December 23, 2024

ดร.สมพร สืบถวิลกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เข้ารับรางวัลบริษัทประกันวินาศภัยที่มีการบริหารงานดีเด่น อันดับ 1 และ รางวัลบริษัทประกันวินาศภัยที่สร้างสรรค์นวัตกรรมเทคโนโลยีประกันภัยดีเด่น  จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ในงานมอบรางวัลประกันภัยดีเด่นครบวงจร (Prime Minister’s Insurance Awards 2024) ประจำปี 2567 โดยได้รับเกียรติจากนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานในงานและมอบรางวัลอันทรงเกียรตินี้

รางวัลทั้ง 2 รางวัลถือเป็นเครื่องหมายยืนยันความเป็นผู้นำและคุณภาพของทีมงานทิพยประกันภัยในด้านการบริหารจัดการอย่างมืออาชีพฐานะทางการเงินที่มั่นคงแข็งแกร่ง  มีธรรมาภิบาลที่ยอดเยี่ยม และความมุ่งมั่นในการพัฒนาพร้อมนำนวัตกรรมเทคโนโลยีประกันภัยมาใช้ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายและการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในยุคดิจิทัล รางวัลนี้ถือเป็นความภาคภูมิใจของผู้บริหารและพนักงานทุกคน อีกทั้งยังเป็นรางวัลอันทรงเกียรติที่สุดของอุตสาหกรรมประกันภัยไทย

การได้รับรางวัลนี้เป็นการตอกย้ำถึงความเป็นผู้นำอันดับ 1 ด้านการประกันวินาศภัย ที่ยังคงรักษามาตรฐานการดำเนินงานที่เป็นเลิศในทุกมิติ นอกจากนี้ ทิพยประกันภัยยังมีบทบาทสำคัญในการมีส่วนร่วมดูแลประชาชน สังคม เศรษฐกิจ และประเทศชาติซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการการเติบโตที่ยั่งยืนในทุกมิติ งานนี้จัดขึ้น ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัลเวิลด์

เอไอเอ ประเทศไทย นำโดย นายโยฮัน ดีทอย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุน และ ด็อกเตอร์ คริสเตียน โรแลนด์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์และดิจิทัล รับรางวัล “บริษัทประกันชีวิตที่มีความยั่งยืนดีเด่น ประจำปี 2566” ติดต่อกันเป็นปีที่ 4 พร้อมด้วยรางวัล “ประกันชีวิตที่สร้างสรรค์นวัตกรรมเทคโนโลยีประกันภัยดีเด่น ประจำปี 2566” จากงานมอบรางวัลประกันภัยดีเด่นครบวงจร ประจำปี 2567 (Prime Minister’s Insurance Awards 2024) จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ซึ่งทั้งสองรางวัลดังกล่าวนับเป็นรางวัลเกียรติยศที่สะท้อนถึงการบริหารงานที่โดดเด่นและดำเนินงานตามหลัก ESG (Environmental, Social และ Governance) เพื่อมุ่งสร้างความยั่งยืนในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล ที่เอไอเอ ยึดมั่นมาตลอดกว่า 86 ปีในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ตลอดจนตอกย้ำถึงความเป็นที่หนึ่งในด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีเพื่อส่งมอบความคุ้มครองและการบริการที่ยอดเยี่ยมให้แก่คนไทยทั่วประเทศ ด้วยแอปพลิเคชัน AIA+ (เอไอเอ พลัส) แอปเดียวจบครบทุกบริการจากเอไอเอ

นอกจากนี้ ตัวแทนประกันชีวิตเอไอเอ ประเทศไทย จำนวน 9 ท่าน ยังได้เข้ารับรางวัล ‘ตัวแทนประกันชีวิตคุณภาพดีเด่น ประจำปี 2566’ ซึ่งประกอบด้วย นางสาวผานิต หมื่นสันธิ (หน่วยทองล้านนา 22) นายชัยญาพร พรมยะดวง (หน่วยเอ็มดีเอสที 5) นายรัฐวิชญ์ อัศวหิรัญพณิช (หน่วยเอ็นจอย เวลท์) นางอรวรรณ ผันเผาะ (หน่วยอาร์ที เอ็น ซัคเซสฟูล) นางสาวศิริภรณ์ พุทธรักษ์ (หน่วยเดือนทอง 8) นายเอกอนันต์ รื่นโต  (หน่วยเพชรสันติสุข 41) นางสาวอนุธิดา ชาวนาฝ้าย (หน่วยนำทอง 1215) นางเกศิณี เพ็ชรแสนงาม (หน่วยทองล้านนา 19) และ นางสาวธิดาจิตร มุขมณี (หน่วยทรัพย์ธานี 18 เอเอเอ 24)

สำหรับทุกรางวัลที่เอไอเอ ประเทศไทย และพลังตัวแทนได้รับในครั้งนี้ เป็นเครื่องหมายที่แสดงถึงคุณภาพในการดำเนินงานและมุ่งถึงประโยชน์ของลูกค้าเป็นสำคัญ ซึ่งเอไอเอ ไม่หยุดนิ่งที่จะพัฒนาองค์กรในทุกมิติ ควบคู่กับการยกระดับศักยภาพพลังตัวแทน เพื่อสนับสนุนให้คนไทยมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น สอดคล้องตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives’ ทั้งนี้ งานมอบรางวัลประกันภัยดีเด่นครบวงจร ประจำปี 2567 จัดขึ้นเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2567 ณ ห้อง World Ballroom โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์และแบงคอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์

นายปิติ ตัณฑเกษม (ที่ 4 จากซ้าย)  ประธานกรรมการ มูลนิธิทีทีบี และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบีธนชาต รับมอบเงินสนับสนุนมูลค่า 398,043.11 บาท จากนางสาวดารบุษป์ ปภาพจน์ (ที่ 3 จากซ้าย) กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จำกัด ในงาน fai-fah Art Fest 2024 เพื่อขับเคลื่อนโครงการไฟ-ฟ้า โครงการแห่งการ “ให้” ที่ยั่งยืน โดย มูลนิธิทีทีบี พร้อมต่อยอดสู่กิจกรรมที่เป็นประโยชน์และสร้างสรรค์ รวมถึงการสร้างเยาวชนคุณภาพ เพื่อส่งต่อพลังแห่งการให้กลับคืนสู่สังคมอย่างยั่งยืน ซึ่งเงินสนับสนุนดังกล่าวมาจาก 10% ของค่าบริหารจัดการ (Management Fee) กองทุนรวมหุ้นทีเอ็มบีธรรมมาภิบาลไทย โดยกิจกรรมจัดขึ้น ณ ทีเอ็มบีธนชาต สำนักงานใหญ่

ttb reserve จับมือ สถาบันวางแผนการศึกษาต่อต่างประเทศ EduSmith จัดสัมมนาพิเศษ ttb reserve Overseas Education Preparation วางแผนการไปศึกษาต่อต่างประเทศสำหรับบุตรหลาน พร้อมโซลูชันการเงินเพื่อต่อยอดความคุ้มค่าและรับผลตอบแทนที่มากกว่า สำหรับ ลูกค้า ttb reserve (ทีทีบี รีเซิร์ฟ) มอบโปรโมชันพิเศษรับส่วนลด 7% เมื่อเข้ารับบริการโปรแกรมสมัครศึกษาต่อ หรือคอร์สเรียนกลุ่ม/เดี่ยวกับ EduSmith ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 พฤศจิกายน 2567

