December 05, 2025

ออเนอร์ (HONOR) ผู้ให้บริการอุปกรณ์อัจฉริยะชั้นนำระดับโลก เปิดตัว HONOR X6c สมาร์ตโฟนรุ่นเล็กใหม่ล่าสุด ที่ยกระดับสมาร์ตโฟนระดับเริ่มต้นด้วยเทคโนโลยี AI สุดล้ำ มอบประสิทธิภาพเหนือระดับในราคาคุ้มค่า โดดเด่นด้วยความทนทาน กันน้ำและกันกระแทกระดับ 5 ดาว โดยรองรับการตกจากที่สูงถึง 1.5 เมตร พร้อมการป้องกันน้ำและฝุ่นมาตรฐาน IP64 เสริมการใช้งานด้วย AI สุดล้ำ ที่ช่วยให้ชีวิตประจำวันเป็นเรื่องง่าย อาทิ AI Button ที่สามารถ0เข้าถึงเมนูลัดได้ทันทีเพียงกดครั้งเดียว และ ฟีเจอร์ AI Eraser สามารถช่วยลบวัตถุหรือบุคคลที่ไม่ต้องการออกจากภาพอย่างชาญฉลาด อีกทั้งยังมาพร้อมแบตเตอรี่ใหญ่จุใจ 5,300mAh รองรับชาร์จไว 35W และกล้องคู่ความละเอียด 50MP ให้ภาพคมชัด สดใสในทุกสภาพแสง สำหรับ HONOR X6c เตรียมวางจำหน่ายตั้งแต่ 11 สิงหาคมนี้ พร้อมโปรโมชันพิเศษ รับฟรี! HONOR Fan Gift พัดลมคล้องคอ มูลค่า 1,199 บาท เมื่อซื้อสินค้าระหว่าง 12 สิงหาคม – 30 กันยายน 2568

ฟีเจอร์ AI สุดล้ำ ยกระดับการใช้งานในทุกด้านให้เป็นเรื่องง่าย

จุดเด่นของ HONOR X6c คือการนำเทคโนโลยี AI มายกระดับการใช้งานสมาร์ตโฟนให้ฉลาดและสะดวกยิ่งขึ้น ด้วยปุ่ม AI Button พิเศษที่ให้ผู้ใช้เข้าถึงเมนูลัดได้เพียงกดครั้งเดียว หรือกดค้างเพื่อเปิด Google Lens ใช้สแกนวัตถุ แปลภาษา และค้นหาข้อมูลได้ทันใจ ช่วยให้ทั้งการทำงานและการใช้ชีวิตประจำวันคล่องตัวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ยังมาพร้อมฟีเจอร์ AI Eraser ที่ปฏิวัติการถ่ายภาพ ให้ผู้ใช้ลบวัตถุหรือบุคคลที่ไม่ต้องการออกจากภาพได้อย่างชาญฉลาด เพียงแตะเลือก ระบบ AI จะประมวลผลและลบออกอย่างเนียนตา โดยไม่ทำให้คุณภาพของภาพเสีย ทำให้ทุกภาพถ่ายออกมาสวยสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ

แบตเตอรี่อึด 5300mAh ชาร์จไว 35W ใช้งานได้ทั้งวัน

HONOR X6c มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุใหญ่ 5,300mAh ให้พลังงานเพียงพอสำหรับการใช้งานต่อเนื่องตลอดทั้งวัน ไม่ว่าจะท่องเว็บได้นานถึง 21 ชั่วโมง เล่นโซเชียลมีเดีย 18.96 ชั่วโมง หรือดู YouTube ต่อเนื่อง 21.56 ชั่วโมง ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ความทนทานของแบตเตอรี่ยังผ่านการรับรองว่าสามารถชาร์จซ้ำได้มากถึง 1,000 รอบ โดยยังคงความจุไว้ได้มากกว่า 80% แม้ใช้งานต่อเนื่องนานถึง 4 ปี เสริมด้วยเทคโนโลยี HONOR Super-Charge 35W ที่ชาร์จได้ถึง 18% ภายในเพียง 10 นาที ด้วยโหมด Super-Charging Boost พร้อมโหมด Ultra Power-Saving ที่ช่วยให้โทรต่อเนื่องได้ถึง 60 นาที หรือสแตนด์บายได้นาน 13.9 ชั่วโมง แม้แบตเหลือเพียง 2%

 

ทนทานทุกสถานการณ์ มาตรฐานระดับสากล พร้อมพื้นที่เก็บข้อมูลขนาดใหญ่

HONOR X6c สมาร์ตโฟนรุ่นเล็กที่สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับการใช้งานในชีวิตประจำวัน โดดเด่นด้วยความทนทานที่ผ่านการรับรอง SGS Premium Performance Certification ระดับ 5 ดาว ในด้านการต้านทานการตกและกระแทก ทนต่อการตกจากที่สูงถึง 1.5 เมตร พร้อมการป้องกันน้ำและฝุ่นมาตรฐาน IP64 ทำให้ใช้งานได้อย่างมั่นใจในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเจอฝนตก ละอองน้ำ หรือเผลอทำหล่นระหว่างวันก็ไร้กังวล

ด้านพื้นที่เก็บข้อมูล HONOR X6c จัดเต็มด้วย RAM ขนาด 12GB (6GB+6GB HONOR RAM Turbo) และความจุภายในทั้งหมด 2 สเปค ได้แก่ 128GB และ 256GB เพียงพอสำหรับเก็บความทรงจำและความบันเทิงทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นภาพถ่ายสูงสุด 60,000 ภาพ เพลงโปรดกว่า 24,000 เพลง หรือภาพยนตร์มากกว่า 200 เรื่อง อีกทั้งเทคโนโลยี HONOR RAM Turbo ยังช่วยให้เครื่องทำงานได้อย่างลื่นไหล รองรับการใช้งานแบบมัลติทาสกิ้ง เล่นเกมต่อเนื่อง หรือเปิดหลายแอปพร้อมกันได้โดยไม่สะดุด

สุดยอดกล้องถ่ายภาพ ด้วยระบบกล้องคู่ 50MP ถ่ายคมชัดในทุกสภาพแสง

HONOR X6c โดดเด่นด้วยระบบกล้องคู่ความละเอียดสูง 50 ล้านพิกเซล พร้อมกล้องเสริมที่ช่วยเพิ่มมิติและความลึกให้กับภาพ ถ่ายคมชัด สีสันสดใสในทุกสภาพแสง ไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือในที่แสงน้อย ทำให้ได้ภาพที่มีคุณภาพระดับมืออาชีพ ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ก็พร้อมเก็บภาพเซลฟี่ให้สดใสและคมชัด เสริมด้วยเทคโนโลยี AI ของ HONOR ที่ช่วยปรับแต่งภาพให้สวยงามสมบูรณ์แบบได้อย่างง่ายดาย ทำให้ทุกการถ่ายภาพเป็นเรื่องสนุกและได้ผลงานที่น่าประทับใจทุกครั้ง

นอกจากนี้ HONOR X6c มาพร้อมหน้าจอ Center Punch-Hole Display ขนาด 6.61 นิ้ว อัตรารีเฟรชสูง 120Hz ให้ภาพเคลื่อนไหวลื่นไหลและการตอบสนองสัมผัสที่รวดเร็วแม่นยำ ความสว่างสูงสุด 1010 nits แบบ Sunlight Display ทำให้มองเห็นหน้าจอได้ชัดเจนแม้กลางแจ้ง เหมาะสำหรับการอ่านข้อความ ดูภาพ หรือใช้งานโซเชียลกลางแดดจ้า ซึ่งนอกจากความสวยคมชัดแล้ว ยังใส่ใจสุขภาพดวงตาด้วยเทคโนโลยีถนอมสายตาครบครัน ทั้ง E-book Mode, DC Dimming, Eye Protection Mode และ Dynamic Dimming ช่วยลดความเมื่อยล้าของดวงตาจากการใช้งานเป็นเวลานาน ให้คุณเพลิดเพลินกับคอนเทนต์ได้อย่างสบายตาในทุกสถานการณ์

