บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต และคุณเต๋า เศรษฐพงศ์ เพียงพอ CR Influencer ขอเชิญชวนทุกท่านร่วม กิจกรรม Wild Life ป่าไม้ บ้านของสัตว์ป่าต้องไม่ถูกทำลาย เพียงเล่นเกมสร้างแนวร่องกันไฟ เพื่อช่วยยับยั้งไฟป่า ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมภายใต้แคมเปญ จากแคมเปญ Commit To Climate ปีที่ 3 โดยท่านสามารถเข้าร่วมกิจกรรมง่ายๆ ได้ที่ https://www.facebook.com/Hearts.in.action.volunteers หรือ https://www.wecommittoclimatess3.com/wildlife ซึ่งทุกๆ การเข้าร่วมกิจกรรมจะถูกแปลงเป็นเงิน 5 บาท เพื่อซื้ออุปกรณ์ทำแนวกั้นไฟ ให้กับหน่วยงานในจังหวัดเชียงราย นอกจากนี้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมยังมีสิทธิ์ลุ้นรับ เซตปลูกดอกไม้ จำนวน 50 รางวัล รางวัลละ 1 เซต โดยท่านสามารถเข้าร่วมกิจกรรม ตั้งแต่ 1-31 ตุลาคม 2567 และบริษัทฯ จะทำการประกาศผลในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2567 ผ่านทางเพจ FB: Hearts in Action Volunteers
*ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไข โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า และการตัดสินของทีมงานถือเป็นที่สิ้นสุด
นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศนโยบายแก้ไขหนี้ทั้งระบบ และได้มอบหมายธนาคารออมสินจัดตั้งบริษัท บริหารสินทรัพย์อารีย์ จำกัด หรือ ARI-AMC โดยการร่วมทุนกับ บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM ซึ่งล่าสุดเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเพื่อประกอบธุรกิจเป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์จากธนาคารแห่งประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว ธนาคารจึงเดินหน้าตามแผนการโอนหนี้สินเชื่อที่เป็น NPLs ให้ ARI-AMC นำไปเข้ากระบวนการปรับโครงสร้างหนี้หรือไกล่เกลี่ยหนี้ด้วยเงื่อนไขที่ผ่อนปรนมากขึ้น โดยทำการโอนหนี้ ครั้งที่ 1 จำนวนกว่า 130,000 บัญชี วงเงิน 11,000 ล้านบาท ประเภทสินเชื่อทั้งที่มีและไม่มีหลักประกัน และลูกหนี้มีบัญชีต่อราย จำนวน 1 บัญชี ซึ่งจะช่วยให้ลูกหนี้หลุดพ้นจากการเป็นผู้เสียประวัติทางเครดิตได้ง่ายขึ้น กลับมามีสถานะหนี้ผ่อนปกติหรือหนี้ปิดบัญชีจะทำให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบในอนาคต และลดการพึ่งพาหนี้นอกระบบได้ ที่สำคัญยังเป็นการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนตามนโยบายรัฐบาล และส่งผลดีต่อสภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ทั้งนี้ ธนาคารจะทำการโอนหนี้อีก 2 ครั้ง ภายในต้นปี 2568 ซึ่งคาดว่าจะช่วยลูกหนี้ได้ทั้งหมดกว่า 400,000 บัญชี คิดเป็นมูลค่าเงินต้นกว่า 30,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ARI-AMC จัดตั้งขึ้นโดยการร่วมทุนระหว่างธนาคารออมสิน กับ บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM มีวัตถุประสงค์เป็นธุรกิจเพื่อสังคม เพื่อรับซื้อหนี้เสียจากสถาบันการเงินของรัฐ โดยมีทุนจดทะเบียนที่ 1,000 ล้านบาท ในสัดส่วนการร่วมทุนเท่ากันที่ 50:50 และมีระยะเวลาในการดำเนินการไม่เกิน 15 ปี