นายชวมนต์ วินิจตรงจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หัวหน้า Private Banking ทีเอ็มบีธนชาต เปิดเผยว่า ธนาคารเล็งเห็นความสำคัญของการวางแผนทางการเงินให้กับลูกค้าที่สนใจส่งบุตรหลานไปศึกษาต่อต่างประเทศ ซึ่งต้องมีการเตรียมการล่วงหน้าในหลายช่วงเวลา ตั้งแต่ก่อนเดินทางจนถึงระหว่างที่ศึกษาอยู่ต่างประเทศ โดย ttb reserve พร้อมนำเสนอ Total Wealth Solution ให้กับลูกค้า ด้วยโซลูชัน “Kids Education Financial Solution” เป็นโซลูชันทางการเงินสำหรับการเตรียมตัวศึกษาต่อต่างประเทศ พร้อมกับนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินเพื่อต่อยอดและเสริมความมั่นคงให้กับครอบครัวในรูปแบบอื่น ๆ ต่อไป ซึ่งจากประสบการณ์ตรงในการศึกษาต่อต่างประเทศมาตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษาจนจบมหาวิทยาลัย พบว่า การเตรียม Portfolio มีความสำคัญและช่วยให้ผู้สมัครมีความน่าสนใจและการสัมภาษณ์มีความง่ายมากขึ้น ด้วยเหตุนี้ จึงร่วมกับ EduSmith จัดงาน ttb reserve Overseas Education Preparation เพื่ออัปเดตและเสริมความรู้เกี่ยวกับการเตรียมตัวสมัครศึกษาต่อต่างประเทศให้กับลูกค้าที่วางแผนส่งบุตรหลานศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยชื่อดังของต่างประเทศ เช่น มหาวิทยาลัยในกลุ่ม Ivy League ของสหรัฐอเมริกาในอีก 1-3 ปีข้างหน้า โดยหากมีการเตรียมพร้อมและวางแผนได้ดีจะสามารถเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ปกครองที่จะส่งบุตรหลานไปตามเป้าหมายที่ต้องการ

วางแผนทางการเงิน “Financial Partnership for Journey of Overseas Education”

นายเอกรัศมิ์ มนธาตุผลิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หัวหน้าการตลาดธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต เปิดเผยว่า การวางแผนทางการเงินเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ปกครองต้องเตรียมพร้อมเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์และความผันผวนต่าง ๆ ซึ่ง ทีทีบี โดย ttb reserve พร้อมวางแผนให้กับผู้ปกครองที่จะส่งบุตรหลานไปศึกษาต่อยังต่างประเทศแบบ Full Journey ตั้งแต่ก่อนเดินทาง จนกระทั่งเมื่อไปศึกษาที่ต่างประเทศแล้ว โดยแบ่งเป็น 3 เฟส ได้แก่

เฟสที่ 1 : ช่วงวางแผนการศึกษา เป็นช่วงสำคัญที่ควรมีการวางแผนการลงทุนที่ดี เพื่อให้เงินที่มีอยู่เกิดดอกออกผลมากที่สุด เน้นการลงทุนที่ปลอดภัย และคุ้มครองเงินต้น ดังนั้น จึงอยากเสนอตัวช่วยสำหรับการลงทุนที่มีโอกาสต่อยอดให้เงินงอกเงยด้วยผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม ได้แก่ บัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศ ttb FCD
e-saving ให้ผลตอบแทนในรูปของดอกเบี้ย 2-5% ต่อปี รองรับ 5 สกุลเงิน ได้แก่ USD, EUR, AUD, GBP, JPY สามารถจัดการธุรกรรมต่างประเทศ ช่วยบริหารความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน สามารถโอนเงินชำระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ สะดวกยิ่งขึ้น และเปิดบัญชีได้ง่ายผ่านแอป ttb touch ซึ่งมาพร้อมกับโปรโมชันพิเศษสำหรับลูกค้าที่เปิดบัญชีใหม่ ตั้งแต่วันนี้ ถึง 30 ธันวาคม 2567 รับดอกเบี้ย US Dollar 3.5% สูงที่สุดในตลาด โดยปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 2.1% ต่อปี นอกจากนี้ยังมีบัญชีฝากประจำ 6 เดือน อัตราดอกเบี้ยสูงถึง  4.5% ต่อปี

เฟสที่ 2 : เตรียมพร้อมสำหรับเดินทางศึกษาต่อต่างประเทศ ปัจจุบันอัตราแลกเปลี่ยนมีความผันผวนเป็นอย่างมาก การวางแผนด้านการเงินด้วยโซลูชันทางการเงินที่ตอบโจทย์ทั้งความสะดวกและความอุ่นใจให้กับผู้ปกครอง ซึ่งทีทีบีสามารถช่วยผู้ปกครองดูแลและบริหารจัดการในเรื่องการชำระค่าเทอม ค่าที่พัก ด้วยบริการที่ช่วยให้การโอนเงินไปต่างประเทศง่ายและสะดวกสบาย พร้อมทีมงานที่ปรึกษาทางการเงินและการลงทุนส่วนบุคคล ที่สามารถให้คำปรึกษาเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนและการโอนเงินในระยะเวลาต่าง ๆ ด้วย API Payments ผู้รับเงินปลายทางจะได้รับเงินเต็มจำนวนเมื่อโอน 6 สกุลเงิน (USD, EUR, GBP, AUD, SGD, HKG) ไปยัง 34  ประเทศ โดยสกุลเงินตรงกับประเทศปลายทาง และในวันที่ 15 พฤศจิกายนนี้จะเพิ่มอีก 1 สกุลเงิน ได้แก่ CAD (ดอลลาร์แคนาดา) เพื่อรองรับจำนวนนักเรียนไทยที่ไปศึกษาต่อ ณ ประเทศแคนาดา นอกจากนี้ผู้ปกครองยังสามารถตรวจสอบสถานะแบบเรียลไทม์ผ่านแอป ttb touch เพิ่มความอุ่นใจ โดยค่าธรรมเนียมโอนเงินในปัจจุบันอยู่ที่ 150 บาทต่อรายการ จากปกติ 1,500 – 2,000 บาทต่อรายการ พร้อมเสนอโปรโมชันพิเศษโอนเงินค่าการศึกษา ค่าที่พัก ค่าอาหาร ใน 4 สกุลเงิน USD, GBP, AUD, CAD  ตรงกับประเทศปลายทาง ฟรีค่าธรรมเนียมการโอนเงิน ตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 ถึง 28 กุมภาพันธ์ 2568

