December 05, 2025

ในยุคที่มิจฉาชีพแฝงตัวทุกที่ การรู้การเคลื่อนไหวเงินแบบทันที คือการป้องกันตัวเองที่ดีที่สุด กรุงศรีนำเสนอผู้ช่วยที่คุณไว้ใจได้ ด้วย “บริการแจ้งเตือนเงินเข้า-ออก ผ่าน LINE Krungsri Simple” ให้ลูกค้ากรุงศรีสามารถติดตามยอดเงินเข้า-ออกได้อย่างรวดเร็ว เพิ่มความสะดวก ปลอดภัย และมั่นใจให้กับทุกธุรกรรม อีกทั้งยังสามารถขอรายการเดินบัญชีย้อนหลัง (Statement) เช็กยอดเงินและการเคลื่อนไหวของบัญชีได้ทันที ผ่าน LINE ได้ง่ายๆ ฟรี! ไม่มีค่าบริการ

เพียง Add LINE Krungsri Simple กดสมัครบริการแจ้งเตือน และผูกบัญชีเงินฝาก สมัครใช้งานได้แล้ววันนี้ หรือดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ https://www.krungsri.com/th/personal/digital-banking/line-krungsri-simple?utm_source=PR

กองทุนประกันวินาศภัย (กปว.) บูรณาการร่วมกับกองทุนประกันชีวิต (กปช.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ภาค 2 (นครสวรรค์) และสำนักงาน คปภ. จังหวัดอุทัยธานี จัดโครงการ “สร้างความเข้าใจในกระบวนการชำระบัญชี พร้อมสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของการทำประกันวินาศภัย แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในธุรกิจประกันภัย จังหวัดอุทัยธานี” และ “โครงการบรรยายความรู้เกี่ยวกับบทบาท หน้าที่ และภารกิจของกองทุนประกันชีวิต และพบกลุ่มเป้าหมายเจ้าของเงินกรมธรรม์ล่วงพ้นอายุความ ประจำปี 2568” ณ ห้องประชุมรุ่งอรุณ โรงแรมธาราฮิลล์ จังหวัดอุทัยธานี กิจกรรมครั้งนี้มุ่งเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจแก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในธุรกิจประกันภัย โดยเฉพาะตัวแทน นายหน้าประกันภัย อาสาสมัครประกันภัย และเจ้าหนี้ของบริษัทประกันวินาศภัยที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยในพื้นที่จังหวัดอุทัยธานี เพื่อให้สามารถให้คำแนะนำผู้เอาประกันภัยได้อย่างถูกต้อง

ได้รับเกียรติจาก นายชนะพล มหาวงษ์ ผู้จัดการกองทุนประกันวินาศภัย เป็นประธานและบรรยายในหัวข้อ “กระบวนการชำระบัญชีของบริษัทประกันวินาศภัยที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาต” โดยให้ข้อมูลเกี่ยวกับขั้นตอนการพิจารณาและการจ่ายเงินคืนแก่เจ้าหนี้ตามสัญญาประกันภัย ด้านกองทุนประกันชีวิต ผู้จัดการกองทุนประกันชีวิตได้มอบหมายให้ นายกรัณย์ทัศ รักษ์ธรรมกิจ รักษาการหัวหน้าส่วนกลยุทธ์และส่งเสริมประชาสัมพันธ์ บรรยายหัวข้อ “บทบาท ภารกิจ และหน้าที่ของกองทุนประกันชีวิต” โดยเน้นเรื่องการดูแลสิทธิของผู้ถือกรมธรรม์ รวมถึงการตามหาเจ้าของเงินกรมธรรม์ที่ล้วงพ้นอายุความ พร้อมทั้งผู้อำนวยการภาค สำนักงาน คปภ. ภาค 2 (นครสวรรค์) ได้มอบหมายให้ นางสาวศิริกานดา กำลังประสิทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงาน คปภ. จังหวัดอุทัยธานี บรรยายในหัวข้อ “ภารกิจของสำนักงาน คปภ. ภาค 2 และจังหวัดอุทัยธานี” โดยกล่าวถึงบทบาทของ คปภ. ในการกำกับดูแลธุรกิจประกันภัย และการคุ้มครองสิทธิของประชาชนอย่างรอบด้าน