ตามข้อกำหนดของธนาคารแห่งประเทศไทย โดยระยะแรก ARI-AMC จะรับซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพจากธนาคารออมสิน ซึ่งเป็นการรับซื้อหนี้สินเชื่อทั่วไปทั้งที่มีหลักประกันและไม่มีหลักประกัน โดยเป็นกลุ่มลูกหนี้รายย่อย SMEs รวมถึง หนี้บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด ที่มีสถานะเป็นหนี้เสีย หนี้สูญ และ NPA ที่มีอายุตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป ยอดหนี้ไม่เกิน 20 ล้านบาท ครอบคลุมหนี้ที่ยังไม่ดำเนินคดี และ ดำเนินคดีแล้วที่ยังมีสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย ได้เปิดตัวฟีเจอร์รักษาความปลอดภัยใหม่ UOB Money Lock ซึ่งเป็นบริการเพื่อความปลอดภัยใหม่ล่าสุดสำหรับลูกค้ายูโอบีที่มีบัญชีเงินฝากเพื่อป้องกันการโอนเงินออกผ่านออนไลน์ ลดความเสี่ยงจากมิจฉาชีพ
จากข้อมูลจากรายงานการหลอกลวงในเอเชียประจำปี 2023[1] เผยว่าเอเชียกำลังเป็นเป้าหมายสำคัญของเหล่าอาชญากร ที่มีแนวโน้มใช้เทคโนโลยี AI สร้างเครือข่ายหลอกลวงได้ง่าย รวดเร็ว และดำเนินการในต่างประเทศเพื่อให้ยากต่อการตรวจสอบและจับกุม ในบรรดาประชากรเอเชียทั้งหมด ประชากรไทยมีแนวโน้มตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวงทางโทรศัพท์มากที่สุด (ร้อยละ 88) โดยเป็นการหลอกลวงออนไลน์ผ่าน Facebook, LINE และอีเมล ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ถูกใช้บ่อยที่สุดในการฉ้อโกง รวมถึงการขโมยข้อมูลส่วนตัวและหลอกให้ลงทุน
ฟีเจอร์ UOB Money Lock จะช่วย "ล็อค" บัญชีเงินฝากที่กำหนดไม่ให้สามารถเกิดการโอนเงินออกจากบัญชีผ่านช่องทางแอปพลิเคชันหรืออินเทอร์เน็ตแบงกิ้งของธนาคาร เพื่อลดความเสี่ยงการถูกหลอกลวงให้ทำรายการโดยมิจฉาชีพ สำหรับการถอนเงิน ลูกค้าจะต้องไปที่สาขาของธนาคารยูโอบี เพื่อยืนยันตัวตน หรือถอนเงินจากตู้ ATM โดยใช้บัตรเดบิต โดยบัญชีที่ถูกล็อกจะยังสามารถรับเงินโอนเข้าได้ทุกช่องทาง และลูกค้ายังสามารถดูธุรกรรมของบัญชีผ่านช่องทางออนไลน์ได้อย่างสะดวก ทั้งนี้ ในการขอปลดล็อกบัญชีนั้นลูกค้าจะต้องไปที่สาขาของธนาคารเพื่อทำการยืนยันตัวตน เพื่อความปลอดภัยของบัญชีของท่าน
นายยุทธชัย เตยะราชกุล กรรมการผู้จัดการ Head of Personal Financial Services ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย กล่าวว่า "ฟีเจอร์ UOB Money Lock นี้ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของธนาคารในการยกระดับการคุ้มครองทรัพย์สินของลูกค้า ให้สอดคล้องกับนโยบายการกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทยในปัจจุบัน เพื่อลดความเสี่ยงจากการหลอกลวงทางออนไลน์ โดยยกระดับความปลอดภัยขึ้นไปอีกขั้น และแม้ว่า UOB Money Lock จะสามารถช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกหลอกลวง แต่ลูกค้ายังคงต้องระมัดระวังในการใช้งานบัญชี และพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนทำธุรกรรมอยู่เสมอ"
ลูกค้าสามารถสมัครใช้งานฟีเจอร์ UOB Money Lock ผ่านธนาคารยูโอบีทุกสาขา บริการ Live Chat บนแอป UOB TMRW หรือ UOB Contact Center ได้ที่หมายเลข 02-285-1555 ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติม และเงื่อนไขและข้อกำหนดของบริการ UOB Money Lock ได้ที่เว็บไซต์ของ UOB