อีกทั้งสมาร์ตโฟนรุ่นนี้รันบนระบบปฏิบัติการ MagicOS 9.0 ใหม่ล่าสุด บน Android 15 ให้ประสบการณ์การใช้งานที่ใช้งานง่ายและปรับแต่งได้ตามต้องการ มาพร้อมฟีเจอร์เด่นอย่าง Magic Capsule สำหรับการแจ้งเตือน, Magic Portal ที่ให้ผู้ใช้ลากเนื้อหาที่เลือกไปยังแถบด้านข้างเพื่อการโต้ตอบกับบริการที่เกี่ยวข้องได้อย่างราบรื่น และฟีเจอร์ Hidden Apps ที่ช่วยซ่อนแอปพลิเคชันที่มีความละเอียดอ่อนเพื่อการป้องกันความเป็นส่วนตัวที่ดียิ่งขึ้น

HONOR X6c มีให้เลือกทั้งหมด 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น 6+128GB ราคา 3,999 บาท มี 3 สี ได้แก่ Midnight Black, Moonlight White และ Ocean Cyan รุ่น 6+256GB ราคา 4,799 บาท มี 2 สี ได้แก่ Midnight Black และ Ocean Cyan พร้อมโปรโมชั่นพิเศษ! เมื่อซื้อ HONOR X6c ระหว่างวันที่ 12 สิงหาคม – 30 กันยายน 2568 รับฟรีทันที HONOR Fan Gift พัดลมคล้องคอ มูลค่า 1,199 บาท ผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมหรือสั่งซื้อได้ที่ Lazada : https://s.lazada.co.th/a.c04P6 และ Shopee : https://shopee.co.th/product/969190833/43209552449/ สามารถติดตามข่าวสารและกิจกรรมต่าง ๆ จาก HONOR ได้ทางเฟซบุ๊ก HONOR Thailand หรือร่วมทดสอบความ ถึก ทน คุ้ม พร้อม AI ได้แล้ววันนี้ที่ HONOR Experience Store ทุกสาขาทั่วประเทศ

FWD ประกันชีวิต ตอกย้ำแนวคิดการทำงานแบบ Customer-led ด้วย ‘FWD Future Linked 99/9’ แบบประกันชีวิตควบการลงทุนที่ออกแบบมาเพื่อกลุ่มคนที่ต้องการ ชีวิตที่มีอิสระในการเลือกพร้อมผสมผสานทั้งความคุ้มครองชีวิตและโอกาสสร้างผลตอบแทนในระยะยาว ตอบโจทย์เป้าหมายทางการเงินที่เปลี่ยนแปลงได้ตามจังหวะชีวิตจริง

ผลิตภัณฑ์นี้เปิดตัวท่ามกลางเทรนด์การเติบโตของประกันชีวิตควบการลงทุน (Unit-linked) ที่ได้รับความนิยมสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยจากข้อมูลล่าสุดของสมาคมประกันชีวิตไทย พบว่าผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้มีเบี้ยประกันภัยรับรวมสูงถึง 35,762 ล้านบาท ในปี 2567 เติบโตขึ้น 8.84% คิดเป็น 5.47% ของเบี้ยฯ รวมทั้งระบบ สะท้อนถึงความสนใจของผู้บริโภคที่หันมาเลือกผลิตภัณฑ์การเงินที่ให้ได้ทั้งความคุ้มครอง ความยืดหยุ่น และการบริหารพอร์ตลงทุนในเวลาเดียวกัน[1]


[1] https://www.tlaa.org/page_bx.php?cid=23&cno=1960&cno2=&show=36 (สไลด์ประกอบการนำเสนอ)

 

FWD ประกันชีวิต มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจที่ยึดความต้องการของลูกค้าเป็นหลักอย่างต่อเนื่อง ออกแบบโซลูชันทางการเงินที่ตอบโจทย์ทุกมิติของชีวิตด้วย “FWD Future Linked 99/9” (เอฟดับบลิวดี ฟิวเจอร์ ลิงค์ 99/9) แบบประกันชีวิตควบการลงทุน ที่ออกแบบมาเพื่อเป็นเครื่องมือช่วยบริหารจัดการทางการเงินสู่ความมั่งคั่งอย่างยั่งยืน ด้วยความคุ้มครองชีวิตถึงอายุ 99 ปี ระยะเวลาชำระเบี้ยประกันภัย 9 ปี พร้อมอิสระในการบริหารพอร์ตลงทุนได้ด้วยตนเอง เพื่อสร้างผลตอบแทนที่สอดคล้องกับเป้าหมายชีวิตในแบบที่ต้องการ และมาพร้อมบริการสุดเอ็กซ์คลูซีฟ “FWD Utmost” เอกสิทธิ์แห่งการดูแลสุขภาพและการใช้ชีวิตเหนือระดับ สำหรับลูกค้าที่มีเบี้ยประกันภัยรวมต่อปีตั้งแต่ 2 ล้านบาทขึ้นไป 

นายเดวิด โครูนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ประจำประเทศไทยและกัมพูชา บริษัท เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ FWD ประกันชีวิต กล่าวว่า “FWD ประกันชีวิต เข้าใจถึงความต้องการของลูกค้าที่มองหาเครื่องมือช่วยวางแผนทางการเงินที่ยืดหยุ่นและมั่นคง ด้วยแนวทางการทำงานที่ยึดความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก (Customer-led) เราจึงให้ความสำคัญกับการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบความต้องการของลูกค้าอย่างตรงจุด  “FWD Future Linked 99/9” เป็นแบบประกันที่มอบความคุ้มครองชีวิตพร้อมกับโอกาสในการลงทุน รวมถึงได้รับการออกแบบให้มีความยืดหยุ่นสูง เพื่อให้ลูกค้าสามารถบริหารแผนการเงินได้อย่างคล่องตัวและสอดคล้องกับเป้าหมายชีวิตในแต่ละช่วงเวลา สร้างสุขภาพทางการเงินที่ดีในระยะยาว พร้อมกับใช้ชีวิตในแบบที่ต้องการได้อย่างเต็มที่และไร้กังวล

จุดเด่นของแบบประกัน FWD Future Linked 99/9” คือ การมอบความมั่นใจพร้อมต่อยอดความมั่งคั่งในการวางแผนชีวิตระยะยาว ด้วยความคุ้มครองชีวิตควบการลงทุนที่เปิดโอกาสในการกำหนดเส้นทางการเงินได้เอง โดยให้ความคุ้มครองชีวิตถึงอายุ 99 ปี ชำระเบี้ยประกันภัย 9 ปี พร้อมความคุ้มครองชีวิตสูงถึง 50 เท่าของเบี้ยประกันภัยหลัก (ขึ้นอยู่กับอายุผู้เอาประกันภัย) เพื่อสร้างหลักประกันที่มั่นคงในระยะยาว ทั้งยังรับโบนัสพิเศษต่อเนื่องตลอดสัญญา เมื่อชำระเบี้ยฯ ครบ ทั้งรับโบนัสรายปีจนถึงวันครบรอบปีกรมธรรม์ที่อายุครบ 59 ปี และรับโบนัสรายเดือนเมื่ออายุครบ 60 ปีขึ้นไป พร้อมรับเพิ่มเป็น 2 เท่า หากผลตอบแทนจากการลงทุนลดลง สำหรับปีกรมธรรม์ถัดไป (เงื่อนไขและความคุ้มครองเป็นไปตามที่กรมธรรม์กำหนด) ซึ่งให้ความคุ้มค่าและสร้างความมั่นคงในทุกช่วงชีวิต ขณะเดียวกันยังเป็นการสร้างหลักประกันเพื่อส่งต่อให้กับครอบครัวและคนที่รัก

