ในยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีก้าวกระโดด สายอาชีพ STEM ที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมและคณิตศาสตร์ มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนโลกอนาคตในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ และกลายเป็นที่ต้องการตัวสูงของหลายองค์กรทั่วโลก โดยเฉพาะในสาขาที่มีโอกาสเติบโตอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นวิทยาการคอมพิวเตอร์ วิศวกรรม วิทยาศาสตร์ข้อมูล และผู้เชี่ยวชาญด้านปัญญาประดิษฐ์ ผู้ที่เรียนจบสาขา STEM มีโอกาสได้ทำงานในบริษัทชั้นนำระดับโลก อีกทั้งยังสามารถนำทักษะไปประยุกต์ใช้ในหลากหลายอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นด้านการเงิน การแพทย์ หรือแม้แต่การวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ด้วยค่าตอบแทนที่สูงตั้งแต่ $90,000 ถึง $190,000 ต่อปี
หากมีเป้าหมายที่จะศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลก Crimson Education เป็นอีกหนึ่งคำตอบที่ก้าวข้ามขีดจำกัด ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการช่วยเหลือนักเรียนไทยให้เข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยชื่อดังใน Ivy League เช่น Harvard University, Cornell, Columbia, Brown, Yale, University of Pennsylvania, หรือ MIT, Stanford ในสหรัฐอเมริกา หรือ Oxford, Cambridge ในอังกฤษ รวมไปถึงมหาวิทยาลัยชั้นนำอื่นๆ ทั่วโลกอีกมากมาย Crimson Education จะช่วยดูแลนักเรียนและผู้ปกครองแบบ 360 องศา ครอบคลุมในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การวางแผนกลยุทธ์ด้านการศึกษาและการสมัครเรียนต่อ การพัฒนาทักษะทางด้านวิชาการ การเตรียมสอบ SAT การทำกิจกรรมนอกหลักสูตรหรือ Capstone projects การเขียนเรียงความ และการเตรียมตัวสำหรับการสัมภาษณ์ ด้วยโปรแกรมการเรียนรู้เป็นรายบุคคล โดยจะมี Mentor หรือ Strategist ที่จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำให้คำปรึกษาแบบตัวต่อตัวอย่างใกล้ชิดร่วมกับทีมงานผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้าน รวมไปถึงมี Former Admission Officer หรืออดีตกรรมการคัดเลือกที่เคยทำงานร่วมกับมหาลัยชั้นนำของโลกเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในทีมที่ช่วยรีวิวและให้คำปรึกษาโดยตรงแก่นักเรียน ทำให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการและจุดแข็งของนักเรียนแต่ละคนได้อย่างตรงจุดและมีโอกาสสูงที่จะบรรลุเป้าหมายในการศึกษาต่อในต่างประเทศ
คุณภานุวัฒน์ เหลืองรัชนี กรรมการผู้จัดการ คริมสัน เอ็ดดูเคชั่น ประเทศไทย เปิดเผยในงานสัมมนา ‘Launchpad to Success US STEM Exploration’ ว่าปัจจุบันเด็กไทยให้ความสนใจศึกษาต่อด้าน STEM เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องหรือกว่า 50% เนื่องจากสามารถทำได้ในหลากหลายอาชีพ ทั้งวิศวกรซอฟต์แวร์ นักวิเคราะห์ระบบ นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล นักลงทุนสัมพันธ์ หรือนักวิจัยทางการแพทย์ เป็นต้น Crimson Education เป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านการศึกษาต่อระดับโลก ด้วยประสบการณ์กว่า 10 ปี และเครือข่าย 23 แห่งทั่วโลก ในแต่ละปีจะมีนักเรียนไทยสมัครเข้าใช้บริการประมาณ 200-300 คน ทั้งจากโรงเรียนนานาชาติ 70% และโรงเรียนไทย 30% นอกจากนี้ Crimson ยังมีพันธมิตรองค์กรชั้นนำอย่าง Amazon, PWC, Ferrari, Uber, Dentons, Strip, The Economist ที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการฝึกงานสำหรับนักเรียนที่ศึกษาในระดับ High School หรือมัธยมศึกษาตอนปลาย ทำให้สามารถช่วยให้นักเรียนต่างชาติและนักเรียนไทยได้รับโอกาสเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลก อาทิ MIT, Stanford, และ Ivy League ได้สูงกว่าค่าเฉลี่ยถึง 4-9 เท่า
