

บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด เดินหน้ากลยุทธ์ปรับภาพลักษณ์แบรนด์ผ่านช่องทางรีเทลอย่างจริงจัง ล่าสุดเปิดตัว Toshiba Flagship Store ใหม่ อย่างเป็นทางการ ภายใต้การนำของนางสาวเสาวณีย์ สิราริยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) โชว์นวัตกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยสะท้อนแนวคิด Smart Living Experience เพิ่มประสบการณ์สุดพรีเมียมให้ผู้บริโภคได้สัมผัสอย่างเป็นรูปธรรม
นางสาวเสาวณีย์ สิราริยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด กล่าวถึงแนวคิดการเปิด Toshiba Flagship Store ว่า “หลังจากเข้ารับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทฯ ดิฉันมีความตั้งใจในการขับเคลื่อนธุรกิจอย่างมั่นคงและยั่งยืน ในยุคที่โลกออนไลน์และออฟไลน์ ต้องทำงานร่วมกันอย่างไร้รอยต่อ เพื่อสร้างสมดุลระหว่างประสบการณ์ในโลกจริงและดิจิทัล (omni‑channel) และเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคในระดับลึก จึงได้ประเดิมเปิดตัว Toshiba Flagship Store แห่งใหม่ที่โฮมโปร สาขาฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต เพื่อเป็นศูนย์รวมเครื่องใช้ไฟฟ้าโตชิบาแบบครบวงจร การเปิด Flagship Store ครั้งนี้ เป็นมากกว่าการปรับโฉมหน้าร้าน แต่คือหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญในการยกระดับการเชื่อมต่อกับผู้บริโภคภายใต้แนวคิด Customer-Centric Retail Strategy เราเชื่อว่าพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ไม่ได้มองหาแค่สินค้า แต่ต้องการแบรนด์ที่เข้าใจและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์อย่างรอบด้าน Flagship Store ใหม่นี้จึงออกแบบมาเพื่อให้เป็นพื้นที่ที่ลูกค้าสามารถสัมผัสได้ถึงคุณค่าของแบรนด์ผ่านประสบการณ์ Smart Living ที่แท้จริง ทั้งในด้านออกแบบ (Design) คุณภาพ (Quality) ความน่าเชื่อถือ (Trust) และความใส่ใจในทุกรายละเอียด (Detail) ซึ่งจะกลายเป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของแบรนด์ในอนาคต เพื่อก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในไทย”

Toshiba Flagship Store แห่งนี้ออกแบบให้สะท้อนตัวตนของแบรนด์ผ่านพื้นที่หลากหลายโซน ไม่ได้เป็นเพียงโชว์สินค้า แต่คือการถ่ายทอดประสบการณ์การใช้ชีวิตที่ลงตัว มีพื้นที่สาธิตการทำอาหาร ทดลองใช้งานจริง และแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจในการออกแบบที่มอบทั้งความปลอดภัย ความสะดวก และความสวยงาม โดยแบ่งเป็นโซนต่าง ๆ ได้แก่:

“ในฐานะผู้นำคนใหม่ ดิฉันมุ่งมั่นที่จะพาโตชิบาก้าวสู่การเป็นแบรนด์ที่แข็งแรงทั้งในด้านนวัตกรรมและความเชื่อมั่นในใจผู้บริโภคไทย การเปิด Flagship Store ใหม่นี้ จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการสื่อสารบทใหม่ของแบรนด์ ที่ไม่เพียงตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ ยกระดับภาพลักษณ์หรือสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังเป็นการวางรากฐานสำคัญในการสร้าง Brand Loyalty ให้เกิดขึ้นในใจลูกค้า และสร้างคุณค่าระยะยาวผ่านการใส่ใจในทุกประสบการณ์ที่ลูกค้าสัมผัสได้จริง เราจะยังคงเดินหน้าพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง ภายใต้ปรัชญาของโตชิบา ‘นำสิ่งที่ดีสู่ชีวิต’ เพื่อเป็นแบรนด์ที่เข้าใจและเติบโตไปพร้อมกับชีวิตของพวกเขาอย่างแท้จริง” นางสาวเสาวนีย์ กล่าวทิ้งท้าย
สัมผัสประสบการณ์ Smart Living แบบครบวงจรได้แล้ววันนี้ที่ Toshiba Flagship Store ชั้น 2 HomePro สาขาฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม www.facebook.com/ToshibaLifestyleThailand
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญที่ภาคธุรกิจทั่วโลกให้ความสำคัญมากขึ้น ศักยภาพในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมีบทบาทต่อการรักษาและเพิ่มขีดความสามารถของสินค้าไทย ในฐานะผู้ส่งออกอาหารไปในกว่า 50 ประเทศทั่วโลก บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ จึงเดินหน้าสร้างการมีส่วนร่วมในห่วงโซ่คุณค่าเปลี่ยนผ่านไปสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net-Zero) และจับมือคู่ค้าผู้ผลิตวัตถุดิบหลักและบรรจุภัณฑ์อาหารร่วมเรียนรู้การประเมิน “คาร์บอนฟุตพริ้นท์” จากผู้เชี่ยวชาญขององค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.)
คู่ค้าจะได้รู้วิธีคำนวณและประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อกำหนดแนวทางการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จากการปรับปรุงกระบวนการผลิต การบริหารจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และการจัดการของเสียอย่างเหมาะสม เพื่อยกระดับมาตรฐานการดำเนินงาน ต่อยอดพัฒนาสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับเป้าหมายความยั่งยืน รองรับมาตรฐานการค้าโลก และขยายโอกาสเติบโตของธุรกิจ

ณัชพล ศรีโพธิ์เผือก ฝ่ายขายและการตลาด บริษัท ไดอะ เมอร์แชนไดส์ จำกัด ผู้จำหน่ายแป้งมันสำปะหลัง มองว่า โลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การปรับตัวของผู้ประกอบการจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะการปรับปรุงกระบวนการผลิต การจัดการของเสีย และการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งไม่เพียงช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก แต่ยังเพิ่มคุณค่าให้กับผลิตภัณฑ์ของบริษัท ทำให้สินค้าของบริษัทตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าและผู้บริโภคยุคใหม่

ด้าน หิรัญญา วงศ์จิรัฐิติกาล กรรมการบริหาร บริษัท วงศ์เอกอุตสากรรม จำกัด ผู้ผลิตฉลากและบรรจุภัณฑ์อาหาร กล่าวว่า คาร์บอนฟุตพริ้นท์เป็นสิ่งที่ต้องทำไม่ใช่ทางเลือกเพราะมีผลโดยตรงต่อการดำเนินธุรกิจในระยะยาว โดยเฉพาะลดต้นทุน ผ่านการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ การจัดการของเสีย และระบบโลจิสติกส์ที่รับผิดชอบ เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเมื่อผสานแนวทางการจัดการคาร์บอนเข้ากับหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนที่เป็นแนวโน้มสำคัญของการดำเนินธุรกิจในอนาคตแล้วนั้น นอกจากจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกแล้ว ยังส่งเสริมภาพลักษณ์องค์กร เปิดโอกาสให้ธุรกิจสามารถแข่งขันและเติบโตได้อย่างยั่งยืนอีกด้วย

ธิดารัตน์ เดชายนต์บัญชา ผู้บริหารสูงสุดสายงานจัดซื้อกลาง ซีพีเอฟ กล่าวว่า ซีพีเอฟสร้างการมีส่วนร่วมกับคู่ค้าในห่วงโซ่คุณค่าผ่านโครงการ Partner to Grow... เติบโต เคียงข้าง อย่างยั่งยืน ที่ดำเนินต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 3 ในการพัฒนาขีดความสามารถคู่ค้าในห่วงโซ่คุณค่าในทุกมิติ ทั้งด้านคุณภาพ การส่งมอบสินค้าและบริการ ความสามารถในการแข่งขัน นวัตกรรม และความยั่งยืน ล่าสุด ได้ร่วมมือกับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) จัดอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อเสริมสร้างความรู้และทักษะการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กรและผลิตภัณฑ์อย่างเป็นระบบ เพื่อร่วมกันลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไปด้วยกัน

“การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกคือหัวใจสำคัญในการรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นทั้ง “ความรับผิดชอบ” และ “โอกาสทางธุรกิจ” หากธุรกิจไม่ปรับตัวจะไม่สามารถแข่งขันได้ ซีพีเอฟเชื่อว่าการเสริมสร้างความรู้และความเข้าใจด้านคาร์บอนฟุตพริ้นท์ให้คู่ค้า จะช่วยให้ทั้งระบบห่วงโซ่อาหารไทยก้าวสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำได้จริง ตอบโจทย์ความต้องการสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในอนาคต และร่วมกันสร้างระบบอาหารโลกที่มั่นคงและยั่งยืน” ธิดารัตน์กล่าว
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเป็นการส่วนพระองค์ ทรงเปิดพิพิธภัณฑ์การไฟฟ้าไทย MEA SPARK ณ อาคาร 1 การไฟฟ้านครหลวง เขตวัดเลียบ แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพฯ โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายวิลาศ เฉลยสัตย์ ผู้ว่าการ MEA หรือการไฟฟ้านครหลวง พร้อมด้วยคณะกรรมการการไฟฟ้านครหลวง คณะผู้บริหารระดับสูง ผู้แทนหน่วยงานราชการ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ทายาทสายสกุล แสง ชู-โต พนักงานและอดีตพนักงานการไฟฟ้านครหลวง เฝ้า ฯ รับเสด็จ โอกาสนี้ได้เสด็จทรงปลูกต้นทองกวาว ต้นไม้ประจำองค์กร นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณ และเป็นสิริมงคลยิ่ง จากนั้นเสด็จทอดพระเนตรพิพิธภัณฑ์การไฟฟ้าไทย MEA SPARK
อาคาร 1 การไฟฟ้านครหลวง เขตวัดเลียบ เป็นโบราณสถานสำคัญทางประวัติศาสตร์ไฟฟ้าไทย อายุ 109 ปี เคยเป็นสำนักงานใหญ่แห่งแรกของการไฟฟ้านครหลวงและเป็นที่ตั้งของโรงไฟฟ้าแห่งแรกของประเทศ โดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เสด็จพระราชดำเนินเปิดเมื่อวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2459 ตัวอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก 3 ชั้น หลังคาทรงปั้นหยามีกันสาดโดยรอบ โดดเด่นด้วยองค์ประกอบดั้งเดิมที่ทรงคุณค่าทางสถาปัตยกรรมและประวัติศาสตร์ ซึ่งการบูรณะอาคารดังกล่าวได้ดำเนินการอย่างสอดคล้องกับหลักการอนุรักษ์สถาปัตยกรรม พร้อมปรับพื้นที่บางส่วนเพื่อรองรับการจัดแสดงภายใน

สำหรับพิพิธภัณฑ์การไฟฟ้าไทย MEA SPARK มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านพลังงานไฟฟ้าเพื่อวิถีชีวิตมหานคร ที่เชื่อมโยงอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ภายใต้ภารกิจ Back to the Future Journey นำผู้เยี่ยมชมย้อนรอยประวัติศาสตร์ไฟฟ้าไทยสู่การสร้างสรรค์นวัตกรรมพลังงานอัจฉริยะในอนาคต ถือเป็นสถานที่สำคัญแห่งใหม่ของเมืองมหานคร ที่ตอบโจทย์การเรียนรู้ในอนาคตของสังคม และเปิดโอกาสให้ผู้คนสามารถเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ตรง ณ สถานที่จริง จุดประกายให้เกิดการเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ ตลอดจนก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย เสริมคุณค่าทางประวัติศาสตร์ สังคม และประเทศชาติ และต่อยอดสู่การพัฒนาความรู้เพื่ออนาคตของประเทศ