เฟสที่ 3 : ช่วงศึกษาต่างประเทศ ผู้ปกครองมักมีความกังวลเกี่ยวกับการจัดการค่าใช้จ่ายระหว่างการศึกษาที่ต่างประเทศ ทีทีบีให้บริการโอนเงินระหว่างประเทศที่รวดเร็วและปลอดภัย มั่นใจได้ว่าเงินจะส่งมอบถึงบุตรหลานได้ทันเวลาด้วยโซลูชัน 2 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ บัตร ttb reserve ฟรีค่าธรรมเนียมแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ 2.5% พร้อมส่วนลดอัตราแลกเปลี่ยนพิเศษสำหรับเงินโอนระหว่างประเทศ 7 สกุลเงิน (ตามเงื่อนไขที่กำหนด) และ บัตรเดบิต ttb all free ไม่มีค่าธรรมเนียมแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ 2.5% ไม่มี DCC 1% และไม่มีค่าธรรมเนียมถอนเงินสด จ่าย เติมเงิน ที่ตู้เอทีเอ็มทั่วประเทศ พร้อมส่วนลดสุดคุ้มสำหรับการรับประทานอาหาร ที่พัก และอื่น ๆ อีกหลายรายการ

Overseas Education Admission Trends และ Portfolio ที่ตอบโจทย์ Top Universities

นายพีรกานต์ กาญจนพิมลกุล ที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์การเตรียมใบสมัครจาก EduSmith กล่าวว่า สถาบันมีความเชี่ยวชาญในการวางแผนการศึกษาให้กับนักเรียนทั้งในระดับไฮสคูล ปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอก และบอร์ดดิงสคูล พร้อมที่จะให้คำแนะนำกับลูกค้าที่สนใจส่งบุตรหลานไปศึกษาต่อต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา ยุโรป อังกฤษ แคนาดา ฮ่องกง สิงคโปร์ และญี่ปุ่น เป็นต้น สำหรับน้อง ๆ ที่สอบติด TOP 50-70 มหาวิทยาลัยชื่อดังของสหรัฐฯ จาก 4,000 แห่ง ซึ่งปัจจุบันร้อยละ 95 จะรับสมัครผ่าน Common App โดยเฉลี่ยการศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยของสหรัฐฯ จะใช้ระยะเวลา 4 ปี ซึ่งในแต่ละปี โควตาการเปิดรับสมัครของมหาวิทยาลัยไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด แต่จำนวนผู้สมัครนั้นเพิ่มขึ้นในทุกปี โดยประเทศที่ส่งใบสมัครมาสูงสุดเป็นอันดับต้น ๆ ได้แก่ จีน อินเดีย และประเทศในแถบแอฟริกา สิ่งที่ใช้ในการรับสมัครคือเกรดเฉลี่ยและคะแนนวัดระดับภาษาอังกฤษ ซึ่งคำถามในการเขียนเรียงความที่ต้องเจอและตอบให้ได้คือ ทำไมอยากเรียนเมเจอร์นี้ที่มหาวิทยาลัยนี้ นับเป็นการเพิ่มความยากและเป็นตัวบังคับให้ต้องทำ School Research สิ่งสำคัญคือการค้นหาตัวตนว่าตนเองชื่นชอบสิ่งใด มีการทำกิจกรรมหรือชมรมอย่างต่อเนื่องที่สามารถเชื่อมโยงกับสาขาวิชาที่ต้องการลงทะเบียนเรียนได้ เพื่อให้มหาวิทยาลัยเห็นถึงความมุ่งมั่นและความคิดริเริ่มรวมถึงการมีภาวะผู้นำ โดยมี 10 กิจกรรมที่ผู้สมัครจะต้องเขียนอธิบายให้ครบใน 150 คาแรกเตอร์ ขณะที่มหาวิทยาลัยชื่อดังของ UK ใช้ระยะเวลาเรียน 3 ปี ซึ่งผู้สมัครจะต้องเลือกวิชาเมเจอร์ก่อนเข้าไปเรียน และแนวโน้มเทรนด์เด็กอินเตอร์สมัครเพิ่มขึ้นทุกปี โดยประเทศที่สมัครสูงสุดเป็นอันดับต้น ๆ ได้แก่ จีน อินเดีย สหรัฐฯ ไนจีเรีย การเตรียม Portfolio คือสิ่งที่ควรจะมีก่อนสมัครเข้ามหาวิทยาลัย และสิ่งที่ผู้สมัครควรตอบได้คือ ตนเองมีความเก่งและเชี่ยวชาญด้านไหน ไม่ว่าจะเป็น ดนตรี กีฬา การเขียน ธรรมชาติ ศิลปะ วิชาการ หรือภาวะผู้นำ นอกจากนี้ การจัดทำ SDG Goal (Sustainable Development Goals) เป็นเรื่องที่สำคัญ จากทั้งหมด 17 SDG Goal โดย 3 สิ่งที่ต้องตอบให้ได้เมื่อเริ่มโครงการนั้นคือ 1. คุณเก่งด้านไหน 2. คุณควรจะกล่าวถึงเรื่องอะไร และ 3. เป้าหมายของคุณคืออะไร โดยสามารถแบ่งโครงการออกเป็น 4 รูปแบบ ได้แก่ 1. โครงการที่สร้างให้เกิดการเรียนรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้อื่น 2. โครงการที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการแก้ไขปัญหาผ่านการบริการชุมชน/การเป็นอาสาสมัคร 3. โครงการที่มีการสนับสนุนและสร้างให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบาย/กฎหมาย 4. โครงการการกุศลเพื่อรวบรวมการบริจาคเงินและการสนับสนุนทางวัตถุ แนะนำว่าให้จัดทำโครงการที่เราอยากทำมากที่สุด โดยเริ่มจากสิ่งเล็ก ๆ และมีกรอบระยะเวลาที่ชัดเจน

ttb reserve มั่นใจว่าโซลูชัน “Kids Education Financial Solution” จะช่วยเตรียมความพร้อมด้านการเงิน สำหรับการเตรียมตัวส่งบุตรหลานไปศึกษาต่อต่างประเทศ ลดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน อำนวยความสะดวกด้านธุรกรรมระหว่างประเทศ รวมถึงผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินรูปแบบอื่น ๆ เพื่อต่อยอดและเสริมความมั่นคงให้กับครอบครัว