จากสถิติที่ผ่านมา นักเรียน Crimson Education ได้รับข้อเสนอการตอบรับเข้าเรียนรวมกันมากกว่า 6,000 การตอบรับ จากกลุ่มมหาวิทยาลัยชั้นนำที่มีการแข่งขันสูงทั้งในสหรัฐอเมริกาและในสหราชอาณาจักร เช่น Stanford, MIT, Caltech, Harvard, Columbia, U Penn, Yale, Brown, Cornell, UC Berkeley, Oxford, Cambridge รวมไปถึงวิทยาลัยระดับโลกชั้นนำอื่นๆ แสดงให้เห็นว่านักเรียนได้รับคำแนะนำอย่างเป็นระบบ โดยมีอัตราการตอบรับสูงกว่าค่าเฉลี่ยถึง 4.5 เท่า และหากวางแผนการเตรียมตัวตั้งแต่ 4 ปีขึ้นไป ก็จะเพิ่มโอกาสได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่ตั้งเป้าไว้มากขึ้นถึง 9 เท่า โดยอัตราการตอบรับเข้าเรียนในกลุ่ม Ivy League ของนักเรียน Crimson อยู่ที่ 24.75% เทียบกับค่าเฉลี่ยทั่วไปที่ 5.2% เช่นเดียวกับการสมัครเข้ามหาวิทยาลัย Top 10 ของสหรัฐอเมริกา ที่มีอัตราการตอบรับ 24.55% เทียบกับค่าเฉลี่ยทั่วไปที่ 4.85% สำหรับนักเรียนไทยในปีที่ผ่านมาได้รับการตอบรับจากวิทยาลัยชื่อดังในสหรัฐอเมริกาและสหราฐอาณาจักร เช่น MIT, Cornell, UPenn, Columbia, Stanford และ Oxford รวมไปถึงวิทยาลัยชั้นนำอื่นๆ อีกมากกว่า 250 การตอบรับ
หนึ่งในตัวอย่างความสำเร็จของนักเรียน Crimson คือ คุณปาล์ม-ณัฐภัสสร นาคประเสริฐ จบจากโรงเรียนไทยและได้การตอบรับการศึกษาต่อจากมหาวิทยาลัยชั้นนำหลายแห่งทั่วโลก ทั้ง MIT, UPenn, Brown, UCLA และ UCSB ปัจจุบันคุณปาล์มจบปริญญาตรีด้าน Physics จาก University of Pennsylvania สหรัฐอเมริกา และปริญญาโทด้าน Machine Learning และ Big Data จาก Imperial College London ประเทศอังกฤษ สะท้อนให้เห็นว่าการเรียนในโรงเรียนไทยไม่ใช่อุปสรรค หากมีการวางแผนและเตรียมตัวที่ดี โดยคุณปาล์มเน้นย้ำว่าความสำเร็จไม่ได้ขึ้นอยู่กับเกรดเพียงอย่างเดียว แต่การมีส่วนร่วมในกิจกรรมนอกหลักสูตร การพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ และการเตรียมตัวอย่างรอบด้าน ทั้งด้านวิชาการ กิจกรรมนอกหลักสูตร และการเขียนเรียงความ Essay ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่ความสำเร็จได้
ปัจจุบันการส่งลูกเรียนต่อต่างประเทศในมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลกไม่ใช่เรื่องยาก หากมีการวางแผนและเตรียมพร้อมที่ดี ผู้ปกครองควรเริ่มต้นจากการวางแผนการเงินอย่างรอบคอบ พร้อมทั้งสนับสนุนให้บุตรหลานได้พัฒนาทักษะต่างๆ ทั้งด้านวิชาการและกิจกรรมนอกหลักสูตร การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาต่อต่างประเทศ จะช่วยให้กระบวนการเตรียมตัวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการวางแผนการศึกษาที่เป็นรายบุคคล การแนะนำกิจกรรมที่เหมาะสม และการฝึกฝนทักษะที่จำเป็นสำหรับการศึกษาต่อในระดับสูง การลงทุนในอนาคตของบุตรหลานด้วยการศึกษาต่อต่างประเทศ จะเปิดโอกาสให้ได้พัฒนาศักยภาพอย่างเต็มที่ และก้าวไปสู่ความสำเร็จในระดับสากล และยังเปิดประตูสู่โอกาสในการทำงานกับบริษัทชั้นนำระดับโลกอย่าง Google, Amazon, Meta และ Microsoft อีกด้วย
ผู้ปกครองและนักเรียนที่สนใจสามารถติดตามข่าวสารต่างๆ ของ คริมสัน เอ็ดดูเคชั่น หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทาง เฟซบุ๊ก Crimson Education Line: @crimsoneducationth (https://lin.ee/LUwty2Z) และเว็บไซต์ https://www.crimsoneducation.org/th-en นอกจากนี้ทางคริมสันยังเปิดโอกาสให้ผู้ปกครองและนักเรียนรับคำปรึกษาเพื่อประเมินโปร์ไฟล์หรือถามคำถามเกี่ยวกับวิธีการเตรียมตัวเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำได้ฟรี เพียงลงทะเบียนที่ https://bit.ly/bookaconsultationcrimson
