December 23, 2024

คุณอลิสา อารีพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ชับบ์ ไลฟ์ แอสชัวรันซ์ หรือ ชับบ์ ไลฟ์ ประกันชีวิต เผยว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมจากอิทธิพลของพายุในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ซึ่งส่งผลกระทบให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน บริษัทฯ มีความห่วงใย และตระหนักถึงผลกระทบที่มีต่อผู้เอาประกันภัย บริษัทฯ ได้ออกมาตรการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้น เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้เอาประกันภัย สำหรับกรมธรรม์ที่มีวันครบกำหนดชำระเบี้ยประกันภัย ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2567 ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2567 โดยมีมาตรการช่วยเหลือดังนี้

  1. ขยายระยะเวลาผ่อนผันการชำระเบี้ยประกันภัย จากเดิมภายใน 31 วัน เป็น 91 วัน นับตั้งแต่วันครบกำหนดชำระเบี้ยประกันภัย
  2. กรณีที่กรมธรรม์ประกันภัยสิ้นผลบังคับ ณ วันครบกำหนดชำระเบี้ยประกันภัย หากผู้เอาประกันภัยขอต่ออายุกรมธรรม์ประกันภัย หรือการกลับสู่สถานะเดิมของกรมธรรม์ประกันภัย ภายใน 6 เดือน บริษัทฯ จะยกเว้นการคิดดอกเบี้ย และ/หรือยกเว้นการตรวจสุขภาพผู้เอาประกันภัยหรือผู้ชำระเบี้ยประกันภัย
  3. กรณีที่ผู้เอาประกันภัยมิได้ชำระเบี้ยประกันภัยภายในระยะเวลาผ่อนผันการชำระเบี้ยประกันภัย และบริษัทฯ มีการนำมูลค่าเวนคืนกรมธรรม์มาชำระเบี้ยประกันภัยโดยอัตโนมัติ เพื่อให้กรมธรรม์มีผลบังคับใช้ต่อไป บริษัทฯ จะยกเว้นการคิดดอกเบี้ยให้แก่ผู้เอาประกันภัย เป็นระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือนนับแต่วันครบกำหนดชำระเบี้ยประกันภัย

บริษัทฯ ขอส่งกำลังใจให้ทุกท่านผ่านพ้นจากสถานการณ์น้ำท่วม และกลับสู่ภาวะปกติในเร็ววัน ทั้งนี้ลูกค้าบริษัทฯ สามารถติดต่อเพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ดูแลลูกค้า โทร.1283 วันจันทร์ - วันศุกร์ เวลา 8:30  - 17:00 น. (เว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์) และทางเว็บไซต์ https://www.chubb.com/th-th/leniency-chubblife.html

ONNEX by SCG Smart Living เปิดบ้านโชว์ศักยภาพความพร้อมในงานระบบโซลาร์ ส่งแผน EPC+ BUSINESS MODEL รุกตลาดโซลาร์ ตั้งเป้าสู่ความเป็นผู้นำ มุ่งตอบโจทย์ทุกกลุ่มพันธมิตรสำคัญทั้งกลุ่มธุรกิจต่างๆ และนักลงทุน คาดภายใน 5 ปี ปั้นธุรกิจ ขยายกำลังการผลิตติดตั้งโตขึ้นได้ไม่น้อยกว่า 1,000 เมกะวัตต์  

นายวชิระชัย คูนำวัฒนา Head of Living Solution Business ธุรกิจเอสซีจี สมาร์ทลีฟวิ่ง กล่าวว่า ONNEX by SCG Smart Living เน้นนวัตกรรมและบริการด้านระบบโซลาร์มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2011 โดยเริ่มต้นจากการผลิตพลังงานไฟฟ้าใช้เองภายในโรงงานต่างๆ ทำให้สามารถประหยัดพลังงานได้มากสุดถึง 40% ด้วยประสบการณ์ที่มีมาอย่างยาวนาน จึงมีความพร้อมที่จะตอบรับความต้องการในตลาดโซลาร์ที่มีอัตราการเติบโตสูงมากในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากการติดตั้งระบบโซลาร์ในปัจจุบันนั้นมีราคาที่ถูกลง  ขณะที่ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานไฟฟ้ายังคงมีราคาสูง

นายดุสิต ชัยรัตน์ Smart Home Living Solution Director ธุรกิจเอสซีจี สมาร์ทลีฟวิ่ง กล่าวว่า ด้วยแนวโน้มตลาดที่เปลี่ยนไป ทั้งด้วยนโยบายจากภาครัฐและจากความต้องการของลูกค้าในการใช้พลังงานสะอาด  อีกทั้งในระยะหลังมีนักลงทุนที่สนใจลงทุนในธุรกิจพลังงานสะอาดมากขึ้นจากผลตอบแทนการลงทุนที่ดีและมีความผันผวนต่ำในระยะยาว ทาง ONNEX by SCG Smart Living ได้จัดให้มีบริการ EPC (Engineering Procurement and Construction) ทั้งด้านการออกแบบทางวิศวกรรม  การขออนุญาตโครงการ รวมถึงการติดตั้งโครงสร้างระบบแบบครบวงจรอยู่แล้ว เพื่อขยายตลาดให้เติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง จึงได้เตรียมกลยุทธ์ EPC+ Business Model ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับผู้เกี่ยวข้องแต่ละกลุ่มในระบบโซลาร์ ที่จะช่วยสร้าง ecosystem ให้แข็งแกร่งเพื่อสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจโซลาร์ให้สามารถตอบโจทย์ได้ทั้งกลุ่มธุรกิจ ผู้ประกอบการ และนักลงทุน ส่งผลดีให้กับกลุ่มผู้บริโภค เพื่อลดภาวะโลกร้อนและสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ โดยคาดว่า EPC+ Business Model  จะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตติดตั้งในระบบพลังงานโซลาร์รวมแล้วไม่น้อยกว่า 1,000 เมกะวัตต์ ภายใน 5  ปี

สำหรับ EPC+ Business Model  เบื้องต้นมี 5 รูปแบบ คือ

  • EPC+F (Finance) เหมาะสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการเปลี่ยนระบบไฟฟ้าพื้นฐานมาติดตั้งระบบโซลาร์ นอกจากธุรกิจจะได้ใช้พลังงานสะอาดแล้ว ผู้ประกอบการยังได้ประโยชน์จากส่วนลดค่าไฟสูงสุดถึง 40% ซึ่งแผน EPC+F นี้ ทางผู้ประกอบการไม่ต้องลงทุนเอง แต่ทาง ONNEX จะดำเนินการหาผู้ลงทุนให้
  • EPC+D (Project Development) เหมาะสำหรับนักลงทุน ที่เป็นกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ สถาบัน กองทุน ที่สนใจลงทุนในโครงการโซลาร์ แต่ไม่มีประสบการณ์ ไม่มีทีมงานจัดทำโครงการ หรือไม่สามารถหาโครงการที่เหมาะสมได้ ทาง ONNEX จะทำหน้าที่คัดสรรโครงการที่สอดคล้องกับนโยบายการลงทุน ขนาดโครงการ ความเสี่ยงและผลตอบแทนที่มีผลประโยชน์สูงสุดให้กับผู้ลงทุน
  • EPC+Alliance รูปแบบความร่วมมือกับพันธมิตร EPC ด้วยกัน โดยมีแนวคิดที่จะช่วยให้ในกลุ่มพันธมิตรสามารถมีศักยภาพในการบริหารต้นทุนที่ดีที่สุดในระบบการจัดซื้อ (Cost effectiveness) โดยทาง ONNEX มีแผนงานเพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาแผงและอุปกรณ์ต่างๆ ในระบบโซลาร์ที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในระยะยาว โดย EPC+Alliance ได้เริ่มดำเนินการและเปิดรับกลุ่มพันธมิตรทางธุรกิจที่มีความสนใจร่วมกันอยู่ในขณะนี้
  • EPC+Authorized Referral เหมาะสำหรับตัวแทนอิสระ ที่มีเครือข่ายลูกค้าที่มีศักยภาพในธุรกิจโซลาร์ สามารถเข้ามาเป็น Authorized Referral ได้ เพื่อร่วมธุรกิจและรับผลตอบแทนจากโครงการ

ด้านนายสุชาติ นอกพุดซา Associate Director – Solar Roof ธุรกิจเอสซีจี สมาร์ทลีฟวิ่ง กล่าวว่า ONNEX by SCG Smart Living มีประสบการณ์ในการติดตั้งระบบโซลาร์เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ครบทุกรูปแบบ (Solar Roof, Solar Floating, Solar Farm และ Solar Carport) ที่ผ่านมา สามารถผลิตพลังงานสะอาดไปแล้วกว่า 200 เมกะวัตต์ (MWp) และยังมีโครงการที่อยู่ในระหว่างดำเนินการอีกถึง 400-600 เมกะวัตต์ (MWp) โดยพื้นที่โซลาร์ฟาร์มขนาด 47.5 ไร่ ที่จังหวัดสระบุรี ถือเป็นโซลาร์ฟาร์มต้นแบบที่นำเสนอแพลตฟอร์มการบริหารจัดการพลังงานโรงไฟฟ้าเสมือนจริง (Virtual Power Plant) ภายใต้แนวคิด Smart Utilization -  Smart Investment -  Smart Flexibility  และ Smart Monitoring  ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถรับรู้ปริมาณการผลิตโซลาร์และการนำพลังงานสะอาดไปใช้อย่างเหมาะสม ซึ่งถือเป็นโซลาร์ฟาร์มต้นแบบที่มีความสำคัญอย่างมากในการผลิตพลังงานไฟฟ้าเพื่อใช้ในโรงงานต่างๆ ในพื้นที่ โดยในส่วนของอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) ที่ทาง ONNEX by SCG Smart Living เคย Develop ได้สูงสุดจะอยู่ที่ IRR 34% และระยะเวลาคืนทุนภายใน 3ปี

สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติม เกี่ยวกับ ONNEX Solar หรือสนใจร่วมเป็นส่วนหนึ่งในแผน EPC+ Business Model สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์ www.onnexbyscg.com/th/product/solar-solutions   และไลน์ @SCGSolarRoof หรือสอบถามได้ที่เบอร์ 02-586-2222

อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต ร่วมยินดี ทัพตัวแทนไทย 31 คน ได้รับคัดเลือกร่วมโครงการ Allianz Pinnacle Excellence Program เดินหน้าพัฒนาความเป็นมืออาชีพในหลักสูตรพัฒนาตัวแทนระดับเวิร์ดคลาสกับสถาบัน INSEAD จัดโดยความร่วมมือของ อลิอันซ์ เอเชีย แปซิฟิก และ INSEAD สถาบันการศึกษาด้านธุรกิจระดับท๊อปของโลก มุ่งเพิ่มทักษะและสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับวงการตัวแทนประกันชีวิตและสุขภาพให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของโลกในวันนี้และอนาคต

นายวิรงค์ พัฒนกำจร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานบริหารตัวแทน อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต กล่าวว่า บริษัทฯมีความภาคภูมิใจกับความเป็นมืออาชีพของตัวแทนของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 31 ตัวแทน ประกอบด้วย AVP ใหม่ปี 2567 จำนวน 10 คน ผู้บริหารตัวแทนระดับ Elite จำนวน 16 คน Elite Builder จำนวน 5 คนที่ได้ผ่านกระบวนการคัดเลือกที่เข้มข้นและมีการแข่งขันสูง ทั้ง 31 คนจะได้เข้าร่วมการอบรมร่วมกับตัวแทนที่มีผลงานยอดเยี่ยมกว่า 200 คนจาก 7 ตลาดทั่วเอเชีย โดยกลุ่มผู้เข้าร่วมประกอบด้วยผู้นำและตัวแทนที่มีประสบการณ์ทั้งใหม่และเก่า ถือเป็นโอกาสดีของตัวแทนคุณภาพของเราที่ได้เข้าร่วมเพื่อรับความรู้ใหม่ในการพัฒนาตนเองในฐานะตัวแทน และจะสามารถนำความรู้อันมีค่าเหล่านี้กลับมาพัฒนาทีม และตัวแทนรุ่นใหม่ต่อไปในอนาคต

โครงการอบรมนี้ประกอบด้วย 4 โมดูลหลัก ได้แก่ การสื่อสาร จิตวิทยาลูกค้า ภาวะการเป็นผู้นำ และแนวคิดกลยุทธ์ทางธุรกิจ โดยช่วยให้ผู้เข้าร่วมสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปปรับประยุกต์ใช้โดยตรงผ่านโครงการ Action Learning Projects ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการจบโครงการและการเติบโตในสายอาชีพ ผู้ที่จบการศึกษาจะได้รับการสนับสนุนให้แบ่งปันแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดกับทีมของพวกเขา ช่วยขยายผลจากการฝึกอบรมให้สามารถพัฒนาตนเองและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยโครงการมีระยะเวลา 6 เดือน และจะเริ่มต้นด้วยหลักสูตรแบบตัวต่อตัวเป็นเวลา 2 วัน ที่ INSEAD Asia Campus ในสิงคโปร์ และจะสิ้นสุดด้วยพิธีจบการศึกษาที่สถานที่เดียวกันในเดือนกุมภาพันธ์ 2568

มร.โมหิด บาโฮเรีย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายตัวแทน การตลาดและการจัดจำหน่ายดิจิทัลประจำภูมิภาค กล่าว "โครงการ Pinnacle Excellence Program เป็นตัวอย่างที่แสดงถึงความมุ่งมั่นของอลิอันซ์ ในการเตรียมความพร้อมและเสริมสร้างความเชี่ยวชาญให้กับตัวแทนของเรา เพื่อให้พวกเขามีทักษะและความรู้ที่จำเป็นในการรับมือกับการ เปลี่ยนแปลงและความท้าทายในอนาคต ด้วยความริเริ่มนี้ เราไม่เพียงแต่เสริมสร้างเครือข่ายการขายของเราเท่านั้น แต่ยังมั่นใจว่าลูกค้าของเราจะได้รับการบริการที่ดีที่สุด"

มร.เจมส์ คอสตันนินิ ศาสตราจารย์ผู้ช่วยอาวุโสด้านกลยุทธ์ของ INSEAD และผู้อำนวยการโครงการ Allianz Pinnacle Excellence Program กล่าวเพิ่มเติมว่า "เส้นทางการเรียนรู้ของโครงการถูกออกแบบอย่างพิถีพิถันเพื่อสนับสนุนตัวแทนชั้นนำให้ไปถึงจุดสูงสุดของพวกเขา โดยเน้นการผสมผสานระหว่างความรู้ทางวิชาการและประสบการณ์ของผู้เชี่ยวชาญชั้นนำเพื่อสร้างแนวปฏิบัติผ่านการประยุกต์ใช้ความรู้ โดยในโมดูลแรก เรามุ่งเน้นการศึกษาและทำความเข้าใจปัจจัยที่ทำให้การสื่อสารมีอิทธิพลและผลกระทบมีความสำคัญอย่างไรต่อตัวแทน และวิธีการนำความรู้นี้ไปปฏิบัติ"

 

บริษัท ไทยกูลิโกะ จำกัด เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ “กูลิโกะ อัลมอนด์  โคกะ มิกซ์ 3 นัท” อย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดในกลุ่มผลิตภัณฑ์ “กูลิโกะ อัลมอนด์ โคกะ” นมอัลมอนด์ยอดขายอันดับ 1 ในญี่ปุ่น โดยบริษัทฯ มีเป้าหมายที่จะขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ “กูลิโกะ อัลมอนด์ โคกะ” ไปสู่กลุ่มผู้บริโภคที่ใส่ใจดูแลสุขภาพอย่างพิถีพิถัน ด้วยบริษัทฯ เล็งเห็นศักยภาพที่สำคัญในกลุ่มผลิตภัณฑ์นม Plant-based ในประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันตลาดมีอัตราการเติบโตกว่า 40%

“กูลิโกะ อัลมอนด์ โคกะ” เป็นนมอัลมอนด์ยอดขายอันดับ 1 ในญี่ปุ่น 7 ปีซ้อน[1] นับตั้งแต่มีการเปิดตัวอัลมอนด์ โคกะในตลาดประเทศไทยเมื่อปี 2566 ที่ผ่านมา บริษัทฯได้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดนม Plant-based หรือนมทางเลือกของไทยอย่างรวดเร็ว โดยผู้บริโภคให้การตอบรับ กูลิโกะ อัลมอนด์ โคกะ เป็นอย่างดี ปัจจุบันตลาดมีมูลค่า 1,800 ล้านบาท และมีอัตราการเติบโตอย่างแข็งแกร่งถึง 40%[2] และคาดว่าจะเติบโตต่อไปอย่างต่อเนื่อง

นายเฉลิมพงษ์ ดรงค์สุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยกูลิโกะ จำกัด กล่าวว่า “เนื่องจากผู้คนทั่วโลกหันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพมากขึ้น บริษัทกูลิโกะจึงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเสริมสร้างความเป็นอยู่ที่ดีของลูกค้า ด้วยการทำวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยเน้นที่คุณค่าทางโภชนาการและผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่า(Value)สูง พร้อมทั้งคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคและส่งเสริม brand loyalty  บริษัทกูลิโกะมุ่งมั่นที่จะเพิ่มมูลค่าให้กับผู้บริโภคตาม Purpose “Healthier days, Wellbeing for life” บริษัทฯ ตั้งใจที่จะบรรลุเป้าหมายนี้โดยการส่งเสริมสุขภาพที่ดี สร้างห่วงโซ่คุณค่าที่เน้นลูกค้า และลงทุนในพื้นที่สำคัญต่างๆสำหรับในประเทศไทย เราสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เพิ่มมากขึ้นจากผลิตภัณฑ์นมทางเลือกจากพืชอย่างนมอัลมอนด์ ซึ่งถือเป็นโอกาสสำคัญในภาคส่วนที่กำลังขยายตัวนี้ และเพื่อใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ต่อไป เราจึงขอแนะนำ “กูลิโกะ อัลมอนด์  โคกะ มิกซ์ 3 นัท ที่ทำมาจากถั่ว Superfood 3 ชนิด ได้แก่ อัลมอนด์ วอลนัท และเฮเซลนัท อร่อย ดื่มง่าย ได้ประโยชน์ และดีต่อสุขภาพแบบองค์รวม”

ประเทศไทยเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เปิดตัว “กูลิโกะ อัลมอนด์  โคกะ มิกซ์ 3 นัท” ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของกูลิโกะ เนื่องจากเรามุ่งมั่นที่จะขยายการเติบโตในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Health & Wellness ต่อไปหลังจากได้รับความนิยมมานานหลายทศวรรษจากผลิตภัณฑ์ขนมและไอศกรีม โดยเรามั่นใจว่า“กูลิโกะ อัลมอนด์  โคกะ มิกซ์ 3 นัท” จะมีส่วนช่วยส่งเสริมความแข็งแกร่งของกลุ่มผลิตภัณฑ์ กูลิโกะ อัลมอนด์ โคกะ ซึ่งปัจจุบันมีจำหน่ายใน 3 รสชาติ ได้แก่ สูตรดั้งเดิม สูตรไม่เติมน้ำตาล สูตรรสช็อกโกแลต

นางสาวทิฆัมพร เพียรวิจารณ์พงศ์  ผู้จัดการกลุ่มผลิตภัณฑ์  Health & Wellness บริษัท ไทยกูลิโกะ จำกัด ยังกล่าวเสริมว่า “กูลิโกะ อัลมอนด์ โคกะ มิกซ์ 3 นัท” มีความโดดเด่นด้วยรสชาติอร่อย กลมกล่อม และหอมอโรมาจากถั่ว 3 ชนิด อัลมอนด์ วอลนัท และเฮเซลนัท ไม่เพียงแต่มีรสชาติอร่อยและดื่มง่ายเท่านั้น แต่ยังอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการที่ส่งเสริมสุขภาพโดยรวมอีกด้วย หากบริโภคอย่างต่อเนื่องนอกจากสุขภาพที่ดีแล้ว ยังจะมีผิวพรรณที่ดีด้วย และด้วยคุณประโยชน์เหล่านี้ บริษัท ไทยกูลิโกะ จึงมั่นใจว่า กูลิโกะ อัลมอนด์ โคกะ จะกลายเป็นเครื่องดื่มประจำวันยอดนิยมในไทยเช่นเดียวกับในญี่ปุ่น และได้มีการดึง “ใหม่ - ดาวิกา โฮร์เน่” เป็นพรีเซนเตอร์ “กูลิโกะ อัลมอนด์ โคกะ” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 เพื่อกระตุ้นยอดขายและบรรลุเป้าหมายของบริษัท”

ใหม่ ดาวิกา ตัวแทนของ กูลิโกะ อัลมอนด์ โคกะ คือตัวแทนของคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจดูแลสุขภาพและความงามในชีวิตประจำวัน พร้อมมุ่งมั่นสู่การมีสุขภาพที่ดีในระยะยาว เธอเป็นตัวแทนของผู้บริโภคที่มุ่งมั่นในการดูแลผิวพรรณและสุขภาพโดยรวม เพราะกูลิโกะ อัลมอนด์ โคกะมีคุณประโยชน์มากมาย อุดมไปด้วยวิตามินอีถึง 100% ของปริมาณที่จำเป็นในหนึ่งวัน  มีใยอาหารสูง  เพิ่มกากใยในระบบอาหาร ช่วยการขับถ่าย และ 0% คอเลสเตอรอล ที่สำคัญยังปราศจากนมวัวและน้ำตาลแล็กโทส ผู้บริโภคเจหรือผู้แพ้นมวัวสามารถรับประทานได้  แม้การแข่งขันในตลาดนม Plant-Based และนมอัลมอนด์จะดุเดือด แต่กูลิโกะก็มั่นใจว่า กูลิโกะ อัลมอนด์ โคกะ จะกลายเป็นเครื่องดื่มที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างดีที่สุด

 

กูลิโกะ อัลมอนด์  โคกะ มิกซ์ 3 นัท รวมไปถึงสูตรดั้งเดิม สูตรไม่เติมน้ำตาล และสูตรรสช็อกโกแลตมีจำหน่ายแล้วในร้านค้า ชั้นนำทั่วประเทศ


[1] ที่มา: INTAGE SRI Almond Milk Category value sales 2018 – 2024

[2] ที่มา: Nielsen as of Aug'24

ศูนย์กลยุทธ์และความสามารถทางการแข่งขันองค์กร (STECO) มจธ. ร่วมกับ สมาคมผู้ประกอบการปัญญาประดิษฐ์ประเทศไทย (AIEAT) ขอเชิญท่านร่วมอบรมหลักสูตร Mini MBA in AI for Business Leaders รุ่น 1 เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับพื้นฐาน AI และจริยธรรม หลักสูตรที่จะบูรณาการการใช้ AI ในการวางแผน ดำเนินการ และวัดผลการดำเนินงานสู่ความสำเร็จ การใช้ AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานส่งผลต่อการยกระดับองค์กรให้ทันสมัยและตอบโจทย์ผู้รับบริการในปัจจุบันมากขึ้น อีกทั้งมีกิจกรรมการสร้างเครือข่ายทางธุรกิจเพื่อเปิดโอกาสให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างผู้เข้าร่วมอบรม

อบรม Online ทุกวันอังคาร และวันพฤหัสบดี

อบรม Onsite ทุกวันเสาร์ ณ โรงแรม S31 ถ.สุขุมวิท 

อบรม 7 สัปดาห์ (Hybrid Course)

วันอังคารที่ 5, 12, 19, 26 พ.ย. และวันอังคารที่ 3 ธ.ค. 67 เวลา 18.00 - 20.00 น.

วันพฤหัสบดีที่ 7, 14, 21, 28 พ.ย. และวันพฤหัสบดีที่ 12 ธ.ค. 67 เวลา 18.00 - 20.00 น.
วันเสาร์ที่ 2, 9, 16, 23, 30 พ.ย. และวันเสาร์ที่ 14, 21 ธ.ค. 67 เวลา 9.00 - 16.00 น.

และวันเสาร์ที่ 21 ธ.ค. 67 เวลา 17.00 - 21.00 น. พบกับกิจกรรม Networking Dinner

สมัครภายในวันที่ 20 ต.ค. 2567 ราคาพิเศษ เพียงท่านละ 79,000 บาท จากราคาปกติ 89,000 บาท

สมัครได้แล้ววันนี้ ที่ https://steco.kmutt.ac.th/course/mini-mba-in-ai-for-business-leaders-1 

(หลังจากลงทะเบียนเรียบร้อยแล้วท่านจะได้รับอีเมลยืนยันการลงทะเบียนเข้าร่วมอบรมภายใน 1-2 วันทำการ)

สิ่งที่ท่านจะได้รับเมื่อมาอบรมกับ STECO

- ประกาศนียบัตรจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และสมาคมผู้ประกอบการปัญญาประดิษฐ์ประเทศไทย (AIEAT)

- เครือข่ายธุรกิจ ผู้เชี่ยวชาญด้าน AI

- การศึกษาดูงานการประยุกต์ใช้ AI ในองค์กรพร้อมการบรรยายพิเศษโดยผู้บริหารระดับสูง

- สมัครอบรมในนามหน่วยงานสามารถนำใบเสร็จไปลดหย่อนภาษีได้ 200%


สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 064-749-9629, 02-470-9644 คุณกวิตา 

ปัญหาค่าใช้จ่ายฉุกเฉินแบบคาดไม่ถึงเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา หลายคนชีวิตต้องสะดุดเพราะขาดสภาพคล่องทางการเงิน สินเชื่อส่วนบุคคลจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการเงินก้อนอย่างกระทันหัน เพื่อนำไปใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็นในช่วงเวลานั้น แต่การเลือกสินเชื่อส่วนบุคคลให้เหมาะสมนั้นสำคัญมาก เพราะหมายถึงภาระหนี้ที่จะต้องแบกรับในระยะยาว ดังนั้นก่อนตัดสินใจ ทีทีบีจึงชวนมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับสินเชื่อส่วนบุคคลให้มากขึ้น

สินเชื่อส่วนบุคคล ช่วยได้อย่างไร

สินเชื่อส่วนบุคคล คือ สินเชื่อที่สถาบันการเงินให้กู้ยืมโดยไม่ต้องมีหลักประกัน ซึ่งผู้ขอสินเชื่อสามารถนำเงินก้อนไปใช้จ่ายได้ตามต้องการ โดยมีเงื่อนไขในการผ่อนชำระคืนพร้อมดอกเบี้ยตามที่ตกลงไว้กับธนาคารผู้ปล่อยสินเชื่อ เหมาะกับผู้ที่ต้องการเงินก้อนฉุกเฉิน เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เช่น รถเสีย บ้านชำรุด หรือค่ารักษาพยาบาล ต้องการเงินก้อนเพื่อการลงทุน เช่น เปิดร้านค้า ซื้อสินค้ามาขาย ต้องการปรับปรุงบ้าน เช่น ตกแต่งต่อเติมบ้าน หรือซื้อเฟอร์นิเจอร์ใหม่ ต้องการปิดหนี้บัตรเครดิต โดยรวบหนี้บัตรเครดิตหลายใบให้เป็นก้อนเดียว ต้องการศึกษาต่อ เช่น ชำระค่าเทอม ค่าใช้จ่ายระหว่างเรียน หรือเตรียมพร้อมให้บุตรก่อนเปิดเทอม และยังมีอีกหลายเหตุผลที่ทำให้คนส่วนใหญ่ต้องการเงินก้อนไปใช้จ่ายยามจำเป็น

สิ่งที่ควรรู้ก่อนกู้สินเชื่อส่วนบุคคล

ผู้ขอสินเชื่อส่วนบุคคลควรพิจารณาสิ่งเหล่านี้ก่อนตัดสินใจ เพื่อจะได้เลือกสินเชื่อที่เหมาะสมกับความจำเป็นของตนเองมากที่สุด ไม่เป็นภาระหนี้สินมากเกินไป จนกระทบต่อการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน

  • อัตราดอกเบี้ย ควรเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยของแต่ละสถาบันการเงิน เพื่อเลือกสินเชื่อที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ หรือมีความคุ้มค่าครอบคลุมมากที่สุด
  • ค่าธรรมเนียม เช่น ค่าธรรมเนียมการยื่นขอสินเชื่อ ค่าปรับล่าช้าในการชำระหนี้ ควรตรวจสอบให้ครบถ้วน
  • ระยะเวลาผ่อนชำระ เลือกระยะเวลาผ่อนชำระที่เหมาะสมกับกำลังในการผ่อนของแต่ละคน เพราะการผ่อนชำระนาน อาจช่วยในเรื่องกำลังการจ่ายในแต่ละเดือน แต่ยอดเงินที่ต้องจ่ายรวมก็จะมากขึ้น
  • วงเงินสินเชื่อ เลือกวงเงินสินเชื่อที่เพียงพอต่อความต้องการ ไม่เกินตัว เพื่อหลีกเลี่ยงภาระหนี้ที่ต้องแบกรับระยะยาว
  • ความน่าเชื่อถือของสถาบันการเงิน ควรเลือกสถาบันการเงินที่มีความน่าเชื่อถือ มีสาขาให้บริการทั่วถึง และมีช่องทางติดต่อที่สะดวก

การเลือกสินเชื่อส่วนบุคคลยังต้องใช้ความรอบคอบและศึกษาข้อมูลให้ละเอียด เพื่อให้ได้สินเชื่อที่เหมาะสมตามความต้องการและมีกำลังทรัพย์ในการใช้หนี้คืน และอย่าลืมวางแผนการเงินให้ดี ก่อนตัดสินใจกู้สินเชื่อ ควรคำนวณรายรับรายจ่ายให้เหมาะสม เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถผ่อนชำระหนี้ได้ตามกำหนด เปรียบเทียบเงื่อนไขหลาย ๆ ที่ ข้อเสนอจากหลาย ๆ สถาบันการเงิน เพื่อเลือกสินเชื่อที่คุ้มค่าและเหมาะกับการจ่ายคืนของเรามากที่สุด พิจารณาสัญญาให้ละเอียด ควรอ่านสัญญาการกู้ยืมให้ละเอียด เพื่อทำความเข้าใจเงื่อนไขต่าง ๆ อย่างชัดเจน หากยังไม่แน่ใจว่าจะเลือกสินเชื่อส่วนบุคคลแบบไหนดี สามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการเงินที่น่าเชื่อถือได้

ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี เข้าใจถึงความจำเป็นในการใช้จ่ายของแต่ละคนอาจไม่เหมือนกัน จึงสร้างผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างครอบคลุมทุกปัญหาทางการเงิน ด้วยสินเชื่อส่วนบุคคล 2 ประเภท ได้แก่

  • บัตรกดเงินสด ทีทีบี แฟลช วงเงินสำรองพร้อมใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน เหมาะกับผู้ที่ต้องการสำรองเงินไว้ในอนาคต เพราะบางครั้งค่าใช้จ่ายก้อนโตก็โผล่มาโดยที่ไม่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้า ไม่ว่าจะเป็นการเจ็บป่วยฉุกเฉิน ซ่อมแซมบ้าน ซ่อมรถยนต์ โดยสามารถเปลี่ยนวงเงินในบัตรเป็นเงินก้อนโอนเข้าบัญชีผ่านแอป ttb touch แล้วทยอยผ่อนชำระเท่ากันทุกเดือน ซึ่งจะช่วยให้วางแผนการเงินได้อย่างชัดเจน ประหยัดค่าดอกเบี้ยได้กว่าการผ่อนจ่ายขั้นต่ำ และสามารถเบิกถอนเงินสดฉุกเฉินจากตู้เอทีเอ็มได้ โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมการเบิกถอนเงินสด 3% เหมือนบัตรเครดิต ไม่ต้องไปกู้เงินนอกระบบที่มีอัตราดอกเบี้ยสูง นอกจากนี้ยังสามารถผ่อนสินค้าแบบดอกเบี้ย 0% ได้ยาวนานสูงสุดถึง 60 เดือน (ขึ้นกับร้านค้าที่ร่วมรายการ)
  • สินเชื่อส่วนบุคคล ทีทีบี แคชทูโก เงินก้อนทันใจ ตอบโจทย์ได้ทุกไลฟ์สไตล์ โดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์หรือบุคคลค้ำประกัน คิดอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก และสามารถผ่อนชำระคืนเป็นรายเดือน มี 2 โปรแกรมให้เลือกได้แก่ สินเชื่อบุคคล แคชทูโก เหมาะกับคนที่ต้องการเงินก้อนไว้จัดการกับค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน สมัครง่าย อนุมัติไว ไม่ยุ่งยาก พิเศษ! ลดดอกเบี้ย 2% ต่อปี และ สินเชื่อบุคคล แคชทูโก เคลียร์หนี้ ใครที่กำลังแบกภาระดอกเบี้ยหนัก อยากรวบหนี้เป็นก้อนเดียว เปลี่ยนดอกเบี้ยที่สูงให้ต่ำลง รับส่วนลดดอกเบี้ย 2%

หากสนใจสามารถอัปโหลดเอกสารผ่านแอป ttb touch ได้ทันที หรือติดต่อสอบถามได้ที่ ทีทีบี ทุกสาขาทั่วประเทศ พร้อมรับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินของทีทีบี ที่จะช่วยวางแผนทั้งในเรื่องการเลือกประเภทสินเชื่อและอัตราการผ่อนชำระ เพื่อช่วยคลี่คลายปัญหาสุขภาพการเงินของลูกค้าได้ทุกจุด

ทีทีบีส่งเสริมให้ลูกค้าบัตรกดเงินสด กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้ตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 25% ต่อปี เพื่อชีวิตทางการเงินที่ดีทั้งในวันนี้ และอนาคต

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) โดย นายพูนสิทธิ์ ว่องธวัชชัย (ซ้าย) ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานการพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลสู่ความยั่งยืน ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มอบเงินจำนวน 500,000 บาท เพื่อสนับสนุนมูลนิธิถันยรักษ์ ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ในการตรวจแมมโมแกรมคัดกรองมะเร็งเต้านมแก่สตรีด้อยโอกาส ต่อเนื่องเป็นปีที่ 15 โดยมี ศาสตราจารย์คลินิก นายแพทย์วิศิษฎ์ วามวาณิชย์ (ขวา) ประธานศูนย์ถันยรักษ์ เป็นผู้รับมอบ ณ ศูนย์ถันยรักษ์ โรงพยาบาลศิริราช

กองทุนประกันวินาศภัยเข้าร่วมนิทรรศการงานมหกรรมการเงินอุดรธานี ครั้งที่ 11 (MONEY EXPO 2024 UDONTHANI) โดยนายชนะพล มหาวงษ์ ผู้จัดการกองทุนประกันวินาศภัยและพนักงานกองทุนประกันวินาศภัย ได้เข้าร่วมจัดงานนิทรรศการดังกล่าว ซึ่งงานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 4 – 6 ตุลาคม 2567 ณ อุดรธานีฮอลล์ ชั้น 4 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล อุดรธานี ภายใต้แนวคิด “Digital Finance for All การเงินดิจิทัลเพื่อทุกคน” ภายในงานพบกับธนาคารและสถาบันการเงินชั้นนำ รวมทั้งหน่วยงานของรัฐและเอกชนที่มาให้บริการการเงินการลงทุนครบวงจร โดยได้รับเกียรติจาก คุณสันติ วิริยะรังสฤษฎ์ ประธานจัดงานมหกรรมการเงิน และคุณภาคนี วิริยะรังสฤษฎ์ ประธานจัดงานร่วมของงานมหกรรมการเงิน เข้าเยี่ยมชมคูหานิทรรศการกองทุนประกันวินาศภัย

ทางกองทุนประกันวินาศภัยได้เข้าร่วมกิจกรรม โดยมีการตั้งบูธประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ ความเข้าใจ บทบาท หน้าที่ และภารกิจของกองทุนประกันวินาศภัย รวมทั้งสถานการณ์ในปัจจุบันเกี่ยวกับความคืบหน้าในการชำระบัญชีของบริษัทประกันวินาศภัยที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัย ตลอดจนสร้างความตระหนักรู้ถึงคุณค่าและประโยชน์ของการประกันภัย สามารถใช้การประกันภัยเป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการความเสี่ยงในชีวิตและทรัพย์สินให้กับตนเองและครอบครัวได้อย่างเหมาะสม พร้อมทั้งมีการตอบประเด็นข้อซักถามต่างๆ และยังมีกิจกรรมให้เข้าร่วมเพื่อรับของที่ระลึกมากมายภายในงาน

คุณสุภาพ ประดับการ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ด้านการขายและการตลาด 1 คุณณัฐญา ธนะรัชต์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจภาครัฐและการตลาดตรง คุณสุมัทนิน วาริทสวัสดิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายขยายงานลูกค้ารายย่อย และคุณณัฐพล อังควานิช ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจและการตลาด บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย คุณไพศาล อุดมกุลวณิชย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านธุรกิจหล่อลื่นคุณธีระ วีระวงศ์ ผู้จัดการฝ่ายตลาดหล่อลื่น คุณสุรเชฏฐ์ พรพิพัฒน์ ผู้จัดการฝ่ายธุรกิจบริการยานยนต์ คุณรัชกริช บุณยอุดมศาสตร์ ผู้จัดการฝ่ายบริหารห่วงโซ่อุปทานและการผลิตหล่อลื่น บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) ร่วมมอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้า จัดโปรโมชันส่งท้ายปี ตอบโจทย์ลูกค้านักเดินทางและคนรักรถที่จะทำให้รถของคุณพร้อมลุยทุกเส้นทาง ดูแลรถของคุณอย่างเต็มที่ มอบความอุ่นใจทั้งรถและคุณ ที่ศูนย์บริการยานยนต์ FIT Auto ทุกสาขา ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 ถึง 15 มกราคม 2568

ลูกค้าที่ใช้บริการที่ศูนย์บริการ FIT Auto เมื่อซื้อสินค้าหรือใช้บริการ ตั้งแต่ 1,000 บาทขึ้นไป สามารถนำ QR code ท้ายใบเสร็จมาลงทะเบียนรับสิทธิ์ประกันภัยอุบัติเหตุจากทิพยประกันภัย ฟรี! โดยครอบคลุมการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุสูงสุดถึง 50,000 บาท พร้อมค่ารักษาพยาบาลสูงสุด 2,000 บาท/ครั้ง และชดเชยรายได้ 200 บาท/วัน คุ้มครองนานถึง 30 วัน  สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร 1736

โปรโมชันอื่นๆ ที่ลูกค้าจะได้รับจาก FIT Auto และพันธมิตร อาทิ:

  • ฟรีไส้กรองและค่าแรง สำหรับบริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง PTT Lubricants
  • โปรโมชันเปลี่ยนยาง 3 แถม 1 พร้อมโปรแกรมดูแลยาง FIT Care มูลค่า 4,000 บาท
  • ผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือน เมื่อมียอดซื้อผลิตภัณฑ์หรือใช้บริการขั้นต่ำ 5,000 บาท ผ่านบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ

พบกับโปรโมชันพิเศษฟิตรถให้อุ่นใจที่ FIT Auto ทุกสาขาทั่วประเทศ  ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 ถึง 15 มกราคม 2568  ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.pttfitauto.com/th/promotions หรือโทร 1365 Contact Center ติดตามข่าวสารทาง หรือเช็ก FIT Auto ใกล้บ้าน ได้ที่ www.pttfitauto.com/th/branch 

X

Right Click

No right click