ลูกค้าที่สนใจ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง https://www.ttbbank.com/th/ttb-reserve

บริษัท พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) นำโดยนายบัณฑิต เจียมอนุกูลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เข้ารับมอบรางวัล “บริษัทประกันชีวิตที่มีการพัฒนาดีเด่นประจำปี 2566” ในพิธีมอบรางวัลประกันภัยดีเด่นครบวงจร ประจำปี 2567 (Prime Minister’s Insurance Awards 2024) ภายใต้แนวคิด NEXT GEN SUSTAINABLE INSURANCE : นวัตกรรมประกันภัยที่ยั่งยืนสู่โลกแห่งอนาคต ที่จัดขึ้นโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) โดยมีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้เกียรติเป็นผู้มอบรางวัล ณ ห้องเวิลด์บอลรูม ชั้น 23 โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์

รางวัล “บริษัทประกันชีวิตที่มีการพัฒนาดีเด่นประจำปี 2566” เป็นรางวัลที่มอบให้แก่บริษัทฯ เพื่อประกาศเกียรติคุณของผู้ประกอบการธุรกิจประกันภัย โดยพิจารณาคัดเลือกบริษัทประกันภัยดีเด่น และมอบรางวัลให้แก่ทั้งบริษัทประกันชีวิตและบริษัทประกันวินาศภัย ซึ่งดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการสร้างความตระหนักรู้ในความสำคัญของประกันภัย และส่งเสริมบทบาทของอุตสาหกรรมประกันภัยให้เป็นที่เชื่อถือศรัทธาและเป็นที่ยอมรับของประชาชนทั่วไป โดยพิจารณาจากการเป็นบริษัทที่มีการบริหารอย่างมืออาชีพ มีศักยภาพในการดำเนินงาน มีฐานะการเงินที่มั่นคง และมีธรรมาภิบาลเป็นเลิศ ซึ่งรางวัลนี้ถือเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของ พรูเด็นเชียล ประเทศไทย ที่ยืนยันถึงความสำเร็จและความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการเป็นหนึ่งในผู้นำด้านประกันชีวิต ที่ได้ดำเนินการพัฒนาธุรกิจและองค์กรสู่ความสำเร็จหลากหลายด้านในปีที่ผ่านมาตามเจตนารมณ์ขององค์กร "ชีวิตมีกัน ทุกวันดีกว่า"

บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านพลังงานที่หลากหลาย พร้อมด้วย สถาบัน ChangeFusion ประกาศผล 3 ผู้ชนะสุดยอดโมเดลกิจการเพื่อสังคมภายใต้แนวคิด “ชุมชนแกร่ง ไทยแกร่ง” (Impactful Locals, National Boost) ในโครงการพลังเปลี่ยนแปลงเพื่อสังคม (Banpu Champions for Change: BC4C) ปีที่ 13 โดยไม่เรียงลำดับ ได้แก่ “ชันโรง” กิจการที่สร้างรายได้ให้ชุมชนจากสัตว์เศรษฐกิจพร้อมฟื้นป่าชายเลน จ.กระบี่ “คนทะเล” กิจการที่เน้นฟื้นฟูทะเลประจวบฯ ด้วยแพคเกจเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และ  “Karen Design” กิจการที่ใช้ภูมิปัญญาผ้าทอกะเหรี่ยงแก้ปัญหาปากท้องชุมชนในพื้นที่แม่ฮ่องสอน โดยผู้ชนะทั้ง 3 ทีมจะได้รับเงินสนับสนุนทีมละ 250,000 บาทเพื่อเป็นทุนดำเนินกิจการ

นายรัฐพล สุคันธี ผู้อำนวยการสายอาวุโส – สื่อสารองค์กร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เผยว่า “ในปีนี้เราเห็นแนวโน้มผู้ประกอบการมีความเข้าใจการทำกิจการเพื่อสังคมมากขึ้น มีทักษะด้านการใช้เทคโนโลยีเพื่อโปรโมทสินค้าตัวเองมากขึ้น ทั้งสามทีมมีความโดดเด่นที่พวกเขามีความมุ่งมั่นต่อความสำเร็จและไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคที่หลากหลาย สำหรับสิ่งที่บ้านปูมุ่งมั่นในการสนับสนุนคือระบบนิเวศของกิจการเพื่อสังคมในประเทศไทย เราต้องการสร้างเครือข่ายและประสานพลังกับหลาย ๆ หน่วยงาน เพื่อขับเคลื่อนให้กิจการเพื่อสังคมเติบโตไปสู่ตลาดในกระแสหลัก (Mass Market) เพื่อเพิ่มศักยภาพในเศรษฐกิจฐานราก ลดความเหลื่อมล้ำและแก้ปัญหาสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

ในปีที่ 13 โครงการฯ มาพร้อมคอนเซ็ปต์ “Impactful Locals, National Boost: ชุมชนแกร่ง ไทยแกร่ง” เน้นการผลักดันศักยภาพ SE ในแต่ละพื้นที่ ที่ต่างประสบปัญหาทางด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างกัน โดยสามทีมที่ชนะสุดยอดโมเดลกิจการเพื่อสังคมในระยะเริ่มต้น (Incubation Program) นั้นสามารถนำองค์ความรู้ที่ได้จากโครงการฯ ไปใช้ในการทดลองตลาดระยะเวลา 3 เดือน ปรับโมเดลธุรกิจและแนวทางการสร้างอิมแพคต่อชุมชน สามารถพิสูจน์ตัวชี้วัดความสำเร็จได้อย่างชัดเจน โดยได้รับเงินทุนทีมละ 250,000 บาท ไปต่อยอดกิจการ (ไม่เรียงลำดับคะแนน) ดังนี้