บาร์เทอร์คาร์ด ประเทศไทย (Bartercard Thailand) ผู้นำแพลตฟอร์มการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการแบบไร้เงินสดอันดับหนึ่งของประเทศไทย เดินหน้าขับเคลื่อนและสร้างสรรค์สังคมอย่างต่อเนื่อง นำโดย นางสาวเรวดี วัฏฏานุรักษ์ กรรมการผู้จัดการ บาร์เทอร์คาร์ด ประเทศไทย ร่วมเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนของงาน Coin on Silom ครั้งที่ 26 ซึ่งจัดขึ้นโดยสโมสรโรตารีกรุงเทพใต้ (Rotary Bangkok South) เป็นกิจกรรมการกุศลที่มุ่งระดมทุนเพื่อสนับสนุนโครงการพัฒนาชุมชนที่ขาดแคลนในหลากหลายด้าน ทั้งการศึกษา การดูแลสุขภาพ และสาธารณสุข โดยมีเป้าหมายในการยกระดับคุณภาพชีวิตและสร้างความยั่งยืนให้กับสังคมไทย พร้อมด้วยทีมงานอาสาสมัครที่ร่วมสนับสนุนการดำเนินกิจกรรม เพื่อให้สำเร็จลุล่วงตามวัตถุประสงค์ของงานในครั้งนี้
การเข้าร่วมสนับสนุนงาน Coin on Silom สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ บาร์เทอร์คาร์ด ประเทศไทย ในการเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาสังคม นอกเหนือจากการดำเนินธุรกิจ บริษัทยังให้ความสำคัญกับการตอบแทนสังคมผ่านกิจกรรมการกุศลต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากความร่วมมือระหว่างสโมสรโรตารีกรุงเทพใต้และผู้สนับสนุนของงานในครั้งนี้โดยมี บาร์เทอร์คาร์ด ประเทศไทย เข้าร่วม ไม่เพียงแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการทำประโยชน์เพื่อสังคม แต่ยังเป็นตัวอย่างที่ดีของการผนึกกำลังระหว่างภาคธุรกิจและองค์กรการกุศล เพื่อร่วมกันพัฒนาสังคมไทยให้เติบโตอย่างแข็งแรงและยั่งยืน
บาร์เทอร์คาร์ด ประเทศไทย มุ่งมั่นสนับสนุนกิจกรรมเพื่อสังคมควบคู่ไปกับการพัฒนาและดำเนินธุรกิจอย่างเต็มประสิทธิภาพเพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนสมาชิกของ Bartercard ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเป็นสมาชิก Bartercard Thailand หรือการเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ได้ที่ www.bartercard.co.th หรือ This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. และโทร. 02-024-1000
บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ได้รับรางวัลเชิดชูเกียรติสถานประกอบกิจการดีเด่น ด้านแรงงานสัมพันธ์และสวัสดิการแรงงาน ประจำปี 2567 ระดับประเทศ ปีที่ 6 ประเภทไม่มีสหภาพแรงงาน กลุ่มสถานประกอบกิจการขนาดใหญ่ จัดโดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน จากการที่บริษัทฯ มีการบริหารจัดการด้านแรงงานสัมพันธ์และสวัสดิการที่มีมาตรฐานและเหมาะสม และมีการสร้างบรรยากาศการทำงานที่ส่งเสริมให้พนักงานมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความมั่นคงและปลอดภัย รวมถึงพัฒนาศักยภาพบุคลากรเพื่อนำไปสู่การทำงานที่มีประสิทธิภาพ สามารถให้บริการที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ได้รับความพึงพอใจ และสร้างความเติบโตให้แก่องค์กรอย่างยั่งยืน
ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย ลงนามบันทึกความเข้าใจเพื่อความร่วมมือทางธุรกิจกับ บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (SAM) สนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ที่ต้องการลงทุนซื้อสถานประกอบการ ผ่านโครงการสินเชื่อเพื่ออสังหาริมทรัพย์ทางธุรกิจ
การลงนามบันทึกความเข้าใจเพื่อความร่วมมือทางธุรกิจในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่กำลังตัดสินใจลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์ทางธุรกิจ เช่น โรงงาน โกดัง อาคารพาณิชย์ ฯลฯ จาก SAM ผ่านการสนับสนุนสินเชื่อธุรกิจเพื่อลงทุนในสถานประกอบการของธนาคารยูโอบี พร้อมกับอัตราดอกเบี้ย ระยะเวลาผ่อนชำระ และเงื่อนไขพิเศษจากธนาคาร
นางสยุมรัตน์ มาระเนตร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ Head of Business Banking ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย กล่าวว่า “ธนาคารเล็งเห็นถึงความต้องการของธุรกิจเอสเอ็มอี ในการเข้าถึงสินเชื่อเพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์ สำหรับต่อยอดการเติบโตของธุรกิจ ความร่วมมือกับ SAM ครั้งนี้ ผู้ประกอบการที่ต้องการลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์ทางธุรกิจกับทาง SAM สามารถขอรับพิจารณาสินเชื่อในอัตราดอกเบี้ยพิเศษ และระยะเวลาผ่อนชำระนานสูงสุดถึง 30 ปี ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น”
