December 05, 2025

Crescendo Lab ผู้นำด้านแพลตฟอร์มการสื่อสารทางธุรกิจแห่งเอเชีย ประกาศ 3 ความสำเร็จครั้งสำคัญที่ช่วยเร่งการเติบโตในประเทศไทย

ประเทศไทยเดินหน้าสู่การเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวยุคใหม่ในเอเชีย ด้วยการเปิดตัวงาน Travel & Tech Asia 2025 (ทราเวล แอนด์ เทค เอเชีย) มหกรรมแสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรมการท่องเที่ยวระดับ B2B ครั้งแรกของประเทศ ที่มุ่งขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ

งาน Travel & Tech Asia 2025 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 2–3 กรกฎาคม ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพมหานคร โดยได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ อาทิ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย TAT Travel Tech Startup, Booking.com, Traveloka, SiteMinder, Lighthouse, สสปณ. และพันธมิตรอีกมากมาย ภายใต้การจัดงานของบริษัท วีเอ็นยู เอเชีย แปซิฟิค จำกัด ซึ่งเชื่อมโยงธุรกิจท่องเที่ยว ผู้ให้บริการเทคโนโลยี และองค์กรท่องเที่ยวจากทั่วภูมิภาคเอเชียไว้ในเวทีเดียว

ในช่วงเวลาที่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของเอเชียแปซิฟิกเติบโตอย่างก้าวกระโดด คาดว่ามูลค่าตลาดจะสูงถึง 155.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวภายในปี 2035 ประเทศไทยยังคงครองตำแหน่งจุดหมายปลายทางยอดนิยมของโลก อันดับ 8 ด้วยนักท่องเที่ยวกว่า 35 ล้านคนในปี 2567 และภายในครึ่งปีแรกของปี 2568 มีผู้เดินทางเข้ามาแล้วกว่า 16.7 ล้านคน

 

Travel & Tech Asia 2025 ได้รับการตอบรับจากแบรนด์เทคโนโลยีกว่า 35 รายจาก 6 ประเทศ ร่วมนำเสนอเครื่องมือใหม่ล่าสุดสำหรับอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นระบบบริหารจัดการโรงแรม ระบบจองตั๋วอัจฉริยะ AI, ประสบการณ์เสมือนจริง (VR), การชำระเงินดิจิทัล ไปจนถึงโซลูชันด้านความปลอดภัยไซเบอร์

ภายในพิธีเปิดได้รับเกียรติจาก นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพร้อมด้วยผู้นำจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ร่วมประกาศวิสัยทัศน์ผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวอัจฉริยะ (Smart Tourism) ด้วยพลังของความร่วมมือและเทคโนโลยี

“Travel & Tech Asia 2025 ไม่ใช่เพียงแค่งานแสดงสินค้า แต่คือเวทีระดับชาติที่ใช้เทคโนโลยีขับเคลื่อนนวัตกรรมการท่องเที่ยว สอดคล้องกับนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัลและเศรษฐกิจสีเขียวของประเทศ” นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม  ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าว “เมื่อโลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีจึงไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป แต่เป็นสิ่งจำเป็น งานนี้แสดงให้เห็นถึงพลังของความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนที่สามารถสร้างผลกระทบอย่างแท้จริงต่ออนาคตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย”

นายจัสติน เปา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วีเอ็นยู เอเชีย แปซิฟิค จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า “Travel & Tech Asia 2025 ถือเป็นการเปิดเวที B2B ด้านเทคโนโลยีท่องเที่ยวครั้งแรกของไทยอย่างแท้จริง งานนี้ถูกออกแบบมาเพื่อเชื่อมโยงผู้เล่นจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยีโรงแรม แพลตฟอร์มจองห้องพัก ระบบการตลาด ไปจนถึงโซลูชันเพื่อความยั่งยืน เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับการสนับสนุนจาก 18 องค์กรชั้นนำ อาทิ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.), PATA, สสปน., สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA), สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) และอีกมากมายที่ร่วมเดินหน้าขับเคลื่อนอนาคตของอุตสาหกรรมนี้ร่วมกัน”

 

นายกิตติพงษ์ ประพัฒน์ทอง รองผู้ว่าการด้านดิจิทัล วิจัย และพัฒนา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า “ททท. ภูมิใจที่ได้เป็นหนึ่งในผู้ร่วมจัดงาน Travel & Tech Asia 2025 ซึ่งเป็นเวทีสำคัญในการเชื่อมโยงผู้พัฒนาเทคโนโลยีกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว งานนี้สะท้อนพันธกิจของ ททท. ในการยกระดับประเทศไทยสู่จุดหมายปลายทางคุณค่าสูง (High Value) ที่พร้อมสำหรับอนาคต ด้วยการใช้เทคโนโลยีและแนวทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นให้แก่นักท่องเที่ยว”

ด้าน นายนูร์ อาหมัด ฮามิด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สมาพันธ์การท่องเที่ยวภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (PATA) กล่าวว่า “Travel & Tech Asia 2025 ไม่ใช่แค่งานแสดงสินค้า แต่คือจุดเริ่มต้นของการปฏิรูปอุตสาหกรรม เราเชื่อว่านวัตกรรมไม่ได้หมายถึงแค่การใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ แต่คือการเปิดใจ ร่วมมือ และมีเป้าหมายร่วมกัน ในยุคที่การเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เราต้องสร้างระบบที่ฉลาดขึ้น ความร่วมมือที่แน่นแฟ้นขึ้น และลงทุนใน ‘คน’ ซึ่งเป็นหัวใจของการท่องเที่ยว เทคโนโลยีต้องเป็นพลังบวก ที่ทำให้การท่องเที่ยวง่ายขึ้น เข้าถึงได้ และยั่งยืนยิ่งขึ้น”

อีกหนึ่งไฮไลต์ของงานปีนี้คือการประกาศความร่วมมือระหว่าง VNU Asia Pacific กับ PEA Innovation Hub เพื่อจัดให้ Travel & Tech Asia 2025 เป็น “งานแสดงสินค้าคาร์บอนเป็นศูนย์” ครั้งแรกของบริษัท ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ความยั่งยืนระยะยาว ครอบคลุมการวัดค่าคาร์บอน การใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และส่งเสริมนวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม

 

ห้ามพลาด! พรุ่งนี้ ( 3 กรกฎาคม 2568 ) คือวันสุดท้ายของงาน Travel & Tech Asia 2025 เวทีที่รวม 35 บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำจาก 6 ประเทศ และเปิดโอกาสให้ร่วมฟัง 23 หัวข้อสัมมนาเชิงลึกแบบเข้าฟังฟรี อัดแน่นด้วยเนื้อหาน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีการจองโรงแรม AI การตลาดดิจิทัล ระบบชำระเงิน ไปจนถึงแนวคิดด้านความยั่งยืน

เข้างานฟรี! ลงทะเบียนได้หน้างาน วันพฤหัสบดีที่ 3 กรกฎาคม 2568 | เวลา 09.30 – 17.00 น. ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ | https://travelandtechasia.com

ตลาดความสวยความงามโดยเฉพาะเซกเมนต์ตลาดเครื่องสำอางยังมีการเติบโตต่อเนื่อง ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ระบุว่า ระหว่างปี 2568 ถึง 2569 ตลาดเครื่องสำอางมีแนวโน้มขยายตัวราว 12-13% ซึ่งเป็นสัดส่วนที่สูงกว่าช่วงก่อนวิกฤติโควิด-19 เพราะเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ มีการแข่งขันสูง รวมถึงจำนวนคู่แข่งหน้าใหม่ก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

ในบรรดาผู้เล่นหน้าใหม่ที่ว่ามา มี ‘Fleen Beauty’ เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่กำลังได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้ใช้งานจริง Fleen Beauty ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท อินโนฟีน่า จำกัด ก่อตั้งและบริหารงานโดย ‘นางสาวสุชาร์ มานะยิ่ง’ นักแสดงชื่อดังที่คลุกคลีในวงการบันเทิงมานาน 19 ปี นอกจากบทบาทบนจอแก้ว ‘สุชาร์’ สวมหมวกนักธุรกิจสาว พัฒนาต่อยอดจากความหลงใหลเรื่องเครื่องสำอาง รวมถึง ‘Pain Point’ ที่เป็นคนผิวแห้ง จึงอยากได้เครื่องสำอางที่ช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้น และเหมาะกับสภาพผิวของตนเอง

สุชาร์ เล่าว่า ตนเป็นคนรักสวยรักงาม หากมีโอกาสไปต่างประเทศจะแวะซื้อเครื่องสำอางกลับมาด้วยเสมอ แม้กระทั่งการแต่งหน้าในกองถ่ายละคร เธอก็มีส่วนในการออกแบบลุคของตัวเองด้วย ซึ่งปัญหาที่พบเจอระหว่างแต่งหน้าอยู่บ่อยครั้งในฐานะผู้ใช้งานจริง คือยังไม่สามารถหาผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่เหมาะกับสภาพผิว-สีผิว เนื่องจากเป็นคนผิวแห้งมากโดยเฉพาะบริเวณใต้ตา นอกจากสีที่ถูกต้อง เข้ากับผิวคนเอเชียยังต้องให้ความชุ่มชื้นที่พอเหมาะ จากมุมมองของผู้ใช้งานจริงจึงขยับสู่สถานะของผู้ผลิต โดยนำ Pain Point ดังกล่าว มาต่อยอด จนเกิดเป็น ‘Fleen Beauty’ ในเวลาต่อมา

ปัจจุบัน ‘Fleen Beauty’ มีผลิตภัณฑ์ทั้งหมด 5 รายการ ได้แก่ 1. Fleen Beauty Energize Tone Up Serum ราคา 1,190 บาท 2. Fleen Beauty Youth Up Aqua Covering Pact Cushion SPF50 PA+++ ราคา 1,190 บาท 3. Fleen Beauty Soft Velvet Fluffy Cheek ราคา 690 บาท และผลิตภัณฑ์ล่าสุดที่มีการเปิดตัว 4. Fleen Beauty Skin Caring Corrector ราคา 720 บาท และ 5. Fleen Beauty Hya Plumping Concealer ราคา 720 บาท

‘สุชาร์’ ระบุว่า เธออยากให้ Fleen Beauty เป็นแบรนด์เครื่องสำอางที่เฟรนด์ลี่กับผู้หญิงทุกคน ทุกวัย เข้าถึงง่าย โดย Fleen มีที่มาจากคำว่า ‘Feel’ และ ‘Clean’ ฉะนั้น ทุกผลิตภัณฑ์จึงเหมาะสำหรับคนผิวแพ้ง่าย ไม่ต้องเป็นมืออาชีพหรือแต่งหน้าเก่งก็ใช้งานได้โดยไม่ต้องมีขั้นตอนเยอะ ซึ่งก็พบว่า ที่ผ่านมาแบรนด์ได้รับการตอบรับที่ดีมาก แม้จะยังไม่ได้โหมแคมเปญ-ทำการตลาดเชิงรุก แต่มีลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะ ‘Fleen Beauty Energize Tone Up Serum’ ได้รับการตอบรับที่ดีมาก ขายไปแล้วมากถึง 100,000 ชิ้น และ ‘Fleen Beauty Skin Caring Corrector’ ที่เพิ่งเปิดตัวไปล่าสุด ขายได้มากกว่า 50,000 ชิ้น Youth Up Aqua Covering Pact 40,000 ชิ้น Soft Velvet Fluffy Cheek 40,000 ชิ้น และ Hya Plumping Concealer 20,000 ชิ้น

“จุดเด่นของ Fleen Beauty คือเราไม่ใช่แค่ Makeup แต่เป็นเครื่องสำอางกึ่งสกินแคร์ ซึ่งเทรนด์นี้กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เวลาแต่งหน้าออกจากบ้าน เราใช้ชีวิตนอกบ้านเฉลี่ยนาน 12-14 ชั่วโมงที่เครื่องสำอางต้องอยู่บนหน้าเรา จะดีแค่ไหนถ้าเครื่องสำอางเหล่านี้บำรุงไปในตัวได้ด้วย Makeup ตอนนี้ต้องไม่ให้แค่ความสวยงามหรือสีสันเพียงอย่างเดียว แล้ว Fleen Beauty ก็มีแนวทางแบบนั้น สินค้าทุกตัวที่เราพัฒนาต้องมีเรื่องนี้เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ตอนนี้เรามีสินค้าทั้งหมด 5 ผลิตภัณฑ์ เราใส่คอนเซปต์นี้เข้าไปทุกตัว คนผิวแพ้ง่ายใช้ได้ คุณแม่ให้นมบุตรใช้ได้ โปรดักต์เราเฟรนด์ลี่กับทุกคน และเป็นวีแกนด้วย”

ปีนี้ ‘Fleen Beauty’ เน้นทำการตลาดเข้มข้นมากขึ้น ทำคอนเทนต์เชิงสร้างสรรค์ รวมถึงการสร้าง ‘Community Building’ หรือกลุ่มผู้ใช้งานจริงของ ‘Fleen Beauty’ เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการใช้สินค้า ก่อนหน้านี้ในช่วงเริ่มต้นแบรนด์มีกลุ่มผู้ใช้งานส่วนใหญ่เป็นฐานแฟนคลับของ ‘สุชาร์’ แต่หลังจากนี้จะเริ่มทำการตลาดด้วยการเจาะกลุ่มเป้าหมายเพิ่มเติม โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z และกลุ่ม Alpha รวมถึงการออกสินค้ากลุ่มใหม่ๆ ที่ใช้เวลาในการพัฒนาอย่างละเอียดถี่ถ้วน ซึ่งหลังจากนี้แบรนด์วางแผนขยายไลน์อัปสินค้า เพื่อตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายให้ได้ครบถ้วน

เนื่องจากแบรนด์เกิดและเติบโตจากการสื่อสารบนโลกออนไลน์ ปีนี้จะยังคงมุ่งเน้นทำ Digital Marketing ต่อไป ขณะเดียวกันก็ควบคู่ไปกับการตลาดผ่านช่องทางออฟไลน์ด้วย ทั้งนี้ ‘สุชาร์’ มีเป้าหมายต้องการขยายฐานสู่ SEA หรือประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และในอนาคตอีก 5 ปีข้างหน้า อยากเห็น ‘Fleen Beauty’ ก้าวสู่แบรนด์ระดับโลก ตั้งต้นจากความฝันที่อยากสร้างแบรนด์ของคนไทยที่ต่างชาติเลือกหยิบซื้อกลับไปประเทศบ้านเกิดเมื่อได้มีโอกาสมาเยือนเมืองไทย

“เรามีมุมมองเล็กๆ ที่อยากสร้างแบรนด์ของคนไทย แล้วให้ต่างชาติที่มาเที่ยวไทยเลือกหยิบซื้อกลับไป อย่างเวลาเราไปเกาหลีหรือญี่ปุ่น เราจะรู้สึกอยากซื้ออันนั้นอันนี้กลับมาเต็มไปหมด อาจจะด้วยประสบการณ์การทำงานของเราที่ได้มีโอกาสไปหลายประเทศ เห็นการแต่งหน้าหลายสไตล์ รวมถึงคนที่ติดตามเราก็มีชาวต่างชาติอยู่บ้าง จุดนี้น่าจะช่วยให้เขามองเห็นแบรนด์เราได้ด้วย” สุชาร์ มานะยิ่ง ผู้บริหารและผู้ก่อตั้ง Fleen Beauty กล่าวปิดท้าย

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ของ Fleen Beauty ได้ที่ EVEANDBOY Shop 19 สาขาทั่วประเทศ หรือ TikTok Shop: Fleen Beauty พร้อมอัปเดตลุคของ Fleen Beauty และติดตามข่าวสารได้ที่ Website: www.fleenbeauty.com, Facebook: Fleen Beauty official  IG: Fleen_Beauty

