December 23, 2024

แบรนด์ CP ในกลุ่มบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอาหารคุณภาพ ปลอดภัย เปิดประสบการณ์ 'ไส้กรอกซีพี มินิค็อกเทล ไซซ์เล็ก สนุกใหญ่' ตอกย้ำความอร่อยของไส้กรอก มินิค็อกเทล ขนาดพอดีคำ เนื้อแน่น กินเพลิน พร้อมบรรจุภัณฑ์โฉมใหม่ ที่ได้ SAHREDTOY หรือ คุณต๊อด อาร์ตติสชื่อดังระดับประเทษศมาออกแบบลวดลายคาเรคเตอร์การ์ตูน ชูรสชาติของ ไส้กรอก ซีพี มินิค็อกเทล ทั้ง 4 ให้โดดเด่น ง่ายต่อการเลือกซื้อตามใจชอบ ด้วยกระแสตอบรับที่ดี แบรนด์ CP จึงจัดกิจกรรม Exclusive กับ พีพี-กฤษฏ์ อํานวยเดชกร พรีเซนเตอร์ขวัญใจคนรุ่นใหม่ ที่ใส่ใจตัวเองและเต็มที่กับทุกๆ กิจกรรม

ภายในงาน ผู้ร่วมงานได้ร่วมสนุกกับกิจกรรมหลักแบ่งออกเป็น 2 ช่วง คือ ช่วงเช้า เพลิดเพลินกับการถ่ายภาพ เมืองจำลอง “ไส้กรอก มินิค็อกเทล" แชะ โพสต์ แชร์ลงโชเชียลกันอย่างจุใจ  และช่วงบ่าย เป็นกิจกรรมที่ทุกคนรอคอย กับพรีเซ็นเตอร์สุดฮอตแห่งปี ด้วยไฮไลท์พื้นที่ Exclusive Seats พิเศษกว่าใคร สำหรับ 'Lucky Fans' จำนวน 100 คนจากการร่วมสนุกผ่านช่องทางออนไลน์ ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีเซอร์ไพรส์สุดพิเศษที่ ไส้กรอก ซีพี มินิค็อกเทล ร่วมกับเหล่าแฟนคลับทำ Fan’s Project ให้แก่ พีพี-กฤษฏ์ โดยเฉพาะอีกด้วย

นางสาวอนรรฆวี ชูรัตน์ ผู้บริหารสูงสุด สายงานการตลาดกลาง ซีพีเอฟ กล่าวว่า ไส้กรอก ซีพี มินิค็อกเทล เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ CP ที่ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคมาอย่างยาวนาน ด้วยรูปลักษณ์ขนาดพอดีคำ รับประทานง่าย ได้ทุกที่ทุกเวลา มีให้เลือก 4 รสชาติ  คือ คลาสสิค สไปซี่ แฮมเบคอน และบาร์บีคิว ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z ที่มีกิจกรรมมากมายในแต่ละวัน ต้องการความสะดวก รวดเร็ว และอิ่มท้อง สำหรับการร่วมงานกับน้องพีพีครั้งนี้ รู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก ที่ได้แฟนตัวยงของ ไส้กรอก ซีพี มินิค็อกเทลมาร่วมแบ่งปันความชื่นชอบแก่ผู้บริโภคคนรุ่นใหม่โดยตรง

ด้าน พีพี-กฤษฏ์ อำนวยเดชกร กล่าวถึงความประทับในฐานะพรีเซ็นเตอร์ ไส้กรอก ซีพี มินิค็อกเทล ว่า อย่างแรกที่ชอบ คือ ขนาดที่มีความมินิพอดีคำ รับประทานง่าย ไม่เลอะมือ เหมาะกับเป็นของว่างหรือรองท้องในทุกโอกาส ไม่ว่าจะเป็น ดูหนัง ดูซีรีส์ เล่นเกม คุยโทรศัพท์ หรือหิวตอนขับรถ ชอบและรับประทานเป็นประจำอยู่ 2 รส คลาสสิคและแฮม เบคอน และที่โดนใจมาก แพกเกจจิ้งใหม่ลายการ์ตูน ที่ออกแบบได้น่ารักสดใสมาก อยากชวนทุกคนมาลองซีพี มินิค็อกเทล ไซซ์มินิ ความอร่อยไซซ์บิ๊กมาก

นางสาวอนรรฆวี กล่าวเพิ่มเติม สำหรับผลิตภัณฑ์ในกลุ่มไส้กรอก ซีพีเอฟมุ่งมั่นที่จะตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ด้วยแนวคิด ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Consumer Centric) ทำความเข้าใจ คิดค้น และพัฒนาอาหารให้มีคุณภาพสูง สะอาด ปลอดภัย หลากหลายสามารถตอบโจทย์ความต้องการของทุกกลุ่มเป้าหมายให้ได้มากที่สุด ปีนี้มีการเปิดตัวแบรนด์ CP Halal ไส้กรอกไก่คุณให้ภาพที่ได้มาตรฐานฮาลาล เพิ่มทางเลือกกลุ่มผู้บริโภคในพื้นที่ภาคใต้  และพี่น้องมุสลิม รวมถึงอกไก่แผ่นสไลด์รมควัน CP Delight ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ไส้กรอกรูปแบบใหม่ เหมาะสำหรับผู้บริโภคที่ใส่ใจเรื่องแคลอรี่ของอาหารทุกคำที่รับประทาน

บริษัท เจ.บี.พี. อินเตอร์เนชั่นแนล เพ็นท์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในอุตสาหกรรมสีชั้นนำของประเทศไทย นำโดยนายจงกล รัชนกูล ประธานกรรมการบริหาร  จัดงาน JBP Sustainable Innovation Journey Together” เพื่อประกาศวิสัยทัศน์และทิศทางในการดำเนินธุรกิจสู่อนาคตที่ยั่งยืน พร้อมฉลองครบรอบ 50 ปีของเจบีพี และประกาศความพร้อมรับช่วงต่อแบรนด์ CIC ซึ่งเจบีพีฯ จะเข้าดูแลบริหารจัดการต่อจาก บริษัท เครโดอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 เป็นต้นไป

นายจงกล รัชนกูล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เจ.บี.พี อินเตอร์เนชั่นแนล เพ็นท์ จำกัด  ได้บอกเล่าเรื่องราวถึงการเดินทางอันยาวนานนับครึ่งศตวรรษของเจบีพี  และขอบคุณพันธมิตรที่ร่วมเดินทางสู่อนาคตที่ยั่งยืนไปกับเจบีพี พร้อมประกาศถึงการเตรียมความพร้อมสำหรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคต

อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญของงานคือ พิธีส่งมอบสิทธิ์ในการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ ซี.ไอ.ซี. โดย บริษัท เครโดอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ให้แก่ เจบีพี ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการขยายธุรกิจเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป โดยนายสุชาติ เตียนโพธิทอง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เครโดอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวสนับสนุนเจบีพีในการดูแลแบรนด์และลูกค้าของ CIC โดยมั่นใจว่าการเปลี่ยนผ่านครั้งนี้จะเป็นไปอย่างราบรื่น และเชื่อมั่นว่าเจบีพีจะสามารถดูแลลูกค้าของแบรนด์ CIC พร้อมขยายแบรนด์ให้เติบโตไปบนเส้นทางที่ยั่งยืนพร้อมกับเจบีพี ได้อย่างมั่นคง

ด้าน นางสาวสรพรรณ รัชนกูล รองกรรมการผู้จัดการสายงานเวลบีอิ้ง บริษัท เจ.บี.พี อินเตอร์เนชั่นแนล เพ็นท์ จำกัด ได้แสดงถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาแบรนด์ CIC หลังจากการรับช่วงในการดูแลต่อจากบริษัท เครโดฯ โดยเน้นการรักษามาตรฐานคุณภาพของผลิตภัณฑ์และการให้บริการ พร้อมนำพา CIC เติบโตไปพร้อมกับเจบีพี และสร้างอนาคตที่ยั่งยืนร่วมกันต่อไปในอนาคต

นายศราวุฒิ รัชนกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ.บี.พี. อินเตอร์เนชั่นแนล เพ็นท์ จำกัด ได้กล่าวสรุปถึงวิสัยทัศน์และทิศทางการเติบโตของเจบีพีในอนาคต โดยเน้นย้ำว่าความสำเร็จที่ผ่านมาเป็นเพียงจุดเริ่มต้นในการก้าวไปสู่อนาคตที่ยั่งยืนมากยิ่งขึ้น เจบีพีจะเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตอบโจทย์การใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และรับผิดชอบต่อสังคม พร้อมขยายความร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเข้าใกล้เป้าหมาย Net Zero ไปอีกขั้น

ทั้งนี้งาน “JBP Sustainable Innovation Journey Together” ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน ทั้งในด้านการขยายแบรนด์ การเติบโตทางธุรกิจ และการสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรอย่างแข็งแกร่ง เพื่อการเติบโตร่วมกันอย่างมั่นคงและยั่งยืน

บริษัท เบดร็อค อนาไลติกส์ จำกัด หรือ เบดร็อค ผู้เชี่ยวชาญในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการจัดการข้อมูลประกอบกับการให้บริการแพลตฟอร์มปัญญาประดิษฐ์ และข้อมูลเชิงพื้นที่ (Location Intelligence) หนึ่งในกลุ่ม บริษัท เอไอ แอนด์ โรโบติกส์ เวนเจอร์ส จำกัด หรือ ARV ผนึกกำลัง สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) หรือ อีอีซี  และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ร่วมกันลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เรื่อง การศึกษาแนวทางการพัฒนาระบบบริหารจัดการข้อมูลและการบริการนักลงทุน เพื่อยกระดับการนำเทคโนโลยีดิจิทัล เข้ามาใช้ในการวางแผนพัฒนาการบริหารจัดการพื้นที่เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก บูรณาการด้านข้อมูลเพื่อสนับสนุนการลงทุนให้แก่นักลงทุนได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยมีผู้บริหารจากทั้ง 3 สถานบันร่วมลงนาม พร้อมด้วยคณะเจ้าหน้าที่เข้าร่วมเป็นพยาน ณ อาคารวานิชเพลซ อารีย์ กรุงเทพฯ

ดร.จุฬา สุขมานพ เลขาธิการ อีอีซี กล่าวว่า การลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ จะเป็นก้าวสำคัญเพื่อการศึกษาและจัดทำแผนการพัฒนาด้านดิจิทัลสำหรับเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก โดยจะนำเทคโนโลยี AI เข้ามาครอบคลุมการดำเนินงานใน 4 ด้านหลัก ได้แก่ ด้านธุรกิจ มุ่งเน้นการพัฒนาระบบการจัดการที่ดิน เช่น การขอใบอนุญาตต่าง ๆ โดยอาศัยเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยลดกระบวนการทำงานที่ซับซ้อน ด้านการบริการ มุ่งเน้นสร้างระบบแชทบอท เพื่อให้บริการข้อมูลตอบคำถามได้ทันท่วงทีรวมไปถึงการออกใบอนุญาตดิจิทัล เพื่อลดขั้นตอนการขอใบอนุญาตต่าง ๆ ด้านการจัดการข้อมูล มุ่งเน้นการรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ ภายในและภายนอกองค์กร สร้างแพลตฟอร์มข้อมูลแบบเปิด ให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเข้าถึงข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ ด้านโครงสร้างพื้นฐาน พัฒนาระบบด้านไอที เช่น คลาวด์คอมพิวติ้ง การจัดเก็บข้อมูลที่มีความปลอดภัย และรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ เป็นต้น

ทั้งนี้ ทั้งสามสถาบันได้ประสานความร่วมมือเพื่อการวางแผนพัฒนา สนับสนุนและส่งเสริมการพัฒนาต้นแบบแพลตฟอร์มดิจิทัลสำหรับวิเคราะห์และบริหารจัดการเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ ในพื้นที่เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล (EECd) ให้สามารถนำเทคโนโลยีดิจิทัลดังกล่าว บริหารจัดการเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพ บูรณาการรวบรวมข้อมูลต่างๆ เพื่อการตัดสินใจ อำนวยความสะดวกผู้ประกอบการ สนับสนุนให้เกิดการลงทุน และจะใช้เป็นต้นแบบไปยังเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษอื่น ๆ ในพื้นที่อีอีซี ต่อไป 