นายสุรงค์ สุวรรณวานิช ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (บสส.) หรือ SAM กล่าวว่า “ความร่วมมือระหว่าง SAM และธนาคารยูโอบี ในโครงการสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ทางธุรกิจ ในครั้งนี้ นอกจากช่วยสนับสนุนและสร้างโอกาสให้กับผู้ประกอบการ SME ที่ต้องการซื้อทรัพย์สินรอการขายหรือ NPA ของ SAM ที่มีอยู่จำนวนมากและหลากหลายในทำเลดีทั่วประเทศ ให้ได้มีโอกาสเข้าถึงบริการทางการเงิน และมีทางเลือกในการยื่นขอสินเชื่อด้วยอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสมแล้ว ยังเป็นการช่วยทำให้เกิดการนำทรัพย์ NPA ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์กลับสู่ระบบเศรษฐกิจและถูกใช้ประโยชน์อย่างเต็มศักยภาพ อันจะนำมาซึ่งความเข้มแข็งและความเติบโตของประเทศโดยรวม”
กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ) ประกาศแต่งตั้ง นายสยาม ประสิทธิศิริกุล ดำรงตำแหน่งประธานกลุ่มธุรกิจลูกค้ารายย่อยและลูกค้าบุคคล และแต่งตั้งนางสาวสายสุนีย์ หาญประเทืองศิลป์ ดำรงตำแหน่งประธานกลุ่มสนับสนุนธุรกิจด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและดิจิทัล โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568
นายสยาม ประสิทธิศิริกุล เป็นผู้บริหารระดับสูงที่มีความโดดเด่นด้วยประสบการณ์และความเข้าใจธุรกิจการเงินธนาคารอย่างลึกซึ้ง ตลอดระยะเวลากว่า 13 ปีที่ร่วมงานกับกรุงศรี นายสยามมีส่วนสำคัญต่อความสำเร็จของธนาคาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนกรุงศรีสู่การเป็นผู้นำในด้านนวัตกรรมดิจิทัล รวมถึงการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัยและโครงการต่างๆ ที่ช่วยส่งเสริมนวัตกรรมซึ่งยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง พร้อมทั้งการส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า โดยก่อนหน้านี้ นายสยามยังประสบความสำเร็จในการบริหารงานและบริหารความสัมพันธ์กับกลุ่มลูกค้าธุรกิจ SME จนผลักดันให้กรุงศรีก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านการบริการธุรกิจสินเชื่อ SME ของประเทศไทย
สำหรับนางสาวสายสุนีย์ หาญประเทืองศิลป์ เป็นผู้บริหารที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีสารสนเทศด้วยประสบการณ์ในบริษัทที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศชั้นนำระดับโลก โดยตลอดระยะเวลากว่า 7 ปีที่ร่วมงานกับกรุงศรี นางสาวสายสุนีย์ประสบความสำเร็จในการบริหารงาน วางแผน และพัฒนาด้านนวัตกรรมดิจิทัลและเทคโนโลยีสารสนเทศ อีกทั้งยังมีบทบาทสำคัญในการวางรากฐานระบบงานด้านดิจิทัล ข้อมูล และเทคโนโลยีสารสนเทศของกรุงศรีกรุ๊ปให้แข็งแกร่ง โดยเฉพาะกรุงศรี คอนซูมเมอร์ นอกจากนี้ ยังได้สร้างวัฒนธรรมการทำงานและทีมงานรุ่นใหม่ๆ ให้กับกรุงศรี นิมเบิล นางสาวสายสุนีย์มีส่วนสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนกรุงศรีในการเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ส่งเสริมและพัฒนานวัตกรรมทางการเงินรูปแบบใหม่โดยใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ รวมทั้งการวางโครงสร้างพื้นฐานของระบบงานด้านดิจิทัลให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่อง
บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติ "ดีลแห่งปี" ในงาน SET Awards 2024 จาก Deal of the Year Awards – Mergers & Acquisition Deal ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้เพื่อยกย่องความสำเร็จและคุณค่าจากการควบรวมกิจการ (Amalgamation) ระหว่างบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เดิม และบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค ถือเป็นก้าวสำคัญทางประวัติศาสตร์ของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร รวมทั้งรางวัลนี้ถือเป็นก้าวสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทยโดยเฉพาะการมุ่งพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล
การควบรวมกิจการระหว่างทรู คอร์ปอเรชั่นเดิม และโทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น ซึ่งเสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2566 นับเป็นการควบรวมกิจการโทรคมนาคมที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เมื่อพิจารณาจากมูลค่าการควบรวม (Combined enterprise value) และเป็นการควบรวมกิจการที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ระหว่างบริษัทจดทะเบียนไทยสองบริษัทเมื่อพิจารณาจากมูลค่าตลาดรวม (Combined market capitalization) บริษัทใหม่ได้ยกระดับการเชื่อมต่อและนวัตกรรมดิจิทัลทั่วประเทศ พร้อมเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของไทยในวงการเทคโนโลยีระดับโลก
ดีลครั้งประวัติศาสตร์นี้เกิดจากวิสัยทัศน์ร่วมกันของเครือซีพีและกลุ่มเทเลนอร์ ในการสร้างบริษัทโทรคมนาคม-เทคโนโลยีชั้นนำในไทยที่สามารถรับมือกับความท้าทายในยุคดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เครือซีพี ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่นเดิม และกลุ่มเทเลนอร์ ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น สร้างความร่วมมืออย่างเท่าเทียมกัน โดยถือหุ้นกันที่ร้อยละ 30.3 ในบริษัทใหม่
นาย มนัสส์ มานะวุฒิเวช ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "รางวัล 'Deal of the Year Awards' จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและการเปลี่ยนแปลงของทรู คอร์ปอเรชั่นสู่การเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี เพิ่มขีดความสามารถในการลงทุนโครงข่ายใหม่ และสนับสนุนการพัฒนาด้านดิจิทัลของประเทศไทย ดีลนี้ถูกออกแบบมาเพื่อส่งเสริมนวัตกรรมในด้านต่างๆ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ คลาวด์ อุปกรณ์อัจฉริยะ และเมืองอัจฉริยะ ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของนโยบายประเทศไทย 4.0 ในการส่งเสริมด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม พร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลไทย"
การผนึกกำลังทางธุรกิจครั้งยิ่งใหญ่แห่งประวัติศาสตร์
รางวัล “Deal of the Year Awards" เป็นหนึ่งในรางวัลแห่งคุณค่าสูงสุดที่มอบโดยตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET) เพื่อเชิดชูธุรกรรมที่โดดเด่นและสร้างผลประโยชน์สร้างสรรค์ต่อตลาดทุน รางวัลนี้ยกย่องดีลที่แสดงให้เห็นถึงนวัตกรรม วิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ และการสร้างมูลค่าที่มีนัยสำคัญ
นายนกุล เซห์กัล หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน (ร่วม) บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "การได้รับรางวัล ‘ดีลแห่งปี หรือ Deal of the Year Awards’ จาก SET ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นอันแข็งแกร่งของกลุ่มเทเลนอร์และเครือซีพีในการสร้างผู้นำด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีที่สามารถขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลของประเทศไทย ดีลนี้เผชิญความท้าทายที่สำคัญหลายประการ รวมถึงการเจรจาที่อยู่ในช่วงผลกระทบของโควิด-19 สูงสุด เราได้จัดตั้งทีมเฉพาะกิจ (Clean teams) ภายใต้มาตรการพิเศษจากทั้งสองบริษัท ซึ่งช่วยให้มั่นใจว่าสามารถรักษาความลับของข้อมูลที่มีผลกระทบต่อมูลค่าราคาในตลาด และทั้งสองบริษัทยังคงแข่งขันกันได้ระหว่างการทำธุรกรรม การก้าวสู่ความท้าทายเหล่านี้ได้สำเร็จสะท้อนให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญและความแข็งแกร่งของทีมผู้นำและทีมการเงินของทั้งสองฝ่าย"