นอกจากนี้ยังให้อิสระแก่ลูกค้าในการบริหารพอร์ตการลงทุนอย่างเต็มที่ จากกองทุนรวมที่ได้รับการคัดสรรมาอย่างพิถีพิถันและบริหารจัดการโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน รวมถึงการสับเปลี่ยนกองทุนได้ในทุกสถานการณ์ โดยไม่มีค่าธรรมเนียม พร้อมด้วยเครื่องมือที่ช่วยให้การวางแผนการลงทุนเป็นเรื่องง่าย      ไม่ว่าจะเป็นบริการพอร์ตการลงทุนแนะนำ ตามระดับความเสี่ยง (Recommended Portfolios by Risk Profile) หรือบริการปรับสัดส่วนลงทุนอัตโนมัติ ตามพอร์ตการลงทุนที่แนะนำ ตามระดับความเสี่ยงของนักลงทุน (Automatic Recommended Portfolio Rebalancing by Investor’s Risk Level หรือ ARPR) ที่ดูแลปรับพอร์ตการลงทุนสอดคล้องกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ล่าสุดของลูกค้าให้อัตโนมัติทุก 3 เดือน เพื่อให้การบริหารความมั่งคั่งของลูกค้าเป็นเรื่องง่ายที่สุด

นอกเหนือจากนี้ FWD ประกันชีวิต ยังมอบประสบการณ์ให้แก่ลูกค้าประกันชีวิตควบการลงทุน ด้วย "FWD Utmost" เอกสิทธิ์แห่งการดูแลสุขภาพและการใช้ชีวิตเหนือระดับ สำหรับลูกค้าที่ถือกรมธรรม์ประกันชีวิตควบการลงทุน (ยูนิตลิงค์) ที่ชำระเบี้ยประกันภัยรวมต่อปีตั้งแต่ 2 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งรวบรวมบริการสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ครอบคลุมครบทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ Caring your health การดูแลสุขภาพองค์รวม Beyond your experience ประสบการณ์การเดินทางที่สมบูรณ์แบบ คุณภาพระดับมาตรฐานสากล Enrich your lifestyle ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตสุดเอ็กซ์คลูซีฟ และ Private personal assistant บริการผู้ช่วยส่วนตัว ที่พร้อมให้คำแนะนำและตอบสนองความต้องการทางด้านสุขภาพและไลฟ์สไตล์อย่างมืออาชีพ

ผู้สนใจผลิตภัณฑ์ "FWD Future Linked 99/9" สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.fwd.co.th/th/investment-linked-insurance/  และผู้สนใจบริการ "FWD Utmost" สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://www.fwd.co.th/th/rewards/fwd-utmost/ หรือสอบถามรายละเอียดจากตัวแทนประกันชีวิต FWD ทั่วประเทศ หรือติดต่อศูนย์บริการลูกค้า FWD โทร. 1351

คำเตือน : ผู้ซื้อควรทำความเข้าใจในรายละเอียด ลักษณะสินค้า ความคุ้มครอง เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุนและทำประกันทุกครั้ง

จับมือพันธมิตรพันธมิตรจากภาครัฐและเอกชน จัดค่าย “Creative AI Camp ปีที่ 8” สร้างสรรค์ AI แก้โจทย์ธุรกิจ

เมืองซูโจว ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของมณฑลเจียงซูของจีน  เป็นเมืองขึ้นชื่อที่มีประวัติศาสตร์ยาวถึง 2,500 ปี และมีเสน่ห์ทางวัฒนธรรม นับเป็นหนึ่งในเมืองที่เศรษฐกิจคึกคักที่สุดของจีนตั้งแต่โบราณกาล ได้รับการยกย่องว่าเป็นสวรรค์บนดิน

ในฐานะที่เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจในดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซี เมืองซูโจวแสดงบทบาททางเศรษฐกิจที่สำคัญในจีนเนื่องด้วยทำเลที่ตั้งที่ได้เปรียบ ระบบอุตสาหกรรมที่สมบูรณ์ และการเปิดกว้างที่มีประสิทธิผล ปี 2024 ที่ผ่านมา จีดีพีต่อหัวของเมืองซูโจวอยู่ที่ 2.06 แสนหยวน จัดอยู่ท็อป 10 ในบรรดาเมืองต่าง ๆ ของจีน มูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมของอุตสาหกรรมขนาดใหญ่อยู่ที่ 4.7 ล้านล้านหยวน อุตสาหกรรมด้านข้อมูลสารสนเทศ อุปกรณ์ระดับไฮเอนด์ และวัสดุขั้นสูง บรรลุมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมล้านล้านหยวน

ในด้านการเปิดกว้าง เมืองซูโจวมีวิสาหกิจทุนต่างชาติและฐานการส่งออกจำนวนมาก  ไตรมาสแรกปี 2025 มูลค่านำเข้าและส่งออกของเมืองซูโจวสูงถึง 632,520 ล้านหยวน เติบโต 7.3% มูลค่าการส่งออกไปยังประเทศร่วมสร้างสรรค์หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางเพิ่มขึ้น 14.3% การส่งออกอุปกรณ์ระดับไฮเอนด์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะสูงกว่า 20%

เมืองซูโจวค่อย ๆ วิวัฒนาการจากเมืองอารยธรรมการเกษตรแบบในน้ำมีปลาในนามีข้าว มาเป็นเมืองเศรษฐกิจพัฒนาที่มีประสิทธิผล และได้รับการยกย่องเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันปี และมีความทันสมัยที่คึกคัก

เขตเมืองโบราณของเมืองซูโจววิวัฒนาการจากอดีต

การอนุรักษ์เขตเมืองโบราณของซูโจวเป็นโครงการเชิงระบบที่ซับซ้อน ซึ่งต้องอนุรักษ์ทั้งสถาปัตยกรรม ถนนหนทาง และวิถีชีวิตที่เป็นเอกลักษณ์ของคนซูโจวในเขตเมืองโบราณด้วย จากการบูรณะให้กลมกลืนเหมือนของเดิมและการสร้างสรรค์ให้ฟื้นฟูความมีชีวิตชีวา เขตเมืองโบราณของซูโจวสร้างรูปแบบการพัฒนาที่ยั่งยืนที่ผสมผสานความเก่าแก่และความทันสมัย นับเป็นแบบฉบับแห่งการปรับปรุงย่านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของจีน

เขตเมืองโบราณของเมืองซูโจวตั้งอยู่ในเขตกูซู เมืองซูโจว มณฑลเจียงซู พื้นที่ 14.2 ตารางกิโลเมตร นับตั้งแต่แคว้นอู๋สมัยชุนชิวสร้างเมืองหลวงที่นี่จนถึงทุกวันนี้ เมืองนี้มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 2,500 ปี กู้เจี๋ยกัง นักประวัติศาสตร์ที่มีชื่อของจีนเห็นว่า ในแง่ความโบราณแล้ว เมืองซูโจวนับเป็นเบอร์หนึ่งของจีน เพราะตั้งแต่สมัยชุนชิวจนถึงทุกวันนี้ เมืองซูโจวพัฒนาในที่เดิมมาโดยตลอด