สำนักงานสถิติแห่งชาติ (สสช.) เตรียมความพร้อมให้ประชาชนก้าวสู่การเป็นพลเมืองดิจิทัลที่มีคุณภาพ หวังประชาชนทุกคนมีทักษะดิจิทัล และเป็นพลเมืองดิจิทัลที่ดีร่วมกัน จับมือเครือข่ายหน่วยงานภาคี จัดกิจกรรมส่งเสริมและสนับสนุน A Good Digital Citizen“ก้าวไปสู่ความเป็นพลเมืองดิจิทัลที่มีคุณภาพไปด้วยกัน” โดย ดร.ปิยนุช วุฒิสอน ผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติ เป็นประธานเปิดกิจกรรมสนับสนุน A Good Digital Citizen “ก้าวไปสู่ความเป็นพลเมืองดิจิทัลที่มีคุณภาพไปด้วยกัน” โดยมี นายประสาทสุข อุปัชฌาย์ ผู้ตรวจราชการกรม กล่าวรายงานวัตถุประสงค์การจัดกิจกรรมฯ พร้อมกันนี้ยังมี หัวหน้าส่วนราชการ เครือข่ายหน่วยงานภาคี ประชาชนทั่วไป สื่อมวลชน เข้าร่วมกิจกรรมฯ ในครั้งนี้ ณ ลาน Semi Outdoor ชั้น G ศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์
โดย นายประสาทสุข อุปัชฌาย์ ผู้ตรวจราชการ สำนักงานสถิติแห่งชาติ ได้กล่าวถึงวัตถุประสงค์ในการจัดกิจกรรมฯ ในครั้งนี้ว่า เพื่อให้ประชาชนได้เรียนรู้และมีความสามารถในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลเชิงสร้างสรรค์อย่างชาญฉลาด เป็นพลเมืองดิจิทัลที่มีคุณภาพ รู้เท่าทันและสามารถปกป้องตนเองจากความเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เป็นเครือข่ายเฝ้าระวังและเตือนภัยออนไลน์ รวมทั้ง สามารถยกระดับคุณภาพชีวิตให้เกิดมูลค่าเพิ่มทางด้านเศรษฐกิจและสังคมในระดับพื้นที่ได้ ในช่วงระหว่างเดือนพฤษภาคม – สิงหาคม 2567 สำนักงานสถิติจังหวัดทุกจังหวัดซึ่งเป็นตัวแทนของกระดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมในภูมิภาค ได้ดำเนินการฝึกอบรมให้ความรู้กับประชาชนเกี่ยวกับกรอบความฉลาดทางดิจิทัลในระดับพื้นที่ จำนวนทั้งสิ้น 529 อำเภอทั่วประเทศ โดยมีประชาชนเข้าร่วมอบรม 35,219 คน ซึ่งเป็นอาสาสมัครดิจิทัล 29,350 คน ในช่วงเดือนสิงหาคม - กันยายน 2567 ที่ผ่านมาทางสำนักงานสถิติแห่งชาติ จัดกิจกรรม Roadshow ในพื้นที่ภูมิภาค 4 จังหวัด ได้แก่ ภาคกลาง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ภาคใต้ จังหวัดสงขลา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดนครราชสีมา และภาคเหนือ จังหวัดลำปาง ซึ่งได้การตอบรับจากทุกภาคส่วนเป็นอย่างมาก และกิจกรรมในวันนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติได้รับการร่วมมือจากหน่วยงานในสังกัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ, กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ๑ จัดนิทรรศการส่งเสริมความรู้ทางด้านดิจิทัล และร่วมการเสวนาหัวข้อ “Digital-Driven Communities: ปลอดภัย มั่นใจ ยั่งยืน” อีกด้วย
