เอไอเอ ประเทศไทย นำทัพพลังตัวแทนผู้พิชิตคุณวุฒิ AIA Annual Convention 2024 จำนวนทั้งสิ้นกว่า 1,300 ท่าน บินลัดฟ้าสู่มิลาน เมืองแห่งแฟชั่นระดับโลก ประเทศอิตาลี เพื่อร่วมเฉลิมฉลองความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาด้านการเงินของเอไอเอ พร้อมสัมผัสประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟตลอดการเดินทาง ระหว่างวันที่ 21-26 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา ซึ่ง AIA Annual Convention 2024 ถือเป็นคุณวุฒิที่ได้มาจากความทุ่มเทในการทำงานและความมุ่งมั่นในการส่งมอบความคุ้มครองแก่ลูกค้า พร้อมทั้งการดูแลประดุจสมาชิกในครอบครัว เพื่อสนับสนุนให้คนไทยทั่วประเทศมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน ตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives’ อีกทั้งยังตอกย้ำถึงความแข็งแกร่งของพลังตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาด้านการเงินของเอไอเอ ซึ่งเป็นอันดับหนึ่งของประเทศไทยมาอย่างยาวนาน
สำหรับพิธีเฉลิมฉลองความสำเร็จ AIA Annual Convention 2024 ได้รับเกียรติจากผู้บริหารเอไอเอ ประเทศไทย นำโดย คุณนิคฮิล แอดวานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมด้วย คุณอลิสา สิมะโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายตัวแทนประกันชีวิต ร่วมงานเพื่อแสดงความยินดีและเชิดชูเกียรติแก่ตัวแทนทุกท่าน โดยในค่ำคืนแรก เอไอเอ ได้จัดงานเลี้ยง Special Dinner สุดอลังการให้กับผู้พิชิตคุณวุฒิในระดับ 300% ขึ้นไป ณ โรงแรม Principe di Savoia ซึ่งป็นโรงแรมระดับ 5 ดาวที่เคยรับรองคนดังระดับโลก อาทิ ควีนเอลิซเบทที่ 2, เจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินบะระ, ประธานาธิบดี จอรจ์ ดับเบิลยูบุช, วลาดีมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย รวมถึง บิล เกท ซึ่งนอกจากความสวยงามของสถานที่แล้ว เอไอเอ ยังได้จัดเตรียมกิจกรรมสนุก ๆ รวมถึงการต้อนรับจาก High Fashion Models ที่ยกขบวนมาร่วมเฉลิมฉลองความสำเร็จให้กับตัวแทนทุกท่าน สำหรับงานเลี้ยง GALA Dinner ในคืนที่ 2 และ 3 ได้ถูกจัดขึ้น ณ สถานที่ที่มีเอกลักษณ์ สะท้อนให้เห็นถึงประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมอันงดงามของประเทศอิตาลี อย่าง Villa Erba ที่ถูกห้อมล้อมด้วยทะเลสาบโคโม่ซึ่งนับเป็นหนึ่งในทะเลสาบที่สวยที่สุดในโลก เพื่อให้ผู้พิชิตคุณวุฒิของเอไอเอทุกท่านได้ร่วมซึมซับกับบรรยากาศแห่งความสำเร็จ และเก็บภาพความประทับใจกันอย่างเต็มที่ ภายใต้ธีมงาน Glamorous Vintage Italian Style ที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นและเป็นกันเอง
ยิ่งไปกว่านั้น ในงานยังมีการเดินขบวนพาเหรดของผู้พิชิตคุณวุฒิระดับ 300% ขึ้นไป ซึ่งถือเป็นธรรมเนียมของงาน AIA Annual Convention ร่วมด้วยตัวแทนที่ได้รับ Double Hall of Fame ทั้งสิ้น 2 ท่าน ได้แก่ คุณสุพร เอื้อวิศาลสิน และคุณชัชวาล เอื้อวิศาลสิน รวมถึงผู้พิชิตคุณวุฒิ Hall of Fame พร้อมไฮไลท์ของงานคือการเปิดตัว President of AIA Annual Convention 2024 “คุณโบ เพชรรัตน์ รงค์บัญฑิต” จากหน่วยเนอวานา ซึ่งในปีนี้เป็นการพิชิตคุณวุฒิครั้งที่ 4 ถือเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของเอไอเอ แล้วพบกันที่จุดหมายปลายทางใหม่ปีหน้ากับ AIA Annual Convention 2025 Madrid ประเทศสเปน
นายเคนอิจิ ยามาโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) รับรางวัลเกียรติยศ “CEO of the Year in Sustainable Finance” สุดยอดซีอีโอด้านการเงินเพื่อความยั่งยืน จากงาน Bangkok Post CEO of the Year 2024 โดยมี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้เกียรติมอบรางวัล ซึ่งรางวัลนี้ทางบางกอกโพสต์ได้จัดขึ้นเป็นปีที่ 3 เพื่อสะท้อนถึงความสำเร็จและความเป็นเลิศในการบริหารจัดการที่เป็นเอกลักษณ์ในตำแหน่งซีอีโอขององค์กรในหลากหลายธุรกิจ รวมถึงความเป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล โดยงานจัดขึ้น ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์