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ส่งมอบหนังสือการ์ตูนขายหัวเราะส่งเสริมการออมรูปแบบอักษรเบรลล์ จำนวน 2,000 เล่ม ให้แก่ นายอนุพนธ์ เซ็นสาส์น ประธานศูนย์เทคโนโลยีการศึกษาเพื่อคนตาบอด เพื่อนำไปส่งต่อให้แก่โรงเรียนสอนคนตาบอด 16 แห่ง และหน่วยงานผู้พิการทางการเห็น 651 แห่งทั่วประเทศ

โดยจัดทำหนังสือการ์ตูนขายหัวเราะรูปแบบอักษรเบรลล์ และการ์ตูนแอนิเมชันพร้อมเสียงบรรยายภาพ ผ่านช่องทาง YouTube ของ GSB Society เรื่อง “ภารกิจพิชิตเงินออม กับ ปังปอนด์” จำนวน 2 ตอน ได้แก่ ปังปอนด์ทำเงินหาย และรองเท้ากีฬาคู่ใหม่ของปังปอนด์ โดยถ่ายทอดเรื่องราวความรู้ทางการเงิน (Financial Literacy) ผ่านปังปอนด์ และครอบครัว ตัวการ์ตูนชื่อดังของไทย ในรูปแบบที่เข้าใจง่าย สนุกสนาน และสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ อาทิ การจัดทำบันทึกรายรับ-รายจ่าย การออมก่อนใช้ เป็นต้น ซึ่งจะช่วยเปิดโลกกว้าง พร้อมพัฒนาศักยภาพทางความคิดให้ผู้พิการทางการมองเห็นตระหนักถึงความสำคัญของการออมอย่างมีประสิทธิภาพ

 

โดยมีนางสาววชิรา การสุทธิ์ รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน และนางสาวจารุพร กำธรนพคุณ ผู้ช่วยผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ร่วมส่งมอบ ณ ธนาคารออมสินสำนักงานใหญ่ เมื่อเร็ว ๆ นี้

นายบัณฑิต เจียมอนุกูลกิจ (ขวาสุด) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ พรูเด็นเชียล ประเทศไทย พร้อมด้วยนายอิฎฐ์ อภิรักษ์ติวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานพัฒนาองค์กร และนางสาวดารบุษป์ ปภาพจน์  กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จำกัด มอบทุนการศึกษาจำนวน 200,000 บาท ให้แก่ “มูลนิธิศาสตราจารย์บุญชนะ – ท่านผู้หญิงแส อัตถากร เพื่อการศึกษาและวิจัย” โดยมี นางโชติกา สวนานนท์ (ที่สองจากขวา) ประธานกรรมการมูลนิธิฯ เป็นผู้แทนรับมอบ โดยการสนับสนุนทุนการศึกษาในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดโอกาสทางการศึกษาให้แก่นักเรียนและนักศึกษาที่ด้อยโอกาส หรือขาดแคลนทุนทรัพย์ เพื่อส่งเสริมให้สามารถพัฒนาศักยภาพของตนเอง และก้าวสู่ความสำเร็จในอนาคตได้อย่างมั่นคง ตามเจตนารมณ์ “ชีวิตมีกัน...ทุกวันดีกว่า” For Every Life, For Every Future เพื่อร่วมสร้างอนาคตที่ดีกว่าให้แก่ทุกคน

บริษัท ซิมเพิ้ล ฟู้ดส์ จำกัด ร่วมบริจาคเงินสมทบทุนแก่ “มูลนิธิเพื่อสนับสนุนการผ่าตัดหัวใจเด็ก” จำนวน 100,000 บาท เพื่อช่วยให้เด็ก ๆ ได้รับการรักษาผ่าตัดหัวใจ และบริจาคนมพิสตาชิโอ สูตรดั้งเดิม แบรนด์ 137 ดีกรี® จำนวน 1,080 กล่อง ณ สถาบันโรคหัวใจ ตึกสอาด ศิริพัฒน์ โรงพยาบาลราชวิถี เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร เมื่อเร็ว ๆ นี้

บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM ร่วมส่งใจไปชายแดน มอบสิ่งของเป็นขวัญกำลังให้ทหารหาญ ที่ค่ายทหารหน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารราบที่ 12 รักษาพระองค์ชุดควบคุม กรมทหารพรานที่ 12 จังหวัดสระแก้ว

ดร.วุฒิพันธุ์ ตวันเที่ยง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมนายวุฒิพงศ์ บุญยะสิทธิ์ นางจันทร์จิรา มะลิต้น และ นางวิภาศิริ แสงวัชระกุล ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมกันนำสิ่งของ อาทิ น้ำดื่มจำนวน 4,000 ขวด บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แป้งกันชื้นผื่นคัน เครื่องดื่ม อาหารกระป๋อง และของใช้จำเป็นต่าง ๆ ไปมอบให้กับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนจังหวัดสระแก้ว โดยการมอบสิ่งของดังกล่าว ได้นำไปมอบให้ที่ค่ายทหารหน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารราบที่ 12 รักษาพระองค์ ชุดควบคุม กรมทหารพรานที่ 12

BAM ขอร่วมเป็นอีกหนึ่งกำลังใจและมอบสิ่งของให้กับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดน ไทย - กัมพูชา โดยเฉพาะน้ำดื่ม เนื่องจากในพื้นที่ดังกล่าวมีอากาศที่ร้อนจัด ซึ่งทางหน่วยเฉพาะกิจจะได้นำไปกระจายต่อให้กับหน่วยลาดตระเวนป้องกันแนวพื้นที่ชายแดนตลอด 24 ชั่วโมง ต่อไป

การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ขอเชิญชวนผู้ใช้บริการ Easy Pass สมัครใช้งาน EXAT Reward เพื่อรับสิทธิประโยชน์สุดคุ้ม!

พิเศษ! สำหรับสมาชิกใหม่ที่ลงทะเบียน EXAT Reward ครั้งแรก รับฟรี “โค้ดส่วนลด GrabFood มูลค่า 50 บาท” จำนวน 800 สิทธิเท่านั้น ตั้งแต่วันที่ 1 – 31 กรกฎาคม 2568 หรือจนกว่าสิทธิจะหมด

EXAT Reward คือระบบสะสมคะแนน Easy Point สำหรับผู้ใช้ทางพิเศษด้วย Easy Pass ซึ่งสามารถแลกรับสิทธิประโยชน์มากมาย อาทิ ส่วนลดร้านค้า ร้านอาหาร และของรางวัลสุดพิเศษ

ยิ่งใช้ Easy Pass ยิ่งได้ Easy Point!

สมัครง่าย ๆ ผ่าน 2 ช่องทาง

LINE Official Account: @exatreward

แอปพลิเคชัน EXAT Portal

อย่าพลาด! สิทธิพิเศษดี ๆ สำหรับสมาชิก Easy Pass

กรมประชาสัมพันธ์โชว์ศักยภาพซอฟต์พาวเวอร์ “Playful Thainess” ความสนุกแบบไทยไทยในระดับโลก ดึงดูดชาวต่างชาติกว่า 70,000 คนในงาน Thailand Showcase 2025 พร้อมเดินหน้าความร่วมมือ BBC และผลักดันโครงการ “Thainess Beyond Borders”


งาน Thailand Showcase 2025 ณ ลูอิส คิวบิตต์ สแควร์ กรุงลอนดอน ปิดฉากลงอย่างงดงาม ท่ามกลางความประทับใจของผู้เข้าร่วมกว่า 70,000 คนตลอด 3 วัน โดยกรมประชาสัมพันธ์ในฐานะภาคีหลักของการจัดงาน ได้นำเสนอ “Playful Thainess – สนุกแบบไทยไทย” นิทรรศการอินเทอร์แอคทีฟที่นำซอฟต์   พาวเวอร์ของไทยมาถ่ายทอดในรูปแบบทันสมัย เข้าถึงง่าย และสร้างสรรค์

ภายในนิทรรศการ ผู้เข้าชมได้สัมผัสเสน่ห์ของความเป็นไทยผ่านกิจกรรมหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการทดลองเป็นผู้ประกาศข่าวในสตูดิโอจำลองของ NBT World, ร่วมเล่นเกม Home Sweet Home ที่นำตำนานและวัฒนธรรมไทยมาสร้างเป็นเกมสยองขวัญแนวอินเตอร์, ถ่ายภาพในชุดไทยด้วย AI Photo Booth และลงมือทำของที่ระลึกจากงานหัตถกรรมพื้นบ้านในกิจกรรม Thai Craft DIY ซึ่งช่วยสร้างประสบการณ์ตรงและความประทับใจในอัตลักษณ์ไทยอย่างลึกซึ้ง

 

นางสุดฤทัย เลิศเกษม อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ กล่าวว่า นิทรรศการ “Playful Thainess” ถือเป็นการสื่อสารซอฟต์พาวเวอร์ไทยผ่านภาษาที่โลกเข้าใจ โดยใช้นวัตกรรม วัฒนธรรม และนโยบายเป็นเครื่องมือเข้าถึงผู้คนทั่วโลกอย่างมีพลัง พร้อมสร้างภาพจำใหม่ของไทยในบริบทสร้างสรรค์ ทันสมัย และน่าเชื่อถือ

ในโอกาสเดียวกันนี้ กรมประชาสัมพันธ์ยังได้ขยายความร่วมมือกับพันธมิตรระดับนานาชาติ โดยเมื่อวันที่ 26 มิถุนายนที่ผ่านมา คณะผู้แทน กปส. ได้เข้าพบหารือกับ Mr. Jon Zilkha ผู้บริหารสูงสุดของ BBC News World Service และ Mr. Khalid Abdalla หัวหน้าฝ่ายพัฒนาธุรกิจ BBC เพื่อหารือแนวทางความร่วมมือด้านเนื้อหาภาษาอังกฤษ ซึ่งรวมถึงการนำรายการข่าวของ BBC ไปเผยแพร่ทาง Radio Thailand World Service FM 88.0 MHz, การแลกเปลี่ยนบุคลากรระหว่างกัน และการเชิญ BBC เข้าร่วมงาน Media Showcase ของสถาบันพัฒนากิจการวิทยุ - โทรทัศน์แห่งเอเชีย -แปซิฟิก (Asia-Pacific Institute for Broadcasting Development: AIBD)ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพในเดือนสิงหาคมนี้ ณ จังหวัดภูเก็ต

 

อีกหนึ่งภารกิจสำคัญที่ดำเนินควบคู่กัน คือการหารือเพื่อขับเคลื่อนโครงการ “Thainess Beyond Borders” เครือข่ายเยาวชนไทยในต่างประเทศ โดยร่วมกับสำนักงานผู้ดูแลนักเรียนในสหราชอาณาจักร (สนร.), สำนักงาน ก.พ. และสามัคคีสมาคมในพระบรมราชูปถัมภ์ สนับสนุนให้นักเรียนไทยในต่างแดนร่วมสร้างสรรค์สื่อที่สะท้อนมุมมองต่อความเป็นไทยในมิติใหม่ โดยเริ่มต้นในสหราชอาณาจักร และเตรียมขยายไปยังสหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย เยอรมนี และ ฝรั่งเศส

 

ภารกิจของกรมประชาสัมพันธ์ในครั้งนี้สะท้อนบทบาทเชิงรุกของประเทศไทยในการขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ผ่านสื่อสร้างสรรค์ เทคโนโลยี และพลังของคนรุ่นใหม่ เพื่อสร้างการรับรู้เชิงบวกต่อประเทศไทยในระดับโลกอย่างยั่งยืน พร้อมปูทางสู่โอกาสทางเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และความร่วมมือระหว่างประเทศในอนาคต

X

Right Click

No right click