การควบรวมกิจการของ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น และ บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น ได้ให้ความสำคัญกับความโปร่งใสและการปฏิบัติต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholders) ทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียม ข้อมูลสำคัญได้ถูกเปิดเผยให้แก่ผู้ถือหุ้น นักลงทุน หน่วยงานกำกับดูแล เจ้าหนี้ และคู่ค้า เพื่อให้มั่นใจว่าการเปลี่ยนผ่านเป็นไปอย่างราบรื่น พร้อมข้อมูลครบถ้วน การยึดมั่นในหลักการความโปร่งใสนี้ ได้สร้างความเชื่อมั่นต่อทิศทางกลยุทธ์ของทรู คอร์ปอเรชั่นใหม่ สะท้อนผ่านรางวัล 'ดีลแห่งปี' จากตลาดหลักทรัพย์ฯ
มุ่งขับเคลื่อนอนาคตดิจิทัลของประเทศไทย
บริษัทใหม่คาดว่าจะสร้างผลประโยชน์ที่ได้จากการควบรวมกิจการ หรือ “Synergies” มูลค่า 2.5 แสนล้านบาทใน 4 ด้านหลัก ได้แก่ เทคโนโลยีและไอที การรวมองค์กรและการดำเนินงาน การจัดซื้อในระดับใหญ่ และผลประโยชน์ร่วมด้านรายได้ โดย Synergies นี้จะขับเคลื่อนการดำเนินงานที่มีกำไร ปรับปรุงกระบวนการให้มีประสิทธิภาพ และเพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขันของบริษัท
นายชารัด เมห์โรทรา รองประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "การควบรวมกิจการได้สร้างประโยชน์อย่างมากต่อผู้ใช้งานมือถือและประเทศ การควบรวมทำให้ทรู คอร์ปอเรชั่นสามารถเร่งพัฒนาความครอบคลุมของบริการ 5G เพิ่มคุณภาพโครงข่าย ความน่าเชื่อถือ และความเร็ว มอบประสบการณ์การเชื่อมต่อที่เหนือกว่าให้แก่ลูกค้า การผนึกจุดแข็งที่รวมกันของทรู และดีแทคสร้างสรรค์ให้เกิดผลิตภัณฑ์ บริการ และสิทธิพิเศษที่คุ้มค่ามากยิ่งขึ้น พร้อมยกระดับประสบการณ์ระดับเวิลด์คลาสแก่ลูกค้าของเรา ทั้งนี้ นับเป็นการยกระดับเศรษฐกิจดิจิทัลไทย ในการสร้างโอกาสใหม่ทั้งด้านธุรกิจและการสร้างงาน มุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีแห่งภูมิภาค "
ราคาหุ้นของทรู คอร์ปอเรชั่น (ชื่อย่อหลักทรัพย์: TRUE) หลังจากกลับมาจดทะเบียนซื้อขายใหม่เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2566 ได้เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 130 เมื่อเทียบกับต้นปี แสดงให้เห็นถึงการควบรวมได้ดึงดูดการลงทุนและความเชื่อมั่นจากนักลงทุนในประเทศและต่างประเทศ ทรูได้รับการปรับอันดับเครดิต (Credit rating) ที่ปรับตัวดีขึ้น และเพิ่มฐานนักลงทุนหุ้นกู้ที่กว้างขึ้นซึ่งมีส่วนช่วยในการเติบโตและเสถียรภาพของตลาดการเงิน นอกจากนี้ การควบรวมยังสร้างโอกาสในการจ้างงานและสนับสนุนผู้ผลิตและซัพพลายเออร์ในประเทศ ซึ่งมีส่วนช่วยในการพัฒนาเศรษฐกิจโดยรวม
Dow ประกาศรายชื่อผู้ชนะรางวัลนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ระดับโลก หรือ Packaging Innovation Awards (PIA) ครั้งที่ 35 โดยมีบรรจุภัณฑ์จากบริษัท สตาร์ปริ๊นท์ จำกัด (มหาชน) จากประเทศไทย ได้รับรางวัลแพลตินัม (Platinum award winner) ซึ่งผลงานทั้งหมดที่ได้รับรางวัลถูกจัดแสดงสู่สายตาผู้เชี่ยวชาญ ผู้ประกอบ และผู้ที่สนใจด้านบรรจุภัณฑ์เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและตอบเทรนด์โลกปัจจุบันกว่า 300,000 คน เมื่อวันที่ 23-25 ตุลาคมที่ผ่านมาในงานเเสดงสินค้าบรรจุภัณฑ์นานาชาติโตเกียว (Tokyo Pack 2024)
เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากทั่วโลก 18 ท่าน ที่มีความรู้กว้างขวางในหลากหลายด้านที่เกี่ยวข้องกับบรรจุภัณฑ์ได้ประชุมคัดเลือกผู้เข้ารอบสุดท้ายกันที่กรุงเทพฯ ซึ่งจัดขึ้นในเอเชียเป็นครั้งแรก ด้วยจำนวนบรรจุภัณฑ์ที่ส่งเข้าประกวดกว่า 300 ผลงานจากทั่วโลก จากนั้นได้คัดเลือกผู้ชนะ 28 รายที่มีความโดดเด่นใน 3 หลักเกณฑ์สำคัญ ได้แก่ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี แสดงออกถึงความรับผิดชอบและส่งเสริมความยั่งยืน และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้บริโภค โดยได้จัดพิธีมอบรางวัลที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ณ ศูนย์แสดงนิทรรศการนานาชาติโตเกียว Tokyo Big Sight
