีให้ได้ลิ้มลอง ตั้งแต่เวลา 17:00 – 20:00 น. และสัมผัสเมนู Italiano Americano จาก %Arabica Bar ที่รังสรรค์พิเศษเฉพาะงานนี้เท่านั้น พร้อมเสิร์ฟให้ได้ลิ้มลองตั้งแต่เวลา 17:00 – 22:00 น. และตลอดเดือนกันยายนนี้ เตรียมพบกับประสบการณ์สุดพิเศษที่ผสานแฟชั่น ความงาม ไลฟ์สไตล์ และรสชาติระดับสากลไว้ในที่เดียว ณ ห้างเซ็นทรัลชิดลม หลากหลายกิจกรรมรอให้คุณมาสัมผัส ตั้งแต่เวิร์กช็อปสุดเอ็กซ์คลูซีฟ การแสดงดนตรีสด ไปจนถึงเมนูและบริการพิเศษจากแบรนด์ชั้นนำระดับโลก
ร่วมเปิดประสบการณ์ใหม่ในการเลือกสรรสินค้าอิตาลีคุณภาพเยี่ยม พร้อมอัปเดตเทรนด์แฟชั่นล่าสุดจากแบรนด์ชั้นนำ และเพลิดเพลินไปกับกิจกรรมสุดพิเศษที่จัดเต็มทั้งความสนุกและความหรูหรา ในงาน Central Dolce Italia ซึ่งจะจัดขึ้นใน 3 พื้นที่หลักทั่วประเทศ เริ่มต้นที่กรุงเทพฯ ณ ห้างเซ็นทรัลชิดลม ระหว่างวันที่ 3 - 30 กันยายน 2568 ต่อด้วยกิจกรรม Dolce Italia ที่ภาคเหนือ ณ ห้างเซ็นทรัล เชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 10 - 16 ตุลาคม 2568 และปิดท้ายที่ ห้างเซ็นทรัล ภูเก็ต ระหว่างวันที่ 24 - 31 ตุลาคม 2568
พิเศษ! เมื่อช้อปสินค้าแบรนด์อิตาเลียนที่ร่วมรายการภายในงานครบ 10,000 บาท หรือตามเงื่อนไขที่กำหนด รับทันที แก้วกาแฟเอสเปรสโซคัพเซตสุดพรีเมียม หรือช้อปครบ 5,000 บาท รับกระเป๋า Dolce Italia เป็นของสมนาคุณพิเศษเพื่อเติมเต็มบรรยากาศสไตล์อิตาเลียนให้ครบทุกอรรถรส ระหว่างวันที่ 3 กันยายน - 31 ตุลาคม 2568 พร้อมช้อปสะดวกผ่านทุกช่องทางออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น CENTRAL APP, เว็บไซต์ www.central.co.th, ช้อปผ่านบริการ Central Chat & Shop บนแพลตฟอร์ม Line @centralofficial, รวมถึงช้อปผ่าน Central Facebook Live และ Facebook Inbox ที่ facebook.com/CentralDepartmentStore
ไฮไลต์กิจกรรมพิเศษตลอดทั้งเดือนกันยายน ณ ห้างเซ็นทรัลชิดลม
เดินหน้าต่อยอด สร้างมูลค่า เสริมความแกร่งผู้ประกอบการไทย 4 ภาคสู่ระดับสากลด้วยชุดแบรนด์ดิ้งสำเร็จรูป ผสานอัตลักษณ์ท้องถิ่นไทยร่วมสมัย เปิดให้ดาวน์โหลดฟรี !
สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA ต่อยอดความสำเร็จ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เปิดตัว “โครงการแบรนดิ้งผลิตภัณฑ์ 4 ภูมิภาค ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ไทย” (Branding 4 Regions) สำหรับผู้ประกอบการไทยทั่วประเทศ ทั้ง กลาง อีสาน เหนือ ใต้ วางรากฐาน ยกระดับสินค้า สร้างมูลค่าเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันในตลาดโลก ด้วยกลยุทธ์ Creative Ecosystem อย่างเป็นระบบ พร้อมมอบองค์ความรู้ในการพัฒนาศักยภาพธุรกิจ ด้วยชุดสร้างแบรนดิ้งสำเร็จรูปพร้อมใช้งาน (Regional Branding Kit) สะท้อนอัตลักษณ์ท้องถิ่นร่วมสมัย ประกอบไปด้วย ธีมและคอนเซ็ปต์ บอกเล่าเรื่องราวของแบรนด์ในแต่ละภูมิภาค รวมไปถึงแนวทางการสร้างสรรค์โลโก้ โทนสีหลัก ฟ้อนต์ และมีเทมเพลตพื้นฐาน สำหรับนำไปพัฒนา ประยุกต์ใช้กับสินค้า การบริการ และการสื่อสารอัตลักษณ์ของแบรนด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ บรรจุภัณฑ์ แผ่นรองแก้ว ถุงกระดาษ เทปกาว ปลอกหุ้มแก้ว ซองตะเกียบ เป็นต้น ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ฟรี แบบไม่มีค่าใช้จ่าย ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

คุณอาสา ผิวขำ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาธุรกิจและนวัตกรรม จาก CEA กล่าวว่า ปัจจุบัน อุตสาหกรรมสร้างสรรค์เป็นหนึ่งในกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย และมีแนวโน้มที่จะทวีความสำคัญขึ้นเรื่อย ๆ ตัวเลขมูลค่าของอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ยังสะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี พ.ศ. 2566 อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ 15 สาขาของไทยมีมูลค่ารวมสูงถึง 1.44 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 8.01% ของ GDP ประเทศ และก่อให้เกิดการจ้างงานเกือบ 1 ล้านคน โดยในปี 2567 ผู้ประกอบที่เข้าร่วมโครงการของ CEA มีรายได้เฉลี่ยเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 30% จากการเข้าร่วมอบรมกิจกรรมเพื่อยกระดับธุรกิจสร้างสรรค์ พร้อมตั้งเป้าผลักดันอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ให้เติบโตขึ้นอีก 5% ภายในปี 2570 มุ่งเสริมขีดความสามารถทางการแข่งขันในตลาดโลก

“มูลค่าของอุตสาหกรรมสร้างสรรค์เติบโตขึ้น ปัจจัยหลักมาจากกลยุทธ์การขับเคลื่อน Creative Ecosystem ที่เกิดขึ้นอย่างมีระบบและเป็นรูปธรรม ทั้งการพัฒนา ‘คน’ (Creative Professional), ‘อุตสาหกรรมและธุรกิจสร้างสรรค์’ (Creative Industry & Creative Business) และ ‘พื้นที่’ (Creative Place) โดย CEA ให้ความสำคัญกับการลงทุนในคน ให้มีทักษะและมุมมองเชิงกลยุทธ์ที่ทันต่อเทรนด์ การตลาด มี know-how หรือรู้วิธีการนำความคิดสร้างสรรค์ไปต่อยอดให้กับธุรกิจ ซึ่งต้องทำควบคู่ไปกับการยกระดับศักยภาพธุรกิจสร้างสรรค์ไทยให้ผู้ประกอบการไทยในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ทั้งภาคการผลิตและบริการ มีการเชื่อมโยงโอกาสใหม่ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ พร้อมกันนี้ต้องเสริมทางด้านกายภาพให้กับเมืองต่าง ๆ สามารถรองรับการมาถึงของโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ให้พลังของทุนวัฒนธรรมขับเคลื่อนเมืองสร้างสรรค์เติบโตอย่างมีทิศทาง ซึ่ง CEA ขับเคลื่อน 3 องค์ประกอบนี้ ก่อให้เกิดการเติบโตที่ส่งเสริมกัน”
ด้านคุณภควัต วงศ์ไทย นักพัฒนากลยุทธ์ธุรกิจและนวัตกรรมอาวุโส เผยว่า ชุดแบรนดิ้งสำเร็จรูป(Regional Branding Kit) เปรียบเสมือนชุดเครื่องมือพร้อมใช้ สำหรับการเริ่มต้นสร้างแบรนด์ ที่ผ่านกระบวนการสร้างสรรค์โดยนักออกแบบที่ทำงานร่วมกับพื้นที่ สะท้อนอัตลักษณ์ท้องถิ่นอย่างร่วมสมัย ครอบคลุมทั้งภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน และภาคใต้ พร้อมให้ผู้ประกอบการ นักออกแบบ และภาคธุรกิจนำไปต่อยอดพัฒนาแบรนดิ้งให้กับสินค้าและบริการได้อย่างสะดวกมากขึ้น