สำหรับรางวัลเกียรติยศนี้ ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนสู่เป้าหมายในการเป็น “ธนาคารชั้นนำแห่งภูมิภาคเพื่อความยั่งยืน” โดยในฐานะซีอีโอของกรุงศรี นายยามาโตะ ไม่เพียงให้ความสำคัญกับการเติบโตอย่างยั่งยืนของธุรกิจ และมีเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย แต่ยังมุ่งส่งเสริมสังคมที่ยั่งยืนควบคู่อีกด้วย ด้วยการสนับสนุนของ MUFG กรุงศรีเป็นผู้นำด้านการเงินเพื่อความยั่งยืน สนับสนุนให้ลูกค้าสามารถเข้าใจถึงผลิตภัณฑ์และโซลูชันทางการเงินเพื่อความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง
กลุ่มธนาคารยูโอบีรายงานผลกำไรสุทธิไตรมาส 3 ปี 2567 ที่ทุบสถิติสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 1.6 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 11 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยได้รับแรงหนุนจากรายได้จากค่าธรรมเนียมสุทธิและรายได้จากการค้าและการลงทุน ที่ทำสถิติสูงสุดใหม่
ผลการดำเนินการในไตรมาส 3 ปี 2567 ของกลุ่มธนาคารยูโอบีเป็นผลจาก แฟรนไชส์หลักที่หลากหลาย ครอบคลุมธุรกิจลูกค้ารายใหญ่ (Wholesale) โกลบอล มาร์เก็ตส์ (Global markets) และธุรกิจลูกค้ารายย่อย (Retail businesses)
รายได้จากค่าธรรมเนียมสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 7 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 630 ล้านเหรียญสิงคโปร์ โดยได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของค่าธรรมเนียมการบริหารจัดการความมั่งคั่ง รายได้จากดอกเบี้ยรับสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 1 เมื่อเทียบกับปีก่อน อยู่ที่ 2.5 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ จากการเติบโตของสินเชื่อที่แข็งแกร่งที่ร้อยละ 5 รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยดีดตัวขึ้นร้อยละ 70 เมื่อเทียบกับปีก่อน อยู่ที่ 744 ล้านเหรียญสิงคโปร์ โดยได้รับแรงหนุนจากรายได้จากการค้าและการลงทุนที่สูงเป็นประวัติการณ์ ขณะที่รายได้จากการบริหารตลาดเงินที่เกี่ยวกับลูกค้าก็เติบโตอย่างแข็งแกร่ง
ต้นทุนความเสี่ยงจากการปล่อยสินเชื่อในไตรมาส 3 ปี 2567 เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 34 จุด เนื่องจากพอร์ตโฟลิโอลูกค้ารายย่อยในประเทศไทยภายหลังการควบรวมกิจการซิตี้ในไตรมาสที่แล้ว ต้นทุนความเสี่ยงจากการปล่อยสินเชื่อสำหรับทั้งปีจะยังคงอยู่ในกรอบเป้าหมายที่ 25 ถึง 30 จุด คุณภาพสินทรัพย์ยังคงมีความยืดหยุ่น โดยมีอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้คงที่อยู่ที่ร้อยละ 1.5 งบดุลของกลุ่มธนาคารยูโอบียังคงแข็งแกร่งด้วยสภาพคล่องที่เพียงพอ โดยมีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่หนึ่งที่เป็นส่วนของเจ้าของเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 15.5
นายวี อี เชียง รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารยูโอบี กล่าวว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาสนี้ของกลุ่มธนาคารเป็นไปอย่างแข็งแกร่ง โดยมีกำไรสุทธิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งได้รับแรงสนับสนุนจากการเติบโตในทุกส่วนธุรกิจและตลาดหลักในภูมิภาคอาเซียน ธนาคารมีความพร้อมที่จะรักษาโมเมนตัมของการเติบโตของรายได้ ด้วยงบดุลที่แข็งแกร่งและแฟรนไชส์หลักที่มั่นคง
ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้กลับโดดเด่นในฐานะภูมิภาคที่มีศักยภาพ เราเชื่อมั่นในศักยภาพในระยะยาวของอาเซียน ซึ่งได้รับแรงหนุนจากปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและการไหลเข้าของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศจำนวนมาก พร้อมกับการปรับตัวของห่วงโซ่อุปทาน ความแข็งแกร่งด้านการเชื่อมโยงของธนาคารร่วมกับปัจจัยหนุนที่เหมาะสม ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจลูกค้ารายใหญ่