ภายในพิพิธภัณฑ์การไฟฟ้าไทย MEA SPARK แบ่งออกเป็น 3 ชั้น เพื่อบอกเล่าเรื่องราวของประวัติศาสตร์กิจการไฟฟ้าไทย มีการออกแบบจัดแสดงโดยใช้เทคนิคที่หลากหลาย ทั้งวัตถุ ศิลปกรรมโมเดล อิมเมอร์ซีฟ แสงสี ประกอบดนตรีร่วมสมัย และแอปพลิเคชัน เพื่อสื่อสารกับผู้ชมทุกวัย โดยชั้นที่ 3 บอกเล่าเรื่องราว “แสงแรกแห่งสยาม First Electric Light in Siam” ช่วงประวัติศาสตร์ก่อนมีไฟฟ้าใช้ จนถึงจุดกำเนิดกิจการไฟฟ้า และโรงไฟฟ้าวัดเลียบ สำหรับชั้นที่ 2 “แสงแห่งความยั่งยืน Sustainable Electric Light” ถ่ายทอดการพัฒนากิจการไฟฟ้าไทย การก่อตั้งการไฟฟ้านครหลวง และเรื่องราวผู้ว่าการในอดีต และ ชั้นที่ 1 จัดแสดงการอนุรักษ์และบูรณะอาคาร พร้อมบริเวณ SPARK Zone เล่าเรื่องราว แสงแห่งอนาคต Symphony of Light ที่นำเสนออนาคตพลังงาน และนวัตกรรม Smart City

อย่างไรก็ตาม พิพิธภัณฑ์การไฟฟ้าไทย MEA SPARK จะเปิดให้เข้าชมอย่างเป็นทางการ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป เพื่อร่วมสัมผัสประสบการณ์เรียนรู้ประวัติศาสตร์ไฟฟ้าไทย ควบคู่กับนวัตกรรมพลังงานแห่งอนาคตที่ร้อยเรียงอย่างงดงามในอาคารประวัติศาสตร์กว่า 100 ปี โปรดติดตามรายละเอียดการเข้าชม และกิจกรรมพิเศษได้ที่ช่องทางเว็บไซต์ measpark.mea.or.th
บริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทย จำกัด ร่วมกับ KBTG เดินหน้าสร้างนวัตกรรมสินเชื่อรถยนต์เพื่อลูกค้า ยกระดับการสมัครสินเชื่อด้วย “K OK” แพลตฟอร์มที่ลูกค้าสามารถสมัครสินเชื่อด้วยตนเอง รู้ผลวงเงินเพื่อออกรถได้จริง รองรับพฤติกรรมการเลือกซื้อรถยนต์ผ่านช่องดิจิทัลที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นายธีรชาติ จิรจรัสพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า “ปัจจุบัน ผู้ซื้อรถยนต์ในไทยกว่า 80% มีการใช้ช่องทางออนไลน์ในขั้นตอนสำคัญของการเลือกซื้อรถ เช่นค้นหา เปรียบเทียบ ดูรีวิว ก่อนจองรถ “K OK” เข้ามาช่วยในการตัดสินใจสุดท้ายที่สำคัญคือด้านความพร้อมในการออกรถ หากมองจากความง่ายในการใช้ ผู้ซื้อรถจะเข้าใจว่า “K OK” ก็เหมือนเครื่องมือประเมินวงเงินและค่างวดก่อนเลือกซื้อรถที่มีอยู่ ทั่วไปในท้องตลาดมากว่า 20 ปี แต่แพลตฟอร์ม “K OK” เป็นการยกระดับให้แตกต่างจากเดิม ด้วยการอนุมัติวงเงินจริงก่อนออกรถ เพราะมีการยืนยันตัวตน (e-KYC) และให้ความยินยอมในการเปิดเผยข้อมูล (e-Consent) ผ่านฟังก์ชันการยืนยันตัวตนรูปแบบดิจิทัล NDID และได้ผล Credit Scoring ที่ให้ผลแม่นยำตรวจสอบได้จริง ทำให้ลูกค้ามั่นใจมากขึ้น รวมทั้งยังตอบโจทย์การเลือกซื้อรถที่สอดคล้องกับศักยภาพทางการเงินและความสามารถในการผ่อนชำระตามหลักเกณฑ์ Responsible Lending”

ทั้งนี้ ลูกค้าที่สนใจสามารถสมัครใช้บริการได้ที่เว็บไซต์ www.kasikornbank.com/k_ok หรือแอดไลน์ เพิ่มเพื่อน @kleasingofficial คลิกเมนู K OK
บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต ร่วมกับรายการ The First Ultimate จัดกิจกรรม “A Glass of Tales ศาสตร์และศิลป์แห่งรสชาติ” ภายใต้แคมเปญ “The First Ultimate Big Fan by กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต ปีที่ 4” นำโดย คุณภาสิกา นาเมืองรักษ์ Head of Digital Media and Content บริษัท กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต (คนที่ 4 จากขวา) ให้เกียรติกล่าวต้อนรับลูกค้าและเปิดงาน โดยกิจกรรมสุดพิเศษนี้ จัดขึ้นเพื่อพาลูกค้าคนสำคัญสัมผัสประสบการณ์ในการรังสรรค์รสชาติเครื่องดื่มที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร ซึ่งผู้เข้าร่วมกิจกรรมจะได้เรียนรู้ทั้งศาสตร์และศิลป์แห่งการผสมเครื่องดื่มร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องดื่มมืออาชีพ ตั้งแต่เรียนรู้วัตถุดิบ เทคนิคการสร้างสมดุลไปจนถึงการออกแบบรสชาติอย่างมีความหมาย ณ ร้าน Vaca Bar & Grill กรุงเทพฯ
โดยภายในงานลูกค้าได้รับความสุขและความสนุกสนานตลอดกิจกรรม นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้ให้คำแนะนำด้านการวางแผนสุขภาพ ผ่าน “แบบประกันโซชิลด์คุ้มเว่อร์” ที่คุ้มครองโรคร้ายแรง รวมสูงสุด 3.5 ล้านบาท ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลแบบเหมาจ่ายทั้งผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน ให้ความคุ้มครองถึงอายุ 99 ปี ทั้งนี้กิจกรรมดังกล่าวตอกย้ำนโยบายหลักของบริษัทฯ ที่มีลูกค้ามาเป็นที่หนึ่ง และเคียงข้างทุกความเชื่อมั่น ดูแลกันตลอดไป สำหรับผู้ที่สนใจกิจกรรมดีๆ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมแบบประกันของบริษัทฯ สามารถติดต่อได้ที่ตัวแทนที่ให้บริการท่าน หรือ ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ โทร.1159 หรือ www.krungthai-axa.co.th
หมายเหตุ: เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด
บริษัท ยูอาร์ซี (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยวภายใต้แบรนด์ แจ็คแอนด์จิล (Jack’n Jill) นำโดย นายฐานันท์ สุวรรณรักษ์ รองประธานและผู้จัดการทั่วไป ประเทศไทย พร้อมด้วยนางสาวพรทิพย์ ลีลาเลิศวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด เดินหน้ายืนหยัดเคียงข้างประชาชนในทุกสถานการณ์วิกฤต ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งต่อกำลังใจ และความช่วยเหลือไปยังผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์บริเวณแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ด้วยพลังเล็ก ๆ ผ่านการมอบผลิตภัณฑ์แบรนด์ Jack’n Jill อันประกอบไปด้วย ฟันโอ คุกกี้, ฟันโอ แครกเกอร์, ดิวเบอร์รี่ เค้ก และ ดิวเบอร์รี่ ฟรุ๊ตพาย มูลค่ารวมกว่า 377,000 บาท ส่งมอบผ่านกองทัพบกโดย พลโท อานุภาพ ศิริมณฑล รองเสนาธิการทหารบก เป็นประธานรับมอบจากทางกองทัพบก เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยชายแดนไทย-กัมพูชา และเพื่อสนับสนุนการทำงานของมูลนิธิกระจกเงา ในการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตน้ำท่วม
นายฐานันท์ สุวรรณรักษ์ รองประธานและผู้จัดการทั่วไป ประเทศไทย บริษัท ยูอาร์ซี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า "ยูอาร์ซี ดำเนินธุรกิจและเติบโตเคียงคู่สังคมไทยมาอย่างยาวนาน ในฐานะผู้นำด้านขนมขบเคี้ยว เรามีความห่วงใยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์วิกฤตต่างๆ โดยหวังว่าผลิตภัณฑ์ของเราจะช่วยสร้างร้อยยิ้ม กำลังใจ และช่วยบรรเทาความหิวในยามจำเป็นได้ ซึ่งสินค้าของเราอย่างคุกกี้ แครกเกอร์ และพัฟเค้ก นอกจากจะกินง่าย อิ่มท้องแล้ว ยังเก็บไว้ได้นาน เหมาะกับการใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน เราจึงอยากส่งมอบความช่วยเหลือและน้ำใจให้ผู้ประสบภัย ผ่านความร่วมมือของพนักงานองค์กร ภาครัฐ มูลนิธิ รวมไปถึงองค์กรการกุศลในทุกภาคส่วน เพื่อส่งต่อความช่วยเหลือ และพลังใจให้กับผู้ที่เดือดร้อนได้อย่างทันท่วงที"