“CEA เข้าใจว่าการทำแบรนดิ้งไม่ใช่เรื่องง่ายและไม่ใช่ผู้ประกอบการทุกท่านที่มีความพร้อมในการทำแบรนดิ้ง ไม่ว่าจะเป็น ข้อจำกัดเรื่องทุน เวลา หรือความรู้ความเข้าใจ ดังนั้นโครงการ Branding 4 Regions จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ช่วยวางรากฐาน ทำให้ผู้ประกอบการเข้าใจและกล้าที่จะเริ่มต้นสร้างแบรนด์ด้วยการหยิบจับเทมเพลตนี้มาปรับให้เข้ากับธุรกิจ สินค้า หรือบริการของตนให้แข็งแรงยิ่งขึ้น และยังช่วยสะท้อนอัตลักษณ์ของแต่ละภูมิภาค ให้เด่นชัดขึ้นอีกด้วย”
คุณภควัต ยังกล่าวเพิ่มเติมถึงความสะดวกในการใช้งานอีกว่า “ชุดแบรนดิ้งดังกล่าวนี้ถูกออกแบบมาให้นำไปประยุกต์ใช้ได้ง่าย ไม่ซับซ้อน โดยผู้ประกอบการสามารถนำข้อมูลในชุดแบรนดิ้งสำเร็จรูปนี้ไปช่วยพัฒนาโลโก้, รูปภาพการสื่อสารต่าง ๆ เพื่อการขาย การพัฒนาสินค้าและบริการ รวมถึงกระบวนการอื่น ๆ อีกมากมายในการสร้างแบรนด์ ช่วยให้ผู้ประกอบการที่ไม่มีความเชี่ยวชาญเรื่องดีไซน์ ไม่มีทุนที่จะไปจ้างดีไซเนอร์ สามารถทดลอง และนำเอาชุดแบรนดิ้งสำเร็จรูปนี้ไปใช้ได้อย่างง่ายดายและเกิดประโยชน์จริง”
แบรนดิ้งผลิตภัณฑ์ 4 ภูมิภาค : สะพานเชื่อมทุนวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ท้องถิ่นกับความคิดสร้างสรรค์ระดับโลก ถ่ายทอดรากวัฒนธรรม วิถีชีวิต และประวัติศาสตร์ท้องถิ่นแบบร่วมสมัย เหมาะสำหรับการต่อยอดสู่สินค้า บริการ การท่องเที่ยว และอุตสาหกรรมเชิงสร้างสรรค์ พร้อมเปิดให้ผู้ประกอบการ ภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้สนใจดาวน์โหลดได้ฟรี เพื่อใช้เป็นเครื่องมือสร้างแบรนดิ้งพร้อมใช้ ให้คุณได้มีคู่มือในการพัฒนาศักยภาพธุรกิจ และร่วมกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ให้เติบโตอย่างยั่งยืน
ดาวน์โหลดฟรีได้แล้ววันนี้ ….
Regional Branding Kit :
https://www.cea.or.th/storage/app/media/Project-pdf/FINAL_E-book_Regional_branding_kit.pdf
--
รายละเอียดโครงการเพิ่มเติม
บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต นำโดย คุณพรศักดิ์ สุวรรณทรรภ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายตัวแทน (คนที่ 4 แถวหลัง) นำกองทัพสุดยอดตัวแทน 130 ท่าน เข้ารับรางวัลอันทรงเกียรติ ในงาน GAMA Awards 2025 ซึ่งจัดขึ้นโดย สมาคมผู้บริหารธุรกิจประกันชีวิตและที่ปรึกษาการเงิน (General Agent & Manager Association Thailand) โดยสุดยอดตัวแทนของกรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต สามารถคว้า 4 สาขารางวัล ประกอบด้วย 1. สาขา Excellence Recruitment Award 2. สาขารางวัล Frontline Leader Award 3. สาขารางวัล International Management Award และ 4. สาขารางวัล Master Agency Award & Master Firm Award ณ ห้อง รอยัล จูบิลี่ บอลรูม อิมแพ็ค เมืองทองธานี
สำหรับรางวัล GAMA Awards เป็นรางวัลเพื่อเชิดชูเกียรติผู้นำผู้สร้างแรงบันดาลใจ และพัฒนาทีมที่ปรึกษาการเงินให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยรางวัลดังกล่าวนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจ และเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้กับตัวแทนของบริษัทฯ ในการสร้างผลงานที่มีมาตรฐาน พร้อมยกระดับให้ฝ่ายขายประสบความสำเร็จในอาชีพตั้งแต่เริ่มต้น จนก้าวสู่การเป็นนักขายมืออาชีพ ตามนโยบายหลักของบริษัทฯ ที่พร้อมอยู่เคียงข้างทุกความเชื่อมั่น ดูแลกันตลอดไป
ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่สนใจร่วมงานเป็นตัวแทนกับบริษัทฯ สามารถติดต่อได้ที่ สำนักงานตัวแทนใกล้บ้านท่าน หรือ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร 1159
ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี สร้างการเปลี่ยนแปลงชีวิตทุกวันให้อัศจรรย์ได้จริง ด้วยการเปลี่ยนการใช้จ่ายในทุกวันให้ได้เงินคืนกับบัตรเดบิต ttb all free Disney โดยชวนน้อง “คิ้วท์ อนงค์นาถ ยูสานนท์” มาร่วมส่งความสดใสแจกความคิวท์ผ่าน 4 คอลฮิตมาแรงของบัตรเดบิต ttb all free Disney ทั้งลายหน้าบัตรสโนวไวท์ ซินเดอเรลล่า เอลซ่า และแอเรี่ยล ที่นอกจากจะมากับความน่ารักของตัวละครดิสนีย์แล้ว ยังส่งมอบความคุ้มค่าจากการใช้จ่ายผ่านบัตรกับสิทธิประโยชน์ที่คุ้มค่าในทุกวัน


บัตรเดบิตเดียวที่ให้สิทธิประโยชน์สุดคุ้ม ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ ทั้งกิน ช้อป ท่องเที่ยว และความบันเทิง ที่จะยกระดับประสบการณ์การใช้จ่ายในทุก ๆ วัน เพื่อให้ลูกค้าใช้ชีวิตได้อย่างอัศจรรย์กับสิทธิประโยชน์มากมายเหนือใครจากทีทีบี และพันธมิตร ทั้งนี้ สามารถสมัครบัตรเดบิต ttb all free Disney ได้ง่าย ๆ ได้ด้วยตนเองทางแอป ทีทีบี ทัช เว็บไซต์ทีทีบี หรือ ทีทีบีทุกสาขา ซึ่งมีให้เลือกมากถึง 12 ลายหน้าบัตรจากคาแรกเตอร์ดังของดิสนีย์ อาทิ Disney, Pixar, Marvel and Star Wars รายละเอียดสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมสามารถดูได้ที่ https://www.ttbbank.com/th/personal/deposits/debit-card/ttb-all-free-disney-debit-cards
“บัตรบลูเครดิตการ์ด (Blue Credit Card)” บัตรเครดิตร่วมระหว่างธนาคารกสิกรไทย กับ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เพิ่มความคุ้มค่า 2 ต่อ เมื่อเติมน้ำมัน ณ สถานีบริการ พีทีที สเตชัน และจ่ายด้วยบัตรบลูเครดิตการ์ด
คุ้ม 1 รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 4%* โดยไม่ต้องใช้คะแนนแลก
(จำกัด 3 สิทธิ/ท่าน/เดือน รวมสูงสุด 120 บาท/ท่าน/เดือน)
คุ้ม 2 ใช้คะแนนสะสม K Point ทุก 500 คะแนน แลกรับส่วนลดค่าน้ำมัน 100 บาท
ลงทะเบียนรับสิทธิ์เครดิตเงินคืนก่อนใช้จ่ายด้วยบัตรบลูเครดิตการ์ดครั้งแรก เพียงครั้งเดียว โดยส่ง SMS พิมพ์ BLCB เว้นวรรค ตามด้วยหมายเลขบัตร 12 หลักสุดท้าย ส่งมาที่ 4545888 (ค่าบริการขึ้นกับผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ) หรือลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ที่ www.kasikornbank.com/k_bluepromo เริ่มตั้งแต่ 1 กันยายน 2568 – 31 ธันวาคม 2568
นอกจากนี้ผู้ถือบัตรยังสามารถรับสิทธิประโยชน์อื่น ๆ ในการใช้จ่ายจากบัตรบลูเครดิตการ์ด* ได้แก่
ผู้สนใจสามารถสมัครบัตรบลูเครดิตการ์ด ได้ผ่าน K PLUS, เว็บไซต์ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา *ศึกษารายละเอียด ข้อจำกัด เงื่อนไขเพิ่มเติมที่ www.kasikornbank.com/k_bluepromo
*ใช้เท่าที่จำเป็น และชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี
นางบุญรักษ์ อุดมอิทธิพงศ์ รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กลุ่มทรัพยากรบุคคล ในฐานะผู้แทนรองประธานกรรมการสมาคมฯ เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ ครั้งที่ 3/2568 โดยมีนายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ในฐานะประธานกรรมการสมาคมสถาบันการเงินของรัฐเป็นประธาน ซึ่งในการประชุมมีวาระสำคัญ อาทิ กรอบทิศทางการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์สมาคมฯ ปี 2569 - 2571 โครงการยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงานของสมาคมฯ ตลอดจนรายงานผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการทั้ง 7 ด้าน ประจำไตรมาส 2/2568 รายงานความคืบหน้าแนวทางป้องกันภัยทางการเงิน Frauds SMEs Loan และการแต่งตั้งนายวรณัฐ สุโฆษสมิต ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสมาคมฯ คนใหม่ โดยมีบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ณ อาคาร 150 ปี กระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2568