ความโบราณที่ว่านี้หมายถึงการรักษาผังเมืองโบราณอย่างสมบูรณ์ วันนี้ เขตเมืองโบราณของเมืองซูโจวยังคงรักษาไว้ซึ่งผังเมืองแบบกระดานหมากรุกคู่ขนาน "ทางน้ำขนานไปกับทางบก ถนนกับทางน้ำตั้งอยู่ติดกัน" ใน "ภาพผิงเจียง" สมัยราชวงศ์ซ้อง ซึ่งผิงเจียงเป็นหนึ่งในชื่อเดิมของเมืองซูโจว หร่วนหย่งซาน เจ้าหน้าที่สถานอนุรักษ์มรดกเมืองหร่วนอี๋ซาน เลขที่ 20 ถนนผิงเจียง กล่าวว่า “ค.ศ. 1229 ศิลาจารึกภาพวาดผิงเจียง ได้บันทึกโฉมหน้าพื้นฐานของเมืองซูโจวในสมัยราชวงศ์ซ้องใต้ ผังเมือง ระบบน้ำสายหลัก ถนนสายหลักของเขตเมืองโบราณซูโจวในทุกวันนี้คล้ายกับในภาพผิงเจียงอย่างมาก ซึ่งหาพบได้ยากในทั่วโลก”

ความโบราณที่ว่านี้ หมายถึงระบบที่เป็นเอกลักษณ์ ช่วง 2,500 ปีมานี้ คลองใหญ่ต้ายุ่นเหอเมื่อไหลเข้ามายังเขตเมืองซูโจวแล้ว ก็พัฒนาเป็นเครือข่ายระบบน้ำที่สมบูรณ์ ระบบน้ำในเมืองกับระบบน้ำจากนอกเมือง เชื่อมโยงกันที่แม่น้ำรอบเขตเมืองโบราณ รวมเป็นสายน้ำเดียวกัน จนถึงทุกวันนี้ แม่น้ำสายนี้ยังแสดงบทบาทสำคัญในด้านการขนส่งลำเลียง และการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม นับเป็นความพิเศษยอดเยี่ยมอย่างหนึ่งด้วย  

ในสมัยราชวงศ์ซ้อง คลองใหญ่ยาว 82 กิโลเมตร บนคลองมีสะพาน 314 แห่ง ในปลายราชวงศ์ชิง คลองยาว 58 กิโลเมตร บนคลองมีสะพาน 241 แห่ง ทุกวันนี้ คลองยาว 35 กิโลเมตร และมีสะพาน 168 แห่ง นับเป็นเมืองน้ำที่มีคลองยาวที่สุดและสะพานเยอะที่สุด มาร์โคโปโลยกย่องเมืองซูโจวว่าเป็น “เมืองเวนิชแห่งเอเชีย”

ผู้กำหนดนโยบายทุกสมัย และวงการต่าง ๆ ของเมืองซูโจว มีความผูกพันกับเมืองแห่งนี้อย่างมาก และเห็นคุณค่าอันล้ำค่าของเมืองโบราณนี้ด้วย โดยเฉพาะตั้งแต่ทศวรรษ 1980 เป็นต้นมา พร้อมไปกับการเร่งพัฒนาเศรษฐกิจ และเปิดกว้าง เมืองซูโจวปฏิบัติตามการอนุมัติชี้นำเกี่ยวกับการอนุรักษ์เขตเมืองโบราณของรัฐบาลจีน โดยกำหนดโครงสร้างพื้นฐาน ความสูงสิ่งก่อสร้าง สัดส่วนพื้นที่อาคารรวมต่อพื้นที่ดิน รูปทรงสิ่งก่อสร้าง ตลอดจนสีสันของสิ่งก่อสร้างด้วย ด้วยเหตุดังกล่าว การอนุรักษ์เขตเมืองโบราณของซูโจวจึงกลายเป็นแบบฉบับแห่งการอนุรักษ์เมืองวัฒนธรรมที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานของจีน

นอกจากสิ่งก่อสร้างที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานแล้ว บ้านพักชาวบ้านในเขตเมืองโบราณก็เป็นสิ่งที่ต้องอนุรักษ์อย่างดีด้วย “การมีบ้านอยู่ในเขตเมืองโบราณ” เป็นความภาคภูมิใจของคนซูโจว “คนที่อาศัยอยู่ในเขตวัฒนธรรมเชิงประวัติศาสตร์ผิงเจียงมีถึง 13,000 คน” หร่วนหย่งซานกล่าวถึงความสำคัญของคนที่อาศัยอยู่ในเขตเมืองโบราณว่า “การอนุรักษ์เสน่ห์ทางประวัติศาสตร์ของเขตเมืองโบราณต้องให้คนท้องถิ่นอาศัยอยู่ในเขตโบราณต่อ ซึ่งทางการท้องถิ่นกำหนดให้อัตราการกลับมาอาศัยอยู่ในที่เดิมของคนท้องถิ่นไม่ต่ำกว่า 50% และสิ่งก่อสร้าง 80% ยังคงเป็นบ้านพักอาศัย ขณะเดียวกันกับการรักษาวิถีชีวิตของชาวบ้านแล้ว เราจะปรับปรุงซ่อมแซมสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐาน และสิ่งแวดล้อมด้วย”

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เคยกล่าวว่า “หากมองไม่เห็นถึงความต่อเนื่องทางประวัติศาสตร์อันยาวนานของจีน ก็ไม่อาจจะเข้าใจจีนในยุคโบราณ ไม่อาจจะเข้าใจจีนในทุกวันนี้ และไม่อาจจะเข้าใจจีนในอนาคตได้” เมืองซูโจวซึ่งมีประวัติศาสตร์ยาวนานถึงพันปีแห่งนี้ ทำให้คนในยุคปัจจุบันสัมผัสถึงความรุ่งโรจน์ของวัฒนธรรมเมืองซูโจวในสมัยโบราณ และสัมผัสถึงความเชื่อมั่นทางวัฒนธรรมของซูโจว ซึ่งเศรษฐกิจพัฒนาอย่างรุ่งเรือง และมีเสน่ห์ที่ผสมผสานทั้งยุคโบราณกับยุคปัจจุบันเช่นนี้ นอกจากสะท้อนถึงความอุดมสมบูรณ์ทางวัตถุของซูโจวแล้ว ยังสะท้อนถึงความสงบและความเชื่อมั่นที่สั่งสมมาในประวัติศาสตร์อันยาวนาน

 

พัฒนาเมืองตามแนวคิดสีเขียว

เมื่อเทียบกับความเก่าแก่ของเขตเมืองโบราณซูโจวแล้ว นิคมอุตสาหกรรมเมืองซูโจว ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับเขตเมืองโบราณนั้นมีความทันสมัยอย่างมาก เมื่อ 30 ปีก่อน นิคมอุตสาหกรรมซูโจวยังคงเป็นทุ่งนาในเขตตะวันออกของเขตเมืองโบราณ ผ่านไป 30 ปี ที่นี่กลายเป็นเมืองสร้างสรรค์ที่มีความทันสมัยและคึกคักมาก ที่นี่ เขตเมืองก็คือแหล่งท่องเที่ยว ธุรกิจการค้าก็คือการท่องเที่ยว ทะเลสาบจินจี สวนสาธารณะที่สวยงามของเมืองซูโจว ตั้งอยู่ที่ใจกลางของเขตธุรกิจ ซึ่งอยู่ร่วมกับเขตเมืองโบราณอย่างกลมกลืน