ด้าน ดร.ปิยนุช วุฒิสอน ผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติ ประธานเปิดกิจกรรมฯ กล่าวว่า รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ทุกท่านได้มาพร้อมกันและเข้าร่วมกิจกรรมสร้างความตระหนักรู้ A Good Digital Citizen “ก้าวไปสู่ความเป็นพลเมืองดิจิทัลที่มีคุณภาพไปด้วยกัน” ในวันนี้ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ถือเป็นผู้มีบทบาทในการเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัลในระดับประเทศ ขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลให้ขยายผลไปสู่ภาคประชาชน ภายใต้นโยบาย “The Growth Engine of Thailand” 3 ด้านสำคัญ คือ การเพิ่มขีดความสามารถด้านดิจิทัลในการสร้างข้อได้เปรียบทางการแข่งขันของประเทศ (Competitiveness) การสร้างความมั่นคงและปลอดภัยของเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล (Safety & Security) และการเพิ่มศักยภาพทุนมนุษย์ด้านดิจิทัลของประเทศ (Human Capital)
กิจกรรมในวันนี้เป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมความพร้อมการเป็น A Good Digital Citizen หรือการเป็นพลเมืองดิจิทัลที่มีคุณภาพ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบของเครื่องยนต์ใหม่ที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจสังคมดิจิทัลของประเทศที่สมบูรณ์ หากประชาชนทุกคนเป็นพลเมืองดิจิทัลที่มีคุณภาพจะสามารถส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันในด้านดิจิทัลมากยิ่งขึ้น รวมถึงการสร้างนวัตกรรมและพัฒนาการทางดิจิทัลที่มีส่วนสำคัญในการพัฒนาประเทศ ทั้งยังช่วยเพิ่มความตระหนักรู้ในเรื่องความปลอดภัยทางดิจิทัล การเป็น "พลเมืองดิจิทัลที่ดี" หมายถึงการที่เราทุกคนสามารถใช้เทคโนโลยีได้อย่างปลอดภัย ชาญฉลาด มีสติ และรับผิดชอบในโลกออนไลน์ โดยคุณสมบัติของการเป็นพลเมืองดิจิทัลที่มีคุณภาพ ได้แก่ การใช้เทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์ รับผิดชอบต่อการกระทำในโลกออนไลน์ ปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความเคารพ ปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล เคารพความเป็นส่วนตัวและลิขสิทธิ์ของผู้อื่น รวมถึงรู้เท่าทันสื่อดิจิทัลเพื่อความปลอดภัยและมีจริยธรรมในสังคมออนไลน์ เป็นต้น ผลของการเป็นพลเมืองดิจิทัลที่มีคุณภาพคือการเข้าถึงแหล่งเรียนรู้ขนาดใหญ่ที่ช่วยให้พัฒนาตนเองและสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อเสริมสร้างเศรษฐกิจชุมชนและยกระดับคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน ในทางกลับกันหากเป็นพลเมืองดิจิทัลที่ไม่มีคุณภาพ จะเสี่ยงต่อภัยคุกคามทางไซเบอร์และเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม และทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงเทคโนโลยี ดิฉันขอเชิญชวนทุกท่านมาร่วมก้าวไปสู่ความเป็น "พลเมืองดิจิทัลที่ดี" ไปด้วยกัน เชื่อว่ากิจกรรมในวันนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ของประเทศไทย และขอขอบคุณทุกท่านที่ให้ความร่วมมือและสนับสนุนการพัฒนาดิจิทัลในประเทศไทย ด้วยความร่วมมือจากทุกฝ่าย เราจะสามารถสร้างสังคมดิจิทัลที่มีคุณภาพ มีความเท่าเทียม และปลอดภัยสำหรับทุกคน ไม่เพียงคนในรุ่นของเรา แต่ยังรวมไปถึงคนรุ่นหลังที่จะเติบโตมาในอนาคต