ภายในงานยังเปิดให้ผู้เข้าร่วม ซึ่งเป็นตัวแทน นายหน้าประกันภัย อาสาสมัครประกันภัย และเจ้าหนี้ของบริษัทประกันวินาศภัยที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยในพื้นที่ ร่วมซักถาม แลกเปลี่ยนความคิดเห็น โดยมีการหยิบยกประเด็นปัญหาที่พบบ่อยเช่น การอธิบายสิทธิของผู้เอาประกันกรณีบริษัทถูกเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัย หรือขั้นตอนการติดต่อเพื่อขอรับเงินคืนตามกรมธรรม์ที่ล้วงพ้นอายุความ ซึ่งบุคลากรจากทั้ง 2 กองทุน ได้ให้คำแนะนำที่ชัดเจนและนำไปใช้ได้จริง

 

นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมให้ร่วมสนุก การแจกของที่ระลึก เพื่อสร้างบรรยากาศที่เป็นมิตร และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐกับภาคเอกชนในอุตสาหกรรมประกันภัย อันจะนำไปสู่การเผยแพร่ความรู้ด้านการประกันภัยสู่ประชาชนอย่างทั่วถึง

ย้ำภาพตัวจริงเรื่องรสชาติถูกปากคนไทยด้วยแคมเปญ ‘’รสที่คิดถึง” พร้อมปลุกตำนานรสเห็ดทรัฟเฟิลคืนตลาด

นายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะเป็นประธานในพิธีเปิด Pop-up Counter ในธีม “Nature for Future: Agriculture + Innovation” ณ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ  ในวันที่ 8 สิงหาคม 2568 เวลา 13.30 น. ทั้งนี้โดยมีการจำหน่ายสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทยกว่า 60 รายการ จากผู้ประกอบการกว่า 30 ราย ไปจนถึงวันที่  21 กันยายน 2568 นี้

ในโอกาสนี้ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นาง อารดา เฟื่องทอง คณะผู้บริหารจากกระทรวงพาณิชย์ และคณะผู้บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ได้ร่วมให้การต้อนรับ โดยมี แอนโทเนีย โพซิ้ว รองชนะเลิศอันดับ 1 มิสยูนิเวิร์ส 2023 และมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2023 ให้เกียรติมาร่วมงานในฐานะพรีเซนเตอร์โครงการ

กิจกรรม Pop-up Counter “Nature for Future: Agriculture + Innovation” ดำเนินการโดยกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ โดยจัดจำหน่ายสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทย ที่มีศักยภาพทั้งสำหรับกลุ่มผู้ซื้อ ชาวไทย และ กลุ่มผู้ซื้อชาวต่างชาติ ทั้งสินค้าเกษตรนวัตกรรมอาหารและสินค้าไลฟ์สไตล์ โดยได้มีการคัดสรรจากสินค้าที่ได้รับรางวัล “Agri Plus Award” และสินค้าอื่นที่แสดงถึงความเป็นนวัตกรรม เพื่อการสร้างมูลค่าเพิ่มจากสินค้าเกษตรไทย แต่ละผลิตภัณฑ์สะท้อนความคิดสร้างสรรค์ในการผสมผสานธรรมชาติกับเทคโนโลยี ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพ ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  ความยั่งยืน และมีสไตล์ ในขณะที่เสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี ให้กับ เกษตรกร และผู้ประกอบการไทยได้อย่างยั่งยืนไปพร้อมๆ กัน

Pop-up Counter “Nature for Future: Agriculture + Innovation” เปิดให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวนานาชาติ เข้าชม ชิม ช้อป ใช้ และร่วมภาคภูมิใจกับสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทย พร้อมร่วมสนุก เพื่อลุ้นรับของที่ระลึกและคูปอง ส่วนลดสุดพิเศษได้ที่คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ตั้งแต่วันที่ 8 สิงหาคม ไปจนถึงวันที่ 21 กันยายน 2568

กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เร่งขยายตลาดส่งออก รับมือกำแพงภาษีสหรัฐฯ จัดกิจกรรม "จับคู่ธุรกิจเชื่อมไทยสู่โลก รับมือความท้าทายการค้าโลก" เชิญผู้ประกอบการไทยเข้าร่วม 156 บริษัท และผู้นำเข้า 135 บริษัท จาก 29 ประเทศทั่วโลก มีคู่เจรจาการค้ากว่า 700 คู่ ทั้งแบบ ออนไลน์ และ ออนไซต์ คาดสร้างมูลค่าการเจรจาการค้าจากกิจกรรมนี้ราว 800 ล้านบาท

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวในพิธีเปิดงาน "จับคู่ธุรกิจเชื่อมไทยสู่โลก รับมือความท้าทายการค้าโลก" (Thailand – Global Connect: Seeking New Opportunities amidst Global Trade Challenges) เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซ่า ลาดพร้าว กรุงเทพฯ ว่า “เศรษฐกิจการค้าของไทย การส่งออกถือเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ในปี 2568 ภาวะเศรษฐกิจโลกและอุปสงค์จากประเทศคู่ค้าหลายประเทศที่ชะลอตัวลง แต่ในทุกความท้าทาย กระทรวงพาณิชย์เชื่อมั่นว่ายังมีโอกาสรออยู่ โดยการส่งออกของไทยระหว่างเดือนมกราคม – มิถุนายน 2568 ไทยมีมูลค่าการส่งออกไปทั่วโลก 166,852 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 5.58 ล้านล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 15.03 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567 ตลาดส่งออกสำคัญได้แก่ สหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น อินเดีย และมาเลเซีย โดยการส่งออกไปยังตลาดสหรัฐอเมริกามีการเติบโตร้อยละ 29.74 สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องโทรสารโทรศัพท์และส่วนประกอบ หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ” 

จากมาตรการด้านภาษีของสหรัฐอเมริกา ส่งผลให้สถานการณ์การค้าโลกเกิดความผันผวน โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของไทย ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2568 ไทยส่งออกไปตลาดสหรัฐฯ มีมูลค่า 33,412.04 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 1,116,318 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 20.02 ของการส่งออกทั้งหมด

แม้ว่ามูลค่าการส่งออกของไทยไปยังตลาดสหรัฐอเมริกา ซึ่งยังคงเป็นตลาดหลักและมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่จากความไม่แน่นอนด้านนโยบายการค้าของสหรัฐอเมริกา และสถานการณ์การค้าโลกที่ผันผวน กระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินนโยบายเร่งรัดการส่งออกเชิงรุก โดยมุ่งเน้นการ “เร่งเครื่องส่งออกไทย บุกตลาดใหม่ทั่วโลก” สนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยเข้าถึงเครือข่ายคู่ค้าระหว่างประเทศได้อย่างทั่วถึงและ ตลอดจนการส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการให้มีความเข้มแข็งและสามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก

กิจกรรมจับคู่ธุรกิจเชื่อมไทยสู่โลก รับมือความท้าทายการค้าโลก หรือ Thailand – Global Connect : Seeking New Opportunities amidst Global Trade Challenges ซึ่งจัดขึ้นโดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ  ถือเป็นอีกหนึ่งในกิจกรรมสำคัญภายใต้นโยบายของกระทรวงพาณิชย์ที่สร้างโอกาสทางการค้าให้แก่ผู้ประกอบการไทย 156 บริษัท จากทุกคลัสเตอร์สินค้าและบริการศักยภาพของไทย ทั้งอาหารและเครื่องดื่ม สินค้าไลฟ์สไตล์ สินค้าสุขภาพและความงาม ชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องจักรกล เครื่องมือแพทย์ ธุรกิจบริการ และอีกมากมาย ได้เจรจาการค้ากับผู้นำเข้า135 บริษัท จาก 29 ประเทศทั่วโลก ซึ่งจะเกิดความร่วมมือทางการค้าอย่างเป็นรูปธรรม และนำไปสู่การขยายตลาด ส่งเสริมการส่งออก เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทยบนเวทีโลก

“กระทรวงพาณิชย์คาดว่า มูลค่าการเจรจาการค้าจากกิจกรรมนี้จะอยู่ที่ราว 800 ล้านบาท ซึ่งการสร้างเครือข่ายพันธมิตรและเปิดตลาดการค้าใหม่ จะเป็นกลไกสำคัญในการรักษาเสถียรภาพของการส่งออกไทยในยุคที่โลกการค้ากำลังเผชิญความไม่แน่นอน” นายสุชาติ กล่าวทิ้งท้าย

นายเคนอิจิ ยามาโตะ (กลาง) กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และนายไพโรจน์ ชื่นครุฑ (ขวา) ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านกลยุทธ์และวางแผนธุรกิจองค์กร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) รับมอบประกาศนียบัตร ESG100 Company จาก ดร.พิพัฒน์ ยอดพฤติการ (ซ้าย) ประธานสถาบันไทยพัฒน์ ในฐานะที่กรุงศรีได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งใน 100 บริษัทจดทะเบียนที่มีผลการดำเนินงานโดดเด่นในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) จากการประเมินบริษัทจดทะเบียนทั้งสิ้น 921 บริษัท โดยกรุงศรีได้รับการคัดเลือกอยู่ในรายชื่อ ESG100 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 10 สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบและคำนึงถึงมิติ ESG รวมทั้งเป้าหมายการเป็นธนาคารชั้นนำแห่งภูมิภาคเพื่อความยั่งยืน

BAM พลิกทรัพย์ร้าง เป็นทรัพย์สร้างคุณค่า เปิดตัวโครงการ “Smart Garden Home”  โมเดลบ้านอัจฉริยะ พลังงานสะอาด – เกษตรผสมผสาน – พึ่งพาตนเอง ต้นแบบวิถีชีวิตใหม่เพื่อโลกสีเขียว ใจกลางธรรมชาติจังหวัดนครนายก ภายใต้แนวคิด “ใช้ชีวิตใกล้ชิดธรรมชาติแต่ไม่ขาดเทคโนโลยี”

นางทองอุไร ลิ้มปิติ ประธานกรรมการ นายบรรยง วิเศษมงคลชัย รองประธานกรรมการ บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) พร้อมคณะกรรมการ และผู้บริหาร ได้เข้าร่วมพิธีเปิดโครงการ “BAM SMART GARDEN HOME” ณ จังหวัดนครนายก

นางทองอุไร ลิ้มปิติ ประธานกรรมการ บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM กล่าวว่า BAM มีนโยบายในการดำเนินธุรกิจที่มุ่งเน้นการสร้างความยั่งยืนให้กับระบบเศรษฐกิจและสังคม ควบคู่ไปกับการตระหนักรู้ถึงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม โดยที่ผ่านมาได้จัดทำโครงการสร้างที่อยู่อาศัยบนที่ดินในรูปแบบแปลงสาธิตพร้อมบ้านตัวอย่างที่ประยุกต์และผสมผสานระหว่างการทำเกษตรอินทรีย์ รอบตัวบ้าน ซึ่งแสดงถึงความใส่ใจในเรื่องสุขภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยเริ่มจากปี 2552 - 2554  BAM ได้น้อมนำแนวพระราชดำริเกี่ยวกับเกษตรทฤษฎีใหม่ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 มาเป็นแบบอย่างในการจัดทำโครงการ เช่น โครงการ“พออยู่พอกิน กับที่ดิน บสก.” ต่อยอดด้วยโครงการ “ทำกิน 1 ไร่ ทำได้  1 แสน” บนแปลงสาธิตที่มีนบุรี จากนั้นในปี 2561 -2562  ได้จัดทำโครงการบ้านสวนสุขใจ เป็นบ้านตัวอย่างที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตบ้านสวนในสังคมเมือง ที่ เมืองเอก รังสิต จังหวัดปทุมธานี ตามลำดับ ซึ่งโครงการต่างๆ เหล่านี้ได้รับการตอบรับจากลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย และทำให้ BAM ขายที่ดินเปล่าและที่ดินเกษตรกรรมไปได้เกือบ 7,000 ล้านบาท  