เมื่อพูดถึงคําว่า "อุตสาหกรรม" ผู้คนมักนึกถึงอาคารโรงงานที่ตั้งติดกันมากมายและมลพิษร้ายแรงเป็นอันดับแรก แต่นิคมอุตสาหกรรมซูโจวสะท้อนถึงภาพลักษณ์เมืองที่ให้ความสำคัญกับระบบนิเวศทางธรรมชาติและเทคโนโลยีทันสมัยเท่าเทียมกัน นี่เป็นเพราะว่าทางนิคมส่งเสริมการประหยัดพลังงานและลดคาร์บอนในทั่วทั้งสังคม และเลือกใช้เส้นทางการพัฒนาที่มีคุณภาพสูงที่เน้นการอนุรักษ์ระบบนิเวศ และเน้นความเป็นสีเขียวคาร์บอนต่ำ

เมืองซูโจวเจริญรุ่งเรืองเพราะน้ำ น้ำคือจิตวิญญาณของซูโจว สําหรับการบําบัด "น้ำ" นิคมอุตสาหกรรมซูโจวมีความเป็นเอกลักษณ์ของตน เมื่อเดินเข้าไปในโรงบําบัดน้ำเสียแห่งที่สองของนิคมอุตสาหกรรมซูโจว ภาพที่พบเห็นเหมือนสวนสาธารณะเชิงนิเวศแห่งหนึ่ง ภายในโรงงาน ในพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีพื้นที่ประมาณ 2.9 เฮกตาร์ ต้นกกแกว่งไกวไปตามลมและดอกบัวงามบานสะพรั่ง

พื้นที่ชุ่มน้ำแห่งนี้มีฟังก์ชันการยกระดับคุณภาพน้ำตอนท้าย การฟื้นฟูแหล่งน้ำ ภูมิทัศน์พื้นที่สีเขียว การป้องกันน้ำท่วม และการชลประทาน โดยส่วนหนึ่งของน้ำตอนท้ายที่ผ่าน "ระบบรีไซเคิลน้ำกลับมาใช้ใหม่" แล้ว ถูกปล่อยเข้าสู่พื้นที่ชุ่มน้ำ เมื่อได้รับการปรับรักษาตามธรรมชาติ คุณภาพน้ำก็จะมีความบริสุทธิ์มากขึ้น

สิ่งที่น่าประทับใจยิ่งกว่าคือ แผงโซลาร์เซลล์ที่ตั้งอยู่บนบ่อบำบัดน้ำเสียที่ส่องประกายระยิบระยับ ที่นี่เป็นที่ตั้งโรงไฟฟ้าโซลาร์เซลล์แบบกระจายกำลังผลิต 5.72 เมกะวัตต์   ซึ่งเป็นโครงการ "โซลาร์เซลล์ + บำบัดน้ำเสีย" ที่ใหญ่ที่สุดในซูโจวในปัจจุบัน โครงการนี้ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ชนิดโมโนคริสตัลไลน์ประสิทธิภาพสูง 550 วัตต์ต่อแผง จำนวน 10,400 แผง เหนือบ่อบำบัดน้ำเสียและบนหลังคาอาคาร เป็นพื้นที่ 44,000 ตารางเมตร ข้อมูลระบุว่า โครงการนี้มีกําลังการผลิตไฟฟ้าเฉลี่ยต่อปีประมาณ 5.81 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งใช้กับท้องถิ่นหมด สามารถประหยัดถ่านหินมาตรฐานได้ประมาณ 1,743 ตัน และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ 3,486 ตันต่อปี

ในซูโจว ร่องรอยของ “คาร์บอนเป็นศูนย์” และ “รอยเท้าคาร์บอน” สามารถพบเห็นได้ทุกที่ ศูนย์โลจิสติกส์ไนกี้แห่งประเทศจีน ที่เมืองไท่ชาง ใช้พลังงานหมุนเวียน 100% และได้สร้างศูนย์โลจิสติกส์อัจฉริยะคาร์บอนเป็นศูนย์แบบผสานพลังงานลมกับแสงอาทิตย์

หมู่บ้านเจี่ยงเซี่ยง อำเภอจือถัง เมืองฉางสู เปิดตัวแพลตฟอร์มดิจิทัลบริหารจัดการพลังงานอัจฉริยะแบบบูรณาการ และคาร์บอนเป็นศูนย์เพื่อความสุขของชาวบ้าน กลายเป็นหมู่บ้านอัจฉริยะไร้คาร์บอนแห่งแรกของซูโจว แพลตฟอร์มจัดการ “รอยเท้าคาร์บอนอัจฉริยะ” แห่งแรกของมณฑลเจียงซู ก็เปิดตัวที่ซูโจว ช่วยคำนวณ “รอยเท้าคาร์บอน” ของผลิตภัณฑ์วิสาหกิจต่าง ๆ ข้อมูลถึงปี 2025 การใช้พลังงานต่อหน่วยจีดีพีของเมืองซูโจวลดลง 14.5% เมื่อเทียบกับปี 2020 เป็นการปูรากฐานมั่นคงเพื่อบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน

ความงามของสถาปัตยกรรม ธรรมชาติและวัฒนธรรมของสวนซูโจว

เมืองซูโจวมีสมบัติมากมาย “สวนโบราณซูโจว” ซึ่งได้รับการยกย่องว่า “จิตรกรรมสามมิติ บทกวีที่สถิตอยู่ และท่วงทำนองที่ไร้เสียง”นับเป็นนามบัตรที่เปล่งประกายที่สุดของเมืองซูโจวมาโดยตลอด

สวนซูโจว เริ่มสร้างขึ้นในยุคชุนชิว หรือกว่า 2,500 ปีก่อน เฟื่องฟูในยุคราชวงศ์ถังและซ้อง รุ่งเรืองสุดขีดในสมัยราชวงศ์หมิงและชิง โดยในยุครุ่งเรือง มีสวนซูโจวกว่า 250 แห่ง โดยคงเหลือให้เห็นถึงทุกวันนี้ 58 แห่ง ได้รับการขนานนามว่า ผลงานคลาสสิกแห่ง “ความกลมกลืนระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ” แตกต่างจากสวนหลวงทางภาคเหนือ

สวนซูโจวใช้หลักภูมิสถาปัตย์ "เล็กแต่ประณีต" โดยจัดภูเขาเทียม สระน้ำ เก๋งศาลา ตลอดจนพันธุ์พฤกษาให้อยู่ด้วยกันอย่างกลมกลืน ปรับความสมดุลระหว่างความว่างกับวัตถุจริงอย่างดี และใช้พื้นที่จำกัดในการสร้างบรรยากาศธรรมชาติอันเวิ้งว้าง‌ได้อย่างน่าอัศจรรย์

“เจ้าของสวนซูโจวส่วนใหญ่เป็นขุนนางที่ลาออกจากราชการ” เฮ่อ ชุนเฟิง ผู้อำนวยการสถาบันออกแบบสวนซูโจวแนะนำว่า สวนซูโจวมุ่งสร้างความหมายนอกรูปร่าง เป็นภูมิทัศน์แห่งอุดมคติของผู้สร้างที่ใช้สะท้อนความคิดเห็น ปรัชญา และอารมณ์ความรู้สึก เมื่อปัญญาชนลาออกจากราชการ มักจะซื้อที่ดินในย่านที่รุ่งเรืองที่สุด สร้างกำแพงสูงเพื่อกั้นโลกภายนอกที่วุ่นวาย  เชิญปัญญาชนไร้สังกัดมาร่วมกันร่ายบทกวี วาดภาพจิตรกรรม และบรรเลงดนตรี ช่วงนั้นสวนซูโจวจึงกลายเป็นผู้สืบทอดวัฒนธรรมอันรุ่งโรจน์ของเจียงหนาน