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สรายุทธ ทรัพย์สุข คณบดีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะสถาบันอุดมศึกษาชั้นนำของประเทศไทยพร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งของคณะที่ปรึกษาและคณะทำงาน เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฯ ฉบับนี้  ทั้งนี้ ทางคณะฯ จะเข้ามามีส่วนร่วมในการศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลรวมไปถึงการสนับสนุนบุคลากรให้ร่วมศึกษา และวางแผนการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าว เพื่อจัดทำแผนการพัฒนาด้านดิจิทัลสำหรับพื้นที่เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล (EECd) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้  ข้อมูลและงานวิจัยที่ได้จากการดำเนินงานตามบันทึกข้อตกลง จะถูกนำมาใช้ในการเรียนการสอน โดยทางจุฬาฯ จะเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ประโยชน์ร่วมกันได้

ด้าน ดร.ธนา สราญเวทย์พันธุ์ กรรมการบริษัท เบดร็อค อนาไลติกส์ จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า ความร่วมมือฯ ในครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะ ด้วยการนำเทคโนโลยีมาเป็นตัวขับเคลื่อน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการและการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืนในอนาคต โดย เบดร็อค ได้นำเสนอแนวทางด้านการบริหารจัดการเมืองและการลงทุน ผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลซึ่งเป็นศูนย์กลางในการรวบรวมข้อมูลที่กระจัดกระจายในเขตพื้นที่อีอีซี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาไว้ในที่เดียวแบบครบวงจร ได้แก่ 1. Smart Building Permit: ระบบขออนุญาตและควบคุมอาคารอัจฉริยะ ซึ่งช่วยในการตัดสินใจ และทำให้กระบวนการขออนุญาตก่อสร้างรวดเร็วและโปร่งใส 2. City Digital Data Platform: แพลตฟอร์มดิจิทัลข้อมูลเมืองที่รวบรวมข้อมูลที่กระจัดกระจายในเขตพื้นที่อีอีซี ทำให้การค้นหา วิเคราะห์ และนำข้อมูลไปใช้เป็นไปอย่างรวดเร็ว ทำให้การบริหารจัดการเมืองเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังช่วยให้นักลงทุนสามารถวิเคราะห์ศักยภาพของพื้นที่อีอีซี ได้อย่างครบถ้วน และทำให้การวางแผนธุรกิจเป็นไปได้อย่างแม่นยำอีกด้วย

สอบถามรายละเอียดหรือติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://bedrockanalytics.ai/ เพจเฟซบุ๊ก Bedrock Analytics ( https://www.facebook.com/BedrockAnalyticsTH) หรือโทร. 02 078 6565

รับเงินบำนาญทุกปี ตั้งแต่อายุครบ 60 ปี จนถึงอายุครบ 90 ปี เพิ่มขึ้นแบบสเตปอัพ สูงสุด 40% รวมรับบำนาญตลอดสัญญา 840% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย

บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ร่วมกับ บริษัท  ทีคิวเอ็ม อินชัวร์รันส์ โบรกเกอร์ จำกัด เพื่อเสนอผลิตภัณฑ์ประกันภัย ภายใต้โครงการ "นวทันตสุขภาพและประกันภัย" (The New Dental Health Care and Insurance) ที่พัฒนาขึ้นสำหรับสมาชิกสมาคมส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการด้านทันตกรรมแห่งประเทศไทย

การลงนามในครั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก ดร. สมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ดร. อัญชลิน พรรณนิภา ประธานบริษัท และ ดร. นภัสนันท์ พรรณนิภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  บริษัท ทีคิวเอ็ม อินชัวร์รันส์ โบรกเกอร์ จำกัด  ทพ.ประโยชน์ เพ็ญสุต นายกสมาคมส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการด้านทันตกรรมแห่งประเทศไทย และ ดร. ไม คาน บุ่ย มินห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท  แปซิฟิค ครอส ประกันสุขภาพ จำกัด (มหาชน)  ร่วมพิธีลงนามดังกล่าว

ภายใต้ความร่วมมือนี้ เป็นการเสนอความคุ้มครองความรับผิดสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์สำหรับ ทันตแพทย์ และประกันภัยธุรกิจขนาดย่อมสำหรับคลินิคทันตกรรม สำหรับสมาชิกสมาคมส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการด้านทันตกรรมแห่งประเทศไทย และประชาชนทั่วไปที่เป็นลูกค้าของผู้ประกอบการทันตกรรม  และเพื่อส่งเสริมระบบการดูแลสุขภาพให้กับประชาชนได้ดียิ่งขึ้น  ณ อาคารพรรณนิภา

ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงสูงสุด 0.25% ต่อปี ตามมติ กนง. เพื่อช่วยบรรเทาภาระหนี้ให้กับประชาชน ภายใต้สภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว พร้อมขยายอายุมาตรการช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มเปราะบาง จากปัญหาสภาพคล่องทางการเงินและภาระหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น ย้ำเดินหน้าดูแลลูกค้าอย่างต่อเนื่องภายใต้หลักเกณฑ์การให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending)

นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบีธนชาต กล่าวว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี จาก 2.50% เหลือ 2.25% ต่อปี เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวและเป็นการช่วยลดภาระหนี้ให้กับประชาชนนั้น ทีทีบีมีความห่วงใยลูกค้าพร้อมขานรับนโยบายดังกล่าว จึงประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภท ได้แก่ อัตราดอกเบี้ย MOR ลดลง 0.25% ต่อปี ส่วนอัตราดอกเบี้ย MLR และอัตราดอกเบี้ย MRR ลดลง 0.125% ต่อปี โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 เป็นต้นไป

สำหรับลูกค้ารายย่อยและ SME ในกลุ่มเปราะบาง ทีทีบีตระหนักถึงปัญหาความเดือดร้อนจากปัญหาหนี้ครัวเรือนและสภาพเศรษฐกิจที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ และได้มีมาตรการให้ความช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มนี้มาก่อนหน้า นอกจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ ธนาคารยังมีการต่ออายุมาตรการออกไปจนถึง 31 ธันวาคม 2567 จากเดิมที่จะครบกำหนดในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 เพื่อช่วยพยุงสภาพคล่องและลดภาระหนี้ให้กับลูกค้ากลุ่มเปราะบางให้ได้ดอกเบี้ยต่ำกว่าอัตราที่ประกาศอีก 0.25%  ซึ่งจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ จะทำให้ลูกค้ากลุ่มดังกล่าว มีอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงรวม 0.375-0.50% ต่อปี ทั้งนี้ ธนาคารยังมีแผนที่จะปรับมาตรการเพื่อช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางตามความเหมาะสม เมื่อมาตรการดังกล่าวสิ้นสุดลง