สุดท้ายนี้ ดิฉันขอฝากถึงประชาชนทุกคนว่าในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันเราทุกคนควรให้ความสำคัญกับการป้องกันตัวเองจากภัยทางเทคโนโลยีโดยเริ่มต้นจากการตระหนักรู้และระมัดระวัง ในการใช้อินเทอร์เน็ตและแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ อย่าเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล เช่น รหัสผ่าน หรือเลขบัตรประจำตัวประชาชนผ่านช่องทางที่ไม่น่าเชื่อถือควรตรวจสอบแหล่งที่มาของข้อมูลหรือการติดต่อที่ได้รับ หากไม่แน่ใจให้หลีกเลี่ยงการตอบสนองทันที นอกจากนี้ ดิฉันขอแนะนำให้ ใช้ซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชันที่มีความปลอดภัย และหมั่นอัพเดตระบบอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งสร้างรหัสผ่านที่ปลอดภัย อย่าใช้รหัสผ่านที่ง่ายต่อการคาดเดาและอย่าคลิกหรือดาวน์โหลดไฟล์จากอีเมลหรือเว็บไซต์ที่ไม่น่าเชื่อถือ การป้องกันตัวจากภัยทางเทคโนโลยีเริ่มจากการใส่ใจและเรียนรู้เกี่ยวกับความเสี่ยงต่าง ๆ เพื่อปกป้องตัวเองและครอบครัวอย่าให้ตกเป็นเหยื่อของการล่อลวง ขอให้ทุกคนมีความรู้เท่าทันเทคโนโลยีและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีอย่างปลอดภัย
เอไอเอ ประเทศไทย ผู้นำในตลาดประกันชีวิต สุขภาพ และโรคร้ายแรง ส่งแคมเปญ “เจอโรคร้าย ตกใจแค่แป๊บเดียว” โดยมาจากความเข้าใจในความต้องการและความรู้สึกของลูกค้าในเวลาที่ตรวจพบว่าเป็นโรคร้ายแบบไม่คาดคิด ซึ่งมาพร้อมกับความ “ตกใจ” และ “กังวลใจ” ถึงค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล และภาระต่าง ๆ ที่ตามมา รวมถึงอนาคตของคนในครอบครัว เพราะปัจจุบันการรักษาพยาบาลโรคร้ายแรงมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก เนื่องมาจากเทคโนโลยีทางการแพทย์ และความซับซ้อนของโรค เอไอเอ จึงมุ่งสนับสนุนให้ทุกคนตระหนักถึงความจำเป็นของการมีความคุ้มครองโรคร้ายแรงที่เพียงพอและเหมาะสม เพื่อให้ชีวิตของทุกคนยังคงดำเนินต่อไปได้แบบไม่สะดุด พร้อมส่งเสริมให้คนไทยมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน ตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives’
นอกจากนี้ เอไอเอ ยังได้เปิดตัวหนังโฆษณา “เจอโรคร้าย ตกใจแค่แป๊บเดียว” ผ่านสตอรี่สุดฉีก จับโมเมนต์ร้อง ห๊ะ!!! ในวินาทีแรกเมื่อเจอโรคร้าย เผยความกังวลสุดฮิตให้พรั่งพรู ก่อนรีบคัทฟีลให้คุณสบายใจ…เพื่อบอกคนไทยว่า ความ “ตกใจ” เหล่านั้นจะอยู่กับคุณแค่ “แป๊บเดียว” หากมีประกันโรคร้ายแรงเอไอเอไว้ก่อน โดยสามารถรับชมหนังโฆษณาได้แล้ววันนี้ผ่านสื่อต่างๆ ทั้งทีวี โรงภาพยนต์ และออนไลน์ของเอไอเอ ประเทศไทย ทั้ง AIA Official Facebook Page, AIA Thailand YouTube Channel และ Line Official Account
พิเศษยิ่งกว่าสำหรับแคมเปญ “เจอโรคร้าย ตกใจแค่แป๊บเดียว” ยังมีโปรโมชันและสิทธิพิเศษให้กับลูกค้าที่สนใจซื้อประกันโรคร้ายแรงตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 ธันวาคม 2567 โดยเอไอเอ ได้รวมแพ็กประกันโรคร้ายแรงตัวท็อป ถึง 10 แผนมาให้ลูกค้าได้เลือกให้ตรงกับความต้องการและเหมาะสมกับค่าใช้จ่ายที่จำเป็น อาทิ ‘AIA CI Plus ประกันโรคร้ายแรง เจอ-จ่าย-จบ’ ที่ให้เงินก้อนไว้ใช้รักษา ‘AIA Multi-Pay CI Plus ประกันโรคร้ายแรง เจอ-จาย-หลายจบ’ ที่ให้เคลมได้รวมสูงสุดถึง 11 