  • ชันโรง: ต่อยอดรายได้จาก “ผึ้งจิ๋วชันโรง” พร้อมเพิ่มป่าชายเลนชุมชน กิจการที่สร้างรายได้จากการเพาะเลี้ยง “ผึ้งจิ๋วชันโรง” สัตว์เศรษฐกิจของชุมชน จำหน่ายรังชันโรงและผลิตภัณฑ์แปรรูป พร้อมส่งต่อความรู้เรื่องการเพาะเลี้ยงชันโรงแก่เครือข่ายวิสาหกิจชุมชน และต่อยอดรายได้จากการจำหน่ายมาฟื้นฟูและเพิ่มพื้นที่ป่าชายเลน จ.กระบี่ พร้อมกิจกรรมท่องเที่ยวชุมชน อาทิ กิจกรรมปลูกป่า ปล่อยปูดำ และชันโรง โดยตลอด 3 เดือนที่ผ่านมาสามารถสร้างรายได้รวมกว่า 2 แสนบาท

 

  • คนทะเล: ฟื้นทะเลประจวบฯ ด้วยแพคเกจท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ กิจการที่เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้วิถีชีวิตชาวประมง เยี่ยมชมธรรมชาติ พร้อมซึมซับวัฒนธรรมการกินอาหารทะเลไปพร้อมกับการฟื้นฟูระบบนิเวศทางทะเลอย่างยั่งยืน โดยมีกิจกรรมสร้าง “ธนาคารปู และบ้านปลา” ที่นำสัตว์เศรษฐกิจอย่างปูม้าและปลาอินทรีย์มาแปรรูปเป็นของฝาก ผลจากการทดลองตลาดในระยะเวลา 3 เดือน สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากกว่า 90 คน สร้างรายได้หมุนเวียนกิจการราว ๆ 40,000 บาท ต่อรอบการเปิดบริการ

 

  • Karen Design: ใช้งานดีไซน์ผ้าทอกะเหรี่ยง แก้ปัญหาปากท้อง-ลดการเผาป่าชุมชน กิจการที่นำภูมิปัญญาการทอผ้าแบบกะเหรี่ยงสไตล์ ของคนในชุมชน อ.แม่ลาน้อย จ.แม่ฮ่องสอน มาสร้างอาชีพที่มีรายได้มากกว่าการเผาป่าเพื่อปลูกข้าวโพด พร้อมนำซังข้าวโพดมาเปลี่ยนเป็นงานคราฟต์ อาทิ โคมไฟในหลากหลายรูปแบบ โดยผลจากการทดลองตลาด 3 เดือนสามารถสร้างรายได้รวมกว่า 2 แสนบาท

“บ้านปู มุ่งมั่นในการพัฒนาศักยภาพให้กับเหล่าผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่มีใจเปี่ยมไปด้วยแพสชันให้สามารถทำกิจการเพื่อสังคมในฝันให้เกิดขึ้นจริงได้ ตลอด 13 ปีที่ผ่านมาได้ให้การสนับสนุนไปมากกว่า 130 กิจการ สร้างประโยชน์ให้แก่ชุมชนและองค์กรต่าง ๆ รวมทั้งสิ้น 187 แห่ง ครอบคลุมผู้ได้รับผลประโยชน์กว่า 2.5 ล้านคน” นายรัฐพล กล่าวทิ้งท้าย

ทรู คอร์ปอเรชั่น เดินหน้าสนับสนุนการจัดงานระดับโลก "PT Grand Prix of Thailand 2024" หรือ "ไทยแลนด์ โมโตจีพี 2024" ศึกชิงเจ้าแห่งความเร็ว ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ระหว่างวันที่ 25-27 ตุลาคม 2567 ด้วยการขยายสัญญาณ 5G และ 4G เพิ่มอีก 3 เท่า พร้อมรองรับการจัดงาน และผู้ชมชาวไทยและต่างชาติเข้าชมมากกว่าแสนคนต่อวัน โดยเฉพาะผู้ชื่นชอบความเร็วที่ติดตามการแข่งขัน MotoGP ประจำปี โดยการจัดครั้งนี้ที่ จ.บุรีรัมย์ ประเทศไทยนับเป็นสนามที่ 20 จากจำนวนทั้งหมด 22 สนามทั่วโลกของปี 2567

นายประเทศ ตันกุรานันท์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านเทคโนโลยี บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "เราให้ความสำคัญกับการสนับสนุนการเชื่อมต่อดิจิทัลในงานระดับโลก โดยงาน PT Grand Prix of Thailand 2024 จะมีผู้ชมทั้งชาวไทยและต่างชาติเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก เราจึงได้เตรียมความพร้อมด้านเครือข่าย 5G อย่างเต็มที่ เพื่อให้ทุกคนสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดการจัดงานแข่งขัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน 2 พื้นที่หลักของงาน ได้แก่ พื้นที่ลานกิจกรรม (Commercial Area) และพื้นที่อัฒจรรย์ (Grandstand Area)"

มาตรการเสริมทัพ 5G รองรับงาน PT Grand Prix of Thailand 2024

  • เพิ่มรถโมบายล์สถานีฐานเคลื่อนที่เร็ว (COW) 3 จุดรอบสนาม
  • เพิ่มเสาสัญญาณเฉพาะกิจ (Temporary site)
  • พารามิเตอร์สัญญาณ (Event Parameter) ปรับแต่งค่าสัญญาณตามพฤติกรรมการใช้งาน
  • จัดทีมวิศวกรเน็ตเวิร์กประจำสนามตลอดการจัดงาน
  • BNIC ศูนย์ปฏิบัติการเครือข่ายอัจฉริยะ พร้อม AI พร้อมดูแลและบริหารเครือข่ายตลอด 24 ชั่วโมง

"ทีมงานได้นำข้อมูลการจัดงานปี 2023 มาวิเคราะห์สำหรับการวางแผนรองรับในปีนี้  โดยปีที่ผ่านมามีการใช้งานดาต้าเพิ่ม 21% และผู้ใช้งานเพิ่มขึ้น 24% (YoY) ในพื้นที่จัดกิจกรรมต่างๆ ในสนาม” นายประเทศกล่าวเพิ่มเติม "ดังนั้นในปี 2024 เราจึงวิเคราะห์การออกแบบพื้นที่ต่างๆ ในการจัดงาน โดยลานกิจกรรม หรือ Commercial Area ซึ่งเป็นเวทีคอนเสิร์ตและบูธต่างๆ รอบงาน เราได้เพิ่มความจุของเครือข่ายเพื่อรองรับการใช้งานโซเชียลมีเดีย และแอปพลิเคชันติดต่อสื่อสารต่างๆ ส่วนในพื้นที่อัฒจรรย์ หรือ Grandstand Area ซึ่งเป็นพื้นที่รับชมการแข่งขันโดยตรง เราได้ปรับแต่งสัญญาณให้รองรับการใช้งานแบบหนาแน่นสูง และการ LIVE ผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมสามารถแชร์ประสบการณ์สุดตื่นเต้นของการแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ"