ยูอาร์ซี ส่งเสริมและปลูกฝังให้พนักงานให้มีจิตสำนึกความรับผิดชอบต่อสังคมอยู่เสมอ โดยในครั้งนี้ เราส่งต่อความช่วยเหลือเพิ่มอีกทางผ่านมูลนิธิกระจกเงา โดยการส่งมอบผลิตภัณฑ์ให้กับผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ต่าง ๆ มูลค่ากว่า 110,000 บาท โดยพนักงานในองค์กรยังร่วมมือร่วมใจกันระดมทุนบริจาคเงินในครั้งนี้ด้วย ซึ่งการมีส่วนร่วมของพนักงานสะท้อนวัฒนธรรมองค์กรที่ให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบต่อสังคม สร้างความภาคภูมิใจและความร่วมมือในทีมงาน และหวังว่าความช่วยเหลือเหล่านี้จะเป็นกำลังใจให้ผู้ประสบภัยผ่านช่วงเวลายากลำบากได้

จากเจตนารมณ์ของเราที่ว่า "Delight everyone with good food choices" เราพร้อมส่งมอบผลิตภัฒฑ์ที่ดีและคุ้มค่าให้กับผู้บริโภค และพร้อมที่จะเดินหน้าตอบแทนและรับผิดชอบต่อสังคมในทุกมิติ ด้วยความเชื่อมั่นว่าสถานการณ์จะดีขึ้นในเร็ววัน และเมื่อเราร้อยเรียงพลังของคนดีเข้าด้วยกัน เราพร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือและผลักดันให้สังคมไทยเข้มแข็งและงดงามมากยิ่งขึ้น- นายฐานันท์ กล่าว
แบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวชั้นนำระดับสากล SKINTIFIC เดินหน้าเปิดตัวโปรดักส์ใหม่ "SKINTIFIC 10% Pure Vitamin C Brightening Serum" เซรั่มเฟรชมิกซ์ นวัตกรรมใหม่ผสานเพียววิตามินซีเข้มข้น 10% ที่จะปฏิวัติวงการสกินแคร์ พร้อมจัดงานอีเว้นต์สุดพิเศษ "VIT C FRESH The Future of Brightening x MINNIE" เปิดตัว MINNIE ศิลปินเคป๊อบสายเลือดไทย ในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์คนใหม่ล่าสุด พร้อมจัดกิจกรรมสุดเอ็กคลูซีฟ เสิร์ฟความสุขให้ชาวด้อม น.ว.ล.ได้เก็บโมเมนต์สุดแสนประทับใจร่วมกับ MINNIE อีกทั้งยังร่วมสาธิตการใช้ผลิตภัณฑ์และเทคนิคการดูแลผิวให้สวย ฉ่ำ โกลว์ ด้วยผลิตภัณฑ์ตัวใหม่จาก SKINTIFIC ให้ทุกคนผิวดี สร้างความมั่นใจได้ในแบบของตัวเอง
ผลิตภัณฑ์ใหม่ SKINTIFIC 10% Pure Vitamin C Brightening Serum เซรั่มเฟรชมิกซ์นวัตกรรมใหม่ที่ผสานเพียววิตามินซีเข้มข้น 10% ผสมสดเพื่อให้วิตามินซีทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เผยผิวสวยกระจ่างใส โดยมีวิตามินซีรูปแบบ L-Ascorbic Acid ที่มีประสิทธิภาพสูงและออกฤทธิ์เร็ว ช่วยลดความหมองคล้ำและลดเลือนจุดด่างดำ ผสานการบำรุงด้วย Brightenyl® และ ILLUMISCIN® - GLOW C ที่ช่วยให้สีผิวดูสม่ำเสมอยิ่งขึ้น จุดด่างดำแลดูจางลง เผยผิวโกลว์สวยกระจ่างใส พร้อมการปลอบประโลมผิวจาก Hydrolyzed Algae Extract เสริมคุณภาพด้วยระบบเฟรชมิกซ์เพรสแอนด์เชคด้วย Dual Chamber Fresh Lock Technology เพื่อผสมผงวิตามินซีเข้ากับเซรั่มทันทีที่ใช้ ช่วยให้คงประสิทธิภาพสูงสุดระหว่างการใช้งาน บรรจุ 2 ขวดใน 1 กล่องสำหรับการใช้งาน 1 เดือน พร้อมเคสป้องกันจากแสงแดด (Protective Sleeve) เพื่อลดการเกิดออกซิเดชันหลังเปิดใช้และช่วยรักษาความเข้มข้นระหว่างการใช้งาน ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการผิวกระจ่างใส เปล่งประกาย ดูสุขภาพดี และเหมาะสำหรับทุกสภาพผิว

การที่ SKINTIFIC เลือกไอดอลระดับแถวหน้าของวงการอย่าง MINNIE ร่วมทำกิจกรรมทางการตลาดในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์นั้น เนื่องจาก MINNIE เป็นที่รู้จักดีในเรื่องผิวที่ดูโกลว์ ใส สุขภาพดีอย่างเป็นธรรมชาติ สอดคล้องกับปรัชญา "Smart Beauty" ของ SKINTIFIC ที่เน้นความฉลาดเลือกและมั่นใจในแบบของตัวเอง นอกจากนี้ความสามารถในการพูดได้หลากหลายภาษาของ MINNIE จะช่วยให้ SKINTIFIC เข้าถึงแฟนคลับในตลาดเอเชีย ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และเวียดนาม ซึ่งเป็นประเทศที่ K-beauty ได้รับความนิยมสูง และด้วยบุคลิกของ MINNIE ที่มีความทันสมัย ฉลาดเลือก และมีความมั่นใจในแบบของตัวเอง ยังสะท้อนถึงเอกลักษณ์ของแบรนด์ SKINTIFIC ที่ต้องการส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ไม่เพียงแต่ช่วยให้ผิวสวย แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของการดูแลตัวเองอย่างดีและพิถีพิถัน

ด้าน MINNIE เปิดเผยความรู้สึกว่า "รู้สึกตื่นเต้นที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว SKINTIFIC ในแบรนด์แอมบาสเดอร์คนใหม่ การดูแลผิวเป็นสิ่งที่เราใส่ใจมาตลอด และเมื่อได้ลองใช้ SKINTIFIC 10% Pure Vitamin C Brightening Serum มีความประทับใจมากกับสูตรที่เป็นเฟรชมิกซ์ก่อนใช้ทำให้วิตามีนซีมีประสิทธิภาพสูงสุด ผิวดูกระจ่างใสและมีชีวิตชีวาขึ้นจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นผลิตภัณฑ์ยังมีความอ่อนโยน เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว และเห็นผลได้ชัดเจนภายในเวลาไม่นาน อีกทั้งยังเหมาะกับคนที่ต้องการผิวที่ดูสุขภาพดีและกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ”
ผลิตภัณฑ์ SKINTIFIC 10% Pure Vitamin C Brightening Serum พร้อมจำหน่ายแล้ววันนี้ ทั่วประเทศ ที่ร้านค้าชั้นนำทั้ง Watsons, EVEANDBOY, Beautrium, Konvy, Boots และช่องทางออนไลน์ SKINTIFIC: Tiktok, Shopee, Lazada ติดตามกิจกรรมของแบรนด์ SKINTIFIC ได้ที่ Facebook และ Instagram: Skintific Thailand