สำหรับด้านเงินฝาก เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้าเงินออมที่กังวลว่าดอกเบี้ยเงินฝากจะทยอยปรับลดลง ทางทีทีบีมีบัญชีเงินฝากประจำพิเศษ อัพ แอนด์ อัพ 24 เดือน ที่ตอบโจทย์ลูกค้าเงินฝากทั้งระยะสั้นและระยะยาว เพราะให้ดอกเบี้ยสูงตั้งแต่ 6 เดือนแรก เริ่มต้นที่ 1.5% ต่อปี และรับดอกเบี้ยสูงขึ้นทุก ๆ 6 เดือน โดยรับดอกเบี้ยสูงสุด 2.0% ต่อปี และยังสามารถถอนก่อนครบกำหนดได้หากมีความจำเป็นในการใช้เงิน จึงเหมาะกับทั้งผู้ที่ฝากระยะสั้นก็จะได้รับดอกเบี้ยสูง และหากฝากต่อเนื่องก็จะเป็นการล็อกเรทอัตราดอกเบี้ยที่ดีในระยะยาว

ทีทีบีพร้อมให้ความช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ต่าง ๆ ตามความเหมาะสม ตลอดจนมีความตั้งใจที่จะส่งเสริมให้ลูกค้าสามารถจัดการภาระหนี้ที่มีอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนผ่านโซลูชันรวบหนี้ และโซลูชันโอนยอดหนี้เพื่อให้ดอกเบี้ยต่ำลง ช่วยลดภาระดอกเบี้ย เพิ่มสภาพคล่อง ควบคู่กับแนะนำการให้ความรู้ทางการเงิน เพื่อการจัดการหนี้ที่สอดคล้องกับรายได้และความสามารถในการชำระคืนอย่างยั่งยืน ภายใต้หลักเกณฑ์การให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending) ตามเป้าหมายของธนาคารที่มุ่งมั่นทำให้คนไทยมีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นทั้งวันนี้และอนาคต

ทำไมบางธุรกิจถึงเติบโตอย่างรวดเร็ว ในขณะที่บางธุรกิจไม่สามารถแข่งขันได้? หนึ่งในคำตอบสำคัญที่ทำให้ธุรกิจเติบโตได้คือ “นวัตกรรม” ยิ่งในโลกที่ตลาดมีการแข่งขันสูงและเปลี่ยนแปลงรอบด้านอย่างในปัจจุบัน นวัตกรรม ถือเป็นอาวุธสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ที่จะช่วยสร้างความต่างและความโดดเด่นให้กับสินค้า จนนำไปสู่การสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจได้อย่างรวดเร็วและยั่งยืน

เหมือนดังเช่น 2 SME ชื่อดังในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ที่นำนวัตกรรมมาเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ จนประสบความสำเร็จและมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ บริษัท กิติธัญ จำกัด ผู้ผลิตเสื้อผ้าแบรนด์ GQ แบรนด์ที่มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 58 ปี การันตีได้ถึงคุณภาพ มาวันนี้แตกแบรนด์ใหม่ภายใต้ชื่อ “GQ EASY” (จีคิว อีซี่) กับนวัตกรรมแห้งเย็น ไม่เหม็นเหงื่อ และอีกหนึ่ง SME ที่น่าจับตามองก็คือ บริษัท โกรว เวลธ์ จำกัด ผู้จัดจำหน่ายทิชชู่เปียกแบรนด์ ViVa” (วีว่า) ที่นำนวัตกรรมกักเก็บความชื้นไว้ในผ้า ทำให้ผ้ามีความชุ่มชื้นสูง โดยเข้าตลาดได้เพียง 6 เดือน ก็มียอดออเดอร์จำหน่ายในร้านเซเว่น อีเลฟเว่นสูงถึง 10,000 ลัง

GQ EASY : พัฒนาสินค้าจากปัญหา ศึกษาข้อมูลตลาด ราคาจับต้องได้ หาซื้อง่าย

หากเอ่ยถึงแบรนด์ GQ ที่ถือกำเนิดมาในปี 2509 เชื่อว่าทุกคนคงจะรู้จักเป็นอย่างดี ในฐานะผู้ผลิตเสื้อผ้าบุรุษสำเร็จรูปพร้อมใส่เจ้าแรกๆของเมืองไทยที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการและสภาพอากาศของเมืองไทยได้เป็นอย่างดี สู่การเป็นแบรนด์สินค้าคุณภาพที่มีนวัตกรรมอย่างเต็มตัวในปี 2562 โดยได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มสุภาพบุรุษ กระทั่งในปี 2563 GQ ได้พัฒนาสินค้าตัวใหม่ที่สร้างชื่อจนเป็นที่รู้จักในวงกว้าง สามารถใช้ได้ทุกเพศ ทุกวัย นั่นก็คือ หน้ากากผ้าสะท้อนน้ำ และถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเริ่มจำหน่ายสินค้าในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี

 

จากผลการตอบรับที่ดีดังกล่าว มาวันนี้ GQ ได้แตกแบรนด์ใหม่ชื่อว่า “GQ EASY” เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้กว้างขึ้น แต่ยังคงรักษาคอนเซ็ปต์แบรนด์สินค้าคุณภาพที่มีนวัตกรรมไว้ได้อย่างครบถ้วน ในราคาที่จับต้องได้ เข้าถึงได้ง่าย เปรี้ยว-อาทิตย์ จันทรางศุ ผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบ บริษัท กิติธัญ จำกัด ได้เล่าถึงแนวคิดการพัฒนาสินค้าภายใต้แบรนด์ GQ EASY ว่า จากการตอบรับที่ดีจากหน้ากากผ้าสะท้อนน้ำ ที่วางจำหน่ายในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ทำให้บริษัทมีแนวคิดที่จะผลิตสินค้าเพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปชื่นชอบความสะดวกสบาย และเหมาะสำหรับคนทุกเพศ ทุกวัย จากเดิมที่มุ่งเน้นกลุ่มสุภาพบุรุษ จึงได้มีการคิดค้นและพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่อง จนได้ออกมาเป็นแบรนด์ GQ EASY ที่เริ่มวางจำหน่ายในร้านเซเว่น อีเลฟเว่นในปี 2565 มีสินค้าหลากหลาย อาทิ เสื้อยืด หน้ากากผ้า ชั้นในชาย เป็นต้น ในราคาเพียงหลักร้อยเท่านั้น