นายประเทศกล่าวทิ้งท้ายว่า "นอกจากการเตรียมความพร้อมในสนามช้างที่เป็นพื้นที่จัดงานแล้ว เรายังคำนึงถึงประสบการณ์การใช้งานของผู้เข้าชมตลอดการเดินทาง ด้วยความที่งานระดับโลกครั้งนี้จะดึงดูดชาวต่างชาติจำนวนมาก ทั้งผู้เข้าแข่งขัน ทีมสนับสนุน สำนักข่าวต่างประเทศ และนักท่องเที่ยวต่างชาติ ดังนั้น ทรู คอร์ปอเรชั่น จึงได้ขยายขีดความสามารถของเครือข่าย 5G, 4G ให้ครอบคลุมจุดสำคัญทั่วทั้งจังหวัดบุรีรัมย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในศูนย์กลางการคมนาคมขนส่ง เช่น สนามบิน และแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เพื่อให้ชาวต่างชาติที่มาประเทศไทยได้สัมผัสประสบการณ์การใช้งานเครือข่ายที่เหนือชั้น ตั้งแต่ก้าวแรกที่มาถึงจนถึงวินาทีสุดท้ายก่อนเดินทางกลับ"

ทรู คอร์ปอเรชั่น มั่นใจว่าการเตรียมความพร้อมในครั้งนี้ จะช่วยยกระดับประสบการณ์การใช้งานของผู้เข้าชมงาน "PT Grand Prix of Thailand 2024" หรือ "ไทยแลนด์ โมโตจีพี 2024" ศึกชิงเจ้าแห่งความเร็ว ให้สามารถเชื่อมต่อ แชร์ และสตรีมได้อย่างไร้ขีดจำกัด ทั้งในพื้นที่จัดงาน การเดินทางสัญจร และแหล่งท่องเที่ยวทั่วจังหวัดบุรีรัมย์ ตอกย้ำศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางการจัดงานระดับโลก พร้อมส่งเสริมภาพลักษณ์ของจังหวัดบุรีรัมย์ให้เป็นที่รู้จักในฐานะจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก

ประเทศญี่ปุ่นถือเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมจากทั่วโลก และยังเป็นจุดหมายปลายทางที่คนไทยเดินทางกลับไปเยือนมากที่สุดอีกด้วย อโกด้า แพลตฟอร์มดิจิทัลสำหรับการท่องเที่ยวขอแนะนำเคล็ดลับการแช่ออนเซ็น ซึ่งเป็นหนึ่งในวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของดินแดนอาทิตย์อุทัย สำหรับนักเดินทางที่ไปญี่ปุ่นครั้งแรกอาจจะมีข้อสงสัยเกี่ยวกับข้อปฏิบัติและมารยาทในการแช่ออนเซ็น อย่างไรก็ตามการทำความเข้าใจสิ่งเหล่านี้สามารถช่วยให้นักเดินทางได้สัมผัสประสบการณ์การแช่ออนเซ็นได้อย่างดียิ่งขึ้น

ออนเซ็น หรือ บ่อน้ำร้อนญี่ปุ่น มอบประสบการณ์ที่ผ่อนคลายและทำให้นักเดินทางได้สัมผัสเสน่ห์ทางวัฒนธรรมของญี่ปุ่น ที่พักหลาย ๆ ที่ในประเทศญี่ปุ่นไม่ว่าจะเป็นโรงแรมทั่วไป หรือ เรียวคัง (โรงแรมขนาดเล็กสไตล์ญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม) ล้วนมีออนเซ็น อย่างไรก็ตามมารยาทในการแช่ออนเซ็นอาจจะดูซับซ้อน อโกด้าจึงรวบรวมหลักปฏิบัติที่ถูกต้องสำหรับการแช่ออนเซ็น เพื่อให้นักเดินทางได้สัมผัสประสบการณ์ท้องถิ่นแบบคนญี่ปุ่นอย่างแท้จริง

1. ทำความเข้าใจยูกาตะ: ก่อนเข้าบริเวณบ่อน้ำร้อน ผู้ใช้บริการมักจะได้รับชุด “ยูกาตะ” ซึ่งเป็นชุดกิโมโนสไตล์ลำลอง ต้องสวมให้ด้านซ้ายอยู่เหนือด้านขวาและผูกด้วยผ้าคาดเอว ชุดนี้ทั้งสบายและเหมาะสำหรับการเดินไปมาในบริเวณออนเซ็น ทั้งนี้รองเท้าแตะสามารถเก็บไว้ที่ทางเข้าของออนเซ็น เพราะไม่อนุญาตให้สวมรองเท้าในพื้นที่แช่น้ำ

2. การชำระล้างร่ายกายก่อนลงแช่ออนเซ็น: เป็นธรรมเนียมที่จะต้องชำระล้างร่างกายให้สะอาดก่อนเข้าลงแช่ในบ่อน้ำพุร้อน เพื่อความสะอาดและให้เกียรติกับผู้ใช้บริการท่านอื่น ๆ ออนเซ็นส่วนใหญ่จะมีสบู่และแชมพูให้บริการ ข้างบ่อน้ำมักมีอ่างเล็ก ๆ พร้อมถังน้ำสำหรับล้างตัวครั้งสุดท้ายก่อนลงแช่ออนเซ็น ซึ่งชาวญี่ปุ่นเรียกว่า “คาเคยุ”

3. ให้เกียรติผู้อื่นด้วยความเงียบสงบ: ออนเซ็นเป็นสถานที่สำหรับการผ่อนคลายและความสงบ ควรหลีกเลี่ยงการพูดคุยและใช้เสียงให้เบาที่สุด เพื่อให้ทุกคนได้ผ่อนคลายอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ การว่ายน้ำหรือสาดน้ำขณะแช่ออนเซ็นก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเช่นกัน

4. มารยาทในการใช้ผ้าเช็ดตัว: เนื่องจากในบริเวณออนเซ็นไม่อนุญาตให้สวมเสื้อผ้า รวมถึงชุดว่ายน้ำ ผ้าเช็ดตัวขนาดเล็กที่ให้มาสามารถใช้ปิดบังร่างกายบางส่วน เมื่อเดินไปรอบ ๆ บ่อน้ำ อย่างไรก็ตาม ควรหลีกเลี่ยงการวางผ้าเช็ดตัวในน้ำ และควรนำไปวางไว้ที่ข้างบ่อน้ำแทน

5. ปกปิดรอยสัก: ในออนเซ็นบางที่มีข้อจำกัดเกี่ยวกับรอยสัก เนื่องมาจากความเชื่อทางวัฒนธรรมของญี่ปุ่น ควรตรวจสอบข้อปฏิบัติของออนเซ็นนั้น ๆ ก่อนเข้าใช้บริการ หรือ ใช้ผลิตภัณฑ์ปกปิดรอยสักหากจำเป็น