ครั้ง และ ‘AIA Care For Cancer ประกันชดเชยรายได้’ สำหรับการรักษาตัวในโรงพยาบาล เนื่องจากป่วยเป็นโรคมะเร็ง ทั้งนี้ ลูกค้ายังมีสิทธิพิเศษมากมาย เมื่อเข้าร่วมแคมเปญ ต่อที่หนึ่ง รับฟรีกระเป๋า AIA X ARTSTORY By Autistic Thai มูลค่า 250 บาท เมื่อมีเบี้ยประกันภัยรวมต่อปีขั้นต่ำ 25,000 บาท* และต่อที่สอง รับเพิ่มบัตรของขวัญ Lotus’s มูลค่า 1,000 บาท เมื่อมีเบี้ยประกันภัยรวมต่อปีขั้นต่ำ 55,000 บาท* และพิเศษถ้าซื้อประกันสุขภาพที่ร่วมโครงการฯ รับเพิ่มบัตรของขวัญ Lotus’s มูลค่าสูงสุด 1,000 บาทอีกด้วย เมื่อมีเบี้ยประกันภัยรวมขั้นต่ำ 25,000 บาท* ซึ่งทุกคนสามารถเข้าร่วมแคมเปญได้ง่าย ๆ เพียงลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ และซื้อประกันโรคร้ายแรงที่เข้าร่วมแคมเปญ** ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 ธันวาคม 2567 โดยสามารถศึกษารายละเอียดแคมเปญได้ที่เว็บไซต์ https://www.aia.co.th/th/events-promotions/promotions-rewards/dmtquarterly สนใจสามารถติดต่อตัวแทนเอไอเอ หรือ AIA Call Center 1581
อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต ร่วมกับ อลิอันซ์ โกลบอล อินเวสเตอร์ส บริษัทจัดการสินทรัพย์และการลงทุนชั้นนำระดับโลก และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด ตอกย้ำความเชี่ยวชาญระดับโลก เปิดตัว 2 กองทุนรวมใหม่ Allianz Dynamic Multi Asset Strategy SRI (DMAS SRI) 75 และ (DMAS SRI) 50 กองทุนรวมเพื่อความยั่งยืน บริหารโดย อลิอันซ์ โกลบอล อินเวสเตอร์ส เพิ่มทางเลือกการลงทุนใหม่สำหรับลูกค้า 'ยูนิต ลิงค์’' ได้เข้าถึงการลงทุนในบริษัทระดับโลกด้วยหลากหลายสินทรัพย์ ภายใต้ธีมความยั่งยืน มุ่งสร้างโอกาสเพิ่มผลตอบแทนบนความเสี่ยงที่รับได้ ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่ต้องการความคุ้มครองชีวิตควบคู่ไปกับการลงทุน โดย อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต เชื่อมั่นว่าจะช่วยสร้างความโดดเด่นให้กับผลิตภัณฑ์ และสนับสนุนการเติบโตของเบี้ยประกันยูนิต ลิงค์ตามเป้าหมาย 40%
นายวิรงค์ พัฒนกำจร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารตัวแทน บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ยูนิต ลิงค์ได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มผู้ที่สนใจเกี่ยวกับการวางแผนการเงินส่วนบุคคลที่มีเพิ่มขึ้นในยุคนี้ ด้วยการตอบโจทย์ในเรื่องของความยืดหยุ่นในการให้ความคุ้มครอง การจ่ายเบี้ย และยังมีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนตามความเสี่ยงที่ผู้เอาประกันภัยยอมรับได้ เพื่อโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว อลิอันซ์ อยุธยา ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์และเลือกกองทุนรวมที่น่าสนใจ หลากหลายประเภท ตั้งแต่ กองทุนรวมตลาดเงิน กองทุนรวมตราสารหนี้ กองทุนรวมตราสารทุน และล่าสุด กองทุนรวมที่มีกลยุทธ์การลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ เพื่อเป็นทางเลือกในการกระจายความเสี่ยงให้กับลูกค้า โดยได้ผสานความเชี่ยวชาญระดับโลก จาก อลิอันซ์ โกลบอล อินเวสเตอร์ส บริษัทจัดการสินทรัพย์และการลงทุนชั้นนำภายใต้กลุ่มอลิอันซ์ นำเสนอกองทุนรวมใหม่ Allianz Dynamic Multi Asset Strategy SRI (DMAS SRI) กองทุนรวมเพื่อความยั่งยืน มีกลยุทธ์ที่สร้างผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีที่โดดเด่น เพื่อเป็นทางเลือกสุดเอกซคลูซีฟให้กับลูกค้ายูนิต ลิงค์ของเรา โดยลูกค้าสามารถลงทุนได้ผ่านกองทุนเปิดกรุงศรีโกลบอลไดนามิค บริหาร โดย บลจ. กรุงศรีฯ