ปัจจุบัน ซูโจวมีสวนโบราณ 9 แห่งที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น ‌ “มรดกโลก” เช่น สวนจัวเจิ้งหยวน สวนหลิวหยวน และสวนหว่างซือหยวน เป็นต้น องค์การยูเนสโกประเมินว่า สวนต่าง ๆ ซึ่งสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 11—19 ด้วยการออกแบบที่ประณีตบรรจง สะท้อนภูมิปัญญาอันลุ่มลึกของวัฒนธรรมจีนที่เคารพกฎแห่งธรรมชาติ และเกินกว่าธรรมชาติ”

ปัจจุบัน สวนโบราณซูโจวกลายเป็นกำลังสำคัญของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการพัฒนาเศรษฐกิจการบริการของเมืองซูโจว เฉพาะสวนโบราณ 7 แห่งในเขตเมืองโบราณ ซึ่งเป็นมรดกโลกนั้น สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ปีละกว่า 3.5 ล้านคน และสร้างรายได้เฉพาะค่าเข้าชม 150 ล้านหยวนต่อปี

หลายปีมานี้ ซูโจวดำเนินยุทธศาสตร์ “ถ่ายโอนส่วนประกอบของสวนสู่พื้นที่สาธารณะ” ฟื้นฟูความชีวิตชีวาของวัฒนธรรมสวนโบราณ เพื่อให้นักท่องเที่ยวสัมผัสเสน่ห์วัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ นักออกแบบได้แฝงรหัสวัฒนธรรมของสวนโบราณต่าง ๆ เช่น ภูเขาจำลอง กรอบหน้าต่างลายดอกไม้ และศาลาโบราณ ไว้ที่วงเวียนจราจรและใต้ทางด่วน ช่วยตอบโจทย์พื้นที่พักผ่อนของชุมชน และประดับตัวเมืองให้มีเสน่ห์ความโบราณด้วย

ยกตัวอย่างเช่น เมื่อเดินตามถนนกันเจี้ยง กระถางดอกไม้แบบซูโจวเรียงรายตามริมถนนดั่งงานประติมากรรม สะท้อนถึงความประณีตของศิลปะการจัดสวนสไตล์เจียงหนาน และผู้คนที่เดินไปมาอย่างวุ่นวายนั้น ก็มีโอกาสชะลอฝีเท้าเพื่อชมความงดงามของสวนโบราณซูโจว

 

เมื่อยามค่ำมาเยือน เมืองซูโจวแห่งนี้มีความงดงามยิ่งขึ้นอีกสวนโบราณได้ขจัดข้อจำกัดด้านการท่องเที่ยวเฉพาะตอนกลางวัน โดยใช้ศิลปะแสงสีเสียงสร้างมหกรรมอันตระการตา ใต้ม่านราตรีแสงและเงาที่ตกทอดเคลื่อนไปมาระหว่างศาลาและหอของสวนหว่างซือหยวน ประกอบกับการประสานเสียงขับร้องงิ้ว ‌“คุนฉวี่” และเล่นดนตรี ‌“ผิงถาน”เป็นประสบการณ์เสมือนเดินในภาพวาด

ในสวนจัวเจิ้งหยวน นักท่องเที่ยวถือโคมกระดาษเดินชมทิวทัศน์สวยงามท่ามกลางบรรยากาศคึกคักของแสงสีเสียง ส่วนงาน “คืนมหัศจรรย์หู่ชิว”ใช้เเอฟเฟกต์แสงเงาในการฟื้นภาพความรุ่งโรจน์เมื่อพันปีก่อน เมื่อแสงสาดส่องเจดีย์บนภูเขาหู่ชิว ประวัติศาสตร์กับปัจจุบันหมือนซ้อนทับกัน ณ ที่แห่งนี้

กิจกรรมกลางคืนในสวนโบราณต่าง ๆ ยืดเวลาการอยู่เที่ยวชมของนักท่องเที่ยว ได้กระตุ้นการพัฒนาธุรกิจร้านอาหาร และโรงแรมในบริเวณรอบข้าง อัดฉีดแรงกระตุ้นการพัฒนาเศรษฐกิจท่องเที่ยวของเมืองซูโจวด้วย

นี่ก็คือซูโจว แผ่นหินทุกแผ่นได้จารึกลมหายใจแห่งกาลเวลา ผืนดินทุกตารางนิ้วรังสรรค์ความเป็นไปได้แห่งอนาคต ซูโจวเป็นเมืองที่ให้อดีตกับอนาคตจับมือกัน ประวัติศาสตร์ยาวนานถึง 2,500 ปี สะท้อนถึงความเป็นไปได้อันไร้ขีดจำกัดของอารยธรรมโบราณในยุคสมัยใหม่


เขียนโดย: หวังอวี๋ซินหง

แปลโดย: หานซี

ตรวจแก้โดย: รพีพรรณ วงษ์กรวรเวช

 

กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เดินหน้าส่งเสริมผู้ประกอบการไทย ยกระดับสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทยสู่ต่างประเทศ โดยร่วมกับ คิง เพาเวอร์ เปิด Pop-up counter “Nature for Future: Agriculture + Innovation” จัดแสดงและจำหน่ายสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทย ณ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ หวังจับกลุ่มชาวต่างชาติให้รู้จักสินค้าเกษตรนวัตกรรมให้แพร่หลายยิ่งขึ้น

นายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงการจัด Pop-up counter “Nature for Future: Agriculture + Innovation” ซึ่งจัดขึ้นภายในแนวคิด Cultivated in Thailand, Innovated for the World มุ่งส่งเสริมภาพลักษณ์และช่องทางการจำหน่ายสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทยสู่ต่างประเทศ โดยได้รับความร่วมมือจาก คิง เพาเวอร์ ในการจัดจำหน่ายสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทยที่มีศักยภาพ ทั้งสำหรับกลุ่มผู้ซื้อชาวต่างชาติรวมถึงชาวไทย ทั้งสินค้าอาหารและสินค้าไลฟ์สไตล์ ที่ได้คัดสรรจากสินค้าที่ได้รับรางวัล “Agri Plus Award” และสินค้าศักยภาพที่แสดงถึงความเป็นนวัตกรรม เพื่อส่งเสริมการสร้างมูลค่าเพิ่มจากสินค้าเกษตรไทย

​Pop-up counter “Nature for Future: Agriculture + Innovation” จำหน่ายสินค้าเกษตรนวัตกรรมครั้งนี้มีกำหนดจัดตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 21 กันยายน 2568 ณ ชั้น 1 คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์