คุณฮิโรโตะ โอกะ, รองประธานประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, อโกด้า กล่าวว่า การแช่ออนเซ็นเป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าของญี่ปุ่น อโกด้ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะช่วยให้นักเดินทางได้สัมผัสประสบการณ์การนี้ในแบบฉบับคนท้องถิ่น เพียงแค่ทำความเข้าใจเคล็ดลับและมารยาทในการใช้บริการ นักเดินทางก็จะสามารถเพลิดเพลินกับการพักผ่อนอย่างเต็มที่ และการแสดงความเข้าใจเกี่ยวกับวัฒนธรรมจะได้รับการชื่นชมอย่างมากจากคนท้องถิ่นอีกด้วย

นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) ได้จัดงานมอบรางวัลประกันภัยดีเด่นครบวงจร ประจำปี 2567 (Prime Minister’s Insurance Awards 2024) ภายใต้แนวคิด NEXT GEN SUSTAINABLE INSURANCE : นวัตกรรมประกันภัยที่ยั่งยืนสู่โลกแห่งอนาคต ณ ห้องเวิลด์บอลรูม ชั้น 23 โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ โดยได้รับเกียรติจาก นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานมอบรางวัลประกันภัยดีเด่นครบวงจร ประจำปี 2567 (Prime Minister’s Insurance Awards 2024) ซึ่งเป็นรางวัลเกียรติยศที่นายกรัฐมนตรีอนุญาตให้ใช้ลายมือชื่อสลักลงบนโล่เกียรติยศ เพื่อเป็นการประกาศเกียรติคุณและแบบอย่างที่ดีในการประกอบธุรกิจประกันภัย รวมทั้งเป็นการเชิดชูเกียรติ บุคคล หน่วยงาน สถาบัน บุคคลหรือกลุ่มบุคคลตัวอย่างที่มีผลงานดีเด่นในการเป็นผู้ประกอบวิชาชีพด้านการประกันภัย

โดยปีนี้ได้มีการพิจารณาคัดเลือกอย่างเป็นธรรมและเข้มข้นภายใต้กรอบกติกาที่กำหนดไว้ แบ่งรางวัลออกเป็น 12 ประเภทรางวัล จำนวนรวม 53 รางวัล ประกอบด้วย 1. รางวัลบริษัทประกันภัยเกียรติยศสูงสุด (Hall of Fame) ได้แก่ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) 2. รางวัลบริษัทประกันภัยที่มีการบริหารงานดีเด่น มี 7 รางวัล แบ่งเป็น รางวัลบริษัทประกันชีวิตที่มีการบริหารงานดีเด่น จำนวน 3 รางวัล ได้แก่ อันดับที่ 1 บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) อันดับที่ 2 บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) อันดับที่ 3 บริษัท ไทยสมุทรประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) และรางวัลบริษัทประกันวินาศภัยที่มีการบริหารงานดีเด่น จำนวน 4 รางวัล ได้แก่ อันดับที่ 1 บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) อันดับที่ 2 บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) อันดับที่ 3 บริษัท ธนชาตประกันภัย จำกัด (มหาชน) และ บริษัท มิตซุย สุมิโตโม อินชัวรันซ์ จำกัด สาขาประเทศไทย 3. รางวัลบริษัทประกันภัยที่มีการพัฒนาดีเด่น จำนวน 2 รางวัล แบ่งเป็น รางวัลบริษัทประกันชีวิตที่มีการพัฒนาดีเด่น ได้แก่ บริษัท พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และรางวัลบริษัทประกันวินาศภัยที่มีการพัฒนาดีเด่น ได้แก่ บริษัท เอ็ม เอส ไอ จี ประกันภัย (ประเทศไทย) (มหาชน) 4. รางวัลบริษัทประกันภัยที่มีการส่งเสริมกรมธรรม์ประกันภัยเพื่อประชาชนดีเด่น จำนวน 2 รางวัล แบ่งเป็น รางวัลบริษัทประกันชีวิตที่มีการส่งเสริมกรมธรรม์ประกันภัยเพื่อประชาชนดีเด่น ได้แก่ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) และรางวัลบริษัทประกันวินาศภัยที่มีการส่งเสริมกรมธรรม์ประกันภัยเพื่อประชาชนดีเด่น ได้แก่ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน)

5. รางวัลนายหน้าประกันภัยนิติบุคคลที่มีการส่งเสริมกรมธรรม์ประกันภัยเพื่อประชาชนดีเด่น จำนวน 2 รางวัล แบ่งเป็น รางวัลบริษัทนายหน้าประกันชีวิตนิติบุคคลที่มีการส่งเสริมกรมธรรม์ประกันภัยเพื่อประชาชนดีเด่น ได้แก่ บริษัท เคาน์เตอร์เซอร์วิส จำกัด และรางวัลบริษัทนายหน้าประกันวินาศภัยนิติบุคคลที่มีการส่งเสริมกรมธรรม์ประกันภัยเพื่อประชาชนดีเด่น ได้แก่ บริษัท ทีคิวเอ็ม อินชัวร์รันส์ โบรคเกอร์ จำกัด 6. รางวัลนายหน้าประกันภัยนิติบุคคลคุณภาพดีเด่น จำนวน 6 รางวัล แบ่งเป็น รางวัลนายหน้าประกันชีวิตนิติบุคคลคุณภาพดีเด่น (จำนวน 2 รางวัล) ได้แก่ บริษัท ไทยพาณิชย์โพรเทค จำกัด บริษัท ศรีกรุงประกันชีวิต โบรคเกอร์ จำกัด และรางวัลนายหน้าประกันวินาศภัยนิติบุคคลคุณภาพดีเด่น (จำนวน 4 รางวัล) ได้แก่ บริษัท ที คิว อาร์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ทีที อินชัวรันซ์ โบรกเกอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด บริษัท ยูพีดี โบรคเกอร์ จำกัด บริษัท ฮาวเด้นแมกซี่ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด 7. รางวัลบริษัทประกันภัยที่มีการพัฒนาด้านความยั่งยืนในธุรกิจประกันภัยดีเด่น จำนวน 2 รางวัล แบ่งเป็น รางวัลบริษัทประกันชีวิตที่มีความยั่งยืนดีเด่น ได้แก่ บริษัท เอไอเอ จำกัด และรางวัลบริษัทประกันวินาศภัยที่มีความยั่งยืนดีเด่น ได้แก่ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) 