บริษัท สตาร์ปริ๊นท์ จำกัด (มหาชน) จากประเทศไทย ได้คิดค้นผลงาน “กล่องบรรจุภัณฑ์ของ Macada สำหรับถั่วแมคคาเดเมีย” ที่ออกแบบครอบคลุมการใช้งานตามหลัก Universal Design (การออกแบบเพื่อทุกคน) โดยมีการเพิ่มตัวอักษรเบรลล์ที่จุดเปิดเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้พิการทางสายตา และใช้ซิปเปอร์เพื่อให้ผู้สูงอายุและทุกคนสามารถเปิดกล่องได้ง่ายขึ้น แผงด้านหน้าสามารถขยายได้เพื่อใช้เป็นภาชนะทิ้งเปลือกแมคคาเดเมีย บรรจุภัณฑ์มีการซีลสุญญากาศจึงช่วยรักษาคุณภาพของสินค้า กล่องทำจากกระดาษที่รีไซเคิลได้ 100% สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ ใช้หมึกถั่วเหลืองในการพิมพ์ซึ่งปลอดภัยต่ออาหาร ผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้เป็นผู้ประกอบการไทยรายเดียวที่ได้รับรางวัลแพลตินัม (Platinum award winner) ในปีนี้
นางคาเรน เอส คาร์เตอร์ ประธานฝ่ายธุรกิจบรรจุภัณฑ์และพลาสติกชนิดพิเศษของ Dow กล่าวว่า “ผลงานในปีนี้สะท้อนถึงความก้าวหน้าของนวัตกรรมและความสำเร็จที่สะสมมาจากการแก้ปัญหาเชิงสร้างสรรค์ในระดับโลก ผลงานที่ได้รับรางวัลมีความหลากหลายและยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นวัสดุขั้นสูงที่ยืดอายุการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์ไปจนถึงการออกแบบที่ช่วยลดขยะบรรจุภัณฑ์ได้อย่างมหาศาล นวัตกรรมที่ถูกคิดค้นขึ้นเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความสามารถของอุตสาหกรรมในการแก้ปัญหาที่ซับซ้อน รางวัลนี้ไม่เพียงเฉลิมฉลองความสำเร็จในปัจจุบัน แต่ยังเป็นเวทีสำหรับความก้าวหน้าในอนาคตในวงการบรรจุภัณฑ์ทั่วโลก”
นายบัมบัง จันดรา รองประธานฝ่ายธุรกิจภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ธุรกิจบรรจุภัณฑ์และพลาสติกชนิดพิเศษของ Dow กล่าวเพิ่มเติมว่า “ด้วยบทบาทของเอเชียในฐานะศูนย์กลางการผลิตของโลก การจัดงานมอบรางวัลนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ในภูมิภาคนี้เป็นครั้งแรกถือเป็นก้าวสำคัญ และได้รับการตอบสนองอย่างดีเยี่ยมจากภาคอุตสาหกรรมด้วยผลงานที่ส่งเข้าประกวดเกือบครึ่งหนึ่งมาจากเอเชีย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของภูมิภาคนี้ในการกำหนดอนาคตของบรรจุภัณฑ์ด้วยนวัตกรรมในวัสดุศาสตร์ การคิดเชิงออกแบบ และความยั่งยืน”
นายเดวิด ลุทเทนเบอร์เกอร์ ประธานคณะกรรมการตัดสินรางวัล PIA ครั้งที่ 35 และผู้อำนวยการด้านบรรจุภัณฑ์ระดับโลก บริษัท มินเทล จำกัด กล่าวเสริมว่า “หลังจากนั่งเป็นกรรมการตัดสินมานานกว่าสิบปี สิ่งที่น่ายินดีที่สุดคือการได้เห็นการเพิ่มขีดความสามารถในการสร้างสรรค์นวัตกรรมและการมอบรางวัลให้กับผลงานใหม่ต่าง ๆ อย่างเช่นรางวัลพิเศษสำหรับตลาดใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้น รวมถึงการบุกเบิกบรรจุภัณฑ์ที่ทำจากวัสดุเพียงชนิดเดียวเพื่อให้รีไซเคิลได้ (mono-material) นี่เป็นข้อพิสูจน์ถึงภูมิทัศน์ระดับโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งแสดงให้เห็นชัดเจนว่าไอเดียใหม่ ๆ สามารถกำหนดอนาคตของอุตสาหกรรมลูกค้าของเราได้จริง ๆ”
ท่านสามารถดูรายละเอียดผลงานผู้ชนะรางวัลเพิ่มเติมได้ที่นี่ โดยรายชื่อผู้ได้รับรางวัล 28 ทีม ประกอบด้วย
ผู้ชนะรางวัลไดมอนด์:
รายชื่อผู้ได้รางวัลแพลตินัม:
รายชื่อผู้ได้รางวัลโกลด์:
รายชื่อผู้ได้รางวัลซิลเวอร์:
รายชื่อผู้ได้รางวัลพิเศษ:
Dow ประกาศรายชื่อผู้ชนะรางวัลนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ระดับโลก หรือ Packaging Innovation Awards (PIA) ครั้งที่ 35 โดยมีบรรจุภัณฑ์จากบริษัท สตาร์ปริ๊นท์ จำกัด (มหาชน) จากประเทศไทย ได้รับรางวัลแพลตินัม (Platinum award winner) ซึ่งผลงานทั้งหมดที่ได้รับรางวัลถูกจัดแสดงสู่สายตาผู้เชี่ยวชาญ ผู้ประกอบ และผู้ที่สนใจด้านบรรจุภัณฑ์เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและตอบเทรนด์โลกปัจจุบันกว่า 300,000 คน เมื่อวันที่ 23-25 ตุลาคมที่ผ่านมาในงานเเสดงสินค้าบรรจุภัณฑ์นานาชาติโตเกียว (Tokyo Pack 2024)
เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากทั่วโลก 18 ท่าน ที่มีความรู้กว้างขวางในหลากหลายด้านที่เกี่ยวข้องกับบรรจุภัณฑ์ได้ประชุมคัดเลือกผู้เข้ารอบสุดท้ายกันที่กรุงเทพฯ ซึ่งจัดขึ้นในเอเชียเป็นครั้งแรก ด้วยจำนวนบรรจุภัณฑ์ที่ส่งเข้าประกวดกว่า 300 ผลงานจากทั่วโลก จากนั้นได้คัดเลือกผู้ชนะ 28 รายที่มีความโดดเด่นใน 3 หลักเกณฑ์สำคัญ ได้แก่ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี แสดงออกถึงความรับผิดชอบและส่งเสริมความยั่งยืน และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้บริโภค โดยได้จัดพิธีมอบรางวัลที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ณ ศูนย์แสดงนิทรรศการนานาชาติโตเกียว Tokyo Big Sight
บริษัท สตาร์ปริ๊นท์ จำกัด (มหาชน) จากประเทศไทย ได้คิดค้นผลงาน “กล่องบรรจุภัณฑ์ของ Macada สำหรับถั่วแมคคาเดเมีย” ที่ออกแบบครอบคลุมการใช้งานตามหลัก Universal Design (การออกแบบเพื่อทุกคน) โดยมีการเพิ่มตัวอักษรเบรลล์ที่จุดเปิดเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้พิการทางสายตา และใช้ซิปเปอร์เพื่อให้ผู้สูงอายุและทุกคนสามารถเปิดกล่องได้ง่ายขึ้น แผงด้านหน้าสามารถขยายได้เพื่อใช้เป็นภาชนะทิ้งเปลือกแมคคาเดเมีย บรรจุภัณฑ์มีการซีลสุญญากาศจึงช่วยรักษาคุณภาพของสินค้า กล่องทำจากกระดาษที่รีไซเคิลได้ 100% สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ ใช้หมึกถั่วเหลืองในการพิมพ์ซึ่งปลอดภัยต่ออาหาร ผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้เป็นผู้ประกอบการไทยรายเดียวที่ได้รับรางวัลแพลตินัม (Platinum award winner) ในปีนี้
นางคาเรน เอส คาร์เตอร์ ประธานฝ่ายธุรกิจบรรจุภัณฑ์และพลาสติกชนิดพิเศษของ Dow กล่าวว่า “ผลงานในปีนี้สะท้อนถึงความก้าวหน้าของนวัตกรรมและความสำเร็จที่สะสมมาจากการแก้ปัญหาเชิงสร้างสรรค์ในระดับโลก ผลงานที่ได้รับรางวัลมีความหลากหลายและยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นวัสดุขั้นสูงที่ยืดอายุการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์ไปจนถึงการออกแบบที่ช่วยลดขยะบรรจุภัณฑ์ได้อย่างมหาศาล นวัตกรรมที่ถูกคิดค้นขึ้นเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความสามารถของอุตสาหกรรมในการแก้ปัญหาที่ซับซ้อน รางวัลนี้ไม่เพียงเฉลิมฉลองความสำเร็จในปัจจุบัน แต่ยังเป็นเวทีสำหรับความก้าวหน้าในอนาคตในวงการบรรจุภัณฑ์ทั่วโลก”
นายบัมบัง จันดรา รองประธานฝ่ายธุรกิจภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ธุรกิจบรรจุภัณฑ์และพลาสติกชนิดพิเศษของ Dow กล่าวเพิ่มเติมว่า “ด้วยบทบาทของเอเชียในฐานะศูนย์กลางการผลิตของโลก การจัดงานมอบรางวัลนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ในภูมิภาคนี้เป็นครั้งแรกถือเป็นก้าวสำคัญ และได้รับการตอบสนองอย่างดีเยี่ยมจากภาคอุตสาหกรรมด้วยผลงานที่ส่งเข้าประกวดเกือบครึ่งหนึ่งมาจากเอเชีย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของภูมิภาคนี้ในการกำหนดอนาคตของบรรจุภัณฑ์ด้วยนวัตกรรมในวัสดุศาสตร์ การคิดเชิงออกแบบ และความยั่งยืน”
นายเดวิด ลุทเทนเบอร์เกอร์ ประธานคณะกรรมการตัดสินรางวัล PIA ครั้งที่ 35 และผู้อำนวยการด้านบรรจุภัณฑ์ระดับโลก บริษัท มินเทล จำกัด กล่าวเสริมว่า “หลังจากนั่งเป็นกรรมการตัดสินมานานกว่าสิบปี สิ่งที่น่ายินดีที่สุดคือการได้เห็นการเพิ่มขีดความสามารถในการสร้างสรรค์นวัตกรรมและการมอบรางวัลให้กับผลงานใหม่ต่าง ๆ อย่างเช่นรางวัลพิเศษสำหรับตลาดใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้น รวมถึงการบุกเบิกบรรจุภัณฑ์ที่ทำจากวัสดุเพียงชนิดเดียวเพื่อให้รีไซเคิลได้ (mono-material) นี่เป็นข้อพิสูจน์ถึงภูมิทัศน์ระดับโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งแสดงให้เห็นชัดเจนว่าไอเดียใหม่ ๆ สามารถกำหนดอนาคตของอุตสาหกรรมลูกค้าของเราได้จริง ๆ”
ท่านสามารถดูรายละเอียดผลงานผู้ชนะรางวัลเพิ่มเติมได้ที่นี่ โดยรายชื่อผู้ได้รับรางวัล 28 ทีม ประกอบด้วย
ผู้ชนะรางวัลไดมอนด์:
รายชื่อผู้ได้รางวัลแพลตินัม:
รายชื่อผู้ได้รางวัลโกลด์:
รายชื่อผู้ได้รางวัลซิลเวอร์:
รายชื่อผู้ได้รางวัลพิเศษ: