#พัฒนาการ ทำเลที่กำลังร้อนแรงของบ้านระดับซูเปอร์ลักชัวรี จนเรียกได้ว่าเป็นโซนของกลุ่มซูเปอร์ริชในเมืองไทย เพราะใกล้แหล่งไลฟ์สไตล์ชั้นนำในย่านทองหล่อ พร้อมพงษ์ เอกมัย และพระราม 9 แถมยังเดินทางเข้าเมืองได้อย่างสะดวกสบาย
ล่าสุด พฤกษา ได้เปิดที่ดินลับผืนงามใน พฤกษา อเวนิว พัฒนาการ ที่เคยได้รับการตอบรับที่ดีมากจากโครงการก่อนหน้านี้ เอา Segment บนสุดของ The Palm Residences มาลงไว้ที่นี้ ซึ่งตอนนี้กำลังเดินหน้าก่อสร้างเต็มกำลัง โดยจะเป็นอภิมหาโปรเจ็กต์ของพฤกษากับบ้านในคลาส “Super Ultra Luxury” ที่จะเปิดตัวให้ยลโฉมกันในปีนี้ด้วย
ภายใต้แบรนด์ “พฤกษา” มั่นใจได้เลยว่าจะต้องมาพร้อมกับคอนเซ็ปต์ และดีไซน์ที่ใส่ใจในเรื่อง Wellness ที่ไม่เหมือนใครแน่นอน ยิ่งมาในเทียร์ “Super Ultra Luxury” ด้วยแล้ว ยิ่งน่าสนใจ น่าติดตาม
ใครมีแพลนจะซื้อบ้านเดี่ยว ทำเลนี้ ปลายปีนี้ รอได้เลย!
สอบถามและติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Line Official: @PRUKSA เพจเฟซบุ๊ค Pruksa Family Club เว็บไซต์ www.pruksa.com หรือโทร.1739
ออเนอร์ (HONOR) ผู้ให้บริการอุปกรณ์อัจฉริยะชั้นนำระดับโลก เตรียมเปิดตัวสมาร์ตโฟนจอพับเรือธงรุ่นใหม่ HONOR Magic V3 ภายใต้คอนเซปต์ “พับที่บางกว่า ทนทานกว่า” ชูจุดขายเป็นสมาร์ตโฟนจอพับที่บางและทนทานที่สุดในโลก ตัวเครื่องบางเพียง 9.2 มิลลิเมตร ขณะพับหน้าจอ และบางเพียง 4.35 มิลลิเมตร เมื่อกางออก ตัวเครื่องมีน้ำหนัก 226 กรัม ทำให้พกพาสะดวกและใช้งานง่าย พร้อมยกระดับการใช้งานแบบไร้ขีดจำกัดด้วยแบตเตอรี่ซิลิคอน-คาร์บอนรุ่นที่ 3 ที่มีความบางแต่ให้ความจุมากถึง 5,150mAh และมอบการใช้งานที่เหนือชั้นด้วยการออกแบบโดยใช้วัสดุประสิทธิภาพสูง และทนทานกว่าสมาร์ตโฟนทั่วไปอย่าง HONOR Anti-scratch NanoCrystal Shield ที่ช่วยป้องกันรอยขีดข่วน และ IPX8 Waterproof ที่ทนทานต่อการใช้งานในทุกสภาพอากาศ ซึ่งได้รับการพัฒนาจากทาง HONOR ทำให้มีความแข็งแรงและทนทาน ตลอดจนสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการสมาร์ตโฟนด้วยเทคโนโลยีและฟีเจอร์ AI ล้ำสมัย ที่ทำให้ผู้ใช้สัมผัสประสบการณ์การใช้งานที่สมบูรณ์แบบได้อย่างแท้จริง เตรียมพร้อมเปิดตัวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการในวันที่ 15 ตุลาคม 2567 และพบกับโปรโมชันพิเศษช่วงพรีออเดอร์ในวันที่ 15 - 23 ตุลาคม 2567 เริ่มจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 24 ตุลาคม 2567 เป็นต้นไป
HONOR Magic V3 สมาร์ตโฟนจอพับแฟลกชิปใหม่ล่าสุดจาก HONOR ที่ฉีกทุกกฎเกณฑ์ของสมาร์ตโฟนจอพับที่เคยมีมา ทั้งการดีไซน์และความทนทาน ด้วยความบางและเบาที่สุดในโลก ตัวเครื่องมีความบางเพียง 9.2 มิลลิเมตร เมื่อพับ และบางเพียง 4.35 มิลลิเมตร เมื่อกางออก ซึ่งบางกว่าสมาร์ตโฟนทั่วไปหลายรุ่นในตลาดปัจจุบัน น้ำหนักเบาเพียง 226 กรัม จับถนัดมือและเหมาะสมกับการใช้งานอย่างแท้จริง ถือเป็นการปฎิวัติวงการสมาร์ตโฟนจอพับให้กลายเป็นสมาร์ตโฟนเครื่องหลักในปัจจุบันแทนสมาร์ทโฟนทั่วไป ด้านแบตเตอรี่รุ่นนี้มาพร้อมแบตเตอรี่ซิลิคอน-คาร์บอนที่บางแต่ให้ความจุเยอะที่สุดในบรรดากลุ่มสมาร์ตโฟนจอพับถึง 5,150mAh ทำให้ใช้งานได้ตลอดทั้งวัน พร้อมพลังการชาร์จไวที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานในทุกสถานการณ์ นอกจากนี้ HONOR Magic V3 ยังได้รับความนิยมอย่างล้นหลามในยุโรปและฮ่องกง ด้วยยอดขายอันดับต้น ๆ จากผู้ใช้งานที่เป็นกลุ่มคนทำงานและผู้ที่หลงใหลในเทคโนโลยีล้ำสมัย ด้วยการออกแบบโครงสร้างทั้งภายในและภายนอกที่ได้รับการพัฒนาให้ตัวเครื่องมีความแข็งแกร่ง พร้อมผสานฟีเจอร์ AI อัจฉริยะที่รองรับการใช้งานทุกรูปแบบ ทั้งการทำงานและความบันเทิงตอบโจทย์การใช้ชีวิตในยุคดิจิทัลได้ครบทุกมิติ ตลอดจนด้านการถ่ายภาพ HONOR Magic V3 โดดเด่นด้วย HONOR AI Falcon Camera ที่ความคมชัดสูงสุด 50MP พร้อมโหมดถ่ายภาพ Harcourt Mode ที่ช่วยให้การถ่ายภาพมีคุณภาพระดับมืออาชีพ
ห้ามพลาด! เตรียมสัมผัสกับความมหัศจรรย์แห่งความบางและทนทานที่สุด ครั้งแรกในประเทศไทย ในงานแถลงข่าวเปิดตัวสมาร์ตโฟนจอพับรุ่นใหม่ HONOR Magic V3 พร้อมกันในวันอังคารที่ 15 ตุลาคม 2567 เวลา 13.30 น. ผ่านทาง Facebook และ YouTube Live HONOR Thailand โดยจะเริ่มพรีออเดอร์พร้อมโปรโมชันพิเศษระหว่างวันที่ 15 - 23 ตุลาคมนี้ และเริ่มวางจำหน่ายสินค้าที่ HONOR Experience Store ทุกสาขา และร้านตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ ในวันที่ 24 ตุลาคม 2567
มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย สถาบันอุดมศึกษาชั้นนำด้านการค้าและการบริการ ชูวิสัยทัศน์การเป็น AiUTCC โดยการผนึกกำลังกับพาร์ทเนอร์ ผู้นำทางเทคโนโลยีระดับโลก วางรากฐาน Digital-AI เพื่อความเป็นเลิศด้าน AI Integrated University ล่าสุด ดร.ชัชชัย หวังวิวัฒนา ผู้ช่วยอธิการบดี ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ และ UTCC AI Master ได้รับเชิญจากมหกรรมเทคโนโลยีระดับโลก Huawei Connect 2024 ณ มหานครเซี่ยงไฮ้ เพื่อนำเสนอพันธกิจของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ในหัวข้อ Building a Smart Campus to Accelerate the Digital and Intelligent Transformation of UTCC ซึ่งผู้เข้าร่วมงานประกอบด้วยผู้บริหารจากองค์กรพันธมิตรทางธุรกิจ กว่า 300 คน
ดร.ชัชชัย หวังวิวัฒนา ผู้ช่วยอธิการบดี ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ และ UTCC AI Master กล่าวว่า มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกที่ส่งเสริมการเรียนการสอนด้วยระบบ Digital Hybrid Learning มากว่า 20 ปี โดยแจก โน้ตบุ๊ก และแท็บเล็ต ให้นักศึกษาใช้เป็นอุปกรณ์การเรียน เพิ่มการมีปฏิสัมพันธ์ สร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ ส่งผลให้นักศึกษาสามารถเข้าใจเนื้อหาได้ดีขึ้น และเรียนรู้เพิ่มเติมได้ด้วยตัวเองทุกที่ทุกวัน ดังนั้น เพื่อยกระดับระบบการจัดการการเรียนรู้ ในปีการศึกษา 2567 มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยวางรากฐานสู่การเป็น AiUTCC โดยเป็นสถาบันการศึกษาแห่งแรกใน Asia Pacific ที่ติดตั้ง WiFi 7 ซึ่งมีความเร็วระดับ Near Zero Latency เพื่อยกระดับประสบการณ์การเรียนการสอน และการดำเนินงาน
มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะด้าน AI ของนักศึกษาและบุคลากรอย่างจริงจัง โดยมีการอบรมอาจารย์ และเจ้าหน้าที่ 90 คน เป็น Ai Champion ผู้เชี่ยวชาญด้าน AI ขับเคลื่อนทั้งองค์กรไปพร้อมกัน
ในด้านการเรียนการสอน มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ร่วมมือกับ Huawei พัฒนาทักษะด้าน AI, Digital และ Cloud เพื่อสร้างนักศึกษาให้เป็นมืออาชีพ พร้อมสู่ตลาดงานด้านเทคโนโลยีนอกจากนี้ ทุกคณะวิชาได้นำ AI มาประยุกต์ใช้ในการเรียนการสอน เช่น คณะมนุษยศาสตร์ นำ AI Chatbot มาช่วยพัฒนาทักษะภาษาต่างประเทศ และทักษะดิจิทัลไปพร้อม ๆ กัน และนักศึกษาทุกคนได้รับ Canva Pro AI Magic และ Copilot ฟรีเพื่อใช้ในการเรียน
สำหรับด้านการให้บริการนักศึกษา มหาวิทยาลัยนำ AI มาใช้ประโยชน์ในบริการต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัย เช่น ระบบหางาน Career sync ที่นำระบบ AI มาช่วยในการแมชต์ทักษะของนักศึกษาให้ตรงกับตำแหน่งงานที่ผู้ประกอบการเปิดรับสมัคร รวมถึง Skill transcripts ที่ระบุว่านักศึกษาที่ผ่านการเรียนและกิจกรรมต่างๆ มีทักษะอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงานในอนาคต เช่น การทำงานเป็นทีม การคิดแบบเป็นเหตุเป็นผล และความคิดสรรค์ เป็นต้น
ด้านการให้บริการวิชาการ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย จัดตั้งสถาบันฝึกอบรมและให้คำปรึกษาด้าน AI ที่ทันสมัยแก่ผู้ประกอบการ ที่ต้องการขับเคลื่อนธุรกิจด้วย AI ทั่วประเทศ เพื่อการเป็นมหาวิทยาลัยสอคล้องกับพันธกิจการเป็น AiUTCC ที่นำ AI มาบูรณาการเพื่อการเรียนการสอน การให้บริการนักศึกษา และการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
สามสมาคมฯ ตั้งรับ เตรียมสร้างเวทีแห่งโอกาสครั้งสำคัญแก่ภาคอสังหาฯ ไทย ฝ่าทุกวิกฤติสู่ผู้นำการจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 46 หรือ Thailand Number One Real Estate Expo งานมหกรรมที่รวบรวมที่อยู่อาศัยที่ใหญ่ที่สุดในไทย พร้อมคว้าชัยความสำเร็จก่อนโค้งไตรมาสสุดท้ายปี 67
นายถิรชนม์ ธเนศเดชสุนทร ประธานคณะกรรมการจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 46 เปิดเผยว่า ปฏิเสธไม่ได้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจในขณะนี้มีความไม่แน่นอน ซึ่งล้วนมาจากหลายปัจจัยรอบด้าน แต่ 3 สมาคมผู้จัดงานฯ ได้แก่ สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร และสมาคมอาคารชุดไทย มองว่าสัญญาณหนึ่งที่มีนัยสำคัญในการขับเคลื่อนภาคอสังหาฯ ต่อไป ก็คือความมุ่งมั่นและความร่วมมือกันของผู้ประกอบการและสถาบันการเงินที่ต่างออกมาร่วมพลังกันผ่านงานมหกรรมฯ ครั้งที่ 46 นี้ โดยมุ่งยกระดับงานนี้ให้เป็นเวทีแห่งโอกาส สานฝันให้คนไทยมีบ้านได้สำเร็จ ก้าวไปเป็น Thailand’s Number One Real Estate Expo งานมหกรรมที่รวบรวมที่อยู่อาศัยที่ใหญ่ที่สุดในไทย และเป็นฟันเฟืองในการผลักดันเศรษฐกิจไทย โดยงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 46 มีกำหนดจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 31 ต.ค. – 3 พ.ย. ที่จะถึงนี้ ณ ฮอลล์ 5 ชั้น LG ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
“ทั้ง 3 สมาคมต้องการจะต่อยอดความสำเร็จจากงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 45 ที่ผ่านมาเมื่อช่วงต้นปี ซึ่งการจัดงานตลอด 4 วัน แม้ดูเหมือนทุกอย่างจะเป็นไปไม่ได้ แต่ก็สามารถผลักดันให้จนประสบความสำเร็จอย่างงดงาม โดยมีสัญญาจะซื้อจะขายเกิดขึ้นภายในงานฯ มากกว่า 1,000 สัญญา ครั้งนี้ คิดเป็นยอดขายมูลค่าสูงกว่าครั้งก่อนๆ ทะลุเป้า 4,500 ล้านบาท อีกทั้งหลังจบงานก็มียอดขายตามมาอีกมากกว่าหมื่นล้านบาท จึงเป็นบทพิสูจน์ว่า งานมหกรรมบ้านและคอนโดคือฟันเฟืองสำคัญในการผลักดันและกระตุ้นเศรษฐกิจไทยได้ ทั้งยังสามารถช่วยให้คนไทยสามารถมีบ้านง่ายยิ่งขึ้นได้จริง พร้อมสามารถสร้างมูลค่ายอดขายให้แก่ผู้ประกอบการได้เป็นไปตามเป้า”
นายถิรชนม์ กล่าวต่อว่า สถานการณ์ที่ตลาดอสังหาฯ กำลังเผชิญอยู่นั้น ไม่ว่าจะเป็นการที่ประชาชนซื้อบ้านได้ยาก เพราะรายได้ไม่สอดคล้องกับราคาบ้านเองก็ดี หรือการที่ประเทศไทยเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ หรือแม้แต่หนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้น ไม่สามารถแก้ไขได้โดยเพียงหน่วยงานใดหน่วยงานเดียว ภาครัฐ ภาคสถาบันการเงิน และผู้ประกอบการเอกชน จำเป็นต้องผนึกกำลังเข้าด้วยกันจึงจะสามารถคลี่คลายสถานการณ์ได้ ในขณะที่งานมหกรรมบ้านและคอนโดครั้งนี้ ผู้จัดงานมองเห็นทุกปัญหารอบด้าน จึงอยากเป็นเวทีกลางในการสร้างพันธมิตรความร่วมมือให้สามารถเกิดกลไกลสร้างความต้องการในการซื้อบ้านและคอนโดฯ ได้
ภายใต้ความท้าทายที่เกิดขึ้นในตลาด 3 สมาคมยังมั่นใจในปัจจัยบวกที่ช่วยให้งานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 46 สามารถรักษาโมเมนตัมความสำเร็จได้ เพราะงานครั้งนี้ยังคงได้รับความร่วมมืออย่างดีจากดีเวลลอปเปอร์ชั้นนำมากกว่า 150 บริษัท แต่ที่พิเศษยิ่งขึ้นก็คือการมีผู้ประกอบการบิ๊กเนมหลายแบรนด์มาร่วมออกบูธในครั้งนี้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้, แสนสิริ, อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์, เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น, เจ้าพระยามหานคร, เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์, เอพี และลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ทำให้ผู้บริโภคจะได้ช้อปบ้านในฝันจากโครงการที่อยู่อาศัยทุกประเภทมากกว่า 1,000 โครงการ อีกทั้งยังมีสถาบันการเงินชั้นนำหลายค่ายร่วมใจกันมาให้บริการสินเชื่อ พร้อมคำปรึกษาดีๆ กับผู้บริโภคถึงที่ ไม่ว่าจะเป็นธนาคารอาคารสงเคราะห์, ธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารไทยพาณิชย์, ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารออมสิน และธนาคารกรุงเทพ เป็นต้น
“ปัจจัยสนับสนุนอีกประการก็คือกลไกกระตุ้นภาคอสังหาฯ ของรัฐ โดยผ่านธนาคารอาคารสงเคราะห์ ซึ่งไม่เพียงแต่จะทำให้การซื้อขายที่อยู่อาศัยในประเทศขับเคลื่อนต่อไปได้และส่งผลในทิศทางบวกไปจนถึงต้นปีหน้า แต่ยังทำให้คนไทยที่ต้องการซื้อบ้านมีความหวังในเรื่องการยื่นกู้สินเชื่อผ่าน โดยธอส.ได้เตรียมจัดบริการสินเชื่อพิเศษมาเพื่อผู้มาเดินงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 46 โดยเฉพาะ ภายใต้สินเชื่อบ้าน 1 แสนล้าน ให้กู้ 110% โดยมีโครงการสินเชื่อบ้าน DD (ดี๊ดีย์) ภายใต้กรอบวงเงิน 50,000 ล้านบาท พร้อมสินเชื่อบ้าน 71 ปี ธอส.กรอบวงเงินอีก 50,000 ล้านบาท ขณะที่มาตรการของภาครัฐสำหรับผู้ซื้อที่อยู่อาศัยในปี 2567 อย่างการลดค่าโอน-จดจำนอง บ้าน-คอนโด ในกรอบ 7 ล้านบาท ก็ยังนับเป็นอีกแรงหนุนให้แก่ผู้สนใจจับจองที่อยู่อาศัยได้มีโอกาสก่อนสิ้นปีนี้” นายถิรชนม์ กล่าว
สำหรับด้านการประชาสัมพันธ์เพื่อดึงดูดความสนใจและเข้าถึงผู้บริโภค ทาง 3 สมาคมได้ใช้หลากหลายแพลตฟอร์มเพื่อครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการกระจายคอนเท้นท์ไปยังโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มต่างๆ ทั้ง Facebook, IG, Line OA, Website, YouTube, KOL และ TikTok รวมทั้งผ่านสื่อสายหลักอย่างต่อเนื่องไปจนถึงวันงาน นอกจากนี้ ยังมีการพูดประชาสัมพันธ์ผ่านทางรายการโทรทัศน์ยอดนิยม ‘รายการเรื่องเล่าเช้านี้’ และมีการจัดทำภาพยนตร์โฆษณาความยาว 15 – 30 วินาที เผยแพร่ทางสื่อสาธารณะ จอโฆษณาใน BTS และ MRT รวมทั้งการประชาสัมพันธ์เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติให้ได้ทราบข่าวสารการจัดงานในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน
ในส่วนของโปรโมชั่นพิเศษภายในงาน คณะจัดงานยังได้เตรียมของรางวัลและสิทธิพิเศษมากมาย อาทิ ทองคำ ส่วนลดเงินสด และเครื่องใช้ไฟฟ้า มูลค่ารวมกว่า 800,000 บาท มาสมนาคุณลูกค้าที่จองซื้อภายในงานตลอด 4 วัน
ใครกำลังมองหาที่อยู่อาศัยราคาเอื้อมถึง ทำเลดี มีความเป็นไปได้แน่นอนที่จะมีบ้าน พบกันได้ในงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 46 ระหว่างวันที่ 31 ตุลาคม – 3 พฤศจิกายน 2567 ณ ฮอลล์ 5 ชั้น LG ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นอกจากนี้ รายได้ส่วนหนึ่งจากการจัดงานครั้งนี้ พร้อมเงินสมทบทุนจากคณะจัดงานของ 3 สมาคมจะมอบให้กับองค์กรการกุศลผ่านกระทรวงการคลัง เป็นจำนวนเงิน 100,000 บาท เพื่อช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ประสบอุทกภัยในจังหวัดเชียงราย
นายชาญวุฒิ โชติวิทยากุล (ที่หนึ่งจากขวา) ผู้จัดการ อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย สาขานครสวรรค์ เป็นตัวแทนของ บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต ร่วมกับคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ในการมอบสินไหมมรณกรรม ภายใต้การคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันชีวิต ให้แก่ทายาทโดยธรรม ของนางสาวพิมพ์ทอง สมบัติ หนึ่งในคณะครูโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม เป็นจำนวนเงิน 100,000 บาท จากกรณีไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษา
ทั้งนี้บริษัทขอแสดงความเสียใจเป็นอย่างยิ่งกับครอบครัวผู้เสียชีวิต บริษัทฯได้รีบดำเนินการจ่ายสินไหมทดแทนให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิต เพื่อยืนยันถึงความมุ่งมั่นในการบริการและทำตามพันธะสัญญา พร้อมให้ความคุ้มครองลูกค้าและผู้เสียหายตามเงื่อนไขกรมธรรม์ทุกราย
สมาคมประกันวินาศภัยไทย (TGIA) สมาคมประกันชีวิตไทย (TLAA) และบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) (BKI) ร่วมเป็นเจ้าภาพในการจัดงานการประชุมระดับนานาชาติ Association of Insurers and Reinsurers of Developing Countries: AIRDC ครั้งที่ 23 ระหว่างวันที่ 6 - 9 ตุลาคม 2567 ณ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ
นายชัย โสภณพนิช ประธานกรรมการ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ในฐานะรองประธาน AIRDC ประจำปี 2565-2567 และประธานคณะกรรมการอำนวยการจัดงาน กล่าวว่า การประชุม AIRDC ครั้งที่ 23 นับเป็นปีที่มีความสำคัญยิ่ง จากการที่ประเทศไทยได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพในการจัดงานดังกล่าวเป็นครั้งแรก ซึ่งจัดขึ้นภายใต้ธีม “Creating Opportunity Amid Challenges & Turmoil (CO-ACT)” สร้างโอกาสท่ามกลางความท้าทายในโลกปัจจุบัน โดยสะท้อนให้เห็นถึงสถานการณ์ของอุตสาหกรรมประกันภัยที่กำลังเผชิญอยู่ ไม่ว่าจะเป็นความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ เทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศ และการปรับเปลี่ยนของกฎระเบียบต่างๆ อย่างไรก็ตาม ความท้าทายเหล่านี้ถือเป็นโอกาสในการสร้างสรรค์นวัตกรรมและสร้างการเติบโตได้เช่นกัน โดยมุ่งหวังว่าการประชุมในครั้งนี้จะเป็นเวทีที่เราจะได้ร่วมกันค้นหาแนวทางใหม่ๆ สร้างแรงบันดาลใจในการพัฒนายกระดับธุรกิจ รวมถึงสร้างเครือข่ายที่มีคุณค่า เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมประกันภัยต่อไป
“เรารู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่มีผู้สนใจเข้าร่วมงานกว่า 350 ท่าน ซึ่งล้วนเป็นผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานกำกับดูแล บริษัทประกันภัย บริษัทประกันชีวิต บริษัทรับประกันภัยต่อ และผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมประกันภัยจากทั่วโลก ซึ่งการมีส่วนร่วมในการประชุมครั้งนี้นับเป็นการเน้นย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของการร่วมมือ การสร้างสายสัมพันธ์อันดี พร้อมการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมประกันภัย”
โดยพิธีเปิดการประชุม AIRDC ครั้งที่ 23 ได้รับเกียรติจากนายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) และ Dr. Aaron Anafure ประธาน AIRDC ร่วมเป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย ดร.สมพร สืบถวิลกุล นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย และนายสาระ ล่ำซำ อุปนายกฝ่ายการตลาด สมาคมประกันชีวิตไทย ร่วมเป็นเกียรติในการเปิดงานดังกล่าว เพื่อสนับสนุนความร่วมมือของภาคอุตสาหกรรมประกันภัยในระดับสากล
สำหรับงานประชุม AIRDC ครั้งนี้ มีหัวข้อการประชุมและสัมมนาที่น่าสนใจ ซึ่งได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิมากมายจากทั่วโลก มาร่วมแชร์ประสบการณ์และข้อมูลเชิงลึกด้านประกันภัย เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับแนวโน้ม ความเคลื่อนไหว และประเด็นสำคัญต่างๆ ที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมประกันภัย พร้อมแนะนำแนวทางและจุดประกายความคิดในการสร้างโอกาสการเติบโต ครอบคลุมทั้งธุรกิจประกันวินาศภัยและประกันชีวิต อาทิ Current State of the Cyber Insurance Market, Underwriting Challenge, and Growth Opportunity, Insurance Transformation, Next Wave of Insurance, Multi Model of Agricultural Insurance, Loyalty Management in the High-Tech, AI-Driven Insurance Era, Natural Disaster Risk Management for Uncertain Future, Create Deep Learning Solutions for Penetration and Protection Gaps for This Century, Engaging & Enlightening Experiences with IFRS17 และ ESG Insights: Navigating Sustainable Insurance Practices
นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการบริจาคให้แก่องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย (UNICEF Thailand) เป็นจำนวนเงิน 150,000 บาท เพื่อร่วมต่อยอดการดำเนินงานของยูนิเซฟในการระดมทรัพยากรขับเคลื่อนส่งเสริมสุขภาพเด็ก โภชนาการ และสุขาภิบาล พร้อมสนับสนุนด้านสิทธิและความเป็นอยู่ที่ดีของเด็กในประเทศไทยอีกด้วย
ทั้งนี้ AIRDC เป็นองค์กรระหว่างประเทศที่ประกอบด้วยบริษัทประกันภัย บริษัทประกันภัยต่อ และกลุ่มประกันภัยอื่นๆ ที่รวมตัวกันเพื่อพัฒนาและขยายความร่วมมือระหว่างกันในด้านการประกันภัยและการประกันภัยต่อ ซึ่งได้มีการร่วมมือกันจัดงานประชุมระดับนานาชาติอย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของตลาดประกันภัยในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา พร้อมยกระดับความร่วมมือของอุตสาหกรรมประกันภัยระหว่างภูมิภาคให้เติบโตไปพร้อมกันอย่างยั่งยืน