8. รางวัลบริษัทประกันภัยที่สร้างสรรค์นวัตกรรมเทคโนโลยีประกันภัยดีเด่น จำนวน 2 รางวัล แบ่งเป็น รางวัลบริษัทประกันชีวิตที่สร้างสรรค์นวัตกรรมเทคโนโลยีประกันภัยดีเด่น ได้แก่ บริษัท เอไอเอ จำกัด และรางวัลบริษัทประกันวินาศภัยที่สร้างสรรค์นวัตกรรมเทคโนโลยีประกันภัยดีเด่น ได้แก่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) 9. รางวัลผู้ทำคุณประโยชน์ต่อสำนักงาน คปภ. และระบบประกันภัย ได้แก่ ดร.นภัสนันท์ พรรณนิภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีคิวเอ็ม อัลฟา จำกัด (มหาชน) 10. รางวัลตัวแทนประกันชีวิตคุณภาพดีเด่น จำนวน 16 ราย ได้แก่ นางสาวกรวรรณ คงด้วง นางสาวเกศิณี  เพ็ชรแสนงาม นางชวนพิศ  พูลทวี นางสาวณัฐชานันท์  นันทพงศ์โภคิน นายทศพร  อินคล้า นางสาวธัญณลัคน์  วรินทร์พงศ์ นางสาวธิดาจิตร  มุขมณี นางสาวประภาภรณ์  โพลดพลัด นางสาวผานิต  หมื่นสันธิ นายพงศ์ภวัน  เศรษฐ์ธนันท์ ดร.เพ็ญพิชา  สร้างการนอก นายภัทจ์  สิทธิร่ำรวย นางภัทนี  ศิริวารินทร์ นายรัฐวิชญ์  อัศวหิรัญพณิช นางสาวศันส์สิริ  สิริทวีวัจน์ นางอรวรรณ  ผันเผาะ และรางวัลตัวแทนประกันวินาศภัยคุณภาพดีเด่น จำนวน 2 ราย ได้แก่ นายกอบเดช  รอดรัต และ นางสาวขวัญฤทัย  มโนรส 11. รางวัลอาสาสมัครประกันภัยดีเด่น จำนวน 3 รางวัล แบ่งเป็น รางวัลชนะเลิศ นายรัฐยาทิภัฏ  วงศ์สัมฤทธิ์ รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 1 นายวันชัย  ศรีเหนี่ย และรางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 2 นายนนท์ปวิธ  แก้วนุ่ม และ 12. รางวัลอัจฉริยะยุวชนประกันภัย การประกวดโรงเรียนต้นแบบด้านการประกันภัยดีเด่น ประจำปี 2567 รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ โรงเรียนเทพศิรินทร์พุแค จังหวัดสระบุรี รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 1 ได้แก่ โรงเรียนทีปังกรวิทยาพัฒน์ (มัธยมวัดหัตถสารเกษตร) ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเจ้าฟ้ามหาวชริราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร จังหวัดปทุมธานี และรางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 2 ได้แก่ โรงเรียนสมุทรสาครวิทยาลัย จังหวัดสมุทรสาคร 

ในโอกาสนี้ นายพิชัย  ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้แสดงความยินดีกับผู้ได้รับรางวัลและกล่าวโดยมีใจความสำคัญตอนหนึ่งว่า “ขอแสดงความยินดีกับผู้ที่ได้รับรางวัลทุกท่าน รางวัลนี้เป็นเครื่องยืนยันถึงความพยายาม ความทุ่มเท และความสามารถในการสร้างสรรค์สิ่งดี ๆ ให้กับวงการประกันภัย และเชื่อว่าความสำเร็จของทุกท่านจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้ประกอบการในวงการและผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดร่วมกันผลักดันการเติบโตของธุรกิจประกันภัยไทยในอนาคต และขอชื่นชมคณะผู้บริหารสำนักงาน คปภ. ตลอดจนผู้มีส่วนร่วมในการจัดงานในครั้งนี้ รวมทั้งขอบคุณภาคธุรกิจประกันภัยที่ได้มีบทบาทสำคัญร่วมกับภาครัฐและสำนักงาน คปภ. ในการยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนผ่านระบบประกันภัย ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะขับเคลื่อนและพัฒนาระบบเศรษฐกิจไทยให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่องอีกด้วย”

บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN ผู้พัฒนาที่พักอาศัยคุณภาพเพื่อยกระดับรูปแบบการใช้ชีวิตที่ดี ‘Livable Living Experience’ เพื่อส่งมอบประสบการณ์การอยู่อาศัยภายใต้แนวคิดความ ‘น่าอยู่’ ให้กับทุกคน เปิดบ้านต้อนรับคณะอาจารย์และนักศึกษาระดับปริญญาตรีจากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต เข้าเยี่ยมชมโครงการ ลุมพินี วิลล์ จรัญฯ-ไฟฉาย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้นักศึกษาทำความเข้าใจขั้นตอนต่างๆ ตั้งแต่กระบวนการคิดคอนเซ็ปท์การออกแบบ ไปจนถึงงานก่อสร้างอาคาร รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆที่ LPN ให้ความสำคัญและคำนึงถึงผู้อยู่อาศัยมาตลอด นอกจากนี้ยังได้เรียนรู้ เรื่องการบริหารงานนิติบุคคลโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญจากบริษัท แอล พี พี พรอพเพอร์ตี้ มาเนจเมนท์ จำกัด (LPP) ซึ่งถือว่าเป็นผู้นำธุรกิจบริหารจัดการโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจรที่มีคุณภาพ และมอบบริการตอบโจทย์ทุกความต้องการ ด้วยความเชี่ยวชาญและเปี่ยมประสบการณ์มากกว่า 32 ปี โดยครั้งนี้ ได้รับเกียรติจากผู้บริหารและทีมงาน LPN และ LPP ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น พร้อมถ่ายทอดความรู้และแนะนำอย่างใกล้ชิด

โดยการจัดกิจกรรมดังกล่าว เป็นการตอกย้ำแนวคิดที่มุ่งเน้นการส่งต่อความรู้ และสัมผัสประสบการณ์จริงในสถานที่จริงผ่านทีมงานคุณภาพที่มากประสบการณ์ สำหรับสถานศึกษาหรือนักศึกษาที่มีความสนใจต้องการเข้าเยี่ยมชมโครงการต่างๆ สามารถติดต่อฝ่ายพัฒนาคุณค่าองค์กร หรือติดตามข้อมูลข่าวสาร ผ่านช่องทาง Facebook Page: LPN Connect หรือ LINE OA: @LPNdev หรือ www.lpn.co.th 

X

Right Click

No right click