จุดเด่นของ GQ EASY ในทุกผลิตภัณฑ์ คือ แห้งเย็น ไม่เหม็นเหงื่อ เหมาะกับการใส่ในชีวิตประจำวัน ราคาย่อมเยา หาซื้อง่าย มีหลากหลายแบบให้เลือกซื้อหา ล่าสุด ได้ออกคอลเลคชั่นพิเศษ GQ Easy x Toy Story กับดีไซน์สุดน่ารักของ Little Green Men หรือ น้องเอเลี่ยนสามตา ที่มาพร้อมนวัตกรรมดับกลิ่นที่ช่วยลดการเกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ แม้ต้องตากในที่ร่ม ทำให้มั่นใจได้ในทุกกิจกรรมและทุกสถานการณ์ ผ้านุ่มใส่สบาย ระบายอากาศได้ดี ผ้าแห้งไว

“หลายคนอาจจะคิดว่า การผลิตเสื้อผ้าต้องอิงตามกระแสแฟชั่นถึงจะได้รับการตอบรับที่ดี แต่สำหรับบริษัทมุ่งเน้นเรื่องของนวัตกรรมควบคู่กับการออกแบบมาตลอด รวมถึงมีการศึกษาข้อมูลตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลิตสินค้าให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคให้มากที่สุด จึงทำให้บริษัทอยู่ในตลาดมาได้อย่างมั่นคงถึง 58 ปี และใน GQ EASY คอลเลคชั่นล่าสุดก็เช่นเดียวกัน นอกจากนวัตกรรมแห้งเย็น ไม่เหม็นเหงื่อแล้ว บริษัทได้นำแบบสำรวจระดับอาเซียนเกี่ยวกับตัวการ์ตูนใน Toy Story มาศึกษาว่าตัวการ์ตูนใดได้รับความสนใจจากตลาด พบว่า น้องเอเลี่ยนสามตา ได้รับความสนใจมากที่สุด จึงปรึกษากับทางเซเว่นฯ เพื่อนำมาใช้เป็นตัวการ์ตูนบนเสื้อ ซึ่งก็ได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดี โดยเริ่มวางจำหน่ายเมื่อช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา ในราคาตัวละ 259 บาท คาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีเหมือนสินค้าตัวอื่นๆ”

 

ViVa :  ส่งนวัตกรรมทรีตน้ำ-ผ้าลายรังผึ้ง สร้างความต่าง ครึ่งปีออเดอร์ 10,000 ลัง

 ถึงแม้ตลาดทิชชู่เปียกจะเป็นตลาด Red Ocean ที่มีการแข่งขันสูง และมีผู้เล่นจำนวนมาก ทั้งจากรายเล็ก รายใหญ่ หรือแม้แต่จากต่างประเทศ ทำให้ SME หลายๆ เจ้าไม่กล้าลงตลาด แต่สำหรับ จูน-กษมา ศิลาชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โกรว เวลธ์ จำกัด ผู้จัดจำหน่ายทิชชู่เปียกแบรนด์ ViVa ไม่หวั่นแต่อย่างใด เพราะเชื่อมั่นในตัวสินค้าว่ามีความโดดเด่นแตกต่างจากสินค้าอื่นในตลาด

จูน เล่าย้อนความถึงแนวคิดและความเป็นมาของ ViVa ให้ฟังว่า ส่วนตัวเป็นคนชอบใช้ทิชชู่เปียกอยู่แล้ว และคิดว่าน่าจะเป็นอีกหนึ่งสินค้าจำเป็นของคนในยุคปัจจุบัน หลังเผชิญวิกฤตโควิด 19 คนใส่ใจเรื่องความสะอาดมากขึ้น จึงได้ทำการศึกษาตลาดอย่างจริงจัง ทำให้พบว่าทิชชู่เปียกถือเป็นหนึ่งในสินค้าที่มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ที่สามารถใช้ได้ทุกเพศ ทุกวัย รวมถึงมีผู้เล่นในตลาดจำนวนมาก แต่ก็ยังพอมีช่องว่างที่จะเข้าตลาดอยู่ จึงได้เริ่มนำนวัตกรรมมาใช้ในการผลิตเพื่อสร้างจุดเด่นให้กับสินค้า

 

“บริษัทได้คิดค้นสูตรเฉพาะและวางจำหน่ายตัวแรกคือ Organic Baby Wipes (ออร์แกนิค เบบี้ ไวพส์) ในขนาด 20 แถม 10 แผ่น ราคา 25 บาทโดยใช้นวัตกรรมทรีตน้ำให้มีความสะอาด บริสุทธิ์ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าผู้บริโภคจะได้รับสินค้าที่สะอาดและปลอดภัย อีกทั้งลายของเนื้อผ้าที่เป็นลายรังผึ้ง ยังสามารถช่วยกักเก็บน้ำได้ดีกว่าผ้าลายอื่น ทำให้ทิชชู่เปียกของViVa มีส่วนประกอบของน้ำถึง 99% และลายรังผึ้งนี้ยังช่วยเพิ่มผิวสัมผัสให้มากขึ้น นอกจากนี้ยังเพิ่มความพิเศษด้วยการเติมออร์แกนิคอะโรเวล่าและอาโวคาโดออย เพื่อให้ความชุ่มชื้นกับผิวและยังอ่อนโยนต่อผิว เด็กสามารถใช้ได้ อีกทั้งยังไม่มีแอลกอฮอล์และพาราเบนที่อาจส่งผลกระทบต่อผิวหนัง”

โดย Organic Baby Wipes เริ่มวางจำหน่ายที่เซเว่น อีเลฟเว่น ควบคู่กับการทำการตลาดผ่านสื่อโซเซียลส่วนตัวและทั่วไป อาทิ Facebook, TikTok, Instagram ตั้งแต่เมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา โดยมีออเดอร์แรกที่วางจำหน่ายในเซเว่น อีเลฟเว่น อยู่ที่ 1,400 ลัง หลังจำหน่ายได้เพียง 2 เดือน ได้รับการแจ้งจากเซเว่น อีเลฟเว่น ว่ามีลูกค้ามาสอบถามถึงสินค้าและการปรับขนาดบรรจุเป็นจำนวนมาก จึงได้มีการสั่งเพิ่มออเดอร์เป็นขนาดบรรจุ 90 แผ่น ราคา 79 บาทอีกหนึ่งขนาด ส่งผลให้ในปัจจุบันมีออเดอร์ทั้ง 2 ขนาดรวมมากกว่า 10,000 ลัง สิ่งที่ทำให้สินค้าได้รับการตอบรับที่ดี นอกจากเรื่องคุณภาพแล้ว ราคายังตอบโจทย์ความต้องการ เพราะบริษัทมุ่งมั่นตั้งใจที่จะผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ ในราคาที่จับต้องได้ เพื่อให้คนไทยทุกคนสามารถใช้สินค้าไทยที่มีคุณภาพได้อย่างสบายใจ

ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจที่มีประวัติมาอย่างยาวนานถึง 58 ปีอย่าง GQ หรือจะเป็นธุรกิจที่เพิ่งเริ่มผลิตสินค้าและทำตลาดอย่าง ViVa ต่างก็นำ “นวัตกรรม” มาเป็นตัวช่วยสร้างความแตกต่างและความโดดเด่นให้กับตัวสินค้า ทั้งนี้ เพื่อให้ธุรกิจสามารถแข่งขันได้แข็งแกร่งท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงรอบด้าน อีกทั้งยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างการเติบโตในอนาคตให้กับ 2 ธุรกิจคู่ไปกับเซเว่น อีเลฟเว่น ซึ่งทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายสร้างอาชีพ สร้างเอสเอ็มอีให้เติบโตอย่างยั่งยืนของซีพี ออลล์

ออเนอร์ (HONOR) ผู้ให้บริการอุปกรณ์อัจฉริยะชั้นนำระดับโลก ประกาศเปิดตัวสมาร์ตโฟนเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุด HONOR Magic7 อย่างเป็นทางการในงาน Snapdragon Summit 2024 ณ ฮาวาย ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 21 ตุลาคมที่ผ่านมา สร้างความฮือฮาด้วยดีไซน์สุดพรีเมียมที่ผสานนวัตกรรมอันล้ำสมัย เพื่อตอบสนองทุกความต้องการของผู้ใช้ยุคใหม่ โดยสมาร์ตโฟนรุ่นนี้ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Snapdragon® 8 Elite Mobile Platform รุ่นล่าสุดจาก Qualcomm ที่มีจุดเด่นด้านประสิทธิภาพอันทรงพลัง และเทคโนโลยี AI สุดอัจฉริยะอย่าง AI Agent รุ่นแรกที่ถูกฝังอยู่ในอุปกรณ์ และการเรนเดอร์กราฟิกแบบเรียลไทม์ผ่าน NPU ทำให้ได้ภาพที่คมชัด เพื่อยกระดับการใช้งานสมาร์ตโฟนไปอีกขั้น

ดร.เรย์ กัว CMO of HONOR Device Co., Ltd. กล่าวว่า "ความร่วมมือกับ Qualcomm Technologies ครั้งนี้ จะช่วยสร้างนิยามใหม่ให้กับระบบนิเวศที่เน้น AI เป็นหลัก และปฏิวัติประสบการณ์ผู้ใช้ในยุค AI ซึ่งเรารู้สึกภูมิใจเป็นอย่างมากที่จะได้นำเสนอ AI Agent ตัวแรกของอุตสาหกรรมสำหรับระบบนิเวศแบบเปิด พร้อมทั้งนำ AI เชิงสร้างสรรค์บนอุปกรณ์สู่การเล่นเกมที่ขับเคลื่อนด้วยการคำนวณผ่าน NPU เพื่อยกระดับประสบการณ์การเล่นเกมให้มีความลื่นไหล สมจริง และตอบสนองต่อผู้ใช้ได้อย่างชาญฉลาด เรามั่นใจว่านี่คือการเปิดศักราชใหม่ของเทคโนโลยี Autopilot AI สำหรับอุปกรณ์พกพา ที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงวิธีการใช้งานสมาร์ตโฟนในอนาค”

คริส แพททริค รองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไปฝ่ายมือถือของ Qualcomm Technologies, Inc. กล่าวว่า "เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมงานกับ HONOR เพื่อกำหนดอนาคตของ AI และกำหนดนิยามใหม่ว่าผู้คนจะโต้ตอบกับเทคโนโลยีอย่างไร ความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยขยายขอบเขตของ AI ไปอีกขั้น พร้อมสร้างประสบการณ์ที่เปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิตของผู้คนอย่างแท้จริง”

สำหรับงาน Snapdragon Summit 2024 จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ถือเป็นเวทีสำคัญที่รวมผู้ผลิตเทคโนโลยีชั้นนำจากทั่วโลก โดยปีนี้การเปิดตัว HONOR Magic7 ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนและผู้ร่วมงานเป็นอย่างมาก เนื่องจากการนำเสนอเทคโนโลยีสุดล้ำที่น่าจับตามอง สำหรับ HONOR Magic7 ไม่เพียงแต่เน้นความสวยงามในการออกแบบ แต่ยังมุ่งเน้นประสิทธิภาพในการใช้งานอย่างครบครัน ด้วยนวัตกรรมล้ำหน้าทั้งในด้านการประมวลผล ความสามารถด้าน AI ที่ช่วยเพิ่มประสบการณ์การใช้งานอันชาญฉลาด และความสามารถในการปรับแต่งการทำงานตามพฤติกรรมของผู้ใช้ ทำให้สมาร์ตโฟนรุ่นนี้เป็นการตอกย้ำภาพลักษณ์แบรนด์ที่ผสานทั้งความหรูหราและการใช้งานที่ทรงพลัง”

 

Autopilot AI: AI Agent รุ่นแรกที่ถูกฝังอยู่ในมือถือครั้งแรกของโลก

HONOR Magic7 เตรียมเปิด AI Agent บนระบบเปิดครั้งแรกในอุตสาหกรรมมือถือ โดยผู้ใช้สามารถสั่งงานผ่านข้อความหรือเสียงเพื่อให้ AI Agent ช่วยสั่งอาหารแทนได้ รวมถึงเรียนรู้พฤติกรรมของผู้ใช้ เช่น รู้ว่าผู้ใช้ชอบกาแฟใส่นมมะพร้าว และสั่งตามความต้องการได้อย่างง่ายดายและชาญฉลาด