โดยกรมการค้าต่างประเทศได้คัดสรรสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทยที่ได้รางวัลและผ่านเข้ารอบตัดสิน Agri Plus Award รวมถึงสินค้าที่มีศักยภาพในการส่งออกกว่า 60 รายการ จากผู้ประกอบการกว่า 30 ราย มาร่วมจัดจำหน่าย ไม่ว่าจะเป็นข้าวไร้แป้งจากไฟเบอร์สาหร่าย เม็ดฟู่สมุนไพรกลิ่นผลไม้ GI ของไทย กราโนลาข้าวก่ำล้านนาอินทรีย์ ข้าวเหนียวมะม่วงอัดเม็ด นวัตกรรมครีมเจลจากลูกประคบไทย ยาสีฟันสมุนไพรไทยอัดเม็ด กระเป๋ารองเท้าจากวัสดุ Upcycling จากฟางข้าว และสินค้าอื่นๆ อีกมากมาย โดยแต่ละผลิตภัณฑ์ สะท้อนความคิดสร้างสรรค์ในการผสมผสานธรรมชาติกับนวัตกรรมและเทคโนโลยี และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตรไทยให้สามารถเข้าถึงและตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพ ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ความยั่งยืน และมีสไตล์ ในขณะที่เสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบการไทยได้อย่างยั่งยืนไปพร้อมๆ กัน

​นายฉันทวิชญ์ฯ กล่าวย้ำว่า “กระทรวงพาณิชย์ให้ความสำคัญกับการพัฒนาต่อยอดสินค้าเกษตรไทยจากสินค้า ‘โภคภัณฑ์’ ไปสู่สินค้า ‘นวัตกรรม’ ตามแนวคิด ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ โดยพร้อมเดินหน้าส่งเสริมเกษตรกรไทยให้มีรายได้เพิ่มขึ้น และพัฒนาผู้ประกอบการสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทย โดยเฉพาะ SMEs ให้แข็งแกร่งพร้อมโกอินเตอร์ก้าวสู่ตลาดโลกอย่างมั่นคงและยั่งยืน ซึ่งผมเชื่อว่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สินค้าไทยมี

ที่ยืนในตลาดโลกมากขึ้น เนื่องจากเป็นสินค้าที่สอดรับกับเทรนด์โลก ช่วยเพิ่มมูลค่าให้สินค้าเกษตรไทย และส่งผลให้เกษตรกรขายผลผลิตได้ราคาดี ทั้งนี้ ในปี 2567 ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าต่างประเทศได้ดำเนินกิจกรรมส่งเสริมขยายตลาดสินค้าเกษตรนวัตกรรมสู่ตลาดต่างประเทศ โดยมีมูลค่าการค้าที่ได้รับ

การส่งเสริมฯ รวม 367 ล้านบาท และมั่นใจว่ามูลค่าการค้าสินค้าเกษตรนวัตกรรมจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างแน่นอน สำหรับกิจกรรม Pop-up counter นี้จะเป็นส่วนสำคัญในการส่งเสริมสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทย ซึ่งเป็นสินค้าคุณภาพดีในการเป็นของขวัญของฝากจากเมืองไทย ซึ่งจะเป็นตัวเชื่อมสำคัญที่นำสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทยสู่ตลาดสากล และสร้างมูลค่าการค้าได้มากขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม”

​ในการนี้ กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ขอเชิญชวนร่วมชม ชิม ช้อป แชะ แชร์ ใน Pop-up counter “Nature for Future: Agriculture + Innovation” มาเลือกชมเลือกซื้อสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทย

เพื่อสุขภาพและเพื่อโลกที่ยั่งยืน พร้อมร่วมสนุก ร่วมลุ้นรับของที่ระลึกและรับคูปองส่วนลดสุดพิเศษ และช่วยกันบอกต่อกิจกรรมดีๆ ผลักดันสินค้าเกษตรนวัตกรรมของไทยให้เป็นที่รู้จักไปด้วยกัน ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 21 กันยายน 2568 ณ ชั้น 1 คิง เพาเวอร์ รางน้ำ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สถาบันส่งเสริมสินค้าเกษตรนวัตกรรม กรมการค้าต่างประเทศ โทร 0 2547 4744 หรือ Facebook Page: กรมการค้าต่างประเทศ DFT

การเลือกทำเลที่อยู่อาศัยในยุคนี้ ไม่ได้วัดแค่ความใกล้-ไกลอีกต่อไป แต่ต้องตอบโจทย์ทุกด้านของการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางที่เชื่อมโยงทุกเส้นทาง ความสะดวกสบายในชีวิตประจำวัน ไลฟ์สไตล์ที่ครบครัน หรือสภาพแวดล้อมที่เหมาะสำหรับทุกช่วงวัยของสมาชิกในครอบครัว ซึ่งหนึ่งในทำเลที่ตอบโจทย์เหล่านี้ได้ครบถ้วน และเป็นทำเลทวีมูลค่า คือ “เพชรเกษม–พุทธมณฑล” พื้นที่ศักยภาพสูงในฝั่งตะวันตกของกรุงเทพฯ

"เพชรเกษม–พุทธมณฑล" ตอบโจทย์ชีวิตเมือง ครบทุกไลฟ์สไตล์

เพชรเกษม พุทธมณฑล เป็นจุดหมายใหม่ของการอยู่อาศัย เพราะผสานคุณสมบัติสำคัญครบ ทั้งด้านการคมนาคม ไลฟ์สไตล์ การแพทย์ และการศึกษา เหมาะสำหรับการวางรากฐานชีวิตที่ดีในระยะยาว

  • คมนาคมเหนือระดับ เชื่อมต่อพื้นที่สำคัญใจกลางเมือง ด้วยถนนเส้นหลัก เพชรเกษม บรมราชชนนี และถนนตัดใหม่อย่าง พรานนก - สาย 4 ที่เปรียบเสมือนเส้นทางศักยภาพใหม่ในโซน ครบด้วยระบบขนส่งสาธารณะรถไฟฟ้าถึง 2 สาย MRT สายสีน้ำเงิน และ BTS สายสีเขียวเข้มที่พาคุณมุ่งตรงสู่ ย่านสาทร สีลม ได้ใกล้แค่เอื้อม
  • สิ่งอำนวยความสะดวก แหล่งไลฟ์สไตล์ครบครัน ตอบโจทย์ความต้องการของทุกวัย

ห้างสรรพสินค้าชั้นนำขนาดใหญ่ที่เป็นแลนด์มาร์กของคนในย่าน เดอะ มอลล์ ไลฟ์สโตร์ บางแค, เซ็นทรัล ศาลายา  ตลาดยุคใหม่ อย่าง ตลาดสดธนบุรี รายล้อมด้วยโรงพยาบาลชั้นนำให้อุ่นใจเรื่องสุขภาพได้ตลอด 24 ชั่วโมง อาทิ โรงพยาบาลธนบุรี ทวีวัฒนา, โรงพยาบาลพญาไท 3, ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก และอีกมากมาย อีกทั้งยังเป็นฮับของสถาบันการศึกษาทุกระดับชั้น อย่าง โรงเรียนอนุบาลเด่นหล้า เพชรเกษม, โรงเรียนเลิศหล้า, โรงเรียนอัสสัมชัญ ธนบุรี, มหาวิทยาลัยมหิดล รวมถึงโรงเรียนนานาชาติชั้นนำ อย่าง โรงเรียนนานาชาติบริติชโคลัมเบีย, โรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์ (SISB) ธนบุรี และโรงเรียนสาธิตนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล (MUIDS)

โครงการคุณภาพจากพฤกษาฯ ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ ยกระดับคุณภาพการอยู่อาศัย

เพราะพฤกษา เรียลเอสเตท เข้าใจลูกค้าที่มีความต้องการที่แตกต่างกัน จึงพัฒนาโครงการในทำเลทอง อย่าง เพชรเกษม–พุทธมณฑล ให้มีความหลากหลาย ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม ที่จะช่วยยกระดับคุณภาพการอยู่อาศัยให้ดีขึ้น ด้วยขนาดพื้นที่กว้างขวาง ตอบโจทย์ทุกสมาชิก ความหลากหลายเจน และครอบครัวใหญ่ เพื่อให้ทุกครอบครัวค้นพบบ้านที่ใช่สำหรับตัวเอง ภายใต้แบรนด์ที่ได้รับความไว้วางใจมาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็น ภัสสร เดอะแพลนท์ พาทิโอ และเดอะคอนเนค

  • ภัสสร เพรสทีจ ปิ่นเกล้า - เพชรเกษม บ้านเดี่ยวใหญ่ 4 ห้องนอน พร้อมห้องนอนล่าง 3 ที่จอดรถ บนพื้นที่กว่า 200 ตร.ม. ติดถนนใหญ่พุทธมณฑล สาย 4 เชื่อมต่อถนนพรานนก-สาย 4 เริ่ม 6.65 ล้าน
  • เดอะแพลนท์ ปิ่นเกล้า-สาย 5 บ้านแฝด พร้อมพรีเมี่ยมคลับเฮ้าส์ขนาดใหญ่ ใกล้เซ็นทรัลศาลายา เริ่ม 2.99 ล้าน
  • พาทิโอ กัลปพฤกษ์ - สาทร ดูเพล็กซ์ทาวน์โฮม 3.5 ชั้น โดดเด่นด้วยฟังก์ชั่นดีไซน์ Double Volume ใกล้รถไฟฟ้าต่อเดียวถึงสาทร สีลม เริ่ม 5.69 ล้าน
  • เดอะ คอนเนค เพชรเกษม 69 ซิตี้ทาวน์โฮม พร้อมคลับเฮ้าส์ 5 นาที ถึงรถไฟฟ้า MRT หลักสอง เริ่ม 2.89 ล้าน

โดยทุกโครงการของพฤกษาได้ออกแบบการอยู่อาศัยที่เป็นมากกว่าบ้านทั่ว ๆ ไป ผ่านแนวคิด ‘LIFETIME WELL-LIVING อยู่ดี...ทั้งชีวิต’ ช่วยยกระดับการใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ ผสานสภาพแวดล้อมของการอยู่อาศัยเข้ากับระบบการดูแลสุขภาพที่ครอบคลุมในทุกมิติ ควบคู่ไปกับการสร้างสังคมความอยู่ดี ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่กระบวนการสร้างที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัย มีพื้นที่ธรรมชาติสวนสีเขียวที่โอบล้อมตัวบ้าน มีระบบรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน ทั้ง สโมสร สระว่ายน้ำ ฟิตเนส สวนสาธารณะ สนามเด็กเล่น ที่ได้นำความรู้ด้าน Lifestyle Medicine มาผสานเข้ากับการใช้ชีวิต รวมทั้งกิจกรรมและเวิร์กช้อปที่สร้างความ “อยู่ดี มีสุข” ให้เกิดขึ้นกับลูกบ้านในทุกๆ วัน

สนใจลงทะเบียนเยี่ยมชมโครงการฯ พร้อมติดตามข้อมูลข่าวสารและสิทธิพิเศษ เพิ่มเติมได้ที่เพจเฟซบุ๊ก Pruksa Family Club เว็บไซต์ www.pruksa.com หรือโทร. 1739

ชับบ์ ไลฟ์ ประกันชีวิต ยกทัพผู้บริหารตัวแทนกว่า 400 ท่าน จัดงานประชุมใหญ่ “Agency Leaders Seminar 2025” เพื่อส่งมอบกลยุทธ์ใหม่ภายใต้แนวคิด “Power UP to Shining Success” ในการสนับสนุนช่องทางการขายให้แข็งแกร่ง และมีเป้าหมายเพื่อผลักดันธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน

คุณอลิสา อารีพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า “กลยุทธ์  “Power UP to Shining Success” ที่เปิดตัวในงานประชุมในครั้งนี้ เป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของ ชับบ์ ไลฟ์ ประกันชีวิต ในการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ และการบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า พร้อมทั้งส่งเสริมศักยภาพของตัวแทนที่แข็งแกร่งให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ผ่านการใช้เครื่องมือดิจิทัลที่ทันสมัย ที่จะช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย และรวดเร็วให้กับทั้งฝ่ายขายและลูกค้า ในการก้าวสู่การเป็นนักขายมืออาชีพ ซึ่งสอดคล้องกับหัวใจสำคัญในการดำเนินงานของบริษัทฯ คือการมุ่งเน้นให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง และการสร้างมาตรฐานใหม่ เพื่อส่งมอบความสุขให้กับลูกค้าอย่างยั่งยืน”

นอกจากนี้ ภายในงานมีผู้บริหารตัวแทนจากทั่วประเทศเข้าร่วมกิจกรรมสัมมนา โดยได้รับเกียรติจาก ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน พิธีกร นักสื่อสารชื่อดังของไทย มาร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวคิดในการทำงาน เพื่อก้าวสู่การเป็นนักขายมืออาชีพอย่างยั่งยืน สำหรับผู้ที่สนใจร่วมงานเป็นตัวแทนกับ ชับบ์ ไลฟ์ ประกันชีวิต สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.chubb.com/th/agent-career

โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ คว้ารางวัลบริษัทยอดเยี่ยมแห่งปี 2568 หมวดธุรกิจการแพทย์ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ในพิธีมอบรางวัล Money & Banking Awards 2025 จัดโดยวารสารการเงินธนาคาร เพื่อยกย่องบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ที่มีผลประกอบการรวมยอดเยี่ยมในรอบปี

โดยมี ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นประธานในพิธีและมอบรางวัล และนายสันติ วิริยะรังสฤษฎ์ ประธานบรรณาธิการ วารสารการเงินธนาคาร เป็นประธานจัดงาน ซึ่งได้รับเกียรติจาก ดร.อาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ และ คุณอรภรรณ บัวม่วง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการเงิน โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เป็นตัวแทนรับมอบรางวัล ณ โรงแรม ไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ สุขุมวิท

คุณแบร์รี่ วอล์ฟแมน Senior Executive Director of Operations โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า “การได้รับรางวัลดังกล่าว นอกจากจะเป็นเครื่องการันตีถึงความเป็นเลิศแล้ว ยังตอกย้ำวิสัยทัศน์ขององค์กรที่จะเป็นจุดหมายแห่งการดูแลสุขภาพและสุขภาวะที่น่าเชื่อถือที่สุด ซึ่งสะท้อนถึงความทุ่มเทของบุคลากรของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ในการส่งมอบประสบการณ์การดูแลสุขภาพที่มีคุณภาพให้แก่ผู้รับบริการ พันธมิตร และชุมชนของโรงพยาบาลฯ”

 

ดร.อาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวเสริมว่า “ความสำเร็จนี้ แสดงถึงความเชื่อมั่นและความไว้วางใจของผู้มารับบริการและสาธารณชนต่อโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ในฐานะหนึ่งในโรงพยาบาลที่ดีที่สุดในโลก ซึ่งไม่เพียงเป็นเครื่องยืนยันถึงความสำเร็จในผลการดำเนินงานตามกลยุทธ์ แต่ยังเสริมภาพลักษณ์ของประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางด้านการแพทย์และสุขภาพระดับนานาชาติอีกด้วย”

โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ พร้อมส่งมอบประสบการณ์การรักษาที่เป็นเลิศให้กับผู้ป่วยตามมาตรฐานสากล โดยเฉพาะการวินิจฉัยที่แม่นยำ ควบคู่ไปกับการใช้เทคโนโลยีอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย รวมถึงการพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์อย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับการบริบาลด้านสุขภาพของประเทศไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป

X

Right Click

No right click