ออเนอร์ (HONOR) ผู้ให้บริการอุปกรณ์อัจฉริยะชั้นนำระดับโลก เติมสีสันให้ตลาดสมาร์ตโฟนด้วยการเปิดตัว HONOR 400 Series สีใหม่ “Tidal Blue” โทนฟ้าพรีเมียม สดใส ได้แรงบันดาลใจจากสีน้ำทะเลใสและเกลียวคลื่น สื่อถึงความมีชีวิตชีวาและความทันสมัยของคนรุ่นใหม่ที่รักความแตกต่าง โดดเด่นทุกมุมมอง ผสานดีไซน์หรูหราของ HONOR 400 Series ได้อย่างลงตัว พร้อมวางจำหน่ายแล้ววันนี้ ตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2568 อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ให้แฟน ๆ จับจองเป็นเจ้าของก่อนใคร พิเศษ! เมื่อซื้อ HONOR 400 หรือ HONOR 400 Pro สีฟ้า Tidal Blue ที่ HONOR Experience Store ทุกสาขา และร้านค้าออนไลน์ official ของ HONOR รับฟรีทันที ‘HONOR x ENGFA limited Edition Gift Box’ สุดเอ็กซ์คลูซีฟ (ของแถมมีจำนวนจำกัดเพียง 150 กล่องเท่านั้น)

HONOR 400 Series ตอกย้ำความมุ่งมั่นและยกระดับนวัตกรรมการถ่ายภาพด้วย AI โดยรุ่นท็อปอย่าง HONOR 400 Pro มาพร้อมกล้องหลักความละเอียดสูง 200MP Ultra-clear Advance AI คมชัดทุกดีเทล เสริมด้วย Creative Advance AI Editing มากกว่า 40 แบบ ให้ผู้ใช้สนุกกับการสร้างสรรค์คอนเทนต์ได้ไม่รู้จบ พร้อมเปิดตัวฟีเจอร์ระดับโลกเป็นครั้งแรกบนสมาร์ตโฟนกับ Advance AI Image to VDO ที่เปลี่ยนภาพถ่ายให้กลายเป็นวิดีโออัตโนมัติได้ทันทีบนสมาร์ตโฟน ผสานการใช้งานด้วย แบตเตอรี่ซิลิคอนคาร์บอนความจุ 6,000mAh ใช้งานยาวนานตลอดวัน รองรับทั้ง 100W HONOR Wired SuperCharge และ 50W HONOR Wireless SuperCharge ชาร์จไวทันใจทุกสถานการณ์ HONOR 400 Pro จึงเป็นสมาร์ตโฟนคู่ใจที่สมบูรณ์แบบสำหรับครีเอเตอร์ และผู้ที่หลงใหลการถ่ายภาพที่ต้องการความเร็ว ความคมชัด และความคิดสร้างสรรค์ในเครื่องเดียว

เป็นเจ้าของ HONOR 400 Series สีฟ้า ‘Tidal Blue’ ได้แล้ววันนี้! HONOR 400 Pro ราคา 19,990 บาท และ HONOR 400 มี 2 สเปกให้เลือกตามการใช้งาน ได้แก่ รุ่น 12GB+512GB ราคา 14,990 บาท และ รุ่น 12GB+256GB ราคา 12,990 บาท หาซื้อได้ที่ HONOR Experience Store ทุกสาขา และ ร้านค้าออนไลน์ official ของ HONOR พร้อมรับของแถมพิเศษ HONOR x ENGFA Gift Box’ สามารถดูข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.honor.com/th และติดตามข่าวสารได้ที่เพจ Facebook: HONOR Thailand