นอกจากนี้ AI Agent ยังสามารถช่วยค้นหาและยกเลิกการสมัครรับข้อมูลที่ไม่ต้องการจากแอปฯ ต่าง ๆ ได้ในเพียงคำสั่งเดียวและยังสามารถใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย เช่น วางแผนการเดินทาง จองตั๋ว จัดการตาราง แจ้งเตือน โอนย้ายไฟล์ข้ามแอปพลิเคชันและอื่น ๆ รวมถึง HONOR Magic7 จะมาพร้อมกับ MagicOS 9.0 พร้อมเปิดยุคใหม่ของ Autopilot AI เพิ่มความสะดวกสบายที่ไม่เคยมีมาก่อน

AI-empowered Hardware: ยกระดับการเล่นเกมด้วย AI และ NPU เป็นครั้งแรก

HONOR Magic7 นำเทคโนโลยี AI มาสู่การเล่นเกมบนมือถือเป็นครั้งแรกด้วยพลังการประมวลผลจาก NPU (Neural Processing Unit) ซึ่งสามารถเรนเดอร์กราฟิกแบบเรียลไทม์ในเกม ลดภาระการทำงานของ GPU ทำให้อุณหภูมิของอุปกรณ์ลดลง พร้อมให้ภาพคมชัดและประสบการณ์การเล่นเกมที่ดีกว่า

 

ผสานพลัง MagicRing กับ Snapdragon สร้างประสบการณ์ AI ไร้รอยต่อในทุกอุปกรณ์

HONOR ร่วมกับ Qualcomm พัฒนา AI-first ecosystem ที่จะพลิกโฉมการเชื่อมต่อและการใช้งาน โดยเทคโนโลยี MagicRing ของ HONOR ช่วยให้การใช้งานข้ามอุปกรณ์เป็นไปอย่างปลอดภัยและราบรื่น เช่น การสร้างงานศิลปะผ่าน Cocreator บน HONOR MagicPad 2 ด้วย Magic Pencil หรือใช้ AI Eraser ของ HONOR Magic V3 บน HONOR MagicBook Art 14 ให้ทุกอุปกรณ์ทำงานร่วมกันได้อย่างไร้รอยต่อ นอกจากนี้ HONOR Magic7 โดดเด่นด้วยการใช้ Snapdragon® 8 Elite Mobile Platform ชิปเซ็ตรุ่นล่าสุดจาก Qualcomm ที่ขึ้นชื่อด้านพลังการประมวลผลอันเหนือชั้น มอบประสบการณ์การใช้งานที่ลื่นไหล พร้อมประสิทธิภาพการทำงานที่ตอบโจทย์ผู้ใช้ โดยเฉพาะด้านการใช้งาน AI ที่ได้รับการยกระดับอย่างเต็มรูปแบบ

HONOR ย้ำว่าการเปิดตัว HONOR Magic7 ในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่แสดงถึงศักยภาพทางเทคโนโลยีของบริษัท แต่ยังเป็นการตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้ที่ต้องการอุปกรณ์สมาร์ตโฟนที่ทั้งทรงพลัง สวยงาม และตอบโจทย์การใช้งานในทุกด้าน ซึ่งการรวมพลังของ Snapdragon 8 Elite Mobile Platform และ AI Agent ที่ถูกพัฒนามาอย่าง
ล้ำหน้า จะเป็นการเปลี่ยนโฉมการใช้งานสมาร์ตโฟนในอนาคต

เตรียมตัวให้พร้อม! สำหรับการเปิดตัว HONOR Magic7 อย่างเป็นทางการอีกครั้งในวันที่ 30 ตุลาคม 2567 ณ ประเทศจีน สามารถรับชมการถ่ายทอดสดพร้อมกันทั่วโลกได้ผ่านทางเฟซบุ๊ก HONOR Thailand โดยในงานนี้จะมีการเผยโฉมตัวเครื่องทั้งด้านหน้าและด้านหลังของ HONOR Magic7 พร้อมโชว์ความสามารถของ AI อัจฉริยะ ออกมาให้เห็นเป็นครั้งแรก ผู้สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.honor.com/th หรือติดตามข่าวสารและกิจกรรมได้ที่เฟซบุ๊ก HONOR Thailand

นายโชน โสภณพนิช (ที่ 3 จาก ซ้าย) กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร และกลุ่มตัวแทนจาก BLA Top 100 Club ร่วมกิจกรรมโครงการ สานฝันจากพี่สู่น้อง ปี 2567 ณ โรงเรียนบ้านยางงาม โดยมีเป้าหมายในการส่งเสริมให้เยาวชนไทยเข้าถึงการศึกษา มีพัฒนาการ และสุขภาพที่ดี โดยได้มอบทุนการศึกษา ครุภัณฑ์ ชุดปฐมพยาบาล พร้อมสร้างพื้นที่การเรียนรู้สนามเด็กเล่นพร้อมเครื่องเล่นสำหรับเด็กปฐมวัย ปรับปรุงทัศนียภาพ รวมทั้งติดตั้งระบบน้ำดื่มสะอาด โดยมี นางสาวอัจฉรี สรรพคุณ (ที่ 3 จาก ขวา) ผู้อำนวยการโรงเรียน พร้อมด้วยคณะครูให้การต้อนรับ ณ โรงเรียนบ้านยางงาม อำเภอแกลง จังหวัดระยองเมื่อเร็วๆนี้

เวอร์จิ้น แอ็คทีฟ ประเทศไทย (Virgin Active Thailand) ผู้นำด้านการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมชั้นนำ เปิดตัวแคมเปญสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่ประเทศไทย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งจุดยืนระดับโลกของแบรนด์อย่าง 'Where Wellness Gets Real' ที่ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม ตอกย้ำวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์เบื้องหลังที่มาของจุดยืนของแบรนด์ล่าสุดที่พร้อมมอบแนวทางในการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมอย่างเป็นรูปธรรม และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าชาวไทยอย่างแท้จริง