จะเห็นได้ว่า BAM ไม่ได้ทำหน้าที่เพียงเป็นผู้จำหน่ายทรัพย์สินรอการขายออกไปเท่านั้น แต่ยังริเริ่มโครงการในรูปแบบของแปลงสาธิต ซึ่งเป็นตัวอย่างให้ผู้ที่ซื้อที่ดินของ BAM สามารถมองเห็นภาพได้ชัดเจนว่าองค์ประกอบในการสร้าง Smart Garden Home  ตอบโจทย์ “บ้านแห่งอนาคต” ที่ประยุกต์การปลูกสวนครัวและสมุนไพรรอบบ้าน ผสมผสานกับเทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตที่เป็นมิตรต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม  

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BAM เปิดเผยว่า โครงการ “BAM SMART GARDEN HOME” เป็นโครงการต้นแบบบ้านอัจฉริยะพลังงานสะอาดที่ผสานแนวคิดเกษตรอินทรีย์บนพื้นที่กว่า 100 ไร่ ภายในโครงการ DEVAL RESORT and SPORT CLUB จังหวัดนครนายก เป็นการพลิกทรัพย์ร้าง ให้เป็นทรัพย์สร้างคุณค่า ภายใต้แนวคิด “SMART” ที่สื่อความหมายถึง

  • Self-sufficient (พึ่งพาตนเอง)
  • Modern (ทันสมัย)
  • Absorption (Carbon) (ลดคาร์บอนเพื่อสิ่งแวดล้อม) 
  • Recharge (ชาร์จพลังชีวิตใหม่)
  • Technology-oriented (เทคโนโลยี)

สำหรับโครงการนี้ถูกออกแบบเพื่อให้เป็น “บ้านที่มากกว่าบ้าน” โดยคำนึงถึงคุณภาพชีวิตในทุกมิติ ทั้ง สิ่งแวดล้อม เทคโนโลยี และความเป็นอิสระในการใช้ชีวิต พร้อมจัดสรรพื้นที่ดิน 3 ขนาด ได้แก่ 

  • ขนาด S – Muji Style เรียบง่าย สงบ โปร่งสบาย
  • ขนาด M – Modern Tropical รับลม แสงสว่าง เชื่อมต่อธรรมชาติ
  • ขนาด L – Nordic Style ดีไซน์อบอุ่น กว้างขวาง รองรับกิจกรรมกลางแจ้ง

 

บ้านทุกหลังติดตั้งระบบ Solar Cell Hybrid เพื่อลดการใช้พลังงานไฟฟ้า และควบคุมอุปกรณ์ต่าง ๆ ผ่านแอปพลิเคชัน พร้อมทั้งจัดพื้นที่ปลูกพืชผักปลอดสารในแต่ละแปลง สนับสนุนวิถีชีวิตใกล้ชิดธรรมชาติ ตอบโจทย์ทั้งกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่นิยมการทำงานแบบ Work from Home  หรือ Work from Anywhere และผู้ที่ต้องการความสงบ ปลอดภัย และคุณภาพชีวิตที่ดีในแบบ Slow Life โดยโครงการนี้ยังเป็นการช่วยเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินรอการขายของ BAM โดยใช้ที่ดินเปล่าที่มีศักยภาพจากแต่ละภูมิภาคมาจัดทำเป็นบ้านตัวอย่างพร้อมให้คำปรึกษาครบวงจร ตั้งแต่เริ่มต้นจนสร้างบ้านในฝันได้อย่างสมบูรณ์ บ้านตัวอย่างทุกหลังใช้พลังงานสะอาด มีระบบเก็บน้ำฝน พื้นที่สีเขียว และวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 

X

Right Click

No right click