ความสำเร็จจากการผนวกรวมพอร์ตโฟลิโอของซิตี้กรุ๊ปในมาเลเซีย ไทย และอินโดนีเซีย ถือเป็นก้าวสำคัญของธนาคาร การผสานโอกาสในการขายข้ามผลิตภัณฑ์จากพอร์ตโฟลิโอที่ขยายตัวนี้ให้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ และเรามุ่งมั่นที่จะยกระดับขีดความสามารถในตลาดสำคัญๆ ในภูมิภาคอาเซียน ตลอดจนพร้อมที่จะคว้าโอกาสใหม่ๆ และขับเคลื่อนการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี คว้ารางวัล “กลยุทธ์การตลาดสำหรับลูกค้ารายบุคคล 1:1 ยอดเยี่ยม” (Outstanding Personalised 1:1 Marketing Initiative) จากเวที Global Retail Banking Innovation Awards 2024 จัดโดย The Digital Banker นิตยสารชั้นนำด้านการธนาคารและการเงินระดับโลก เพื่อยกย่องสถาบันการเงินที่มีนวัตกรรมโดดเด่น ตอกย้ำการเป็นธนาคารชั้นนำที่นำเทคโนโลยี ด้วยการใช้ประโยชน์จากข้อมูล (Data-Driven) เพื่อสื่อสารได้ตรงใจลูกค้า มอบสิทธิประโยชน์ และช่วยเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมลูกค้า พร้อมยกระดับประสบการณ์การใช้บริการให้ดียิ่งขึ้น
นายปัณวรรธน์ อินนุรักษ์ หัวหน้าบริหารความสัมพันธ์และประสบการณ์ลูกค้ารายบุคคล ทีเอ็มบีธนชาต กล่าวว่า ทีทีบีได้รับรางวัล “กลยุทธ์การตลาดสำหรับลูกค้ารายบุคคล 1:1 ยอดเยี่ยม” (Outstanding Personalised 1:1 Marketing Initiative) ในหมวดรางวัลด้านการตลาดและการมีส่วนร่วมของลูกค้า (Marketing & Customer Engagement Awards) ซึ่งความโดดเด่นของโซลูชันที่ทีทีบีใช้ในการให้บริการลูกค้าคือ ทีทีบีได้พัฒนา “DELPHI: Ecosystem-Based Personalized Message” ขึ้น เพื่อสร้างความผูกพันกับลูกค้า ผ่านแนวทางการใช้ประโยชน์จากข้อมูล (Data-Driven) พร้อมสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจแบบครบวงจร (Ecosystem Play) ช่วยให้ธนาคารสามารถสื่อสารได้ตรงใจลูกค้า (Personalization) มอบสิทธิประโยชน์ที่เหมาะสม และช่วยเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของลูกค้า พร้อมทั้งมอบประสบการณ์การใช้บริการที่ดียิ่งขึ้นและความปลอดภัยมากขึ้น ทั้งนี้ยังเสริมสร้างความผูกพันระหว่างลูกค้าและทีทีบีทั้งในปัจจุบันและอนาคต ซึ่งเป็นการตอกย้ำการเป็นธนาคารที่เข้าใจลูกค้าและสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์การเงินที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าได้อย่างแท้จริง
ทีทีบีมุ่งมั่นพัฒนาและสร้างสรรค์โซลูชันการเงินที่ดีที่สุด เพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์การเงินและประสบการณ์ที่ดียิ่งกว่าให้กับลูกค้าทุกกลุ่ม โดยใช้ Digital & Data Innovation เป็นตัวขับเคลื่อนหลักสู่การพัฒนาแอปพลิเคชันและบริการออนไลน์ของทีทีบี ที่สามารถตอบสนองได้เท่าทันความต้องการของผู้บริโภคไทยที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาและมีความหลากหลายมากขึ้น ตามพันธกิจ Make REAL Change สร้างการเปลี่ยนแปลงที่มีประโยชน์กับลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าทุกกลุ่มมีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นรอบด้านอย่างแท้จริง
ร้านอาหารคำหอม ตอกย้ำความสำเร็จกับงาน FOUR HANDS DINNER ที่กลับมาสร้างความประทับใจอีกครั้ง ต้อนรับเดือนพฤศจิกายน ช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลอง ร้านอาหารคำหอมนำโดยเชฟเอียน กิตติชัย ขอเชิญท่านร่วมเปิดประสบการณ์อาหารมื้อพิเศษ ต้อนรับเชฟเซดริก เบอร์แต็ง เชฟระดับมิชลิน 2 ดาว บินตรงจากประเทศฝรั่งเศส เพื่อร่วมรังสรรค์อาหาร ที่คัดสรรวัตถุดิบคุณภาพชั้นเลิศทั้ง 4 ภาคของประเทศไทย สะท้อนถึงวัฒนธรรมที่แตกต่างแต่ผสมผสานออกมาได้อย่างลงตัวในทุกๆ จาน พบกับมื้ออาหารสุดพิเศษนี้ได้ ในวันที่ 21-23 พฤศจิกายน 2567 โดยทั้งสองเชฟจะนำท่านร่วมเดินทางการค้นหารสชาติในรูปแบบ 7 คอร์ส และ 9 คอร์ส ในแบบฉบับอาหาร 4 ภาคของประเทศไทย โดยนำมาตีความใหม่ด้วยเทคนิคการทำอาหารฝรั่งเศสและไทยผสมผสาน
โดยใน FOUR HANDS DINNER ทั้ง 3 คืนนี้ จะถูกรังสรรค์ทุกจานผ่านประสบการณ์การทำอาหารที่สั่งสมมาแล้วรอบโลกของเชฟทั้งสองท่าน เริ่มด้วยจานเรียกน้ำย่อย ขนมดอกจอก บางกรอบราดด้วยซอสมะขามน้ำตาลโตนดจากเพชรบุรีและส้มซ่า ตามมาด้วย แมคเคอเรล ของเชฟเบอร์แต็ง พร้อมสมุนไพรสดจากสวน ถัดมากับเมนู ซอยจุ๊ เนื้อวากิวเสิร์ฟพร้อมแตงโมจากยโสธร และผงข้าวคั่ว ต่อด้วยจาน กุ้งแม่น้ำ ที่นำมาจี่พร้อมกระเทียมดำ เปลือกส้มซิตรัส แครอท ขิง และแครอทกงฟี่ และยังมีเมนูสูตรลับฉบับเชฟเอียนกับ แกงเปรอะ ที่นำหอยเชลล์มาเซียให้หอม เสิร์ฟในซอสผักชีลาว โรยหน้าด้วยไข่ผำ และก่อนจะเริ่มจานหลัก เชฟเบอร์แต็ง ได้นำเสนอ ซุปตับห่านย่าง ในซอสซาบายอน เป็นเมนูพิเศษสำหรับงานนี้โดยเฉพาะ เริ่มจานหลักด้วย Striped Red Mullet โดยใช้ปลากระบอกแดงเพิ่มความชุ่มฉ่ำด้วยซอสผลไม้ เสิร์ฟพร้อมหัวหอมกงฟี พริกหยวกเหลืองและแดง ต่อด้วยจานหลักจากเชฟเอียน กับ ผัดไอ้ขุย ที่นำเนื้อสันในแองกัสมาผัดพริกแกงสูตรเด็ดและใบมะกรูดสด ปิดท้ายมื้อแห่งความประทับใจด้วย ขนมตาล กับเทคนิค Infused ร่วมกับ พระยารัม เสิร์ฟพร้อมสับปะรดหอมสุวรรณและกะทิสด
ย้อนกลับไปสู่จุดเริ่มต้น เชฟเบอร์แต็ง เติบโตและใช้ชีวิตในฟาร์มของครอบครัวในเมืองโซเนลัวร์ (Saône-et-Loire) ซึ่งเป็นจังหวัดในแคว้นบูร์กอญ-ฟร็องช์-กงเต ประเทศฝรั่งเศส จึงทำให้เขาซึมซับอย่างลึกซึ้งกับแหล่งกำเนิดอาหารชั้นเยี่ยม เขายังต้องขวนขวายและเรียนรู้อย่างหนัก สู่การก้าวผ่านในหน้าที่การงานในครัวของร้านอาหารชั้นนำหลายแห่งในประเทศฝรั่งเศส ก่อนที่จะมาเปิดร้านอาหารของตนเองในชื่อ L’Amaryllis ในปี 2548 เพียงแค่สองปีหลังจากเปิดร้าน เขาก็ได้ดาวมิชลินดวงแรกมาครอง และคว้าดาวมิชลินดวงที่สองในปี 2023 ปรัชญาการทำอาหารของเชฟเบอร์แต็ง มีพื้นฐานมาจากความจริงใจ เขาไม่ได้อินกับกระแสนิยมหรือรับอิทธิพลใดๆจากแฟชั่นในสายอาหาร ดังนั้นอาหารทุกจานที่เขารังสรรค์จึงสะท้อนถึงตัวตนที่ซื่อตรงของเขาเสมอ สำหรับเขาอาหารคือสื่อกลางในการบอกเล่าเรื่องราวอย่างแท้จริง ทุกขั้นตอนการทำอาหาร และวัตถุดิบต่างๆล้วนเป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพจากท้องถิ่น
ในขณะที่เชฟอาหารตำรับไทย 4 ภาคชื่อดังอย่างเชฟเอียน มีจุดเริ่มต้นจากการติดตามคุณแม่ไปตลาดสดในกรุงเทพฯ การได้เห็นวัตถุดิบสดใหม่ในตลาด ได้ช่วยเลือกซื้อสินค้าในร้านของชำ ได้จุดประกายความหลงใหลในการทำอาหารอย่างไม่รู้ตัว จากความสนใจในวัยเด็ก สู่เชฟมืออาชีพระดับนานาชาติ เชฟเอียนได้ฝึกฝนฝีมือการทำอาหารและสั่งสมประสบการณ์จากร้านระดับโลก อาทิ Le Cinq, The French Laundry และ EL Bulli หลังจากนั้นเชฟเอียนได้ก่อตั้งร้านอาหารของตัวเองทั่วโลก พร้อมรางวัลการันตีมากมาย และยังถูกยกให้เป็น Officier de L’Ordre du Mérite Agricole จาก The French Republic อีกด้วย
ร่วมประสบการณ์มื้ออาหารค่ำระดับมิชลิน 2 ดาว โดยเมนู 7 คอร์ส ราคา 6,500++ บาทต่อท่าน (เพิ่มไวน์แพริ่งในราคา 2,900++บาทต่อท่าน) หรือ เมนู 9 คอร์ส ราคา 7,500++ บาทต่อท่าน (เพิ่มไวน์แพริ่งในราคา 3,800++ บาทต่อท่าน)
Four Hands Dinner โดยเชฟเซดริก เบอร์แต็ง เชฟระดับมิชลิน 2 ดาว และ เชฟเอียน กิตติชัย ให้บริการในวันพฤหัสบดีที่ 21, วันศุกร์ที่ 22 และวันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน 2567 ตั้งแต่เวลา 18.30 น. เป็นต้นไป ร่วมเปิดประสบการณ์มื้ออาหารสุดประทับใจ โดยสำรองที่นั่งผ่านเว็บไซต์ https://khumhomrestaurant.com/2-michelin-starred-guest-chef-cedric-burtin/ หรือ โทร 02 666 3311
*Early Bird รับส่วนลด 15% สำหรับการจองก่อนวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567
*สมาชิก Accor Plus รับส่วนลดค่าอาหาร 30% และเครื่องดื่ม 15% เมื่อจองภายใน 19 พฤศจิกายน 2567
เครื่องดื่มเกลือแร่ “เกเตอเรด” โดย บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด คิกออฟศึกฟุตบอลสุดมันส์แห่งปี “Gatorade 5v5 Football 2025” พร้อมเปิดสนามอย่างยิ่งใหญ่ด้วยแมตช์พิเศษระหว่างทีมแชมป์เก่าโรงเรียนสนามชัยเขต ปะทะ ทีมอินฟลูเอนเซอร์ฟุตบอล ณ สนามฟุตบอลหญ้าเทียม CS Sport Club เมื่อวันอาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา โดยงานนี้ถือเป็นการปลุกไฟและสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักฟุตบอลรุ่นใหม่ทั่วประเทศในการเข้าร่วมประชันฝีเท้าในรูปแบบ 5v5 ซึ่งเป็นการแข่งขันที่เต็มไปด้วยความสนุกและท้าทาย ตลอดจนเปิดโอกาสให้ทุกทีมได้แสดงความสามารถด้านฟุตบอลอย่างเต็มที่ โดยเกเตอเรดเปิดรับสมัครทีมฟุตบอลจากทั่วประเทศเข้าร่วมแข่งขันเพื่อชิงแชมป์แล้ววันนี้ - 7 มีนาคม 2568
นายณุวัฒน์ เมธปรีชากุล ผู้จัดการอาวุโสสินค้าไฮเดรชั่น บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “การแข่งขันฟุตบอล 5v5 Friendly Match นัดพิเศษครั้งนี้ จัดขึ้นเพื่อเสริมสร้างแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนในการเดินตามเส้นทางนักฟุตบอลอาชีพ และเป็นการแสดงถึงความมุ่งมั่นของเกเตอเรดในการสนับสนุนและพัฒนาวงการฟุตบอลเยาวชนไทยให้ก้าวหน้า โดยได้เชิญอินฟลูเอนเซอร์ฟุตบอลที่คุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดีมาร่วมดวลแข้งกับทีมแชมป์เก่าจากโรงเรียนสนามชัยเขต โดยการแข่งขันเป็นไปอย่างสนุกสนานแบบไม่มีใครยอมใคร จบการแข่งขันไปด้วยความประทับใจ สุดท้ายทีมแชมป์เก่าโรงเรียนสนามชัยเขตคว้าแชมป์ไปครองพร้อมทุนกีฬา 30,000 บาท ขณะที่ทีมรองชนะเลิศอันดับ 1 ทีมอินฟลูเอนเซอร์ B คว้าเงินรางวัลและมอบทุนกีฬา 10,000 บาท ให้กับโรงเรียนสารภีวิทยาคม จ.เชียงใหม่ และทีมรองชนะเลิศอันดับ 2 ทีมอินฟลูเอนเซอร์ A ก็ไม่พลาด มอบทุนกีฬา 10,000 บาท ให้กับโรงเรียน อบจ.เชียงราย ซึ่งได้รับผลกระทบจากอุทกภัยที่ผ่านมา โดยเกเตอเรดหวังว่าการสนับสนุนนี้จะช่วยฟื้นฟูและสร้างขวัญกำลังใจให้กับเยาวชน รวมถึงชุมชนให้กลับมาเข้มแข็งอีกครั้ง”
สำหรับปีนี้ Gatorade 5v5 Football 2025 ยังคงจัดเต็มของรางวัล โดยทีมชนะเลิศจะได้รับถ้วยรางวัล พร้อมเงินรางวัล 30,000 บาท และสิทธิ์เป็นตัวแทนจากประเทศไทยบินลัดฟ้าเข้าร่วมทริปสุดเอ็กซ์คลูซีฟ การแข่งขัน Gatorade UCL Final 5v5 Experience ซึ่งจัดโดย PepsiCo Inc. ที่เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี มูลค่ากว่า 700,000 บาท ทีมรองชนะเลิศอันดับที่ 1 จะได้รับเงินรางวัล 20,000 บาท และทีมรองชนะเลิศอันดับที่ 2 จะได้รับเงินรางวัล 10,000 บาท รวมมูลค่าของรางวัลทั้งสิ้นกว่า 1,000,000 บาท
"เราเชื่อมั่นว่าการแข่งขันฟุตบอลเยาวชน ‘Gatorade 5v5’ ที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องนี้จะเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างและพัฒนานักฟุตบอลรุ่นใหม่ให้กับวงการฟุตบอลไทย พร้อมจุดประกายความฝันให้เยาวชนทุกคนได้ก้าวสู่เส้นทางที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต และนี่คือภารกิจที่เรามุ่งมั่นสานต่ออย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อให้ฟุตบอลเยาวชนไทยก้าวไกลสู่มาตรฐานระดับโลก" นายณุวัฒน์ กล่าวทิ้งท้าย
ห้ามพลาด! โอกาสสำหรับเยาวชนที่หลงใหลในกีฬาฟุตบอล กับทัวร์นาเมนต์สุดยิ่งใหญ่แห่งปี ‘Gatorade 5v5 Football 2025’ เปิดรับสมัครแล้วตั้งแต่วันนี้ - 7 มีนาคม 2568 โดยการแข่งขันจะเริ่มระเบิดความมันส์ตั้งแต่เดือนมกราคม - มีนาคม 2568 ผู้สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมเพื่อชิงความเป็นหนึ่งหรือติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางเพจเฟซบุ๊ก Gatorade 5v5 Football Thailand: www.facebook.com/Gatorade5v5FootballThailand หรือสอบถามโทรฯ 089-828-8566
สสส. โดยสมาคมเครือข่ายงดเหล้าและปัจจัยเสี่ยงต่อสุขภาพ (สคล.) ร่วมกับ ภาคีเครือข่ายและภาคเอกชน รวม 7 องค์กร ลงนามความร่วมมือ พร้อมจัดแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ SDN FUTSAL NO - L CUP “เพื่อนกันมันส์โนแอล” ไม่ดื่ม ไม่สูบ ไม่เสพ ไม่พนัน (รุ่นเยาวชนชาย รุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี) ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ณ ห้องนาคาฮอลล์ 2 (ชั้น 2) The Hall (วิภาวดี64) กรุงเทพมหานคร
นายพิทยา จินาวัฒน์ คณะกรรมการบริหารแผน คณะที่ 1 สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า การส่งเสริมกิจกรรมและพื้นที่สร้างสรรค์สำหรับเยาวชนเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของ สสส. ที่จะสร้างภูมิคุ้มกันจากปัจจัยเสี่ยงต่อสุขภาพ โดยเฉพาะบุหรี่ไฟฟ้า ที่มีรูปลักษณ์น่าดึงดูด มีความเท่ห์ กลายเป็นแฟชั่น มีรูปลักษณ์เหมือนอาร์ตทอย ตุ๊กตา กล่องน้ำผลไม้ และเครื่องเขียน จนแยกไม่ออกจากของเล่นจริง มีสีสันสดใส กลิ่นหอมหวาน ทำให้เด็กอาจเข้าใจผิดได้ว่าไม่อันตรายและเลือกมาสูบ ส่วนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ข้อมูลรายงานของศูนย์วิจัยปัญหาสุรา พบเยาวชนอายุ 15-19 ปี เป็นนักดื่มหน้าใหม่ถึง 9.6% ในจำนวนนี้ 24.3% เป็นนักดื่มประจำ ที่อาจมีแนวโน้มดื่มจนติดตั้งแต่อายุยังน้อย ขณะที่การพนัน ในปี 2566 มีคนรุ่นใหม่อายุ 15-25 ปี เล่นพนันออนไลน์ 2.9 ล้านคน ในจำนวนนี้ 1.4 ล้านคน เสี่ยงเป็นนักพนันหน้าใหม่สูงถึง 700,000 คน ที่ติดการพนันมีความเสี่ยงเกิดภาวะซึมเศร้า และใช้สารเสพติดสูงกว่าคนทั่วไป 2-5 เท่า การเล่นพนันมีผลต่อสมองของเด็ก ยิ่งเล่นยิ่งติดจนขาดความยับยั้งชั่งใจ ส่งผลให้กลายเป็นคนลักขโมยเพราะต้องการเงินไปเล่นพนัน ส่วนยาเสพติดผิดกฎหมายที่กำลังแพร่ระบาด รวมถึงกัญชา กระท่อม ซึ่งเข้าถึงได้โดยง่ายในปัจจุบัน ดังนั้น จึงเป็นเรื่องน่าภูมิใจที่เกิดความร่วมมือกว่า 13 หน่วยงานในระดับประเทศ รวมถึงหน่วยงานในระดับจังหวัด โดย สสส. หวังว่าโครงการปีนี้จะยิ่งสร้างเครือข่ายหน่วยงานที่เข็มแข็งเพื่อเด็กเยาวชนต่อไป
นายธีระ วัชรปราณี ผู้อำนวยการ สมาคมเครือข่ายองค์กรงดเหล้าและปัจจัยเสี่ยงต่อสุขภาพ (สคล.) เปิดเผยว่า โครงการนี้เริ่มตั้งแต่ปี 2561 ปัจจุบัน เป็นปี ที่ 7 และได้รับถ้วยพระราชทานฯ เป็นครั้งที่ 3 ซึ่งดำเนินการในพื้นที่ 77 จังหวัด ปีนี้คาดว่าจะมีทีมร่วมแข่งขัน มากกว่า 1,000 ทีม รวมเป็นจำนวนนักกีฬาและโค้ชเข้าร่วมกว่า 20,000 คน โดยเปิดรับการแข่งขันอย่างน้อยจังหวัดละ 12 ทีม แต่บางจังหวัดสามารถเปิดรับถึง 16 ทีม หรือ สมุทรปราการ 32 ทีม แม่ฮ่องสอนจัดแข่งทั้งจังหวัด กว่า 24 ทีม เชียงราย 24 ทีม เป็นต้น ทำให้รายการนี้เป็นรายการที่เปิดโอกาสทีมกีฬาทุกประเภททั้งทีมโรงเรียน ทีม Academy ทีมสมัครเล่น และให้เด็กทุกคนไม่จำกัดสัญชาติขอให้อยู่ในพื้นแผ่นดินไทยให้เข้าร่วมมากที่สุดในเวลานี้ ทั้งนี้ ผลการแข่งขันผู้ชนะระดับจังหวัดจะได้เข้าร่วมชิงแชมป์ระดับโซน 10 โซน และผู้ชนะ 10 ทีมระดับโซน บวก 2 ทีม ที่เป็นการนำที่ 2 ของ 10 โซนจับฉลากเทพีแห่งโชคเข้าร่วมระดับประเทศ ซึ่งรอบชิงแชมป์ประเทศจะจัดในช่วงเดือนมีนาคม 2568
สิ่งสำคัญคือ “โค้ชและผู้ใหญ่ใจดี” ที่สนับสนุนเด็กเยาวชน ซึ่งในปีที่ผ่านมา ได้เก็บแบบสอบถาม 945 คน พบว่า ร้อยละ 81.48 ไม่ได้ดื่มเหล้า ไม่ยุ่งเกี่ยวกับบุหรี่ กัญชาและการพนัน และเด็กเยาวชนเห็นว่าโค้ชมีการเปลี่ยนแปลงในที่ที่ดี กว่าร้อยละ 51.92 ดังนั้น โครงการจึงต่อยอดมอบรางวัลยอดโค้ชผู้สร้างแรงบันดาลใจ ผู้ที่มีความมุ่งมั่นสร้างทีม เป็นทีมให้โอกาสเยาวชน สร้างคุณค่าของกีฬามากกว่าการเอาชนะการแข่งขัน และไม่ดื่ม ไม่สูบเป็นแบบอย่างของเยาวชน ดังสโลแกนที่ว่า “เมื่อผู้ใหญ่เปลี่ยน เด็กจะเปลี่ยน” โดยย้ำว่า ผู้ใหญ่เป็นปัจจัยสำคัญที่จะหล่อหลอมเด็กๆ และรายการนี้เชื่อมั่นว่าเด็กๆ ที่กำลังอยู่ในวัยอยากรู้อยากลองจะมีวัคซีนที่ดีมีภูมิคุ้มกันที่จะไม่ไปใช้เหล้าบุหรี่พนันสารเสพติดที่เป็นปัจจัยเสี่ยงสุขภาพและอันตรายต่ออนาคต ซึ่งการสำรวจนักกีฬาในปีที่ผ่านมา 5,740 คน พบว่า นักกีฬาส่วนใหญ่ ร้อยละ 70 ที่ไม่ได้ยุ่งเกี่ยว แต่พบว่า ร้อยละ 30 เคยเกี่ยวข้องแล้ว ซึ่งในปีนี้เรามีกิจกรรมที่ต่อเนื่องมาทั้งปี จนมาเปิดฤดูกาลแข่งขัน จึงหวังว่าตัวเลข 30% นี้จะลดลง เพราะในวัยนี้น้องๆ ไม่ควรจะยุ่งเกี่ยว
ทางด้าน นายจรูญ แก้วมุกดากุล รองอธิบดีฯ ปฏิบัติหน้าที่แทนอธิบดีกรมพลศึกษา กล่าวว่า กรมพลศึกษาได้มุ่งเน้นส่งเสริมและสนับสนุนให้เยาวชนเล่นกีฬาและมีจิตใจที่รักการออกกำลังกาย เพื่อให้เยาวชนไทยมีสุขภาพแข็งแรง มีทักษะกีฬา ทัศนคติสุภาพบุรุษ “มิตรภาพ ให้อภัย มีน้ำใจนักกีฬา” และสามารถพัฒนาในระดับที่สูงขึ้นเป็นนักกีฬาอาชีพ โดยทางกรมพลศึกษาได้สนับสนุนบุคลากรผู้ตัดสินการแข่งขันตั้งแต่ระดับโซน นอกจากนั้น ยังร่วมมือจัดอบรม “โค้ชผู้สร้างแรงบันดาลใจ” ซึ่งเป็นระดับ T-License ร่วมกับโครงการกว่า 100 คน ซึ่งปีหน้านี้จะเปิดอบรมอีก 100 คน ซึ่งจะมีการเพิ่มหลักสูตรด้านจิตวิทยาเยาวชนด้านกีฬา คุณธรรม ทัศนคติ เพื่อสร้าง “ครอบครัวฟุตซอล” ให้เป็นฐานที่เข้มแข็งในอนาคต
นายอนุพงษ์ ไชยฤทธิ์ รองผู้อำนวยการองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) เวทีการแข่งขันกีฬาในประเทศไทยที่จะส่งเสริมเด็กและเยาวชนมีน้อยมาก เพราะกีฬาเยาวชนส่วนใหญ่ไม่สร้างรายได้ให้กับช่อง อีกทั้งยังเรตติ้งไม่ดี ดังนั้นรายการที่เรากำลังร่วมมือกันอยู่นี้ ช่องไทยพีบีเอสจึงตอบโจทย์สังคมที่สุด เราเพียงคาดหวังให้เด็กและเยาวชนมีพื้นที่ในการสร้างสรรค์และแสดงออก รายการ SDN FUTSAL NO - L CUP 2025 จึงเป็นพันธกิจสำคัญของไทยพีบีเอสเช่นกัน มีความเชื่อมั่นว่าโครงการนี้จะเป็นก้าวสำคัญในการสร้างสังคมที่ดีและปลอดภัยสำหรับเยาวชนไทย และเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วนในการทำให้โครงการนี้ประสบความสำเร็จ และจะช่วยให้เยาวชนทั่วประเทศได้มีโอกาสรับชมและได้รับแรงบันดาลใจจากการแข่งขันนี้
นายธีระ กล่าวในตอนท้ายว่า สำหรับภาคเอกชน ที่ร่วมสนับสนุนการแข่งขัน มีผลิตภัณฑ์ลูกฟุตซอล ยี่ห้อ MASZA สนับสนุนลูกฟุตซอลที่ใช้ในการแข่งขัน รองเท้ายี่ห้อ BAOJI สนับสนุนรองเท้าสำหรับนักกีฬาที่ใช้ในการแข่งขัน และ ผลิตภัณฑ์ Bangkrirk Design สนับสนุนชุดกีฬาสำหรับนักกีฬาและทีมงานจัดการแข่งขันในครั้งนี้ โดยการสนับสนุนดังกล่าวเป็นไปเพื่อสังคมโดยรวมและไม่มีข้อขัดแย้งเกี่ยวกับภารกิจในการสร้างเสริมสุขภาพตามหลักการของ สสส. สำหรับผู้สนใจสามารถติดตามการรับสมัคร โปรแกรมการแข่งขัน และผลการแข่งขัน ได้ที่ Facebook page SDN FUTSAL NO - L
บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต นำโดย คุณบุปผาวดี โอวรารินท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายทรัพยากรบุคคลและภาพลักษณ์องค์กรและการสื่อสารองค์กร (คนที่ 9 จากซ้าย แถวบนสุด) จัดกิจกรรมด้านสุขภาพ “Healthy You Happy Me” ให้แก่พนักงานในองค์กร อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 ภายใต้แนวความคิด HealthLympics ซึ่งพนักงานที่เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวจะสนุกกับการเรียนรู้และดูแลสุขภาพแบบครบองค์รวมผ่านกิจกรรมทั้งออนไลน์ และออนไซด์ รวมถึงเวิร์คชอป ระหว่างวันที่ 7-24 ตุลาคมที่ผ่านมา
ภายในงานมีกิจกรรมต่างๆ มากมาย เช่น Decorate You ให้พนักงานได้เรียนรู้การออกแบบชุดแก้วเซรามิกด้วยเทคนิค Water Decal พร้อมได้ชุดแก้วแบบที่มีหนึ่งเดียวในโลกกลับบ้าน Rhythm You เวิร์คชอปสอนมิกซ์เพลงง่ายๆ ด้วยมือถือเครื่องเดียว และ Shake You คลาสเต้นแนว Hip Hop ที่ให้พนักงานทั้งสนุกและสุขภาพดีไปพร้อมๆ กัน รวมถึงกิจกรรมสุดพิเศษ Strengthen You ที่ได้รับเกียรติจาก น้องเทนนิส พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ นักกีฬาเทควันโด แชมป์เหรียญทองเทควันโด Olympics มาสอนเบสิคเทควันโดให้กับพนักงานของเรา ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการดูแลพนักงานเสมือนคนในครอบครัวทั้งด้านสุขภาพร่างกาย และจิตใจ พร้อมมุ่งมั่นเคียงข้างทุกความเชื่อมั่น ดูแลกันตลอดไป
สำหรับท่านที่สนใจร่วมงานกับ กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต สามารถติดต่อได้ที่ โทร 02-056-3513-15 หรือ https://www.krungthai-axa.co.th/th/career
นายไพบูลย์ เปี่ยมเมตตา ผู้ช่วยเลขาธิการ สายกำกับผลิตภัณฑ์ประกันภัย สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) เปิดเผยว่า ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันเบี้ยประกันภัยสุขภาพมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากอัตราเงินเฟ้อทางการแพทย์ที่เพิ่มสูงขึ้น และค่ารักษาพยาบาลที่เกินความจำเป็นทางการแพทย์ ทำให้ประชาชนเข้าถึงการประกันภัยสุขภาพได้ยาก เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว สำนักงาน คปภ. จึงได้หารือเร่งด่วนกับภาคธุรกิจเพื่อหาแนวทางควบคุมค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลให้เหมาะสม และต้องไม่กระทบต่อสิทธิของผู้เอาประกันภัย โดยสำนักงาน คปภ. ได้นำเสนอให้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยสุขภาพ ที่เป็นทางเลือกให้กับผู้เอาประกันภัย เพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล เช่น กรณีที่มีอาการป่วยเล็กน้อย ให้สามารถไปซื้อยาได้เองจากร้านขายยา หรือกรณีที่ให้ผู้ป่วยร้องขอให้แพทย์ออกใบสั่งยาเพื่อไปซื้อยาเองจากร้านขายยา เป็นต้น ซึ่งจะส่งผลให้ชะลอการเพิ่มขึ้นของเบี้ยประกันภัย พร้อมทั้งได้จัดเตรียมทำแผนยุทธศาสตร์ด้านการประกันภัยสุขภาพ ภาคสมัครใจ เพื่อกำหนดแผนดำเนินการในการแก้ไขปัญหาการประกันภัยสุขภาพแบบยั่งยืนที่ไม่ใช่แก้ไขปัญหาเฉพาะบางประเด็น
นอกจากนี้ สำนักงาน คปภ. ได้ขอความร่วมมือจากภาคธุรกิจประกันภัยในการนำเสนอแนวทางปฏิบัติและผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่สามารถช่วยควบคุมค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลให้อยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ อีกทั้งส่งเสริมให้ประชาชนเรียนรู้ เข้าใจ และสามารถวางแผนใช้ประกันภัยสุขภาพอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างความยั่งยืนและความเป็นธรรมให้กับระบบประกันภัยสุขภาพของประเทศไทย
ในส่วนของภาคธุรกิจประกันชีวิต ได้เสนอแนวปฏิบัติในการควบคุมค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลให้มีความเหมาะสม เพื่อไม่ให้เบี้ยประกันภัยสูงจนผู้เอาประกันภัยไม่สามารถเข้าถึงได้ โดยได้กำหนดหลักเกณฑ์ใน 3 ข้อ ดังนี้ 1. กำหนดหลักเกณฑ์ ให้มีค่าใช้จ่ายร่วม (Copayment) ในเงื่อนไขการต่ออายุสัญญาเพิ่มเติมกรณีครบรอบปีกรมธรรม์ประกันภัย (Renewal) หากผู้เอาประกันภัยมีการเคลมเกินความจำเป็นทางการแพทย์ หรือมีการเคลมด้วยกลุ่มโรคป่วยเล็กน้อยทั่วไป (Simple Diseases) ตั้งแต่ 3 ครั้งขึ้นไป และมีอัตราการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนของผู้เอาประกันภัยแต่ละรายในรอบปีกรมธรรม์ประกันภัยตั้งแต่ร้อยละ 200 ของเบี้ยประกันภัยในปีต่ออายุ ทั้งนี้บริษัทต้องมีการแจ้งรายละเอียดหลักเกณฑ์การพิจารณา Simple Diseases ซึ่งประกอบด้วยกลุ่มโรคและข้อมูลทางคลินิกสำหรับการป่วยเล็กน้อยทั่วไปให้ผู้เอาประกันภัยได้ทราบตั้งแต่ตอนเสนอขาย 2. กำหนดให้มีการจ่ายค่าธรรมเนียมในการศัลยกรรมและการทำหัตถการของแพทย์ ตามอัตราค่าธรรมเนียมในการศัลยกรรมและการทำหัตถการของแพทย์ไม่เกิน 100% ของค่าธรรมเนียมแพทย์ที่ 90 เปอร์เซ็นต์ไทล์ ตามที่กำหนดไว้ในคู่มือค่าธรรมเนียมแพทย์ของแพทยสภาประเทศไทย เพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายในส่วนค่าธรรมเนียมแพทย์ และ 3. พิจารณาปรับปรุงหลักเกณฑ์เฉพาะกลุ่มการป่วยเล็กน้อยทั่วไป (Simple Diseases) สำหรับเด็กอายุ 3-5 ปี เพื่อให้หลักเกณฑ์ดังกล่าวมีความเหมาะสมและสอดคล้องกับเด็ก ซึ่งเปราะบางกว่ากลุ่มอายุอื่น
ทั้งนี้ สำนักงาน คปภ. ได้ชี้แจงภาคธุรกิจว่า แนวปฏิบัติดังกล่าวได้มีการกำหนดไว้ในคำสั่งนายทะเบียนที่ 14/2564 เรื่อง หลักเกณฑ์การให้ความเห็นชอบแบบและข้อความสัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยสุขภาพ ประเภทสามัญ แบบมาตรฐาน สำหรับบริษัทประกันชีวิต (New Health Standard) โดยภาคธุรกิจสามารถปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในคำสั่งนายทะเบียนได้ อย่างไรก็ตามในส่วนของการปรับปรุงหลักเกณฑ์ Simple Diseases สำหรับเด็กให้มีความเหมาะสมก็สามารถดำเนินการได้หากเป็นไปตามหลักเกณฑ์ทางการแพทย์ โดยปัจจุบัน สมาคมประกันชีวิตไทยอยู่ระหว่างการพิจารณาแนวทางการดำเนินงานที่เหมาะสม รวมถึงกลยุทธ์หรือเครื่องมือในการควบคุมค่าใช้จ่ายอื่นเพิ่มเติม และจะได้นำเสนอให้สำนักงาน คปภ. ทราบเพิ่มเติมต่อไป