'Where Wellness Gets Real' ถือว่าเป็นจุดยืนของแบรนด์ เวอร์จิ้น แอ็คทีฟ ล่าสุดที่จะเข้ามาช่วยเสริมให้เทรนด์และแนวทางในการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมนั้นให้จับต้องได้ ซึ่งจากการสำรวจข้อมูลเชิงลึกของสมาชิกของเวอร์จิ้น แอ็คทีฟ ในตลาดต่าง ๆ เกี่ยวกับแบรนด์นั้น สะท้อนได้ว่าคนส่วนใหญ่ต้องการแนวทางด้านการดูแลสุขภาพที่จับต้องได้และมีประสิทธิภาพ โดยไม่ใช่แค่เพียงแต่การออกกำลังทางกายภาพเท่านั้น อย่างไรก็ตามข้อมูลด้านสุขภาพที่มีอย่างล้นหลามอาจสร้างความสับสนให้กับคนได้ ซึ่งข้อมูลนี้ชี้ถึงความแตกต่างระหว่างเวอร์จิ้น แอ็คทีฟ กับคู่แข่งของแบรนด์ โดยเวอร์จิ้น แอ็คทีฟ มุ่งเน้นการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ที่ประกอบไปด้วยการดูแลจากภายใน สุขภาพจิตที่ดี รักษาสมดุลการกิน สุขภาพกายภาพและสิ่งแวดล้อมที่ดี เสริมให้สามารถเข้าถึงการมีสุขภาพที่ดีได้ง่ายมากขึ้น สนุกสนาน ตอบโจทย์ความต้องการของชีวิต และเหมาะสมกับทุก ๆ คน ทิศทางใหม่นี้ของ เวอร์จิ้น แอ็คทีฟ เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของแบรนด์ในการนำเสนอแนวทางที่เชื่อถือได้และมีผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำ ซึ่งช่วยให้ก้าวเข้าสู่เส้นทางในการดูแลสุขภาพที่ดีของทุกคนอย่างเป็นรูปธรรม

แคมเปญสุดเอ็กซ์คลูซีฟ  'Real Wellness My Way' ในประเทศไทย จะตอกย้ำจุดยืนของแบรนด์ เวอร์จิ้น แอ็คทีฟ ทั่วโลกโดยหยิบนำเรื่องราวจริงของสมาชิก เวอร์จิ้น แอ็คทีฟ ที่พร้อมจะก้าวสู่เส้นทางสายสุขภาพ โดย Real Wellness Ambassadors จะถูกคัดเลือกจากสมาชิกของ เวอร์จิ้น แอ็คทีฟ ที่แชร์เรื่องราวสุดท้าทายของพวกเขา พร้อมกับโชว์ให้เห็นว่า เวอร์จิ้น แอ็คทีฟ ได้ช่วยให้เส้นทางสู่การมีสุขภาพองค์รวมที่ดีของพวกเขานั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร ซึ่งแคมเปญนี้มุ่งเน้นไปที่ประสบการณ์จริงที่ไม่ปรุงแต่ง โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างแรงบันดาลใจแก่ทุกคนที่กำลังจะริเริ่มต้นเส้นทางเพื่อสุขภาพที่ดีของตนเอง รู้สึกเป็นตัวของตัวเองและมั่นใจ ขณะเดียวกันก็เน้นย้ำความมุ่งมั่นของแบรนด์ในการดูแลสุขภาพที่แท้จริง

แคมเปญที่กำลังจะเกิดขึ้นในประเทศไทย 'Real Wellness My Way' จัดขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่มากขึ้นของแต่ละบุคคลเกี่ยวกับความเป็นอยู่ที่ดี จากผลสำรวจข้อมูลเชิงลึกของ เวอร์จิ้น แอ็คทีฟ เปิดเผยว่าร้อยละ 71 ของคนไทยตอนนี้ให้ความสำคัญอย่างมากในด้านการดูแลสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนไปในสู่การออกกำลังอย่างเป็นประจำที่บ้านหรือท่ามกลางธรรมชาติ ยิ่งไปกว่านั้นร้อยละ 47 ของคนไทยนั้นมีความท้าทายในการมีไลฟ์สไตล์ที่กระตือรือร้น และการรักษาสุขภาพจิตให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดี แคมเปญนี้มุ่งตอบโจทย์ช่องว่างที่มีอยู่ ทั้งนี้ เวอร์จิ้น แอ็คทีฟ มีพื้นที่ให้บริการที่พร้อมให้ทุกคนเข้ามาสัมผัสประสบการณ์ที่ประทับใจ โปรแกรมต่าง ๆ จากผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้บริการตามความต้องการ อีกทั้งแนะนำแนวทางการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมที่ปรับให้เหมาะสมเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าชาวไทยโดยเฉพาะ

 

“ลูกค้าในประเทศไทยมีความคล้ายคลึงกับลูกค้าในตลาดอื่น ๆ โดยแสวงหาการดูแลด้านสุขภาพอย่างเป็นรูปธรรม อีกทั้งตอบโจทย์ความต้องการของแต่ละคนและไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกัน” คุณ จูเลียน เบรา ผู้อำนวยการประจำประเทศไทยและสิงคโปร์ ของ เวอร์จิ้น แอ็คทีฟ กล่าวพร้อมเสริมว่า “แคมเปญล่าสุดของเรา 'Real Wellness My Way' สะท้อนความเป็นเอกลักษณ์ของเวอร์จิ้น แอ็คทีฟ ที่สามารถมอบประสบการณ์ในโซลูชนในการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมที่น่าสนใจ ตรงจุด และเพลิดเพลินใจ เราตื่นเต้นอย่างมากที่แบรนด์และบริการของเรานั้นสนับสนุนเส้นทางด้านสุขภาพของทุกคน และตอบโจทย์ลูกค้าชาวไทยอย่างมาก โดยเรียกได้ว่าทิ้งความกดดันด้านเป้าหมายของการมีสุขภาพที่ดีที่เกินเอื้อม หรือแม้กระทั่งแนวทางด้านสุขภาพที่มากมายและซับซ้อนไว้ได้เลย”

เวอร์จิ้น แอ็คทีฟ ประเทศไทย ตอกย้ำในฐานะผู้นำด้านการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ผ่านแคมเปญใหม่ล่าสุดนี้เพื่อให้นิยามที่ดีด้านสุขภาพของทุกคนนั้นให้เกิดขึ้นจริงผ่านผลลัพธ์ที่ใคร ๆ ก็สามารถประสบความสำเร็จได้ แคมเปญในการเฟ้นหา Real Wellness Ambassadors’ ของเวอร์จิ้น แอ็คทีฟ พร้อมเปิดให้สมาชิกมาร่วมเปิดประสบการณ์แล้ววันนี้ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมสามารถหรือการสมัครร่วมแคมเปญสามารถเยี่ยมชมได้ที่เว็บไซต์ ที่นี่

X

Right Click

No right click