December 05, 2025

วิตามินรวมรายวันสูตรใหม่ เสริมทัพสินค้าเพื่อสุขภาพตราวัตสัน

บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM เดินหน้ากระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ จัดแคมเปญใหญ่ “BAM FLASH SALE 7.7” ระหว่างวันที่ 7 – 31 กรกฎาคม 2568 ขนทรัพย์สินรอการขาย ทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ คอนโดมิเนียม อาคารพาณิชย์ ที่ดิน กว่า 170 รายการ มูลค่ารวมกว่า 550 ล้านบาท มาลดราคาพิเศษ สูงสุดกว่า  30 % ลูกค้าที่ซื้อทรัพย์ภายใต้แคมเปญและโอนกรรมสิทธิ์ภายใน 30 วัน นับจากวันอนุมัติรับทรัพย์ จะได้รับสิทธิพิเศษทันที ได้แก่ ฟรีค่าโอน สูงสุด 900,000 บาทบัตรกำนัล มูลค่าสูงสุด 25,000 บาท พร้อม สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษ จากธนาคารพันธมิตรที่เข้าร่วม นอกจากนี้  ใครที่กำลังมองหาอสังหาฯ ทั้งเพื่ออยู่อาศัยหรือลงทุน ห้ามพลาดกิจกรรม “BAM TROOP” ลงพื้นที่วันที่ 7 เดือน 7  พบกันได้ที่ ตลาดละลายทรัพย์ สีลม BTS ช่องนนทรี และ ตลาดรวมทรัพย์ อโศก  

สำหรับทรัพย์ที่ BAM นำมาจัดแคมเปญ BAM FLASH SALE 7.7 ในครั้งนี้ มีหลากหลายทำเล เช่น

รหัสทรัพย์  DRBKKSH0118001 บ้านเดี่ยวโครงการดิแอลเลแกนซ์ เพชรเกษม 81 ราคาตั้งขาย 8.92 ล้านบาท - ราคา FLASH SALE 6.41 ล้านบาท

รหัสทรัพย์ DEBKKSH0396001 บ้านเดี่ยวโครงการลีฟวิ่ง ลากูน มีนบุรี ราคาตั้งขาย 6.51 ล้านบาท - ราคา FLASH SALE 5.19 ล้านบาท    

รหัสทรัพย์ DIRAYTH0112001  ทาวน์เฮ้าส์โครงการกนกภัทร อำเภอเมือง จังหวัดระยอง ราคาตั้งขาย 1.48  ล้านบาท - ราคา FLASH SALE 1.19 ล้านบาท    

ลูกค้าที่สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 02-6300-700 หรือ www.bam.co.th หรือ Social Media : BAM Thailand

LINE ประเทศไทย เปิดตัวบริการใหม่ “LINE GIFT” ต่อยอดบทสนทนาบนแชท สู่การสร้างวัฒนธรรม e-Gifting ที่เข้าถึงได้ในชีวิตประจำวัน เปลี่ยนทุกข้อความให้กลายเป็นโมเมนต์แห่งการให้ สะท้อนความรู้สึกจริงใจในรูปแบบทันสมัยและใช้งานง่าย ภายใต้แนวคิดทุกความรู้สึก ชัดกว่าเคยที่เชื่อว่าความรู้สึกบางอย่างไม่สามารถสื่อได้ด้วยข้อความเพียงอย่างเดียว LINE GIFT จึงกลายเป็นตัวช่วยใหม่ให้ผู้ใช้สามารถส่งต่อความรู้สึกจริงใจได้อย่างชัดเจนและลึกซึ้ง นับเป็นอีกก้าวสำคัญในการขยายบทบาทของ LINE จากแอปพลิเคชันแชท สู่ Life Platform ที่ไม่เพียงเชื่อมต่อผู้คนด้วยข้อความ แต่ยังสร้างคุณค่าใหม่ให้กับความสัมพันธ์ของผู้ใช้ทุกกลุ่ม

LINE GIFT เกิดจากความเข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้ชาวไทย ที่ให้ความสำคัญกับการส่งต่อความรู้สึกในชีวิตประจำวันมากกว่าการรอคอยโอกาสพิเศษ การให้ของขวัญจึงกลายเป็นรูปแบบใหม่ของการสื่อสารที่สะท้อนความห่วงใย ขอบคุณ หรือให้กำลังใจได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะในกลุ่มคนวัยทำงานอายุ 26–35 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักที่มีศักยภาพในการใช้จ่าย มีบทบาทในหลายความสัมพันธ์ และมีความคุ้นชินกับวัฒนธรรมการให้ที่ผูกโยงอยู่ในวิถีชีวิตไทยอย่างแนบแน่น อย่างไรก็ตาม ความตั้งใจดีในการให้มักสะดุดลงจากข้อจำกัดที่ไม่ควรมีในยุคดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นความลังเลในการเลือกของขวัญ ความเร่งรีบในชีวิตประจำวัน ความเกรงใจในการขอที่อยู่ หรือข้อจำกัดด้านระยะทาง LINE GIFT จึงถูกออกแบบมาเพื่อก้าวข้ามข้อจำกัดเหล่านี้ และเติมความหมายใหม่ให้กับการให้ในโลกออนไลน์ ด้วยประสบการณ์ที่เรียบง่าย รู้ใจ และสอดคล้องกับการใช้งาน LINE ในชีวิตประจำวันของคนไทย