กองทุนเปิดกรุงศรีโกลบอลไดนามิค แบ่งเป็น 2 กองทุนเพื่อเป็นทางเลือกให้ลูกค้าตามความเสี่ยงที่รับได้ คือ กองทุนเปิดกรุงศรีโกลบอลไดนามิคแอกเกรสซีฟอโลเคชั่นเอสอาร์ไอ-ผู้ลงทุนสถาบัน (KFGDA-I) ลงทุนในหุ้นตั้งแต่ 0%-125% โดยมีเป้าหมายระดับความผันผวนที่ 10%-16% ในขณะที่อีกกองทุน คือ กองทุนเปิดกรุงศรีโกลบอลไดนามิคบาลานซ์อโลเคชั่นเอสอาร์ไอ-ผู้ลงทุนสถาบัน (KFGDB-I) ลงทุนในหุ้นตั้งแต่ 0%-100% โดยมีเป้าหมายระดับความผันผวนที่ 6%-12% ทั้งนี้ ทั้ง 2 กองทุนเป็นพอร์ตการลงทุนภายใต้กลยุทธ์ Dynamic Multi Asset กระจายการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ทั่วโลก เพื่อสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงในระยะยาว และมีการปรับสัดส่วนที่เหมาะสมต่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจทั่วโลกอยู่ตลอดเวลา มีการจัดการผ่านกระบวนการวิเคราะห์ที่ซับซ้อน และการบริหารจัดการความเสี่ยงที่เคร่งครัด จากทีมผู้เชี่ยวชาญกว่า 80 ท่านที่มีประสบการณ์ทั้งในด้านการวิเคราะห์และการลงทุนและคัดเลือกหลักทรัพย์ที่ผ่านการประเมินทั้งด้านปัจจัยพื้นฐานและความยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับหลักทรัพย์ที่มีคะแนนด้าน สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล Socially Responsible Investing (SRI) ที่เหนือกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับธุรกิจในอุตสาหกรรมเดียวกัน ขณะเดียวกันก็จะคัดหลักทรัพย์ที่มีผลการดำเนินงานแย่ที่สุดในกลุ่มออกจากพอร์ตการลงทุน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าการลงทุนทั้งหมดเป็นไปตามมาตรฐานสูงสุดในด้านความยั่งยืน
กองทุน DMAS SRI บริหารโดย อลิอันซ์ โกลบอล อินเวสเตอร์ส ซึ่งเป็นบริษัทจัดการสินทรัพย์ชั้นนำระดับโลกที่มีความเชี่ยวชาญในการลงทุนมุ่งเน้นการเติบโตที่ยั่งยืนมากว่า 20 ปี โดยมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารมูลค่ากว่า 555 พันล้านยูโร มีสำนักงานกว่า 20 ประเทศทั่วโลก พร้อมทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนมากกว่า 600 คน ที่ทำงานร่วมกันเพื่อยกระดับประสบการณ์การลงทุนของลูกค้า ผ่านการร่วมมือเชิงกลยุทธ์ การตอบสนองต่อความต้องการที่หลากหลายด้วยผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ครอบคลุม โดยคำนึงถึงปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล Socially Responsible Investing (SRI) บริษัทได้รับการยอมรับจากผลงานการบริหารสินทรัพย์หลายประเภท (Multi-Asset Strategies) โดยได้รับรางวัลจากองค์กรชั้นนำอย่าง Citywire, BENCHMARK และ Scope Investment อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับการกระจายการลงทุนไปทั่วโลก เพื่อเพิ่มผลตอบแทนระยะยาว เปิดโอกาสให้เข้าถึงการเติบโตของตลาดโลก เพื่อกระจายความเสี่ยง และเพิ่มโอกาสในการสร้างผลลัพธ์ทางการเงินที่มั่นคงและยั่งยืน
“อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต ยืนหยัดในฐานะผู้นำที่ได้รับความไว้วางใจในผลิตภัณฑ์ยูนิต ลิงค์ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ต้องการทั้งการคุ้มครองชีวิตและการลงทุนที่ยั่งยืน เราเชื่อว่าการเปิดตัวกองทุนใหม่ 2 กองทุนในครั้งนี้ จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนระยะยาวที่ดีตามระดับความเสี่ยงที่ลูกค้ารับได้ พร้อมทั้งยกระดับประสบการณ์ความคุ้มครองควบการลงทุนให้กับลูกค้าทุกกลุ่ม บริษัทยังคงมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดและความต้องการของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ด้วยความมุ่งหวังที่จะเป็นทางเลือกแรกของลูกค้าเมื่อมองหาแบบประกันยูนิต ลิงค์ และพิชิตเบี้ยประกันจากผลิตภัณฑ์ยูนิต ลิงค์เติบโตได้ 40% ตามเป้าหมายที่วางไว้” นายวิรงค์ กล่าวทิ้งท้าย
นางพิทยา วรปัญญาสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ได้รับคัดเลือกเป็น 1 ใน 100 “สตรีผู้ทรงอิทธิพลแห่งเอเชีย ประจำปี 2567” และนับเป็น 1 ใน 14 ผู้บริหารหญิงของประเทศไทยที่ได้รับการจัดอันดับอันทรงเกียรตินี้ ซึ่งจัดโดยนิตยสารฟอร์จูน (Fortune Magazine) เพื่อเชิดชูสตรีผู้นิยามความเป็นผู้นำในรูปแบบใหม่ โดยขับเคลื่อนการเติบโตและการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ ความเป็นเลิศทางธุรกิจ โดยพิทยามีปณิธานในการบริหารธุรกิจเคทีซีที่ชัดเจน โดยมุ่งพัฒนาและส่งเสริมความเป็นผู้นำของผู้บริหารรุ่นใหม่ในเคทีซีให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น รวมทั้งเป็นต้นแบบของผู้นำในการสร้างแรงบันดาลใจและทำงานร่วมกับบุคลากรเคทีซีในการขับเคลื่อนองค์กรไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ ตลอดจนให้ความสำคัญในการนำเทคโนโลยีเข้ามาทำงานร่วมกับบุคลากร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสร้างประสบการณ์ที่ดีต่อสมาชิก
บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) รับมอบประกาศเกียรติคุณจากสภากาชาดไทย ในฐานะองค์กรที่ได้ดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคม ด้วยการสนับสนุนการบริจาคโลหิตเป็นประจำทุกปี ในพิธีมอบประกาศเกียรติคุณเข็มที่ระลึกผู้บริจาคโลหิตครบ 36 ครั้งและ 108 ครั้ง ประจำปี พ.ศ. 2558-2565 โดยมีนางสาวจารุวรรณ ลิ้มคุณธรรมโม ผู้บริหารสายบัญชีและการเงิน เป็นผู้แทนในการรับมอบ ณ ห้องแกรนด์ ไดมอนด์ บอลรูม ศูนย์การประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี เมื่อเร็วๆนี้
กรุงเทพประกันชีวิต ตระหนักถึงพลังของการทำความดี และมีส่วนร่วมในการดูแลสังคมด้วยความใส่ใจ จึงรณรงค์ให้พนักงานร่วมบริจาคโลหิตมาอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี พร้อมทั้งยังสนับสนุนให้พนักงานบริจาคโลหิตอย่างสม่ำเสมอทุก 3 เดือน เพื่อให้มีโลหิตสำรองเพื่อใช้ในการรักษาผู้ป่วยตามโรงพยาบาลต่างๆ อย่างเพียงพอ