 

จิรัฏฐ์ วรรธนกรินธ์ หัวหน้าธุรกิจ LINE GIFT กล่าวว่า "จากการสำรวจพฤติกรรมผู้ใช้งาน เราพบว่าคนไทยให้ความสำคัญกับการให้ของขวัญเพื่อสร้างความรู้สึกดีๆ โดยเกือบ 90% ของการให้ของขวัญเกิดขึ้นจาก 'โมเมนต์เล็กๆ' ในชีวิตประจำวัน เพราะคนไทยต้องการส่งต่อความรู้สึกดีๆ ไม่ว่าจะเป็นการขอบคุณ ส่งความคิดถึง หรือให้กำลังใจ แนวคิด 'ทุกความรู้สึก ชัดกว่าเคย' จึงเป็นการตอบโจทย์ความต้องการที่แท้จริงของคนไทย ที่บางครั้งรู้สึกว่าข้อความเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะสื่อสารความรู้สึกลึกซึ้งที่อยากส่งต่อ ในยุคที่ LINE เป็นหัวใจสำคัญของการสื่อสารในชีวิตประจำวันของคนไทย เราเชื่อมั่นว่า LINE GIFT จะช่วยยกระดับวิธีการส่งต่อความรู้สึกให้มีความหมายมากขึ้น สนับสนุนให้ผู้ใช้งานกล้าแสดงออกถึงความรู้สึกผ่านของขวัญได้อย่างเป็นธรรมชาติ และเปลี่ยนบทสนทนาในแชทให้กลายเป็นช่องทางที่ส่งต่อความหมายได้อย่างแท้จริง”

LINE GIFT พร้อมให้บริการแล้ววันนี้ โดยผู้ใช้งานสามารถเลือกของขวัญจากแบรนด์ชั้นนำที่คุ้นเคย ครอบคลุมตั้งแต่แบรนด์อาหารและเครื่องดื่ม ไปจนถึงแบรนด์ไลฟ์สไตล์ อาทิ Starbucks, Central Department Store, Robinson, TOPS, ศูนย์การค้าชั้นนำเครือเดอะมอลล์ กรุ๊ป, Dairy Queen, Swensen’s, Burger King, Bonchon, After You, Loft, Let’s Relax, LINE MAN และอีกมากมาย พร้อมส่งผ่านแชท LINE ได้ทันทีด้วยการแนบ e-Voucher หรือเลือกให้จัดส่งของขวัญถึงบ้านโดยไม่ต้องรู้ที่อยู่ของผู้รับ เสริมความใส่ใจด้วยการ์ดหรือข้อความส่วนตัว ใช้ฟีเจอร์ “Wishlist” เพื่อให้ผู้รับระบุสิ่งที่อยากได้ล่วงหน้า และ “Scheduled Send” เพื่อให้ผู้ส่งไม่พลาดทุกโอกาสสำคัญ เช่น วันเกิดหรือวันครบรอบ LINE GIFT จึงไม่ใช่แค่การให้ของ แต่คือการยกระดับบทสนทนาให้เต็มไปด้วยความรู้สึกดีที่เกิดขึ้นได้ทุกวัน ง่ายพอ ๆ กับการพิมพ์แชท แต่ทรงพลังยิ่งกว่าเดิม

 

การเปิดตัว LINE GIFT สะท้อนวิสัยทัศน์ของ LINE ประเทศไทย ในการยกระดับแพลตฟอร์มจากพื้นที่สนทนา สู่การเป็นส่วนหนึ่งของความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นจริงในชีวิตประจำวัน ไม่ใช่แค่ในโอกาสพิเศษ แต่ในทุกจังหวะที่ความรู้สึกดีควรถูกส่งต่อได้ทันที LINE มุ่งขับเคลื่อนวัฒนธรรมการให้รูปแบบใหม่ ที่ไม่ต้องรอวันเกิด ไม่ต้องรอเทศกาล แต่ให้ได้ทุกครั้งที่อยากแสดงความใส่ใจ ผ่านประสบการณ์ที่เรียบง่าย เข้าถึงง่าย และกลมกลืนไปกับพฤติกรรมการใช้งานที่มีอยู่แล้ว การให้ในยุคดิจิทัลจึงไม่ใช่แค่เรื่องของของขวัญ แต่กลายเป็นเครื่องมือช่วยเชื่อมความสัมพันธ์ในทุกวัน ทุกคน และทุกช่วงเวลา

เริ่มส่งต่อความรู้สึกผ่าน LINE GIFT ได้ง่ายๆ เพียงเปิดห้องแชท กดเครื่องหมายบวก (+) แล้วเลือก "LINE GIFT" จากเมนู เลือกของขวัญที่ต้องการ เพิ่มข้อความหรือการ์ดส่วนตัว แล้วกดส่งให้เพื่อนหรือคนสำคัญได้ทันที เปลี่ยนทุกบทสนทนาธรรมดาให้กลายเป็นโมเมนต์พิเศษที่เต็มไปด้วยความหมาย  เพราะ "ทุกความรู้สึก ชัดกว่าเคย" ด้วย LINE GIFT

การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.). กระทรวงคมนาคม นางกุลกัญญา ทุมเสน รองผู้ว่าการ (กฎหมาย) เป็นประธาน ในพิธีมอบทุนการศึกษาในโครงการทุนการศึกษา “EXAT Smart Youth” ประจำปีงบประมาณ 2568 ให้แก่เยาวชนในชุมชนและโรงเรียนตามรอบเขตทางพิเศษ โดยมีผู้บริหาร กทพ. ผู้บริหารโรงเรียนและพนักงาน กทพ. เข้าร่วมกิจกรรม

 

​นางกุลกัญญา  ทุมเสน รองผู้ว่าการฯ กล่าวว่า กทพ. ตระหนักและให้ความสำคัญด้านการศึกษาของเยาวชนที่จะเติบโตเป็นกำลังสำคัญของชาติในอนาคต จึงได้จัดโครงการทุนการศึกษา “EXAT Smart Youth” ประจำปีงบประมาณ 2568 เพื่อมอบทุนการศึกษาต่อเนื่องจนจบการศึกษาชั้นสูงสุดของสถานศึกษาตลอดจนสร้างความสัมพันธ์อันดีกับมวลชน โดย กทพ. ได้พิจารณาคัดเลือกโรงเรียนที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินงานของ กทพ. ให้ครอบคลุมกับโรงเรียนรอบเขตทางพิเศษทั้ง 8 สายทาง จำนวนทั้งสิ้น 41 โรงเรียน โดยทุนการศึกษาแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ ทุนการศึกษาประเภท ก. คือ ทุนการศึกษาต่อเนื่องจนสำเร็จการศึกษาชั้นสูงสุดของสถานศึกษาสำหรับนักเรียนที่เรียนดี มีความประพฤติดี , ทุนการศึกษาประเภท ข. คือทุนการศึกษาต่อเนื่องจนสำเร็จการศึกษาชั้นสูงสุดของสถานศึกษาสำหรับนักเรียนขาดแคลนทุนทรัพย์ ทุนการศึกษาประเภท ก. และ ข. จำนวน 13 โรงเรียน และ ทุนการศึกษาประเภท ค. คือทุนการศึกษารายปีสำหรับนักเรียนที่ศึกษา อยู่ในโรงเรียนรอบเขตทางพิเศษ จำนวน 28 โรงเรียน

​โดยเงินทุนการศึกษาที่มอบให้เยาวชนในโรงเรียนรอบเขตทางพิเศษทุกสายทางจำนวนทั้งสิ้น 41 โรงเรียน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 892,500 บาท ประกอบด้วย

​ทุนการศึกษาประเภท ก.,ข. ทุนละ 3,000 บาท จำนวน 13 โรงเรียน รวมเป็นเงิน 612,000 บาท แบ่งเป็น

​- โรงเรียนละ 15 ทุน จำนวน 12 โรงเรียน เป็นเงิน 540,000 บาท (ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 2-6 และระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2-6)

​- โรงเรียนละ 24 ทุน จำนวน 1 โรงเรียน เป็นเงิน 72,000 บาท (ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 2-6 และระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-3) รวมเป็นเงิน 612,000 บาท

​ทุนการศึกษาประเภท ค. ทุนละ 1,000 บาท โรงเรียนละ 10 ทุน จำนวน 28 โรงเรียน รวมเป็นเงิน 280,000 บาท

 

 ​“การทางพิเศษฯ ให้ความสำคัญกับการอยู่ร่วมกันอย่างเกื้อกูลกับโรงเรียน ชุมชนและสังคม โดยเฉพาะ  การส่งเสริมโอกาสทางการศึกษาให้แก่เยาวชนซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของสังคมไทยในอนาคต โครงการมอบทุนการศึกษา EXAT Smart Youth จึงเป็นอีกหนึ่งพันธกิจที่สะท้อนความตั้งใจของ กทพ. ในการตอบแทนและสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนโดยรอบทางพิเศษทุกสายทางอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านการศึกษา การพัฒนาคุณภาพชีวิตและการช่วยเหลือสังคมในมิติต่าง ๆ ซึ่ง กทพ. จะยังคงเดินหน้าและขยายผลการดำเนินงานด้านความรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อร่วมสร้างสรรค์อนาคตที่ยั่งยืนต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง” นางกุลกัญญา กล่าวในท้ายที่สุด

 

สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ร่วมกับ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จัดงานแสดงสินค้าและเชื่อมโยงธุรกิจ ภายใต้โครงการส่งเสริมและพัฒนาการเริ่มต้นเป็น ผู้ประกอบการ SME ด้วย Soft Power ประจำปีงบประมาณ 2568 ระหว่างวันที่ 2-3 กรกฎาคม 2568 ณ ลาน Beacon 2 ชั้น 1 เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ ยกขบวนผู้ประกอบการที่ผ่านการพัฒนาและคัดเลือกจากโครงการ 30 ราย ร่วมจัดแสดงผลิตภัณฑ์และเชื่อมโยงตลาดกับ ภาครัฐ-ภาคธุรกิจ พร้อมเปิดเวทีสู่การค้าในระดับสากล

นางสาวปณิตา ชินวัตร รองผู้อำนวยการสำนักงาน รักษาการแทนผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า บทบาทของ สสว. ว่า สสว. มีภารกิจหลักในการส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาผู้ประกอบการรายย่อยให้สามารถเริ่มต้นธุรกิจได้อย่างมั่นคง มุ่งหวังที่จะให้หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมกันสนับสนุนผู้ประกอบการรายใหม่เหล่านี้ ให้สามารถใช้ศักยภาพในท้องถิ่น สร้างโอกาสเชิงธุรกิจที่มั่นคงและยั่งยืนได้

“ด้วยเจตนารมณ์ของโครงการฯ ที่ต้องการสร้าง "ผู้ประกอบการไทยรุ่นใหม่" ให้สามารถใช้พลังของ Soft Power ไทยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก เชื่อมโยงทุนวัฒนธรรมกับตลาดโลก และสร้างธุรกิจให้เติบโตอย่าง ยั่งยืน งานแสดงสินค้าและเชื่อมโยงธุรกิจครั้งนี้ จึงมิใช่แค่เวทีจัดจำหน่าย แต่คือเวทีสร้างโอกาส สร้างแรงบันดาลใจ และสร้างอนาคตให้ผู้ประกอบการไทยก้าวไกลสู่เวทีโลกอย่างมั่นคง” นางสาวปณิตา กล่าว

ด้าน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.จุมพล ชื่นจิตต์ศิริ รองอธิการบดีฝ่ายกฎหมายและบริการวิชาการมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) กล่าวว่า มหาวิทยาลัยมีภารกิจในการถ่ายทอดองค์ความรู้จากงานวิจัยและการเรียนการสอน มาสู่การสนับสนุน ผู้ประกอบการ เชื่อว่าองค์ความรู้เชิงลึกผสานกับการพัฒนา Soft Power คือกุญแจสำคัญในการยกระดับธุรกิจไทยสู่ความเป็นนานาชาติ

ขณะที่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธีรศักดิ์ จินดาบถ หัวหน้าโครงการ กล่าวว่า โครงการนี้มีเป้าหมายสำคัญเพื่อส่งเสริมผู้ที่มีแนวโน้มและศักยภาพในการเป็นผู้ประกอบการ ให้สามารถก้าวเข้าสู่ระบบธุรกิจได้อย่างมั่นคง โดยใช้ศักยภาพด้าน Soft Power อาทิ อาหาร ท่องเที่ยว แฟชั่น และภาพยนตร์ เป็นกลไกขับเคลื่อน ผ่านกระบวนการอบรม เสริมสร้างทักษะ และการให้คำปรึกษาเชิงลึก ซึ่งกลุ่มเป้าหมายประกอบด้วยผู้ประกอบการรายย่อยในระยะเริ่มต้น หรือผู้ที่ยังไม่จดทะเบียนธุรกิจ รวมทั้งผู้ที่ดำเนินธุรกิจและจดทะเบียนแล้วไม่เกิน 3 ปี โดยมีเป้าหมายรวมจำนวนไม่น้อยกว่า 450 รายในพื้นที่ 32 จังหวัดครอบคลุมภาคใต้ ภาคกลาง และกรุงเทพมหานคร

หนึ่งในไฮไลต์ของงานวันที่ 2 กรกฎาคม 2568 คือ การพบกับ "โทมัส ทอม" Mr. Supranational Thailand 2024 ที่มาร่วมกิจกรรมโปรโมทสินค้าด้วยการสื่อสารภาษาอังกฤษระดับนานาชาติ ซึ่งนับเป็นก้าวใหม่ของการผลักดัน Soft Power สู่ตลาดต่างประเทศ และสร้างแรงบันดาลใจแก่ผู้ประกอบการในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคทั่วโลก

งานนี้ยังเปิดโอกาสให้หน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องได้พบปะเจรจาการค้ากับผู้ประกอบการโดยตรง และร่วมแลกเปลี่ยนแนวทางในการต่อยอดผลิตภัณฑ์สู่ตลาดในประเทศและต่างประเทศผ่านระบบ Matching ทางธุรกิจ นอกจากนี้ ยังมีการถ่ายทอดสดกิจกรรมผ่านทาง Facebook Live ของเพจ Osmep สสว เพจ Prince of Songkla University (PSUconnext) และเพจ PSU SME Soft Power เพื่อให้ประชาชนและผู้ที่สนใจจากทั่วประเทศสามารถเข้าร่วมกิจกรรมและจับจ่ายสินค้าได้แม้อยู่ห่างไกล

สสว. จับมือ ม.อ. จัดงานแสดงสินค้าและเชื่อมโยงธุรกิจ ภายใต้โครงการส่งเสริมและพัฒนาการเริ่มต้นเป็น ผู้ประกอบการ SME ด้วย Soft Power ปีงบประมาณ 2568 ระหว่างวันที่ 2-3 ก.ค. 2568 ณ ลาน Beacon 2 ชั้น 1 เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ ยกขบวนผู้ประกอบการที่ผ่านการพัฒนาและคัดเลือกจากโครงการ 30 ราย ร่วมจัดแสดงผลิตภัณฑ์และเชื่อมโยงตลาดกับ ภาครัฐ-ภาคธุรกิจ พร้อมเปิดเวทีสู่การค้าในระดับสากล

นางสาวปณิตา ชินวัตร รองผู้อำนวยการสำนักงาน รักษาการแทนผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวถึงบทบาทของ สสว. ว่า สสว. มีภารกิจหลักในการส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาผู้ประกอบการราย ย่อยให้สามารถเริ่มต้นธุรกิจได้อย่างมั่นคง เรามุ่งหวังที่จะให้หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมกันสนับสนุนผู้ประกอบการรายใหม่เหล่านี้ ให้สามารถใช้ศักยภาพในท้องถิ่นสร้างโอกาสเชิงธุรกิจที่มั่นคงและยั่งยืนได้

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.จุมพล ชื่นจิตต์ศิริ รองอธิการบดีฝ่ายกฎหมายและบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) กล่าวเสริมว่า มหาวิทยาลัยมีภารกิจในการถ่ายทอดองค์ความรู้จากงานวิจัยและการเรียนการสอน มาสู่การสนับสนุนผู้ประกอบการ เราเชื่อว่าองค์ความรู้เชิงลึกผสานกับการพัฒนา Soft Power คือกุญแจสำคัญในการยกระดับธุรกิจไทยสู่ความเป็นนานาชาติ

หนึ่งในไฮไลต์ของงานวันที่ 2 กรกฎาคม 2568 คือ การพบกับ "โทมัส ทอม" Mr. Supranational Thailand 2024 ที่มาร่วมกิจกรรมโปรโมทสินค้าด้วยการสื่อสารภาษาอังกฤษระดับนานาชาติ ซึ่งนับเป็นก้าวใหม่ของการผลักดัน Soft Power สู่ตลาดต่างประเทศ และสร้างแรงบันดาลใจแก่ผู้ประกอบการในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคทั่วโลก

งานนี้ยังเปิดโอกาสให้หน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง ได้พบปะเจรจาการค้ากับผู้ประกอบการโดยตรง และร่วมแลกเปลี่ยนแนวทางในการต่อยอดผลิตภัณฑ์สู่ตลาดในประเทศและต่างประเทศผ่านระบบ Matching ทางธุรกิจ นอกจากนี้ ยังมีการถ่ายทอดสดกิจกรรมผ่านทาง Facebook Live ของเพจ Osmepสสว เพจ Prince of Songkla University (psuconnext) และเพจ PSU SME Soft Power เพื่อให้ประชาชนและผู้ที่สนใจจากทั่วประเทศสามารถเข้าร่วมกิจกรรมและจับจ่ายสินค้าได้แม้อยู่ห่างไกล

นางสาวปณิตา กล่าวว่า ด้วยเจตนารมณ์ของโครงการฯ ที่ต้องการสร้าง “ผู้ประกอบการไทยรุ่นใหม่” ให้สามารถใช้พลังของ Soft Power ไทยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก เชื่อมโยงทุนวัฒนธรรมกับตลาดโลก และสร้างธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน งานแสดงสินค้าและเชื่อมโยงธุรกิจครั้งนี้ จึงมิใช่แค่เวทีจัดจำหน่าย แต่คือเวทีสร้างโอกาส สร้างแรงบันดาลใจ และสร้างอนาคตให้ผู้ประกอบการไทยก้าวไกลสู่เวทีโลกอย่างมั่นคง

กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข จับมือ บริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญ ลงนามในบันทึกข้อตกลง พิธีลงนามความร่วมมือ โครงการไลอ้อน-กรมอนามัย เด็กไทยฟันดี ภายใต้โครงการพัฒนาวิชาการและโมเดลส่งเสริมสุขภาพช่องปาก : Sandbox จังหวัดเด็กฟันดี ณ อาคารคิงบริดจ์ เขตยานนาวา กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นบันทึกข้อตกลงความร่วมมือที่สะท้อนถึงเป้าหมายเดียวกัน ในการยกระดับสุขภาพช่องปากของเด็กไทย เริ่มต้นใน 13 จังหวัดนำร่อง ตอกย้ำเจตนารมณ์ร่วมกันในการยกระดับสุขภาพช่องปากของเด็กและประชาชนไทย สู่เป้าหมาย “เด็กไทยฟันดี ไม่มีฟันผุ”

แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กรมอนามัยในฐานะหน่วยงานวิชาการหลักของกระทรวงสาธารณสุข มีบทบาทสำคัญในการอภิบาลระบบส่งเสริมสุขภาพและสุขภาพช่องปากของประเทศ โดยการผนึกกำลังกับภาคเอกชนอย่างบริษัท ไลอ้อนฯ ในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาวิชาการด้านสุขภาพช่องปากอย่างเป็นระบบ ซึ่งเป็นการดำเนินการที่สอดคล้องกับภารกิจของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ในการส่งเสริมสุขภาพของเด็กและคนไทย

ทั้งนี้ โครงการไลอ้อน-กรมอนามัย เด็กไทยฟันดี ภายใต้โครงการพัฒนาวิชาการและโมเดลส่งเสริมสุขภาพช่องปาก : Sandbox จังหวัดเด็กฟันดี เป็นบันทึกข้อตกลงที่สะท้อนถึงเจตนารมณ์ร่วมกัน ในการยกระดับสุขภาพช่องปากของเด็กและประชาชนไทย  มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อ ส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาวิชาการ ผ่านความร่วมมือแบบบูรณาการระหว่างภาครัฐและเอกชน โดยมุ่งเน้นการสนับสนุนด้านวิชาการ การประชาสัมพันธ์สร้างกระแสสังคม และการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เพื่อเสริมสร้างเครือข่ายและกลไกการส่งเสริมสุขภาพช่องปากในกลุ่มเด็กอย่างเป็นระบบ ได้แก่ ส่งเสริมกิจกรรม ฝึกทักษะผู้ปกครองแปรงฟัน ส่งเสริมกิจกรรมแปรงฟันในโรงเรียน โครงการ Sandbox จังหวัดเด็กฟันดี จะเริ่มต้นใน 13 จังหวัดนำร่อง ได้แก่ เชียงใหม่, ตาก, นครสวรรค์, นครนายก, เพชรบุรี, ฉะเชิงเทรา, กาฬสินธุ์, นครพนม, นครราชสีมา, ยโสธร, พังงา, นราธิวาส และกรุงเทพมหานคร โดยมีระยะเวลาดำเนินการ 13 เดือน จะเสร็จสิ้นในเดือนมิถุนายน 2569 นอกจากนี้ ยังจะขยายผลโมเดลสุขภาพช่องปากไปยังทุกกลุ่มวัยในพื้นที่จัดบริการทันตกรรมโดยรถทันตกรรมเคลื่อนที่อีกด้วย

ด้านนายชาติ จันทร์วิจิตร ประธาน บริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคเพื่อคนไทย มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจคู่คุณธรรม พัฒนาสินค้านวัตกรรมเพื่อสุขภาวะที่ดีของผู้บริโภค สังคม และสิ่งแวดล้อม ตลอดระยะเวลากว่า 56 ปี เปิดเผยว่า ไลอ้อน ประเทศไทย มีความยินดีที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือครั้งประวัติศาสตร์นี้ โดยร่วมมือกับกรมอนามัย ซึ่งเป็นองค์กรหลักในการส่งเสริมด้านสุขภาพของประชาชนไทย นับเป็นก้าวสำคัญในการรวมพลังระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรม สู่เป้าหมาย ‘เด็กไทยฟันดี ไม่มีฟันผุ’ ตามเจตนารมณ์ร่วมกัน ซึ่งบริษัท ไลอ้อนฯ ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมทันตกรรมป้องกัน สำหรับเด็ก ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ และดำเนินการอย่างต่อเนื่องทั่วประเทศไทย โดยมีโครงการต่าง ๆ อาทิ Lion Kodomo School Roadshow ที่ดำเนินการต่อเนื่องมากว่า 30 ปี เพื่อให้ความรู้ในการแปรงฟันและสร้างเสริมพฤติกรรมดูแลสุขภาพช่องปากให้กับเด็ก ๆ ในโรงเรียนประถมทั่วประเทศ ปีละกว่าหนึ่งแสนคน โครงการไลอ้อนส่งเสริมการป้องกันและดูแลสุขภาพช่องปากให้กับประชาชนทั่วไป โครงการบริหารช่องปากสำหรับผู้สูงวัยด้วยเทคนิค Kenkobi เป็นต้น โครงการดังกล่าวสอดคล้องกับทิศทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ เป็นองค์กรธุรกิจคู่คุณธรรม ด้วยพันธสัญญาที่จะนำความดีสู่สังคม และพัฒนาสินค้าเพื่อสุขภาวะที่ดีของผู้บริโภคทุกช่วงวัย

บริษัท ไลอ้อน มีเป้าประสงค์ ที่จะส่งเสริมความรู้ ความเข้าใจ และสร้างความตระหนักในพฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่องปากที่ถูกต้องให้กับประชาชนทุกช่วงวัย ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ ตลอดจนผู้สูงอายุ ซึ่งนอกจากการร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการ “ไลอ้อน - กรมอนามัย เด็กไทยฟันดี” แล้ว ยังเปิดตัว โครงการ LION Smile Express ซึ่งปีนี้ได้ดำเนินการต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 2 เป็นโครงการที่ทางไลอ้อนจัดรถทันตกรรมเคลื่อนที่มาตรฐานความสะอาด ความปลอดภัย ความทันสมัย เสมือนยกคลินิกทำฟันระดับพรีเมียมมาไว้บนรถ บริการตรวจฟัน เคลือบฟลูออไรด์ อุดฟัน ขูดหินปูน ออกให้บริการตามแหล่งชุมชน โรงเรียน ทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัดโดยเน้นไปที่กลุ่มเสี่ยงหรือผู้ด้อยโอกาสที่ไม่สามารถเข้าถึงการตรวจ การดูแล และรักษาปัญหาในช่องปากได้ อาทิ กลุ่มเด็กเล็กในโรงเรียน กลุ่มเด็กด้อยโอกาส ผู้บกพร่องทางร่างกาย ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยในภาวะพึ่งพิง ชาวบ้านในชุมชนแออัด เป็นต้น

โดยในปี 2567 ที่ผ่านมา โครงการ LION Smile Express ได้ออกให้บริการใน 31 สถานที่ 9 จังหวัด และให้บริการกลุ่มเป้าหมายถึง 2,687 คน โดยในปีนี้มีแผนจะออกให้บริการควบคู่กับการขยายผลโมเดลการสร้างเสริมสุขภาพช่องปากไปยังทุกกลุ่มวัยในพื้นที่จัดบริการรถทันตกรรมเคลื่อนที่ เพื่อเพิ่มความรอ และสร้างสังคมแห่งสุขภาพช่องปากที่ดีให้กับคนทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียม

เครือสหพัฒน์ โดยชมรมบริหารทรัพยากรบุคคล (ชบค.) ผสานความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เดินหน้าส่งเสริมการเรียนรู้เชิงรุก แลกเปลี่ยนองค์ความรู้และเทคโนโลยี เสริมทักษะและประสบการณ์ให้นักศึกษา พร้อมขับเคลื่อนการบริการวิชาการเพื่อสังคม สู่การพัฒนาคนรุ่นใหม่อย่างยั่งยืน

นายบุญชัย โชควัฒนา ประธานกรรมการบริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เครือสหพัฒน์ โดยชมรมบริหารทรัพยากรบุคคลเครือสหพัฒน์ (ชบค.) ผนึกกำลังกับ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยศาสตราจารย์ ดร.ศุภสวัสดิ์ ชัชวาลย์ อธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) เพื่อส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของบุคลากร นักศึกษา และองค์กร โดยมีเป้าหมายร่วมกันในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ เทคโนโลยี และประสบการณ์การทำงานจริงระหว่างภาคการศึกษาและภาคธุรกิจ มุ่งพัฒนาองค์ความรู้ ทักษะ และประสบการณ์ให้นักศึกษา ผ่านกิจกรรมฝึกงานและสหกิจศึกษา ควบคู่ไปกับการต่อยอดความร่วมมือด้านเทคโนโลยี และเสริมบทบาทการบริการวิชาการเพื่อสังคม อันเป็นการขับเคลื่อนการเรียนรู้และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน.

สาระสำคัญของความร่วมมือในครั้งนี้มุ่งเน้น 2 ด้านหลัก ได้แก่ 1.การพัฒนาบุคลากรและนักศึกษา ผ่านกิจกรรมสหกิจศึกษา การฝึกงาน และกิจกรรมนักศึกษาร่วมกัน โดยทั้งสองฝ่ายจะใช้ทรัพยากรร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเสริมสร้างทักษะที่จำเป็นในโลกการทำงาน 2.การบริการวิชาการเพื่อสังคม ทั้งในระดับชุมชน ภาครัฐ และภาคเอกชน โดยใช้ความรู้และเทคโนโลยีร่วมกันเป็นเครื่องมือสำคัญ

ความร่วมมือนี้ เครือสหพัฒน์จะมีบทบาทในการสนับสนุนการฝึกประสบการณ์วิชาชีพแก่นักศึกษา ด้วยการเปิดโอกาสในการฝึกงาน สหกิจศึกษา และการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ในการทำงานจริง ร่วมกับทีมงานจากภาคธุรกิจอย่างใกล้ชิด

ขณะที่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จะมุ่งผลิตบัณฑิตที่มีคุณภาพ ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ประกอบการ พร้อมทั้งเปิดกว้างให้คณาจารย์และนักวิชาการได้มีส่วนร่วมในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และพัฒนาเทคโนโลยีร่วมกับเครือสหพัฒน์

นับเป็นอีกก้าวสำคัญของการเชื่อมโยงระหว่างภาคการศึกษาและภาคธุรกิจ เพื่อสร้าง "คน" ที่มีความสามารถรอบด้าน และพร้อมขับเคลื่อนสังคมไทยอย่างยั่งยืน

SPI จับมือพันธมิตรใหม่ โฟกัส มีเดีย ประเทศไทย ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ส่งเสริมการเติบโตทั้งสององค์กร พร้อมผลักดันโอกาสทางการตลาดข้ามพรมแดน และต่อยอดศักยภาพด้านการสื่อสารแบรนด์ในเมืองไทยและภูมิภาคเอเชีย

บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) ประกาศแต่งตั้งพันธมิตรชั้นนำ ไทยเวย์ พร็อพเพอร์ตี้ ในฐานะ International Master Agent เพื่อเป็นตัวแทนขายอย่างเป็นทางการสำหรับโครงการ Chapter Charoenkrung-Riverside (แชปเตอร์ เจริญกรุง-ริเวอร์ไซด์) คอนโด Low-Rise บนที่ดิน Freehold ติดแม่น้ำเจ้าพระยา หนึ่งเดียวบนถนนเจริญกรุง ในรอบกว่า 10 ปี พร้อมความเป็นส่วนตัว ด้วยเอกสิทธิ์ครอบครองเพียง 123 ยูนิต 1 - 4 ห้องนอน ราคาเริ่มต้น 5.5 - 50 ล้านบาท*

นายภัคริน ทัตติพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มธุรกิจคอนโดมิเนียม บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “พฤกษาฯ พร้อมเดินหน้าในตลาดต่างประเทศ พร้อมประกาศความร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจชั้นนำ ‘ไทยเวย์ พร็อพเพอร์ตี้’ (Thaiway Property) ในฐานะ Master Agent ตัวแทนขายหลักของโครงการ Chapter Charoenkrung-Riverside โดย ไทยเวย์ พร็อพเพอร์ตี้ เป็นบริษัทเอเจนท์ที่ปรึกษาชั้นนำด้านการขายอสังหาริมทรัพย์แก่ชาวต่างชาติ และนักลงทุน ทั้งในระดับนานาชาติ และ ในประเทศไทยมากว่า 10 ปี โดยเฉพาะประสบการณ์เชี่ยวชาญในการขายโครงการระดับลักซ์ชัวรี่ บนทำเลศักยภาพริมแม่น้ำเจ้าพระยา นับเป็นการเปิดตลาดที่มีกลุ่มลูกค้าใหญ่สำหรับตลาดต่างชาติ โดยเรามั่นใจว่าการจับมือพันธมิตรในครั้งนี้ จะได้รับ การตอบรับที่ดีจากลูกค้า และ สร้างยอดขายในตลาดต่างชาติได้ตามเป้าที่วางไว้

 

เตรียมสัมผัสชีวิตติดแม่น้ำ บนทำเลใจกลางเมือง เร็วๆ นี้ ผู้สนใจสนใจสามารถลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษก่อนใคร ได้ที่ https://www.pruksa.com/chapter/charoenkrung-riverside

X

Right Click

No right click